ควักทุนส่วนตัวเริ่มถ่ายแล้ว"หนังไตรปิฎก"พระผู้ใหญ่ไฟเขียวถ้า "มาร์ค" แอ็กติ้งได้

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ควักทุนส่วนตัวเริ่มถ่ายแล้ว "หนังไตรปิฎก"
พระผู้ใหญ่ไฟเขียวถ้า "มาร์ค" แอ็กติ้งได้</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 กันยายน 2550 17:21 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ทีมผู้สร้างหนังพระไตรปิฎก เตรียมถ่ายไตเติ้ลส่งบทมาร์ค เอ็มไทยแลนด์ให้พระผู้ใหญ่ดู หลังรับได้กรณีภาพหวิว พร้อมแจงหากหนุ่มมาร์คมีบทบาทการแสดงที่ดี ทางพระผู้ใหญ่ไฟเขียวเปิดกล้องได้ ด้านผู้อำนวยการสร้างแจงเงินที่ใช้ถ่ายทำไตเติ้ลนั้นตนใช้เงินส่วนตัวไม่ใช่เงินรับบริจาค คาดหลังถ่ายทำหนังตัวอย่างเสร็จจะให้สื่อและประชาชนตัดสินอีกครั้ง

เดินหน้าถ่ายไตเติ้ลให้พระผู้ใหญ่ได้ดูกันแบบเร่งด่วนแล้ว สำหรับหนังพระไตรปิฎก ที่มีหนุ่ม "มาร์ค สงกรานต์ทัพมณี" รับบทแสดงเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งหลังจากที่ทางมหาเถรสมาคม และมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้มีมติออกมาแล้วว่าไม่ติดใจเรื่องภาพหวิวก่อนหน้านี้ของว่าที่ผู้รับบทพระพุทธเจ้า หากหนุ่มมาร์คมีความสามารถในการแสดงก็ถือว่าไม่มีปัญหาสำหรับบทพระพุทธเจ้า

ด้านผู้อำนวยการสร้างอย่าง "สนั่นพงษ์ สุขดี" เปิดใจถึงกรณีนี้ว่าขณะนี้ทีมงานกำรังเร่งสร้างไตเติ้ลหนังเรื่องนี้เพื่อให้พระผู้ใหญ่ได้ดูพร้อมสื่อมวลชนโดยใช้ทุนส่วนตัว ไม่เกี่ยวเงินบริจาค

"จริงๆ การประชุมของมหามกุฏฯ เสร็จสิ้นไปแล้ว โดยมีพระเทพวิสุทธิกวีนี่แหละครับเป็นประธาน ประเด็นว่าจะรับมาร์คเข้าแสดงหรือไม่ มีข้อพิจารณาอยู่ 2 หลักใหญ่ หลักที่ 1 คือเขาผิดเงื่อนไขในเรื่องของใบสมัครหรือไม่ ที่ถ่ายภาพมาที่ประชุมไม่ได้ติดใจอะไร แต่การรับเป็นผู้แสดงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของมาร์คว่ามาร์คทำได้มั้ย สื่อธรรมะได้มั้ย มากน้อยขนาดไหน ก็เหมือนกับการพิจารณาภาพยนตร์ทั่วๆ ไป"

"ส่วนประเด็นที่ 2 คือผมกำลังให้เขาทดสอบมาร์ค โดยรีบเปิดถ่ายทำภายในวันนี้ ถ่ายให้คณะกรรมการสงฆ์ดูว่ามาร์คเนี่ย สามารถเป็นนักแสดงได้หรือไม่ พอพระท่านบอกผมก็รีบเลย วันนี้เลยจะไปถ่ายที่พุทธมณฑล ความจริงจะถ่ายเป็นไตเติ้ลของภาพยนตร์น่ะครับ เลยเปลี่ยนมาเป็นบทเลยดีกว่า ให้เขาได้เล่น ในซีนนี่เขานั่งใต้ต้นโพธิ์ ใต้กอไผ่ อะไรแบบนี้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เอามาให้คณะสงฆ์ดู เพราะท่านตั้งไว้ 2 ข้อใหญ่ๆ น่ะครับ ถ้าผ่านมาร์คก็ได้เล่น"

"เปิดกล้องปลายเดือนตุลา แต่ที่ถ่ายเนี่ยคือให้ดูความสามารถมาร์คเลยว่าท่านรับได้มั้ย ต้องพิจารณาในส่วนการแสดงด้วย เราก็ต้องทำให้ท่านดู จะได้ดำเนินการไปเร็วๆ เพราะตอนนี้ล่าช้าไปเยอะมาก เพราะการตีความพระไตรปิฎกก็อาจตีความไปคนละอย่าง"

"ส่วนทุนนี่เราออกมาก่อน เราควักออกไปก่อน ทั้งหมดก็ประมาณ 5-6 แสนบาท จ่ายในการทำงานทั้งหมดตรงนี้เพื่อให้มาร์คได้เทสต์เล่นให้พระได้ดู ส่วนยอดผู้บริจาคยังไม่เปิดครับ เราต้องบอกกับสื่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ตอนนี้ก็เร่งถ่ายอยู่ครับแต่ไม่ลวกนะ เราก็ติดปัญหาที่พบอยู่คือดินฟ้าอากาศนี่แหละ ทำให้ล่าช้า"

