เรื่องนี้เอามาจากเวป Alien Memories and Dreams
ซึ่งจากเวปนี้ก็เอาเนื้อหามาจากเวปนี้อีกที
Alien Memories and Dreams และ Alien Dreams and Memories II
เรื่องนี้มีสองภาค แต่จะเอามาโพสรวมกัน
เรื่องนี้เนื้อหาคร่าวๆ ก็คือคนที่ชื่อ Brad Steiger ที่เป็นคนเขียนบทความนี้ให้แก่ UFO digest เนี่ย ได้ทำแบบสอบถามขึ้นมาเกี่ยวกับประสบการณ์ที่เคยเจอเกี่ยวกับเรื่องลึกลับ แล้วก็ได้พบว่าคนที่ทำแบบสอบถามเนี่ยมีคนที่อ้างว่ามีความฝันหรือความทรงจำสมัยที่ยังเป็นเอเลี่ยนหรือมนุษย์ต่างดาวอยู่ ซึ่งก็มีหลายคนเหมือนกัน Brad Steiger เห็นว่าเรื่องนี้มันน่าสนใจก็เลยเอามาเขียนเป็นบทความ ซึ่งเดี๋ยวก็จะเอาแบบสอบถามกับผลจากแบบสอบถามเอามาให้ดูกันด้วย
เรามาเริ่มกันเลย
<hr>
Brad Steiger เป็นนักเขียนหนังสือ/ผู้ร่วมเขียน ที่มีเขียนหนังสือมากว่า 154 เรื่องและมีตีพิมพ์ไปแล้วมากกว่า 17 ล้านเล่ม บทความชิ้นแรกได้รับตีพิมพ์เป็นบทความเกี่ยวกับการปรากฏมาที่ไม่สามารถอธิบายได้ในปี 1956 และเขาก็ได้เขียนบทความมากว่าสองพันชิ้นซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ ตั้งแต่ปี 1970-73 บทความในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่เขาได้ที่ชื่อว่า The Strange World of Brad Steiger ได้นำเอาไปตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ กว่าแปดสิบฉบับจากบอมเบย์ไปจนถึงโตเกียว
เขาเกิดใน Fort Dodge, lowa ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1936 ได้แต่งงานกับ Sherry Hansen Steiger มีลูกชายสองคน ลูกสาวสามคนและหลาน 5 คน
เยี่ยมชมเวปของ Brad Steiger ได้ที่ Brad Steiger and Sherry Hansen Steiger
Part 1
26 มีนาคม 2008
ในปี 1967 ผมได้ทำแบบสอบถามที่ทำเพื่อหารูปแบบของสิ่งเหนือธรรมชาติที่แต่ละคนพบเจอ, สิ่งลึกลับ, และแรงบัลดาลใจทางจิตวิญญาณที่บันดาลใจผู้ชายและผู้หญิง
ยอมรับว่าในตอนแรกผมได้ใช้คำถามเป็นแค่ตัวชี้นำในการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างแบบตัวต่อตัวเท่านั้น
มันเป็นคำถามที่พื้นๆ มากอย่างเช่น
"อายุเท่าไหร่ที่คุณเริ่มมีความสามารถในการเป็นคนทรง?"
"คุณมีประสบการณ์เกี่ยวกับ telepathy(โทรจิต) หรือ clairvoyance(ตาทิพย์) บ่อยแค่ไหน?"
"คุณเชื่อว่าคุณมีวิญญาณที่คอยชี้นำทางคุณอยู่หรือเปล่า?"
ในตอนประมาณปี 1969 คนถูกสัมภาษณ์หลายคนได้ทำให้ผมประหลาดใจว่าเขาเหล่านั้นไม่ได้ตอบคำถามอย่างต่อเนื่องตามลำดับที่วางไว้แต่ว่าได้พูดอย่างคล่องแคล่วถึงความฝันหรือความทรงจำของพวกเขาเกี่ยวกับการมายังโลกจากดาวดวงอื่น บางคนเห็นตัวพวกเขาเองเดินทางมายังโลกด้วยสิ่งที่เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ มีคนอื่นๆ ที่รับรู้ว่าตัวพวกเขาเองเป็นผู้รอดตายหาที่อพยพจากสงครามทำลายล้างระหว่างดวงดาว และก็ยังมีคนที่บอกว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งแสง, เคลื่อนที่ผ่านอวกาศ, มายังโลกและได้รับรูปร่างทางกายภาพ
ในปี 1972 Steiger Questionnaire of UFO, Paranormal, and Mystical Experiences(แบบสอบถามของ Steiger ที่เกี่ยวกับ UFO, สิ่งเหนือธรรมชาติ, และประสบการณ์ลึกลับ) ได้เพิ่มคำถามเข้าไป และก็มีจำนวนคนที่พูดถึงฉากความทรงจำหรือความฝันว่ามาจากนอกโลกหรือมิติอื่นมากขึ้น ในปี 1987 ผมได้รวมแบบสอบถามเข้ากับงานวิจัยของ Sherry Hansen ผู้ซึ่งในปี 1970 ได้ทำลิสคำถามคล้ายๆ กันนี้เหมือนกัน
หลังจากที่พวกเราได้มาร่วมวิจัยกันก็ได้แต่งงานกันและระหว่างที่พวกเราเป็นผู้เขียนหนังสือและผู้ร่วมเขียน หลายๆ เล่มในหลายๆ เรื่อง พวกเราก็ยังได้รับ email มาเรื่อยๆ เกี่ยวกับความฝันและความทรงจำที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวจากชายและหญิงนับร้อย พวกเรายังคงเก็บสถิติของข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถามที่ทำไป
ในปี 2008 ผู้คนจำนวนมากกว่าสี่หมื่นคนจากทั่วโลกได้เข้าร่วมแบบสอบถาม Steiger Questionnaire of UFO, Paranormal, and Mystical Experiences และผลที่ได้มา
ในจำนวนนั้น
59% มีความฝันหรือความทรงจำที่เกี่ยวกับการเห็นเมืองหรือดาวที่ทำด้วยคริสตัล
69% มีความฝันหรือความทรงจำอันแจ่มชัดที่พวกเขาอยู่ในยานอวกาศและมองมายังโลกในมุมที่ห่างจากโลก
54% รับรู้ว่าตัวพวกเขาเองในความฝันหรือความทรงจำพวกเขาเป็นลูกเรือของ UFO
43% บอกว่าพวกเขามีความฝันหรือความทรงจำว่าพวกเขามายังโลกในสถานะสิ่งมีชีวิตแห่งแสง
44% มีความฝันว่าพวกเขาขึ้นยาน UFO เพื่อรับฟังข้อแนะนำและคำปรึกษา
85% เชื่อว่าพวกเขาเคยมีชีวิตอยู่ก่อนหน้าที่จะอยู่บนโลกบนดาวดวงอื่นหรือในมิติอื่น
53% มีประสบการณ์ฝันหรือความทรงจำว่าพวกเขาเห็นโลกในช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์
ความทรงจำและความฝันเอเลี่ยน
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย zipper, 4 มกราคม 2012.
-
เพื่อจุดประสงค์ในการวิจัยและพิจารณา พวกเราได้แบ่งกลุ่มของผู้ถูกสัมภาษณ์เป็นสี่กลุ่มดังนี้
1. the “Refugees”(ผู้อพยพ)
2. the “Utopians”(ชาวยูโทเปีย)
3. the “Energy Essences” (กลุ่มพลังงาน)
4. “The Helpers”(ผู้ช่วยเหลือ)
Refugee Alien scenario มาจากชายและหญิงที่บอกว่ามีความทรงจำว่ามายังโลกหลังจากที่พวกเขาหนีออกมาจากดาวของพวกเขาเพราะว่าสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่หรือภัยธรรมชาติครั้งรุนแรง
ในบางกรณี พวกเขาดูเหมือนระลึกได้ว่ามายังดาวเคราะห์นี้เพราะว่าภารกิจลาดตระเวนและเกิดอุบัติเหตุยานตกลงมาที่นี่ ไม่ว่าอะไรก็ตามเอเลี่ยนเหล่านั้นตกค้างที่โลกไม่สามารถกลับดาวตัวเองได้ พวกเขาบอกว่าตัวพวกเขานั้นมีรูปร่างเหมือนมนุษย์
กลุ่ม Utopians ดูเหมือนว่าจะเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในท่ามกลางผู้ถูกสัมภาษณ์ พวกเขาเป็นชาวโคโลนี่ที่สร้างโดมอวกาศในที่ที่พวกเขาเดินทางไปเพื่อเป็นความทรงจำแด่ lifestyle(ชีวิตความเป็นอยู่) ในดาวเคราะห์แม่ของพวกเขา พวกเขามีหัวใหญ่คล้ายโดมเพราะว่ามีสมองใหญ่และรูปร่างดูคล้ายๆ กับ Homo sapiens.
