คิดแบบท่านพ่อลี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย lionking2512, 21 สิงหาคม 2012.

  1. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    เมื่ออายุ 11 ปี ท่านมีความคิดแตกต่างจากคนทั่วไปว่า<o:p
    </o
    ไม่มีอะไรในโลกที่ท่านทำไม่ ยกเว้นเรื่องเดียวที่ท่านจนใจเป็นที่สุดนั้นคือ เลือดในอกของแม่ที่ท่านดื่มเข้าไปเท่านั้น ที่หามาตอบแทนให้ไม่ได้ พออายุ 15 ปี ท่านมีคติธรรมฝังแน่นในหัว 3 อย่างคือ

    <o:p</o
    1.ในจำนวนคน 80 หลังคาเรือน ในหมู่บ้านเดียวกันนี้ ท่านจะไม่ยอมให้ใครมาเหยียบหัวแม่ตีนเด็ดขาด<o:p</o
    2.ในบรรดาคนที่เกิดปีเดียวกัน ท่านจะไม่ยอมแพ้ใครในเชิงหาเงิน<o:p</o
    3.ถ้าอายุไม่ถึง 30 ปี จะไม่ยอมมีเมีย และจะต้องเป็นคนเลือกเอง<o:p</o

    อายุ 19 ปี ท่านมีความคิดต่างจากหนุ่มทั่วไปว่า
    <o:p
    </o
    คนที่เป็นบ่าวเขาก็เพราะเป็นคนที่ไม่มีอำนาจที่จะเป็นนายเขา ถ้าเราไม่มีอำนาจในตัวแล้ว เราก็จักต้องเป็นบ่าวเขาตลอดไป ( เป็นทาสกิเลสตัณหา ) เราสะสมความดีในตัวเพื่อให้ได้ ธาตุกายสิทธิ์ หรือ มโนมยิทธิถ้าเรามีอำนาจใช้เขาได้ เราก็จะนั่งนอนสบายอย่างปลอดภัย คุณงามความดีเกิดขึ้นได้ในจิตใจ ถ้าใจไม่ดี ความดีทางกายกับทางวาจามันก็ไม่ดี ความดีเห็นได้ง่ายที่สุด แต่มันเกิดยากขึ้นที่สุดเช่นกัน<o:p
    </o
    พออายุ 20 ปีท่านคิดไปไกลทะลุโลกว่า ได้เวลาบวชแล้ว การบวชเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และปลอดภัยที่สุด ท่านเทียบความรักของพ่อกับแม่กับความรักของพระพุทธเจ้ามีให้กับเหล่าสาวกอย่างน่าสนใจว่า<o:p</o พ่อแม่นั้นถึงแม้ว่าจะรักเราสักพียงไร ยังมีเวลาที่โกรธเกลียดลูกในบางขณะ แต่พระพุทธเจ้านั้นนับแต่วันที่ที่พระองค์ได้ตรัสรู้จนถึงวันที่เสด็จปรินิพพาน ท่านไม่เคยโกรธเกลียดลูกศิษย์คนหนึ่งคนใดเลย เหตุนั้นพ่อแม่เราก็ไม่ดีเลิศเท่าพระพุทธเจ้าได้ พระองค์ได้มีพระหฤทัยเมตตาสงสารพวกเราจริงๆ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ถ้าหากเราตกนรกหมกไหม้แล้ว พระพุทธเจ้าก็มาโปรดได้ยากนัก พ่อแม่ที่เรารักปานชีวิตก็ช่วยไม่ได้ คนที่จะช่วยเราได้คือตัวเราเอง อย่ากระนั้นเลย เราจงทำตัวของเราให้เป็นที่พึ่งแก่ตนดีที่สุด ที่พึ่งนั้นคืออะไร คือการออกบวช เราออกบวชแสวงหาทางพ้นทุกข์ ตามอย่างพระพุทธเจ้าดีกว่า เมื่อบวชแล้วท่านคิดว่า เราเป็นพระกินข้าวชาวบ้านเขา ข้าวจะเข้าปากก็ให้คิดยาวๆ ก็ให้คิดว่า ข้าวนี้ชาวบ้านเขาได้มาโดยวิธีใด ก่อนสุกมีความเป็นมาอย่างไร เช่น ต้องหุง ต้องหา ต้องเก็บ ต้องเกี่ยว ต้องฝัด ต้องตำ ต้องปลูก กว่าจะมาถึงบาตรของเราต้องลำบากไม่ใช่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นท่านจึงเตือนตัวเองว่า เรากินข้าวเขา เราต้องทำตัวให้ดี เมื่อท่านได้พบกับท่านพระอาจารย์มั่นประสบความสมหวังในชีวิตแล้ว ก็ย้อนกลับมาบ้านเกิดและพูดกับโยมพ่อว่า อาตมาได้พบกับท่านพระอาจารย์มั่นแล้ว เป็นที่พอใจในชีวิต อาตมาจักไม่กลับมาตายบ้านนี้อีก ทรัพย์สินเงินทองของโยม ต่อไปนี้จะไม่มาเกี่ยวข้องตลอดชีวิต โยมป้าของท่านได้ฟังก็ตำหนิว่า ท่านจะเกินไปละมัง ท่านตอบไปว่า ถ้าฉันสึกมา ฉันมาขอข้าวป้ากิน ขอให้ป้าเรียกฉันว่าสุนัขก็แล้วกัน ท่านตัดสินใจว่าจะบวชตลอดชีวิต และจะไม่ยอมจนในเรื่องชีวิต และมีคติธรรมที่ยิ่งใหญ่ไว้ในใจว่า เกิดมาเป็นคน ต้องพยายามไต่ขึ้นอยู่บนหัวใจคน บวชเป็นพระต้องพยายามไต่ขึ้นไปอยู่บนหัวใจพระให้ได้ และท่านมีมโนปนิธานที่เด็ดขาดและมุ่งมั่นสูงสุดว่า<o:p</o จะให้เลือดทุกหยดในร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เป็นไปเพื่อกิจพระศาสนา ไม่ว่าจะเป็นบนฟ้า หรือใต้ดินก็จะต้องสู้ถวายหัวจนสุดชีวิต<o:p</o ท่านพ่อลีก็เล่าต่อให้สานุศิษย์ฟังพร้อมเปรียบเทียบความคิดท่านที่เกี่ยวกับการบวชและการธุดงค์ไปอยู่ป่าว่า
    <o:p
    </o
    คนที่บวชแล้วไม่เคยออกป่าเลย ก็เหมือนกินข้าวสุกที่ไม่มีแกง คนที่บวชแล้วเดินธุดงค์แสวงหาวิเวก ย่อมได้ดื่มด่ำกับรสพระสัทธรรม เปรียบเหมือนบุคคลที่กินข้าวมีกับแกงด้วย ตัวอย่างง่ายๆ ในหลักธรรมชาติ เช่น ไก่ป่ามีลักษณะต่างจากไก่บ้านคือ ตาไว หางกระดก ขันสั้น ปีกแข็ง ลักษณะการเหล่านี้เกิดจากการระวัง ส่วนไก่บ้าน มีหางตก ตาตก ปีกอ่อน ขันยาว ลักษณะเหล่านี้ ย่อมป็ยเหยื่อของเสือดาว<o:p
    </o
    ถ้าอยากพิสูจน์ตนเองลองเข้าไปอยู่ในป่าช้าผีดิบคนเดียว จะได้เห็นตัวเอง ว่าเราทำจริง อยู่ได้จริง ก็จะเกิดความวิเศษขึ้นมาจากการปฏิบัติ จักได้เห็นอานิสงค์ของความดีนั้นว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี้มีความสามารถขจัดทุกข์ได้จริง กำจัดภัยได้จริง และรักษาโรคได้จริง เพียงใด<o:p
    </o
    ความดีที่เราทำด้วยกาย วาจา ใจ หมั่นพากเพียรพยามยามประกอบให้มีขึ้น เจริญงอกงามไพบูลย์ขึ้น แล้วก็มีความสุขกายสุขใจทุกขณะที่ยืน เดิน นั่ง นอน นี่แหละท่านทั้งหลาย ชีวิตชีวิตหนึ่งที่เป็นแบบอย่างได้อย่างยอดเยี่ยม ทำทำจริง รักรักจริง เห็นเห็นจริง ไม่หลอกลวงตัวเองและบุคคลอื่น เป็นคนดีมาตั้งแต่ยังไม่เกิด
    <o:p</o

