คู่แข่งใหม่ของรถไฟฟ้า เก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ 5 เท่า เติมเชื้อเพลิงเต็มใน 8 นาทีเท่านั้น

คู่แข่งใหม่ของรถไฟฟ้า เก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ 5 เท่า เติมเชื้อเพลิงเต็มใน 8 นาทีเท่านั้น

-----------

ที่มา https://www.youtube.com/@CarRaver

 

หลักการนี้คุยกันมานานแล้วทางทฤษฎี แต่ในทางปฎิบัติมันมีปัญหาตรงแยกแอมโมเนีย เป็นไฮโดรเจนเข้าเชลล์เชื้อเพลิงนี่แหละ ซึ่งมันก็ต้องใช้พลังงานเหมือนกัน ดังนั้นระบบโดยรวมต้อลให้พลังงานออกมามากกว่า หากมีบริษัทใดแก้ปัญหาทางวิศวกรรมนี้ได้ รถยนต์จาก Fuel Cell นี้ก็จะสมบูรณ์ทันที ซึ่งมันคือระบบแทบอุดมคติ คือ ใช้พลังงานทดแทน เช่น Solar, Wind, tidal ผลิตไฟฟ้า แล้วเอาไฟฟ้าไปแยกน้ำได้เป็น H2 แต่การขนส่งไฮโดรเจนมีปัญหามาก ต้องใช้ถังแรงดันสูง ไม่คุ้ม ต่อมาจึงมีความคิด Hydrogen to Ammonia เอา H2+N3 ไนโตรเจนในอากาศ ได้ แอมโมเนีย สามารถขนส่งในอุณหภูมิปกติ ถังปกติได้ มีการขนส่งแอมโมเนียในวงการอุตสาหกรรมปุ๋ยอยู่แล้ว จึงมีเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน บวกกฎระเบียบความปลอดภัยรองรับอยู่แล้ว ส่งไปยังจุดใช้งานทั่วโลกแบบน้ำมัน นี้นี่เมื่อ Ammonia Fuel Cell มันทำงานได้ตามคลิปนี้ มันก็จบเลย เอาแอมโมเนียไปใส่ในรถยนต์เลย เชื้อเพลิงจะสะอาด ไม่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้โลกร้อน เชื้อเพลิงก็ไม่มีวันหมด เป็น Renewable Energy ตัว H2 เป็นแค่ตัว Conversion พลังงานเท่านั้น Nitrogen มาจากอากาศทั่วไปอยู่แล้ว ตอน Converse กลับก็เป็น ออกซิเจน กับในโตรเจน สู่อากาศปกติ บวกน้ำ ปัญหาคือ Ammonia Reactor นั่นแหละ หากบริษัทที่ว่าพัฒนามันออกสู่ตลาดได้จริง ไม่โม้ มันก็เป็น Breakthrough ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ของมนุษยชาติเลย จบก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย และน้ำมันของ OPEC ด้วย ปิดตายเลย ปัญหาคือ Ammonia Reactor ในรถยนต์มันโม้หรือเปล่าเท่านั้น


จาก ความเห็นของ mungseedee

-------------------------

จากความห็นของ narongkornrajchanatham5465

ได้ทราบข่าวว่าทางโตโยต้าร่วมมือกับบ.ในจีน กำลังวิจัยเรื่องเครื่องยนต์สันดาปจากแอมโมเนียอยู่ ถ้าสำเร็จถึงขั้นทดลองวิ่งบนท้องถนนได้ก็เป็นอีกทางเลือกครับ แต่ในบ้านเรา เคยเจอประสพเรื่องโรงน้ำแข็งรุ่นเก่าที่เคยก๊าซแอมโมเนียรั่วเป็นข่าวครึกโครมจนทุกวันนี้ไม่มีรง.น้ำแข็งไหนใช้แอมโมเนีย มาเปลี่ยนเป็นก๊าซตัวอื่นแทนกันหมด..

 

ผลิตพลังงานไฮโดรเจนจากน้ำทะเลได้โดยที่ไม่ต้องสกัด พึ่งค้นพบใหม่ล่าสุด ไฮโดรเจนราคาถูกลง

ที่มา https://www.youtube.com/@techsmartthailand