พระองค์ทรงแสดงธรรมกับภิกษุว่า พรหมจรรย์ของตถาคตนั้นเหมือนกับคนคนหนึ่งเดินเข้าไปในป่า ปรารถนาที่จะได้แก่นไม้ แต่แล้วไปติดแค่ใบไม้ เปลือกไม้ กระพี้ไม้ไม่เข้าถึงแก่น พูดง่ายๆว่า พอหลงใหลแค่ได้ลาภสักการะ แค่ศีล สมาธิ ไม่ถึงตัววิมุตติตัวปัญญาอันสูงสุด ฉะนั้นคนบางคนมาบวชแล้วเกิดลาภสักการะ ทำสมาธิก็ภูมิใจ พอใจ นึกว่าได้แค่นี้ดีที่สุด แล้วเลิกทำ…ไม่ใช่ เรื่องของศาสนาต้องถึงขั้นวิมุตติ คือหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง จึงเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องระวัง