คำเตือน...ถ้าเกิด Great Depression ขึ้นจริงๆ

นี้ไม่ใช่ overreacting หรือตีตนไปก่อนไข้ เพราะพวกกูรูต่างประเทศเขาก็พูดๆกันเรื่องนี้แล้ว ติดตามได้ที่ลิงค์ข้างล่าง
https://www.rt.com/business/484153-us-unemployment-great-depression/
https://www.rt.com/business/423030-great-depression-stocks-plunge/

คุณจะมีวิธีรับมืออย่างไร? วางแผนแล้วหรือยัง? อย่าไปหวังความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย เพราะรัฐบาลเองก็ถังแตกเหมือนกัน นั่นคือเหตุผลที่ทำไมรัฐบาลต้องออกพระราชกำหนดกู้เงินแก้โควิดครับ

ก็แค่อยากเตือนๆกันไว้เท่านั้นเพื่อความไม่ประมาทครับ

 

อันนี้ใช้ความรู้งูๆปลาๆของตัวเองล้วนๆวิเคราะห์ถึงความน่าจะเป็น ไม่ได้อ้างอิงหลักการความรู้ทางโหราศาสตร์หรือด้านวิชาการใดๆทั้งสิ้น พูดง่ายๆคือ "เดา" นั่นเอง
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้เกี่ยวกับปรากฏการณ์นี้ เมื่อเศรษฐกิจดิ่งเหวจนกู่ไม่กลับ สงครามย่อมเกิดขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ช่วงหลังปรากฏการณ์ Great Depression สงครามโลกครั้งที่2 ก็ได้เกิดขึ้นทันที โดยฮิตเลอร์ใช้ข้ออ้างนี้ยึดทรัพย์ชาวยิวซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจเศรษฐกิจทั้งหมดในเยอรมันนีและยุโรป จากนั้นจึงได้กวาดต้อนชาวยิวไปอยู่ในค่ายกักกัน รวมถึงบุกโจมตีโปแลนด์ซึ่งเป็นการจุดฉนวนสงครามโลกครั้งที่2

มองกลับมาปัจจุบัน สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ได้ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างหนักในยุค4G เข้า 5G ทุกอย่างหยุดชะงักชลอตัวเป็นเดือน อาจจะดีกว่าเหตุการณ์Great Depression แต่ถ้าเปรียบเทียบกับโลกสมัยใหม่แล้ว ถือว่าเข้าขั้นวิกฤติ อาจไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง

บวกกับความตึงเครียดทางด้านการเมืองระหว่างชาติมหาอำนาจ 2ขั้ว
โดยขั้วแรกมีอเมริกาเป็นผู้นำ พร้อมผู้ร่วมอุดมการณ์คือ อังกฤษ สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย อิสราเอล ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เวียตนาม อาหรับอิมิเรตส์ ซาอุดิอารเบีย(? อาจจะมีการแว้งกัดหรือไม่ต้องคอยดูกัน) และอาจเซอร์ไพร์สมีผู้ร่วมอุดมการณ์ที่คาดไม่ถึงคือ รัสเซีย ซึ่งถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างจีนดัดหลัง

ขั้วที่2 มีจีนเป็นหัวหน้าแก็งค์ พร้อมด้วยผู้ร่วมทีมคือ อิหร่าน ตุรกี ปากีสถาน ประเทศในแอฟริกาที่เป็นลูกหนี้จีน และบางประเทศในตะวันออกกลาง

ดังที่คำโบราณที่กล่าวว่า "ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย"

 

ปัญหาหลักในโลกนี้คือ จำนวนคนมันมีเยอะเกินไป ต้องลดจำนวนประชากร เเต่ด้วยความโลภ ก็ไม่มีการเเก้ไขอะไร ไม่ออกนโยบายเป็นวาระของโลกเลย

 

