ฆราวาส เมื่อถึงนิพพานทำไมต้องตายหากไม่บวช !?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Mr.Boy_jakkrit, 10 ตุลาคม 2010.

  1. สงกะสัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +126
    พระสงฆ์ ฆารวาส หากถึงซึ่งนิพพาน ย่อมตายหมด สิ้นอาสวะทั้งมวล

    แต่ทุกอย่างยังอยู่ใต้กฏแห่งธรรมะ ที่ไม่เปลี่ยนแปลง

    และสังขารของผู้นั้นยังคงอยู่ใต้กฏของธรรมะ

    ที่ยังคงเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะธรรมไตรลักษณ์นั้น..

    ...............................................................

    แต่ฆารวาสที่บรรลุธรรมขั้นสูงสุด เพราะคงอยู่ลำบากในสังคมเช่นนี้

    ลองนึกสภาพฆารวาสผู้บรรลุนิพพานเป็นอรหันต์ ทั้งยังมีชีวิตอยู่

    มีชีวิตก็เหมือนไม่มีชีวิต ไม่ติดยึดอะไร ไม่เอาอะไร

    ใครจะมาหยิบมาจับมาขนทรัพสินก็เอาไป เงินสลึ่งยังไม่มี

    สุดท้ายก็คงเหลือแต่ผ้าห่อศพมาพันกาย

    จะอยู่อย่างไร ในสังคมที่มีแต่เอา เอา เอา

    นอกจากหลบไปอยู่ในป่า ปลูกข้าว ปลูกผักกินเอง

    จนกว่าจะถึงวันที่กฏของธรรมทำงาน เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    เข้าสู่ปรินิพพานและหลุดพ้นไปตามกฏของธรรมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

    พระอรหันต์หรือทุกสิ่ง หากยังมีสังขารวิญญาณ ไม่สามารถละเมิดกฏแห่งธรรม

    ทำให้สังขารเกิดไม่ได้ ดับไม่ได้ ยังคง เกิดดับไปตามสภาวะแห่งธรรม..

    แนวเศษฐกิจพอเพียงของในหลวง การแบ่งที่ดินเกษตรเป็นส่วนๆ

    นั้นแหละสภาพที่เหมากับฆารวาสผู้เป็นอรหันต์ จะทรงสังขารอยู่ได้

    จนปรินิพพาน..
     
  2. อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    เมื่อครบ 7 วัน ฆราวาส ผู้บรรลุอรหัตผล หากไม่บวช จะต้องตาย
    พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสและไม่ได้บัญญัติว่า ผู้บรรลุอรหัตผล หากไม่บวช จะต้องตาย

    ท่านตายด้วยเพราะอะไร....
    เพราะถึงเวลาตายพอดี ไม่ได้เกี่ยวกับการบรรลุอรหัตผล

    เพราะคุณธรรมแห่งพระอรหันต์ไม่ได้เป็นโทษและเหตุแห่งการทำลายขันธ์
    ถูกแล้ว

    เมื่อท่านผู้เป็นฆราวาสบรรลุธรรมอรหัตผล ท่านจะไม่ใช้ชีวิตเฉกเช่นเดียวกับปุถุชน
    ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้า ถ้ากรรมบางอย่างไม่ส่งผลให้ต้องเป็นฆราวาส

    เพราะการคลุกคลีกับปุถุชน ย่อมเกิดโทษแก่ผู้ล่วงเกินท่านฯโดยที่ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ
    เรื่องของกรรม ที่จะต้องมีผู้ก่อกรรมแม้ไม่เป็นฆราวาส ก็ย่อมเกิดโทษแก่ผู้ล่วงเกินท่านได้
    เช่นเดียวกับสมัยพุทธกาลที่พวกเดียรถีย์ ด่าพระพุทธเจ้า

    ด้วยสติปัญญาระดับผู้บรรลุธรรมอรหัตผล ย่อมแตกต่างจากปุถุชนทั่วไป
    ย่อมหาทางออกที่เหมาะสม เช่น ออกจากเรือน ปลีกวิเวก หรือออกบวช

    แล้วถ้าท่านเลือกที่จะไม่ปลีกวิเวก หรือออกบวชละ ผมเห็นว่าท่านเลือกได้นะครับ ด้วยสติปัญญาฯ

