ความลึกลับของศพพระมหากัสสปะ

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center><TBODY><TR><TD style="FONT: 16px/20px Tahoma, Verdana, Arial, sans-serif" class=postbody vAlign=top>เรื่องศพของพระมหากัสสปะ

โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
จากหนังสือตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่มที่ ๖ หน้าที่ ๒๑-๒๓

​

ผู้ถาม
เอ....หลวงพ่อครับ พระมหากัสสปะ ท่านนิพพานแล้ว แต่ได้ยินดีเขาบอกว่า
ศพของพระมหากัสสปะยังอยู่ที่ เมืองราชคฤห์ แล้วจะเผาได้ต่อเมื่อ พระศรี
อาริย์ มาตรัสรู้ และเผาบนมือด้วย อันนี้เป็นเหตุไฉนและข้อเท็จจริงเป็นอย่าง
ไรครับ.....?.....

หลวงพ่อ
เขาลูกไหนว่า

ผู้ถาม
อันนี้ได้ยินจากหลายอาจารย์เขาว่ากันครับ

หลวงพ่อ
เมืองราชคฤห์นี่มันอยู่ตรงไหนนะ.....?.....

ผู้ถาม
ดูเหมือนเมือง...พระเจ้าพิมพิสาร...ครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อ
ศพของพระมหากัสสปะยังไม่ได้อยู่เมืองราชคฤห์นี่ อยู่ที่..เชียงตุง เดาส่งแล้ว

ผู้ถาม
อยู่ไทยนี่เองเองเหรอครับ.....?.....

หลวงพ่อ
ไทยใหญ่

ผู้ถาม
ไม่ใช่อยู่อินเดียหรือครับ.....?.....

หลวงพ่อ
ปัดโธ่....จะอยู่อินเดียตะพึดเลยนะ ยกยอดให้อินเดีย ตะบัน..ท่านอยู่ตรงนี้
พระมหากัสสปะท่านมีงานอยู่แถวนี้ ระหว่างเชียงตุง เชียงราย แล้วก็ประเทศ
จีน ที่พระพุทธเจ้าส่งให้มาประกาศศาสนา ถ้าต่ำลงมานั้นเป็นเขตของ พระ
มหากัจจายนะ จากลำพูนลงมาก็เป็นเขตของพระโมคคัลลาน์ ก็ว่าตามเขต
แล้วท่านก็นิพพานแถวนี้ ถ้าถามว่า "ศพของพระมหากัสสปะมีจริงไหม...?.."
ขอยืนยันว่ามีจริง...ยังอยู่ ดอกไม้ที่เขาบูชาก็ยังอยู่ ธูปกับเทียนที่เขาบูชาก็
ยังอยู่ แต่ว่าเวลาปกตินี่เราเข้าไม่ได้ เพราะเขาลูกเล็กๆ สองลูกข้างหน้าต่ำ
เคลื่อนมาติดกัน
เมื่อปีกึ่งพุทธกาลน่ะเข้าได้ เขาลูกเล็กๆ มันขยายตัวออก เป็นเรื่อง
อัศจรรย์เหมือนกันนะ จนกระทั่งฝรั่งเข้าไปถ่ายภาพได้ ฉันได้ภาพที่ฝรั่งถ่าย
ประมาณ ๑๐ ภาพ ในปีนั้นนะ เขาพิมพ์ขาย ไอ้ฉันน่ะไม่ได้ซื้อ เขามาให้แล้ว
ก็เอาภาพนั้นไปให้ หลวงพ่อเล็กดู ถามว่า......."การนั่งอยู่...การเข้าสมาธิเป็น
ของไม่แปลก แต่ธูปกับเทียนที่เขาบูชาทำไมจึงไม่เศร้าหมอง.....ยังสด ธูป
เทียนก็ยังติดอยู่" หลวงพ่อเล็ก ก็เลยบอกว่า คำอธิษฐานของพระอรหันต์ จะ
ให้เป็นอะไรก็ได้ ใครไม่เชื่อก็ไปดู พวกที่ได้ มโนมยิทธิไปดูก็ได้นี่ ไม่ต้องรอ
ให้เขาเปิด...เข้าได้

ผู้ถาม
แล้วที่ว่าจะเผาต้องเผาบนมือพระศรีอาริย์ล่ะครับ.....?.....

หลวงพ่อ
"ตามท่านว่ามา ถ้าเราไม่เชื่อเราอย่าเพิ่งตาย รอดูก่อน จนกว่าพระศรีอาริย์จะ
นิพพาน!!"

ผู้ถาม
โอ้โฮ.....?.....