ถูกต้องครับ ที่ว่าประชากรโลกยุคใหม่นี้เพิ่มจำนวนมหาศาลมากกว่าประชากรในยุคเก่า
แต่...... พื้นที่บนโลกนี้ยังมีที่ว่างพอเพียงมากมายสำหรับจำนวนประชากรที่เพิ่มทวีคูณขึ้น เพียงแค่การโยกย้ายถิ่นฐานประชากรนั้นยังไม่ได้กระจัดกระจายไปตามพื้นที่ว่างทั้งหลายให้เกิดความสมดุลย์

ประชากรส่วนใหญ่เลือกที่จะโยกย้ายไปตั้งถิ่นฐานเบียดเสียดเยียดยัดตามเมืองหลวงและเมืองหลักใหญ่ๆ มากกว่า เพราะหางานทำง่ายกว่า ได้เงินเยอะกว่า โอกาสต่างๆดีกว่าชนบท โดยลืมนึกถึงข้อเสียและผลกระทบที่ตามมาอีกมายมาก

นอกจากนั้นยังมีพวกโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่มาช่วยเร้าช่วยกระตุ้นให้เกิดความแออัดแย่งกันกิน แย่งกันใช้มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก ใครทำอะไร กินอะไร ไปเที่ยวไหนต้องโพสรูป คลิป แชร์ให้โลกรู้ว่า ฉันทำอะไร ไปเที่ยวไหนมาบ้าง ซื้อของแพงมากถูกมากแค่ไหน ใครๆก็ไปเที่ยวได้ ใครๆก็ทำได้ ใครๆก็อินเทรนด์เป็นซุป'ตาร์วอนนาบีได้ทั้งนั้น
ยกตัวอย่างเช่น สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งทั่วโลก ที่แน่นขนัดแออัดไปด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่พากันหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศทั่วโลก ชนิดที่แย่งกันถ่ายรูป แย่งกันสูดอากาศ แย่งกันฟินกับบรรยากาศอันสวยงาม

เพลียใจกับคนยุคนี้จริงๆ

 

ตอนนี้มันแบ่งชัดเจนเป็น 3 ค่ายครับ
1. ค่ายรัสเซียกับจีน
2. ค่ายสหรัฐและพันธมิตร เช่น อิสราเอล ญี่ปุ่น
3. ค่ายอิสระยังไม่ชัดว่าจะถือหาง 1. หรือ 2.

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่านายกฯประยุทธจะถือหางฝ่ายไหน คือถ้าเลือกข้างก็เป็นศัตรูกับอีกข้างซึ่งมันก็อันตราย เพราะไทยไม่มีอาวุธประเภท weapon of mass destruction อย่างระเบิดนิวเคลียร์เอาไว้ป้องกันตัวเอง พูดง่ายๆถ้าเทียบกับมหาอำนาจไทยก็เป็นแค่นกกระจอกเท่านั้นแหละครับ

 

ไม่บอกก็รู้อยู่แล้วว่าไทยต้องถือหางจีนแผ่นดินใหญ่แน่นอน เพราะสภาพตอนนี้แทบไม่ต่างจากเมืองขึ้นของจีนเท่าไหร่นัก อะไรๆต้องพึ่งจีนทั้งหมด พอจีนสะดุดคราวนี้ไทยถึงกับไปไม่ถูกเลย

ในอดีตซัก 15ปีขึ้นไป สมัยจีนปิดประเทศ ไทยเราก็อยู่ได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวก็มีนักท่องเที่ยวจากหลายๆประเทศทั่วโลกมาเที่ยวไม่ขาดสาย การส่งออกนำเข้าก็ไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร
พอจีนเปิดประเทศเท่านั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่เปรียบเสมือนคลื่นมหาชนขนาดยักษ์หลั่งไหลยกพลขึ้นบกเข้ามาท่องเที่ยว รวมทั้งทุนจีนที่ถาโถมกระหน่ำเข้ามาลงทุนในเมืองไทยและทั่วโลก ซึ่งผลเสียมากกว่าผลดี จนเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบต่อวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นหลายประเทศทั่วโลกเป็นอย่างมาก

ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงที่ได้พบเห็นมา
ทางด้านการท่องเที่ยว สาเหตุหลักที่นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆที่เคยเป็นขาประจำมาเที่ยวเมืองไทยลงอย่างต่อเนื่อง เพราะโดนนักท่องเที่ยวจีนยึดครองพื้นที่หมด ไปเที่ยวที่ไหนๆก็เจอแต่กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ขนกันมาหลายขบวนรถอย่างกับขบวนแห่ อีกทั้งมารยาทของนักท่องเที่ยวจีน(โดยรวม)ก็เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วโลกในด้านลบ
เจอแบบนี้เข้า นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆหนีหายกันไปเที่ยวประเทศอื่นหมด

ด้านพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ เวลาเดินทางท่องเที่ยวมักจะเดินทางกันเองตามลำพัง ไม่เป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่แบบคลื่นมหาชนเหมือนนักท่องเที่ยวจีน เวลาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆทำให้เกิดความสมดุลย์ทางด้านของความจุในพื้นที่ ไม่แออัดยัดเยียดจนล้น ถึงขั้นต้องต่อคิวยาวเป็นหางว่าว

ทางด้านธุรกิจต่างๆ ปัจจุบันนี้ ทุนจีนได้มามีอิทธิพลต่อธุรกิจท้องถิ่นของคนไทยมาก โดยอำนาจเงินจีนสามารถกว้านซื้อกิจการหลายอย่างในเมืองไทย จนทำให้เกิดการรั่วไหลของเงินในประเทศออกไปนอกประเทศ

 

เห็นด้วยครับ และตอนนี้ผมว่าไทยอยู่ในภาวะที่ลำบากโดยเฉพาะคนภาคอีสานที่ติดลำน้ำโขง ปรากฎว่าน้ำโขงมีปัญหาแห้งขอดมาตลอดตั้งแต่จีนสร้างเขื่อนที่ต้นน้ำเพื่อจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไรก็ไม่ทราบได้

จีนอาจต้องการให้ประเทศแถบลุ่มน้ำโขงลำบากและต้องพึ่งเขา ไม่แน่นะครับในอนาคตไทยอาจต้องสั่งซื้อข้าวจากจีนก็ได้เพราะข้าวในไทยไม่พอกิน คิดไปแล้วก็น่ากลัวนะ ขนาดเจ้าสัวของซีพียังออกมาพูดเรื่องนี้เลยครับ ท่านนายกฯประยุทธจะได้ยินหรือเปล่าก็ไม่รู้?

 

คงได้ยินแหละ แต่ทำอะไรไม่ได้ เล่นเปิดประเทศอ้าซ่ารับทุกอย่างจากจีนเข้ามามากขนาดนั้น กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้แล้ว งานนี้ประชาชนตาดำๆได้รับผลกระทบเต็มๆ

คำกล่าวที่ว่า "ไทยกับจีนเป็นพ่อน้องกัน" คงใช้ไม่ได้แล้วกับยุคสมัยนี้ จริงอยู่ที่ฝ่ายไทยอาจจะยังคิดแบบนี้อยู่ แต่ทางฝ่ายจีนคงไม่ใช่แน่นอน เงินและผลประโยชน์จากทรัพยากรอันมหาศาล มันช่างหอมหวานมากกว่าสายสัมพันธ์ทางลมปาก

ไม่ใช่แค่เมืองไทยที่ได้รับผลกระทบจากการล่าอาณานิคมทางด้านเศรษฐกิจของจีนในยุคไอที หลายประเทศทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยกว่ากัน เช่น ออสเตรเลีย ทุนจีนได้ระดมซื้อโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งในนครซิดนีย์ที่กิจการใกล้เจ๊ง บวกกับคนจีนแห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนตามหัวเมืองใหญ่หลายแห่งในออสเตรเลีย จนราคาพุ่งสูงทะลุเพดานชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อน จนคนท้องถิ่นเดือดร้อนไม่สามารถสู้แข่งราคาอสังหาริมทรัพย์ได้

