-
iamfu
ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
ทีมงาน
ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
เมื่อทรงสมาธิในระดับนี้ได้แล้ว ถ้าเราเพิ่มปัญญาเข้าไปเพียงเล็กน้อยว่า ตัวเราเป็นโลกิยบุคคล ทรงแค่ระดับปฐมฌาน ยังมีความสุขความเยือกเย็นใจได้ขนาดนี้ แล้วบุคคลที่ทรงฌานที่ ๒ จะมีความสุขขนาดไหน ? เพราะว่าหนักแน่นมั่นคงกว่ามาก บุคคลที่ทรงฌานที่ ๓ จะมีความสุขขนาดไหน ? บุคคลที่ทรงฌานที่ ๔ จะมีความสุขขนาดไหน ?
แล้วบุคคลที่สามารถทรงฌานที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ ซึ่งเป็นอรูปฌานได้ จะมีความสุขขนาดไหน ? เพราว่าความมั่นคงยิ่งมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระดับ อำนาจแค่โลกิยสมาธิขั้นต้นยังยิ่งใหญ่ขนาดสามารถประหัตประหารกิเลสให้สงบนิ่งลงได้ชั่วคราว เรายังมีความสุขขนาดนี้ แล้วพระโสดาบันจะมีความสุขขนาดไหน ?
อรรถกถาจารย์กล่าวว่า พระโสดาบันนั้นมีความสุขยิ่งกว่าพระเจ้าจักรพรรดิที่เกิดมาแล้วไม่ต้องหวาดระแวงอะไร เพราะว่าในโลกไม่มีใครเป็นศัตรูกับพระองค์ท่าน ความสุขระดับนั้นของพระเจ้าจักรพรรดิ ไม่ได้เศษ ๑ ส่วน ๑๖ ของพระโสดาบัน แล้วพระสกทาคามีที่แค่เวียนว่ายตายเกิดชาติเดียวจะมีความสุขขนาดไหน ? เห็นทางหลุดพ้นอยู่ตรงหน้าแล้ว
พระอนาคามีที่ไม่ต้องลงมาเกิดให้ทุกข์ ปฏิบัติต่ออยู่สุทธาวาสพรหมก็ดีหรือว่าอยู่สวรรค์ชั้นที่ตนเองปรารถนาก็ตาม รอเวลาเข้าสู่พระนิพพานเท่านั้น ไม่ต้องเสี่ยงกับอบายภูมิด้วยประการทั้งปวง จะมีความสุขขนาดไหน ? แล้วพระอรหันต์ที่ท่านพ้นตายพ้นเกิดพ้นทุกข์ทั้งปวงแล้ว จะมีความสุขขนาดไหน ?
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เป็นบรมครูของทั้งมนุษย์และเทวดา เป็นผู้สอนพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพานจนนับไม่ถ้วน จะมีความสุขขนาดไหน ? ใช้ปัญญาเล็กน้อยแค่นี้ครับ ท่านจะเห็นความยิ่งใหญ่ ความน่าเคารพเลื่อมใสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง
เมื่อถึงตอนนั้นกำลังใจ วาจาที่กล่าว ร่างกายที่ประพฤติ ก็จะมอบกายถวายชีวิตให้กับคุณพระศรีรัตนตรัยแบบไม่มีข้อแม้ พูดง่าย ๆ ก็คือ ตายลงไปเพื่อแลกกับความดีตรงนี้ก็ยอม ถ้ากำลังใจของท่านเข้าถึงตรงนี้ได้ มองเห็นตรงนี้ได้ ท่านจะเห็นว่าไม่ใช่แค่ราหูซ้อนราหูหรอกครับ ผมให้ขี่กันมาอีก ๑๐ เท่าก็ทำอะไรไม่ได้สำหรับบุคคลที่มั่นคงต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ผมถึงได้บอกว่า ผมไม่ได้ให้ราคาตรงนี้เลย หิ่งห้อยไม่สามารถที่ประชันได้แม้แต่แสงจันทร์ แล้วจะไปเทียบอะไรกับดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่ เพียงแต่ท่านทั้งหลายต้องทำให้ถึงตรงนี้ และต้องรู้จักคิด เมื่อเวลาจิตสงบแล้ว ปัญญาถึงจะเกิด แล้วหลังจากนั้นเมื่อท่านกราบพระ ก็จะกราบด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ไม่ใช่สักแต่แปะ ๆ ให้ครบ ๓ ครั้ง
ท่านเอ่ยว่า นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ก็นอบน้อมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระธรรมเป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก ก็ยึดด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจจริง ๆ
ท่านทั้งหลายจะกลายเป็นคนขยันโดยอัตโนมัติ ความขี้เกียจใด ๆ ไม่สามารถที่จะครอบงำได้ เพราะเห็นคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริงแล้ว เมื่อหลาย ๑๐ ปีก่อน ผมถึงบอกกับตนเองว่า ถ้าต้องอยู่ทุกข์ทรมานในโลกนี้ไปจนอายุ ๑๒๐ ปี แล้วให้ผมเข้าถึงแค่พระโสดาบันเท่านั้น ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ไม่ต้องถึงพระอรหันต์นะครับ แค่พระโสดาบันเท่านั้น
ดังนั้น...ในส่วนนี้จึงฝากต่อพระภิกษุสามเณร แม่ชี และฆราวาส ไม่ว่าจะฟังอยู่ที่นี่ หรือว่าอยู่ทางบ้าน ทางวัดวาอาราของตนเองก็ตาม จะอยู่ภายในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม เรื่องของดวงดาวต่าง ๆ เรื่องของเทวดานพเคราะห์ต่าง ๆ จะส่งผลต่อท่านทั้งหลายได้น้อยยิ่งกว่าน้อย ถ้าหากว่าท่านมั่นคงในคุณพระศรีรัตนตรัย
ขอให้เชื่อมั่นว่า คุณพระรัตนตรัยสามารถกำจัดทุกข์ กำจัดภัยได้จริง โดยเฉพาะภัยใหญ่คือกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ภัยอื่น ๆ นั้น ล้วนแต่เป็นเพียงเศษฝุ่นเท่านั้น ถ้ากำลังใจทุกคนตั้งมั่นไว้ได้อย่างนี้ เราก็ไม่ต้องไปเครียด ไม่ต้องไปกังวล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เรามีคุณพระศรีรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ยึดมั่นในพระองค์ท่านด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พากเพียรปฏิบัติด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ถ้าทำอย่างนี้ได้ ความสำเร็จในชาตินี้ของท่านทั้งหลายก็ไม่เกินที่จะหวัง
ก็ขอเรียนถวายและเจริญพรต่อทุกท่านไว้แต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ที่มา : www.watthakhanun.com
#พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
#ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
#ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
#ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
#พระพุทธศาสนา #watthakhanun