    ชีวิต คติธรรม และปฏิปธาของท่านพ่อลี ซึ่งผู้เขียนนำมาเล่าเพียงน้อยนิด เป็นชีวิตที่ท้าทายจริงๆ บางทีเราอ่านเราฟังแล้วอาจไม่เชื่อว่า คนคนหนึ่งมีความคิดละเอียดอ่อนละมุนละไมและการกระทำได้ถึงเพียงนี้ แต่สิ่งนี้ได้มีเป็นไปแล้ว นึกๆแล้วอัดอั้นตันอยู่ในหัวอกอยากจะหัวเราะและร้องไห้ปะปนกันไป มันช่างยากเสียจริงๆ เบื้องหลังท่านกรำศึกยิ่งกว่าพระเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เพราะออกรบยังมีทหารเอกเคียงข้างห้อมล้อมเป็นหมื่นเป็นแสน
    <o:p</o

    แต่นี่ท่านออกรบเพียงองค์เดียว และรบกับกิเลสร้ายที่มองไม่เห็นตัวได้ง่ายๆ และไม่ทราบว่ากองทัพของมันซุ่มซ่อนตัวอยู่ในที่ใด ในซอกหลืบใดในกายวาจาใจเรา แต่ท่านก็ยังอุตส่าห์กำชัยชนะมาจนได้ ช่างสุดยอดเสียจริงๆ

    <i>ที่มา : หนังสือธรรมะทะลุโลก ท่านพ่อลี ธรรมะธโร<o:p</o</i> โดย ธ ภูผาสูง
    <o:p</o
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 สิงหาคม 2012
  2. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
    ขออนุโมทนาค่ะ ไม่เคยได้ยินประวัติมาก่อนเลย ดูประวัติของท่านห้าวหาญ เด็ดขาดมากมาย แอบหึกเหิมใจ แอบภูมิใจที่เกิดมาภายใต้พระพุทธศาสนา แต่ชาตินี้ได้เป็นแค่ อุบาสิกา ไม่มีบุญในผ้าเหลือง แต่ก็จะทำหน้าที่ของชาวพุทธให้ดีที่สุดเท่าที่กำลังกาย และปัญญาอันน้อยนิดของลูกในชาตินี้จะทำได้ .... ไม่ว่าจะกี่ชาติต่อกี่ชาติ ที่ได้เกิดมาเป็นคน ขอให้ลูกได้อยู่ในพระพุทธศาสนา ได้ดวงตาแห่งธรรม และบรรลุ มรรค4 ธรรม 4 ผล 4 นิพพาน 1 ...
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    โมทนาค่า ขออนุญาตนำไปแชร์ต่อนะค๊า สาธุ
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,273
    ค่าพลัง:
    +82,733
    กราบท่านพ่อลีเจ้าค่ะ
    อุบายธรรมขององค์ท่านลึกล้ำ เด็ดเดี่ยว ห้าวหาญยิ่งแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...