ความรู้สึกต่อประสบการณ์แปลกๆ ในงานบําเพ็ญบุญกุศลถวายหลวงพ่อฯ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wisdom, 14 พฤศจิกายน 2006.

  1. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]




    เอามาให้อ่านกันครับ...ไปเจอมา






    เรื่อง….สิ่งมองไม่เห็นที่อย่ามองข้าม!!!
    <O:p</O:p

    ความรู้สึกต่อประสบการณ์แปลกๆ ในงานบําเพ็ญบุญกุศลถวายหลวงพ่อฯ


    <O:p</O:p
    ในวันที่ 29 ตุลาคม 2549

    <O:p</O:p






    <O:p</O:p
    เนื่องในงานบําเพ็ญบุญกุศลน้อมถวายแด่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2549 นั้น…..ได้มีเหตุการณ์ประหลาดๆ เกิดขึ้นกับหนู ซึ่งเรื่องแปลกๆ มักจะเกิดกับบุคคลอื่นเสียมากกว่า ซึ่งหนูไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับตนเอง.... จากประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้หนูมีความรู้สึกว่า....

    ตัวเองคงไม่อยากจะเจอเหตุการณ์ที่เหนือธรรมชาติเหล่านี้อีกเลย.... เพราะสัมผัสแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้วคะ…. แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ มันก็ทำให้หนูได้เข้าใจอะไร ที่เป็นความจริงได้หลายอย่าง… ถ้าจะเล่าให้อาจารย์ฟังโดยตรง มันอาจไม่ครบทุกรายละเอียดความรู้สึก ที่อยากจะพูดออกมาได้หมด..... ก็เลยตัดสินใจมาเขียนเล่าให้ฟังแบบนี้ดีกว่า เผื่อว่าจะมีประโยชน์แก่ผู้อื่นได้บ้าง…..<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    ก่อนหน้านี้เหตุการณ์ประหลาดๆนั้น ได้เคยเกิดขึ้นกับหนูมาแล้ว คือ เรื่องท้องเสียที่หมอหาสาเหตุในการรักษาไม่ได้มาเป็นอาทิตย์ แต่แค่ได้น้ำมนต์จากอาจารย์ กลับฟื้นได้เร็วกว่ายาหมออีก มันมีอาการอาเจียนและท้องเสีย......มันอาจจะทำเราตายได้เลย รุนแรงมากๆ เหมือนจะเอาไส้...อวัยวะข้างในของเราออกมาให้ได้ เป็นเหตุการณ์แรกที่หนูรู้สึกว่ากลัวอย่างที่สุด เพราะไม่เคยเจอ.....และจำได้ว่าอยากจะสวดมนต์ให้พระคุ้มครอง จิตมันสงบไม่ได้ เพราะสังขารมารมาปรุงแต่งให้กลัวเสียมากกว่า..... ตอนนั้นทรมานมากๆ พอตื่นนอนขึ้นมาใหม่ๆก็หมดแรง..เหนื่อยมาก ทั้งๆ ที่เพิ่งตื่น......

    <O:p</O:p<O:p</O:p
    แต่มาคราวนี้........มันไม่เหมือนกัน จิตใจเรายังอยู่กับตัว เรายังคิดได้...ยังได้ยินเสียงคนพูด หนูอยากโต้ตอบก็ทำไม่ได้ ปากหนูขยับไม่ได้เลย จะสั่งร่างกายให้ขยับตามปรกติก็ทำไม่ได้ เหตุการณ์ไม่ได้มาในรูปแบบให้เราต้องเจ็บหรือน่ากลัว แต่มาในเรื่องของการบังคับร่างกายไม่ได้ ทั้งๆ ที่จิตใจของเรา....ปกติรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ค่ะ.....

