"ความฝัน เทพสังหรณ์" สัญญานเตือนจากเบื้องบน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 9 พฤษภาคม 2007.

  1. saktayu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +90
    เมื่อคืนวันอังคารและคืนวันพุทธฝันเกี่ยวกับภัยพิบัติ2คืนซ้อนคืนแรกฝันว่าน้ำจะสูงขึ้นเรื่อยๆคืนที่2ฝันว่าได้คุยกับใครไม่รู้เราถามว่าโค้งสุดท้ายแล้วใช่ไหมเขาบอกว่าตั้งสติไว้และได้เห็นข้อความข้อความหนึ่ง ผู้มีพลังพิเศษลุธรรม แล้วได้ออกเดินเห็นบนท้องฟ้ามีufoอยู่4-5ลำบนท้องฟ้าข้างล่างก็มีแล้วก็เดินไปเจอคนกลางทางเราก็ชวนไปด้วยกันเราถามเขาว่าจะไปหลบที่ไหนเขาบอกว่า จี้กง เเล้วเดินไปเจอสะพานไม้เก่าๆตัวเขาเลือกจะข้ามสะพานไม้ตัวนั้นเเต่ตัวผมไปอีกเส้นทางหนึ่งที่ดีกว่า หลายเดือนเเล้วที่ไม่ได้ฝันอย่างนี้คงใกล้ถึงเวลาแล้วทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
     
  2. tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747


    ข่าวคมชัดลึก :ระทึก แผ่นดินไหวชายแดนพม่า 6.7 ริกเตอร์ ตึกสูงภาคเหนือสั่นหนีตายวุ่น กทม.-อีสานรู้สึกด้วย พระธาตุเชียงแสนยอดหัก สาวใหญ่แม่สายโดนกำแพงโค่นทับดับ นักวิชาการชี้เกิดใกล้ไทยมากที่สุด
    โฆษณาโดย Google
    ทำประกันทั้งทีต้องให้คุ้มซื้อ 1 แถม 1 เริ่มเพียงวันละ 7 บาท คุ้มครองอุบัติเหตุและโรคร้าย คุ้ม..www.cigna.co.th/1care2



    สำนักงานสำรวจภูมิศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (ยูเอสจีเอส) รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ริกเตอร์ ในประเทศพม่า เมื่อเวลา 20.25 น. วันที่ 24 มีนาคม จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ ที่ความลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ห่างจากนครย่างกุ้ง 589 กิโลเมตร และห่าง จ.เชียงราย 89 กิโลเมตร สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ริกเตอร์ ในพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรอยู่น้อย แต่เต็มไปด้วยภูเขาชันที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินถล่ม และยืนยันว่า ไม่มีการเตือนสึนามิในฝั่งทะเล เนื่องจากแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลจากทะเล
    ขณะเดียวกันมีรายงานว่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวสร้าง ความแตกตื่นให้แก่ชาวพม่าเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังพบว่า กระแสไฟฟ้าในจังหวัดท่าขี้เหล็กดับทั่วทั้งเมือง เช่นเดียวกับระบบโทรศัพท์พื้นฐานที่ไม่สามารถใช้การได้
    ศูนย์กลางพม่า 6.7 ริกเตอร์
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้ง นี้ ใน จ.เชียงใหม่ หลายพื้นที่ทั้ง อ.เมือง อ.แม่ริม อ.สันทราย อ.สันกำแพง อ.เชียงดาว และอ.ฝาง รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนประมาณ 1 นาที ส่งผลให้อาคารหลายแห่งสั่นไหว กระจกประตูหน้าต่างเกิดเสียงดัง ประชาชนที่กำลังพักผ่อนในบ้านพักและอาคารสูงต่างตกใจ โดยเฉพาะผู้พักอาศัยในอาคารสูงย่านถนนนิมมานเหมินทื ถนนห้วยแก้ว ต่างพากันวิ่งออกมานอกอาคารกันอย่างแตกตื่น หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงใหม่เร่งสำรวจความเสียหายที่อาจจะ เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้หน่วยดับเพลิงกู้ภัยและหน่วยกู้ภัยพิเศษเตรียมพร้อมออก ปฏิบัติงานได้ทันที
    ขณะเดียวกัน เครือข่ายวิทยุของหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน จ.เชียงใหม่หลายแห่ง แจ้งผ่านเครือข่ายว่า "เกิดเหตุแผ่นดินไหวมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณชายแดนพม่า วัดความแรงได้ถึง 6.7 ริกเตอร์"
    ว่าที่ ร.ต.ชยันต์ อยู่สวัสดิ์ นายอำเภอฝาง กล่าวว่า อ.ฝาง มีพื้นที่ติดชายแดนไทย-พม่า และติดกับ จ.เชียงราย ทำให้รับรู้แรงสั่นสะเทือนนานเกือบ 3 นาที โดยแรงสั่นสะเทือนเริ่มจากแรงแล้วค่อยๆ อ่อนกำลัง เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านตื่นตกใจเป็นอย่างมาก ทางอำเภอได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายแล้ว
    เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ เกิดขึ้นยังส่งผลให้การสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือติดต่อได้ยากกว่าปกติ เบื้องต้นคาดว่าเสาและระบบส่งสัญญาณอาจเกิดขัดข้องจากแรงสั่นสะเทือน
    นอกจากนี้แรงสั่นสะเทือนยังรู้สึกได้ทั่วภาคเหนือ ทั้ง จ.เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน สุโขทัย รวมทั้งตึกสูงหลายแห่งในกรุงเทพฯ ก้รู้สึกได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในตึกสูง ที่ต่างพากันวิ่งหลบหนีออกมาจากตัวอาคาร
    คนเชียงใหม่ผวาตึกสั่น-หนีวุ่น
    น.ส.จันจิรา จารุศุภวัฒน์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนชั่น จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เกิดแผ่นดินไหวแรง สั่นสะเทือนประมาณ 3 นาที รับรู้ถึงสั่นสะเทือนได้มาก ขณะเกิดเหตุอยู่ในสำนักงานชั้น 1 ยังรู้สึกได้ ทำให้ค่อนข้างตกใจ ส่วนอาคารที่มีกระจกจะเกิดเสียงดัง หรือผู้ที่อยู่อาคารสูงจะเวียนศีรษะ ผู้ที่อยู่ในคอนโดมิเนียมย่านถนนนิมมานเหมินท์ ต่างวิ่งออกมาอยู่นอกอาคาร แม้แต่ที่ จ.ลำปาง แจ้งว่ารู้สึกได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่เกิดโทรศัพท์ไม่สามารถติดต่อได้ จากการตรวจสอบในหลายพื้นที่ยังไม่พบความเสียหาย
    ด้านนางสุวรรณา เลธัม ชาว ต.สันนาเม็ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะที่เกิดแผ่นดินไหวกำลัง นั่งอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ ขนาดยาว 12 เมตร มองเห็นว่าน้ำกระเพื่อมแรงมากจนทะลักออกนอกสระน้ำ ซึ่งตอนนั้นตกใจมาก จึงวิ่งเข้าไปหาลูกสาวในบ้าน และออกมาอยู่กันนอกบ้าน เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ตั้งแต่อยู่ที่ จ.เชียงใหม่มาเกือบ 5-6 ปี ไม่เคยรู้สึกถึงความสั่นไหวเท่ากับครั้งนี้
    น.ส.โซไรดา ซาลวาลา เลขานุการมูลนิธิเพื่อนช้าง กล่าวว่า อยู่บนอาคาร ถนนพระราม 9 รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนประมาณ 3 นาที ขณะนั้นกำลังประชุมอยู่ เกิดการสั่นสะเทือน น้ำในแก้วสั่น จากนั้นผู้ที่อยู่บนอาคารได้ออกจากตึกหมด
    อาฟเตอร์ช็อกตามมาเป็นระลอก
    ขณะเดียวกันมีรายงานว่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว สถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเชียงใหม่ รายงานเพิ่มเติมว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกรู้สึกได้ที่ จ.เชียงใหม่รวม 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเวลา 21.06 น. วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5 ริกเตอร์ เวลา 21.23 น. วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 4.8 ริกเตอร์ และเวลา 22.55 น. วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.5 ริกเตอร์ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่พักอยู่ในโรงแรมหลายแห่งได้ทยอยเช็กเอาท์ โดยเฉพาะแขกที่พักอยู่บนชั้นสูงๆ
    กำแพงทับคนแม่สายดับ 1
    ที่ จ.เชียงราย เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเกือบทุกพื้นที่ของจังหวัด โดยเฉพาะ อ.แม่สาย แม่จัน เชียงแสน แม่ฟ้าหลวง และอ.เมือง รู้สึกได้อย่างชัดเจนนานประมาณ 10 วินาที และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกครั้งในเวลา 21.26 น.
    เบื้องต้นเหตุแผ่นดินไหวครั้ง นี้ส่งผลให้ไฟฟ้าใน อ.แม่สาย ดับชั่วคราว สัญญาณโทรศัพท์ขัดข้อง มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 คน คือ นางหงส์ คำปิง อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 10 ต. เวียงพางคำ อ.แม่สาย ที่โดนกำแพงล้มทับขณะหลบหนีออกมาจากบ้าน
    จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง ญาติหลายคนในบ้านต่างพากันวิ่งออกจากบ้านอย่างแตกตื่น แต่นางหงษ์เข้านอนก่อน จึงไม่ได้วิ่งตามออกไปด้วย จากนั้นญาติที่วิ่งไปอยู่ที่ลานหน้าบ้านได้ยินเสียงฝาบ้านล้มลงมา จึงพากันวิ่งเข้าไปดู ปรากฏว่านางหงษ์ถูกกำแพงห้องนอนล้มทับเสียชีวิตแล้ว
    ขณะเดียวกันสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิตในพื้นที่รัฐฉาน 10 ราย
    นักท่องเที่ยวตื่นคืนห้องพัก
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวทำ ให้บรรดานักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.แม่สาย และเข้าพักยังโรงแรมแถบชายแดน ซึ่งเป็นตึกสูง ต่างพากันตกใจวิ่งหนีออกจากโรงแรมมาหาที่ปลอดภัยอยู่ตามริมถนน หลังเหตุแผ่นดินไหวสงบ พบว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากต่างพากันคืนห้องพักและขึ้นรถบัสออกจาก อ.แม่สาย บรรยากาศในเขตพื้นที่ อ.แม่สาย พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ต่างแตกตื่นและพากันออกมาอยู่นอกตัวอาคารบ้าน หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอแผ่นดินไหวที่รุนแรงขนาดนี้
    ขณะเดียวกันที่บริเวณหอระฆังบนพระธาตุวัดดอยเวาเกิดแตกร้าว ซึ่งเทศบาลตำบลแม่สายได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหายเบื้องต้นแล้ว และยังเกิดเหตุอาฟเตอร์ช็อกตามมาเรื่อยๆ
    ช็อกพระธาตุเชียงแสนยอดหัก
    นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับการประสานงานจากนายสมชัย หัตยตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหว เบื้องต้นพบว่าพระธาตุเชียงแสนยอดหัก พระธาตุจอมกิตติยอดเอียง บ้านเรือนประชาชนมีฝ้าหล่นลงมาหลายหลังคาเรือน โดยหลังเกิดเหตุยังมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายครั้ง ขณะที่โทรศัพท์ในพื้นที่ไม่สามารถใช้การได้ เจ้าหน้าที่ต้องติดต่อทางวิทยุ อย่างไรก็ตาม ปภ.จังหวัดจะลงพื้นที่เพื่อเร่งสำรวจความเสียหาย
    สะเทือนถึง กทม.-อีสาน
    นายบุรินทร์ เวชบันเทิง ผู้อำนวยการส่วนเฝ้าระวังแผ่นดินไหวและสึนามิ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า เกิดแผ่นดินไหวขึ้น เมื่อเวลา 20.55 น. ความรุนแรงวัดได้ที่ 6.7 ริกเตอร์ ศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่า ห่างจาก จ.เชียงราย 56 กิโลเมตร คาดว่าจะมีความเสียหายขึ้นใน จ.เชียงราย และหลายจังหวัดในภาคเหนือรู้สึกได้ รวมถึงอาคารสูงในกรุงเทพฯ ก็รู้สึกได้ถึงความสั่นไหว หลังจากนั้นเกิดอาฟเตอร์ช็อก ความแรงประมาณ 5 ริกเตอร์
    "แผ่นดินไหวครั้ง นี้มีอาฟเตอร์ช็อก 1 ครั้ง 5 ริกเตอร์ ความรู้สึกสั่นไหวถึงภาคอีสานด้วย รวมถึงผู้ที่อยู่ในอาคารสูง เหตุครั้งนี้ไม่มีสัญญาณเตือนว่าจะเกิดในพื้นที่ดังกล่าว ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ยังไม่ได้รับรายงานเข้ามา แต่แผ่นดินไหวขนาด นี้ปกติจะทำให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน วัด ที่อยู่ตามแนวชายแดน ส่วนจะเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมากี่ครั้งนั้น ไม่สามารถจะบอกได้ แต่แรงสั่นสะเทือนจะน้อยลง" นายบุรินทร์กล่าว
    แจ้งระวังภัยว่อนเน็ต
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลาที่เกิดแผ่นดินไหวมี การแจ้งข่าวกันทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์กันจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง และแพร่ บอกว่ารู้สึกตื่นตกใจมาก เพราะไม่เคยพบแผ่นดินไหวที่ รุนแรงเช่นนี้มาก่อน โดยรวมเวลาที่สั่นสะเทือนเกือบ 1 นาที นอกจากนี้ยังมีการแจ้งความเสียว่า หอพักที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ร้าวด้วย
    ส่วนในทวิตเตอร์ มีผู้ทวิตระบุว่า รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน เช่น ผู้ที่ทำงานในตึกแกรมมี่ชั้น 37 โคมไฟโยก มู่ลี่โยก ยืนขึ้นก็มึนๆ ที่ จ.นนทบุรี ผู้ที่อยู่ที่ตึก รพ.นนทเวช ชั้น 16 รับรู้ถึงแรงสั่น รวมทั้งที่ รพ.บำรุงราษฎร์ชั้น 11 ส่วนผู้ที่อยู่ชั้น 10 ตึกมาลีนนท์ ช่อง 3 ไฟห้อยบนตึกโยกอย่างแรง เห็นได้ชัดถึงการสั่นไหว และรู้สึกปวดหัวมาก รวมถึงผู้ที่อยู่คอนโดริมเจ้าพระยา ต้องอพยพลงมาชั้นล่างเพื่อความปลอดภัย ขณะที่ห้องส่งทีวีไทยพบโคมไฟโยกอย่างเห็นได้ชัด
    เผยใกล้ไทยกว่าทุกครั้ง
    ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหว สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) ระบุถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดว่า บริเวณจุดที่เกิดแผ่นดินไหวอยู่ระหว่างรอยต่อของประเทศพม่า ไทย และลาว ซึ่งบริเวณดังกล่าวเคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด ใหญ่หลายครั้ง มีจุดศูนย์กลางค่อนมาทางใต้ใกล้กับประเทศไทยกว่าทุกครั้ง ซึ่งห่างจาก จ.เชียงราย เพียงแค่ 89 กิโลเมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรง อาจสร้างผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว คาดว่าน่าจะอยู่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ส่วนความเสียหายจะมากน้อยเพียงใดต้องตรวจสอบในพื้นที่
    "แผ่นดินไหวครั้ง นี้น่าจะปล่อยคลื่นความถี่ต่ำออกมามาก จึงทำให้หลายพื้นที่ทั้งใน จ.เชียงราย เชียงใหม่ ตลอดจนตึกสูงในกรุงเทพฯ รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่บริเวณพรมแดนไทย พม่า ลาว ซึ่งบริเวณนี้เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ริกเตอร์ หลายครั้ง ในส่วนของประเทศไทยน่าจะอยู่ในระยะที่ไม่น่าจะเป็นอันตราย แต่ถ้าเป็นอำเภอที่ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนที่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอาจได้ผลความเสียหายได้" ดร.เป็นหนึ่งระบุ
    คาดเกิดจากรอยเลื่อนแม่จัน
    รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า คิดว่าความรุนแรงที่วัดได้ยังไม่นิ่ง คล้ายกับที่เกิดที่ญี่ปุ่น อาจจะเป็นรอยเลื่อนแม่จัน เหนือสุดของเชียงแสน เวียงหนองล่มที่เคยเกิดในศิลาจารึก ที่เรียกว่าโยนกน่านนคร ที่คนทั้งเมืองล่มสลาย เมื่อประมาณพันปีที่แล้วก่อนสมัยสุโขทัย ซึ่งนักธรณีวิทยาคิดว่าน่าจะเป็นอิทธิพลของการเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนแม่จัน
    ส่วนเหตุที่ญี่ปุ่น เกิดจากรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่ปลดปล่อยพลังงาน ซึ่งไทยความรุนแรงไม่เท่าญี่ปุ่นและไม่เกิดวงแหวนแห่งไฟ ความรุนแรง 6.8 ริกเตอร์ หากมีอาฟเตอร์ช็อกก็ไม่รุนแรงและไม่น่าจะเท่ากับญี่ปุ่น จุดที่ห่วงคือ ภาคเหนือ มีเจดีย์ สถูป ซึ่งเป็นจุดที่ก่อสร้างนานแล้ว ไม่ทราบว่าจะมีจุดรองรับแผ่นดินไหวหรือไม่ เพราะบางเจดีย์มีความเอนไปจากที่ควรจะเป็น
    อาฟเตอร์ช็อกนับสิบครั้ง
    นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้ง นี้อยู่ใกล้รอยเลื่อนน้ำทา รอยเลื่อนที่ห่างไปทางใต้ของประเทศเวียดนาม ยืนยันขนาดความรุนแรง 7 ริกเตอร์ อยู่ในระดับความลึกจากพื้นที่ 10 กิโลเมตร ขณะนี้กำลังเฝ้าระวังการเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้หลายจังหวัดทางภาคเหนือ และภาคอีสาน อย่าง จ.ขอนแก่น รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว จนถึงขณะนี้เกิดอาฟเตอร์ช็อกในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย แล้วกว่า 10 ครั้ง
    กฟผ.ยันไม่กระทบเขื่อนในไทย
    นายวีรชัย ไชยสระแก้ว ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบำรุงรักษาโยธา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง ประเทศไทยทั่วประเทศ กล่าวว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวที่ติดตั้งทุกเขื่อน พบว่าไม่มีแรงกระทำมาถึงตัวเขื่อน เนื่องจากอยู่ไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ ห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ประมาณ 725 กิโลเมตร ห่างจากเขื่อนภูมิพลประมาณ 428 กิโลเมตร และห่างจากเขื่อนสิริกิติ์ประมาณ 352 กิโลเมตร ขอให้วางใจว่า ทุกเขื่อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่าง สำหรับประชาชนที่ห่วงความปลอดภัยของเขื่อนศรีนครินทร์ หากต้องการเห็นสภาพเขื่อนศรีนครินทร์ในปัจจุบัน สามารถเข้าชมจากกล้องซีซีทีวีได้ที่ <Index page>
    นายกฯเกาะติด-บุญจงเลื่อนไฟลท์
    วันเดียวกัน เมื่อเวลา 22.35 น. นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กำลังเกาะติดเหตุแผ่นดินไหว โดยมีหน่วยงานที่เชียงใหม่รายงานให้ทราบเป็นระยะ
    ทั้งนี้มีรายงานว่า นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีกำหนดเดินทางมาร่วมประชุมและมอบนโยบายหน่วยงานในสังกัดที่ จ.เชียงใหม่ ได้ยกเลิกกำหนดเดินทางมายังท่าอากาศยานเชียงใหม่ในเวลา 22.40 น. อย่างกะทันหัน