นิวซีแลนด์ ก็เจอปัญหาคล้ายๆกับออสเตรเลีย แต่หนักกว่าคือ นักเรียนจากจีนแผ่นดินที่หลั่งไหลเข้ามาเรียนในนิวซีแลนด์ ทำให้ราคาบ้านเช่าพุ่งสูงขึ้นมาก จนกระทบคนท้องถิ่นที่มีรายได้น้อย ไม่สามารถสู้แข่งราคาค่าเช่าบ้านที่สูงขึ้นได้
ยังดีที่รัฐบาลนิวซีแลนด์รับฟังเสียงประชาชนมากกว่ารัฐบาลหลายประเทศ โดยได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ว่า ไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติมีสิทธิซื้ออสังหาริมทรัพย์ทุกอย่างในนิวซีแลนด์ได้ ยกเว้น 2ชาติเท่านั้นคือ ออสเตรเลีย กับ สิงคโปร

ในยุโรปและอเมริกาก็คล้ายๆกัน....
อังกฤษ ทุนจีนได้เข้ามาซื้อกิจการบริษัทท่องเที่ยว Thomas Cook ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวเก่าแก่แห่งแรกของโลก รวมถึงมหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งมาเป็นของตัวเอง

ล่าสุดอเมริกาและเยอรมันนี(ถ้าจำไม่ผิด) ได้ออกกฏหมายใหม่เกี่ยวกับวีซ่านักเรียน โดยไม่อนุญาตให้นักศึกจีนเข้ามาเรียนในสาขาวิชาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโลกในภายภาคหน้าได้

 

ตอนนี้ก็มีสัญญานที่ไม่ค่อยดีจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่จะเป็นข่าวดีสำหรับจีนหรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะตอนนี้รัฐบาลของทั้งสองประเทศก็ไม่กินเส้นกันอยู่เเล้ว ใครที่จะหวังพึ่งอเมริกาก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆเด้อ เศรษฐกิจตกสะเก็ด recession มาแล้วนะครับผม
Source : https://www.aier.org/article/ism-no...ps-well-into-recessionary-territory-in-april/

 

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนแดงเองก็ไม่แตกต่างจากอเมริกาสักเท่าไหร่ แม้ว่ารัฐบาลจีนคอมมิวนิสต์พยายามจะปิดข่าวไม่ดีทั้งหลายเอาไว้ก็ตาม

ส่วนเมืองไทยเองก็คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะก่อนโควิดมันก็แย่อยู่แล้ว ครั้งนี้สาหัสจริงๆ คิดจะพึ่งจีนก็อย่าหวังอะไรมาก จีนก็แย่เหมือนกัน

มีรัฐบาลแบบประชาธิปไตยกึ่งเผด็จการก็ต้องทำใจ เพราะมันจะไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวังแน่นอน อย่างเรื่องของข่าว สื่อไทยทำข่าวก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง บางสำนักเชียร์รัฐบาล บางสำนักด่ารัฐบาล บางครั้งก็เสนอข่าวไม่ได้โดยเฉพาะข่าวจากเยอรมัน ต้องหาข่าวเอาเองครับ

https://en.hkctu.org.hk/content/une...ers-electronics-industry-face-massive-layoffs

 

อย่ามองโลกสวยกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เพราะการคอร์รัปชั่นคืออุปสรรคสำคัญในการแก้ปัญหาทุกอย่าง ไม่มียกเว้นไม่ว่าในระบอบการปกครองแบบไหนก็ตาม ระบบราชาธิปไตย ระบบคณาธิปไตย ระบบเผด็จการ ระบบประชาธิปไตย หรือแม้กระทั่งคอมมูนิสต์

ลิงค์และภาพข้างล่างเป็นตัวอย่างของการทุจริตคอรัปชั่นในไทยซึ่งไม่ได้ลดน้อยลงเลย แล้วการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะออกมาดีได้อย่างไร?