พวกเราใช้คำว่าชาวยูโทเปีย(Utopians) เพราะว่าโครงสร้างทางสังคมและการเมืองที่อธิบายมามันดูสมบูรณ์แบบเหมือนในสังคมในอุดมคติ
Energy Essences (กลุ่มพลังงาน) เป็นกลุ่มที่แปลกที่สุด ผู้ถูกสัมภาษณ์บอกว่าเป็นกลุ่มของพลังงานบริสุทธิ์ที่ไม่มีร่างกาย เหมือนกับว่าเป็นกลุ่มพลังงานของ mind/spirit ที่สามารถอยู่ได้แม้ในที่ที่ไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัย, ดาวเคราะห์ที่แห้งแล้งหรือแม้กระทั่งในที่ว่างในตัวมันเอง
ในความคิดเห็นของพวกเรา พลังงานเหล่านี้ไม่ใช่เทวดา ในหลายๆ กรณีพลังงานเหล่านี้ลอยอย่างไร้จุดหมายในอวกาศ ในขณะที่บางกลุ่มก็มุ่งไปยังดาวเคราะห์ด้วยมุ่งหมายว่าต้องการไปอยู่อาศัยโดยมีร่างทางกายภาพ -
พวกเราได้ข้อมูลมามากเกี่ยวกับพวก Utopians พวกเราได้ยินถึงดาวเคราะห์ที่มีท้องฟ้าสีแดงและมีดวงจันทร์สองดวง เมืองและบ้านของแต่ละคนได้อธิบายไว้ว่าเป็นคริสตัลหรือวัสดุอย่างอื่นที่มีคุณสมบัติอย่างคริสตัล ในหลายๆ ส่วนในสิ่งก่อสร้างดูโปร่งแสงและพวกเราก็ยังได้ยินถึงคำอธิบายว่ามีแสงอาทิตย์สะท้อนออกมาที่ยอดของตึกและหอคอยอีกด้วย พวกเราได้ยินมาบ่อยๆ ถึงเมืองที่อยู่ในโดม
สิ่งที่พวก Utopians เป็นกันคือการแสดงออกถึงการอาลัยอาวรณ์ต่อบ้านเมืองที่จากมา เมืองของพวกเขาดูจะเป็นเหมือนประชาธิปไตยในอุดมคติ ชาวเมืองมีความสุขกับอิสระเสรีโดยปราศจากสิ่งเลวร้ายที่เกิดจากความเจริญอย่างเช่น อาชญากรรม, คนอดอาหาร และความยากจน
การอยู่อาศัยเป็นกลุ่มครอบครัวที่อยู่ร่วมกันแค่พ่อ แม่ ลูกอย่างที่พวกเรารู้จักกันนั้นดูแล้วในสภาพสังคมของพวกเขาจะไม่มี เขาอยู่อาศัยแบบคอมมูนมากกว่าแม้ว่าแต่ละคนจะมีพื้นที่ที่เป็นของตัวเองและความเป็นส่วนตัว
ผู้ถูกสัมภาษณ์จำนวนมากบอกว่า Utopians กินมากเท่าที่จำเป็น อาหารส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่เข้มข้นที่เอามาผสมกันหลายๆ อย่างดูคล้ายซุป วัฒนธรรมการกินดูจะกินผักกันไม่มีการกินเนื้อสัตว์เลย
พวก Utopians จำนวนมากระลึกได้ว่าพวกเขานั้นมีรูปร่าง ผอมบาง, เตี้ย, มีหัวใหญ่คล้ายโดม แม้ว่าพวกเขามีขนน้อยและไม่มีหนวดหรือเคราแต่พวกเขาก็บอกว่ามีผมและขนตายาวสีทองและ ผิวของพวกเขาเป็นสีทองน้ำตาลและตาก็เป็นสีเดียวกัน
ดนตรีดูจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งในวัฒนธรรมของพวกเขาและพวกเขาก็บอกว่าโดยพื้นฐานแล้วมัน free form ไม่มี repetitive sound(เสียงดนตรีที่เล่นวนซ้ำไปเรื่อยๆ) ซึ่งบ่อยครั้งก็กลายมาเป็นส่วนนึงในความคิด -
ตรงกันข้ามกับชีวิตที่สงบสุขและสุภาพของพวก Utopians ความทรงจำและความฝันของพวก Refugees นั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงจากสงครามกลางเมือง, เมืองที่ถูกเผา, หายนะที่เกิดไปทั่วดาวเคราะห์ หลายๆ คนบอกว่าพวกเขาหนีมาจากดาวเคราะห์ก่อนที่มันจะระเบิด
เนื่องจากเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากลำบาก ดาวเคราะห์ที่กำลังจะตายทำให้นึกไปถึงเรื่องของแอสแลนติสที่เป็นตำนานอันโด่งดังที่พวกเราคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าความทรงจำเหล่านั้นอาจจะเป็นความทรงจำที่ดึงมาจากความทรงจำที่ฝังลึกลงไปใน collective unconscious(จิตใต้สำนึกรวมหมู่)ของมนุษยชาติแทนไม่ได้เกิดในดาวเคราะห์ดวงอื่น
แม้ว่าพวก Refugees จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมของพวกเขาน้อยมากเมื่อเทียบกับพวก Utopians พวกเราก็ยังมีพบถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ต่อต้านแรงโน้มถ่วง, การรักษามะเร็ง, สารทนไฟ และเทคโนโลยีอื่นๆ ของเทคโนโลยีอันก้าวหน้าของพวกเขา
ความทรงจำส่วนมากของพวกเขาเต็มไปด้วยความคิดที่จะเอาตัวรอดและแผนในการอพยพหนีออกมาจากโลกที่พินาศ พวกเราได้ทำการถามคำถามมากมายกับคนที่ดูเหมือนว่ามีชีวิตในช่วงนั้นเป็นพระแต่พวกเขาก็จำได้แต่สิ่งก่อสร้างที่พังทลายมากกว่าพิธีกรรมของพวกเขาในแต่ละวัน
การย้อนอดีตของพวก Refugees จำนวนมากจะเป็นคำอธิบายทางกราฟฟิคเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวเคราะห์ของพวกเขาถูกแยกออกจากกันด้วยแรงระเบิดและผู้คนจำนวนมากล้มตายลง พวกเรายังได้ยินว่ามียานบินของพวกเขาตกลงบนพื้นโลกหรือดาวเคราะห์ดวงอื่นอันเนื่องมาจากว่ายานเสียหายจากสงครามทำให้การลงจอดไม่สามารถทำได้อย่างเหมาะสม -
ในปี 1979 พวกเราเริ่มได้ข้อมูลมากขึ้นจากผู้ที่ตอบแบบสอบถามว่าพวกเขามายังโลกเพราะว่ากลับชาติมาเกิดด้วยจุดประสงค์อย่างเร่งด่วนเพระว่าเป็นส่วนนึงของภารกิจที่ถูกขยายเวลาออกไปในการที่จะยกระดับจิตสำนึกของมนุษยชาติ ซึ่งพวกเราตั้งชื่อให้คนกลุ่มนี้ว่า Helpers
นี่เป็นส่วนนึงของรายงานที่ส่งมาหาเราโดย A.M. ผู้เป็นครูในโรงเรียนจาก Colorado
ในความฝัน ผมอยู่สถานที่ที่สว่างจ้า(แต่ไม่แสบตา) “being(สิ่งมีชีวิต)” อื่นๆ ก็อยู่ที่นี้ด้วย มันดูเหมือนว่าพวกเราอยู่สิ่งที่กว้างและกลมซึ่งลอยอยู่เหนือโลกไม่ไกลนัก ผมเห็นช่องทางเอียงซึ่งลงไปยังข้างล่าง และผมซึ่งเข้าใจว่าผมจะต้องลงไปทางข้างล่างนี้
ความรู้สึกของผมที่จะต้องลงไปนั้นไม่ได้รู้สึกสนุกแต่รู้สึกเหมือนว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ มันดูเป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์ ความรู้สึกสุดท้ายคือรู้สึกว่าลงมาข้างล่าง....มายังโลก
มันไม่มีความรู้สึกว่าถูกคุกคามหรืออันตรายแต่อย่างใด แต่ก็มีความรู้สึกเศร้าๆ อยู่บ้างที่ต้องแยกจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ความฝันจบลง แต่ภาพฝันนั้นยังคงจำได้
ผู้หญิงซึ่งทำงานเป็นเลขานุการในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน California บอกพวกเราว่าเธอ"จำได้"ว่าเธออาสาสมัครที่จะลงมายังโลก หน้าที่ของเธอคือเป็นหนึ่งในกลุ่มของที่ปรึกษาผู้ซึ่งคอยช่วยโลกในการยกระดับทางจิตวิญญาณ บนดาวเคราะห์ของเธอที่เธอจากมานั้นเธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการนำเอาแสงมาใช้เป็นพลังงาน
สอดคล้องกับความทรงจำเอเลี่ยนของเธอ ประสบการณ์การมีชีวิตครั้งแรกของเธอบนโลกนั้นเกิดขึ้นที่ Yucatan ที่ซึ่งเธอบอกว่าเธอเป็นผู้พยากรณ์และที่นั่นเธอได้มีประสบการณ์กับยากล่อมประสาทที่คิดขึ้นอย่างระมัดระวังที่ทำให้ชาวพื้นเมืองสามารถที่จะทำโทรจิตในระยะใกล้กับเธอได้
Jay จาก Ontario ซึ่งเป็น Ph.D. ใน Educational Psychology และความเชื่อที่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเกิดบนโลกนี้
ผมอาสาที่จะมาทำภารกิจนี้ซึ่งตอนนี้ใกล้ที่จะจบ phase แรกแล้ว ผมเข้าใจว่าภารกิจของผมคือการค้นพบและพัฒนาความสามารถที่จะช่วยเหลือเพื่อนๆ ชาวมนุษย์ไม่ว่าพวกเขาจะเป็น homo sapiens หรือ homo astrolis[ดูเหมือนคำนี้เป็นคำที่ Brad Steiger ใช้อ้างถึงพวก Star People คือคนที่มาเกิดบนโลกมนุษย์โดยที่ไม่ได้เป็นชาวโลก] ก็ตาม
ผมยังเข้าใจว่าผมได้ปริศนามาสองส่วนจากสามส่วน
ส่วนแรกเกี่ยวข้องกับความสำคัญของสิ่งพื้นฐานในวิธีการที่พวกเราใช้รับรู้ความเป็นจริง การรับรู้เหล่านี้กระบวนการของมันที่พวกเราโดยมากไม่ได้ตระหนัก สามารถที่จะช่วยเราก้าวหน้าหรือทำให้เราโง่ลงได้ขึ้นกับว่าพวกเขาได้เห็นเส้นทางความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมาหรือว่าเห็นสิ่งที่ปิดบังเส้นทางความจริงไว้
ส่วนที่สองเกี่ยวกับวิธีการที่พวกเราประยุกต์ใช้การรับรู้ของเราเป็นการทำให้คนอื่นหรือพวกเราเองรู้สึกดีขึ้นหรือแย่ลง การจะทำได้มันต้องใช้ทักษะเนื่องจากว่าการทำให้แย่ลงมันมักจะโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผมได้แต่เดาว่า ณ จุดนี้ ส่วนที่สามนั้น ผมได้บอกถึงการทำงานของสองส่วนแรกไปแล้ว เมื่อเข้าใจถึงรายละเอียดเมื่อนั้นส่วนที่สามจะมา เมื่อส่วนที่สามมาแล้วห่วงโซ่ทองคำก็จะสมบูรณ์และหน้าต่างก็จะเปิดออกมา
ผู้ถูกสัมภาษณ์อีกคนจาก Ontario เป็นผู้ชายอายุสามสิบสองปี ระบุว่าเขาสามารถระลึกชาติถึงห้าชาติที่ผ่านมาบนโลกนี้ได้ และแต่ละชาตินั้นเขาทำหน้าที่เป็นจุดติดต่อสำหรับหนุษย์ต่างดาว
บนดาวเคราะห์ที่ผมเคยอยู่ ผมเป็นผู้แปลฝัน ผมได้ถูกส่งมายังโลกเพื่อเตรียมตัวชาวให้พร้อมสำหรับการติดต่อกับ UFO ที่จะมาถึงในระดับโลก
