คุณได้รับผลอย่างไรจากการปฏิบัติธรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Moderator6, 23 พฤศจิกายน 2012.

  1. หนูคนชล

    หนูคนชล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +122
    ได้รับผลอย่างไร ....
    เรื่องนี้เป็น ปัจจัตตัง จริงๆนะคะ แต่ละคนก็จะได้รับผลที่ต่างกันออกไป
    ส่วนตัวรู้สึกถึงความเย็น สงบ มีเหตุ มีผล ปล่อยวาง ได้มากขึ้น
    สัมผัสได้ถึงความอัศจรรย์ที่ผ่านเข้ามา ซึ่งยังคิดว่าแปลกดี หรือบังเอิญ
    (เราเป็นพวกเด็กน้อยเพิ่งเริ่ม)
    และเวลาโกรธจะระงับ ได้เร็วขึ้น ดีขึ้น
    หลุดบ้า ไปบ้างแต่ เรียกสติ ดึงอารมณ์ ให้มีสติได้ดีขึ้น
     
  2. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    806
    ค่าพลัง:
    +2,515
    คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ เป็นที่หลบภัยอย่างดีเยี่ยม มีความสุข จิตชื่นบาน
     
  3. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ความสุขคะ .........รู้ ปุ้บ มันก็ตื่น และ ความเบิกบาน ก็ตามมาคะ
     
  4. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,135
    สิ่งที่ดิฉันได้รับจากการเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานในครั้งนี้มากที่สุดคือการมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมตลอดระยะเวลาที่อยู่ปฏิบัติ 5 คืน "เป็นหลักสูตรการอบรมพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและสันติสุข" ณ วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพฯ โดยใช้หลักสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งให้ความสำคัญในการปฏิบัติดังนี้คือ

    -การกำหนดสติทุกอิริยาบถ - การเจริญสติคือการกำหนดอิริยาบถให้ทันปัจจุบันและรับรู้ความรู้สึกตามทวารต่างๆ อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลาให้มากที่สุด ความรู้สึกของคนมรทางรู้อยู่ ๖ ทางคือ ตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ให้กำหนดรู้ไปตามจริงที่ใจรู้พร้อมกับกิริยาเคลื่อนไหวอื่นๆ ทำอะไรก็ให้มีสติกำหนดรู้ให้ทันปัจจุบันให้มากที่สุด
    ๑. อิริยาบถใหญ่คือ การยืน เดิน นั่ง นอน
    ๒. อิริยาบถย่อยคือ การเคลื่อนกายทุกกิริยา เช่นการรับประทาน ดื่ม เคี้ยว กลืน เหลียว ก้ม เงย หยิบ ยก ตลอดจนการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ ควรพยายามกำหนดให้ได้มากทุกๆ คน ไม่มีใครกำหนดได้ทุกกิริยา ย่อมการ พลั้งเผลอ เมื่อเผลอก็ให้กำหนดตามความเป็นจริง "เผลอหนอ" สำหรับการพิจารณาอาหารนั้นให้กำหนดรู้ดังนี้..ตัก ยก มา อ้า ใส่ รู้ที่ใจ อม เคี้ยว กลืน ขึ้นคำสอง ทุกคำข้าวเช้าเพลไม่เว้นตรอง เพื่อสนองผองศรัทธาที่มาทำ


    -การเดินจงกรม - ๗ ท่า มีองค์ภาวนาดังนี้
    ๑. ขวา...ย่าง...หนอ, ซ้าย...ย่าง...หนอ
    ๒. ยก...หนอ, เหยียบ...หนอ
    ๓. ยก...หนอ, ย่าง...หนอ, เหยียบ...หนอ
    ๔. ยกส้น...หนอ, ยก...หนอ, ย่าง...หนอ, เหยียบ...หนอ
    ๕. ยกส้น...หนอ, ยก...หนอ, ย่าง...หนอ, ลง...หนอ, ถูก...หนอ
    ๖. ยกส้น...หนอ, ยก...หนอ, ย่าง...หนอ, ลง...หนอ, ถูก...หนอ, กด...หนอ
    ๗. องค์ภาวนาและท่าการเดินเหมือนท่าที่ ๖ ทุกประการ แต่ให้เติมคำว่า "คิดหนอ" หรือ "ไม่คิดหนอ" ลงข้างหลังคำว่า "หนอ" ทุกครั้ง โดยกำหนดรู้ด้วยตัวเองว่าขณะนั้นตนกำลังคิดเรื่องอื่นหรือเปล่า หากคิดก็กำหนด "คิดหนอ" หากไม่ได้คิดก็กำหนดว่า "ไม่คิดหนอ"
    * การเดินจงกรม คือการเดินเป็นเส้นตรงเที่ยวละไม่เกิน ๓ เมตร ไปกลับตามท่าต่างๆ โดยจะเลือกเดินท่าหนึ่งท่าใดก็ได้ เป็นเวลาประมาณครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง *

    -การนั่งสมาธิ - เมื่อเดินจงกรมพอกับความต้องการแล้ว และต้องการจะนั่งสมาธิต่อให้นั่งเป็นระยะเวลานานเท่ากับการเดินจงกรม จึงครบ 1 บัลลังก์ นั่งโดยให้เอาใจ หรือสติมาพิจารณารู้ความรู้สึกพองยุบโป่งแฟบที่หน้าท้อง

