พริมได้ทำการตัดกรรมตามคำแนะนำของพี่คนหนึ่งที่เรียนวิชาอาคมและพุทธคุณด้วยเพื่อช่วยชีวิตคนที่เรารัก เริ่มจากความไม่รู้ทำตามจิตใต้สำนึก พริมอธิฐานจิตให้คำสัตย์สาบานขอสละชีวิตเพื่อช่วยเขา แผ่เมตตาทุกวันจนไม่มีพลังเหลือเลย พริมเรียนอยู่ที่ตึกอุบัติเหตุฉุกเฉินของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการแผ่เมตตาที่ต้องใช้พลังมากเพราะ ต้องช่วยชีวิตคนใกล้ตายขอให้เขารอดชีวิตและเจาะจงให้กับเจ้ากรรมนายเวรของตัวผู้ป่วยด้วย พริมอุทิศบุญทั้งหมดให้คนที่รักทุกวันเพราะเขาอยู่ในอันตรายและเราช่วยหรือติดต่อกับเขาไม่ได้เลย ต่อมาพริมทำการนั่งสมาธิตัดกรรมร่วมกับการแผ่เมตตาใหญ่และเฉพาะเจาะจงให้เขา ไม่กี่วันสิ่งที่ทำได้รับผลจริงเพราะน้องชายของพริมที่แท้งไปเขากลับมาอยู่กับพริมแต่สำหรับคนที่พริมรักพริมไม่รู้เลยพอทราบบ้างว่าโรคทางกายที่เขาเป็นอยู่ดีขึ้นแต่จิตใจยังผิดปกติอยู่มากเพราะที่ถูกไสยศาสตร์ครอบงำมานานเป็นสิบปียังเหมือนเดิม พริมมีอภิญญาหก หรือ สัมผัสที่หก ตั้งแต่เกิดคะ จึงเป็นสาเหตุให้พริมติดต่อกับวิญญาณ องค์เทพ หรือ พระผู้มีอภิญญาสูง หรือ แม้แต่เจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว พริมสามารถติดต่อได้แต่มีเงื่อนไขว่า ทุกสรรพสิ่งนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับพริมมาก่อนไม่ว่าจะในทางดีหรือทางร้ายก็ตาม ในสิบวันที่ผ่านมา (เดือนสิงหาคมหลังวันแม่) เหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้นกับครอบครัวพริม ผู้หญิงที่ทำร้ายพริมกับคนรักที่จากพริมไปแล้วเธอใช้ไสยศาสตร์อิสลามเหมือนที่เธอเคยทำมาตลอดสิบปี เธอดลจิตใจให้พริมฆ่าตัวตายถึงสองครั้งในรอบสิบวัน แม่พริมโดยตำรวจสอบสวนโดยความเห็นแพทย์ว่า ทำไมรู้ว่าลูกฆ่าตัวตายแต่ปล่อยทิ้งไว้ ให้อยู่ในห้องโดยไม่สนใจเลยเป็นเวลาสองวัน และมันเกิดขึ้นในเวลาใกล้กันถึงสองครั้ง พริมมีสติเหลือน้อยมากแต่จำได้ว่าเคยสาบานแลกชีวิตของตนเพื่อช่วยเหลือคนรัก พริมถอดสร้อยพระ ไหว้พระ บอกลาน้องชายที่ร้องไห้ไม่หยุด ซึ่งเป็นลูกของแม่ที่แท้งไป พริมขอเกิดเป็นลูกแม่ทุกชาติไปจะยอมชดใช้กรรมให้หมด ก่อนจะหมดสติพริมทวงสัญญาจากผู้หญิงคนนั้น เธอส่งอีเมล์มาข่มขู่พริมเสมอ พริมไม่ได้อยากตายเพราะผู้ชายคนนั้น แต่ครอบครัวของพริมเป็นครอบครัวที่แตกแยก สุดท้ายเราก็เหลือกันอยู่แค่สองคน คือแม่กับพริม ชีวิตที่ผ่านมาต้องเจ็บเพราะจนต้องทนเพราะล้มเหลวเป็บสิบครั้ง ทุกข์แค่ไหนพริมกับแม่ก็สู้ ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่เหตุการณ์มันเกิดจากคำสาบานที่เรากล่าววาจาให้เขากระทำเราได้โดยไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แม้แต่แม่ที่รักพริมที่สุดยังไม่สามารถครองสติได้เลย คิดไม่ได้ว่าพริมนอนอยู่ในห้องสองวันแล้ว คิดไม่ได้ว่าพริมอาจตายไปแล้ว ทั้งๆที่แม่ทำให้พริมเสียใจคิดน้อยใจในโชคชะตาชีวิตที่ผ่านมา จนพริมฆ่าตัวตายถึงสองครั้งในเวลาห่างกันประมาณ 7 วัน ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมากที่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้คนเข้มแข็งอย่างพริมคิดฆ่าตัวตายได้เลย พริมขอความเมตตาหากใครรู้จักโต๊ะทำช่วยกรุณาโทรบอกพริมด้วย พริมหาคนช่วยมานานแล้วแต่ไม่มีใครช่วยได้เลย ตอนนี้พริมเดือดร้อนมากเพราะ แม่ของพริมโดยตำรวจสอบสวนว่ามีเจตนาหรือการกระทำอื่นแอบแฝงหรือเปล่า เพราะเราก็มีกันแค่สองคน ทำไมแม่พริมถึงไม่พาพริมมาส่งโรงพยาบาล ปล่อยทิ้งไว้ในครั้งแรก 24 ชม. ครั้งที่สอง 48 ชม. พริมถามแม่ทั้งๆที่รู้คำตอบดี แม่บอกแม่คิดไม่ถึงไม่มีสติ ลืมพริม แม่พริมเป็นคนจิตอ่อน ธรรมมะธรรมโมสูงมาก ดังนั้น สัจจะวาจาและคำอธิฐานของพริมต่อองค์พระรัตนะตรัยและต่อองค์พระแม่ธรณีที่พริมยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือคนรักจึงเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มาก พริมหมดปัญญาแล้วจริงๆ พริมสงสารแม่มาก ขอให้มีคนช่วยเอาผู้หญิงใจบาปหยาบช้าคนนี้ออกไปจากครอบครัวของพริมและคนรักของพริมด้วย พริมรู้สึกผิดและบาปมากที่ทำให้แม่ต้องเป็นแบบนี้ เธอเป็นคนจีนอยู่ที่สิงคโปร์และใช้หมออิสลามทำตลอด ช่วยโทรหาพริมที่เบอร์ 093-7860756 พริมไม่ได้ใช้ internet เลยในช่วงนี้เพราะ มีเรื่องวุ่นวายที่ยังต้องจัดการจึงไม่มีเวลาเข้ามาในเว็บนี้ พริมอยู่หาดใหญ่คะ และนับถือศาสนาพุทธ แต่พริมรักและเคารพศาสดาของทุกศาสนาเพราะทุกศาสนามีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การสอนคนให้เป็นคนดี
ความรักที่ต้องแลกด้วยความตาย
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย พริมแก้ว, 21 สิงหาคม 2014.
-
คุณยังไม่ตาย ตำรวจจะจับแม่ข้อหาอะไรครับ -.-
อยากจะแก้ไข ก็แก้ที่ตัวเอง ให้มีสติ พวกคุณไส แค่ สมาธิทรงตัวก็ทำอะไรไมไ่ด้แล้วนะ
ส่วนไอ้เรื่อง เรากล่าววาจาให้เขากระทำเราได้โดยไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง นั้น ถ้าไม่สบายใจเรื่องตรงนี้ก็
ผมว่าก็ไปกล่าวใหม่ สิครับ ให้ทำอะไรเราไม่ได้ ก็จบแล้วนะ ^^
.
