คาถา บูชาเสด็จเตี่ย (กรมหลวงชุมพร) - เอื้ออังกูร

ในห้อง 'รวมบทสวดมนต์และคาถา' ตั้งกระทู้โดย torphak, 1 กุมภาพันธ์ 2021.

  1. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    upload_2022-3-8_7-20-15.jpeg

    “พระครูนิวิฐปุญญากร” หรือ “หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม” วัดห้วยด้วน (ธารทหาร) อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ พระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคมที่มีชื่อเสียง เป็นศิษย์พุทธาคม หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่ออิน วัดหางน้ำสาคร, หลวงพ่อหมึก วัดสระทะเล และหลวงพ่อโหมด วัดโคกเดื่อ
    มีนามเดิม พัฒน์ ก้อนจันเทศ เกิดเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2465 ที่บ้านสระทะเล ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ บิดา-มารดาชื่อ นายพุฒ และ นางแก้ว

    ช่วงวัยเด็กที่บ้านสระทะเลเกิดภัยแล้ง ครอบครัวจึงอพยพไปทำนาที่บ้านหนองเนิน อ.ท่าตะโก และย้ายไปทำนาที่บ้านหนองหลวง อ.ท่าตะโก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หลวงพ่อเดิมสร้างเสนาสนะให้วัดหนองหลวง

    บิดาจึงได้ไปช่วยหลวงพ่อเดิมสร้างวัด และท่าน ยังร่ำเรียนเขียนอ่าน รวมทั้งฝึกหัดท่องคาถาสั้นๆ จากหลวงพ่อเดิม และยังได้ศึกษาภาษาไทย ภาษาขอม จากหลวงตาน้อย ฝึกหัดนั่งสมาธิกับหลวงพ่ออิน

    อายุ 13 ปี จึงเดินทางกลับมาเรียนหนังสือจนจบชั้น ป.4 ที่วัดสระทะเล อ.พยุหะคีรี โดยไปอยู่กับหลวงลุง ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล ระหว่างไปอยู่ที่วัดหนองหลวงและวัดสระทะเลได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อเทศด้วย

    พออายุครบเกณฑ์ทหารถูกคัดเลือกเข้าไปเป็นทหารกองประจำการ แต่ขณะที่จะหมดวาระปลดจากทหารเกณฑ์ กลับเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2) ขึ้นเสียก่อน จึงทำให้ต้องเป็นทหารต่อไปจนอายุ 24 ปี ปลดประจำการเมื่อปี พ.ศ.2489
    จากนั้นเข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2489 ที่อุโบสถ วัดสระทะเล ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ มีพระธรรมไตรโลกาจารย์ (หลวงพ่อยอด) วัดเขาแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และพระอธิการชั้ว วัดสระทะเล เป็นพระ อนุสาวนาจารย์

    มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม นักธรรมชั้นตรีและชั้นโทไปได้สักระยะ โดยระหว่างนั้นหลวงพ่อเดิมได้ไปสร้างเสนาสนะและอุโบสถอยู่ที่วัดอินทราราม จึงไปเรียน พุทธาคมด้วย
    เมื่อพบกับหลวงพ่อเดิมที่วัดอินทราราม จึงเริ่มถ่ายสรรพวิชาทั้งกัมมัฏฐานและพุทธาคม โดยให้ไปจำวัดอยู่ที่วัดเขาแก้วกับหลวงพ่อกัน
    ด้วยขณะนั้นวัดอินทรารามกำลังซ่อมสร้าง เสนาสนะอยู่ จึงไม่สะดวกในการพำนัก จำพรรษา จึงต้องเดินไปเช้าเย็นกลับระหว่างวัดทั้งสอง เรียนวิชาอยู่เกือบสองพรรษาจึงจบ

    ขณะเดินธุดงค์ไปยังเมืองลับแล ไปพักกับหลวงพ่อชุบ เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง จ.อุตรดิตถ์ หลวงพ่อชุบถ่ายทอดวิชาเมตตามหานิยมให้และขอให้คู่เทศน์ปุจฉา-วิสัชนา คู่กันเป็นระยะหนึ่ง

    เมื่อถึงเวลาอันสมควรจึงขอลาหลวงพ่อชุบกลับวัดสระทะเล แต่หลวงพ่อชุบกลับขอให้อยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งแทนอีก 3 ปี ด้วยหลวงพ่อชุบจะย้ายไปพัฒนาวัดพระยืนพุทธบาทยุคลก่อน จึงต้องอยู่ดูแลวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง 6 ปี จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระทะเล

    กระทั่งครอบครัวย้ายมาที่ ต.ธารทหาร อ.หนองบัว ประชาชนชาว ต.ธารทหาร และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จึงร่วมกันอาราธนาให้เป็นเจ้าอาวาส จึงย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2513 เป็นต้นมา

    สำหรับวัดธารทหาร (วัดห้วยด้วน) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2482 แต่เดิมเรียกว่า วัดห้วยด้วน ตามชื่อหมู่บ้าน เนื่องจากที่บ้านแห่งนี้มีลำคลองเล็กแยกมาจากห้วยน้ำสาดเหนือ และสิ้นสุดคลองลงที่นี่ จึงเรียกกันว่าห้วยด้วน ซึ่งได้เรียกเป็นชื่อหมู่บ้าน และต่อมาเปลี่ยนเป็น บ้านธารทหาร สืบต่อมาเท่าทุกวันนี้

    ด้วยความที่เป็นพระเกจิชื่อดัง จึงเริ่มมีชื่อเสียงอยู่ในศรัทธาของญาติโยมในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ในแต่ละวันจึงมีญาติโยมเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ที่เข้มขลัง เสริมความเป็นสิริมงคลที่วัดอย่างไม่ขาดสาย

    ด้านวัตถุมงคลจัดสร้างมอบให้ผู้ที่ร่วมทำบุญ ทุกรุ่นเป็นที่ยอมรับของบรรดาเซียนพระและนักสะสม กล่าวได้ว่า เป็นพระเกจิชั้นแนวหน้าอีกรูป มีงานพุทธาภิเษก ปลุกเสกพระเครื่องรุ่นต่างๆ ได้รับนิมนต์ร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องเป็นประจำ