    ในการเดินจงกรม นั่งสมาธิและเจริญสตินี้ การเจริญสติจัดว่ามีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง การเดินจงกรมมีความสำคัญเป็นอันดับสอง และการนั่งสมาธิมีความสำคัญเป็นอันดับสามในอันที่จะทำให้เกิดปัญญา เมื่อเจริญสติกำหนดรู้ให้ต่อเนื่องกัน จิตจะสงบลงได้ ความฟุ้งซ่านจะน้อยลง จะเกิดความคิดถูก รู้ถูก พูดถูก ทำถูก ซึ่งเรียกว่า ปัญญา หรือ วิปัสสนาญาณ หรือความดำริชอบ ซึ่งเป็นวิชาแก้ปัญหาโลก-ปัญหาธรรม ได้อย่างถูกต้องและดียิ่ง ผลพลอยได้ที่ตามมาคือ การพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและความสันติสุขค่ะ

    ในส่วนของการสวดมนต์และการรักษาศีลในหลักสูตรที่วัดอินทรวิหารนี้ เป็นเช่นนี้ค่ะ

    คำนอบน้อมพระรัตนตรัย

    (กล่าวนำ)
    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
    (ว่าพร้อมกัน)
    พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ, (กราบด้วยสติ 1 ครั้ง)
    สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ, (กราบด้วยสติ 1 ครั้ง)
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ, (กราบด้วยสติ 1 ครั้ง)

    พุทธะบูชา, มะหาเตชะวันโต,
    ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธ, ขอให้ข้าพเจ้ามีเดชเดชะ,
    ธัมมะบูชา, มะหาโภคะวะโห,
    ข้าพเจ้าขอบูชาพระธรรม, ขอให้ข้าพเจ้ามีปัญญาอันยิ่งใหญ่,
    สังฆะบูชา, มะหาโภคะวะโห,
    ข้าพเจ้าขอบูชาพระสงฆ์, ขอให้ข้าพเจ้าอุดมด้วยอริยะสมบัติ,
    ติโลกะนาถัง, ระตะนะตะยัง, อะภิปูชะยามิ, วันทามิ, (ไหว้ 1 ครั้ง) เจติยัง, สัพพัง, สัพพัฏฐาเน, สุปะติฏฐิตัง, สารีริกะธาตุ,
    มะหาโพธิง, ชินะโย จะ, พุทธะรูปัง, สะกะลัง สะทา,

    บูชาพระภูมิเจ้าที่
    ทิสา ทิโส, เอหิ ภู-มิโม, อม (มะ) ภู-มิมา, อาคัจฉันตุ,

    ผูกมิตรกับมนุษย์ เทวดาและสัตว์ทั้งปวง
    มะนุสสานัง, สะหะยัง, ปิโยเทวา, สีหะราชา, เอหิ จิตตัง, ปิยังมะมะ,

    คำสมาทานอาชีวัฏฐะมะกะศีล(ที่นี่รักษาศีลห้าของผู้ครองเรือนมิใช่ศีลแปดค่ะ)
    (ว่้าพร้อมกัน)
    มะยังภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, อาชีวัฏฐะมะกะ, สีลานิ ยาจามะ,
    ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, อาชีวัฏฐะมะกะ, สีลานิ ยาจามะ,
    ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ, อาชีวัฏฐะมะกะ, สีลานิ ยาจามะ,
    ข้าพเจ้าขอสมาทาน, อาชีวัฏฐะมะกะศีล, ต่อพระพักตร์พระพุทธรูป, ต่อคุณพระรัตนตรัย, ด้วยสัมปัตตะวิรัติ, คือ งดเว้นเอาเอง, ณ โอกาสบัดนี้,

    ปาณาติปาตา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
    ข้อ ๑., ข้าพเจ้าจะไม่ฆ่าสัตว์ และไม่ทรมานสัตว์ให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อน

    อาทินนาทานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
    ข้อ ๒., ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมย ไม่ฉ้อโกง, ไ่ม่เอาของผู้อื่นมาเป็นของตน, โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าของเสียก่อน,

    กาเมสุมิจฉาจารา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
    ข้อ ๓., ข้าพเจ้าจะไม่ประพฤติผิดในกาม, คือไม่ล่วงละเมิดในภรรยา และสามีของผู้อื่น,

    มุสาวาทา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
    ข้อ ๔., ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวคำเท็จ ให้ผู้อื่นเดือดร้อน,

    ปิสุณาวาจา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาิทิยามิ,
    ข้อ ๕., ข้าพเจ้าจะไม่พูดส่อเสียด, ให้ผู้อื่นเดือดร้อน,

    ผรุสะวาจา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
    ข้อ ๖., ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวคำหยาบคาย ด่าทอ, ให้ผู้อื่นเดือดร้อน

    สัมผัปปะลาปา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
    ข้อ ๗., ข้าพเจ้าจะไม่พูดเพ้อเจ้อ โปรยประโยชน์, ให้ผู้อื่นเดือดร้อน