บนดาวเคราะห์ที่ผมเคยอยู่นั้นผมอยู่ในเมืองแห่งแสงที่มีตึกสิ่งก่อสร้างต่างๆ เป็นคริสตัล ทุกๆ ที่นั้นเต็มไปด้วยความสงบสุขและความสมดุลย์ ผมใช้ความฝันในการแปลความถึงปัญหาสุขภาพที่จะมาถึงและช่วยเหลือผู้คนให้เข้าใจตัวเขาเองดีขึ้น พวกเราได้เอาชนะความเจ็บปวดทั้งหลายโดยความสามารถทางจิตของเราและสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นของขวัญที่วันนึงเราจะมอบให้กับมวลมนุษยชาติ -
น่าสนใจว่าพวกเราได้ยินเรื่องราวจากผู้คนของชนเผ่าอินเดียแดงในอเมริกาผู้ซึ่งดูจะเหมาะกับกลุ่มที่สี่ที่เป็นพวกรับหน้าที่จากเอเลี่ยนในการยกระดับความรับรู้ของโลก
นักฟิสิกส์ผู้ซึ่งเป็นชาวอินเดียแดงเผ่า Cherokee ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ใน Alabama ไม่เพียงแต่จะสามารถระลึกถึงชาติที่ผ่านมาที่เคยอยู่ใน Pleiades แต่เขายังสามารถจะนำเอาเรื่องเล่าตำนานในเผ่ามาแมทซ์เข้ากับความทรงจำเอเลี่ยนเข้าไว้ด้วยกันได้ว่าผู้คนของเผ่านั้นมาจากอีกโลกนึง
พวกเราอาศัยอยู่ในเมืองที่มีโดมที่มีกำแพงใส พวกเราสามารถบินได้, สื่อสารกับสัตว์ได้, และสามารถเคลื่อนย้ายตัวพวกเราเองไปอีกอีกฝากนึงของโลกได้ในทันที
ผมเปรียบเทียบเมืองของเราว่าเป็นสีทอง คือเป็นสถานที่ที่สวยงามมากและสงบ
ผมมายังโลกพร้อมกับคนอื่นๆ จากดาวดวงนั้นเพื่อมาทำให้โลกผ่านจุดเกิดที่แสนเจ็บปวดเพื่อไปเป็นส่วนนึงของประชาคมกาแลคซี่และเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเราเป็นสมาชิกของกลุ่มพระในอียิปต์สมัยก่อน พวกเราเป็นนักเคมีในยุคกลาง พวกเราเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักบวชในโลกสมัยใหม่
ผู้หญิงที่ชื่อ Monica ระลึกได้ว่าเธอเคยเป็นนักวิทยาศาสตร์จากโลกอื่นผู้ซึ่งมาเข้าร่วมการสร้างโครงร่างขั้นต้นของสิ่งมีชีวิตที่จะเป็นมนุษย์ในปัจจุบัน [Homo sapiens]ครั้งแรกของโลกนี้
ในการทำงานทางวิทยาศาสตร์ที่เธอทำ สิ่งที่เธอทำคือเธอได้ทำสิ่งที่ทารุณและไม่สนใจในความรู้สึกของสิ่งสร้างเหล่านี้
แต่บางสิ่งได้เกิดขึ้น วันนึงเธอตระหนักได้ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีความรู้สึก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตัวนึงได้จับมือเธอไว้และสัมผัสลูบคลึงมือของเธอ Monica ตระหนักว่าแม้ว่าคนคนหนึ่งจะมีความรู้ในการสร้างสิ่งมีชีวิตแต่ก็ไม่ใช่ว่าคนคนนั้นจะมีสิทธิทำอะไรกับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอย่างไรก็ได้
นักทำงานเพื่อสังคมชาว Massachusetts คนหนึ่งบอกพวกเราว่าเธอระลึกได้ถึงช่วงที่มีชีวิตอยู่บนดาวดวงนึงที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในดาวดวงนั้นมีรูปร่างเหมือนมนุษย์โลก พูดภาษาที่เรียกว่าภาษา Sumer และส่งทูตมายังโลกเพื่อที่จะมาออกแบบปิรามิดเพื่อเป็นเครื่องส่งสัญญาณของระบบพลังงานที่เรียกว่า Usan
เธอมาบอกพวกเราว่าเธอจำได้ว่าเธอถูกส่งมายังโลกโดย "Council of Twelve"
ตามความทรงจำของเธอเธอบอกว่า
พวกเรามีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างปาฏิหารย์ที่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์เก่าช่วงที่ชาวอิสราเอลอพยพออกมาจากอียิปต์ พวกเราได้แยกน้ำทะเลออกเป็นทางให้เดินไป ยานของพวกเราสร้างเสาไฟและเสาควันที่เป็นตัวคอยนำทางชาวอิสราเอล พวกเราได้สร้างมานนาให้หล่นจากท้องฟ้าเพื่อให้ชนเผ่าที่เร่ร่อน(อิสราเอล)กิน และพวกเราก็ได้ระบุตำแหน่งที่มีน้ำเพื่อให้พวกเขาได้ดื่มกิน, แยกพื้นดินเพื่อสร้างบ่อน้ำ
ที่ปรึกษาทางอุตสาหกรรมอายุ 43 ปีจาก Arkansas ระลึกถึงความทรงจำอันแจ่มชัดได้ว่าเคยเป็น "นักวิศวกรยานอวกาศ" มาก่อน ผู้ซึ่งขึ้นยานมาแล้วเกิดอุบัติเหตุตกมายังโลกในระหว่างการเก็บวัตถุดิบเพื่อนำมาใช้ในทางอุตสาหกรรม
ระบบล้มเหลวโดยสิ้นเชิงและนักบินพยายามควบคุมยานอย่างยากลำบาก ระบบขับเคลื่อนเสียหายเป็นส่วนใหญ่และพวกเราเตรียมตัวที่จะตายในวินาทีที่ตกกระแทก ผมอ่านข้อมูลต่างๆ จากตัวยานอย่างคนบ้าและเมื่อผมมองออกไปผ่านหน้าต่างใต้ท้องยาน ผมก็เห็นผิวโลกวิ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
หลังจากที่ยานตกลงมาที่ซึ่งตอนนี้เป็นยุโรปเหนือ พวกเราพบว่านักบินสามารถบังคับยานให้ลงมาได้โดยให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด แต่มันก็เป็นเรื่องเศร้าแม้ว่าลูกเรือที่เป็นวิศวกรได้ใช้เวลาทำการซ่อมแซมเป็นแรมเดือน พวกเราก็ไม่สามารถออกสู่อวกาศได้อีก พวกเราไม่สามารถแม้ว่าจะส่งสัญญาณฉุกเฉินที่แรงพอที่จะขอความช่วยเหลือได้
ผมตายในพื้นที่ที่เรียกว่าเยอรมัน ณ ปัจจุบันนี้ และผมได้อาศัยอยู่บนโลกนี้หลายชาติภพกว่าจะถึงชาติปัจจุบัน ผมรู้สึกว่าผมติดอยู่ที่นี่ไม่สามารถไปไหนได้ ผมยังรู้สึกที่อยากจะกลับไปยังบ้านเกิดของผม -
มีการคาดคะเนถึงกลุ่มคนผู้ชายและผู้หญิงที่อ้างว่ามีความทรงจำเอเลี่ยนและมีความฝันถึงจุดกำเนิดจากต่างดาวไว้ว่า
คนกลุ่มนี้เพราะว่ามีความฉลาดมากและความรู้สึกที่ไวมาก จึงไม่ยอมรับที่จะเกี่ยวโยงกับโลกเพราะว่ามีความไม่สมบูรณ์และมีปมด้อยซึ่งพวกเขาก็ได้เห็นตัวอย่างจากผู้คนรอบๆ ตัวเขาหรือเปล่า?
กระบวนการในการเชื่อว่าคนคนนึงเป็นเชื้อสายเอเลี่ยนทำให้คนคนนั้นมีเป้าหมายในการรับมือกับปัญหาที่มีมากมายซึ่งรบกวนความรู้สึกดีๆ และความห่วงใยในตอนเช้าของแต่ละวัน?
Dr. Leo Sprinkle ผู้เป็น director ของ counseling services ที่ University of Wyoming และเป็นผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับ UFO ได้บอกว่าเขาก็ได้พบกับคนที่อ้างว่ามีประสบการณ์, ความทรงจำ, และความฝันเกี่ยวกับช่วงก่อนที่จะมาอยู่บนโลกบนดาวดวงอื่นเหมือนกัน
"แม้ว่าพวกเราจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง" Dr. Sprinkle ยอมรับ "ผมเชื่อว่ามันมีความเป็นไปได้ที่บางคนเคยเป็นเอเลี่ยนมาก่อน ความเป็นไปได้อื่นก็คือว่าความทรงจำเหล่านี้ได้ถูกปลูกฝังมาก่อนเพื่อที่จะเตรียมพร้อมที่จะมาเกิดยังโลก"
ศาสดาจารย์ Sprinkle ก็บอกว่าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับท้องฟ้าสีแดงและมีดวงจันทร์สองดวงจากคนไข้หลายๆ คนเหมือนกัน และเขาบอกว่ายังเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเมืองที่เป็นผลึกและตึกที่โปร่งแสง
ถึงแม้จะมีความระมัดระวังในด้านวิชาการ Dr. Sprinkle ก็ยังมีความมั่นใจในการวิจัยที่จะระบุว่า
"ความทรงจำเหล่านี้ชัดเจนและทรงพลัง และผมเชื่อว่าคนเหล่านี้มีความบริสุทธิ์ใจในการพูดว่าเคยเห็นสิ่งเหล่านี้ในชาติที่ผ่านมา ผมเคยเจอผู้หญิงคนนึงที่มีความรู้สึกโกรธอยู่ตลอดเวลา เธอรู้สึกว่าเธอติดค้างอยู่ในโลกและเธอต้องการที่จะออกจากดาวดวงนี้เพื่อที่จะกลับไปยังบ้าน"
Dr. Sprinkle ต้องการที่จะบอกว่าผู้คนจำนวนมากผู้ซึ่งระลึกถึงชาติก่อนๆ ได้บอกว่าพวกเขาเป็นส่วนนึงของระบบที่ใหญ่มาก และเป็นส่วนนึงของคำสั่งที่สั่งการไปยังผู้คนจำนวนมาก Dr. Spinkle มีความคิดเห็นว่าพวกเราควรจะพิจารณาแผลทางใจของความทรงจำที่เป็นเอเลี่ยนจากมุมมองหลายๆ มุม
ถ้าเราไม่ชอบข้อสันนิษฐานที่ว่าพวกเราเป็นเมล็ดพันธุ์ของมนุษย์ต่างดาว พวกเราก็ยังคงรับข้อสันนิษฐานที่่ว่าบางคน - จิตใต้สำนึกของเราเอง, พระเจ้า, สิ่งมีชีวิตที่สูงส่งกว่า, บางคน - กำลังส่งเสริมพวกเราให้นึกถึงการเดินทางข้ามอวกาศ พวกเราอาจจะอยู่ในกระบวนการการโปรแกรมทางจิตโดยสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่จะนำทางพวกเราเพื่อที่ว่าอนาคตของเด็กๆ ของพวกเราหรือหลานของเราจะสามารถเดินทางไปยังโลกอื่นได้ -
Linda, เป็นพยาบาลผู้ซึ่งละทิ้งแนวทางของแพทย์แผนปัจจุบันไปเป็นผู้รักษาทางจิตวิญญาณ เล่าถึงประสบการณ์ที่เธอเจอว่า
ความทรงจำแรกๆ ของฉันอยู่ที่ตอนอายุ 5 ขวบ ฉันอยู่ในบ้านที่ชนบท มันมีบางสิ่งเกิดขึ้นซึ่งฉันไม่เคยลืม ด้วยเหตุผลนั้นฉันจึงหัวเสียอยู่เสมอ ฉันจำได้ว่ายืนอยู่บนยอดของสไลเดอร์ของฉัน มองขึ้นไปยังท้องฟ้าตอนกลางคืน ฉันเหมือนกับเป็นฮีสทีเรียเมื่อฉันมองไปยังอวกาศ ฉันจำได้ว่าฉันตะโกนออกไปพร้อมกับน้ำตาว่า
"กลับมา, ได้โปรด! อย่าทิ้งฉันไว้กับพวกคนป่าเหล่านี้เลย ทำไมฉันต้องถูกลงโทษด้วย นี่ไม่ใช่บ้านของฉัน นี่ไม่ใช่ผู้คนของฉัน!"