    ที่มา : https://www.khaosod.co.th/newspaper/news_4941023

    วัดธารทหาร
    เลขที่ 1 บ้านธารทหาร ถนนหนองบัว-ท่าตะโกหมู่ที่ 3 ตำบลธารทหาร อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์

    images?q=tbn:ANd9GcRaNuHturZPVGvB3GMWzOGHR-wQFdscmWtZhg&usqp=CAU.jpg upload_2022-3-8_7-28-33.jpeg

    จังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ระหว่างตอนล่างของภาคเหนือและตอนบนของภาคกลาง มีพื้นที่ประมาณ 9,597 ตารางกิโลเมตร นับเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์อีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย มีพื้นที่ติดต่อกับหลายจังหวัด ได้แก่ ด้านเหนือ ติดต่อกับจังหวัดพิจิตรและกำแพงเพชร ทางตะวันออกติดกับจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี ด้านใต้ติดกับจังหวัดสิงห์บุรี ชัยนาท และอุทัยธานี ส่วนด้านตะวันตกติดกับจังหวัดตาก

    คำขวัญประจำจังหวัด: เมืองสี่แคว แห่มังกร พักผ่อนบึงบอระเพ็ด ปลารสเด็ดปากน้ำโพ

    ที่ตั้ง จังหวัดนครสวรรค์มีพื้นที่ประมาณ9,597,677 ตารางกิโลเมตร หรือ5,998,548 ไร่ แบ่งเขตการปกครองเป็น13 อำเภอ กับ2 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอเก้าเลี้ย อำเภอโกรกพระ อำเภอชุมแสง อำเภอตากฟ้า อำเภอตาคลี อำเภอท่าตะโก อำเภอบรรพตพิสัย อำเภอพยุหะคีรี อำเภอไพศาลี อำเภอลาดยาว อำเภอหนองบัว อำเภอแม่วงศ์ กิ่งอำเภอชุมตาบง และกิ่งอำเภอแม่เปิน เปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นๆ ในประเทศไทย นครสวรรค์เป็นจังหวัดขนาดกลาง

    สถานที่ท่องเที่ยวฮิตในนครสวรรค์
    อุทยานสวรรค์

    11315-attachment.jpg

    เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่อยู่ในเขตเทศบาลนครสวรรค์มีผู้นิยมไปพักผ่อนหย่อนใจกันมาก มีเนื้อที่ 314 ไร่ ใกล้ทางแยกสายเชียงใหม่-พิษณุโลก ติดกับถนนสายเอเชีย อุทยานสวรรค์เดิมเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า “หนองสมบุญ” มีถนนวงแหวน2 ชั้นล้อมรอบ ตรงกลางเป็นเกาะซึ่งมีเนื้อที่ 4 ไร่ มีสวนหย่อม สนามหญ้า น้ำพุ เวทีกลางแจ้ง น้ำตก ริมฝั่งน้ำภายในอุทยานจัดเป็นสวนสุขภาพ ด้านหน้าของสวนสาธารณะสร้างอย่างสวยงาม มีห้องน้ำ ห้องแต่งตัวบริการแก่นักท่องเที่ยว

    วัดเกรียงไกรกลาง

    11316-attachment.jpg

    ตั้งอยู่หมู่ที่5 ตำบลเกรียงไกร ริมฝั่งแม่น้ำน่าน ภายในวัดมีพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย และวิหารเก่าสร้างในสมัยรัชกาลที่5 ระหว่าง พ.ศ.2400-2430 เป็นสิ่งก่อสร้างเดียวของวัดที่ยังไม่มีการบูรณะ มีรอยพระพุทธบาทจำลอง ประดิษฐานอยู่ภายใน มีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพุทธชาติชาดก
    พระประธานในวิหาร คือ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีประวัติที่น่าสนใจคือ เมื่อกรุงสุโขทัยใกล้เสื่อมอำนาจลง และมีภัยสงครามอยู่เป็นประจำชาวสุโขทัย จึงได้นำพระพุทธรูปล่องแพมาตามลำน้ำ และเมื่อมาถึงปากน้ำเชียงไกล แพจมลงจึงนำพระพุทธรูปขึ้นและโบกปูนทับ เพื่อให้ปลอดภัยจากสงคราม จนกระทั่งเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น พ.ศ.2147 ชาวบ้านได้สร้างวัดนี้ขึ้นตรงที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และนำพระพุทธรูปซ่อนไว้ในผนังพระอุโบสถเพื่อป้องกันภัยสงคราม และไม่มีใครล่วงรู้จนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นร้อยปี เมื่อ พ.ศ.2511 ได้มีการซ่อมผนังพระอุโบสถจึงพบแต่พระพุทธรูปปูนธรรมดา นานวันเข้าปูนกะเทาะออกจึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำ

    วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ)

    11318-attachment.jpg

    (วัดถือน้ำ) ตั้งอยู่ที่ตำบลนครสวรรค์ ออกห่างจากตัวเมือง 4 กิโลเมตร ไปตามถนนพหลโยธิน (นครสวรรค์ – กรุงเทพฯ) เข้าไปทางค่ายจิรประวัติ เป็นวัดเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับข้าราชการกระทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยมีใบหอก ใบพาย มีดดาบสมัยโบราณ พระพุทธรูปทองคำปางปฐมเทศนาและพระพุทธรูปเนื้อเงินบรรจุอยู่ภายใน พระประธานในพระอุโบสถหลังเก่าประมาณอายุได้ 100 ปีเศษ ในปี พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ เสด็จฯ มาทรงตัดลูกนิมิตพระอุโบสถหลังใหม่ วัดนี้ถือได้ว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่มีคุณค่าแก่การศึกษาในทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่งแห่งหนึ่ง โทร. 0 5625 5444