    เหตุเกิดช่วงพระภิกษุสงฆ์สวดมนต์บทพระธรรมจักรฯ หนูก็เข้าลมเฉยๆ ซักพักหนึ่ง ก็รู้ตัวว่า… สมาธิกำลังเข้าปิติ เพราะร่างกายเริ่มโยกเบาๆ จากนั้นก็หมุนแรงบ้าง เบาบ้าง และก็โยกไปข้างหลัง ไปข้างหน้า และอยู่ๆ มันก็อยากร้องไห้มาเอง ก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นผิดปกติไปจากเดิม เพราะตอนนั้นร่างกายยังไม่แข็ง.....ยังขยับได้ และพอพระสวดใกล้จะจบตัว ก็โน้มลงกับพื้นและหัวก็แตะที่พื้น.... คิดว่าหลังจากนั้นก็เริ่มแข็งๆ แล้ว ตอนนั้นหนูยังได้ยินเสียงอาจารย์พูด สรุปบทสวดพระธรรมจักรฯอยู่


    โดยท่านอาจารย์ได้กรุณาพูดย่อๆให้พวกเราได้ฟัง… ตอนนั้น หนูอยากจะออกจากสมาธิ.... แต่มันออกไม่ได้ หนูเริ่มรู้ตัวแล้วว่า... ต้องขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ และคิดเอาเองว่าถ้าพูดเสร็จ.. อาจารย์จะเดินมาช่วยหนู แต่ผิดคาด....อาจารย์พูดเสร็จก็ให้ทุกๆคน ไปบวงสรวงกันได้แล้ว... และทุกคนก็ลุกกันไปหมดเลย ( ตอนนั้นหนูไม่ได้โกรธอาจารย์นะคะ แต่คิดว่าเราซวยแล้วไง สงสัยว่าต้องนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งวันแน่เลย ทำไงดี ขากับแขนข้างซ้ายก็เป็นเหน็บ อยากจะลุกก็ลุกไม่ขึ้น....


    ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดแบบนี้ ตอนนั้นคิดเพียงอย่างเดียวว่า..มีอาจารย์คนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยได้ )… หนูเลยร้องไห้เต็มที่เลย ( ตอนนั้นมันพูดไม่ได้ ) กะว่าถ้าหนูร้องเต็มทีแล้ว ยังไงอาจารย์ต้องเอะใจเดินกลับมาดู พี่ๆ นั่งอยู่ใกล้ๆ มาบอกให้หนูลุก ตอนนั้นมันแข็งเลย พูดก็ไม่ได้ ขยับอะไรก็ไม่ได้ ได้ยินเสียงพี่พิณทิพย์ พี่เจี๊ยบ พี่เบ็ญ อาสิ พี่เหน่ง และอีกหลายคน หนูอยากจะพูดบอกพวกเค้าว่า ลุกไม่ด้ายย.... ทุกคนก็ช่วยกันดึงใหญ่ ยังจำได้ว่านั่งท่าพับเพียบอยู่ พวกพี่เค้าดึงกัน มันแข็งมาก ดึงไม่ออกอยู่ในท่านั้น พี่เหน่งบอกว่า....หนูเข้าฌานไปแล้ว ตัวแข็งเลย หนูยังขำอยู่ข้างในเลยว่า.....


    ไม่ได้เข้าฌาน แต่ตัวมันแข็ง แกะไม่ออกแล้ว....รออยู่จนอาจารย์มาช่วยเป่าหัวให้ หนูรู้ว่าอาจารย์ตั้งใจช่วย เพราะสวดอยู่นานมาก พออาจารย์เป่าหัวและเขียนยันต์ที่หน้าผากเสร็จ......ร่างกายมันอ่อนตัวมันพับอ่อนไปเลย พอจะลุกขึ้นมันหมดแรง..... ไม่มีแรงเดินด้วย และตอนที่อาจารย์ตะโกนเสียงดังสั่งให้ลืมตา ให้ลุกขึ้นยืน....อยากจะทำตาม แต่อยู่ๆ มันก็หนักมากๆ ตัวแข็ง ขยับไม่ได้ ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน อาจารย์สั่งให้.....สู้กับมัน อย่าไปยอมแพ้มัน และยิ่งบอกว่า..... เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า และมีไตรสรณคมณ์หรือเปล่า...


