ผมมีสิทธิใช้ได้หมดแหละ เป็นหลายศาสนา
ไปแหกตาดูเด็กนักเรียนมัธยมสิ เขาก็เรียนรู้
ทุกศาสนา ออกข้อสอบก็ออกทุกศาสนาน่ะ
ความหมายของหลวงปู่เทพโลกอุดร ก็คือ บรรลุอรหันต์แล้วไม่ละสังขารเกินอายุขัยได้
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โปเย, 17 มีนาคม 2012.
หน้า 3 ของ 5
-
คุณกำลังกล่าวตู่พระพุทธเจ้าอยู่นะ -
คนบางคน คิดว่าตนมีธรรมแล้ว เพราะคุมใจไม่ให้โกรธ ไม่ให้มีกิเลสได้
แต่ "เขาเข้าใจผิดทั้งหมด" เพราะเขาฝึกจิต "ผิดธรรมชาติ" คือ ฝึกใจ
น้ำแข็ง เวลามีไฟโกรธ ก็คุมตัวเองให้ใจเย็น ใจแข็ง ไว้ เวลามีกามก็คุม
ให้ใจเย็น-แข็งไว้ อย่างนี้เรื่อยๆ แท้แล้ว "ปัญญายังทึบ" ใจผิดธรรมชาติ
... โง่อยู่เหมือนเดิม ... -
กรรมสูตร
[๒๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงกรรมทั้งใหม่และเก่า ความดับแห่งกรรม และ
ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรม ท่านทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมเก่าเป็นไฉน จักษุอันบัณฑิต พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อันปัจจัย
ทั้งหลายปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา หู ... จมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจอัน
บัณฑิตพึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา
ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เราเรียกว่า กรรมเก่า ฯ
[๒๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมใหม่เป็นไฉน กรรมที่บุคคลทำด้วย กาย วาจา
ใจ ในบัดนี้ นี้เราเรียกว่า กรรมใหม่ ฯ
[๒๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับแห่งกรรมเป็นไฉน นิโรธที่ถูกต้องวิมุตติ
เพราะความดับแห่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม นี้เราเรียกว่า ความดับแห่งกรรม ฯ
[๒๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรมเป็นไฉน
อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปปะ ๑ สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑
สัมมาอาชีวะ ๑ สัมมาวายามะ ๑ สัมมาสติ ๑สัมมาสมาธิ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับกรรม ฯ
[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่า กรรมใหม่ ความดับแห่งกรรมและปฏิปทาอัน
เป็นเครื่องให้ถึงความดับกรรม เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลายด้วยประการดังนี้แล กิจใดแล
อันเราผู้ศาสดา ผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้อนุเคราะห์แก่สาวกทั้งหลาย พึงทำ กิจนั้นเรา
ทำแล้วเพราะอาศัยความอนุเคราะห์ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่างเปล่า เธอทั้งหลาย
จงพยายาม อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนใจในภายหลัง นี้เป็นอนุศาสนีของเรา
เพื่อเธอทั้งหลาย ฯ
จบสูตรที่ ๑
----
โปเยไม่รู้วิธีดับกรรม รู้จักแต่พระจิด พระเจ้า ผลแอปเปิล มาร์คไรเดอร์ อุลตร้าแมน มหาบุรุษ เพศพลัง "หยาง-เอี๊ยง" พลัง "อิม-เอี๊ยง" มีกามกัน แลกเปลี่ยนลมปรากัน เทพราหู จิตวิญญาณมืด ปีศาจ ครึ่งปีศาจ เซียน ธรรมผ้าขาว พลังปราณทิพย์ ความรัก ดวงใจทิพย์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ พลังฟ้า ศักษาพวกลัทธินอกพระศาสนาไม่ได้เป็นหนทางพ้นกรรม -
เราไม่จำเป็นต้องแสดงสิ่งที่เรารู้ทั้งหมด
แม้คนจะปรามาส ด่าว่า ใส่ร้ายว่าเราไม่รู้
มันก็เรื่องของเขา เขาก่อกรรมเอง
ช่วยไม่ได้ ... -
สรรพสิ่ง เกิดแล้วย่อมดับไป เป็นธรรมดา ธรรมชาติ
พระพุทธองค์ มิได้สอน "วิธีกระทำการดับอะไรๆ"
เพียงแต่แสดงถึง "สัจธรรม" ที่ไม่เที่ยงของทุกสิ่ง
ที่เกิดแล้วดับไป "แม้เราไม่ได้ไปดับมัน" เท่านั้น!