    เขาถ้ำบุนนาค

    11319-attachment.jpg

    ตั้งอยู่ที่ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี ถนนเป็นลูกรังห่างจากอำเภอประมาณ 6 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัด 80 กิโลเมตร ลักษณะที่ตั้งเป็นภูเขา ปากถ้ำสูงจากเชิงเขาประมาณ 25 – 30 เมตร ภายในถ้ำมีพระพุทธรูป และรอยพระพุทธบาทจำลอง มีปล่องให้แสงสว่างจากยอดเขาลงมา บรรยากาศในถ้ำไม่อับชื้นแต่เย็นสบายเพราะลมที่ลงมาตามปล่องภูเขาแล้วออกทางปากถ้ำ ที่เชิงเขาด้านปากถ้ำมีวัดถ้ำบุนนาค ที่กว้างขวางร่มเย็น

    เขาหนอ-เขาแก้ว

    11331-attachment.jpg

    อยู่ริมทางหลวงสายพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์-กำแพงเพชร ในท้องที่ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย ระยะทางจากตัวจังหวัดประมาณ 45 กม. และจากตัวที่ว่าการอำเภอบรรพตพิสัยประมาณ 18 กม. เขาหน่อเป็นเขาหินปูนที่มีวัดเขาหล่ออยู่เชิงเขา มีบันได ขึ้นสู่ถ้ำบนยอดเขาและมีพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่อยู่ปากถ้ำ เมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จภาคเหนือทางชลมารคสายแม่น้ำปิง เคยทรงประทับพักแรม ต่อมาจังหวัดได้สร้างพระบรมรูปไว้เป็นอนุสรณ์ บริเวณเชิงเขามีฝูงลิงจำนวนมาก คอยรับอาหารจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือน นอกจากนี้เวลาเย็นจะมองเห็นฝูงค้างคาวที่อาศัยอยู่ตามถ้ำน้อยใหญ่ใน ภูเขาบินออกไปหากิน ดูเป็นสายยาวสีดำอยู่บนท้องฟ้า ส่วนเขาแก้ว อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน มีถ้ำหลายถ้ำซึ่งเป็นที่อยู่ของค้างคาวมากมาย ในเวลาเย็นใกล้พลบค่ำฝูงค้างคาวจะพากันบินออกหากิน

    บ้านโคกไม้เดน

    11332-attachment.jpg

    ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าน้ำอ้อย ห่างจากตัวเมือง33 กม. ตามถนนพหลโยธิน มีทางแยกเข้า บ้านโคกไม้เดน ระยะทาง3 กม. เป็นสถานที่ที่มีโบราณวัตถุซึ่งแสดงถึงเมืองเก่าแก่สมัยสุโขทัย ได้แก่ ซากกำแพงเนินดิน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ได้ขุดพบโบราณวัตถุเป็นรูปปั้นช้าง พญาฉัททันต์ ซึ่งมีอายุกว่า1,000 ปี คำว่า “โคกไม้เดน” เป็นชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง ศิลปโบราณที่ บ้านโคกไม้เดน เช่น รูปปั้นต่างๆ ได้ถูกนำออกแสดงที่ต่างประเทศ โดยนักโบราณคดีชาวอเมริกันและออสเตรเลีย คนสมัยเก่าเรียกบ้านโคกไม้เดนว่า “เมืองบน” สร้างขึ้นในสมัยทวาราวดี ระหว่างพุทธศตวรรษที่11-16 (พ.ศ.1000-1500) ตัวเมืองบนมีลักษณะ เป็นรูปรีคล้ายหอยสังข์ ขนาดยาวประมาณ250 เมตร กว้าง600 เมตร คล้ายเมืองกำแพงนครปฐม เมืองเสมาจังหวัดนครราชสีมา และเมืองพญาแร่จังหวัดชลบุรี

    บึงบอระเพ็ด

    11333-attachment.jpg

    บึงบอระเพ็ด (อังกฤษ:Bueng Boraphet) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยและเป็นบึงทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเนื้อที่ 132,737 ไร่ อยู่ในท้องที่สามอำเภอของจังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ อำเภอท่าตะโก และอำเภอชุมแสง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครสวรรค์ กลางบึงมีตำหนักแพที่สร้างขึ้นครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน
    เดิมบึงบอระเพ็ดแห่งนี้มีชื่อว่า “ทะเลเหนือ” หรือ “จอมบึง” เนื่องจากมีสัตว์และพันธุ์พืชน้ำเป็นจำนวนมาก รวมทั้งจระเข้ จากการสำรวจพบว่ามีสัตว์อาศัยอยู่ประมาณ 148 ชนิด พืช 44 ชนิด มีพันธุ์สัตว์ที่หายากได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร (พบครั้งแรกที่บึงบอระเพ็ด) ปลาเสือตอ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคมจะมีนกเป็ดน้ำอพยพมาที่บึงแห่งนี้เป็นจำนวนมาก พื้นที่บางส่วนได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

    ถ้ำบ่อยา

    11334-attachment.jpg

    เป็นถ้ำอยู่บนเขาที่หมู่บ้านหินก้อน ตำบลหนองกรวด อยู่ห่างจากตัวเมืองเป็นระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ตามถนนสายนครสวรรค์-ลาดยาว ทางแยกเข้าวัดถ้ำบ่อยา (วัดศรีอุทุมพร) ระยะทาง 6 กิโลเมตร จากบริเวณเชิงเขา มีบันไดขึ้นไปสู่ตัวถ้ำ ภายในถ้ำมีบริเวณกว้างขวางพอสมควร โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ช่วง ตอนแรกเป็นที่ตั้งพระประธานองค์ใหญ่ ช่วงที่ 2 อยู่ลึกเข้าไปข้างในเป็นทางตัน บริเวณนี้จะมีบ่อน้ำทิพย์ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นบ่อยาศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ช่วงที่ 3 เป็นทางที่จะออกจากบริเวณถ้ำสู่ภายนอกได้ทางหนึ่ง ภายในบริเวณถ้ำนอกจากจะมีบ่อน้ำทิพย์อยู่ดังกล่าวแล้ว ยังมีหินย้อยตามธรรมชาติที่งดงาม ซึ่งจะมองเห็นได้จากแสงไฟฟ้า ซึ่งมีให้ความสว่างอย่างเพียงพอภายในถ้ำ