    มิจฉาอาชีวา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,
    ข้อ ๘., ข้าพเจ้าจะไม่ประกอบมิจฉาอาชีพ, ซึ่งพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ มีดังนี้,
    ๑. ข้าพเจ้าจะไม่ขายสัตว์ให้เขาเอาไปฆ่า
    ๒. ข้าพเจ้าจะไม่ขายมนุษย์
    ๓. ข้าพเจ้าจะไม่ขายอาวุธ
    ๔. ข้าพเจ้าจะไม่ขายยาพิษ และไม่เสพย์ยาพิษ
    ๕. ข้าพเจ้าจะไม่ขายสุรา และไม่ดื่มสุรา

    อาชีวัฏฐะมะกะศีลนี้, ข้าพเจ้าได้ตั้งใจแล้วสมาทาน แล้ว, ข้าพเจ้าจะเพียรรักษาไว้, มิให้ขาด มิให้ทำลาย, ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป, ขออานิสงส์แห่งศีลนี้, จงคุ้มครองป้องกันให้ข้าพเจ้าปลอดภัยในที่ทุกสถาน, อายุยั่งยืนนาน, มีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง, คิดสิ่งใดในทางที่ชอบที่ควร, จงสมปรารถนา, ขอให้ข้าพเจ้า, ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน, ในอนาคตกาลโดยเร็ว...

    คำสมาทานกัมมัฏฐาน
    (ว่าพร้อมกัน)
    อิมาหัง, ภะคะวา, อัตตะภะวัง, ตุมหากัง, ปริจจะชามิ,
    ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า, ข้าพระองค์ขอมอบกายถวายชีวิต, ต่อคุณพระรัตนตรัย, คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

    อิมาหัง, อาจะริยะ, อัตตะภาวัง, ตุมหากัง, ปริจจะชามิ, นิพพานัสสะ เม ภันเต, สัจฉิกะระณัตถายะ, กัมมัฏฐานัง เทหิ
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ, ขอท่านจงให้กัมมัฏฐานแก่ข้าพเจ้า ณ โอกาสบัดนี้, เพื่อกระทำให้แจ้ง, ซึ่งมรรคผลนิพพาน, ในอนาคตกาลโดยเร็ว,

    อัทธุวัง เม ชีวิตัง,
    ชีวิตของเราไม่แน่นอน, ความตายเป็นของแน่นอน, วันหนึ่งเราจะต้องตายแน่, เป็นโชคอันดี เป็นลาภอันประเสริฐ, ที่เราได้มาเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน, ณ โอกาสบัดนี้, ไม่เสียชาติไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์, พบพระพุทธศาสนา,

    เย-เนวะ, ยันติ นิพพานัง,
    พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวกทั้งหลาย, ได้ดำเนินไปสู่พระนิพพาน, อันเป็นหนทางสิ้นทุกข์, ได้ประสบความสันติสุข, ด้วยหนทางเส้นนี้, ด้วยสัจจะวาจาที่กล่าวอ้างมานี้, ข้าพเจ้าจะตั้งอกตั้งใจ, ประพฤติปฏิบัติจริง ๆ ต่อไป, จนกว่าจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน,

    อิมายะ, ธัมมานุธัมมะ, ปฏิปัตติยา, ระตะนัตตะยัง, ปูเชมิ,
    ข้าพเจ้าขอบูชาพระรัตนตรัย, ด้วยการปฏิับัติวิปัสสนาธรรม, อันสมควรแก่มรรคผลนิพพานนี้, ด้วยสัจจะวาจาที่กล่้าวอ้างมานี้, ขอเทพบุตร เทพธิดาทั้งหลาย, อมนุษย์ทั้งหลาย, เจ้ากรรม นายเวรทั้งหลาย, มาร ทั้งหลาย, จงอย่าเป็นอุปสรรคขัดข้อง, ต่อการปฏิบัติวิปัสสนาธรรมของข้าพเจ้า, ขอจงได้อนุโมทนา สาธุการ รับเอาส่วนกุศลจากข้าพเจ้า, ที่จะพึงปฏิบัติและอุทิศให้ท่านนี้, ข้าพเจ้าขออาราธนา, พระธรรมวิเศษทั้งหลายทั้งสิ้น, พระขณิกะสมาธิ, พระอุปจาระสมาธิ, พระอัปปะนาสมาธิ, พระธรรมปิติทั้งห้า, และพระวิปัสสนาญาณ, ทั้งโสฬสญาณ, จงมาบังเกิด, ในขันธสันดานของข้าพเจ้า, ให้ข้าพเจ้า, ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน, ในอนาคตกาลโดยเร็ว...เทอญ

    สติปัฏฐาน - ทางเดียวเท่านั้น
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสสอนไว้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางเดียว เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย ๑ เพื่อระงับความโศก ๑ ระวังความคร่ำครวญ ๑ เพื่อดับทุกข์ ๑ ดับโทมนัส ๑ เพื่อบรรลุอริยมรรค ๑ เพื่อแจ้งพระนิพพาน ๑
    ทางเดียวนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔
    ๑. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติเข้าไปตั้งติดตามดูกาย
    ๒. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติเข้าไปตั้งติดตามดูเวทนา
    ๓. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติเข้าไปตั้งติดตามดูจิต (ความคิด)
    ๔. ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน - การมีสติเข้าไปตั้งติดตามดูธรรม (อารมณ์)

    ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดิฉันได้รับรู้อย่างมั่นคงจากการเข้าปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานและปฏิบัติจิตตภาวนา ในครั้งนี้ ซึ่งดิฉันจะนำธรรมะทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ดำรงค์ไว้เพื่อปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ให้ได้มากที่สุดตามสมควรแก่บารมีของดิฉันค่ะ....

