จะยอมแลกทุกสิ่งเพื่อ พุทธภูมิ จุดยืนและสตยาบันที่ขอประกาศแก่มนุษย์ทั้งหลาย

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pra_TopSecret, 31 พฤษภาคม 2010.

  1. pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ข้าพเจ้าขอประกาศจุดยืนหยัด ขอยอมแลกทุกสิ่ง เพื่อ พุทธภูมิ

    ใครจะเกลียด ใครจะชัง ใครจะอิจฉา ก็ชั่งไป จะบุญ หรือ จะบาป จะเข้าข้างเราไม่เข้าข้างเราก็ชั่งมันปะไร ไม่สนซะอย่าง ใครจะชั่ว ใครจะดี ปล่อยให้เขาทำไป ใครนินทาปล่อยเขา ใครสรรเสริญ เราก็ไม่เอา
    ทำบุญไม่ได้บุญ บุญ ไม่ไช่อิทธิพล ต่อตัวเรา ไม่ใช่สาระสำคัญอยู่แล้ว
    ใครทำบาปไม่ได้บาป ชั่งมัน

    รู้แค่อย่างเดียวว่าจะทำ
    จะทำ และจะทำ จะทำ และต้องทำให้ได้
    ทำไมหรือ ความดันทุรังมันสูง
    ใครดูถู ดูหมิ่น กับสิ่งที่ผมทำ เพียงไร ใช่สาระสำคัญ
    ความอยากเป็นพระพุทธเจ้า ความปราถนา โพธิญาณของข้าพเจ้า ใคร ดูถูกช่างเขา
    ใครดี ใครเด่น ใคร น่าสนใจ ไม่น่าสนใจ ไม่ขอสนใจ
    ต่อให้ไม่ไคร รักเราเลยซักคน ก็เอา
    ต่อให้ผมต้องถูก ดูหมิ่นจาก สัตว์ ทั้ง 3 โลก
    ไม่มีไครสนับสนุนเลย ไม่ได้รับการเหลียวและเลย
    ต่อให้ตกนรกหมกไหม้เท่าไหร่ ตายไปกี่ร้อยกี่พันชาติก็ช่างมัน
    เสียเลือด เสียเนื้อ เท่าไหร่ก็เอาเลย เอาเลย ....
    ผมไม่กลัว
    และไม่เคยกลัวอยู่แล้ว

    ถ้าไม่กล้า แล้วจะเกิดได้ยังไง
    เกิดทั้งที ต้องขอเอาให้จริง
    ข้าพเจ้ารักและศรัทธาต่อ โพธิญาณ ต่อ พุทธภูมิ
    สิ่งใดก็ได้
    อะไรก็ได้
    ข้าพเจ้ายอมแลกได้หมด
    ยอมทุกสิ่ง
    ทำทุกสิ่ง
    เพื่อพุทธภูมิ
    ไม่มีสิ่งใดขวางข้าได้
    ขอยอมทุกสิ่ง


    ===================
    หลังจากที่ได้พิจรณา ในเรื่องของกระแส ญาณ สัญญาเก่าย้อนขึ้นมา ที่ข้าพเจ้าได้รับมาตลอด หลายเดือนที่ผ่านมา
    กอรปกับปัญหา หนักใจต่าง ๆ ที่ได้ พาลพบ กับ อุปสรรค์ ที่โลกทั้ง 3 และสรรพสัตว์ ทั้งหลาย ต้องพาลพบ

    ได้ไตร่ตรองอย่างหนักหนา แล้ว บัดนี้ หาได้มีสิ่งใด ที่จะ มีค่า และความสำคัญ กับข้าพเจ้าอีกเสียแล้ว

    ข้าพเจ้าขอประกาศจุดยืน ยอมและทุกสิ่ง ยอมทำทุกอย่าง เพื่อ พุทธภูมิ

    ตลอดเวลา ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้ศึกษา หาข้อมูล อย่างหนัก เพื่อ แนวทางแห่งพุทธภูมิของข้าพเจ้า และ เพื่อนสหสมิกธรรมทุกท่านที่ ใน เว็บไซต์ นี้ ได้ให้ แนวทางที่ข้าพเจ้า

    ข้าพเจ้าขออนุโมทนา กับ สหสมิกธรรมทุกท่านที่ได้ ให้ความรู้ ได้เตือนสติปัญญา ที่ได้จากพวกท่าน เป็นอย่างสูง

    และยังหวังว่า จะยังสามารถ ใช้ พื้นที่แห่งนี้ในการ ศึกษาแนวทางนี้ จนพบกับสิ่งที่ข้าพเจ้าปราถนาได้อย่างแท้จริง

    และยินดี เสมอ กับทุกคำแนะนำ

    ใครสามารถที่จะพอโปรดผมได้ตอนนี้ โปรดผมทีครับ
    ผมยังต้องการความช่วยเหลือจากทุกท่านเสมอ
    ===============================

    ข้าพเจ้า พระชินเวทย์ ชินวโร
    อุปสมบทด้วยความศรัทธา อันสูงสุด ในพระพุทธศาสนา
    โดยมี พระธรรมมังคลาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์
    ปัจจุบัน พรรษา 2
    วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร
    อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

     
  2. สมภาพธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +845
    ทำให้ได้อย่างที่พูดจริงๆ นะครับ
     
  3. pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    อนุโมทนาครับ


    ครับผม ทราบแล้วว่า อาจารย์กร ท่านคือใครครับ

    ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำ
    จะลองต่อยอดไปครับ
     
  4. neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    ทางของพ่อมีไว้ให้เดินไม่เดิน ท่านจะตามหาทางของใครอีก มีบุญได้บวชในศาสนาของพ่อ แต่ไม่ไปตามทางที่พ่อบอก พ่อคงเสียใจ ที่ลูกของท่าน ...
     