    พอมาเจอข่าวรู้สึกขนลุกเลยครับ เกี่ยวหรืออาจไม่เกี่ยวอะไรกับความฝันนะครับ
    ที่ได้เคยเล่าเรื่องความฝันว่าเกี่ยวกับเรื่องเหตุแผ่นดินไหว
    ไม่ได้เอาสถานการณ์ปัจจุบันมาอิงกระแส (นานาจิตตัง)
    เอาความน่าจะเป็นมากกว่า ไม่ควรตื่นตูม ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้ตระหนัก และตื่นตัวไม่ประมาท

    ใครที่เขามาเืตือนเราหรือให้ข้อมูลอะไรก็ให้พิจารณาหลายอย่างเป็นองค์ประกอบ ที่มาที่ไป และเหตุผล ความน่าจะเป็น และควรจะขอบคุณเขา และไม่ควรจะไปปรามาสเขา ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

    แต่อย่างไรก็ดี ก็อยากให้ทุกคนช่วยกันเตือนฝากกระจายกันด้วยนะครับ ให้ระมัดระวังเกี่ยวกับแผ่นดินไหวบ้างในช่วงนี้ (ที่ประมาทไม่ได้คือน้ำ) แต่ไม่รู้ว่าตรงใหน ถ้าเป็นกทม เป็นได้ทุกส่วนเช่น สุขุมวิท สีลม บางรัก ระมัดระวังมากๆเลย ตึกสูงๆ ก็ขอให้อย่าเกิดเลย แต่ก็อาจเป็นไปได้ทั่วทุกที่ในช่วงนี้ เผลอๆมี่ส่วนไปถึงเขื่อน มีผลเรื่องน้ำเข้าอีก
     
  3. น า ทู รี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +164
    ลูกสาวฝันว่ามีน้ำไหลมาท่วมบ้านที่มีนบุรี น้ำสูงแค่เท้า และบอกคนที่บ้านว่าแผ่นดินจะไหวให้รีบเก็บของไปร้อยเอ็ด
     
  4. saktayu Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +90
    วันนี้โดนรถชนเจ็บระบมทั้งตัวเเน่คืนนี้ ฝันก่อนจะเกิดเหตุการณ์เห็นพระเเนวขมังเวทย์ยื่นกระดาษมีอักขระอ่านไม่ออกให้ผู้หญิงคนหนึ่งพอผู้หญิงรับไปไฟก็ลุกกระดาษหน้าผู้หญิงคนนี้ก็ดำเหมือนสูดควันจากกระดาษเข้าไปงานนี้หนักแน่เรา
     
  5. ดูที่จิต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +75
    เมื่อคืนฝันดาวสีน้ำเงินใหญ่กว่าโลกพุ่งชนโลกเหนือประเทศไทยขึ้นไปตัวเองก็ตายด้วย
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,697
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ฝัน...ถึง ดวงอาทิตย์ ****

    เห็น ดวงอาทิตย์ ๒ ดวง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,697
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ฝัน...ปลามีแผงที่คอ ****

    ปลาเหมือนปลาไหล มีแผงที่คอหลังหัว กางออก ๗ แฉก
    นึกถึงคนที่เขาเกิดเป็นพญานาค

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. RAPHEE สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +1
    ทำไม..วันสองวันนี้มีแต่คำว่า 7 7 49
     
  9. RAPHEE สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +1
    วันมหาวิปโยค โดย7749

    <TABLE class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" cellSpacing=0 xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><TBODY><TR><TD class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1">สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ

    ข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องที่จะได้นำมาให้อ่านต่อไปนี้ ได้มาจากหนังสือเรื่อง “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาศ” ซึ่งท่านผู้ใช้นามปากกาว่า “ศุภนิมิต”ได้เรียบเรียง
    จากต้นฉบับที่เป็นภาษาจีนอีกทีหนึ่ง สาระของเรื่องได้ถ่ายทอดจากการรับรู้ของเด็กหญิงผู้วิเศษชื่อ “เทียนไฉ”ที่ประเทศมาเลเซียโดยการประทับทรงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    และจากการถอดจิตขึ้นไปสู่โลกเบื้องบนไปรู้ไปเห็นมาหลายครั้งหลายหนของเธอดังนี้
    เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า: วันที่ฟ้าดินมืดมิด
    1. ก่อนหน้า “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้า”วันฟ้าดินมืดมิดสองสามวัน บรรยาการของโลกดูสงบเงียบไปทั่ว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ความเงียบสงัดก่อนพายุฝนจะ
    กระหน่ำมักเป็นความเงียบที่น่ากลัวเสมอ แล้วทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างเป็นแดงฉานและกลายเป็นสีเทาขาว จนกระทั่งมืดมิดลง ลมมหาประลัยทำลาย
    สิ่งปลูกสร้าง คน และสัตว์ทั้งหมดให้กลายเป็นจุณมหาจุณในพริบตา
    ข้อความ 1
    2. โลกทั้งโลกตกอยู่ในความืดมิดจนมองไม่เห็นสิ่งใดเลย ไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟใดๆ ทั้งสิ้น พลังงานไฟฟ้าจากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทุกอย่างใช้การไม่ได้ผล
    ต่อจาก นั้นก็เกิดพายุและลมฝน เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดไม่ขาดสาย ห่าฝนเมฆสีแดงจะเทลงมาจากฟากฟ้า โลกจะตกอยู่ในความมืดมิดของรัตติกาล นานถึงสี่สิบ
    เก้าวัน
    3. มีเพียงโคมไฟสามดวงในพุทธสถานเท่านั้นที่ให้แสงสว่างได้ รอบนอกสถานธรรม ได้ถูกห่อหุ้มปกป้องด้วยรัศมีสีม่วงโดยทั่ว เมื่อนั้นคนที่บำเพ็ญโดยแท้จริง
    และคนดีที่ยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิถี ธรรม ก็จะได้รับการดลใจ ชักนำให้เข้ามาหลบภัยในพุทธสถาน ในที่นั้นหากมีธรรมอธิการผู้อาวุโส(เฉียนเหยิน)หรืออาจารย์
    ผู้ถ่ายทอด ธรรมอยู่ด้วยก็อาจจะช่วยชี้ธรรมให้คนเหล่านั้น คนที่มีกุศลบารมีสูงก็จะรู้แจ้งในทันทีและนั่นอาจจะเป็นแสงอาทิตย์ลำสุดท้าย ที่จะโปรดสัตว์ในธรรมกาล
    ยุคขาวก็ว่าได้ คนที่ไม่เคยร่วมบุญกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ใดมาก่อนเลย เกรงว่าจะต้องตายด้วยภัยพิบัติทันทีเลยทีเดียว ถึงแม้จะรอดพ้นไปได้แต่วิถีอนุตตรธรรมก็สิ้น
    สุดวาระการถ่ายทอดเสียแล้ว
    4. ส่งเสริมให้ญาติธรรมทั้งหลาย สร้างพุทธสถานกันให้มาก ๆ แม้จะมีไว้เพียงเพื่อตนเองจะได้กราบไหว้เช้าเย็นก็ยังดี เพื่อให้ทุกบ้านเป็นสถานแห่งพุทธ สมดัง
    พุทธปณิธานโดยเร็ว เมื่อถึง “วันสุดท้ายฯ”พุทธสถานจะได้เป็นที่หลบภัยของสาธารณชนให้มาก ๆ เพราะพุทธสถานจะเป็นเสมือน “เมืองในม่านเมฆ”สำหรับ
    ผู้ใฝ่ธรรม
    5. สภาพโลกภายนอกของพุทธสถานคือ ภูเขาถล่ม แผ่นดินแยก เจ้ากรรมนายเวรของคนทั้งหลายที่เป็นหนี้ติดค้างกันมาถึงหกหมื่นปีมาแล้ว จะลุกฮือกันออกมา
    เอาชีวิต วิญญาณทวงหนี้กัน แม้ผู้คนจะพ้นจากมหันตภัย แต่ก็อาจต้องตายด้วยเจ้ากรรมนายเวร สภาพนั้นจึงเป็นมหาโหด มหาวิปโยค เสียงร่ำไห้กู่ร้องครวญคราง
    เสียงผีสาง เทพพรหม ระงมก้องไปทั่วเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก
    6. เหล่าภูตสางนางไม้ในป่าเขาในบาดาล เหล่าพญามารอสูรทั้งหลายก็จะแปลงกายเป็นพระศรีอาริย์ เป็นพระอวโลกิเตศวรโพธิ์สัตว์กวนอิม เป็นพระอาจารย์จี้กง
    หรือพระอริย เจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย สำแดงอิทธิปาฎิหาริย์ เรียกลมเรียกฝนเสกหว่านเมล็ดถั่วให้กลายเป็นกองทัพ ฯลฯ จะอวดอ้างศักดานุภาพว่าจะสามารถพาผู้คน
    ให้พ้นจากลมมหาประลัย มุ่งคืนไปยังสุทธาวาสเบื้องบนได้ สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อหลอกล่อผู้ปฎิบัติธรรมโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลานั้นให้เราทั้งหลายจงตั้งมั่นอยู่ในศรัทธา
    จิตอย่างเช่นเดิม อย่าได้โลภหลงตามไปเป็นอันขาด พอขยับใจไขว้เขวแม้เพียงขณะจิตหลงติดตามไป บุญกุศลที่สร้างมาก็จะหมดไป ดังคำที่ว่า “ใกล้จะบรรลุธรรม
    ยามเที่ยง แต่มาเพลี่ยงพล้ำเสียก่อนเมื่อตอนสาย”จะขึ้นหรือลงจึงอยู่ที่หัวเลี้ยวหัว ต่อตรงนี้ ที่แอบอ้างว่าเป็นพระบรรพธรรมาจารย์ มาเก็บงานธรรมอยู่ในขณะนี้
    นั้น เป็นเพียงมารเล็กๆเท่านั้น ไม่น่าแปลกต่อเมื่อวันที่มหันตภัยเกิดขึ้นแล้วนั่นแหละจะน่ากลัว เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงพระองค์ต่างมุ่งอยู่แต่งาน ช่วยคนให้
    พ้น จากภัยพิบัติไม่มีเวลาจะมาแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ล่อใจใครให้กราบไหว้ได้เช่น นั้น พระพุทธะตรัสไว้ว่า “แรงแห่งมารหาญกล้ากว่าพุทธะ” พระอาจารย์จี้กงก็
    กล่าว ว่า “พระอาจารย์ปลอมมีอิทธิปาฎิหาริย์แกร่งกล้ากว่าพระอาจารย์จริงเสียอีก หวังว่าหญิงชายทั้งหลายจะได้ร่วมกันบำเพ็ญธรรม อย่าลืม อย่าลืม คนที่บำเพ็ญ
    ด้วย ความจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากจะสงบใจพิจารณาด้วยปัญญา ก็จะเห็นแจ้งว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงหรือปลอม”จะเห็นใบหน้าสีเขียว เขี้ยวโง้งของปีศาจในร่าง
    ของพุทธะได้โดยไม่ต้องเทียบเคียง
    7. วันที่ทรมานที่สุด จะมีสองช่วงคือ
    ช่วง ที่หนึ่ง วันที่ 24,25,26,ของช่วง “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน”เพราช่วงนั้นอาหารที่สะสมไว้จะหมด คนที่กินเจจะยังอดทนต่อความหนาวเหน็บ ส่วนคนที่กิน
    เนื้อสัตว์จะทรมานมาก ช่วงที่สอง ช่วงนี้จะอยู่ระหว่างวันที่ 50ถึง 70เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายจะถูกเคลือบด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสีซากศพเกลื่อน กลาด คน
    เคราะห์ดีที่ยังมีชีวิตอยู่จะยังต้องทำหน้าที่ฝังศพ คนที่กินเจจะมีกำลังอยู่ได้ ส่วนคนที่กินเนื้อสัตว์จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ดังนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงได้ประทานพระ
    โอวาทคำเตือนไว้นานมา แล้วว่า “หลังจากมหันตภัยกวาดล้างโลกนี้กลายสภาพเป็นตมไปแล้ว จะเหลือแต่พระอรหันต์เดินดินไม่กินเนื้อสัตว์”เป็นคำเตือนที่ชัดเจน
    แน่นอนที่สุดทีเดียว
    8. หลังการกวาดล้างแล้ว ก็จะเป็นการสร้างบ้านเมืองใหม่ มนุษย์จะเริ่มเบิกดิถี ด้วยอารยธรรมใหม่ นั่นคือมีคุณธรรมและมีคุณสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อจดจำบท
    เรียน ที่ได้รับจากภัยพิบัติ ปรัชญาความคิดของท่านบรมครูขงจื้อและเมิ่งจื้อ จะเป็นที่เทิดทูนศรัทธาทั่วโลก ความจริงใจรักใคร่ช่วยเหลื่อซึ่งกันและกัน จะเป็นปฎิญญา
    ที่ทุกคนรักษาไว้ร่วมกัน
    9. พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จสู่โลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่งในศุภวาระนี้ จะทรงเปิดเผยให้เห็นฉากสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ของพระอรหันต์แห่งธรรมกาลยุคขาว นี้ จะ
    ทรงประทานอริยฐานะตามลำดับมรรคผลบุญกุศล จากนี้โลกแห่งสันติสุขเยี่ยงสมัยพระเจ้า “เหย่าซุ่น” หรือโลกพระศรีอาริย์ก็ได้เบิกวิถี ณ บัดนี้
    ภาพเมื่อโลกถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลาย<O </O
    ใน หนังสือ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เห็นวันโลกาวินาส”ศุภนิมิตถอดความไว้ว่า:-เมื่อวันที่ 30มกราคม พ.ศ.2531เวลา 17.10น.เด็กหญิง “เทียนไฉ”
    ถอดจิตออกจากร่าง ติดตามพระอรหันต์จี้กงขึ้นไปเหนือเมฆ มองดูภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าสภาพอันน่าเวทนาเมื่อเวลาระเบิด นิวเคลียร์ระเบิดขึ้น
    มีดังนี้<O </O </O
    ระเบิด นิวเคลียร์ลูกหนึ่ง ได้ยิงไปตกลงยังเมือง ๆ หนึ่ง หัวระเบิดได้ระเบิดขึ้นกลางอากาศเกิดเปลวไฟและแสงสว่างอันแรงกล้า แล้วทันใดนั้นมันก็ทำลายสิ่งปลูก
    สร้างที่มีอยู่ทั้งหมดชั่วพริบตา พร้อมกับเสียงดังกัมปนาทและแรงสะเทือนอย่างรุนแรงจากระเบิด ความกดอากาศเปลี่ยนแปลงทันที คนและสัตว์ทั้งหลายบาดเจ็บและ
    ล้มตายลงนับ จำนวนไม่ถ้วน ทุกหนทุกแห่งเห็นแต่ภาพน่าอนาถ กลุ่มควันที่เหมือนเมฆสีดำรูปดอกเห็ด ขยายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าสีดำมืด และมีกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจ
    อากาศในขณะนั้นให้ความรู้สึกอึดอัด เหมือนกำลังจะขาดใจตาย บริเวณที่ได้รับความเสียหายกว้างไกลออกไปถึงร้อยกว่ากิโลเมตร ส่วนกัมมันตภาพรังสีนั้น ครอบ
    คลุมไปไกลถึงหลายร้อยกิโลเมตร คนที่ไม่ตายด้วยไฟและแสงหรือจากแรงระเบิด ก็วิ่งพล่านกระเจิดกระเจิงไป เสียงเรียกพ่อ เรียกแม่ กรีดร้องก้องฟ้า เป็นที่น่า
    เวทนา หาที่เปรียบไม่ได้เลย ทันใดนั้นเมฆบนท้องฟ้าก็เคลื่อนไหวม้วนตัวอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีแดงเรื่อ ๆ เป็นสีแดงคล้ำแล้วกลับกลายเป็นสีเทาขาว
    แล้วในทันใดก็เปลี่ยนเป็นสีเทาดำ และดำมืด
    ถึงตอนนั้นแม้จะชูมือขึ้นตรงหน้า ก็มองไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้าได้ คนที่ยืนอยู่ต่อหน้ากันก็มองไม่เห็นกัน พระอาจารย์จี้กงตรัสไว้ว่านั่นคือ “เจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน”อันยาว
    นานที่รัตติกาลมาสู่โลก เวลาอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเริ่มแล้ว ณ บัดนี้ <O </O