ฉันจำได้ว่าผู้คนของฉันทิ้งฉันไว้ โลกของฉันคือดาว Orion
โชคดีที่สามีของ Linda มีความสนใจในสิ่งที่เธอเชื่อ
เขารู้และเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าฉันเป็นเอเลี่ยน ฉันได้บอกเขาถึงชาติที่ผ่านมาของฉันบนโลกนี้และชีวิตของฉันในดาวดวงอื่น
ฉันได้พบผู้คนไม่กี่คน...ที่เหมือนฉันแต่มีแค่คนเดียวที่ยังติดต่อกันอยู่ ส่วนคนที่เหลือดูเป็นการยากที่จะจัดการกับความทรงจำเกี่ยวกับบ้านที่แท้จริงของเราของพวกเขา
Linda ยังได้เขียนกลอน ที่ซึ่งแสดงออกถึงหลายๆ ความรู้สึกที่เป็นเอเลี่ยนที่มาอาศัยอยู่บนโลก
ฉันจำเรื่องราวได้เหมือนว่ามันเป็นเมื่อวาน
ยานสามลำเคลื่อนมายังโลก - ลำนึงถูกเผาเมื่อเข้ามายังบรรยากาศโลก, คนของเราตาย
พวกเขาเป็นพวกที่โชคดี?
เดินทางเป็นแรมปีมาเพื่อช่วยเหลือโลกของพวกเรา
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงมาที่นี่
พวกเราบางคนถูกทิ้งไว้ แต่พวกเราก็ใกล้แล้ว ใกล้ที่จะบรรลุภารกิจของพวกเรา...
...หัวใจของฉันร้องไห้สำหรับผู้คนเหล่านี้และสำหรับโลกนี้ เพราะว่ายังมีความทุกร์ทรมาณอีกมากที่ต้องผ่านไป
...โลกนี้รู้กันว่าเป็นโลกที่งดงาม, แต่ผู้คนเลือกที่จะทำลายมันและพวกเขาเอง
...มนุษย์โลกจะไม่ยึดครองอวกาศ
แต่ ณ เวลานั้นพระเจ้าจะลงมาเดินท่ามกลางพวกเขา -
Part 2
23 เมษายน 2008
Within the outer world of sense
Thought-power doth lose existence of its own;
The Spirit-worlds are finding
Once more their human offspring
Which must its seed discover
In spirit; but its fruit
In Self must ripen
Rudolf Steiner
ในบทความแรกๆ ที่ลง UFO DIGEST ผมได้แชร์เรื่องราวที่ว่ามีชายและหญิงผู้ที่อ้างว่ามีความทรงจำและความฝันที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว การตอบสนองต่อบทความนั้นน่าทึ่งมาก
ผมพอใจที่จะรายงานถึงอีเมล์ที่ส่งมาจากแคนาดาและสหรัฐอเมริกาและข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากฝรั่งเศส, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, สเปน และโปแลนด์
"ขอบคุณพระเจ้า, ที่บอกเรื่องนี้ ฉันนึกว่าถูกทิ้งอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวซะอีก" เป็นประโยคที่เขียนมาเยอะมาก
"ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือที่ทำให้ฉันเข้าใจถึงภารกิจที่ได้รับมาบนโลกนี้" นี่ก็เป็นอีกประโยคนึงที่เขียนมาเยอะเหมือนกัน
"การอ่านบทความนั้นเหมือนกับว่าเป็นการอ่านประสบการณ์ของตัวเอง" และ "ฉันมีความสุขที่พวกเราหลายคนมาด้วยกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน" -
จากคนอ่านหลายๆ คน อย่างเช่น Angie นักเขียนจาก Los Angeles บทความนั้นทำให้เธอระลึกถึงความทรงจำที่ยาวนานที่ฝังตัวอยู่ในจิตใจ
Angie บอกว่า
"ในคืนหน้าร้อนคืนหนึ่งเมื่อฉันยังเป็นเด็ก ฉันตื่นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุและได้เห็นร่างที่คล้ายมนุษย์มีสีเงินประกายยืนอยู่ที่ปลายเท้าของฉัน ฉันจำได้ว่าฉันรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ความรู้สึกก็ได้เปลี่ยนไปเป็นความกลัวและประหลาดใจที่ได้เห็นร่างนั้นจากหายไป
"เหตุการณ์ครั้งที่สองนั้นฉันจำได้ว่าฉันอายุมากกว่านั้นแล้วและขับรถอยู่คนเดียวในถนนแถวชนบทที่มืดมิด ทันใดนั้นฉันเห็นอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลังและลอยอยู่เหนือฉันมันเป็นแสงที่สว่างขาวมากและมีสีน้ำเงินตรงกลาง ฉันไม่ได้ยินเสียงแต่ฉันได้รับข้อความจากแสงนั้นหรือจากบางสิ่ง ฉันรู้ว่าข้อความนั้นส่งมาจากตัวเอง - หรือจากบางสิ่งที่เชื่อมกับตัวฉัน - ในอนาคตหรือในอดีต... จากประสบการณ์นั้นฉันรู้ได้ในลึกๆ ว่า 'I am'
"ฉันใช้เวลาปีกว่าๆ ที่ฉันจะค้นพบว่าวลีที่ว่า 'I am' นั้นมีความหมายว่าอะไร ในเชิงเทววิทยาแล้ว มันหมายถึงตอนที่โมเสสพบกับพุ่มไม้ที่ไหม้ไฟ มันยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูด แต่จากช่วงเวลานั้น ฉันรู้ว่า 'I was' ว่าฉันมีอยู่ที่ฉันจะทำอยู่ตลอดเวลา และมันไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่ฉันจะไม่มีอยู่"
(มีคนเขียนหนังสือเกี่ยวกับคำว่า I am ออกมา หนังสือนั้นจะเป็นการวิเคราะห์ถึงความหมายของคำว่า I am ซึ่งชื่อหนังสือนั้นชื่อว่า The Moses Code: The Most Powerful Manifestation Tool in the History of the World ถ้าเข้าใจไม่ผิด มีการทำออกมาเป็นหนังด้วย - zipper) -
Christa ได้ถูกช่วยชีวิตเอาไว้สองครั้งในช่วงชีวิตของเธอโดยกลุ่มพลังงานสองก้อนผู้ซึ่งนำเธอไปยังที่ปลอดภัยดั่งว่าเธอเป็นเด็กที่เอาตัวรอดในสงครามโลกครั้งที่สอง
ครั้งนึงเธอถูกขังที่ห้องใต้ดินในบ้านของลุงผู้รอดตายจากถูกระเบิดถล่ม พลังงานผู้ซึ่งตอนนั้นปรากฏกายเป็นแสงที่สว่างจ้าสามดวงติดต่อกับผู้ปกครองของ Christa ทางความฝันและทำให้พวกเขายืนกรานที่จะขุดหาเธอต่อไป
หลังจากนั้นกลุ่มพลังงานมาปรากฏในรูปร่างมนุษย์และโบกไม้โบกมือให้เธอออกจากสะพานก่อนที่ระเบิดของพันธมิตรจะทำลายสะพานทิ้ง
Christa เห็น UFO ครั้งแรกเมื่อเธออายุได้ 16 ปีและอาศัยอยู่ที่ Great Falls, Montana ประสบการณ์นี้ทำให้เธอมีความปรารถนาเกี่ยวกับดวงดาว
"ฉันรู้ว่าฉันเห็น UFO ที่ไม่ได้เป็นของที่มาจาก Terra[โลก]" เธอเขียน "ด้วยความปรารถนา, ฉันต้องการที่จะไปบ้านที่แท้จริงของฉันที่อยู่ไกลออกไปจากระบบสุริยะนี้ คืนนั้นฉันได้ถูกบอกในความฝันว่าเวลายังมาไม่ถึงและฉันต้องเติบโตและอดทน"
เดือนกุมภาพันธ์ในปี 1961, Christa ได้"ทำหาย"เวลาห้าวันในชีวิตของเธอไป
"ฉันจำได้ถึงแสงที่สว่าง, แผงควบคุมและคริสตัลที่หมุน ... ฉันได้รู้ถึงดาวเคราะห์ที่ซึ่งฉันได้จากมา"
เธอตื่นมาห่างจาก Great Falls 15 ไมล์ เวลาผ่านไป 5 วัน - แม้ว่ามันดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น ภายหลัง Christa ก็ได้ค้นพบว่า ไม่เพียงแต่เธอได้ทำเวลาหายไป 5 วัน แต่เธอยังเสียงานของเธอไปอีกด้วย
และเธอก็ได้นึกถึงกลอนบทนี้
ทันใดนั้นเองฉันได้เข้ามาสู่ความคิดของคุณ,
และไปยังมือของคุณที่ฉันได้นำมาให้
ร่างกายของเด็กน้อย!