  5. ทาสธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +95
    ขออนุโมทนาครับ พระคุณเจ้า
    ขอให้สำเร็จสมปราถนาเถิดครับ เพื่อหมู่สัตว์
    แต่ควรเอาตัวให้รอด จะได้ไม่ต้องลงอบาย ควรทำซึ่งคุณธรรมอันวิเศษ วิชาที่เอาตัวรอด ตามที่องค์พระบรมครูทรงชี้แนะให้
    ทางของพระศาสดาของเราตรัสไว้ดีแล้วมีพร้อมสำหรับหมู่สัตว์ ทั้งหลายในโลก ใครปราถนาเช่นใดพึงปฎิบัติเอาเถิดครับ
    ผมอนุโมทนา สาธุในกุศลเจตนาของท่าน ขอรับ
     
  6. หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +561

    อยู่ที่กำลังใจ อย่าให้มันเป็นแค่อารมณ์ ความคิดนึกชั่วครั้งชั่วคราว
    ปรารถนาอย่างเดียวก็ไม่ได้อีก
    ต้องทำด้วย อิอิ สอนตนเองนะครับ

    หลวงปู่ฯ ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าน คือ วัดพระธาตุศรีจอมทอง ท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นปราชญ์ในพระพุทธศาสนา

    ศึกษาธรรมกับท่าน ได้ข่าวว่าท่านจะมาปราจีนบุรี มาสมโภชน์ต้นพระศรีมหาโพธิ์

    ขอโมทนาในความดี
     
  7. Ayukawa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    256
    ค่าพลัง:
    +573
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งครับ เมื่อมีจิตใจแน่วแน่แล้วทำเหตุให้ตรง ผลย่อมได้ตามเหตุแน่นอน สาธุ สาธุ
     
  8. ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    สู้ๆครับ ทางแสนยาวไกลอย่าท้อกลางทางนะ
     
  9. แสงอุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,036
    อนุโมธนาด้วยครับ

    สงสัยว่าคนที่ตั้งกระทู้เป็นพระท่านเจ้าของที่อ่างถึงจริงหรือไม่ หรือคนอื่นแอบอ่างท่าน
    เพราะหากเป็นพระจริง ท่านจะไม่ประกาศแบบนี้

    พุุธทศาสนา สอนให้พอใจในสิ่งที่ตนมี คือทางสายกลางจึงจะเกิดสุขและสงบในจิตใจ
    การอยากได้ อยากมี อยากเป็น นั้นถือเป็นกิเรส และจะเป็นอุปสรรค์ต่อการศึกษาธรรมะ
    เรียนรู้ ศึกษา ธรรมะ ด้วยจิตใจที่นอบน้อมศัทธา ยอมรับความ เป็น อยู่ จริง และ ไม่อยู่ ไม่จริง การ เกิดขึ้น ดับสูญ และ การหลุดพ้น ด้วยสติปัญญา
     
  10. pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868

    ขอบพระคุณที่ให้คำแนะนำครับ

    แต่ว่าเรื่องของหลวงปู่
    ผมได้เห็นกายทิพย์ ของหลวงปู่แล้ว

    หลวงปู่ คือ สมันตภัทร มหาโพธิสัตว์ ครับ
     
  11. หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +561
    ขอถามคำถามหน่อยจะได้ไหมครับ

    - มีรูปหลวงปู่ฯ บ้างหรือเปล่าครับ
    - รู้ได้อย่างไรครับว่าท่านเป็นพระสมันตภัทรโพธิสัตว์
    พอจะอธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับ

    - ท่านบวชเพราะอะไร
    - โพธิญาณทำเพื่ออะไร
    - บารมีวัดกันที่ไหน

    ถามไม่ใช่หาเรื่องหาราวนะครับ แต่อยากทราบความคิดเห็น
    ตอบแบบจากใจ ไม่ต้องตอบให้ถูกใจ หรือตอบให้ดูดี
     
  12. NikuSeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +724
    อนุโมทนา สาธุ

    แต่ถ้าเห็นใครสร้างบาป ก็ไปช่วยเค้าหน่อยก็น่าจะดีนะครับ ^w^
     
  13. Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852


    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- google_ad_section_start -->ข้าพเจ้าขอประกาศจุดยืนหยัด ขอยอมแลกทุกสิ่ง เพื่อ พุทธภูมิ

    ตอบ
    ผมขอให้พระคุณเจ้าลาสิกขาไปเลี้ยงดูพ่อเสี้ยงดูแม่ จะเรียนต่อ หรือทำงาน

    สั่งสมบารมีแบบกึ่งบวชกึ่งบำเพ็ญ
     
  14. timetime เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    485
    ค่าพลัง:
    +3,373
    ..
    ภาพประสูติ​




    เป็นกำลังใจให้นะครับ

    บารมี แปลว่า กำลังใจเต็ม แล้วเต็มยังไง ทำไงให้ไม่พร่อง ก็วัดกันที่ใจ
    ให้ทาน ตัวเดียว อีกเก้าตัวก็เต็มไปด้วย ทรงอารมณ์ใจให้ทานให้เป็นปกติ ทดสอบแล้วสัมผัสแล้ว แล้วตัวรู้ จะเกิด การรับรู้จะไวมาก