    วัน ที่ 30มกราคม เวลาเช้า 9.00น.อันเป็นเวลาฝึกสมาธิ ดรุณีน้อยเอี้ยนอี๋ (เทียนไฉ)ก็ได้ถอดจิตติดตามพระอาจารย์จี้กง ไปดูสถานที่เกิดเหตุมหันตภัยต่อ
    ไปดังนี้:-<O </O </O
    ขณะ นั้น ลมมหาประลัย โหมมาทั้งสี่ทิศพร้อมกันตึกใหญ่ ๆ ที่ยังมิได้พังทลายทั้งหมด ท่ามกลางแรงระเบิดและแสงไฟโชติช่วงได้พังคลืนลงมาทั้งหมด เสียงดังสนั่น
    หวั่น ไหว แม้แต่ต้นไม้ขนาดสิบคนโอบรอบ ก็ถอนรากถอนโคน ล้มระเนระนาด ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาล้วนเป็นสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก แล้วเธอก็ได้เห็น
    หมู่บ้านใหม่แห่งหนึ่ง ตรงกลางเป็นพุทธสถาน บ้านเรือนที่อยู่ในรัศมีโดยรอบหลายร้อยเมตร ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเรืองรอง ผู้คนที่อยู่ในพุทธสถานและภายใต้
    การ ห่อหุ้มของแสงสีม่วงพ้นภัยโดยทั่วกัน ส่วนที่อยู่ห่างไกลออกไปแต่เป็นคนที่มีจิตใจดี ดูเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะดลใจให้เขาวิ่งเข้ามาหลบภัยในพุทธสถานด้วย
    โลกภายนอกมืดมิดไปทั่ว ไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าหรือดวงไฟจากสิ่งใดเลย สายฟ้าแลบพร้อมกับฟ้าคะนอง หยดน้ำสีแดง ๆ เหมือนสายฝน แต่มิใช่ โกรกลงมาจากฟ้า
    แต่ละหยดมีน้ำหนัก เหมือนเศษแก้ว กลิ่นเหม็นเอียนจัด เหมือนยาพิษร้ายแรง มันทะลุผ่านอิฐ หิน ปูน เหล็กกล้าและทุกอย่างแต่ที่น่าอัศจรรย์คือ เมื่อมันหยดลงมา
    บนรัศมี ครอบที่เป็นสีม่วง มันจะสลายตัวหายไปจนหมดสิ้น ในตำหนักพระมีพระพุทธประทีป 3 ดวง บนแท่นบูชาสาดส่องประกายไฟอยู่สว่างไสว ไม่นานต่อมาเธอ
    ก็ได้เห็น พื้นดินแยกออกเป็นร่องลึกใหญ่ทั่วไป ผีนรกทั้งหลายกรูกันออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น ทุกคนดูกระเหี้ ยนกระหือรือ พอเห็นศัตรูคู่อาฆาตลูกหนี้ในชาติ
    ก่อนของเขาก็ฉุดกระชากตัวลงไป ในร่องลึกใต้ดินโดยทันทีโดยไม่มีการพูดจาต่อรองใด ๆ เป็นภาวะที่ผีคร่ำครวญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่ำร้องโดยแท้สยองขวัญยิ่งนัก พระ
    อาจารย์ จี้กงบอกหนูเอี้ยนอี่ว่า นั่นคือการหักล้างบัญชีครั้งใหญ่ ในรอบหกหมื่นปีที่ผ่านมา ทันใดนั้นเธอก็เห็นสถานที่แห่งหนึ่งถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วงเหมือนกัน แผ่
    รัศมี รอบวงค่อนข้างมัวหมองเหมือนถ้ำ และเหมือนบ้านเก่า ภายในบริเวณไม่มีแท่นที่บูชาพระ มุมหนึ่งในบริเวณนั้นมีไหวางเรียงอยู่หลายใบ ไหทุกใบมีฟองเหมือน
    น้ำและ เหมือนน้ำมันผุดขึ้นจนล้นออกมา ฟองเหล่านั้นมีสีแดงเรื่อ ๆ ให้ความรู้สึกที่ไม่สบายใจเลย บนผนังบ้านติดยันต์เต็มไปหมด ดูอึมครึมน่ากลัว พระอาจารย์จี้กง
    บอกว่า ที่นั่นเป็นเมืองในม่านเมฆจอมปลอม เป็นถ้ำมารที่ปีศาจมารร้ายจำแลงไว้ล่อใจคนโลภหลงให้เข้าไปติดกับ ไม่นานนักเธอก็เห็นพระศรีอาริย์ปลอมลอยลงมา
    จากฟากฟ้า หัวเราะร่าร้องเรียกผู้บำเพ็ญอนุตตรธรรมและคนทั้งหลาย ที่ยังไม่ทันได้ไปหลบภัยในพุทธสถานที่แท้จริงว่า ให้ติดตามเรามา เจ้าจะหลบเลี่ยงภัยพิบัติได้
    อีกทั้งแสดงอิทธิปาฎิหาริย์ให้แสงสีม่วงห่อ หุ้มพวกคน ให้พ้นจากการทำลายของฝนพิษได้ เท่านั้นยังไม่พอยังมาตะโกนเรียกผู้บำเพ็ญธรรมที่หลบภัยอยู่ในตำหนักพระ
    ภายใต้ครอบแสงสีม่วงให้ตามไป จะได้ยกระดับและมอบหมายตำแหน่งงานธรรมชั้นสูงให้
    ใครก็ตามที่หลงเชื่อตามไปในครั้งนี้ ก็จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป โดยแท้จริงแล้ว คนที่เข้าพุทธสถานแล้วภัยพิบัติมิอาจเข้ามาทำลายได้เลย เมื่อถึงเวลานั้นคน
    ที่บำเพ็ญธรรมจงพึงระวังตัวให้รอบคอบทีเดียว<O </O </O

    วัน ที่ 3กุมภาพันธ์ เวลาบ่ายสองโมงโดยประมาณ พระอาจารย์จี้กงพาหนูน้อยเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:-แม้จะ ผ่านช่วงสี่สิบเก้าวันอันยาวนาน
    และน่าสะพรึงกลัวไปได้แล้วก็ตาม แต่โลกก็ยังตกอยู่ในความมืดมิด ต่อมาจึงค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละน้อย เห็นศพเกลื่อนกลาดกองพะเนิน มีแต่หัวขาด แขนขาด ขาขาด
    หรือตัวขาดเป็นท่อน จนแทบไม่มีศพเต็มร่างเลยโลหิตสีดำคล้ำนองไหลมารวมกัน จนเหมือนแม่น้ำเลือดกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่วจนอยากอาเจียน พูดได้ว่ามัน
    คือ นรกในเมืองมนุษย์จริง ๆ ไม่นานต่อมา แสงสีม่วงที่ครอบพุทธสถานก็ค่อย ๆ จางไป ญาติธรรมทั้งหลายพากันออกมาภายนอกได้แล้ว โลกทั้งโลกเงียบสงัด สัตว์ที่
    ยังหลงเหลืออยู่ได้มีเพียงประเภทเดียว คือสัตว์ที่กินหญ้าหรือกินพืชผักเป็นอาหาร คือ กระต่าย แกะ วัว ควาย และม้าเท่านั้น จากนี้คือความทุกข์ยากหลังจากวันเกิด
    มหันตภัย
    วันที่ห้าสิบถึงเจ็ดสิบ คนที่ไม่ได้ถือศีลกินเจมาก่อน ยากที่จะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ เพราะทุกหนแห่งในโลกล้วนอาบไปด้วยพิษของกัมมันตภาพรังสี พืชพันธุ์ธัญญาหาร
    ไม่ มีอะไรเหลือเลย ผู้ที่ทนต่อความอดอยากไม่ได้ ผู้ที่กินเจเฉพาะวันหรือไม่ได้กินเจ แต่โชคดีที่รอดพ้นสี่สิบเก้าคืนมาได้ ภายในร่างกายของเขายังมีสิ่งสกปรกหลง
    เหลืออยู่ อีกทั้งอารมณ์โหดจะเกิดขึ้น พวกคนเหล่านั้นจะฉีกเนื้อกระต่าย แกะ วัว ควายหรือม้ากินดิบๆได้ แต่ไม่นานต่อมาเขาก็จะต้องตายเพราะสารพิษ พระอาจารย์
    จี้กงได้โปรดเมตตาบอกว่า มีแต่คนที่กินเจเท่านั้นที่จะอยู่รอดจากความอดอยาก หลังจากภัยพิบัติใหญ่แล้วจริง ๆ <O </O </O

    วันที่ 5กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยงพระอาจารย์จี้กงได้โปรดนำหนูเอี้ยนอี๋ไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยคต่อไป:-<O </O
    ขณะ นั้นท้องฟ้าสว่างแล้ว ทุกสิ่งบนพื้นโลกมีแต่ซากที่ถูกทำลายล้าง แผ่นดินที่แยกออกปิดเข้าหากันแล้วเหลือแต่รอยแยกเป็นทางๆ แม่น้ำเลือดที่ไหลนองก็แห้งลง
    และซึมลงไปในดิน ทุกอย่างที่เห็นมีแต่สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน น่าสมเพชเวทนา และน่าอนาถใจ คนถือศีลกินเจทั้งหลาย เริ่มจะลงมือเก็บฝังหรือเผาซากศพกันอย่าง
    เป็นงาน เป็นการ เมื่อหิวกระหายก็เพียงแต่ใช้นิ้วจุ่มน้ำทิพย์ที่บูชาแตะลงที่ปลายลิ้น แล้วคนเหล่านั้นก็ประทังชีวิตอยู่กันต่อไปได้อย่างไม่เดือดร้อน คนที่ยังไม่เคย
    กินเจตลอดเสมอมา จะไม่กล้าเดินออกไปนอกตำหนักพระเลยแม้สักก้าวเดียว <O </O </O

    วันที่ 8กุมภาพันธ์ เวลาเที่ยง หนูน้อยเอี้ยนอี๋ก็ติดตามพระอาจารย์จี้กงไปดูเหตุการณ์วันมหาวิปโยค ฉากสุดท้ายต่อไป:
    ขณะ นั้น ทั้งการเก็บฝังและเก็บเผาซากศพจะแล้วเสร็จไปส่วนเสียส่วนใหญ่ แสงสีม่วงนอกจากจะปกป้องรอบ ๆ อาณาบริเวณพุทธสถานแล้ว ยังรวมทั้งต้นไม้ใบหญ้า
    และสิ่งปลูกสร้างในวงรอบรัศมีอีกด้วย ส่วนรอบนอกนั้นราพณาสูรไม่เหลืออะไรเลย ความเจริญทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดถูกทำลายหมดสิ้นและใช้การอะไรไม่ได้อีก
    เลย จากนั้นฟ้าดินก็ค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะของธรรมชาติตามปรกติ ตะวัน เดือน ออกมาส่องแสงเช่นเดิม มีลม มีฝน แม่น้ำลำคลองก็เต็มไปด้วยน้ำใสไหลล่อง ผู้คน
    เริ่มสร้างบ้านเรือนเป็นที่พักอาศัยหลบฝนและเริ่มงานทำไร่ไถนากัน อย่างขะมักเขม้น เช้าก็ออกไปทำนา เย็นก็กลับมาบ้าน ชีวิตแม้จะไม่ว่างทางแรงกายแต่ก็มั่นคง
    เป็นสุขใจ ผู้คนต่างอยู่ร่วมกันด้วยอัธยาศัยไมตรี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่มีการวิวาทบาดหมาง แย่งชิง โลกทั้งโลกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชีวิตและเป็นระเบียบ
    แบบแผนอันดีงามเหมือนโลกใหม่โดยแท้

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. RAPHEE สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +1
    ขอนำมาลงโพสใหม่อีกครั้งเพื่อย้ำเตือนผู้คน...
     