เกิดในที่ที่ฉันก็ไม่รู้
ตั้งครรภ์ท่ามกลางดวงดาว
นำมาส่งเพื่อให้ชุบเลี้ยงโดยชาวโลก
และเรียนรู้วิถีของพวกเขา
ก่อนที่จะกลับมายังบ้าน
มายังชนเผ่าบรรบุรุษของฉัน
Jack เป็นนักเทคนิคทางอิเลคโทรนิคที่เป็นยามชายฝั่งจาก Morro Bay, California ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับ "มุมมองของจักรวาลที่ขยายตัวไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด" ตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก
ในบางครั้งเขายังจะแสดงอารมณ์เศร้าออกมาในการอยู่ท่ามกลางชายและหญิงมากมายที่ไม่ค่อยมีความรู้สึกถึงความรู้สึกของคนอื่นซึ่งมีจำนวนมากบนโลกและมีน้อยในดวงดาวอีกด้วย
"มันเป็นการยากสำหรับผมในการหาผู้คนผู้ซึ่งเต็มใจที่จะยกเลิกตารางเวลาประจำวันและรวมกลุ่มกันคิดและทำในงานทางด้านสังคมเพื่อจะได้มีประสบการณ์ถ์ความมหัศจรรย์ของชีวิตและจิตวิญญาณของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน" Jack พูด "อนิจจา, แนวโน้มนี้ที่จะลดความกระตือรือร้นของผม, และผมใส่ใจมากเกินไปเกี่ยวกับการกดขี่ซึ่งเกิดขึ้นรอบๆ ตัวผม
"ในบางครั้ง จะมีสายลมสดชื่นของบุคคลที่พิเศษผู้ซึ่งพัดมาจากส่วนลึกของมนุษยธรรม นั่นก็ทำให้ผมดีใจ" -
Sherry และผมเชื่อว่าแม้ว่าผู้ที่สงสัยในเรื่องนี้ได้อ่านอีเมล์ที่ได้เขียนมาอย่างดี, มีการศึกษาที่ดี, ชายและหญิงที่มีการอุดหนุนที่ดีผู้ซึ่งแบ่งปันประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม, พวกเขาก็คงต้องยอมรับว่ามี "บางสิ่งกำลังเกิดขึ้น" ที่ประสบการณ์อันลี้ลับของแต่ละคนมันแพร่ไปไกลกว่าผู้เชี่ยวชาญอย่างเป็นรูปธรรมที่จะทำให้เราเชื่อ
พวกเราได้ถูกระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของพวกที่เรียกว่า "Star seed" เป็นประสบการณ์ที่มองเห็นได้ที่จะกระตุ้นความรู้สึกที่ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนห้าขวบ, แนะนำเด็กเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดผู้ซึ่งภายหลังมาเป็นกลุ่มพลังงานนำทางและผู้ซึ่งยังมีการติดต่อมาเป็นระยะๆ ตลอดชั่วชีวิตเขาหรือเธอ
Virginia ผู้ซึ่งครั้งนึงเคยเป็นช่างเทคนิคของ Air Force จำได้ว่าเธอเจอประสบการณ์การกระตุ้นที่เกิดขึ้นตอน Chrismas Eve ตอนที่เธออายุได้สี่ขวบ เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่าประสบการณ์นอกกายเนื้อ(out-of-body experience) เมื่อ Virginia ตื่นขึ้นและเดินไปดูแสงไฟต้นคริสตมาส แต่เธอเห็นร่างกายของเธอเองยังนอนหลับอยู่บนเตียงนอน
"ฉันรู้ว่าถ้าฉันตื่นขึ้นมันควรจะยังเป็น Chrismas Eve และฉันพึ่งจะสี่ขวบเอง" เธอพูด "หลังจากนั้นฉันรู้ว่าบางครั้งถ้าฉันไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเป็นปีเหมือนเจ้าหญิงนิทราก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยน มันสนุกมากแต่เหตุการณ์นั้นก่อให้เกิดมุมมองของฉันต่อชีวิต ฉันรู้ว่าบางที่ฉันยังคงเป็นเด็กสี่ขวบและมันยังเป็น Chrismas Eve"
Luana ผู้ซึ่งเป็นครูจาก Nevada เขียนมาว่าหลังจากที่เธอเจอกับมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นที่มายังรูปของเด็กนักเรียน ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเธอได้แผ่ขยายออกไป ในสายตาของเธอ การรับรู้เกี่ยวกับสีขยายออกไปทั้งสองทิศทาง, หลักๆ แล้วก็ไปทางด้านสีฟ้า
ในทางด้านการได้ยิน การแผ่ขยายทำให้เมื่อได้ยินเสียงที่ดังยาวนานในช่วงระยะเวลานึง - เกินสามสิบวินาที - จะทำให้เกิดความเจ็บปวดบริเวณขยับจากนั้นก็จะทำให้เกิดการสั่นไหวที่ควบคุมไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นนานหลายนาที ระบบประสาททั่วทั้งร่างกาย "jangle(สั่นเทิ้ม?)" และอาการจะเบาบางลงเมื่อเสียงสิ้นสุดลง มันใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการกลับคืนสู่สภาพปกติ เสียงไซเรนเป็นเสียงที่อันตรายมาก
หลังจากรีไทร์จากการเป็นครู Luana นึกขึ้นได้ว่าหนึ่งในประสบการณ์ที่แย่ที่ประสบมากับเสียงเกิดขึ้นในที่จอดรถของโรงเรียนเมื่อคนที่ขับรถทั้งหมดพร้อมใจกันบีบแตรรถเพื่อฉลองชัยชนะในกีฬา
มันใช้เวลาสิบห้านาทีในการออกห่างจากเสียงเหล่านั้นและใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก่อนที่เธอจะสามารถควบคุมและออกจากรถได้ มันต้องใช้เครื่องดื่มเพื่อทำให้ประสาทเธอชาเพื่อทำให้เธอดูเหมือนคนปกติ
แสงที่สว่างก็ยังเป็นอันตรายต่อ Luana อีกด้วย ครั้งนึงการยืนอยู่กลางแสงอาทิตย์, การมองแสงสว่างที่ส่องมาจากวงดนตรี, ทำให้เกิดการตาบอดไปชั่วขณะ นักเรียนของเธอนำเธอกลับมายังห้องเรียน มันใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงที่สายตาของเธอจะกลับมา
อารมณ์ดูจะสร้างปัญหาให้กับคนที่เจอประสบการณ์ "ความทรงจำและความฝันเมื่อตอนเป็นเอเลี่ยน" เพราะว่าพวกเขาเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่นมาก ในการที่จะทำงานเป็นที่ปรึกษาที่ดีนั้นพวกเราต้องเรียนรู้ที่จะสร้างเปลือกมาครอบตัวเขา
ตามที่ Luana จำได้
"ครั้งนึงในช่วงอายุยี่สิบกลางๆ ของฉัน มันเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับฉันที่จะต้องหลบหนีออกมาจากเพื่อนของฉันเพราะว่าฉันดูดซับความรู้สึกถึงความทุกข์และความสุขของเขามากเกินไปทำให้ร่างกายฉันหมดแรง ฉันได้เรียนรู้ในตอนนั้นว่าฉันจะต้องเรียนรู้ที่จะปิดอารมณ์ของฉันและไม่ดูดซับมามากเกินไป มันยังมีอีกหลายๆ ครั้งที่ฉันรู้สึกเหนื่อยโดยปัญหาหรือความตื่นเต้นของคนอื่น แต่ก็กลับฟื้นคืนได้เร็ว"
ในการตอบสนองต่อความฝันและความทรงจำเมื่อตอนเป็นเอเลี่ยน Cliff ผู้ซึ่งฝึกงานที่โรงพยาบาล มีประสาทสัมผัสที่ไวต่อแสง, การสัมผัส, อารมณ์, และการได้ยิน แต่เขาได้พบข้อชดเชยต่อการตอบสนองตอบของคนอื่น
"เมื่อผมจูบหรือเมคเลิฟ, ฉันได้ยินเสียงดนตรีดังมาจากอีกฝ่ายและ/หรือจากตัวผมเอง" -
ความรู้สึกต่อการสั่นไหวที่ถูกพิจารณาว่า "เกี่ยวกับดนตรี" ในทางด้านกายภาพมันยังเป็นองค์ประกอบนึงที่พบเจอได้บ่อยของคนที่มาตอบแบบสอบถาม Steiger Questionnaire ของเรา (ดูได้จาก Brad Steiger and Sherry Hansen Steiger) Cliff บอกว่าเขายังเจอเหตุการณ์ที่กลุ่มพลังงานมาเยี่ยมอีกด้วย โดยมาในรูปร่างของ "หญิงสาวผู้ซึ่งมีแสงรัศมีสีขาวและพูดในเสียงที่นุ่ม ฟังคล้ายเสียงดนตรี"
สอดคล้องกับผลการวิจัยของพวกเรา, คนที่เขียนว่าเกี่ยวข้องกับความฝันและความทรงจำตอนที่เป็นเอเลี่ยนอย่างน้อย 87 เปอร์เซนต์เป็น "มนุษย์กลางคืน (night people)" เป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมทางด้านจิตใจหรือทำงานที่สร้างสรรหลังจากตะวันตกดิน
ในตัวอย่างของเราที่กว้างขึ้นที่เกี่ยวกับความทรงจำเหล่านั้น พวกเราพบว่าประมาณ 94 เปอร์เซนต์ของพวกเขานึกถึงประสบการณ์การกระตุ้นเหล่านั้นได้อย่างแจ่มชัดที่พบเจอกลุ่มพลังงานหรือแสงเมื่ออายุประมาณห้าขวบ, ระหว่างที่อีก 6 เปอร์เซนต์ที่เหลือตระหนักได้ว่ามี "บางสิ่งที่สำคัญ" เกิดขึ้นกับเขาในช่วงเวลานั้น
เกือบจะทั้งหมดของพวกเขาที่บอกว่านึกถึงความทรงจำในอดีตได้มีความโหยหาต่อสถานที่ที่พวกเขาบอกว่าเป็น "บ้านที่แท้จริง" ที่เป็นที่อื่นไม่ใช่บนโลก
Stephanie จาก Youngstown, Ohio ได้เขียนมโนทัศน์ของ "Cosmic People" ในปี 1980
Stephanie บอกกับเราว่า
"อาจจะทุกๆ คนที่คุณได้ยินพวกเขาเล่ามารวมถึงฉันด้วย ได้ตกใจที่ได้พบว่าผู้คนนับพันได้ถูกติดต่อโดยสิ่งมีชีวิตที่เป็นแสง ฉันรู้สึกทึ่งที่ว่าหลายๆ คนได้รับแนวคิดและข้อความคล้ายๆ กันจากครอบครัวบนฟ้าของพวกเขา มันยอดเยี่ยมและพิศวงมาก!"