    ตั้งอยู่ในศีล ศีลแปลว่า ปกติ ปกติของการประพฤติ ทาง กาย วาจา ใจ 5ข้อ 8ข้อ 10 ข้อ 227ข้อ
    .
    ตรัสรู้​

    ภาวนา คือ ยอดของยอด ของยอดของยอดของยอด ของยอดของยอดของยอดของยอด ของยอดของยอดของยอดของยอดของยอด ของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอด ของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอด ของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอดของยอด ขององค์ความรู้



    ..
    เสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพาน​
    ก่อนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะเสด็จดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพาน

    พระพุทธเจ้าประทานโอวาทเป็นครั้งสุดท้ายแก่พระสาวกของพระพุทธองค์ว่า พระอรหันต์ก็ดี พระวินัย ก็ดี ที่เราตถาคตได้บัญญัติไว้แล้ว พระธรรมวินัยนั้นจะเป็นครูอาจารย์ของท่าน ในเวลาที่เรา ตถาคต ปรินิพพานไปแล้ว พระพุทธเจ้าได้ทรงเปล่งวาจาอันเป็นพระปัจฉิมโอวาทว่า เราขอเตือนท่านทั้ง หลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นของธรรมดา พวกท่านจงประกอบกิจทั้งปวงให้เป็น ประโยชน์แก่ตนและคนอื่นด้วย ให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด

    ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
    ใจผมเกาะพุทธานุสสติกรรมฐานครับ กำลังใจจะได้ทรงตัว
    กราบอนุโมทนา สาธุ
     
  15. timetime เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2005
    โพสต์:
    485
    ค่าพลัง:
    +3,373
    วิสุทธิมรรค​

    ย่อความโดย เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ

    วิสุทธิมรรค แปลว่า หนทางเดินของจิตใจเพื่อความผ่องใส ความบริสุทธิ์ผุดผ่องแผ้วของจิต ยกระดับจิตจากปุถุชนขึ้นสู่จิตของอริยชนถึงขั้นสูงสุด ดังเช่นจิตของพระอรหันต์ เป็นจิตสะอาด ฉลาดรอบรู้ และมีความสุขอย่างยิ่งตลอดกาล คือ จิตของพระอรหันต์ท่าน ที่อยู่เบื้องบน

    พระนิพพาน

    วิสุทธิมรรคมีต้นเหตุเป็นมาอย่างไร

    สรุปความเป็นมาตามที่พระคุณเจ้าหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ท่านเมตตาบอกลูกหลานไว้อย่างนี้

    หลังจากที่พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานไปแล้วประมาณ 1000 ปี เวลานั้นยังมีพระอรหันต์ 4 ขั้น 4 แบบ คือ

    1. พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก ท่านหมดกิเลส โลภ โกรธ หลงอย่างเดียว จิตไม่เห็นไม่สัมผัสนรก สวรรค์ พรหมนิพพาน ไม่สามารถมีจิตเป็นทิพย์ ไม่เห็นผีเทวดา เรานึกถึงท่าน ท่านไม่รู้ว่าเรานึกถึง

    2. พระอรหันต์เตวิชโช ท่านตัดขาดจากกิเลส โลภ โกรธ หลง แถมมีจิตเป็นทิพย์ มีความรู้พิเศษยิ่งเพิ่ม 2 อย่าง คือ ระลึกชาติปางก่อนได้ ใครนึกถึงท่าน ท่านรู้ได้ทันที เขาต้องการพบท่านก็รู้ได้ แต่ว่าเหาะไม่ได้ไปหาไม่ได้

    3. พระอรหันต์ฉฬภิญโญ หรือ พระอรหันต์อภิญญาหก จิตท่านปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดสังโยชน์ 10 อย่าง แล้วยังมีความสามารถเพิ่มอีก 5 อย่าง คือ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ รู้ว่าคนสัตว์ตายแล้วไปไหน ระลึกชาติก่อนได้ รู้วาระจิตของคนสัตว์ แสดงฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ เรานึกถึงท่านท่านก็ทราบ

    4. พระอรหันต์ปฏิสัมภิทัปปัตโต จิตท่านมีความสามารถตัดกิเลสสังโยชน์ 10 ข้อแล้ว ยังมีความสามารถคลุมวิชาสุกขวิปัสสโก เตวิชโช รู้วิชาฉฬภิญโญ คือ อภิญญาทั้ง 6 อย่าง แล้วมีความสามารถพิเศษอีกมากรู้ทุกภาษาคน สัตว์ เทพพรหม สามารถบรรยายธรรมลึกซึ้งยากให้คนฟังรู้เรื่องเข้าใจง่ายๆ ได้ ความรู้ทั่วทั้งพระธรรมวินัย พระอภิธรรมปิฎก