  11. Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    ไม่รู้ว่าเก็บไปฝันหรือคิดมากไปเองนะค่ะ
    เมื่อคืนฝันว่า มีคนมาเตือนว่า อีก 1 เดือนจะเกิดภัยพิบัติใหญ่ค่ะ ทุกๆคนจะตายหมด ยกเว้น
    คนที่ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ จะรอดพ้นภัยค่ะ เหมือนมีความรู้สึกว่า กำลังจะเปลี่ยนยุคนะค่ะ
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,697
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ฝัน...โลกุตตระ กับบทสวด ****

    เรานอนตะแคง พนมมือไหว้
    โลกุตตระอยู่ข้างๆ กล่าวบทสวดมีทำนอง และบอกว่า ๒๖๐ วัน
    มีคนหนุ่มผู้สอบติด ๒ คน จดบทสวดใส่กระดาษส่งให้เรา

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,697
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** ฝัน...ประธานาธิบดีโอบราม่า ****

    ชอบดูของไทย หนังไทย
    มีหลายรายการ เป็นอักษรย่อ
    มีอันหนึ่ง JJ คือ สวนจตุจักร

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เป็นอักษรย่ิ

    คือ อะไรอ่ะคุณหนุมาน
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,697
    ค่าพลัง:
    +51,933
    Sujja...in Thailand

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    แรกๆ เข้าบอร์ดภัยพิบัติบ่อยๆ ช่วงปี 2008 ก็ฝันเห็น พายุบ้าง น้ำท่วมบ้าง

    หลังๆ นี้เข้าบ่อยหนักกว่าปีก่อน ยังไม่ฝันเห็นอะไรสักอย่าง
     
  17. อวทม45 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,832
    ฝันว่ามีผู้มีบุญญาวาสนาบารมีจะได้อยู่ศาลาโพธิสัตว์ เรียนวิชาสมาธิเพื่อก้าวสูนิยตะโพธิสัตว์... ประมาณ 20 คนอย่างมาก คุณหนุมาน จะเป็น หนึ่งในนั้น แม้บารมีจะไม่มากเท่าคนอื่นก็เถอะแต่มีอะไรที่พิเศษหว่าคนอื่น รู้ไหมคืออะไร มีอีกหลายคน มีชื่อเสียงก็มี ไม่เป็นที่รู้จักก็มี ฝันประหลาดไหม
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,697
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** เปลี่ยนไปแล้ว...เป็นเรื่องสัจจะ จากโลกุตตระธรรม ****

    ร่วมสร้าง ศาลาฤทธิ์โพธิสัตว์ ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด

    ร่วมสร้างศาลาฤทธิ์โพธิสัตว์ ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด โดยพระสายหลวงพ่อปาน-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ สายครูบาศรีวิชัย สายหลวงปู่ดู่ อาทิ หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน หลวงตาวัชรชัย วันถ้ำนารนยณ์ หลวงพี่สมปอง บ้านสบายใจ ครูบาบุญชุ่ม ครูบาเทือง วัดบ้านเด่น ครูบาน้อย วัดศรีดอลมูล
    ครูบาพรรณ วัดพุทธบามห้วยต้ม จ.ลำพูน หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ ท่านอื่นๆ


    ฤทธิ์บรมมหาโพธิสัตว์ (เป็นดัง พี่ชายคนโตของพระโพธิสัตว์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย)

    ผมพบบันทึกนี้ในวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งในบันทึกบางส่วน(บันทึกค่อนข้างยาวมีหลายหน้า และผมได้แปลงภาษาในบันทึกให้ง่ายต่อการอ่าน เพราะภาษาที่เขียนเป็นภาษาไทยโบราณ) มีข้อความว่า
    “ในหมู่โพธิสัตว์ทั้งหลายยังมีโพธิสัตว์ท่านหนึ่งชื่อ ฤทธิ์โพธิสัตว์ ซึ่งท่านฤทธิ์โพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่มากด้วยฤทธิ์ทั้งทางโลกและทางธรรม หลังกึ่งพุทธกาลทุกวัดทุกบ้านเรือนจะนับถือบูชาท่าน โดยท่านได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามาตั้งแต่อดีตในไกลโพ้น และท่านมีความปรารถนาจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของโลกธาตุ ต้องการพาสรรพสัตว์ทั้งหมดไปสู่พระนิพพาน พร้อมคำอธิษฐานใหญ่ 4 ประการ (ให้สัมฤทธิ์ผลตลอดกาลนานไม่มีที่สิ้นสุด) คือ
    1.ทำให้ดินแดนพระพุทธศาสนา หรือดินแดนผู้มีศีลมีธรรม เจริญขั้นสูงสุดทั้งทางโลกและธรรม
    2.ขอให้บุญและบาป กฎแห่งกรรมจนส่งผลอย่างชัดเจนภายใน 7 วัน แก่ผู้สร้างกรรมนั้น (ขอให้สรรพสัตว์ทุกตนจงรู้กฎแห่งกรรมสำคัญๆของตนเอง และทุกวันวิสาขบูชาของทุกปี 3 แดนโลกธาตุ จงมองเห็นกันทั้งหมด เพื่อให้รู้ว่าสวรรค์นรกมีจริง)
    3.ขอให้ผู้มีอำนาจ ผู้ปกครอง ในดินแดนพุทธศาสนา ดินแดนผู้ทรงศีลทรงธรรม จงเป็นผู้พร้อมด้วยคุณสมบัติทางโลกและธรรมทุกประการ ในการนำพาดินแดนเหล่านี้ให้เจริญขั้นสูงสุดทั้งทางโลกและธรรมทุกประการ
    4.มนุษย์และอมุษย์ที่เกิดในดินแดนพุทธศาสนา ดินแดนผู้มีศีลมีธรรม ต้องมีความปรารถนาที่แรงกล้าในการพ้นทุกข์

    - ในสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านฤทธิ์เทพบุตร ได้มาเกิดเป็นฤาษีและได้พบพระพุทธเจ้า ท่านจึงได้ทูลถามว่าความปรารถนาสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของโลกธาตุของท่านจะสำเร็จไหม พระพุทธเจ้าสมณโคดมตอบว่าความปรารถนาของเธอจะมีผลสำเร็จ ท่านฤาษีจึงถามว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด พระพุทธเจ้าสมณโคดมไม่ทรงตอบ ท่านจึงใช้ญาณพิจารณาว่าเหตุใดพระองค์จึงไม่ตอบ จึงรู้ว่าไม่สามารถกำหนดได้ว่าเมื่อไหร่เพราะกาลเวลานานยาวนานจนไม่เห็นที่สุด ดังนั้นท่านจึงตั้งความปรารถนาว่าอย่างไรเสียเราต้องทำให้ความปรารถนาใหญ่ 4 ประการ นี้สำเร็จก่อน ท่านจึงใช้ญาณเพื่อดูว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด จึงทราบว่าท่านต้องเกิดมาสร้างบารมีอีกนับชาติไม่ถ้วน จนเลยกึ่งพุทธกาล(พ.ศ. 2500)ไปแล้วจะเกิดอีก 2 ครั้ง คำอธิษฐานใหญ่จึงสำเร็จ โดยทั้ง 2 ชาตินี้ จะเกิดวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนหก (วันวิสาขบูชา) เวลากลางคืน เกิดเป็นเพศชาย ทั้ง 2 ชาติ โดยทั้ง 2 ชาติจะเกิดเป็นบุคคลธรรมดามีอาชีพเป็นพ่อค้า นักปกครองและนักบวชในคราวเดียวกัน โดยทั้ง 2 ชาติ นอกจากทำให้คำอธิฐานใหญ่ 4 ประการเป็นจริง แล้วยังมุ่งทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นท่านจึงอธิฐานขอให้เทพทั้ง 7 ได้แก่ พระอินทร์ ท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 ท้าวสหับดีพรหม พระยายม ช่วยท่านในการทำให้คำอธิฐานใหญ่เป็นจริงโดยเร็ววัน ท่านฤทธิ์เทพบุตรนอกจากปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของโลกธาตุแล้ว ท่านยังตั้งความปรารถนาว่าคราวใดคนดี มีศีล มีธรรม ประสบความทุกข์ยากลำบากในชีวิต หรือมุ่งทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมแล้วมีอุปสรรคมาขัดขวาง ขอเพียงท่านรู้ ท่านจะช่วยบุคคลนั้นให้รอดพ้นจากความทุกข์ หรือกำจัดอุปสรรคเหล่านั้นโดยทั้งที และท่านยังตั้งความปรารถนาจะมุ่งช่วยให้โพธิสัตว์ท่านอื่นๆที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อช่วยสรรพสัตว์ทั้งหมด และท่านยังมุ่งช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ตลอดเวลา (เป็นดัง พี่ชายคนโตของพระโพธิสัตว์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย)