"คำสอนเรื่องการดับกรรม" เป็นของพระพุทธเจ้ารึไง?<!-- google_ad_section_end --> -
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๘ หน้าที่ ๑๓๖/๔๐๒
กรรมสูตร
[๒๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงกรรมทั้งใหม่และเก่า ความดับแห่งกรรม และ
ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรม ท่านทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมเก่าเป็นไฉน จักษุอันบัณฑิต พึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อันปัจจัย
ทั้งหลายปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา หู ... จมูก ... ลิ้น ... กาย ... ใจอัน
บัณฑิตพึงเห็นว่าเป็นกรรมเก่า อันปัจจัยปรุงแต่งแล้ว สำเร็จด้วยเจตนา เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา
ดูกรภิกษุทั้งหลายนี้เราเรียกว่า กรรมเก่า ฯ
[๒๒๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กรรมใหม่เป็นไฉน กรรมที่บุคคลทำด้วย กาย วาจา
ใจ ในบัดนี้ นี้เราเรียกว่า กรรมใหม่ ฯ
[๒๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ความดับแห่งกรรมเป็นไฉน นิโรธที่ถูกต้องวิมุตติ
เพราะความดับแห่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม นี้เราเรียกว่า ความดับแห่งกรรม ฯ
[๒๓๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับแห่งกรรมเป็นไฉน
อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปปะ ๑ สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑
สัมมาอาชีวะ ๑ สัมมาวายามะ ๑ สัมมาสติ ๑สัมมาสมาธิ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับกรรม ฯ
[๒๓๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่า กรรมใหม่ ความดับแห่งกรรมและปฏิปทาอัน
เป็นเครื่องให้ถึงความดับกรรม เราได้แสดงแล้วแก่ท่านทั้งหลายด้วยประการดังนี้แล กิจใดแล
อันเราผู้ศาสดา ผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้อนุเคราะห์แก่สาวกทั้งหลาย พึงทำ กิจนั้นเรา
ทำแล้วเพราะอาศัยความอนุเคราะห์ดูกรภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่างเปล่า เธอทั้งหลาย
จงพยายาม อย่าประมาท อย่าได้เป็นผู้มีความเดือดร้อนใจในภายหลัง นี้เป็นอนุศาสนีของเรา
เพื่อเธอทั้งหลาย ฯ
จบสูตรที่ ๑
----
คำสอนของพระพุทธเจ้า -
พระจิด
พระเจ้า
ผลแอปเปิล
มาร์คไรเดอร์
อุลตร้าแมน
มหาบุรุษเพศ
พลัง "หยาง-เอี๊ยง"
พลัง "อิม-เอี๊ยง"
มีกามกัน
แลกเปลี่ยนลมปราณกัน
เทพราหู
จิตวิญญาณมืด
ปีศาจ
ครึ่งปีศาจ
เซียน
ธรรมผ้าขาว
พลังปราณทิพย์
ความรัก
ดวงใจทิพย์
พระวิญญาณบริสุทธิ์
พลังฟ้า
----
ศาสนาโปเยและพ้องเพื่อน -
ท่านแสดงถึง "การดับสิ้นไปแห่งกรรม" เฉยๆ ว่ากรรมมันดับไปได้อย่างไร
ไม่ใช่ให้ไปนั่งทำ นั่งกระทำการดับกรรม ด้วยอาศัยนิโรธ อะไรทั้งนั้น นั่น
เข้าใจผิด กรรมมันดับสิ้นไป เพราะสิ้นเหตุปัจจัยใด ไม่ใช่ว่าให้เราไปทำ
การดับมันด้วยอะไร (ไม่ได้บอกให้เราไปทำ แต่ท่านแสดงให้เห็นแค่ว่า
มันดับไปตามธรรมชาติได้อย่างไร)
ก่อนฝนตก มีกบร้อง แต่เราต้องไปตีกบให้มันร้อง อ๊บๆ เพื่อให้ได้ฝนตก มั้ย ? -
อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ คือ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปปะ ๑ สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑
สัมมาอาชีวะ ๑ สัมมาวายามะ ๑ สัมมาสติ ๑สัมมาสมาธิ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรา
เรียกว่า ปฏิปทาอันเป็นเครื่องให้ถึงความดับกรรม ฯ
----
อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ เป็นเครื่องดับกรรม ไม่ใช่พระจิด พระเจ้า ผลแอปเปิล มาร์คไรเดอร์ อุลตร้าแมน มหาบุรุษ เพศพลัง "หยาง-เอี๊ยง" พลัง "อิม-เอี๊ยง" มีกามกัน แลกเปลี่ยนลมปรากัน เทพราหู จิตวิญญาณมืด ปีศาจ ครึ่งปีศาจ เซียน ธรรมผ้าขาว พลังปราณทิพย์ ความรัก ดวงใจทิพย์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ พลังฟ้า -
มรรรคแปดเป็นเหตุปัจจัยจริง
แต่มิใช่การให้เอาไปกระทำให้
กรรมดับสิ้นไป
คนที่บรรลุธรรมแท้ ย่อมมีมรรค
แปดเอง "เป็นไปตามธรรมชาติ"
ไม่ใช่ว่า ยังฟังความไม่เข้าใจ ยัง
ไม่มีปัญญาแจ้งจริง ไม่ใช่อริยบุคคล
เป็นแค่ "พราหมณฤษี" ก็เอามรรค 8
ไปฝึกจิตกัน อย่างนี้ไม่ใช่ธรรมชาติ
ไปทำให้มันเป็น กับการมีปัญญาแจ้ง
ตื่นออกจาก "ความไม่ใช่" แล้วกลับ
สู่ภาวะเดิมแท้ อ้าวเอ้ย ไม่ต้องทำให้
มรรคแปดมีนี่หว่า? มันเป็น "ธรรมะ
ธรรมชาติแต่เดิมแท้แล้ว มีอยู่แต่เดิม
แล้ว ไม่ต้องไปฝึกแบบฤษีอีก" แบบนี้
เข้าใจไหม?
ไม่ได้ให้ไปฝึกกันแบบที่ศาสนาพราหมณ์เขาทำ -
----
ไปศึกษา "นิโรธ" ก่อนเถิดโปเย ศึกษาพระจิด พระเจ้า ผลแอปเปิล มาร์คไรเดอร์ อุลตร้าแมน มหาบุรุษ เพศพลัง "หยาง-เอี๊ยง" พลัง "อิม-เอี๊ยง" มีกามกัน แลกเปลี่ยนลมปรากัน เทพราหู จิตวิญญาณมืด ปีศาจ ครึ่งปีศาจ เซียน ธรรมผ้าขาว พลังปราณทิพย์ ความรัก ดวงใจทิพย์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ พลังฟ้า มันไม่ใช่หนทางพ้นกรรม -
สัจธรรม ธรรมะ ธรรมชาติ
คือ ความจริงที่มีอยู่แล้ว
ไม่ต้อง "ไปทำให้มันมี"
นั่นแหละ "สัจธรรม" คือ
สัจแห่งการไม่ต้องกระทำ -
ไม่ต้องไปศึกษาหรอก ศึกษาไปได้แต่สุตตมยปัญญา
คุณไปปฏิบัติให้มันได้อะไรสักอย่างหน่อยสิ
นี่ไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง เพราะไม่ปฏิบัติ มีแต่ปริยัติ -
<TABLE id=post5885183 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead> วันนี้, 10:28 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #53 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->อุรุเวลา<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5885183", true); </SCRIPT>
สมาชิก
วันที่สมัคร: Dec 2011
ข้อความ: 1,102
พลังการให้คะแนน: 114
</TD></TR></TBODY></TABLE>
น่าเสียดาย เอารูปท่านพุทธทาสมา
คิดว่านับถือธรรมแบบท่านพุทธทาส
ที่ไหนได้ ยึดติดปริยัติ ไม่ต่างจาก
อ. เสถียรฯ ตอนยึดติดปริยัต (ช่วง
ยังไม่บรรลุ) มาแบบเดียวกันเลย -
-
แล้วไอ้การย้ำจิตใจตัวเองบ่อยๆ
ให้ "ใจเย็นไว้ แข็งไว้" น่ะนะ
มันไม่ใช่วิถีพุทธหรอก มันเป็น
"วิชาของเทพนอกคอก" เขาฝึก
กัน ฝึกมากๆ ก็หลงตัวเองว่าตน
มีธรรมแล้ว ใจเย็น ใจแข็งดีแล้ว
นั่นแหละ เพราะอำนาจจิต ไม่ใช่
ธรรมะ ธรรมชาติของจิตเดิมแท้ -
-
ยัง "ใส่ร้ายคนอื่น"
เก่งเหมือนเดิมนะ -
มึนๆๆๆๆๆ อ่านแล้วมึน
จงเป็นสุข เป็นสุขเถิดนะ :cool:
หน้า 3 ของ 5