Stephanie บอกพวกเราเกี่ยวกับเรื่องที่เธอจากสิ่งมีชีวิตจากฟ้าเมื่อตอนที่เธออายุได้ห้าขวบ ที่ซึ่งทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปหลังจากนั้น ภาระกิจของเธอยังดำเนินต่อไปและเธอก็ได้สนใจในการเขียนเอกสารการตื่นขึ้นของ "Cosmic People"
ในกรณีของการวิจัยของพวกเรา Stephanie คอมเม้นท์ว่า
"พวกเขาไม่ได้มาจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งของมนุษย์โลก พวกเขาดูเหมือนว่ามาจากทุกๆ เชื้อชาติ, สีผิว, ความเชื่อ, ชนชาติ, ปรัชญา, จิตวิทยา และความเชื่อทางการเมืองบนผิวโลก อย่างไรก็ตาม พวกเขาถือความคิดและอุดมคติบางอย่างร่วมกันภายในหัวใจของพวกเขา"
กลุ่มคนที่ประสบกับความฝันและความทรงจำเมื่อตอนเป็นเอเลี่ยนไม่ปราศจากความขับข้องใจในการกระทำในโลกนี้ตามที่ Frederike จาก Pasadena, California สารภาพกับพวกเรา
"ผมขอบอกว่าหนังสือคุณ, การทำสมาธิ, และอื่นๆ ช่วยให้ผมกำจัดความโมโหต่อผู้คนที่ทำให้โลกแย่ลงได้... บางครั้ง ทำให้ผมรู้สึกละอายใจ(ผมไม่ชอบที่จะบอกเรื่องนี้กับคุณเท่าไหร่!) ที่ผมคิดว่า
"ทำไมพวกเราต้องช่วยพวกที่งี่เง่านี้ด้วยนะ? ผู้คนเหล่านี้ได้ฆ่าและฉีกกระฉากและทำร้ายหลายๆ สิ่งโดยที่ไม่รู้สึกผิดเลย ช่างหัวพวกนี้เถอะ"
"นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดูสูงส่งนักของผมใช่ไหม? ผมรู้ และลึกๆ แล้วพวกเรามีข้อผูกมัดที่จะช่วยทุกๆ คน - และโดยเฉพาะกับผู้คนที่อยู่ในด้านมืดและผู้คนที่ยังโง่เขลาเมื่อพวกเขาทำลายของขวัญและทรัพยากรของโลกและสิ่งอื่นๆ ที่พวกเขาทำให้แย่ลง"
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับพรให้มีมุมมองส่วนบุคคลที่ลึกซึ้งหรือไม่ก็ตาม ผู้คนเหล่านี้จำนวนมากผู้ซึ่งมีประสบการณ์เกี่ยวกับความฝันและความทรงจำเมื่อตอนเป็นเอเลี่ยนดูจะตระหนักได้ว่าพวกเขาจะฟื้นคืนพลังงานได้จากการทำสมาธิ
Dale จาก Waltham, Massachusetts ใช้คริสตัลในการลงลึกไปในจิตใจและแสดงออกถึงประสบการณ์ที่ได้รับมาดังนี้
ทะเลแห่งสีสัน,ไหลไปและกระเพื่อมไปมา,
เคลื่อนไป,ดั่งปีกที่งดงาม
พลังงานรายล้อมตัวของฉัน
จิตใจของฉันแจ่มชัดขึ้น,
และฉันก็ถูกเติมด้วยแสงของดวงอาทิตย์นับพัน
ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวา, กระปรี้กระเปร่า, และกลับมีพลังอย่างเต็มที่
ฉันดำรงอยู่
ฉันเป็นแสง, ที่จะคอยนำทางคนอื่นให้พบเจอ Creator ของฉันตลอดชั่วนิรันดร์,
สว่างขึ้นสว่างขึ้นเรื่อยๆ,
ขยายออกไปและสูงขึ้นไปยังจักรวาลอันห่างไกล
ไปยังดินแดนแห่งจุดเริ่มต้น...
บ้าน! -
ต่อไปเป็นเรื่องเกี่ยวกับแบบสอบถามที่อ้างถึงในบทความก็จะพยายามแปลเท่าที่แปลได้ ซึ่งแบบสอบถามนั้นเอามากจาก Questionnaire ซึ่งเป็นเวปของ Brad Steiger เอง
<hr>
The Steiger Questionnaire of Mystical, Paranormal, and UFO Experiences
แบบสอบถามต่อไปนี้ถูกปรับปรุงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนแรกที่เริ่มทำในปี 1967 เป็นความพยายามของ Brad Steiger ที่จะหารูปแบบของความสามารถเหนือธรรมชาติ, ความลึกลับ, และ/หรือความสามารถทางจิตที่แต่ละคนมี ในปี 1968 Steiger ได้พัฒนาแบบสอบถามโดยเพิ่มคำถามให้มากขึ้นและมันก็ได้เชื่อมต่อกับปรากฏการณ์ระดับโลกที่เรียกว่า “The Start People”
ในปี 1987 เขาได้รวมคำถามเข้ากับแบบสอบถามของ Sherry Hansen ผู้ที่ได้สร้างแบบสอบถามคล้ายๆ กันขึ้นมาในปี 1970 ด้วยว่าเป็นที่ปรึกษาที่ State University of New York ที่ Stoneybrook ทั้ง Steiger และ Hansen พบว่าผู้ทำแบบสอบถามมักจะเป็น “helpers” ที่มายังโลก สำหรับพวกเขาการพูดถึงการหาคำแนะนำและที่ปรึกษาโดยเพื่อนและคนแปลกหน้า Steiger และ Hansen พบว่าผู้ทำแบบสอบถามนั้นมาจากทุกเชื้อชาติ, ทุกสังคม, และทุกอาชีพ แม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะแสดงความรู้สึกออกมาในแนว “คนแปลกหน้าในที่แปลกถิ่น” จำนวนที่มากของพวกเขามีทั้งอาชีพที่ช่วยเหลือผู้คนอย่างเช่น นางพยาบาล, หมอ, ครู, นักบวช, ผู้ทำงานเพื่อสังคม, นักกฏหมาย, ผู้เชี่ยวชาญทางมีเดีย, และที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยา
ในปี 1993 Brad Steiger และ Sherry Hansen Steiger ได้ทำการปรับแบบสอบถามมาเป็นแบบที่เห็นในปัจจุบัน มากกว่า 90% ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามประมาณ 30,000 รายที่ส่งแบบสอบถามกลับมารายงานว่าเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ “การเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล” 86% บอกว่าเคยเจอเหตุการณ์ติดต่อกับสิ่งมีชีวิตโลกอื่นหรือมิติอื่น สิ่งยอดเยี่ยมเหล่านี้ได้เกิดขึ้นในโลกใบนี้
ขอบคุณสำหรับการเข้าร่วมทำแบบสอบถามของเรา โปรดรู้สึกอิสระในการเขียนและเขียนเท่าที่อยากจะเขียน (สิ่งที่คุณเขียนมาเราจะเก็บไว้เป็นความลับ)
How To Use: คุณสามารถส่งอีเมล์แบบสอบถามนี้กลับมายัง Brad และ Sherry Steiger โดยการก็อปปี้ข้อความทั้งหมดแล้วนำไปวางในเนื้อหาอีเมล์ จากนั้นก็พิมพ์คำตอบของคุณลงไป แล้วส่งมายังอีเมล์ของ Steiger ที่ timewalker@netins.net
ชื่อ___________________________
อายุ______เพศ_______วันเกิด_______
วันที่ทำแบบสอบถาม______________________
อาชีพ_______________
ที่อยู่______________________
เมือง_______________รัฐ_________________
รหัสไปรษณีย์____________________
สถานที่เกิด_________________
ระดับการศึกษา_____________
สถานภาพการแต่งงาน______
ศาสนาที่นับถือ_________
เชื้อชาติ:พ่อ________ แม่_________
มีคนในครอบครัวของคุณพูดคุยกับคุณเรื่องเหนือธรรมชาติบ้างไหม?
_____________________________________________
คุณหรือสมาชิกคนอื่นในครอบครัวของคุณสามารถใช้ความสามารถทางจิตได้หรือเปล่า?
________________________________________________
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผู้ปกครองของคุณเป็นอย่างไร?
_______________________________________________
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับพี่น้องของคุณเป็นอย่างไร?
_______________________________________________
มุมมองของคุณที่มีกับชีวิตเป็นอย่างไร?
_______________________________________________
คุณมีมุมมองอย่างไรกับสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า?
________________________________________________
คุณมีความคาดหมายอย่างไรกับอนาคตของดาวเคราะห์ของเรา?
____________________________________________________
ให้คุณเขียนงานอดิเรกหลัก, ที่เป็นงานที่ทำให้คุณรู้สึกพอใจมากที่สุด
_____________________________________________________
ในมุมมองในการค้นคว้าของคุณ, เรื่องไหนที่คุณสนใจเป็นพิเศษ?
____________________________________________________
กรุณาบอกเรา....
หนังสือที่คุณชอบอ่าน_______________________________
ภาพยนตร์ที่คุณชอบดู____________________________________
รายการทีวีที่ดู__________________________________
ประเภทดนตรี___________________________________
กีฬาที่เล่น________________________________________
คุณได้เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ไหม?
กรุณาระบุอายุและสถานที่ที่เจอ
ประสบการณ์นอกกายเนื้อ(out-of-body)___________________________
ประสบการณ์เฉียดตาย___________________________________
ความป่วยร้ายแรงที่ถึงแก่ชีวิต_____________________________________
ความตายของคนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิท________________________________
อีกสภาวะนึงของจิตสำนึก(altered state of consciousness)ที่เกิดขึ้นภายใต้การสะกดจิต_______________________________
A trance state(ภาวะที่อยู่ในภวังค์?)___________________________________
ภาวะที่อยู่ในสมาธิที่ลึกมาก________________________________________
ประสบการณ์ทางจิตที่ “pead” (เข้าใจว่าเป็นประสบการณ์ที่ฝังใจ)____________________________
ประสบการณ์ illumination(ส่องสว่าง?)__________________________________
ประสบการณ์ทางศาสนาที่เข้มข้น________________________________
คำตอบที่ได้จากการอธิษฐาน(A clear answer to prayer)________________________________
การพบเจอจิตวิญญาณศักดิสิทธิ์_____________________________
A state of grace_______________________________________
ความรูสึกในการเป็นหนึ่งเดียวกับทุกชีวิตและจักรวาล________________________________
การพบเจอสิ่งศักดิสิทธิ์อย่างเช่น พระแม่มารี, พระเยซู, พระพุทธเจ้า_______________________
การพบเจอเทวดา______________________________________________
การเสพยาที่ทำให้ประสาทหลอน_____________________________________
มองเห็นออร่าของมนุษย์_______________________________________
Telepathy(โทรจิต)________________________________
Clairvoyance(ตาทิพย์)_____________________________
ระลึกชาติ___________________________________
รู้สึกว่าคุณรู้สึกคุ้นเคยใครบางคนจากอดีตชาติ_______________________________
A dramatic healing(การรักษาอย่างรวดเร็ว?)_______________________________________
A dramatic healing จากคนอื่น___________________________________
เห็นผี________________________________________________
เห็นจิตวิญญาณธรรมชาติ_________________________________________
เห็นเอล์ฟหรือแฟรี่___________________________________________
เห็น UFO________________________________________________
ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว_______________________________________
ถูกลักพาตัวโดยมนุษย์ต่างดาว_______________________________________
ได้ยินเสียงที่ไม่มีที่มา_____________________________________
Automatic writing(มือเขียนสิ่งต่างๆ ไปเอง)_______________________________________
Precognitive dreams(ความฝันเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า?)_______________________________________
Teaching dreams(ความฝันที่สอนอะไรเราบางอย่าง?)____________________________________
Warning dreams(ความฝันที่เตือนอะไรเรา)________________________________________
ทำนายอะไรไว้แล้วเหตุการณ์นั้นเป็นจริงขึ้นมา________________________________________
ESP กับสัตว์เลี้ยง________________________________________
ESP กับสัตว์ป่า_______________________________
พูดภาษาที่ไม่รู้จัก_________________________________________
สื่อสารกับ Higher Intelligence_______________________________
สื่อสารกับ Unknown Intelligence________________________________
สื่อสารกับ spirit beings ที่ดี_______________________________________
สื่อสารกับ spirit beings ที่ไม่ดี______________________________________
คุณมีความสนใจในเรื่องเหนือธรรมชาติ, UFO, และเหตุการณ์ที่ยังไม่มีคำตอบก่อนที่คุณจะประสบพอเจอกับเหตุการณ์นั้นก่อนหรือเปล่า?