    การเดินทาง
    รถยนต์
    จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๑ แยกเข้าทางหลวงหมายเลข ๓๒ ผ่านอยุธยา-อ่างทอง-สิงห์บุรี-ชัยนาท-อุทัยธานี-นครสวรรค์ ระยะทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ ๒๔๐ กิโลเมตร

    รถโดยสารประจำทาง
    บริษัทขนส่ง จำกัด เปิดบริการเดินรถกรุงเทพฯ-นครสวรรค์ ทุกวัน ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ หมอชิต2 ทุกวัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๓ ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีขนส่งสายเหนือ ถนนกำแพงเพชร โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๕๒-๖๖ หรือwww.transport.co.th บริษัทเอกชน เช่น บริษัท วิริยะทัวร์ โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๒๗ บริษัท ถาวรฟาร์ม โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๒๙๔๕ บริษัท ทันจิตต์ โทร. ๐ ๒๙๓๖ ๓๒๑๔ หากต้องการเดินทางไปอำเภอต่าง ๆ สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางจากสถานีขนส่งจังหวัดนครสวรรค์ โทร.๐ ๕๖๒๒ ๒๑๖๙ อยู่ตรงข้ามโรงแรมพิมาน

    รถไฟ
    มีขบวนรถไฟออกเดินทางจากสถานีรถไฟกรุงเทพ(หัวลำโพง) ทุกวัน รายละเอียดติดต่อหน่วยบริการเดินทาง โทร. ๐ ๒๒๒๐ ๔๓๓๔, ๐ ๒๒๒๐ ๔๔๔๔, ๑๖๙๐ หรือwww.railway.co.th สถานีรถไฟนครสวรรค์ โทร. ๐ ๕๖๒๕ ๕๕๔๔
    ในตัวเมืองนครสวรรค์มีรถสองแถวให้บริการหลายสาย ท่ารถอยู่ตรงข้ามโรงแรมพิมาน ใกล้กับสถานีขนส่ง บขส. และหากต้องการเดินทางไปอำเภอต่าง ๆ สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางได้

    เทศกาลและงานประเพณีนครสวรรค์

    งานประเพณีแห่เจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ (จัดช่วงตรุษจีน)

    11335-attachment.jpg

    เป็นงานประเพณีดั้งเดิมของชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดนครสวรรค์ เนื่องในโอกาสฉลองวันตรุษจีน จะจัดให้มีขึ้นราวเดือนกุมภาพันธ์ ในงานจะมีการแห่มังกรทองซึ่งชาวจีนถือว่าเป็นเทพเจ้าที่บันดาลคุณประโยชน์อย่างมากแก่มวลมนุษย์ จึงแห่แหนเพื่อแสดงความกตัญญู มีการเชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่ตามศาลเจ้าต่างๆ มาร่วมขบวนด้วย ริ้วขบวนจะประกอบด้วยวงดุริยางค์ ขบวนธง ขบวนสิงโต ขบวนเจ้าพ่อเจ้าแม่ ขบวนมังกรทอง ฯลฯ แห่ไปตามถนนต่างๆ ในตัวเมือง การเชิดมังกรทองที่จังหวัดนครสวรรค์ มีชื่อเสียงมากในด้านความสวยงามและการแสดงที่ตื่นเต้นเร้าใจในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก

    งานประเพณีบุญกำฟ้า บ้านวังรอ

    11336-attachment.jpg

    จัดขึ้นหลังฤดูเก็บเกี่ยวที่บ้านวังรอ ตำบลวังมหากร อำเภอท่าตะโก มักจะจัดขึ้นในวันขึ้น3 ค่ำ เดือน3 งานบุญกำฟ้า เป็นประเพณีโบราณของชาวไทพวนและไทโซ่ง ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของบ้านวังรอ ชาวพวนและโซ่งมีความเชื่อถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผี โดยเฉพาะ “ผีฟ้า” จึงมีงานทำบุญประจำปีด้วยมีความเชื่อถือว่าจะนำความสุขและความอุดมสมบูรณ์มาสู่ชุมชน

    งานประเพณีสงกรานต์

    บ้านเขาทอง ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี เป็นงานประเพณีของตำบลเขาทอง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีชาวไทยเชื้อสายมอญอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แสดงออกถึงศิลปะวัฒนธรรม และการละเล่นพื้นบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนครสวรรค์ เช่น รำพิษฐาน รำช้าเจ้าโลม เต้นกำรำเคียว การจับข้อมือสาวเข้านางสุ่ม ฯลฯ

    ที่มา : https://travel.mthai.com/region/5986.html
     
  2. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  3. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube NSRU Channel มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
    สารคดีชีวประวัติและตำรับยาแผนโบราณ หลวงพ่อพัฒน์ วัดห้วยด้วน (ฉบับสมบูรณ์)
    www.youtube.com/watch?v=wnmSlvxoJ20


    ที่มา : youtube Eak Mongkol Amulet เอก มงคล พระใหม่
    แกะลุ้น เหรียญกรมหลวงชุมพร รุ่น แรก ศิษย์ ทร. จัดสร้างถวาย หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม วัดห้วยด้วน
    www.youtube.com/watch?v=BJndRzH8Pws


    น้องนอนไม่หลับ ขอสักเหรียญจะดีนะ เพลงของอาภาพร นครสวรรค์สักเพลงนะจ๊ะ
    ที่มา :
    TV Thunder Official
    น้องนอนไม่หลับ - เรย์ เดียริส l บัลลังก์เสียงทอง (17 มิ.ย.60)
    www.youtube.com/watch?v=ztnRMTtqZgk
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มีนาคม 2022
  4. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  5. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  6. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293

    images?q=tbn:ANd9GcQO_Ec_CrbkNtHKdofa-mcbtVOzv30RAeewvQ&usqp=CAU.jpg

    พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
    พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (พ.ศ. ๒๔๒๓-๒๔๖๖)