คอรัปชั่นในกองทัพไทย
https://thaiintelligentnews.wordpre...s-from-thai-press-development-institute-isra/

คอรัปชั่นในราชการ
https://www.isranews.org/article/in...set/false-statement/84416-report00-84416.html

คอรัปชั่นในเอกชน
https://www.isranews.org/article/investigative/investigate-private-crime/88470-repoer03-20.html

อันดับความโปร่งใสของประเทศไทยก็ยังห่วยเหมือนเดิม
https://www.transparency.org/country/THA

 

Covid 19 ทำให้พรรคคอมมูนิสต์จีนฝันสลายหรือเปล่า?
https://abcnews.go.com/International/china-replace-us-top-superpower/story?id=9986355

บรรดากูรูทางเศรษฐกิจทั้งหลายต่างเชื่อกันว่า จีนจะมาแทนที่สหรัฐฯเป็นที่หนึ่งของโลก แผ่อิทธิพลไปทั่วโลกโดยอาศัย soft power ที่อยู่ในรูปโครงการที่ยิ่งใหญ่อย่าง Belt and Road initiative ครอบคลุมโลกทั้งใบ ทำให้บรรดามหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งหลายหวั่นไหวเกรงจะเสียรังวัดกลายเป็นลูกไล่ไปตามๆกัน

แต่ยังหรอกครับ ฝันหวานอันบรรเจิดของพรรคคอมมูนิสต์จีนก็ยังคงเป็นความฝัน เพราะเจ้าเชื้อโควิด 19 ก็ยังแสดงอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชอยู่ อย่านึกว่าจะชนะมันง่ายๆเด้อ เจ้าเชื้อตัวนี้มันเก่งอาจจะกลายพันธุ์ได้ตลอด ถึงจะมีวัคซีนก็ไม่แน่ว่าจะเอามันอยู่หมัดนะครับ

ที่แน่ๆเศรษฐกิจโลกเป็นขาลงไปแล้ว อยู่ที่ว่ารัฐบาลแต่ละประเทศจะทำยังไงให้มันเป็น soft landing ให้สูญเสียน้อยที่สุดเท่านั้น

 

หากมองย้อนไปในประวัติศาสตร์ชาติไทย จะเห็นได้ชัดว่า การปกครองประเทศก็คือการหมุนเวียนของการครองอำนาจทางเศรษฐกิจโดยกลุ่มบุคคลเพียง 4 กลุ่มเท่านั้นคือ
1. Royalists
2. Militarists
3. Police
และ 4. Capitalists

ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับการกินข้าว คนไทยส่วนใหญ่ก็ได้กินดีที่สุดแค่ซี่โครงไก่ต้มฟัก กับข้าวประเภทหูฉลามหรือคาเวียร์ก็เป็นแค่ฝันอันบรรเจิดเท่านั้น และนั่นคือที่มาของ Gap หรือช่องว่างระหว่างคนจนและคนรวยที่ใหญ่ที่สุด นั่นจากมุมมองของต่างชาติ

ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ไม่เคยแก้ปัญหานี้ได้เลยแม้กระทั่งรัฐบาลพลเอกประยุทธซึ่งตอนนี้ก็ครองอำนาจมาได้สี่ห้าปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าท่านจะคืนความสุขให้ประชาชนทั้งชาติได้จริงหรือเปล่า? ใครมั่นคง? Royalists ทหารตำรวจเท่านั้นหรือ? ใครมั่งคั่ง? เฉพาะเศรษฐีเจ้าสัวไม่กี่ตระกูล? ใครยั่งยืนล่ะ? จอมเผด็จการยั่งยืน? Only time will tell. เวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์

Source : https://bangkokjack.com/2020/01/14/thailand-wealth-gap