    เท่านั้น..... ใจมันฟูขึ้นมาทันที ตอนนั้นสู้ขาดใจ....... ตอนนั้นใจมันเต็มร้อย แต่ร่างกายมันแข็ง ปากก็ยังขยับไม่ได้ ( มันแปลกที่เป็นร่างกายของเรา แต่มันขยับไม่ได้ ) อยากจะทำตามที่อาจารย์บอกทุกอย่าง...แต่มันทำไม่ได้ ถ้าไม่ได้แรงกระตุ้นจากอาจารย์ ก็สู้ไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าพูดเบา ก็ยิ่งเอาไม่อยู่..... ทุกๆคนช่วยให้กำลังหนูสู้ จนพอหนูเริ่มมีแรงและเดินออกมาหน้าศาลาได้ หนูรู้แล้วว่า.....

    อาจารย์ต้องมองเห็นว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวหนูจริงๆ มันหลือเชื่อ..มันเกิดอาการแข็ง.....มันไม่ใช้เรื่องบังเอิญ แต่ตอนนั้นแขนขามันแข็ง จนหนูเดินไปบวงสรวงไม่ได้จริงๆ!!!


    <O:pตอนเริ่มพิธีบวงสรวง พอเสียงหลวงพ่อขึ้นบทสวดชุมนุมเทวดาเท่านั้น แขนกับขาจะเริ่มจะแข็งอีกและสลับกันแข็ง พี่ๆ ช่วยกันนวดด้วยยาหม่องโมคคลา พี่เจี๊ยบและพี่เบญเค้าชำนาญ ก็นวดถูกตรงจุด แต่มีบางท่านเป็นห่วง มาช่วยนวดด้วย แต่มานวดตรงทีหนูไม่ได้เป็นอะไรเลย ยาหม่องโมคคลาที่นวดทำให้หนูเย็นไปทั้งตัว แต่หนูไม่ได้ถือโทษโกรธใคร เพียงแต่ตอนนั้นได้ข้อคิดว่า.... (ถ้าเราจะช่วยใครแล้ว ควรรู้และเข้าใจ ทำผิดทำถูก มันจะเกิดโทษเสียมากกว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งมองไม่เห็น อาจเป็นอันตรายแก่ผู้ที่ช่วยได้....


    ขนาดพี่เจี๊ยบเป็นผู้ชำนาญ ได้ยินว่าครั้งนี้ยังแย่ไปเหมือนกัน) พออาการเริ่มจะแย่ลงอีก ตอนนั้นคิดในใจว่า เอาแล้วไง...อาจารย์เพิ่งทำให้หายและขยับขึ้นมาได้แล้ว ตอนนี้มันจะเป็นอีกแล้ว ก็เลยชี้ให้พี่เจี๊ยบและพี่เบญว่า แขนกับขามันแข็งอีกแล้ว พี่เจี๊ยบบอกไม่ต้องไปสนใจ ให้พุทโธๆ จับภาพพระเอาไว้ และพี่ก็เอาสร้อยพระมาให้ดู และหนูยังพูดติดตลกกับพี่ๆ "

    เค้าว่า....ก็กลัวอาจารย์มากกว่า " ขาและแขนมันแข็งอีกแล้ว (ในใจคิดว่า.....ก่อนที่จะบวงสรวง อาจารย์สั่งไว้ว่า อย่าไปยอมให้มันบังคับเราได้ อย่าไปยอมแพ้มัน ใจหนูก็อยากจะให้ร่างกายมันกลับเป็นปกติ แต่มันบังคับไม่ด้ายย..จริงๆ ค).....