หลวงพ่อ
อ้าว...ถ้าพูดเวลานี้ก็เถียงกันไม่จบ บางคนว่า"ฉันไม่เชื่อหรอก เป็นพระพุทธเจ้า
แล้วกฎแห่งกรรมย่อมสิ้นไป มันเป็นเช่นนั้นจริง.....!!

บุพกรรม
หลวงพ่อ
ตามเรื่องมีว่า....สมัยก่อนโน้น พระมหากัสสปะ ท่านเป็นช้าง รูปร่างท่านจึง
ใหญ่โตคล้ายช้าง แล้วพระศรีอาริย์ท่านเป็นเจ้าของ และก็มีการพนันกันว่า
ช้างตัวนี้สามารถจะหยิบอะไรก็ได้ ก็บังเอิญคนพนันมันเกเร มันเอาเหล็กเผา
จนแดงโชนให้อม
ที่แรกเจ้าของยอมแพ้ ยอมให้ถูกปรับดีกว่า ไม่ยอมให้ช้างหยิบ
ช้างก็รักษาศักดิ์ศรี อาศัยที่รักเจ้าของก็เอางวงหยิบ หยิบได้ฝ่ายนั้นก็ต้องแพ้
แต่ช้างก็ต้องตาย เพราะอาสัยกรรมอันนี้หน่อยเดียว เวลาที่พระศรีอาริย์จะ
นิพพานท่านก็เอาศพพระมหากัสสปะใส่พระหัตถ์ อธิษฐานเตโชธาตุเผา เมื่อ
เผาแล้วก็อาศัยเหตุนี้เป็นปัจจัยพระองค์จึงนิพพาน แต่อย่าลืมนะ ไฟที่ใช้กำลัง
ใจให้เกิดขึ้นมันไม่ร้อนหรอก ท่านจะร้อนก็ได้ ไม่ร้อนก็ได้

ผู้ถาม
เอ....ทำไมไม่ร้อนล่ะครับ...??

หลวงพ่อ
ก็เราสร้างเองนี่....ไม่ได้ใช้ไม้ขีดสร้าง มาจาก เตโชกสิณ จะให้ร้อนหรือไม่ร้อนก็ได้

ผู้ถาม
อ๋อ...เป็นเช่นเอง.....

:: �ҹ�����ѡ� :: :: ��ҹ - ����ͧȾ�ͧ�����ҡ��ʻ� (��ǧ�������ԧ��)

</TD></TR><TR><TD style="FONT: 12px Tahoma, Verdana, Arial, sans-serif"></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ไม่ใช่ผมไม่เชื่อ แต่มีเหตุผลสนับสนุน ว่าผมควรเชื่อได้แค่ไหน
เนื่องจากท่านยังไม่ได้ประชุมเพลิง แต่ปรากฏมีพระธาตุให้คนได้กราบได้ไหว้อยู่ในหลายๆที่ ถ้าจะบอกเทวดาเนรมิตพระธาตุพระมหากัสสปะก็เป็นไปได้ จะเป็นไปได้ไหมได้มีการประชุมเพลิงไปแล้วก่อนหน้าที่
พระศรีอาริย์จะมาตรัสรู้ในโลก

 

ท่านอย่าลืมว่า ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก ก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

ที่จะแปลเปลี่ยนไปเป็นพระธาตุได้

 

ใช่ พระอรหันต์ที่ท่านยังดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบัน แล้ว มีธาตุซึ่งกลายเป็นพระธาตุแล้วก็เยอะไป ได้แก่ เล็บ เกศา ฟัน โดยที่ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่

 

เหตุใด ถึงว่าไม่มีพระอรหันตธาตุของพระมหากัสสปะเถระ ​

ขอนำข้อความตอนหนึ่งจากหนังสือ " เอตทัคคะในพระพุทธศาสนา " ของพระครูกัลยาณสิทธิวัฒน์ ผศ. (เล่มสีม่วง มี 426 หน้า) เป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติของพระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ที่พระบรมศาสดา ทรงประทานแต่งตั้งให้เป็นผู้เลิศ ในด้านต่างๆ​

เรื่องของพระมหากัสสปะเถระอยู่ในหน้า 137 แต่ตอน ชีวิตในบั้นปลาย อยู่หน้า 146 ความว่า....