    ดิฉันขออนุโมทนา อาจารย์วิทยากรทุกท่าน ซึ่งได้ปฏิบัติตามรอยคุณแม่ดร.สิริ กรินชัย ให้ความรู้ในการอบรมในครั้งนี้ สาธุ สาธุ สาธุ...
     
  5. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,612
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นด้วยเทอญ สาธุ
     
  6. M_Y

    M_Y เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +220
    ทำไมตอนนี้จิตเหมือนหมดพลัง ราวกับว่าได้ทำความผิดอย่างหนักหนาสาหัสมางั่นแหละ โดนจิตมารเล่นงาน มาล่อให้เรากลัวและโกรธ ไม่สามารถสวดมนต์ภาวนาได้ดีเหมือนก่อน และทำให้ขาดสติ จนเราต้องหมั่นเดินจงกรมให้มากและถี่ขึ้น เผื่อจะช่วยให้เกิดปัญญาได้บ้าง เราคงบาปหนา มีใครเป็นเหมือนเราบ้างไหม
     
  7. Bussarin.K

    Bussarin.K เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    307
    ค่าพลัง:
    +326
    เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กๆ เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก เวลาไปโรงเรียน
    ชอบลักขโมยของเพื่อนๆเป็นประจำ จำได้เลยว่าตอนนั้นขโมยเงินเพื่อนมา100บาท
    แล้วเอาไปให้แม่ แม่มีอาชีพขายของ ช่วงนั้นแม่บ่นว่าขายไม่ค่อยได้
    เลยไปขโมยเงินเพื่อนมาให้แม่ แล้วโกหกแม่ว่าเก็บได้ แม่ดีใจสุดๆ
    ในใจก็รู้สึกผิด แต่ก็ดีใจที่เห็นแม่มีความสุขขึ้นมาบ้าง (ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นประถม)
    พอผ่านมาได้สักระยะ เหมือนกรรมตามสนองคือ เงินชอบหาย
    หายครั้งละ100บาทด้วย เป็นอยู่หลายครั้ง เราก็เลยนึกถึงกรรมตัวนี้ได้
    เลยตั้งใจว่าจะไม่ลักขโมยของใครอีก และก็หมั่นทำบุญ บริจาคทานให้ขอทานเสมอๆ
    จนตอนนี้เงินก็ไม่หายอีก แถมวางไว้บนโต๊ะที่ทำงาน ก็ยังไม่หายเลย

    --------
    เมื่อก่อนเป็นคนที่ตระหนี่และขี้เหนียวมาก ไม่ยอมเสียผลประโยชน์ให้แก่ใคร
    จนมาได้ศึกษาธรรมะ เริ่มรู้สึกได้ว่า เงินทองเป็นของนอกกาย
    เราไม่สามารถเอาไปได้ จึงเริ่มที่จะให้ เริ่มที่จะแบ่งปัน ไม่งกเหมือนเมื่อก่อน
    ชีวิตก็ดีขึ้น มีแต่คนมาช่วยเหลืออุปถัมภ์ ค้ำจุน และเมื่อก่อนเป็นคนที่คิดมาก
    เป็นเด็กขี้อิจฉา เห็นใครมีก็อยากมีแบบเขา พอไม่มีก็ทุกข์ ร้อนใจกระวนกระวาย
    พอได้ปฏิบัติธรรม ทุกอย่างดีขึ้นหมด ไม่อิจฉาใคร ยินดีที่เห็นเขาได้ดีมีสุข
    ชีวิตสบายขึ้นมากๆค่ะ จิตใจเย็น ไม่ร้อนลนเหมือนเมื่อก่อน

    -------
    ตอนเด็กๆช่วงอนุบาล-ประถม จะป่วยบ่อย เข้าโรงพยาบาลบ่อย
    เราอ่้านมาว่าอาจะเป็นเพราะกรรมที่ทำปาณาติบาต จึงได้เริ่มรักษาศีล
    แผ่เมตตา ชนิดที่ว่ายุงไม่ตบเลย มดก็ไม่ฆ่า ทำอยู่แบบนั้นหลายปี
    รู้สึกว่า ร่างกายไม่ป่วยเหมือนเก่า นานๆจะเป็นหวัดเป็นไข้สักครั้ง
    สัตว์ร้ายไม่ทำอันตรายเลยแม้นอยู่ใกล้กันก็ตาม คงเป็นผลของศีลที่คุ้มครองเราค่ะ

    นี่คือผลคร่าวๆจากการมีธรรมะในจิตใจ อยากให้ทุกๆคนปฏิบัติธรรม รักษาศีล ให้ทาน และเจริญภาวนานะคะ
     
  8. fullner

    fullner เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    287
    ค่าพลัง:
    +239
    เริ่มต้นจากเจอทุกข์แสนสาหัส..ก็หันหน้าเข้าหารสพระธรรมะ .. มีพลังใจเข้าใจชีวิตให้เห็นเป็นธรรมดา แต่ดูเหมือนจะเจ็บป่วยบ่อยขึ้น เจอเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์บ่อย.เจอวิบากต่างๆ..กระหน่ำ.. แต่เรากลับไม่ถอยยอมรับในชะตากรรม เหมือนกับพอจะนึกออกว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ปล่อยวาง อดทนได้มาก แต่สิ่งร้ายๆ คนไม่ดีก็มักจะผ่านไป เป็นคอร์สๆเลยทีเดียว.. ดูเหมือนจะเจอมรสุมมากกว่าเดิม.. แต่สิ่งที่ได้มาคือ พลังใจที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
     