แม้ว่าจะเจอปํญหาและโดนวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆแง่มุม แต่ทีมผู้สร้างบอกไม่ได้ทำให้กำลังใจถดถอย ยืนยันสร้างหนังเรื่องนี้ต่อไป วอนสังคมมองที่ภาพรวมมากกว่ารายละเอียดปลีกย่อย ก่อนจะถ่ายไตเติ้ลแล้วนำมาให้สื่อและประชาชนได้ตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนจะเผยว่าส่วนตัวแล้วคนสนใจพระไตรปิฎกมากขึ้นก็ภูมิใจแล้ว

"ผมยังสู้เหมือนเดิมครับยังจะคิดทำเหมือนเดิม พระท่านมองว่าพระไตรปิฎกแตะต้องไม่ได้ บางส่วนก็มองว่าพระไตรปิฎก มีไว้เพื่อกราบไหว้ หลายมิติออกไป เราต้องพยายามมากขึ้น กว่าจะได้รับอนุญาต กว่าจะเห็นชอบ พอมาเขียนบทก็เหนื่อยอีก เพราะถ้าเขียนตามพระไตรปิฎกคนก็ไม่อยากดู"

"ถ้าไม่ใส่ก็หาว่าผิดเพี้ยน รื้อไปรื้อมาเรารอบคอบเรามั่นใจว่าพุทธศาสนาเป็นของทุกคน ทำออกมาทุกมิติ งบประมาณ บท นักแสดง เพราะเราไม่ได้หากำไร มันเหมือนวัดจะสร้างอุโบสถนะครับ พระไม่ได้คิดกำไร แต่บริษัทที่รับเหมาก่อสร้างก็ต้องอยู่ในภาวะที่รับได้ ดำเนินการได้ อันนี้ก็เหมือนกัน"

"เราอยากให้ดูภาพที่เขาแสดงออกก่อนว่าอย่างไร จะได้วิจารณ์พร้อมๆ กันว่าอย่างไร ไหวมั้ยแบบนี้ ส่วนตัวผมเองผมอยากให้ดูในภาพรวมเรื่องของความสามารถว่าเขาทำได้มั้ย ทีนี้เรื่องการถ่ายภาพในลักษณะนี้เนี่ย คนรุ่นใหม่ในลักษณะนี้มันควบคุมยาก แต่พอมาอยู่กับเราแล้ว เราค่อยควบคุม ถ้าเขาแหกกฎเราก็คงรับไม่ได้"

"ฟีดแบ็กผมมองในมุมที่ดีนะ ตรงว่าคนพูดเรื่องพระไตรปิฎกมากขึ้น มีคนห่วงใยพระพุทธศาสนามากขึ้น สิ่งนี้แค่คนพูดว่าพระไตรปิฎกคืออะไรก็ภาคภูมิใจแล้วครับ เพราะว่าเมื่อก่อนคนพูดเรื่องศาสนาก็แค่ไปวัด ไปเวียนเทียน ออกพรรษา เข้าพรรษา พอข่าวนี้ออกไป คนสนใจว่าไตรปิฎกคืออะไร สาระคืออะไรมากขึ้น เหมาะสมไม่เหมาะสมก็แยกเป็นอีกประเด็น แค่เขาอยากรู้นี่ก็ดีแล้ว ภูมิใจแล้ว"

ส่วนปัญหาในการเขียนบทหนังเรื่องนี้นั้นคาดไม่มีปัญหา มั่นใจใส่สีสันที่ลงตัวได้ แต่ยอมรับยากในเรื่องของการใส่ความบันเทิงลงไปในหนัง..."ผมว่าไม่น่ามีปัญหาเรื่องบทน่ะ ผมควบคุมได้ เราใส่สีสันได้ การเขียนบทคงไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าที่มันช้าเนี่ยเราควรจะใส่บันเทิงแบบไหน เพราะว่าเราต้องเจรจาแบบภาษาธรรมะ ไม่ใช่ภาษาตลาด"

ส่วนหนุ่มมาร์คนั้น ผู้อำนวยการสร้างยืนยันไม่มีปัญหาใดๆ ยินดีรับบทใดก็ได้ในเรื่องเพราะตั้งใจมาช่วยโครงการนี้อยู่แล้ว
"ตัวมาร์คเองเขารับได้หมด เขาบอกว่าไม่ว่าจะได้เล่นหรือไม่ได้เล่น หรือจะให้เล่นบทไหนก็ได้ เขาบอกว่าเขามาช่วยโครงการพระไตรปิฎกไม่ต้องมาหนักใจกับเขา ถึงแม้เขาว่าไม่ได้เล่นเขาก็ไม่เรียกร้องค่าเสียหาย เราไม่ต้องรับผิดชอบตรงนั้น เขาบอกว่าเขามาช่วย ไม่ได้มาสร้างภาระอะไรให้เลย"
..........
พระรับได้ "มาร์ค" หวิว ส่วนหนังจะสร้าง/ไม่สร้าง อยู่ที่ทีมงาน

ว่าที่พระพุทธเจ้า "มาร์ค" เปิดใจข่าวเกย์ บอกเรื่องส่วนตัว