    ดังตัวอย่าง คุณแม่จันดี น้องสาวหลวงตามหาบัว ฆราวาสผู้บรรลุธรรมอรหัตผล ท่านเป็นอนาคาริก ออกจากเรือน ปลีกวิเวก มาอยู่วัดป่าบ้านตาด
    ถือศีล ๘ เพื่ออยู่ในเพศเหมาะสมแห่งตน
    ผมไม่แน่ใจว่า คุณ จิตโต หมายถึง คุณแม่จันดี ท่านเป็นอรหัตผลหรืออนาคามี
    ถ้าหมายถึง อรหัตผล แสดงว่าคุณ จิตโต ก็ยอมรับว่า ฆราวาสเมื่อเป็นอรหันต์แล้วไม่บวชไม่ต้องตายก็ได้
    ถ้าหมายถึงอนาคามี ก็อีกเรื่อง
     
  3. lldreamll Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +84
    หรือว่ามันจะเป็นอจินไตย????
     
  4. neo1982 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +17
    มีเหตุ มีผลดีครับ เห็นด้วย สาธุ
     
  5. มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    เมตตา และ ปิดบาป

    สมมุติว่ามีนักปฏิบัติธรรมผู้หนึ่งมีสัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านจนบรรลุโสดาปัตติผล
    เขาย่อมปกปิดมิให้ใครรู้ ภูมิธรรมที่มีอยู่ในตน ไม่อาจจะบอกใครได้แม้แต่ผู้เป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง และ ลูกเมีย ของตน
    ตามธรรมดาโสดาบันเป็นผู้ยังละกามราคะไม่ได้ ก็ใช้ชีวิตในบ้านเรือนของตนต่อไป

    อยู่มาคืนหนึ่ง ด้วยธรรมอันเป็นเหตุปัจจัยภายนอกและด้วยธรรมอันเป็นเหตุปัจจัยภายใน จิตก็รวมกำลังปรากฏเป็นมรรคสมังคี
    อินทรีย์๕แก่กล้าถึงที่สุด เกิดเป็นมรรคจิต มีญาณ สามารถทะลุผ่าน สกทาคามิผล อนาคามิผล และ อรหัตตผล สำเร็จเป็นพระอรหันต์
    ได้เสพปีติ และ สุข อยู่ตลอดคืน จนถึงเวลาสาย

    และแล้วก็มีเสียงตะโกนเรียกจากคุณแม่ ดังขึ้นที่บริเวณหน้าห้องนอนว่า ไอ้ลูกขี้เกียจเอ๊ย มันจะนอนหลังยาวไปถึงไหนกันนี่กี่โมงกี่ยามกันแล้ว
    ถ้าลูกตะโกนกลับไปว่า นี่ๆลูกบรรลุอรหันต์แล้วนะอย่าพูดกับลูกอย่างนั้นนะแม่
    แทนที่แม่จะหยุดกลับใส่แรงลงไปกว่าเดิมว่า อ๋อ พ่อนักปฏิบัติธรรม เดี๋ยวนี้ วิเศษกว่าแม่แล้วหรือ พ่อคุณทูนหัว ไอ้บ้าเอ๊ย หนักขึ้นทุกวันแล้วนะแก
    แล้วถ้าตกกลางคืนล่ะ หลายวันก่อนเป็นพระโสดาบัน ยังนอนกอดเมีย มีอะไรๆกันได้ มาคืนนี้เป็นพระอรหันต์ซะแล้วจะทำยังไง เมียจะไปนรกขุมไหน

    เมื่อพระอรหันต์ระลึกถึงบาปที่จะเกิดกับบุคคลรอบข้างผู้เคยมีคุณ หรือผู้คุ้นเคย
    ด้วยความเมตตาต่อมนุษย์ที่รายล้อมตัวท่าน พระอรหันต์จึงต้องรีบทำลายธาตุขันธ์ของตนเพื่อปิดบาป
    ไม่ให้เกิดขึ้นกับญาติอีกต่อไป ด้วยความตายที่ไร้ความหมายสำหรับพระอรหันต์

    หรืออีกทางหนึ่งคือต้องรีบบวชเพื่อที่ญาติจะได้เกรงใจ ไม่ปฏิบัติกับท่านแบบคุ้นเคยดังเดิม อันจะช่วยให้ญาติปลอดภัยจากการดูหมิ่นท่านโดยไม่รู้ตัว


    นี่เป็นเรื่องสมมุติ พร้อมกับความเห็น ของข้าพเจ้า
    ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย
    แต่ข้าพเจ้าว่าไม่ผิดนะ

    ด้วยอำนาจแห่งเมตตา แทนที่จะเป็น โกยเถอะโยม จึงกลายเป็น โกยเถอะอาตมา ของผู้หลุดพ้น???