  9. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,729
    ค่าพลัง:
    +3,243
    เป็นคนเกิดในครอบครัวที่สนใจการปฏิบัติพระกรรมฐาน
    ตามแนวหลวงพ่อฤาษีลิงดำแห่งวัดท่าซุง
    เด็ก ประมาณเ๗้ดแปดขวบพ่อแม่พาไปเป่ายันเกราะเพชร และ หัดมโนยิทธิที่วัดเลย ไปค้างที่วัดเลยไปบ่อยหลายหน

    พอวัยรุ่นก็เหล้า

    อีกทีก็อายุ23 ขวบไปได้หนังสือคู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน
    เปิดอ่านโห ทำแล้วมีตาทิพย์ เหาะเหินเดินอาการ
    หัดใหญ่จะเป่ากุญแจให้หลุด
    ไม่สำเร็จ

    เมื่อปี 2550 มีอาการทางจิตประสาทรุนแรงแบอยู่ดีๆก็
    มีเสียงในหัว พูดคุยกะเราสั่งดน้นสั่งนี้
    กว่าจะปรับตัวให้ทนอาการจิตประสาทนี้ไหว หลายเดือน
    แบว่าไม่ได้เป้นแต่เด็กๆมาเป้นตอนแก่

    เลยภาวนาโดยเชื่อไปเองว่าภาวนาเยอะๆจะหายป่วย

    ผมมีอาการถึงขันจิตเภท แบบมีอาการทางกาย
    ปวดท้อง แบบว่าจะตาย อยู่ดีก็เสียดท้อง อยู่ดีๆ ก็หายใจไม่ออก
    อยู่ดีๆก็ใจสั่น จะตายปีละหลายครั้ง

    ตอนนี้ภาวนา ได้ดีขึ้นมาก อาการป่วยรู้สึกว่าพอจะจับทางออก

    ใช้เวลาภาวนาเกินหกปี ทรมานสุดๆ
     
  10. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,071
    - ความสงบจากกิเลส ตัณหา เป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  11. พุทธาวตาร

    พุทธาวตาร "อีกเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป..."

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +398
    เกือบ 100% ของคนที่หันเหชีวิตเข้ามาอยู่ในทางธรรม ต้องเคยเผชิญกับความทุกข์จะเป็นทุกข์ทางกายหรือทางจิต จะน้อยนิดแค่เพียงเศษเสี้ยวธุลีกรรม หรือจนเข้าขั้นเจอมหาวิบากกรรม...(คงไม่ต้องบรรยายความรู้สึก ความเจ็บปวด เพราะแต่ละท่านคงจะรู้ซึ้งจนไม่สามารถจะสาธยายเป็นอักษรได้)

    ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี ที่ดึงชีวิตมาเข้าสู่เส้นทางนี้แต่กราฟชีวิตก็เหมือนตลาดหุ้นที่มีทั้งขึ้นทั้งลง บ่อยครั้งที่หลุดออกนอกเส้นทาง หลายครั้งที่พลั้งหลงจนไม่เห็นแสงสว่าง แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีสุขทางไหนที่จะเป็นสิ่งที่แท้จริงเท่ากับสุขสงบจากทางธรรม

    ธรรมะไม่ได้ทำให้เราพ้นทุกข์ตราบใดที่ยังใช้ชีวิตเป็นปถุชนคนเดินดินที่ยังมีรัก มีอยาก มีโกรธโมโห แต่การปฏิบัติธรรมให้สติที่ช่วยการดำเนินชีวิตให้อยู่กับความทุกข์อย่างแนบเนียน โดยไม่ตีโพยตีพาย ตีอกชกตัว ไม่ด่าตัวเอง โทษคนอื่น บ่นท้อต่อโชคชะตาเหมือนที่เคยเป็น