___________________________________________________________
มีคนในครอบครัวของคุณหรือเพื่อนใกล้ชิดเคยเจอประสบการณ์เหนือธรรมชาติหรือ UFO หรือไม่?
____________________________________________________
เคยมีสถานการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้นในชีวิตของคุณก่อนที่คุณจะมีประสบการณ์กับเรื่องเหล่านั้นหรือเปล่า?
________________________________________________________
อธิบายการตอบสนองทางอารมณ์และทางร่างกายของคุณก่อนที่คุณจะเจอเหตุการณ์เหล่านั้น
_________________________________________________
คุณรู้สึกอย่างไรหลังจากเจอเหตุการณ์เหล่านั้น?
___________________________________________
Did you feel in any way that you underwent the above experiences against your will?
(คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณผ่านประสบการณ์เหล่านั้นเปรียบเทียบกับความปรารถนาของคุณ?)?
(คุณรู้สึกว่าคุณปรารถนาอย่างไรหลังจากผ่านประสบการณ์เหล่านั้น?)?
__________________________________________________
เมื่อคุณมองกลับไปคุณมองว่าประสบการณ์นั้นมีผลกระทบกับชีวิตในทางลบหรือทางบวก?
_________________________________________________
กรุณาอธิบายขยายความกับคำตอบของคุณโดยย่อ (กับคำตอบข้อที่แล้ว?)
___________________________________________________
มีเหตุการณ์อะไรที่กล่าวมาแล้วอีกหรือเปล่าที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ? ถ้ามี เปลี่ยนไปในทางไหน?
__________________________________________________________________--
ถ้าคุณเชื่อว่าคุณเคยพอเจอประสบการณ์ที่ว่า “เวลาหายไป” หรือ “เวลาผิดเพี้ยนไป” ระหว่างที่เจอเหตุการณ์ที่คุณเคยเจอมา คุณได้ฟื้นคืนความทรงจำที่หายไปหรือคุณคิดว่าอะไรที่เกิดขึ้นในระหว่างช่วงเวลาที่หายไป?
_______________________________________________________________
คุณเชื่อว่าเหตุการณ์ลึกลับ, เหนือธรรมชาติ, หรือ UFO เป็นเหตุการณ์ปกติของธรรมชาติ สามารถหาคำอธิบายได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลก 3 มิติหรือว่าในโลกทางจิตที่เกิดขึ้นในความฝันหรือประสบการณ์นอกกายเนื้อก็ตาม?
______________________________________________________
ถ้าคุณได้รับการสื่อสารจากดวงวิญญาณ, เทวดา, หรือ UFO คุณรู้สึกว่าคุณควรจะเอาข้อความหรือข้อมูที่ได้มาบอกต่อคนอื่น?
_________________________________________________
ถ้าคำตอบเป็น “ใช่” กรุณาอธิบายสรุปสาระสำคัญของข้อความนั้นด้วย
_______________________________________________________
คุณเคยฝันถึงเรื่องราวเหล่านี้หรือเปล่า?
กรุณาติ้กหน้าข้อความที่อธิบายถึงความฝันที่คุณเคยเจอ
___เจอคนรักที่ตายไปแล้วและได้สนทนากับเขา/เธอ
___ได้รับแรงบันดาลใจหรือข้อมูลจากเทวดา
___มองเห็นเมืองหรือดวงดาวที่ทำด้วยคริสตัล
___อยู่ในห้องตรวจทางการแพทย์ที่ไม่รู้จัก
___ได้รับการสอนในห้องเรียนที่ไม่คุ้นเคย
___สามารถบินได้เหมือนอย่างซุปเปอร์แมน
___เดินกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่ชาวโลก
___มองโลกจากมุมมองที่ดูเหมือนว่าอยู่ห่างจากโลก
___ได้พบเจอเหตุการณ์ที่ดูเหมือนว่าเป็นอดีตชาติ
___Seeing people from your present-life experience in what seems to be a scene from a former lifetime. (มองผู้จากจากมุมมองจากประสบการณ์ในชีวิตของคุณในเหตุการณ์ที่ดูเหมือนว่าเป็นเหตุการณ์ทั่วๆ ไป?)
___ดื่มเครื่องดื่มที่แปลกประหลาดที่คนไม่รู้จักมอบให้ดื่ม
___มองดูโลกในช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์
___รับรู้ว่าคนเป็นลูกเรือของ UFO
___เฝ้ามองตัวคุณมายังโลกในขณะที่ยังเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งแสง
___เจอสูตรทางคณิตศาสตร์แปลกๆ
___เฝ้ามองรูปร่่างเรขาคณิตที่มีรูปร่างแปลกๆ
___เข้าร่วมพิธีศพของคุณเอง
___มีความรู้สึกว่าอยู่ในยานอวกาศและได้รับคำสั่งที่เกี่ยวกับภารกิจในชีวิต
___เห็นตัวเองอยู่ในช่วงยุคสมัยในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลและสื่อสารกับผู้คนในสมัยนั้น
___ได้ไปสวรรค์
___เห็นนรก
เลือกในสิ่งที่คุณเชื่อ
___สิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่า
___ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพระเจ้า
___การพิพากษาและโทสะของพระเจ้า
___พระเจ้าเป็นทั้งผู้ที่ให้รางวัลและลงโทษ
___ชีวิตหลังความตายในสวรรค์
___ชีวิตหลังความตายในนรก
___ชีวิตในไฟชำระ(เป็นความเชื่อของศาสนาคริสต์ที่ว่าคนที่มีบาปยกเว้นคนที่มีบาปหนักจะต้องไปในไฟชำระเพื่อชำระบาปให้หมดก่อนที่จะขึ้นสวรรค์)
___ช่วงเวลาที่ใช้ใน Limbo(limbo เป็นสถานที่ อยู่รอบนอก เป็นสถานที่ของพวกที่ยังไม่ทำความดี ความชั่ว ไม่ใช่สวรรค์ ไม่ใช่นรก พวกนี้จะต้องรอการตัดสิน ณ สถานที่แห่งนี้)
___A spiritual plateau between incarnations and/or spiritual progression or regression(ดินแดนทางจิตวิญญาณที่อยู่ระหว่างการรอมาเกิดใหม่ และ/หรือเป็นดินแดนที่เจอในช่วงไปก้าวหน้าหรือถดถอยของจิตวิญญาณ?)
___An astral realm
___A Summer Land where a vastly improved version of Earth life continues (ดินแดนหน้าร้อนที่ซึ่งชีวิตของโลกมีอยู่อย่างมากมาย?)
___(ชีวิตหลังความตายถูกสร้างจากความหวัง, ความฝัน และความทรงจำของบุคคลคนนั้น)
___All things eventually work for good(ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดี?)
___สิ่งชั่วร้ายมีอยู่จริงและเราก็ต้องระมัดระวัง
___It doesn't what we do, the earth plane is negative and destructive(มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเราทำ ดาวเคราะห์โลกก็เป็นไปในทางที่แย่และทำลายล้างอยู่แล้ว?)
___การมีอยู่ของปีศาจร้าย
___Spirit possession(การเข้าทรง?)
___Disruptive or negative entities(กลุ่มพลังงานที่ทำลายล้างและแย่?)
___ชะตากรรม
___ปาฏิหารย์
___พลังของการสวดอธิษฐาน
___ความเป็นไปได้ที่จะได้รับการสื่อสารโดยตรงจากพระเจ้า
___ความเป็นไปได้ที่จะได้รับการสื่อสารจากพระเจ้าผ่านทางเทวดา
___การกลับชาติมาเกิด
___The Akashic Records(เป็นบันทึกที่บันทึกเกี่ยวกับการการกระทำของจิตวิญญาณแต่ละดวง)
___ผี
___ข้อความเข้าทรงที่มาจากโลกวิญญาณ
___จิตวิญญาณของโลก
___Dream teachings(การสอนในฝัน?)
___The ability to channel healing(ความสามารถในการรักษา?)
___การได้รับคำแนะนำที่มีค่าจากมุมมองส่วนบุคคล
___สิ่งมีชีวิตจากดาวดาวงอื่น
___การติดต่อระหว่างเอเลี่ยนกับมนุษย์
___การสมรู้ร่วมคิดในรัฐบาลเพื่อที่จะปกปิดข้อมูลของ UFO
___A secret government that works behind the scenes of our figurehead government(รัฐบาลลับที่คอยทำงานอยู่เบื้องหลัง)
___We are living in the End-Times(พวกเราอยู่ในช่วงสิ้นยุค)
___We are living in an Age of Transition(พวกเราอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง/เปลี่ยนผ่านยุคสมัย?)
___We are living in a time of Earth Changes(พวกเราอยู่ในช่วงเวลาที่โลกจะเปลี่ยนแปลง)
___We are living in a time that Native American Shamans call the Great Cleansing(พวกเราอยู่ในช่วงเวลาที่ร่างทรงชาวเผ่าอินเดียแดงเรียกว่าเป็นช่วงชำระล้างครั้งใหญ่)
___มีกลุ่มเอเลี่ยนหลายกลุ่มมายังโลกในช่วงเวลานี้ แต่ละกลุ่มก็มีจุดมุ่งหมายของแต่ละกลุ่ม
___มีฐานลับของ UFO หลายแห่งซ่อนอยู่ในโลกนี้
___เอเลี่ยนที่มาจากดาวดวงอื่นจะมาเอาเราไปเป็นทาสหรือจะมาทำร้ายเรา
___ETs โดยพื้นฐานแล้วเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใจบุญ
___ETs are basically indifferent to us as individual entities and have come to study us in an objective scientific manner(ETs โดยพื้นฐานแล้วไม่แตกต่างจากเรานักและมาเพื่อศึกษาเราในจุดมุ่งหมายทางวิทยาศาสตร์)
___Aliens have come to create mutants through a process of interbreeding accomplished by their superior science(เอเลี่ยนมาเพื่อสร้างลูกผสมระหว่างมนุษย์กับเอเลี่ยนโดยใช้เทคโนโลยีที่สูงกว่าของเอเลี่ยน)
___เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกสร้างมายังโลกเมื่อหลายล้ายปีมาแล้วและถูกช่วยเหลือในการวิวัฒนาการโดยมนุษย์ต่างดาว
___You, yourself, are a member of an alien species secretly visiting Earth(คุณเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มายังโลกโดยลับๆ)
___You, yourself, feel strongly that you are descended from ancientastronauts(คุณรู้สึกว่าคุณสืบเชื้อสายมากจากนักบินอวกาศโบราณ?)