    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาโหมด (สกุลเดิม บุนนาค) ทรงพระนามเดิมว่า พระองค์เข้าอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๓ ในพระบรมมหาราชวัง
    เมื่อทรงเจริญพระชันษาได้เสด็จพระดำเนินไปยังประเทศอังกฤษ และ ทรงสำเร็จวิชาการทหารเรือ และเสด็จกลับมารับราชการในกระทรวงทหารเรือ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือในปี พ.ศ.๒๔๖๕ และภายหลังกองทัพเรือ ได้ถวายพระเกียรติว่า ทรงเป็น “พระบิดาแห่งราชนาวีไทย”
    วังที่ประทับ (ตั้งที่ตำบลนางเลิ้ง ตรงข้ามบ้านนรสิงห์ - ทำเนียบรัฐบาล) จะมีวงดนตรีส่วนพระองค์ ครูผู้ควบคุมวงเป็นนักดนตรีที่สำคัญ คือ ครูสิน สินธุนาคร (ซึ่งเสด็จในกรมหลวงชุมพร ทรงเรียกว่า “ครูสิน”) และมีนักดนตรีที่มีฝีมืออยู่หลายคน และนับว่าเป็นวงปี่พาทย์ ที่มีฝีมือดี และออกประชันวงอยู่บ่อยๆในสมัยรัชกาลที่ ๕ ลักษณะพิเศษของวงนี้ คือ จะมีเพลงแปลกๆ หรือบางทีจะมีเพลงยาวๆมีหลายจังหวะมาขยายขึ้น และตัดลงจนครบเป็นเพลงเถา มาทดลองกับวงอื่นๆ ในลักษณะ “ลองเชิง” อยู่เสมอ จนมีอยู่คราวหนึ่งที่วงดนตรีของเสด็จในกรมหลวงชุมพร นำเพลงคุณลุงคุณป้าเข้าบรรเลงในการประชันซึ่งทำให้หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้นำเพลงนี้มาขยายขึ้นและทอนลงเป็นเพลงอะแซวุ่นกี้ เถา ขึ้นมานั่นเอง


    upload_2022-3-8_21-21-12.jpeg

    ครูสิน สินธุนาคร ได้ควบคุมวงปี่พาทย์นี้มาจนได้เสียชีวิตลงในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ จางวางทั่ว พาทยโกศล ได้เข้ามาเป็นครูสอนและควบคุมวง ซึ่งก็ทำได้ไม่มากนัก เสด็จในกรมฯ ก็ทรงเลิกวงปี่พาทย์ ดังนั้น จางวางทั่ว พาทยโกศลจึงได้มาเป็นผู้สอนและควบคุมวงดนตรี ของวังบางขุนพรหมในจอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
    นอกจากจะทรงสนพระทัยในเรื่องดนตรีไทยแล้ว พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โปรดดนตรีสากลเช่นเดียวกัน โดยจะพบว่าทรงพระนิพนธ์เพลงไทยสากลของทหารเรือไว้หลายเพลง เช่น เพลงดอกประดู่ เพลงดาบของชาติ ฯลฯ เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๖๖ พระชันษา ๔๔ พรรษา และทรงเป็น ต้นราชสกุล “อาภากร ณ อยุธยา”

    ที่มา : http://110.170.81.29/history_special/1428258620828/1427790395929/duchess
     
  7. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  8. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube ณัฐวิท เพลินเพลงไทย Nathavit Enjoy Thai music
    เดินหน้า (เพลงทหารเรือ) - พิณพาทย์เครื่องใหญ่ เพลินเพลงไทย Advance (naval song) - enjoy Thai music
    www.youtube.com/watch?v=ME5DiM12GFU


    ที่มา : youtube TheOngkhaphayop
    คุณลุงคุณป้า :: ดุริยางค์สากลกรมศิลปากร
    www.youtube.com/watch?v=1S5nScVjNFE


    เพลงคุณลุงคุณป้า เป็นเพลงไทยสำเนียงมอญ ทำนองของเก่า ไม่ทราบว่าชื่อเพลงอะไร (บางตำราเรียกอะเเซหวุ่นกี้) ต่อมาพระยาประสานดุริยศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) ได้นำมาแต่งขยายขึ้นเป็นอัตราสามชั้น เรียกว่า " คุณลุงคุณป้า " เพลงนี้บรรเลงโดยวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร วิโรจน์ ทรรทรานนท์ เป็นผู้เรียบเรียงเสียงประสาน
     
  9. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  10. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  11. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube Arts and Culture
    เพลง อะแซวุ่นกี้ เถา
    www.youtube.com/watch?v=RAb0WiLlm_o


    รายการสืบสานงานบันทึกเสียงของครูประสิทธิ์ ถาวร โดยศูนย์ข้อมูลวัฒนธรรมดนตรี ( ประสิทธิ์ ถาวร ) สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล สำหรับผลงานการบันทึกเสียงเพลงไทยเทปนี้เป็นการบรรเลงวงปี่พาทย์ไม้นวม คณะสิทธิถาวร

    เพลงอะแซวุ่นกี้ เถา ขับร้องโดยครูณรงค์ รวมบรรเลง ควบคุมการบรรเลงและบันทึกเสียงโดย ครูประสิทธิ์ ถาวร เพลงอะแซหวุ่นกี้ เถา เพลงนี้ทำนอง ๒ ชั้น เป็นเพลงโบราณครั้งสมัยอยุธยา มีสำเนียงเป็นพม่าและมอญคละกัน มีชื่อเรียก ๒ อย่าง คือ เพลงคุณลุงคุณป้า หรือ อะแซหวุ่นกี้ พระยาประสานดุริยศัพท์ ( แปลก ประสานศัพท์ ) นำเพลงนี้มาแต่งเป็น ๓ ชั้น ขึ้นทางหนึ่ง เรียกว่าเพลงคุณลุงคุณป้า