    บรรดาพระอรหันต์มีฤทธิ์ต่างๆ สมัย 1000 ปี หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานมีประมาณ 2 แสนองค์เศษๆ ไม่นับพระอรหันต์สุกขวิปัสสโก กับพระอรหันต์เตวิชโช ท่านก็เรียกประชุมกันว่า เวลานี้พระไตรปิฎกคลาดเคลื่อน เพราะว่ามีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งแยกไปตามธิเบต พม่า ทางจีน ทางญี่ปุ่น กลุ่มนี้เรียกว่า พุทธมหายาน เขาฝ่าฝืนพระธรรมวินัย 10 ข้อ บอกว่าเหล้าที่มีสีแดงคล้ายเท้านกพิราบกินได้ ของเก็บไว้ค้างคืนกินได้อย่างนี้เป็นต้น พระสงฆ์ที่เป็นอรหันต์และเป็นพระอริยเจ้าท่านไม่ยอมก็เลยแยกตัวกัน เขาเรียกพวกเขาว่ามหายาน คือ หย่อนยานมาก เขาเรียกพวกเราว่า หินยาน คือเคร่งครัดดังหิน บรรดาพระอรหันต์มีฤทธิ์ที่ประชุมทั้งหลายจึงคิดว่าควรจะปรับปรุงพระไตรปิฎกใหม่ให้แน่นอน เพราะเวลานั้นพระไตรปิฎกถูกพวกฮินดูทำลายไม่เป็นชิ้นดีจากอินเดีย เอาพระพุทธศาสนาไปปะปนกับฮินดูเป็นสาขาของศาสนาฮินดูไป พระสงฆ์ก็แตกแยกกันไป พระอรหันต์พระสงฆ์ท่านก็มาอยู่แถวพม่า ไทย เขตที่พระอรหันต์ท่านประชุมเป็นเขตของไทยแต่ก่อนเรียกเมืองสุธรรมวดี แต่ตอนนี้เมืองสุธรรมวดีอยู่ในเขตของพม่า พระอรหันต์ที่เป็นหัวหน้าประชุมพระสงฆ์ให้พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณไปตามเทวดาชั้นดุสิต มีพระนามว่า พุทธโฆษาจารย์ เชิญให้มาเกิดเป็นมนุษย์ มาบวชในพระพุทธศาสนา มาแปลพระไตรปิฎกจากภาษาสิงหล มาเป็นภาษามคธ เพราะพระไตรปิฎกที่ถูกต้องแน่นอนอยู่ที่เมืองลังกาแต่เป็นภาษาสิงหล ส่วนภาษาบาลี ภาษามคธถูกพวกฮินดูทำลายกลายเป็นเอาของพราหมณ์ ฮินดู มาปะปนกับพระไตรปิฎกคลาดเคลื่อนไปหมด

    เทวดาพุทธโฆษาจารย์ท่านก็มาเกิดในตระกูลพราหมณ์ ที่ไม่เคารพพระพุทธศาสนา พอท่านอายุ 7 ขวบ พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณท่านก็ไปติดตามสั่งสอนให้มาบวชเณรเรียนในพระพุทธศาสนา มาศึกษาไม่กี่วันท่านก็เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ท่านกลับไปสอนบิดามารดา บริวารที่เป็นพราหมณ์ให้เป็นอรหันต์กันไปหมดทั้งบ้าน พระอรหันต์พุทธโฆษาจารย์ก็ไปประเทศลังกาขอแปลหนังสือพระไตรปิฎกภาษาสิงหลของลังกาเป็นภาษามคธ พระอรหันต์ที่ลังกาก็มีมาก บอกให้ท่านพระพุทธโฆษาจารย์แสดงความสามารถให้ดูก่อนว่าสมควรแปลแล้วหรือยัง โดยให้เขียน วิสุทธิมรรค คือ หนทางปฏิบัติให้ถึงซึ่งความเป็นพระอรหันต์ ท่านก็เขียนใส่ใบลานจนจบผูกมัดไว้ดีแล้ว ตั้งใจจะเอาไปให้พระที่ลังกา

    ท่านท้าวสักกะเทวราช คือ พระอินทร์ ท่านมีความประสงค์จะแสดงอานุภาพของพระพุทธโฆษาจารย์ให้มากขึ้น จึงดลบันดาลให้พระพุทธโฆษาจารย์หลับไป แล้วพระอินทร์ก็มาขโมย วิสุทธิมรรคนั้นไป 2 ครั้ง ท่านก็ไปขอใบลานเขามาอีก 2 ครั้ง เป็น 3 ชุด พอเขียนชุดที่ 3 พระอินทร์ท่านก็เอา 2 ชุดที่ขโมยไปมาคืน ท่านพระพุทธโฆษาจารย์ก็เอาวิสุทธิมรรคทั้ง 3 ชุดไปให้พระอรหันต์ของศรีลังกาดู ปรากฏว่า เขียนเหมือนกันหมดทั้ง 3 ชุด ถูกต้องตามองค์พระพุทธชิน วรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ ท่านก็อนุญาตให้พระพุทธโฆษาจารย์ แปลพระไตรปิฎกจากภาษาสิงหลเป็นภาษามคธได้ เมื่อท่านแปลเสร็จเรียบร้อยก็นำกลับมาเมืองสุธรรมวดี หรือเมืองสะเทิน (อยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดตากใกล้ทะเล) อยู่ในเขตของไทยสมัยนั้น แต่ว่าเวลานี้อยู่ในเขตพม่า พระพุทธโฆษาจารย์นี่เป็นคนไทย ไม่ใช่คนลังกา เมื่อนำพระไตรปิฎกเป็นภาษามคธมาแล้วพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณทั้งหมดประชุมกันตรวจดูเห็นว่าถูกต้องครบทุกอย่าง ต่างก็ช่วยกันคัดลอกร่างพระไตรปิฎกเก็บไว้ในที่สำคัญในวัดวาอารามเป็นต้น