___คุณเชื่อว่าดวงวิญญาณของคุณมาจากดาวดวงอื่น, มันทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นคนแปลกหน้าในดินแดนที่แปลกถิ่น
___คุณมีประสบการณ์ว่าชาติที่ผ่านมาคุณอยู่ในดาวดวงอื่น
___คุณรู้สึกตั้งแต่เด็กแล้วว่าคุณมีภารกิจพิเศษที่มาทำบนโลก
กรุณาเลือกหัวข้อเหล่านี้ที่ได้สร้างปัญหาให้กับชีวิตของคุณในบางครั้ง
___ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
___การค้นพบว่ามีรอยแผลที่ไม่ทราบสาเหตุบนร่างกาย
___มีผื่นผิดปกติบนผิวหนัง
___อาการป่วยทางกายภาพที่ทำให้อ่อนเพลีย
___ประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง
___การหย่าร้าง -- ของคุณหรือของผู้ปกครองคุณ
___ผู้ปกครองหรือสมาชิกครอบครัวที่ชอบด่าว่า
___ข้อต่อที่เจ็บหรือบวม
___อาการปวดคอเรื้อรัง
คุณมีสิ่งเหล่านี้ไหม?
___Extra or transitional vertebrae(กระดูกสันหลังพิเศษหรือที่เปลี่ยนมา?)
___มีสายตาที่แหลมคม
___มีประสาทหูไว
___มีประสาทดมกลิ่นที่ไว
___มีความดันโลหิตต่ำ
___กลุ่มเลือดที่ผิดปกติ
___กลุ่มเลือด Rh ลบ
___มีความไวสูงต่อการรับรู้สนามไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
___มีความสามารถแปลกประหลาดที่ไปขัดขวางหรือรบกวนการทำงานของอุปการณ์อิเลคโทรนิคส์
___โดยปกติแล้วอุณหภูมิในร่างกายคุณต่ำกว่า 98.6 องศาฟาเรนไฮต์(37 องศาเซลเซียส)
___มีการตอบสนองในทางลบเมื่อเจอความชื้นสูง -
ส่วนอันนี้จะเป็นผลของแบบสอบถามซึ่งอัพเดตล่าสุดเมื่อกุมภาพันธ์ 2008 เอามาจาก Results of the Steiger Questionnaire updated February 2008
<hr>
Results of the Steiger Questionnaire Updated February 2008
จำนวนของผู้ตอบแบบสอบถามตอนนี้มีจำนวนมากเกินสี่หมื่นคนในเกือบทุกที่ของโลก
ความเชื่อทางศาสนา
โปรแตสแตนส์: 44%
โรมันคาทอลิค: 39%
ความเชื่อทาง New Age: 22%
ยิว: 11%
ฮินดู: 4%
มุสลิม: 2%
ศาสนาทาง “ตะวันออก”: 9%
อื่นๆ: 7%
ไม่นับถือศาสนา: 1%
93% เชื่อว่าบรรพบุรุษทางกายภาพหรือทางวิญญาณนั้นมายังโลกจากดาวดวงอื่นหรือจากมิติอื่น
สถานะภาพการแต่งงานและครอบครัว
มีผู้ปกครองที่มีความคิดเห็นเหมือนกันในเรื่องสิ่งลึกลับ, ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ, หรือ UFO: 23%
ผู้ปกครองไม่เห็นด้วย/ไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง: 46%
พี่น้องสนใจในเรื่อง UFO/ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเหมือนกัน: 59%
พี่น้องไม่เห็นด้วย/ไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง: 16%
แต่งงานแล้ว: 46%
แต่งงานกับคู่รักที่สนใจในเรื่อง UFO/ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเหมือนกัน: 31%
แต่งงานกับคู่รักที่ไม่เห็นด้วย/ไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง: 9%
หย่า/แยกกันอยู่: 26%
มีเด็กที่สนใจในเรื่อง UFO/ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ: 51%
สถานการณ์ในฝัน
59% มีความฝันหรือมีมุมมองที่พวกเขามองเห็นเมืองหรือดาวเคราะห์ที่ทำด้วยคริสตัลหรือเพชร
49% อธิบายว่าอยู่ในห้องตรวจทางการแพทย์ที่มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ กำลังตรวจพวกเขาอยู่ [อาจจะเป็นประสบการณ์ถูกลักพาตัว]
60% บอกว่าตั้งแต่เด็กที่พวกเขา”ฝัน”ว่าระหว่างหลับจะได้รับการสอบพิเศษในห้องเรียนที่ผิดปกติหรือโบสถ์
79% มีประสบการณ์เหาะในฝัน
69% มีความฝันที่แจ่มชัดว่าพวกเขาอยู่ในยานอวกาศและมองมายังโลกในมุมมองที่ไกลจากโลก
36% จำได้ว่าถูกขอให้กินอาหารแปลกๆ ในความฝัน
39% นึกได้ว่าได้ดื่มของเหลวแปลกๆ
53% ได้มีประสบการณ์ฝันว่าได้เห็นโลกในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์
54% บอกว่าในฝันนั้นพวกเขาเป็นลูกเรือ UFO
43% บอกว่าในฝันได้เห็นตัวเองมายังโลกในรูปแบบของสิ่งมีชีวิตแห่งแสง
44% มีความฝันที่พวกเขารู้สึกว่าถูกล้อมรอบด้วยสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ [อาจจะเป็นประสบการณ์ถูกลักพาตัว]
49% ได้ฝันสม่ำเสมอว่าพวกเขาขึ้นยาน UFO ไปเพื่อรับคำปรึกษาและคำสั่ง
79% เห็นตัวเองอยู่ในยุคสมัยไบเบิ้ลกับคนในศาสนาอย่างเช่นพระเยซู, โมเสส, เอลียาห์ หรือหนึ่งในอัครสาวกของพระเยซู
ประสบการณ์ลึกลับ
94% มีประสบการณ์ที่รู้สึกว่าเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
70% รายงานว่ามีประสบการณ์ทางศาสนาอย่างเข้มข้น
86% รายงานว่าเจอประสบการณ์ illumination
92% มีประสบการณ์ทาง telepathic สื่อสารกับสิ่งอื่นๆ, ทั้งที่เป็นวัตถุหรือไม่ใช่วัตถุ, ทั้งมนุษย์หรือเอเลี่ยน
76% เคยเห็นผี
79% เคยรับรู้ถึงวิญญาณของคนรักที่ตายไป
72% ยอมรับว่าการกลับชาติมาเกิดมีจริงและมีความทรงจำของชาติที่ผ่านมา
85% เชื่อว่าพวกเขาเคยมีชีวิตมาก่อนในดาวดวงอื่นหรือในมิติอื่น
95% รายงานว่าเคยมีประสบการณ์นอกกายเนื้อ
62% อ้างว่ามีความสามารถในการรับรู้ออร่า
71% มีประสบการณ์ถึงแสงสีขาวระหว่างทำสมาธิ
69% สามารถ dramatic healing ของตัวพวกเขาเองหรือคนอื่นได้
41% ฝึกหัด automation writing
87% เชื่อว่าพวกได้รับการติดต่อจากสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดกว่า
77% เคยรับรู้ถึงกลุ่มพลังงานจิตวิญญาณ
75% เคยมีประสบการณ์ตาทิพย์
66% เคยทำนายไว้หรือเคยเจอความฝันล่วงหน้าหรือมองเห็นล่วงหน้าแล้วมันเป็นจริง
เคยติดต่อกับกลุ่มพลังงานแสง, เทวดา, และผู้ชี้นำทาง (อันนี้คาดว่าลืมใส่ตัวเลขมา)
79% รายงานว่าเคยเห็นเทวดา
77% เคยเห็นกลุ่มพลังงานแห่งแสง
54% รู้สึกว่าพวกเขาได้รับการอวยพรจากสิ่งศักดิสิทธิ์ที่ปรากฏมาให้เห็น
93% เชื่อว่าพวกเรามีจิตวิญญาณนำทางหรืออารักขาเทวดา
87% ยอมรับว่าพวกเขามีเพื่อนคู่หูที่มองไม่เห็นเป็นเด็ก
43% บอกว่าครั้งนึงพวกเขาเคยเห็นเอลฟ์ ซึ่งมีรูปร่างเป็น“wee person(คนที่เล็กมาก)”
73% เคยรับรู้ถึงจิตวิญญาณธรรมชาติ
87% เคยเจอกับเอเลี่ยนที่มาจากมิติอื่นหรือดาวดวงอื่น
สถานภาพทางกายภาพ
ไซนัสอักเสบเรื้อรัง: 96%
มีกรุ๊ปเลือดผิดปกติ: 58%
มีอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ: 90%
มีความดันโลหิตต่ำ: 71%
มีความรู้สึกที่ไวต่อเสียง, แสง, กลิ่น, และอื่นๆ: 87%
ข้อต่อบวมหรือเจ็บปวด: 88%
มีอาการปวดหลังลำคอ: 78%
มีผลกระทบที่ไม่ดีต่อความชื้นสูง: 87%
72% มีความยากลำบากในการแสดงอารมณ์หรือการจัดการอารมณ์
97% มีประสบการณ์ว่ามีความรู้สึกเร่งด่วนว่าจะต้องรีบทำภารกิจของตัวเองให้เสร็จ
49% รอดตายจากอาการป่วยที่ร้ายแรงถึงแก่ชีวิต
58% เคยประสบอุบัติเหตุที่รุนแรง
72% เคยมีประสบการณ์เฉียดตาย
87% เป็น “มนุษย์กลางคืน”
89% เคยถูกบอกว่าพวกเขามีตาที่ผิดปกติหรือดูน่าสนใจ
87% มีประสบการณ์ที่เรียกว่า “ประสบการณ์/หรือมุมมองในการเห็นเทวดา, เอลฟ์, เอเลี่ยน, กลุ่มพลังงานแสง, สิ่งศักดิสิทธิ์ที่เป็นตัวกระตุ้น” ในช่วงอายุประมาณห้าขวบ
88% มีประสบการณ์ที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในช่วงอายุประมาณ 11 ปี -
hello8 เยอะจัดเดี๋ยวจะมาอ่านใหม่ ขอบคุณมากๆคุณ zipper
-
ในช่วงรอยต่อระหว่างปี
คืนหนึ่งฉันฝันเห็นเด็กผู้ชายขับจานบินมาคุยด้วย
คืนถัดมาฉันเจอตัวแม่ขับจานบินใหญ่กว่าเอาฉันขึ้นไป -
โอ้ววว...ขอบคุณค่ะ คุณ zipper :cool:
-
อ่านยังไม่จบจ้า แต่มาขอบคุณไว้ก่อน
อิอิ ^^ -
อันคำแปลภาษาไทยที่อยู่ในวงเล็บและมี ? ตามหลัง หมายความว่าประโยคภาษาอังกฤษนั้นแปลว่าอย่างนี้หรือเปล่านะ คือไม่แน่ใจที่แปลมาเหมือนกันเลยมี ? ตามหลัง
Brad Steiger เค้าก็เขียนหนังสือมาหลายเล่มเหมือนกันนะ ลองค้นหาดูได้ แต่ไม่รู้ว่าเอาเนื้อหามาจากไหน