    <O:p</O:p<O:p</O:p
    พอเสร็จพิธีบวงสรวง อาจารย์ท่านมีเมตตานำสร้อยพระมาสวมให้ช่วยปกปักษ์รักษาคุ้มครองหนู ทำให้หนูรู้สึกมีความเชื่อมั่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น จะว่าไปแล้ว ตอนนั้นความกลัวมันไม่มี เพราะตอนนั้นหนูเชื่อมั่นอาจารย์คนเดียว มีอาจารย์ช่วยดูแลอยู่ตลอดเวลา ช่วยหนูตั้งแต่ตัวแข็ง ลุกไม่ได้จนลุกได้ เดินไม่ได้จนเดินได้ และ ท่านอาจารย์มาพูดกับหนูด้วยความเมตตาว่า “นี่เป็นสร้อยที่อาจารย์ใส่ติดตัวเป็นประจำ ให้ปกปักษ์คุ้มครองรักษา เป็นแบบเดียวกับที่พี่เจี๊ยบและพี่เบญใส่คุ้มครองอยู่ เหมือนๆกัน และให้หนูท่องอิติปิโสฯ ไปเรื่อยๆ ”

    .... ในใจตอนนั้นรู้สึกว่ามีพระคุ้มครองอยู่กับเราจริงๆ ถึงแม้อาจารย์จะไม่อยู่ด้วยก็ตาม หลังจากนั้น (พี่สาวบอกว่า อาจารย์เมตตาต่อหนูมาก เพราะอาจารย์ให้สร้อยที่คุ้มครองปกป้องตัวอาจารย์ แล้วอาจารย์จะใช้อะไรละ....ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอบกลับ..พี่สาวไปไม่ถูกเลย!!!).....

    <O:p</O:p<O:p</O:p
    จากนั้น.... อาจารย์ก็ช่วยพาหนูเดินจงกรมในศาลา พร้อมกับให้ขยับแขนขาไปเรื่อยๆ พออาจารย์พาเดินนำ..มันก็เกิดกำลังใจเดินตาม และให้ท่องอิติปิโสฯ และนึกถึงแต่พระไปด้วย ไม่ให้นึกถึงเรื่องอื่น แปลกตอนนั้นพยายามจะท่อง....แต่ไม่เป็นบทเลย วนไปวนมา อาจารย์เมตตาคอยกำกับอยู่พักหนึ่ง เดินก็ไม่ได้เป็นปกติ มันฝืนๆยังไง เดินไม่เป็นธรรมชาติ อาจารย์คงเห็นว่าท่าจะไม่ดี เลยไปตั้งจิตทำน้ำมนต์ให้ด้วย แต่พออาจารย์เดินออกไป มันกลับเดินต่อเองไม่ค่อยได้ มันจะทรุด ไม่มีแรงเดินต่อ.....

    ทำให้พี่ยีกับพี่เจี๊ยบต้องเข้ามาพยุง จำไม่ได้ว่าหนูเดินไปกี่รอบ แต่รู้ว่าเกือบสิบรอบอยู่เหมือนกัน (หมอเล็กมาเล่าให้ฟังว่า ครั้งนี้อาจารย์เมตตาตั้งจิตทำน้ำมนต์ให้นานกว่าปกติเลย) ตอนนั้นรู้สึกว่าเดินได้ช้ามาก เหมือนกับว่าต้องต้านกับแรงอะไรซักอย่าง พอเดินไปซักพัก ผ่านทางออกศาลา ซึ่งมีพี่ยี....อยู่ฝั่งด้านซ้าย อยู่ๆ ขามันก็จะพาเดินออกไปนอกศาลา ซึ่งเป็นแบบนั้นอยู่หลายรอบ แต่พี่ยีก็ช่วยดันเอาไว้ และดุเตือนสติไว้ไม่ให้เดินออกข้างนอก (จะว่าไปแล้ว เสียงดุได้ผลชะงักเหมือนกันคะ เพราะช่วยให้หนูเกิดกำลัง เพื่อจะคุมใจเราเอาไว้ด้วยเช่นกัน)

    และพอเดินมาอีกด้าน พี่เจี๊ยบอยู่ฝั่งขวาตรงข้ามกับทางออก อยู่ๆ ก็คิดว่าจะเดินออกฝั่งพี่เจี๊ยบนี่แหละ....เพราะว่าแรงคงจะน้อยกว่าพี่ยี พี่เจี๊ยบก็พยายามดันใหญ่เลย (นึกแล้วก็สงสารพี่ๆ เค้ามาก....จริงๆ มันไม่ใช่กำลังของเราเลย แต่มันเหมือนมีอะไรบังคับอยู่ มันจะหนักและแข็งกว่าปกติ)...