    เวลานี้พระไตรปิฎกในเมืองไทย หนังสือวิสุทธิมรรคย่อมาจากพระไตรปิฎกในเมืองไทยก็เป็นฉบับเดิมที่พระพุทธโฆษาจารย์ท่านจารึกเอาไว้มีครบถูกต้องทุกอย่าง ท่านสาธุชนผู้อ่านอย่าได้สงสัยว่าเป็นของฮินดู ของพราหมณ์ เป็นฉบับอันเดียวกันสมัยพระนารายณ์มหาราช ส่งไปที่ฝรั่งเศสเป็นฉบับถูกต้องสมบูรณ์ เป็นฉบับที่พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระมหากษัตริย์รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ได้ปฐมสังคายนาไว้ คัมภีร์วิสุทธิมรรคจากภาษามคธ ภาษาบาลีอยู่ในใบลานจารด้วยอักษรขอมก็มีพระคุณเจ้าพระภิกษุสงฆ์หลายท่านช่วยกันแปลเป็นภาษาไทย มีท่านเจ้าคุณพร้อมวัดสุทัศน์ฯ ท่านสามเณรกิม เถยุโร ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ เป็นต้น



    หนังสือวิสุทธิมรรคเป็นแนวทางให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์ สะอาดของจิต มีความงดงามดีเลิศ เข้าใจง่าย อธิบายคุณประโยชน์ของศีล สมาธิ ปัญญาเป็นพระธรรมที่ถูกต้องตรงตำราตามคำสอนขององค์สมเด็จพระชินวรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง มีพิมพ์เผยแพร่จำนวนน้อย หาอ่านได้ยาก เพราะเป็นตำราหนาเล่มใหญ่ ดิฉันได้ตั้งใจย่อความจากหนังสือวิสุทธิมรรคเอาไว้ให้รุ่นลูกๆหลานๆ ที่สนใจใฝ่หาธรรมะมีอจลศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้หาอ่านได้ง่ายๆ เป็นสายทางแห่งพระนิพพานที่พระคุณเจ้าพระพุทธโฆษาจารย์ พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณท่านเขียนไว้ให้ลูกหลานเป็นแนวทางปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นแนวทางพ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด มีหลายแบบ หลายทางให้ท่านเลือกปฏิบัติตามแนววิสุทธิมรรคได้ตามใจชอบเอาอย่างใดอย่างหนึ่งก็ถึงซึ่งพระนิพพานได้ทุกแบบ ไม่ใช่มีแบบมหาสติปัฏฐานแบบเดียวตามที่คนส่วนมากเข้าใจในเวลานี้







    วิสุทธิมรรค (The Path of Purification)

    ย่อความโดย เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ

    ท่านพระอรหันต์พุทธโฆษาจารย์เขียนไว้ท่านแบ่งเป็น 3 ภาค

    1. ภาคศีล (Virtue) คือ พระวินัยปิฎก เป็นคุณลักษณะของพระโสดาบัน คือมีศีลครบ ระงับกาย วาจาอยู่ในความดีของศีล

    2. ภาคสมาธิ (Meditation or Concentration) ย่อสาระสำคัญจากพระสุตตันตปิฎก เป็นคุณลักษณะของพระอนาคามี มีฌานสมาบัติมีสมาธิสูง มีอารมณ์ตั้งมั่นในศีล ทาน เมตตา

    3. ภาคปัญญา (Wisdom or Understanding) ย่อสาระสำคัญจากพระอภิธรรมปิฎก เป็นคุณลักษณะของพระอรหันต์มากด้วยปัญญาดีเยี่ยม

    ดิฉันผู้เขียนจะขอย่อความจากหนังสือวิสุทธิมรรคที่มีอยู่ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ เพื่อดำรงคงไว้ซึ่งพระธรรมอันบริสุทธิ์ ล้ำค่าประเสริฐยิ่งกว่าความรู้ใดใดในโลกมนุษย์ โลกสวรรค์พรหม โลกนรก เพราะเป็นความรู้ที่จะทำให้จิตของชาวนรก ชาวโลก ชาวผี วิญญาณ ทั้งท่านเทวดาพรหมมุ่งตรงเข้าสู่กระแสพระนิพพานแดนสุขเกษมสำราญชั่วนิจนิรันดร

    ก่อนอื่นลูกเกษรขออภิวาทกราบแทบพระบาทองค์สมเด็จพระจอมไตรโลกนาถศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอได้โปรดมีพระเมตตาประทานพุทธานุญาตให้ลูกได้เขียนความย่อ <!-- google_ad_section_end -->




    วิสุทธิมรรค ภาคศีล

    ย่อความโดย เกษร สุทธจิต จันทร์ประภาพ

    ทางแห่งความบริสุทธิ์ คือ ทางแห่งพระนิพพานนั้น พระคุณเจ้าพระอรหันต์พุทธโฆษาจารย์ ได้เขียนคำปรารภไว้ ดังนี้

    บัดนี้ ข้าพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธโฆษาจารย์ จักบรรยายความแห่งพระพุทธคาถาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระคุณมีพระเมตตายิ่งใหญ่ตรัสสอนคุณความดี ความงามของศีลตามที่เป็นจริงต่อไป

    ชนเหล่าใดในพระศาสนานี้ได้รับการบวชเรียนบรรพชา อันหาได้ยากในพระพุทธศาสนา เมื่อไม่รู้จักทางแห่งความสะอาดบริสุทธิ์ของกาย วาจา ใจ คือ มีศีล 5 ครบ เป็นทางตรงถูกต้องจริงแล้ว ก็ไม่สามารถบรรลุถึงความบริสุทธิ์ คือ พระนิพพานได้