แนะนำว่า ไป ทำสมาธิ ภาวนา สัมปจิตฉามิ อ่านว่า สัม-ปะ-จิต-ฉา-มิ ให้สมาธิทรงตัวทั้งวันไปเรื่อยๆทุกวัน
ใครทำอะไรมา ก็ย้อนกลับไปเข้าตัวคนทำเองครับ เราไม่ต้องไปอาฆาตใคร ใครทำอะไรใส่มาก็ทำเองโดนกลับไปเองนะ
.
. -
สู้กับไสยศาสตร์ <hr style="color:#998049; background-color:#998049" size="1"> ถาม : ....
ตอบ : การภาวนาคาถา สัมปฏิจฉามิ
"สัมปฏิจฉามิ" แปลว่า สำเร็จทุกอย่าง ใช้ได้กับเรื่องที่ต้องการสำเร็จ ให้ว่าไปเลยได้ทั้งนั้น
เรื่องของการทำไสยศาสตร์จริง ๆ ไม่น่ากลัว เหตุที่ไม่น่ากลัว เพราะกำลังใจของเขาตั้งใจจะเบียดเบียนคนอื่น ในเมื่อตั้งใจเบียดเบียนคนอื่น เขาจะเข้าไม่ถึงจุดสุดท้ายของสมาธิ เพราะว่าจุดสุดท้ายของตัวสมาธิ จะมีตัวอุเบกขาอยู่ ถ้าตั้งใจจะเบียดเบียนคนอื่น กำลังใจก็ไม่เป็นอุเบกขา
ถ้าหากว่าเราตั้งใจภาวนาอยู่เป็นปกติ อารมณ์ใจแค่เกินอุปจารสมาธิไปนิดเดียว จะไม่มีไสยศาสตร์อะไรทำอันตรายเราได้เลย แต่ต้องไม่เผลอ
อีกอย่างหนึ่งท่านให้นึกถึงพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า "เรวัตตะ" สมัยของท่านจะมีพวกทำไสยศาสตร์เหมือนกัน บางครั้งคนฟังเทศน์อยู่ดิ้นพลาด ๆ กลางศาลาเลยก็มี เพราะฉะนั้น..พระองค์ท่านจะมีความชำนาญในด้านนี้อยู่มาก ท่านแนะนำว่าให้นึกถึงพระพุทธเจ้ามีนามว่า เรวัตตะ แล้วตั้งใจภาวนาว่า
"สัมปจิตฉามิ" เมื่อใครกลั่นแกล้งเราก็จะมีอันเป็นไปเอง
ถ้าเจอวิธีนี้ เขาก็คงเข็ดไปอีกนาน ทำเมื่อไรตัวเองโดน
สมเด็จพระพุทธเจ้าเรวัตตะทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้า "เรวัตโต รติวัทฒโน" ผู้มีราตรีอันเจริญ คือมีสติอยู่เสมอ ราตรีเจริญ อยู่กับสมาธิกันทั้งวันทั้งคืน มีสติอยู่ตลอดเวลา
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔
-
คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์
"สัมปจิตฉามิ"
คาถาบทนี้ พระ องค์ที่ ๑๐ มาบอกหลวงพ่อในขณะที่หลวงพ่อพักอยู่ที่เมืองควีนทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๙ เวลา ๐๕.๐๐ น.