    คำสอนของฤทธิ์โพธิสัตว์ คือ
    -ไม่มีสิ่งใดจะศักสิทธิ์ไปกว่าตัวเราเอง ที่จะนำพาตัวเราให้รอดพ้นจาก วิบากกรรมและความทุกข์ทั้งปวง ไปสู่ความเจริญและความสุขที่แท้จริง ( ตนเอง เป็นที่พึ่งของตนเอง ที่ดีที่สุด)
    -คนชั่วมีมากกว่าคนดี ดังนั้นคนดีต้องรวมตัวกันเพื่อสู้กับคนชั่วและความชั่วทั้งปวง จึงจะชนะสิ่งเหล่านี้ได้ (จงช่วยเหลือคนดีให้เจริญยิ่งขึ้น ถ้าจะช่วยเหลือคนเลว จงช่วยพอควร แต่อย่าช่วยเหลือคนเลวให้มีร่ำรวยมีอำนาจวาสนา เพราะคนเลวจะไปรังแกผู้อื่น)
    -จงสร้างความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมให้เกิดกับตนเอง ประชาชนทั้งหลาย และสรรพสัตว์ทั้งปวง


    คำชี้แนะของฤทธิ์โพธิสัตว์คือ
    บุคคลใดปรารถนาช่วยเหลือเกื้อกูลพระพุทธศาสนา ประชาชนทั้งหลาย และสรรพสัตว์ทั้งปวง บุคคลนั้นถือเป็นนักรบแห่งธรรม เราฤทธิ์โพธิสัตว์ขอให้นักรบแห่งธรรมทั้งหลายร่วมมือกัน สามัคคีกัน พร้อมทั้งจงใช้ความรู้ความสามารถทางโลกและทางธรรม(รวมทั้งอภิญญาสมบัติ) นำพาดินแดนพระพุทธศาสนาหรือดินแดนผู้มีศีลมีธรรม ให้เจริญขั้นสูงสุดทั้งทางโลกและธรรมทุกประการ ตลอดกาลนาน เพื่อประโยชน์สุขของพระพุทธศาสนา ประชาชนทั้งหลาย และสรรพสัตว์ทั้งปวง (ประเทศชาติและประชาชนเจริญรุ่งเรือง พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง เพราะถ้าประเทศชาติและประชาชนล่มสลาย พุทธศาสนาก็ล่มสลาย)

    คำสอนถึงเหล่าโพธิสัตว์และนักรบแห่งธรรมทั้งหลาย
    - ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าจำนวนมาก คิดว่า การช่วยเหลือสรรพสัตว์ คือ ชาติที่สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าแล้วเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วช่วงเวลาแห่งการสร้างบารมี ก็สามารถช่วยสรรพสัตว์ได้เช่นกัน จงสร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าพร้อมกับช่วยเหลือสรรพสัตว์ไปพร้อมกันเช่นนี้ทุกชาติภพไป
    - การเกิดแต่ละชาติ จงสร้างรากฐานด้วยรูปแบบต่างๆแก่สรรพสัตว์และดินแดนที่ตนเกิด เพื่อให้ดินแดนพระพุทธศาสนา หรือดินแดนผู้มีศีลมีธรรมเจริญขั้นสูงสุดทั้งทางโลกและธรรมตลอดไป แม้ว่าเจ้าจะตายไป แต่สรรพสัตว์และดินแดนเหล่านี้ยังเจริญต่อไปได้ โพธิสัตว์และนักรบแห่งธรรมจำนวนมากไม่ได้วางรากฐานไว้ เมื่อเขาเหล่านี้ตายลง สิ่งที่เขาสร้างมาทั้งชาติก็สูญสลายตามไปด้วย (จงสร้างรากฐานที่ดีไว้ แม้กาลเวลาผ่านไปเป็น 100 ปี 1000ปี สิ่งที่เจ้าสร้างมาก็ยังคงอยู่)
    - โพธิสัตว์บางรูป มุ่งเกื้อกูลพุทธศาสนา บางรูปมุ่งช่วยประชาชน หมู่ชนที่ลำบากยากเข็น สำหรับเราแล้ว การเกิดแต่ละชาติควรที่จะเกื้อกูลพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง พร้อมทั้งช่วยประชาชน หมู่ชนที่ลำบากยากเข็นให้พ้นจากความทุกข์ มีความสุข เจริญยิ่งขึ้น (จงวางรากฐานให้ ประชาชนทั้งหลาย อยู่ดี กินดี มีความสุข ไร้ซึ่งความทุกข์ ประพฤติตัวอยู่ในศีลในธรรม มีจารีตประเพณีที่ดี คนดีได้รับผลของความดีเจริญรุ่งเรือง คนชั่วได้รับผลของความชั่ว ตกต่ำลง ดินแดนพระพุทธศาสนาหรือดินแดนผู้มีศีลมีธรรมพร้อมทั้งประชาชนมีความเจริญทั้งทางโลกและธรรมทุกประการ)



    เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านบันทึกนี้ ตอนกลางคืนวันนั้นข้าพเจ้าฝันเห็นเทพองค์หนึ่งบอกข้าพเจ้าว่า (ข้อความจากกระดาษที่สอดติดอยู่ในบันทึก) “ให้นำเรื่องบันทึกนี้ไปบอกแก่ผู้อื่น และบุคคลใดต้องการมีเงินทองใช้ไม่ฝืดเคือง มีชีวิตที่สงบสุขให้ บอกให้เขาทำดังนี้ 1.พิมพ์บันทึกนี้แจกทุกเดือน 2.ทำตามคำสอนของฤทธิ์โพธิสัตว์ 3.ทำบุญเพื่อจรรโลงพุทธศาสนาและส่งเสริมให้คนปฎิบัติธรรม 4.ทำทานช่วยคนลำบากยากเข็น 5.รักษาศีล 5 เท่าที่ทำได้ ทำเช่นนี้ถวายแก่ฤทธิ์เทพบุตรและเทพทั้ง 7 เพื่อให้คำอธิษฐานใหญ่ 4 ประการ ให้เป็นจริงโดยเร็ว ท่านเทพเหล่านี้ก็จะปกป้องคุ้มครองผู้นั้นตลอดไป
    ในกรณีที่คนใดต้องการให้ท่านช่วยเหลือในเรื่องใหญ่ ให้บนรักษาศีล 5 เท่าที่ทำได้ -นั่งสมาธิวันละครึ่งก้านธูป - ทำตามคำสอนของฤทธิ์โพธิสัตว์ -ทำสังฆทานพร้อมพระพุทธรูป 5 นิ้วขึ้นไป จำนวน 3 ชุดทุกเดือน -ทำทานช่วยคนลำบากยากเข็นทุกเดือน -ทำเช่นนี้ติดต่อกัน 3 เดือน ถ้าเรื่องใหญ่มากๆให้เปลี่ยนจากบน 3 เดือน เป็น 1 ปี
    ในกรณีที่ท่านใดมีเงินทุนพอให้ตั้งศาลาฤทธิ์เทพบุตร โดยในศาลามีรูปปั้นฤทธิ์โพธิสัตว์ พร้อมเทพทั้ง 7 ได้แก่ พระอินทร์ ท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 ท้าวสหับดีพรหม พระยายม เพื่อให้คนที่ตกทุกข์ได้ยาก ลำบากยากเข็ญได้มาขอความช่วยเหลือจากเทพเหล่านี้ต่อไป พร้อมกับทำสิ่งใดก็ได้ที่เป็นประโยชน์อย่างมหาศาลตลอดกาลนาน 1 อย่าง ให้แก่ พระพุทธศาสนา หรือ ประชาชนทั้งหลายสรรพสัตว์ทั้งปวง”




    ฤทธิ์เทพบุตรโพธิสัตว์ ในชาติที่กลับมาเกิดหลังกึ่งพุทธกาล จะเป็นผู้เริ่มการสืบต่อศาสนา โดยการกลับชาติมาเกิดซึ่งมี 2 แบบ คือ
    แบบกลับมาเกิดจริง คือ การกลับมาเกิดจริงเพื่อสร้างบารมีของผู้สะสมบารมีทางธรรม โดยผู้ดูแลของบุคคลนั้นๆจะเป็นผู้ตามหาผู้กลับมาเกิด เพื่อนำมาสั่งสอนตั้งแต่เด็กเพื่อการสะสมบารมีต่อไป ซึ่งผู้กลับมาเกิดจะเป็นนักบวชหรือฆราวาสก็ได้
    แบบผ่านญาณ คือ เมื่อผู้สะสมบารมีสร้างบารมีมากพอ ไม่ต้องกลับมาเกิด เพื่อแต่หาร่างที่หมดอายุขัย และนำดวงจิตของตนเข้าสวมร่างที่หมดอายุไข เพื่อทำงานตามที่ตนปรารถนาต่อไป (แบบผ่านญาณ ต้องเป็นผู้มีบารมีมากเท่านั้นจึงทำได้)
    การกลับชาติมาเกิดจริงจะมีบุญบาปที่ทำในอดีตมาส่งผลในชีวิตอย่างมาก ประกอบกับต้องใช้เวลาฟื้นคุณวิเศษเป็นเวลานาน ทำให้เหมาะกับการสร้างบารมีตนเองและดูแลปกป้องสร้างความเจริญพุทธศาสนาควบคู่กันไป แต่การกลับมาเกิดแบบผ่านญาณเหมาะสำหรับทำงานเพื่อดูแลปกป้องและสร้างความเจริญพุทธศาสนาได้ดีกว่า เพราะไม่มีกรรมในอดีตมาขัดขวางการทำงานเพื่อดูแลปกป้องและสร้างความเจริญพุทธศาสนา อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลาในการฟื้นคุณวิเศษเพราะดวงจิตที่ทำงานไม่ใช่มนุษย์ หากแต่เป็นพรหมหรือเทวดาตามดวงจิตนั้นๆ ดังนั้นการกลับมาเกิดจริงจึงเหมาะกับผู้ยังต้องสร้างบารมี แต่การกลับมาเกิดแบบผ่านญาณเหมาะกับผู้ที่สร้างบารมีใกล้เต็มหรือเต็มบริบูรณ์แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นทั้งแบบอรหันต์หรือโพธิสัตว์ก็ได้ ”