    ข้าพระพุทธเจ้า คือ พระพุทธโฆษาจารย์จักเขียนตำราวิสุทธิมรรค อันได้ไตร่ตรองถูกต้องดีด้วยความเคารพในพระธรรมแล้ว โดยอาศัยความรู้จากพระอรหันต์เถระเจ้าทั้งหลาย เพื่อสาธุชนทั้งหลายผู้ประสงค์ความสะอาดบริสุทธิ์แห่งจิตปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง จงอ่าน และใคร่ครวญตามพระธรรมวิสุทธิมรรคด้วยความเคารพเทอญ

    วิสุทธิ ความบริสุทธิ์ที่สุดของจิตใจ คือ พระนิพพานอันปราศจากมลทินทั้งปวง

    มรรค คือ หนทาง หรืออุบายให้จิตบรรลุถึงซึ่งความบริสุทธิ์ จิตเข้าถึงซึ่งพระนิพพานไม่เวียนเกิดตายอีกต่อไป

    ทางแห่งพระนิพพานที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงตรัสไว้หลายข้อหลายแบบเลือกปฏิบัติได้แบบใดแบบหนึ่งตามใจชอบ

    1. บุคคลใดมีปัญญาเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกแปรปรวนไม่เที่ยงแท้แน่นอน เมื่อนั้นจะเบื่อหน่ายไม่ยึดไม่ถือในสังขารที่เป็นทุกข์ เป็นโทษ นี้คือทางแห่งนิพพาน

    2. ฌาน คือ ความรู้ยิ่งฉลาดในความเป็นจริงของโลกย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีปัญญา ปัญญาย่อมไม่มีแก่ผู้ไม่มีฌาน ฌาน และปัญญามีในผู้ใด ผู้นั้นแลอยู่ใกล้พระนิพพาน

    3. ศีล คือ ข้องดเว้นจากการกระทำความชั่ว ความบาป ผู้มีศีล คือ ผู้มีวิชชาความรู้ ทำแต่คุณงามความดี คน สัตว์ ทั้งหลายมีศีล 5 ครบจะทำให้มีชีวิตที่เป็นสุข ไม่มีอันตรายเบียดเบียน ผู้มีศีลบริสุทธิ์ย่อมทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิมีปัญญาดีเป็นทางแห่งความบริสุทธิ์ คือ นิพพานไม่ยากเลย

    4. อริยสัจ 4 ประการ เป็นความจริง 4 ประการ เป็นทางดับทุกข์ไปถึงซึ่งความสุข ความบริสุทธิ์ การมีขันธ์ 5 ร่างกายคือ การมีทุกข์ ถ้ารู้ซึ่งในทุกข์ตัวเดียว เราก็รู้ว่าใครทำให้เกิดทุกข์ มีความเบื่อหน่ายในทุกข์ เพราะการมีร่างกาย สมุทัย สาเหตุของทุกข์ เพราะจิตใจไปติดในขันธ์ 5 ร่างกาย จิตจึงมีทุกข์ นิโรธ คือ การดับทุกข์ ดับด้วยจิตใจสละปล่อยวางขันธ์ 5 ร่างกายให้เป็นของธาตุ 4 ธรรมชาติไม่ใช่ของจิตใจ คนละส่วนกัน จิตก็เข้าถึงอริยมรรค เพราะการรู้ทุกข์ตัวเดียว สมุทัย นิโรธ มรรค ก็เดินเข้ามาหาจิตใจ จิตก็เป็นสุข มรรคหนทางแห่งความสุข ความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นทางแห่งพระนิพพาน คือ อริยมรรค 8 ย่อลงมาเป็น 3 คือ

    (ก) ความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงว่า การมีร่างกายเป็นทุกข์เป็นโทษ ทำให้เวียนว่าย ตาย เกิดไม่จบสิ้น คิดแบบนี้เป็นผู้ฉลาด คือ ปัญญา

    (ข) มีกาย วาจา ใจ งดงามเรียบร้อย ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คือ มีศีล 5 ครบ

    (ค) สมาธิ จิตระลึกนึกรู้อยู่เสมอว่า เราทำคุณงามความดีเพื่อจิตไม่ผูกพันกับร่างกาย ทำความดีเพื่อเลิกละปล่อยวาง เป็นทางแห่งพระนิพพานทางแห่งความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง หมดทุกข์ยากทั้งปวง

    5. เอกายโน อยัง ภิกขเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา แปลว่า จิตของบุคคลคนเดียวเป็นทางสายเอก หมายความว่า จิตของผู้ใดเพียรพิจารณาร่างกายของตนเองว่าเป็นเพียงธาตุ 4 มาประชุมกันชั่วคราว มีความเสื่อมทรุดโทรม เดินทางเข้าหาความแก่ ความเจ็บป่วย เป็นทุกข์ เป็นโทษ มีภาระต้องหาอาหารมาเลี้ยงร่างกายทุกวัน สกปรก เหม็นเน่า ต้องชำระล้างร่างกายทุกวัน แล้วร่างกายก็แตกสลายตายกันหมด จิตใจเราต้องเป็นเอก เป็นใหญ่ คือ ไม่มีใครมารับความสุข ความทุกข์กับเรา เราจะไม่มีใครมาเป็นกังวลในจิตใจ ลุ่มหลงมัวเมา อารมณ์จิตของผู้จะเข้าถึงความบริสุทธิ์ คือ นิพพาน คือ จิตใจเราเอง ไม่ใช่จิตใจผู้อื่นมาช่วยเหลือเรา จิตเราต้องรู้สภาวะความเป็นจริงว่า กายส่วนกาย จิตส่วนจิต ไม่ติดพันกัน ถ้าปล่อยขันธ์ 5 ไม่หลงในอุปาทานขันธ์ 5 เรา ขันธ์ 5 เขา จิตเราก็เป็นจิตอิสระ เป็นจิตบริสุทธิ์ที่นำจิตเราถึงพระนิพพานได้ด้วยจิตมีปัญญาไม่ยุ่งเกี่ยวกับจริยาผู้อื่นทำจิตสะอาดเบิกบานมีพระนิพพานในใจอย่างเดียว