    กราบขอบพระคุณความทุกข์...ที่ทำให้พบธรรม
     
  12. an15

    an15 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +209
    เมื่อก่อนตอนที่แอนเป็นเด็กยังไม่รู้ในเรื่องการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องเลยได้แต่ไหว้พระสวดมนต์นิดหน่อยตามผู้ใหญ่ที่ท่านพาทำแต่ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงเลยแต่ในจิตในการปฏิบัติชีวีตได้ดำรงใว้ว่าเราจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีให้ใครเดือดร้อนและพยายามช่วยทุกๆคนเท่าที่จะช่วยได้ไม่ว่าคนๆนั้นจะใช่ญาติหรือไม่ก็ตามจนกระทั้งแอนอายุ33ปีก็เริ่มเกิดเรื่องมากมายที่เราไม่ได้คลาดหมายเรื่องเกิดจากชอบช่วยคนอื่นนี่แหลาะ แอนได้ศึกษาเรื่องไพ่ยิปซีเอาใว้สำหรับดูให้ตัวเองครอบครัวและเพื่อนๆจนกระทั่งวันนึ่งมีเพื่อนรุ่นน้องมาหาที่บ้านให้ดูไพ่ให้แอนก็ดูให้แล้วพูดว่า มีเรื่องอะไรที่จะต้องแก้ใขจงไปแก้ใขเสียแล้วชีวิตใหม่จะดีมากๆ เค้าก็กลับไปทำทันทีคือ(ทำแท้ง)แล้วมาบอกแอน แอนงี้อึ้งพูดอะไรไม่ออกเลยเพราะไม่รู้ว่าจะแก้ใขอย่างไร(ตอนนี้แอนไม่ดูไพ่ยิปซีให้ตัวเองหรือใครๆแล้วละเพราะเอาไปถวายที่ต้นโพธิ์แล้ว) หลังจากนั้นมาไม่นานแอนก็เริ่มมีปัญหาหลายอย่างเริ่มจากมีหน้าดำทั้งหน้าไปทางใหนหมาก็ไล่ตามกัดคนก็ดูถูกพูดกับใครๆก็ไม่รู้เรื่องแม้กระทั่งกับสามีและลูกๆเสียเงินจนหมดธนาคารขับรถก็เกือบจะเกิดปัญหาหลายครั้งจนกระทั้งวันนึ่งฝันว่ามีผู้หญิงสองคนมาหาแล้วพาแอนออกไปนอกโลกเลยไปไกลมากๆพอสมควรแล้วเค้าก็พาไปเดินบนเมฆแล้วชี้ให้แอนก้มลงมองดูในรูซึ่งในนั้นจะมีแสงนิดๆจึงรู้ว่าเท่ารูเข็มพอแอนก้มลงดูก็รู้ตัวเองว่าตัวเองตกค่ะตกๆลงไปในรูเข็มแอนจำได้ว่าร้องนานๆๆๆๆๆมากๆกว่าที่ร่างจะถึงพื้นพอร่วงถึงพื้นจึงรู้ว่าตัวเองไม่เจ็บหรือตายจึงพยายามมองไปรอบๆในสถานที่นั้นจึงได้รู้ว่ามันมืดมัวๆพอมองเห็นอะไรๆรางๆที่นั้นก็เหมือนโลกของเราแต่ไม่สอาดมีภูเขาต้นไม้ตายๆน้ำดำๆพอแอนตื่นขึ้นก็งงมากๆก็ร้องให้ทั้งวันก็เลยโทรหาแม่ แม่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยแอนได้อย่างไรก็บอกแอนให้โทรหาท่านอาจารย์ชิงชัย วรรณรักษ์ซึ่งท่านเป็นครูสอนกรรมฐานให้แม่ พอท่านได้รับฟังปัญหาของแอนแล้วท่านก็บอกว่า ให้แอนไปทำบุญกับพระสุปฏิปันโณ โอโหแอนก็บอกว่าไม่รู้จักเลย ท่านก็เลยบอกว่ามีหลายองค์มากแต่ ณตอนนี้ที่แอนจะสามารถเข้าไปกราบได้มีแค่สององค์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนี้คือ1.หลวงปู่สมบุญ ปริปุนณสีโล ที่สวนนิพพานวัดปอแดงอำเภอป้กธงชัยนครราชสีมา 2.ท่านหลวงตามหาบัว ญานสัมปันโณ ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี แอนก็ฟังท่านพูดแต่ในจิตก็คิดว่าโอโหไกลมากๆจังแล้วเราจะทำไงดี ท่านอาจารย์ท่านตะโกนดุแอนว่าอย่าคิดว่าไกลถ้าอยากพ้นภัยแอนก็เลยบอกว่าค่ะอาจารย์ วันรุ่งขึ้นแอนกับแม่ก็พากันไปกราบท่านหลวงปูสมบุญ ปริปุนณสีโล ที่สวนนิพพานวัดปอแดงกัน ท่านเมตตากับแอนและแม่มากๆค่ะท่านได้แนะนำการศึกษาและการปฏิบัติธรรมที่บ้านให้กับแอนและแม่จากนั้นมาแอนก็เริ่มศึกษาธรรมค่ะ นั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แอนรู้ว่ามนุษย์เรามีสี่งที่ต้องทำมีสองอย่างคือ1.การหาให้มี เพื่อให้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้(ลืมคิดว่าตนเองจะต้องตาย ทุกๆคนต้องตาย ไม่มีอะไรๆเป็นของเราเลย ทุกๆสิ่งเป็นเพียงสมมุติเท่านั้น(บ้ายึดถือสุดๆ) การที่เราได้หาทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้มีใว้เชิดหน้าชูตาแก่ตนและครอบครัวแก่ญาติตระกลูและสังคม นั้นคือการใช้ชีวิตที่ขาดสติมากๆเพราะเราจะมีโอกาสเผลอทำผิดสร้างทุกข์โทษให้แก่ตนเองได้ง่ายมากๆ เพราะว่าในจิตของคนที่ไม่ได้ศึกษาธรรมมะ จะคิดกันแต่เพียงแค่ว่าตัวเรานี้มีหนึ่งสมองกับสองมือจงหาและขอให้มี ไม่สนใจว่าจะมีมาได้อย่างไร ไม่รู้เรื่องกรรม ผลของกรรม ทำให้มีวิบากนาๆประการ ไม่สนใจ ไม่ศึกษา เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของปุถุชนคนธรรมดา นั้นคือความหลงและขาดสติมากๆๆๆ ที่พระคุณเจ้าผู้เจริญหลายท่านๆพยายามบอกทุกคนว่าให้พึงสังวรสำรวมระวังใว้ให้ดี(นั้นไม่ใช่สมบัติของมนุษย์เลย) 2.การศึกษาธรรมมะ และการปฏิบัติธรรม ให้ทาน ศึกษาสำรวมระวังในศีลให้ดีๆจนเป็นปกติ การเจริญภาวนาคือสมษัติที่แท้จริงของมนุษย์ และเป็นสมษัติชนิดเดียวที่จะตามติดเราไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งทำ ที่สำคัญมากๆสำหรับทุกๆคนสมควรที่จะศึกษาให้ดีให้มากจนเป็นปกติ จากไม่รู้ ศึกษาจนรู้ สามารถช่วยให้เรามีสติที่ดี ไม่ประมาทในสิ่งที่เห็น ในสิ่งที่ได้ที่มีและที่เป็น นั้นคือความสบายที่แท้จริงเพราะไม่ต้องทุกข์ในใจกับอะไรๆอีก ก็เท่านั้นเอง กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแอนก็ได้รู้ว่าตัวเองว่าได้ถูกเค้าเอาดวงจิตไปลงโทษ ที่อุสสทนรกค่ะ ณ ปัจจุบันตอนนี้ในวันโกนแอนกับแม่และเพื่อนๆจะพากันไปกราบและถวายดอกไม้สดพานใหญ่สองพานพร้อมกับของหลายๆอย่างเท่าที่จะหาได้ไปถวายบูชาคุณ ท่านหลวงปู่เมตตาอบรมสอนธรรมมะให้แก่แอนและหมู่คณะให้ได้รู้และศึกษาปฏิบัติธรรมกัน ตอนนี้ท่านหลวงปู่สมบุญ ปริปุนณสีโล ท่านได้เมตตาเอาดวงจิตของแอนออกมาจาก อุสสทนรกแล้วค่ะ แอนจำได้ว่า ท่านหลวงปู่ท่านพูดว่าเอาขึ้นไปนั่งให้ดีๆนะเดียวจะตกใจเอา แอนก็หันมาถามท่านว่าอะไรจะทำให้แอนตกใจหรอเจ้าค่ะ พร้อมก้าวขาขึ้นแผ่นธรรมไปหนึ่งข้าง(แผ่นธรรมที่แอนเห็นนั้นกว้างสองวาหนาหนึ่งคืบวัดโดยรอบได้หกวามีลักษณะใสมากๆสามารถมองทะลุเห็นอะไรๆต่างๆไกลๆได้ด้วย)แผ่นธรรมก็กระชากทยานขึ้นบนอากาศทันที ร่างของแอนก็เลยคล่ำลงแปะกับพื้นเกาะพื้นของแผ่นธรรมเอาใว้แน่นมากๆพร้อมกับมองเห็นแสงไฟสว่างจึงได้รู้ว่าแผ่นธรรมใสมากๆ แผ่นธรรมได้พาดวงจิตของแอนไปปล่อยลงที่กรุงเทพค่ะ แต่ไม่ใช่สมัยนี้หรอกเพราะยังใม่มีตึกสูงใหญ่ๆ ยังไม่มีเสาไฟฟ้าเลยหลายบ้านยังใช้ตะเกียงกันอยู่เลย นี่ละค่ะคือประสพการของแอน ยังมีอีกแยะ เดียวจะเล่าให้ฟ้งอีกค่ะ
    ผลบุญใดที่แอนและครอบครัวหมู่คณะได้บำเพ็ญมาจะให้ผลประโยชน์ความสุขความเจริญทั้งทางโลกทางธรรมแก่แอนและครอบครัวหมู่คณะเพียงใดขอให้ทุกๆท่านได้มีส่วนผลบุญนั้นๆโดยพลันและจงมีความสุขจนถึงที่สุดแห่งทำเทอญ
     