    ต่อมาเมื่อราว พ.ศ. ๒๔๗๕ หลวงประดิษฐไพเราะ ( ศร ศิลปบรรเลง ) จึงได้แต่งขึ้นอีกทางหนึ่ง จาก ๒ ชั้น เพลงเดียวกัน เรียกชื่อว่า เพลงอะแซหวุ่นกี้ และนายฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ ได้เก็บความจากพระราชพงศาวดารตอนอะแซหวุ่นกี้ แม่ทัพพม่า ขอดูตัวพระยาจักรี ( พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ) มาแต่งเป็นกลอนสำหรับใช้ขับร้องเพลงนี้ บทร้องเพลงอะแซหวุ่นกี้ เถา ( ข้อมูลถอดเสียงจากเทปรีล ) ๓ ชั้น

    จะเป็นใครใคร่ดูรู้ตัวนัก
    ว่ารูปลักษณ์เชิงเช่นเป็นไฉน
    จึงเชี่ยวชาญการณรงค์สงครามชัย
    เป็นยอดไทยคู่ปิ่นบดินทร
    พรุ่งนี้เช้าเราทั้งหมดจงพักรบ
    ตั้งสงบรอรั้งครั้งหนึ่งก่อน
    จะขอดูจอมพหลพลนิกร
    หน้าสมรภูมิของกองทัพไทย ๒ ชั้น
    ครั้นแสงทองส่องสว่างกระจ่างหล้า
    เจ้าพระยาจักรีมิช้าได้ ขี่ม้ากั้นสัปทนยกพลไป
    ยืนม้าไห้อะแซหวุ่นกี้พิจารณา
    แม่ทัพเฒ่าชาวพม่าคราได้เห็น
    อุระเต้นนึกประหวั่นกลั้นหนักหนา
    มิน่าเล่าชาวเตลงเกรงเดชา
    เพราะบุญบารมีคู่ไผทไทย ชั้นเดียว
    ชมว่าดีฝีมือใครไม่เท่า
    สู้รบเราผู้เป็นผู้เฒ่าได้
    ท่านจะได้เป็นกษัตริย์ทรงฉัตรชัย
    ครองตัวไว้ภายหน้าให้จงดี
    แล้วให้เครื่องม้าทองหนึ่งสำรับ
    อีกหนึ่งพับสักหลาดสะอาดสี
    น้ำมันดินดินสอแก้วแล้วพาที
    วันพรุ่งนี้จะไต่เต้าเข้าตีเมือง
    ( ฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ แต่ง ) อ้างอิง มนตรี ตราโมท และวิเชียร กุลตัณฑ์. ( ๒๕๒๓ ). ฟังและเข้าใจเพลงไทย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ไทยเขษม. สำเนียง มณีกาญจน์ และสมบัติ จำปาเงิน. ( ๒๕๓๙ ). ประชุมเพลงเถาไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑. กรุงเทพมหานคร : ต้นอ้อ แกรมมี่ จำกัด.
     
  12. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    images?q=tbn:ANd9GcQn0oyQHbV3nkhOzRqbE2V7kLtaJNw0WigiBg&usqp=CAU.jpg
    คร่อกกกกzzzzzzz อ้าวฟังเพลินๆ เมื่อกี้ฝันป่าวเนี่ย ฮืม งงๆ นิดนึง ไปนอนก่อนนะเธอ:D
     
  13. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    images?q=tbn:ANd9GcT97TVX4sUkld8phzyTUNhqj_1HH3qGFy5LTw&usqp=CAU.jpg
    เมื่อคืนฝันว่านอนไม่หลับ รู้สึกเพลียๆ
     
  14. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    upload_2022-3-9_7-0-18.jpeg

    นอกจากการเรียนรู้วัฒนธรรมและฝึกฝน “ภาษาเฉพาะทาง” เช่นภาษาจาม/มลายู ในกองทัพเรือสยามแล้ว วิธีการสำคัญที่พระองค์เจ้าอาภากรฯ ทรงใช้สร้างความยอมรับนับถือในหมู่ทหารเรือใต้บังคับบัญชา คือการแสดงพระองค์ในฐานะ “พวกเดียวกัน” ด้วยการกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า พระองค์ก็เป็น “ทหารคนหนึ่ง” เช่นเดียวกับทหารคนอื่นๆ
    นาวาตรี หลวงรักษาราชทรัพย์ (รักษ์ เอกะวิภาต ๒๔๒๖-๒๔๙๘) บันทึกเรื่องของพระองค์เจ้าอาภากรฯ หรือที่คุณหลวงเรียกว่า “เจ้าพ่อ” ไว้ว่า ในการเคลื่อนย้ายกำลังทหารไปตั้งหน่วยฝึกพลทหารเรือขึ้นใหม่ที่บางพระ ชลบุรี ราวปี ๒๔๔๕

    “…เจ้าพ่อประทับในเรืออัคเรศฯ พร้อมด้วยพวกฝ่ายธุรการ พอถึงปากอ่าวเกิดเรือรั่วขึ้น เจ้าพ่อสั่งให้เอาข้าวสารที่ใส่กระสอบไว้ไปอุดที่รูรั่ว ๓-๔ กระสอบ เมื่ออุดแล้วก็ยังรั่วอยู่ แต่เบาลงครึ่งหนึ่ง เจ้าพ่อสั่งให้เอาถังสังกะสีประมาณ ๑๐ ใบมา และรับสั่งว่า ‘เรียงแถววิดน้ำเรือหมดคน ฉันด้วย เว้นแต่เจ้าหน้าที่เดินเรือกับช่างกลและยาม ไม่ต้องวิด’ วิดจากท้องเรือส่งกันต่อๆ ไป เมื่อแห้งแล้วหยุดพัก เมื่อมีน้ำก็วิดอีก…”