    .
     
  6. e20aoa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +364
    พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ต้องใช้ปัญญา ไม่ฟังความฝ่ายเดียว ต้องมีความรอบรู้ รอบคอบ ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน จึงมีการนำกาลามสูตรมาช่วยในการตัดสินใจว่าควรหรือไม่ที่จะเชื่อ ท่านลองพิจารณาดูจากคำตอบทั้งหลายแล้วตัดสินใจกันเอง แต่ละบุคคลอาจรับคำตอบต่างกัน แต่ไม่ควรเอาความเห็นตนเองเป็นข้อสรุป อย่างไรก็ตามนี่มิใช่สาระสำคัญในพระพุทธศาสนาเลย มีสิ่งที่ควรกระทำมากกว่าเช่นทำ ทาน ศีล และ ภาวนา

    จงใช้เวลาส่วนใหญ่ทำกิจอันเป็นประโยชน์แก่ตนเอง ย่อมจะดีกว่ามาถกหรือตั้งกระทู้อันไม่เกี่ยวกับการส่งเสริมการสร้างให้ทาน ศีลและภาวนา อันเป็นการทำให้ช้าลง ชีวิตเปรียบเสมือนการเดินทาง มัวแต่ชมข้างทาง แวะดูรูงูจับหนูก็เสียเวลาเปล่าๆ ขอให้ผู้อ่านจงมีสติ มีศีล เจริญกรรมฐานได้เร็วโดยพลัน
     
  7. topnank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,899
    ค่าพลัง:
    +874
    ในยุคปัจจุบันนี้ เคยได้ยินจากปากครูบาอาจารย์ว่า เจ้าอาวาส วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย

    จ.เชียงราย ท่านได้บวชให้กับฆาราวาสคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผ้าขาว ท่านได้บรรลุธรรม ในผ้าขาว

    ในวันที่ท่านบรรลุนั่นผ้าขาว ท่านบอกว่า เหมือนเอาโลกทั้งใบที่แบกไว้นานออก เบาสบายมาก

    มีความอิ่มใจ แต่ปวดหัวมาก ๆ ท่านจึงถามอาจารย์ทางโทร.... เมื่อ25ปีที่แล้ว โทรศัพย์ไม่

    ค่อยมี(เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาจม) อาจารย์ของผ้าขาวบอกว่าให้เตรียม ผ้าไตร และเครื่องบวชให้

    พร้อม เพราะถ้ามาถึงวัดในวันรุ่งขึ้น ท่านจะทำการบวชให้ทันที หลังจากการบวชให้แล้ว อาการ

    ปวดหัวก็ยังไม่หายในทันที ต้องใช้เวลาเกือบเดือนถึงจะหายเป็นปกติ หลังจากได้บวชแล้วท่า

    จึงได้รู้ว่า จิตที่เป็นความว่างเป็นยังไง ใส่สะอาดจนผ้าทุกชนิดไม่สามารถห่อหุ้มจิตดวงนี้ได้อีก

    ต่อไป ต้องได้ผ้าเหลืองของพระพุทธองค์ห่อหุ้มไว้เท่านั้นจึงจะได้ พระรูปนี้ท่านได้ดับขันธ์

    แล้วเมื่อปี 53 แต่ถ้าอยากหาความจริงต่อก็ต้องไปขอความรู้จากเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาจม เพราะ

    ท่านเป็นผู้ที่ได้ประสบการณ์นี้กับท่านเอง และปัจจุบันนี้ ท่านยังไม่ดับขันธ์ ท่านที่อยากได้ยิน

    จากปากพระอริยเจ้า จริง ๆ ก็ต้องไปพิสูจน์ถามต้วยตัวท่านเองแล้วครับ แต่ไม่แน่ใจว่าท่านจะ

    บอกหรือเปล่า
     

แชร์หน้านี้