  13. lista

    lista เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +683
    ได้ฟังธรรมมะ ของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ จากเว็ป ทำให้เรารุ้ว่า เกิดมา ความสุข ที่แท้ จริงคือการ ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด อีก หมดทุกข์ หมด ภาระ ถ้าเราถึงได้คงสุขตลอดกาลเลย โลกนี้มันมีแต่ ความไม่เที่ยง สุขก้อเจือไปด้วยความทุกข์ สุดท้ายก้อไม่เหลืออาไร ไปนิพพานกันครับ
     
  14. Janthakorn

    Janthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +141
    ปล่อยวางในเรื่องที่ถ้าเจอจะต้องกังวลได้มากขึ้น ยับยั้งชั่งใจให้ไม่โกรธได้มากขึ้น ยอมรับความเป็นธรรมดาในเรื่องนั้นๆ ได้มากขึ้น ยังไม่ถึงกับหมด แต่ดีมากขึ้นโดยรวมค่ะ
     
  15. wat2510

    wat2510 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +634
    ชอบมากครับ กับความในโพสนี้ เรามัวหลงทางอยู่ กับภาพมายาเหล่านั้น เลยเดินออกนอกเส้นทาง ไปซะสี่สิบกว่าปี ตอนนี้ผมเองก็เริ่มรู้แล้ว มีความสุขกับการสวดมนต์ แผ่เมตตามากครับ
     