    6. ผู้ใดเห็นภัยอันตรายในการเวียนว่ายตายเกิด ผู้นั้นชื่อว่าภิกขุ ภิกขุใดมีความเพียรตั้งตนไว้ในศีล 5 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ ทำสมาธิจิตตั้งมั่นมีปัญญาเห็นภัยเห็นทุกข์โทษในร่างกายเราเขาภิกขุนั้นจะพึงถอนตัณหาราคะ กิเลส อวิชชาออกจากจิตใจได้

    7. ทางแห่งความบริสุทธิ์ คือพระนิพพาน มี 3 ภาค คือ ภาคศีล ภาคสมาธิ และภาคปัญญา

    อธิศีล คือการไม่ทำบาปทั้งปวงด้วยกาย วาจา ใจ ศีลมีคุณงามความดีให้มีชีวิตอยู่ในโลกไม่เดือดร้อน

    ถาม อะไรเป็นเบื้องต้นแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย ?

    ตอบ คือการมีศีล 5 ครบ ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ครบ คือ ความบริสุทธิ์ดีของธรรมเบื้องต้น

    เป็นความงามของจิตขั้นต้นไม่ทำชั่วทำบาปทั้งปวง

    ถาม ความงามขั้นกลาง คืออะไร

    ตอบ จิตที่มีสมาธิจิตมีความตั้งมั่นในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งในกรรมฐาน 40 คือความงามขั้น

    กลางสามารถแสดงฤทธิ์มีจิตเป็นทิพย์ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้อดีต อนาคต ปัจจุบันได้ จิตอยู่ใน ฌานภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกมีนิพพานอยู่ในใจเป็นต้น เป็นความงามของจิตขั้นกลาง

    ถาม ความงามสูงสุดในพระศาสนา คืออะไร

    ตอบ การชำระจิตให้สะอาดผ่องแผ้ว ด้วยการที่จิตไม่ยึดติดในของสมมุติใดๆ ในโลก แม้แต่

    ร่างกายที่จิตอาศัยอยู่ ชื่อว่าปัญญาเป็นเลิศ ปัญญาเป็นสุดยอดของความงาม

    พุทธภาษิต

    http://palungjit.org/threads/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84.13225/ <<<ที่มา <!-- google_ad_section_end -->​
     
  16. แสงอุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,036
    อนุโมธนา...

    เห็นด้วยกับท่าน Sriaraya5 อย่างยิ่งครับ
    การศึกษาธรรมะด้วยจุดประสงค์ ลักษณะหลงยึดติดนั้น ถือว่าเป็นกิเลส
    ยิ่ง ประกาศ "
    ขอยอมแลกทุกสิ่ง เพื่อ พุทธภูมิ " ย่อมแสดงถึงความยึดมั่นถือมั่น
    ความอยากได้ อยากเป็น
    ท่าน
    pra_TopSecret ต้องวางความยึดมั่นถือมั่น ความอยากเป็น ความอยากได้ ต้องปลงและวางลงได้เสียก่อนครับ
     
  17. linake119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +578
    อ่านแล้วขออนุโมทนาในความตั้งใจครับ แต่การทำบำเพ็ญบารมีนั้นก็ต้องเข้าใจการบำเพ็ญครับ การโปรดนั้นคงไม่มีใครโปรดได้จริงๆ หรอกก็ต้องโปรดตัวเองไม่งั้นจะโปรดคนอื่นได้ไง บารมีทั้ง 30 ทัศ เติมให้เต็มครับ ที่สำคัญคือ ใจครับ เติมบารมี 30 ทัศ ในใจให้เต็มครับ (ก็แนะนำกันอย่างย่อๆ)
     
  18. pra_TopSecret เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +868
    ขออภัยวันนี้จะไม่อยู่ ...ตอบได้ไม่หมดครับ เดี๊ยวกลับมา


    - รูปหลวงปู่ผมมีเยอะครับ ฝาก เมลล์ไว้ได้เลยครับ กลับมาจาก กระบี่ ก่อนแล้วจะจัดการส่ง รูป สวย ๆ ให้ ครับ