    ภพ 58.10.77.207 [ 19 พ.ย. 2553 - 10:39 ]

    http://www.free-webboard.com/view.php?nm=porntewa&qid=27
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,697
    ค่าพลัง:
    +51,933
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=subhead_thai noWrap>สัจจะ</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffa500></TD></TR><TR><TD class=author vAlign=top>พญาไฟ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ...หนังสือ คือเมฆสีขาวทางก้าวเก่าแก่ (Old Path White Clouds : Walking in the Footsteps of the Buddha) เขียนโดยพระภิกษุเวียตนาม ชื่อ ติช นัท ฮันห์...
    หนังสือ คือเมฆสีขาวทางก้าวเก่าแก่ (Old Path White Clouds : Walking in the Footsteps of the Buddha)
    เขียนโดยพระภิกษุเวียตนาม ชื่อ ติช นัท ฮันห์
    แปลโดย รสนา โตสิตระกูล และสันติสุข โสภณสิริ
    จัดพิมพ์โดย มูลนิธิโกมลคีมทอง

    คัดลอกบางส่วนมาให้อ่านกันต่อค่ะ



    "เมื่อการรับประทานเสร็จสิ้นลง สุชาดาก็เก็บใบตอง จากนั้นก็หยิบเหยือกใส่น้ำสะอาด รินใส่แก้วที่เธอนำมา แล้วถวายให้แก่พระสิทธัตถะ พระองค์ทรงรับแก้วน้ำด้วยพระหัตถ์ทั้งสอง แล้วทรงยื่นให้แก่สวัสติ สวัสติหน้าแดง พูดตะกุกตะกักว่า "เชิญนาย เอ้ย ผมหมายถึง พระอาจารย์ดื่มเป็นคนแรกครับ"

    พระสิทธัตถะทรงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เธอดื่มเป็นคนแรกเถิด เราต้องการให้เธอดื่มเป็นคนแรก" พระองค์ทรงยกแก้วพร้อมกับยื่นให้แก่สวัสติ

    สวัสติรู้สึกสับสน แต่ไม่รู้จะปฏิเสธเกียรติอันไม่คุ้นเคยนี้อย่างไร เขาพนมมือไหว้ขอบพระคุณพร้อมกับรับแก้วน้ำมา เขาดื่มน้ำรวดเดียวหมดแก้ว เขายื่นแก้วคืนให้แก่พระสิทธัตถะ พระสิทธัตถะทรงขอให้สุชาดารินน้ำให้อีกเป็นแก้วที่สอง จากนั้นพระองค์ทรงยกแก้วขึ้นจิบน้ำอย่างช้า ๆ ด้วยความอ่อนน้อมและด้วยความพึงพอใจอย่างลึกซึ้ง สายตาของสุชาดาไม่ได้คลาดจากพระสิทธัตถะและสวัสติในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    เมื่อพระสิทธัตถะทรงดื่มน้ำแล้ว พระองค์ก็ทรงขอให้สุชาดารินน้ำให้เป็นแก้วที่สาม แก้วนี้พระสิทธัตถะทรงยื่นให้แก่สุชาดา สุขาดาวางเหยือกน้ำลง พนมมือไหว้ขอบพระคุณพร้อมกับรับเอาแก้วน้ำมา เธอยกแก้ขึ้นดื่มอย่างช้า ๆ ดุจเดียวกับที่พระสิทธัตถะทรงทำ เธอรู้ดีว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอดื่มน้ำจากแก้วเดียวกับคนในวรรณะจัณฑาล แต่พระสิทธัตถะเป็นพระอาจารย์ของเธอ ในเมื่อท่านทำเช่นนั้นได้ แล้วทำไมเธอจะทำไม่ได้ และเธอสังเกตได้ว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกว่าถูกแปดเปื้อนให้มีมลทินแต่อย่างใด เธอค่อย ๆ ยื่นมือออกไปสัมผัสเรือนผมของเด็กเลี้ยงควาย ด้วยความตกใจสวัสติจึงไม่ทันที่จะถอยตัวออกห่าง เมื่อสุชาดาดื่มน้ำเสร็จ เธอวางแก้วเปล่าลงพร้อมกับยิ้มให้แก่สหายทั้งสอง

    พระสิทธัตถะทรงก้มพระเศียร "เด็ก ๆ คงจะเข้าใจแล้วนะ ว่าคนเราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับวรรณะ น้ำตาของทุก ๆ คนมีรสเค็ม และเลือดของทุกคนมีสีแดง เป็นสิ่งไม่ถูกต้องที่แบ่งแยกคนด้วยวรรณะ และก่อให้เกิดการแบ่งพวกและอคติต่อกัน สิ่งนี้ปรากฎชัดต่อเราในขณะบำเพ็ญสมาธิ"

    สุชาดามีท่าทีครุ่นคิดและกล่าวขึ้นว่า "พวกเราเป็นลูกศิษย์ของท่าน และพวกเราก็เชื่อคำสอนของท่าน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเหมือนท่านเลยในโลกนี้ ทุกคนเชื่อว่า วรรณะศูทรและจัณฑาล มาจากเท้าของพระพรหม แม้แต่ในพระคัมภีร์ต่าง ๆ ก็กล่าวไว้เช่นนั้น ไม่มีใครกล้าคิดต่างไปจากนี้"

    "อาตมาก็รู้ แต่ว่าสัจจะย่อมเป็นสัจจะ ไม่ว่าคนจะเชื่อหรือไม่ แม้จะมีคนสักล้านคนที่เชื่อในความเท็จ มันก็คงเป็นความเท็จอยู่ดี เธอจะต้องมีความกล้าหาญที่เชื่อในสัจจะ"




    สุขาดา เป็นลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านแห่งนิคมอุรุเวลา อายุประมาณ 12-13 ปี ขณะที่เธอนำอาหารไปบวงสรวงรุกขเทวดาตามคำบอกของมารดา อาหารในถาดมีขนม นม เนยใส และน้ำผึ้ง เธอพบเจ้าชายสิทธัตถะนอนสลบเพราะความหิวโหย ตอนนั้น เจ้าชายทราบแล้วว่า การทำทุกรกิริยาไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง จึงได้เลิกการกระทำทุกรกิริยาและตัดสินใจลงจากภูเขาเดินทางสู่หมู่บ้านเพื่อขออาหาร แต่มาสิ้นเรี่ยวแรงและสลบเสียก่อน จนกระทั่งสุชาดามาพบเข้า จึงได้ถวายน้ำนมแก่เจ้าชาย

    สวัสติ เป็นเด็กอายุ 11 ขวบ พ่อแม่เสียชีวิตหมด ทิ้งให้สวัสติต้องเลี้ยงดูน้อง ๆ อีกสามคน สวัสติหาเลี้ยงชีพโดยการรับจ้างเลี้ยงควาย เขาต้อง พาควายออกมาหากิน อาบน้ำให้ควาย และตัดหญ้าสำหรับเป็นอาหารให้ควายกินตอนค่ำ วันหนึ่งสวัสติได้พบเจ้าชายสิทธัตถะ และได้รับความเมตตาจากท่าน เขาจึงได้ถวายฟ่อนหญ้าที่เกี่ยวไว้เป็นอาหารควายนั้น ทำเป็นอาสนะถวายแก่เจ้าชายสิทธัตถะ และนำฟ่อนหญ้ามาเปลี่ยนอาสนะให้เจ้าชายทุก 3 วัน

    หลังจากนั้น สุชาดา และสวัสติ จะพาเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ไปพบเจ้าชายสิทธัตถะ เด็ก ๆ จะพากันนั่งเบื้องหน้าเจ้าชายเพื่อฟังคำสั่งสอน และขอให้พระองค์เล่าเรื่องราวชีวิตของพระองค์อยู่เสมอ นอกจากนั้นก็จะรับประทานอาหารร่วมกันและพากันนั่งสมาธิ เป็นเช่นนี้ทุกวันจนกระทั่งเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้

    -----------------------------------------------------------------
    ความเห็นที่ ๑ : ศาลานกน้อย [C-11378 ], [000.000.000.000]
    เมื่อวันที่ : 13 เม.ย. 2550, 23.58 น. ​
    ผู้อ่านที่รัก,

    นิตยสารรายสะดวก และผู้เขียนยินดีรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเขียนชิ้นนี้
    เชิญคลิกแสดงความเห็นได้โดยอิสระ ขอขอบคุณและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการมีส่วนร่วมของท่านในครั้งนี้...

    http://www.noknoi.com/magazine/article.php?t=2284
     
  20. หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,697
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** แก่นสารในศาสนาพุทธ ****


    สัจจะ ... เป็นแก่นสาร

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "​
     

แชร์หน้านี้