  16. Fmfot8iy

    Fmfot8iy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +72
    เมื่อก่อนอารมณ์ร้อน เดียวนี้ใจเย็นมาก
    เมื่อก่อนชอบเที่ยว เดียวนี้อยู่คนเดียวสงบกว่าเยอะ
    เมื่อก่อนฆ่าสัตว์ เดียวนี้มดก็ยังไม่กล้าฆ่า
    เมื่อก่อนติดเกมส์ เดียวนี้ชอบทำสมาธิ
    เมื่อก่อนกลัวตาย เดียวนี้ไม่กลัว
    เมื่อก่อนไม่อยากบวช เดียวนี้อยากบวช
    อดีตที่ผิดพลาด ปัจจุบันผมแก้ไขมันแล้ว
    โชคดีจังที่คิดได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ภูมิใจในตัวเองจังเลยครับ ศีลบริสุทธิ์ มาเกือบปีแล้ว เย้
     
  17. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    เขาว่ากันว่า หากปฏิบัติธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง กับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่มีสัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติจนรอบรู้ทุกขั้นตอน
    ตั้งแต่การเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคา พระอานาคา จนถึงทางเดินสู่พระอรหันต์ แล้วนำมาถ่ายทอดบอกสอนประสบการณ์
    ที่ท่านลงมือปฏิบัติแล้วสำเร็จ ตรงตามพระธรรมคำสั่งสอนไม่ผิดเพี้ยน เมื่อเราฟัง เราเชื่อ เราเดินตาม แล้วมันเห็นผลง่ะ
    คนธรรมดา ๆ ก็กลายเป็นเทวดา ได้เจโต ได้หูทิพย์ ตาทิพย์ ได้ฤทธิ์ทางใจ ได้สมบัติของเทวดามาครองตั้งแต่ยังไม่ตาย
    แต่ถ้ารู้ตัวแล้ว ไม่ได้ตื่นเต้นยินดีกับสมบัติที่ได้ เพราะเห็นว่าจิ๊บ ๆ หมั่นเพียร เดินต่อไป ไม่แวะเก็บดอกไม้ข้างทางให้เสียเวลา
    มุ่งมั่นปฏิบัติกันต่อไป หวังหลุดพ้นสู่พระนิพพาน พูดอย่างเดียวไปไม่ถึง ต้องปฏิบัติ บางคนทำมานาน
    แต่ยังไม่รู้สึกว่าตัวเอง จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง อยากให้สังเกตุสภาพแวดล้อม บางทีจะไปลงกับคนรอบข้าง
    หรือ สภาพแวดล้อม หรือรายได้ เป็นต้น จึงขอให้พากเพียรทำไป
     
  18. dadeedaa

    dadeedaa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +69
    มีสติสมาธิเกิดง่ายทำสิ่งใดมักไม่เกิดความผิดพลาด ไม่ต้องนั่งคิดวกกวน ใจเย็นลง ยอมเข้าใจทั้งที่เมื่อก่อนก็เข้าใจแต่ทำไม่ได้ ตอนนี้กลายเป็นปกติ ที่วางลง และ รู้ตามสภาพการณ์ ปัจจุบันขณะ ทุกอย่างรอบตัว รับรู้-รู้สึกไวในสิ่งต่างๆ เบาสบายอารมณื ขอบคุณทุกเหตุการณืที่เข้ามาและขอบคุณ ทุกคนรอบตัวเรา ทุกสิ่งที่ช่วยเป็นเครื่อวขัดเกลาปัญญา ขอให้พบหนทางแห่งความสงบ สุขแท้จริงอยู่ที่ใ
     
  19. ทิพย์ดารา

    ทิพย์ดารา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2013
    โพสต์:
    186
    ค่าพลัง:
    +264
    ขออนุโมทนาสาธุบุญ..ๆท่านด้วยที่ได้นำแต่สิ่่งที่ดีๆมาบอกกล่าวดิฉันคนหนึงก็เช่นกันค่ะเวลาสวดมนต์ไหว้พระแล้วรู้สึกสบายใจและมีความสุขค่ะ ยิ่งเวลาไปไหนมาไหนกับรถเจ้าที่เจ้าทางจะคอยปกปักรักษาตลอดเวลาค่ะ
     
  20. fay10

    fay10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,760
    เมื่อข้าพเจ้าได้ปฎิบัติธรรมแล้ว เหตุที่หันมาปฎิบัติธรรมเพราะเชื่อว่าคนเราไม่ควรใช้ชีวิตบนความประมาทเกิดมาแล้วจะตายวันตายพรุ่งมิอาจรู้ได้ และอีกอย่างไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้สวดมนต์ และนั่งกรรมฐานเพราะสามารถตัดภพตัดชาติได้และสามารถช่วยเหลือตนเองและเผื่อแผ่ไปยังผู้อื่นได้หลังจากที่ฝึกมา 5 ปี อาการป่วยดีขึ้นมากไม่ป่วยเหมือนครั้งที่ยังมิได้ฝึกจิตละเอียดขึ้น รู้เท่าทันอารมณ์และมีสติมากขึ้น ผู้ใดจังเชื่อหรือไม่เชื่อแล้วแต่แต่ข้าพเจ้าพิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเองยึดพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ยึดพระธรรมเป็นสระณะยึดพระสงฆ์เป็นสระณะ และจะไม่ประมาทในชีวิตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
     

แชร์หน้านี้

Loading...