    นั่นคือ นอกจากจะทรงมีคำสั่งให้ทหารทุกนาย (“หมดคน”) ระดมกำลังกันมายืนเรียงแถวส่งถังน้ำต่อๆ กันแล้ว ยังให้นับเอาพระองค์เอง (“ฉันด้วย”) เข้าไปในแถวด้วย นั่นคือพระองค์เจ้าอาภากรฯ ทรงต้องมี “หน้าที่” ในยามคับขันไม่ต่างจากลูกเรือคนอื่นๆ

    จากนั้น เมื่อย้ายเข้า “ที่ตั้ง” ที่บางพระเรียบร้อยแล้ว หลวงรักษาราชทรัพย์ยังเล่าต่ออีกว่า ทางเจ้าหน้าที่กองจัดเลี้ยง จัดอาหารให้ทหารทุกคนเหมือนกันคือ “มีข้าว ๑ หม้อ แกง ๑ ถ้วย ใส่ฝาหม้อ ปลาเค็มหนึ่งชิ้นวางบนข้าว มี ๓ อย่างเท่านั้น” โดยทุกคนต้องเดินเข้าแถวไปรับเองตามสังกัดของตน เรียงตามลำดับชั้นยศ พระองค์เจ้าอาภากรฯ จึงทรงออก “บิณฑบาต” เป็นอันดับแรกสุดทุกวัน

    วันหนึ่งเจ้าหน้าที่กองจัดเลี้ยงเตรียมจัดอาหารเมนูพิเศษถวาย มีหมูแฮม ไข่ดาว ขนมปัง กับของหวาน แต่ “เจ้าพ่อ” ทรงปฏิเสธ โดยทรงกล่าวขึ้นว่า

    “ฉันก็เป็นทหารคนหนึ่งเหมือนกัน จะกินอาหารพิเศษดีกว่าเพื่อนทหารทั้งหลายไม่ได้”

    มิหนำซ้ำ เจ้าหน้าที่กองจัดเลี้ยงยังพลอยโดนกริ้วไปด้วย

    เรื่องเล่านี้ลงเอยตรงที่คุณหลวงรักษาราชทรัพย์ ผู้เล่าเรื่อง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมการจัดซื้ออาหาร จึงไปขอรับ “อาหารพิเศษ” นั้น มาจัดการรับประทานเสียเอง (ฮา)

    ดังนั้น พระองค์เจ้าอาภากรฯ จึงสามารถสร้างความยอมรับนับถือ และความเชื่อมั่นให้แก่บรรดาทหารทุกระดับในกรมทหารเรือ ว่าแม้พระองค์จะทรงมีทั้งอำนาจ-ตามตำแหน่งหน้าที่ราชการระดับผู้บังคับบัญชา อีกทั้งทรงเปี่ยมด้วยพระบารมี-ในฐานะ “พระเจ้าลูกยาเธอ” หรือพระราชโอรสของในหลวง แต่ก็ยังทรงมีฐานะเป็น “ทหารคนหนึ่ง” คือพร้อมที่จะปฏิบัติตัวตามระเบียบวินัย และพร้อมที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับ “เพื่อนทหาร” ทุกนาย

    ที่มา :
    1. https://www.sarakadee.com/2021/10/06/กรมหลวงชุมพร/
    2. ภาพจาก google.co.th
     
  15. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ประวัติตำบลบางพระ
    บางพระเป็นเมืองเก่า ในแผนที่ไตรภูมิโบราณ เมืองชายฝั่งทะเลตะวันออกปรากฏชื่อบางทราย บางปลาสร้อย บางพระเรือ (บางพระ) และบางละมุง ซึ่งในแผนที่ดังกล่าวไม่มีเมืองชลบุรี เพราะเมืองชลบุรี เพิ่งปรากฏในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นนี้เอง

    เดิมตำบลบางพระมีเนื้อที่กว้างใหญ่ เต็มไปด้วยป่าเขาลำเนาไพรปกคลุมหนาแน่น ไม่มีแม่น้ำลำคลอง มีแต่ลำห้วยสายยาว ต้นน้ำเกิดจากเขาเขียวในหมู่ที่ ๕ และ ๗ ไหลคดเคี้ยวลงมาออกสู่ทะเล ที่ท้ายบ้านหมู่ที่ ๑ ของบางพระ ประชาชนอาศัยเป็นชุมชนเล็กตามริมห้วย อาศัยน้ำในลำห้วยสำหรับอุปโภค บริโภคตลอดมา ปัจจุบันประชาชนอาศัยน้ำจากอ่างเก็บน้ำชลประทาน ซึ่งสร้างขึ้นภายหลัง ส่วนลำห้วยตอนล่างได้มีโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังขนาดใหญ่มาตั้งแล้วปล่อยน้ำเสียลงลำห้วย กลายเป็นห้วยน้ำเหม็นใช้การไม่ได้ แม้ภายหลังบริษัทจะทำที่กักเก็บน้ำเสียแล้วก็ตาม แต่เนื่องจาก หมักหมมมาเป็นเวลาหลายปี จึงไม่สามารถแก้ไขให้น้ำดีได้ ห้วยนี้มีชื่อเรียกกันหลายชื่อเป็นตอนๆ ลงมาตอนล่างเรียกว่า "ห้วยสุครีพ"