ก่อนนอนหลวงพ่อนอนภาวนาเป็นปกติ ตื่นขึ้นมามีอาการปากขยับไม่ได้ มือขยับไม่ได้ รู้สึกอึดอัด คล้ายเป็นอัมพาต แต่ใจสบาย พระ องค์ที่ ๑๐ มาบอกว่า
"เวลานี้มีคนคิดทำให้เธอเป็นแบบนี้"
และท่านให้เห็นตัวผู้ทำชัดเจน พระ องค์ที่ ๑๐ ให้ภาวนาว่า "สัมปจิตฉามิ" จึงคลายตัว คาถาบทนี้ไม่ได้ให้ใช้เฉพาะหลวงพ่อเท่านั้น อนุญาตให้พุทธบริษัทศิษยานุศิษย์และลูกหลานหลวงพ่อใช้ได้ด้วย
ก่อนนอนภาวนา ให้ตั้ง นะโม ๓ จบ และต่อด้วย พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
และสวด อิติปิ โส ฯ ๓ จบ จึงภาวนาเรื่อย ๆ ในขณะที่ภาวนาให้ทำใจสบาย ๆ ผลของคาถาบทนี้ จะมีผลต่อผู้สั่ง ผู้รับคำสั่ง ผู้ร่วมมือ และผู้กระทำไสยศาสตร์มายังเราโดยฉับพลัน
ผลพิเศษ ถ้าตั้งใจรักษาศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือ ตั้งใจรักษากรรมบถ ๑๐ ได้ครบถ้วน สามารถระงับนิวรณ์ได้ ภาวนาวันละ ๑ ชั่วโมงเป็นเวลา ๓ เดือนติดต่อกัน จะมีผลคล้าย "อภิญญา"
หมายเหตุ "สัมปจิตฉามิ" อ่านว่า สัม - ปะ - จิต - ฉา - มิ คาถาบทนี้ใช้ได้เฉพาะผู้ที่เป็นสัมมาทิฏฐิเท่านั้น ไม่มีผลสำหรับผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ พระโมคคัลลาน์ท่านมายืนยันว่า คาถาบทนี้เป็นคาถาอภิญญา บอกว่าคนที่ได้อภิญญามาในชาติก่อน ถ้าใช้คาถาบทนี้ของเก่าจะรวมตัว คือว่า ทำไป ๆ ถ้าเข้าถึงผรณาปีติจะรู้สึกว่าตัวไม่มีเหลือแต่หน้า ต่อไปก็ไม่มีอะไรเหลือเลย หน้าก็ไม่มี ถ้าทำได้เช่นนี้บ่อย ๆ ไม่ช้าก็รวมตัวจะไปไหนก็ได้ เที่ยวต่างประเทศเรื่องเล็ก ฆราวาสทำได้ทุกอย่าง แต่พระห้ามแสดงต่อหน้าคน
<center>
</center> อย่างท่านปิณโฑลภารทวาชะ เป็นต้นบัญญัติ ถูกห้ามเพราะอะไร เพราะถ้าไปทำอย่างนั้น คนก็ไม่ต้องการธรรมะ ต้องการพระแสดงปาฏิหาริย์ ถ้าขอให้พระแสดงปาฏิหาริย์ พระทำให้ คนนั้นตายแล้วเกิดใหม่ต้องไปเป็นทาสเขา ๕๐๐ ชาติ ถ้าพระไม่ทำให้แล้วโกรธก็เลยลงนรก
พระพุทธเจ้าจึงทรงห้าม แต่ว่าพระที่อยู่ในป่าท่านมีความจำเป็นก็ใช้ได้ แต่ต้องไม่ให้คนเห็น อย่างพระที่เข้านิโรธสมาบัติ ออกมาแล้วปั๊บร่างกายต้องการอาหารก็ต้องดู เราจะไปหาที่ไหน เห็นหน้าคนที่จะให้ปั๊บก็เหาะไปทันที แต่ต้องไม่ให้คนเห็น พอเห็นว่าคนจะเห็นก็ต้องลงเดิน ถ้าเหาะจริง ๆ แล้วไวมาก ตามบาลีว่าที่พระโมคคัลลาน์ขึ้นไปดาวดึงส์ในคราวนั้น บอกว่า "แค่ลัดนิ้วมือเดียว"ความจริงไวกว่านั้น แต่ศัพท์ภาษาไทยไม่รู้จะใช้อะไร ความจริงนึกก็ถึงเลย ..สวัสดี*