" ในคัมภีร์พระสาวกนิพพานกล่าวว่า พระมหากัสสปะเถระ เมื่อทำหน้าที่เป็นประธานในการทำปฐมสังคายนาแล้ว ได้พักอยูที่พระเวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ ดำรุงอายุอยู่ถึง 120 ปี ก่อนที่ท่านจะนิพพาน 1 วัน ท่านได้ตรวจดูอายุสังขารของท่านแล้วทราบว่าจะอยู่ได้อีกเพียงวันเดียวเท่านั้น ท่านจึงประชุมบรรดาภิกษุ ผู้เป็นศิษย์ของท่านแล้วให้โอวาทเป็นครั้งสุดท้าย สั่งสอนภิกษุผู้ยังเป็นปุถุชนมิให้เสียใจกับการจากไปของท่าน ให้พยายามทำความเพียรและอย่าประมาท

แล้วพระเถระก็เข้าไปถวายพระพรลาพระเจ้าอชาตศัตรู จากนั้นท่านได้พาหมู่ภิกษุไปยังภูเขากุกกุฏสัมปาตบรรพต ให้โอวาทแ่ก่พุทธบริษัทแล้ว แสดงอิทธิปาฏิหาริยอธิษฐานจิตขอให้ภูเขาทั้ง 3 ลูกมารวมเป็นลูกเดียวกัน ซึ่งในภูเขาทั้ง 3 ลูกนั้นมีภูเขาเวภารบรรพตสถานที่ทำปฐมสังคายนารวมอยู่ด้วย ก่อนที่ท่านจะดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน ภายในภูเขาทั้ง 3 ลูกนั้น

ท่านได้อธิษฐาน ขอให้สรีระของท่านยังคงสภาพเดิมไม่สูญสลาย จนกว่าพระศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย์จะมาถึง ซึ่งพระองค์จะพาหมู่ภิกษุสงฆ์มายังภูเขากุกกุฏสัมปาตบรรพตแล้ว ยกสรีระของพระมหาเถระวางบนพระหัตถ์ขวาชูขึ้นประกาศสรรเสริญคุณของพระมหาเถระแล้ว เตโชธาตุก็จะเกิดขึ้นเผาสรีระของท่านบนฝ่าพระหัตถ์ของพระศรีอริยเมตไตรย์พุทธเจ้านั้น "<!-- google_ad_section_end -->

 

ติงขออนุญาตสนับสนุนว่า
เกศา ฟัน เล็บ ของพระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีพระธาตุเกิดขึ้นได้
(ไม่ทราบว่าใช้คำศัพท์ถูกต้องหรือเปล่านะคะ)
ถ้าไม่เห็นกับตา คงไม่เชื่อ
อย่างเกศาของพระอาจารย์ของติง
ก่อนเป็นพระธาตุ จะสานกันเป็นทรงกลมก่อน

​

 

ที่กุฎิของพระอาจารย์ของติง ก็มีรูปเหมือนของพระมหากัสสปะ
พระอาจารย์ให้ช่างที่กรุงเทพฯ เป็นผู้สร้าง
โดยสั่งงานทางานโทรศัพท์
ทุกวันวิสาขบูชา(ก่อน 1 วัน)จะมีพิธีเปลี่ยนขันครู



​

 

อ่านแล้วให้รู้สึกอัสจรรย์ใจจังครับ

เรื่องแบบนี้ไปพูดทื่ไหนคงจะโดนหาว่าบ้าแน่นอน

รูป สรีระ ของพระมหากัสสป ผมไปเห็นที่วัดท่าซุงมาเมื่อวันอาทิตย์

นึกว่าเป็นพระพุทธเจ้าตอนที่พระองค์อดอาหาร

มาเจอในกระทู้นี้เลยถึงบางอ้อ อีกไม่นานเราคงได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์กันแล้ว

ถ้ายังไม่โดนธรรมชาติเล่นงานเสียก่อน

ขออนุโมทนากับการให้ธรรมเป็นทานครั้งนี้ด้วยครับ

 

พระมหากัสสปะ
เพื่อนของพี่ชายผม ได้ไปบวชศึกษาในสำนักวัดเกตุมดี
ได้เล่าให้คุณแม่ฟังว่า สมัยที่ตนได้รู้จักกับหลวงพ่อวัดเกตุมดี
อย่างเราจะเดินทางไปหาท่าน ท่านรู้แล้วคุณแม่ผมรับรองว่า
หลวงพ่อวัดเกตุมดีท่านเก่งท่านปรารถนาพุทธภูมิ ใครจะไปหาท่านแค่คิดสัญญาณเราก็ไปหาท่านแล้ว ต่อมาผมมีความจำเป็นต้องบวชเพราะเบื่อโลก
และเพื่อนของพี่ชายผมก็บวช และ ชวนเพื่อนในสำนักเกตุมดี
มาเที่ยวหาผม พร้อมกับควักเอารูปในย่ามออกมาโชว์ให้ผมดู
บอกว่า นี้เป็นภาพของพระมหากัสสปะที่ชาวต่างชาติถ่ายรูปมาได้ เพื่อนของพี่ชายผม บอกว่ามีหลายใบ จึงยกให้ผมเก็บไว้บูชา ผมเก็บไว้หัวนอน กุฏิของผมไม่มีประตูหน้าต่างเป็นห้องโล่งๆ โดยส่วนตัวแล้วจะอยู่ไม่เป็นที่ กลับมาอีกทีภาพของพระมหากัสสปะหายไปแล้ว