    จนพอผ่านมาหน้าพระพุทธรูป พี่เจี๊ยบบอกให้จับภาพพระพุทธเจ้าเอาไว้....เท่านั้นแหละคะ อยู่ๆ ขามันแข้งจนไม่ยอมขยับ ยืนเกร็งอยู่ตรงหน้าพระ เหมือนมันไม่ยอมให้เราเข้าไปใกล้ ทั้งๆ ที่ใจไม่ได้กลัวว่าจะเข้าใกล้พระเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมีอาการอยู่ 2 รอบ จนกระทั่งอาจารย์เอาน้ำมนต์มาพรมและให้ดื่ม ร่างกายมันก็จะอ่อนเปลี้ยไปเองเลย ที่นี้อาการต่างๆ ก็หายไปเลย เหลือแต่ข้อศอกที่แขนข้างขวากับหัวเข่าข้างขวา มันขยับไม่เป็นธรรมชาติ (น้ำมนต์ที่อาจารย์นำมาช่วยตีตามร่างกาย ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บนะคะ แต่พอครั้งสุดท้ายเพิ่งจะมารู้สึกเจ็บ แสดงว่าของหลุดไปจริงๆ คะ)

    และอาจารย์ให้หนูรีบกลับไปก่อน มารู้ในภายหลังว่า เพื่อให้พ้นจากเขตรัศมีนั้นๆ เพราะพอรถออกไปถึงศาลายา ม.มหิดล หนูพูดกับพี่ว่า....ดีขึ้นแล้ว....หายแล้ว.....กลับเข้าไปกันเถอะ แต่พี่สาวเตือนว่า เหมือนอาจารย์อยากให้เราออกมาจากสถานธรรมมากกว่าอยู่ในบริเวณสถานธรรมนะ และอาจารย์ก็นัดคุณหมอสุรัชนีให้แล้ว หนูก็เลยต้องยอมไป และคุณหมอสุรัชนีมาเล่าให้ฟังด้วยว่า อาจารย์ดูเป็นห่วงหนูมากๆ เลย บอกให้คุณหมอรีบมาดูแลอาการให้ด่วนเลย….





    รูปหลวงพ่อจากเว็ป : http://templ.es/gallery/v/Grathon/<O:p
     
  2. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]





    ตอนนั้นก็สงสัยว่า...แล้วพวกคาถาอาคมที่ไม่ดี มันเกิดขึ้นมาและมีอำนาจอยู่ได้อย่างไร ด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้กลับมาคิดพิจารณา.....จึงหมดความสงสัย.....แล้วก็ได้เห็นว่า

    คาถาอาคมพวกนี้มันก็เกิดมาจากการฝึกของคน แต่มันเป็นการฝึกปฏิบัติในด้านที่ไม่ดี พวกเขาต้องมีความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ... .แต่มันตั้งอยู่ในความไม่บริสุทธิ์ ไม่ถูกต้อง คนเหล่านี้มีความคิดเห็นที่ผิด หลงคิดว่าพลังอำนาจพวกนี้ จะช่วยให้เค้าไม่ตายและยิ่งใหญ่ได้มากกว่าผู้อื่น มีอำนาจเหนือกว่าผู้อื่น ไม่มีใครทำร้ายพวกเค้า
    ได้.....

    (แต่น่าสลดใจที่ว่า...ตัวเค้ากลับจะเป็นผู้ฆ่าตัวเค้าเอง)และก็นำเอาพลังด้านความชั่วไปใช้ทำร้ายและฆ่าใครก็ได้
     
  3. thejirayu

    thejirayu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2006
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +2,088
    สาธุ ครับผม ตั้งมั่นอยู่ในธรรม เป็นกำแพงแก้วป้องกันอันตรายทั้งปวง
     

แชร์หน้านี้

Loading...