    history-image1.jpg
    สะพานโค้งบางพระ ชลบุรี

    สะพานโค้งบางพระ
    ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ตำบลบางพระ เคยมีฐานะเป็นเมือง เรียกว่า "เมืองบางพระ" ที่ทำการตั้งอยู่ที่เนินกว้างเชิงสะพานข้ามห้วย ซึ่งถนนสุขุมวิทตัดผ่านเดิมเป็นสะพานโค้งเรียกว่า "สะพานโค้งบางพระ" แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นสะพานเรียบเสมอถนนสุขุมวิท ซึ่งถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นว่ามีสะพาน มีที่คุมขังนักโทษตั้งอยู่ที่ศาลเจ้าในเขตหมู่ที่ ๓ ริมทะเล ซึ่งชาวจีนใช้เป็นที่จัดงานวันประเพณีทิ้งกระจาดมาจนถึงปัจจุบัน จนกระทั่งถึงต้นรัชกาลที่ ๕ ประมาณปี พ.ศ. 2537 เมืองบางพระ ได้กลายเป็นอำเภอบางพระ ต่อมาประมาณปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ทางราชการได้ย้ายที่ว่าการอำเภอบางพระมาตั้งอยู่ที่ตำบลศรีราชา ส่วนที่เปลี่ยนชื่อ "อำเภอบางพระ" มาเป็น "อำเภอศรีราชา" นั้นได้เปลี่ยนเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๖๐ ส่วนบางพระกลับกลายเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอศรีราชามาจนถึงปัจจุบันนี้ ส่วนร่องรอยของที่ทำการเมืองหรือที่ว่าการอำเภอบางพระ และที่คุมขังนักโทษไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
    history-image2.jpg
    ประเพณีแห่พญายมบางพระ ชลบุรี

    ประเพณีแห่พญายม
    การที่บางพระเป็นเมืองเก่ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทำให้มีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบสานสืบทอดกันมาน เช่น ประเพณีกองข้าวและประเพณีแห่พญายม ที่จัดขึ้นในเทศกาลงานสงกรานต์ โดยเฉพาะประเพณีแห่พญายมของชาวบางพระ เป็นประเพณีหนึ่งเดียวในโลก ซึ่งได้ประกาศขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติแล้วในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖
    history-image3.jpg
    เขาฉลากบางพระ ชลบุรี

    เรื่องเล่า "ถ้ำสมบัติ"
    บางพระมีเรื่องเล่ากันติดปากกันหนึ่งเรื่อง คือ เรื่อง "ถ้ำสมบัติ" เล่าว่า เขาฉลาก มีถ้ำหนึ่ง มีสิ่งของเครื่องใช้มากมาย ผู้ใดจะทำบุญหรือจัดงานใหญ่สามารถยืมของใช้ได้จากถ้ำนี้ ครั้นอยู่ต่อมาผู้ยืมไม่นำของไปคืนบ้าง สับเปลี่ยนเอาของดี ๆ ไว้เป็นส่วนตัวบ้าง ปากถ้ำเลยปิด ยืมของไม่ได้อีกเลย วันหนึ่งมีชายคนหนึ่งอยากเห็นถ้ำจึงเดินไปหาถ้ำจนพบ แต่เวลาจะเข้าถ้ำต้องตะแคงตัวเข้าไป ครั้นเมื่อเข้าไปแล้วก็ไม่พบสมบัติแต่อย่างใด คงพบแต่งูใหญ่แผ่แม่เบี้ยเฝ้าอยู่ หลังจากนั้นมาก็ไม่มีใคร ได้พบถ้ำนั้นอีกเลย นอกจากวันดีคืนดีจะได้ยินเพลงกล่อมลูก แว่วมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น
    ที่มา : https://www.bangphrachon-sao.go.th/history
     
  16. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
     
  17. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    ที่มา : youtube THAIKRAB FILM
    เขาฉลาก บางพระ มุมสูง วิวดี
    www.youtube.com/watch?v=2U_ns6Dqls4

    images?q=tbn:ANd9GcQ4oQrtnfzAfaMBMJLiE-ZBzVbHQuuyuEB7yA&usqp=CAU.jpg
    นั่นเธอแอบเต้นเหรอ ทำไมนะ อ๋อ! ฟังเพลงแล้วครื้-นอ-เค-รง เหรอ

    ที่มา : youtube Yukolthun Arts and Performing
    MV เพลงบางพระนิรยบาล
    www.youtube.com/watch?v=ENuVg7Q8YxM

    ต่อกันในตอนที่ 1 เพลงที่วัยรุ่นเขานิยมฟังกัน
    ที่มา : youtube
    ::techicrtbilakung ::
    มหัศจรรย์สุนทราภรณ์ โดย คุณพระช่วย ตอนที่๑
    www.youtube.com/watch?v=_lFigt1aPXE
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2022
  18. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  19. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
  20. torphak

    torphak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    4,414
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +293
    images?q=tbn:ANd9GcSXWIyvVKIWGboVurcEJ1GOjudNxYKmzQbNcQ&usqp=CAU.jpg

    images?q=tbn:ANd9GcRRKKxUsCRU32qGenmdwu1xG7wICQLo_0_p4w&usqp=CAU.jpg

    เนื้อเพลง บุพเพสันนิวาส
    เพลง: บุพเพสันนิวาส

    เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด
    บุพเพสันนิวาสที่ประสาทความรักภิรมย์
    คู่ใครคู่เขารักยังคอยเฝ้าชม
    คอยภิรมย์เรื่อยไป
    ขอบน้ำขวางหน้าขอบฟ้าขวางกั้น
    บุพเพยังสรรประสบให้ได้พบสบรักกันได้
    ห่างกันแค่ไหนเขาสูงบังกั้นไว้
    รักยังได้บูชา
    ความรักศักดิ์ศรีรักไม่มีพรหมแดน
    รักไม่มีศาสนา
    แม้นใครบุญญาได้ครองกันมา
    พรหมลิขิตพาชื่นใจ
    รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ
    ความรักเช่นนั้นให้โทษ
    จะไปโกธรโทษรักไม่ได้
    ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้
    รักจึงได้แรมรา

    ความรักศักดิ์ศรีรักไม่มีพรหมแดน
    รักไม่มีศาสนา
    แม้นใครบุญญาได้ครองกันมา
    พรหมลิขิตพาชื่นใจ
    รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ
    ความรักเช่นนั้นให้โทษ
    จะไปโกธรโทษรักไม่ได้
    ไม่ใช่บุพเพสันนิวาสแน่ไซร้
    รักจึงได้แรมรา

    ปล. อย่าแอบดูตอนต่อไปนะ รอเรามาลงให้ ห้ามนะไม่งั้นเรางอน (ปกติก็ไม่มีใครง้อนะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2022

แชร์หน้านี้

Loading...