หลวงพ่อวัดเกตุมดี

ท่านเจ้าคุณเทพญาณวิศิษฐ์​

ก่อนจะเดินทางเข้ากรุงเทพไปหาท่านเจ้าคุณเทพญาณวิศิษฐ์
ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์อาจรย์ของผมอีกองค์หนึ่งที่น่านับถือ
ได้นิมิตอย่างในรูปที่โพสให้ดู มีพระรูปร่างสูงใหญ่สง่างาม
เดินเข้ามาหาในนิมิตท่านบอกว่าท่านเป็นหลวงพ่อวัดเกตุมดี ท่านว่าท่านจะมาเจิมหน้าผากให้ ท่านใช้แป้งเจิมรูปอุณาโลมให้ที่หน้าผากแล้วท่านก็สวดยัดคาถาให้ ที่เห็นเป็นรูปอุณาโลม
เรามองเห็นหน้าผากตัวเองไปพร้อมๆกับรูปอุณาโลมที่ท่านเจิมให้บนหน้าผากน่าอัศจรรย์ จริง

นั่งรถมาระหว่างทางผ่านวัดพระแก้วมรกต มีข่าวจากวิทยุในรถค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ ปีติเกิดจนน้ำตาจะไหลทราบซึ้ง และดีใจกับคณะที่พบพระบรมสารีริกธาตุ

 

ไม่ได้ลบหลู่นะคะ แต่ดิฉันถือตามตำราที่เรียนมากกว่าคะ น่าจะให้มีการนำพระธาตุไปตรวจสอบหา ไปเลยว่า เป็นกระดูกมนุษย์ ชนชาติใด และอายุกี่ปี ถ้าปราศจากการพิสูจน์ เราเชื่อตามๆกันก็เหมือนคนโง่นะคะ และส่อให้เห็น วุฒิภาวะทางสังคมในประเทศด้วยว่าคนพัฒนามากน้อยแค่ไหน

 

ท่านสังคายนาครั้งแรกที่ถ้ำสัตบรรณคูหา กรุงราชคฤห์ หรือ ถ้ำ ปีบพาลี ประเทศอินเดีย วรรณะพราหมณ์คงไม่มาเชียงตุงเองให้เหนื่อย

http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/3/31/Sattapanni.jpg

 

พระธาตุที่เห็นอาจไม่ใช่พระธาตุของพระมหากัสสป หรือ อาจเป็นพระธาตุขององค์ท่าน แต่ไม่ใช่พระอัฐิธาตุขององค์ท่านแต่เป็นธาตุอย่างอื่นก็ได้ เช่นอาจเป็นซีรั่ม ที่ไหลออกมาจากร่างกายท่าน ก็ได้ครับ แล้วเรื่องบางเรื่องอาจไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ไปซะหมด ถ้าไม่ได้ก่อให้เกิดความเดืือดร้อนคงเอาตามศรัทธาความเชื่อของปัจเจกชนน่าจะดีกว่าครับ ไม่ขุ่นข้องหมองใจด้วย

 

"วรรณะพราหมณ์คงไม่มาเชียงตุงเองให้เหนื่อย" ไม่ทราบความหมายที่พูดนะครับ แต่จากความคิดของผม องค์ท่านเป็นพระอรหันต์ คงไม่มานั่งใส่ใจเรื่องวรรณะ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร ให้เหนื่อยหรอกครับ เพราะท่านเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส พุทธบิดร เดิมวรรณะกษัตริย์ด้วยซ้ำ(สูงที่สุดในเวลาที่พระองค์ตรัส)แต่ก็ยังทรงเหนื่อยประกาศพระศาสนาไปทั่วทุกที่เลยครับ แล้วอีกอย่างการที่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาจะไปที่ใดในโลกนี้คงไม่ถึงกับเหนื่อยมั้งครับ หรือหากจะเหนื่อยก็คงไม่เหนื่อยเท่ากับการคิดเรื่องวรรณะที่พระพุทธเจ้าทรงให้ละแล้วในศาสนาของพระองค์

 

กสิณลม เดินทางจากอินเดียมาเชียงตุงนี่ ใช้เวลาไม่นานนะครับ