    - แรกเริ่มเดิมที เลยผมก็มีความเชื่อมาตลอดว่า หลวงปู่ท่านเป็นพระอรหันต์ เพราะด้วย จริยวัตร และ ปฏิปทาที่ท่านปฏิบัติ เป็นแบบอย่างให้ ศิษย์ ได้ศึกษาเป็นตัวอย่าง
    แต่เมื่อช่วงหลังมานี้ได้ลองใช้ ตาทิพย์ อย่างจริงจัง และ ลองมองดู กายทิพย์ของท่าน
    ผมเห็น 2 กาย ครับ
    กายแรก เป็นช้าง 3 เศียร สีขาว ลัษณะ สง่างามมาก ๆ เศรียร แต่ละ เศียร ยื่นออก จาก กายร่างเดียว ลักษณะ โหนกนูน สมเป็นพญาช้าง ทรงเครื่องทอง อย่างงดงาม ช้างไม่มีท่าทีแห่งความดุร้าย
    ส่วนกายที่สอง ผมแปลกใจมาก เพราะสิ่งที่เห็น เป็นเพียง วงกลม ๆ ใส ๆ (อธิบายยาก เพราะไม่รู้จะไปเปรียบเทียบกับสิ่งใด) ขุ่น ๆ ขาว ๆ บริเวณขอบ มีสี รุ่ง จาง ๆ สีที่เห็นชัดที่สุดคือ ม่วง และฟ้า สีจางมาก จนแทบมอง ไม่ออกว่ามีสีด้วย บริเวณ รอบ ๆ ของวง ก็ยังเป็น เกล็ด ประกาย คล้าย ๆ เพชร สีเงินๆ อยู่รอบ ๆ ไม่เยอะมากนะ ครั้งแรกแปลกใจมากว่า ทำไม เห็นกายท่านเป็นแบบนี้ จนภาคทิพย์ ที่คอบช่วยเหลือผม องค์หนึ่งได้เฉลยสิ่งที่เห็นให้ว่า นั่นคือ กายของ พระสมันตภัทร มหาโพธิสัตว์ และกายจิตรองที่เห็นเป็นช้างสามเศียรนั้น ก็เป็น พาหนะทรง ของสมันตภัทร โพธิสัตว์ หลังจากที่เห็นกายทิพย์ท่าน ผมได้คุยกับ พระครูปลัด .. ผู้เป็น พระเลขานุการ ใกล้ชิดกับหลวงปู่ที่สุด ถึงสิ่งที่เห็น ท่านรับรองให้ ด้วยอาการยิ้ม ๆ ที่พอรู้กันได้

    หลัง ๆ มานี้ ผมใกล้ชิดกับหลวงปู่มาก ได้ศึกษา ธรรม จากท่านบ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะ แนวทางการบำเพ็ญ สู่ พุทธภูมิ หลวงปู่ท่านเมตตา ให้คำแนะนำที่ดีที่สุดมาโดยตลอด และหลากหลายเรื่องราวที่เป็นเรื่องที่ได้สนทนา กับหลวงปู่เป็นการส่วนตัว ที่ขออนุยาตุ ไม่เปิดเผย ในที่สาธารณะ ครับ..

    ขออภัยด้วยครับ คำถามข้ออื่น ๆ ผมจะมาตอบคุณทีหลัง ไม่ใช่ไม่อยากตอบนะครับ ยินดีตอบ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวย
    จะตอบให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ พอดี มีงานด่วน ต้องทำ วีซ่า ให้ หลวงปู่ และ พระ อีก 7 รูป ที่จะเดินทางไปเยอรมัน ไม่ว่างตอบจิง ๆ

    พอดี ว่าวันนี้ผมต้องลงไป ศึกษา ต่อยอดวิชาอาโปกสิณ กับ พระอาจารย์ชัย วัดมหาธาตุ จ.กระบี่ ซึ่งได้รับคำอนุยาตุ จากหลวงปู่เรียบร้อยแล้ว เพราะเหตุที่ผมพบพลังกสิณ ด้วยตนเอง โดยความบังเอิญ และฝึกฝน วิธีการความคุมด้วยตนเองมาประมาณปีกว่า ๆ แล้ว ลองผิดลองถูด้วยตนเองมาตลอด จนตอนนี้ พลังของกสิณมากเกินกว่าที่จะสามารถควบคุมได้เอง เกรงจะเกิดอันตรายต่อตนเอง และคนรอบข้าง แล้วจึงต้อง หาอาจารย์ ที่สามารถ ถ่ายทอดวิชาให้ได้

    ในเรื่องของวิปัสสนา หลวงปู่ท่านเห็นชอบด้วยที่จะให้ปฏิบัติ สมถะ ควบคู่ไปด้วย เพราะที่ผ่านมา ผมเจริญ สติปัฏฐาน 4 ตามแนวทางของหลวงปู่มาโดยตลอด จน สภาวะ ของ วิปัสสนาญาน ขึ้น ไปจนถึง จุด ที่เพียงพอ ในระดับหนึ่งแล้ว หลวงปู่จึงให้แนวทาง การ ไปฝึกแนวทางของ สมถะ จนสามารถยกจิตถึง ฌาน 4 ได้ ก่อนเพื่อแนวทางของ โพธิญาณ ที่จำเป็นต้องได้ อภิญาญาณ และ ปฏิสัมภิทา ด้วยเพื่อให้ได้ สโมธาน 8 ครบถ้วน นั้น

    แล้วสามารถ กลับมา เจริญ วิปัสสนา จน ให้ได้ สังขารุเปกขาญาณ ในภายหลังได้ เพราะทางอีกไม่ไกล นัก ...ภูมิวิปัสสนา สร้างไว้ดีเพียงพอแล้ว



    วันนี้ ต้องออกจากวัด ตอนหกโมงเย็นนี้ ...มีเวลาน้อย

    คราวหน้าคราวหลัง มาพบกันใหม่ครับ
    ผมกลับจากกระบี่ วันที่ 20 มิ.ย.


    =========
    ผมไม่สนใจคำวิจารณ์ ครับ
    ตามสบาย กันเลย
     
  19. หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +561

    อีเมล์นะครับ

    atipolm_9@hotmail.com

    หลวงปู่ท่านเดินทางไปเยอรมันหรือครับ
    ไม่รู้ท่านไปที่วัดเดียวกับ พระอาจารย์สมุทร และหลวงตาตู้ ที่ปัจจุบันท่านทั้งสองอยู่ที่เยอรมันหรือเปล่า ท่านทั้งสองเป็นพระธรรมยุติ ลูกศิษย์หลวงปู่ตื้อ

    เรื่องอื่น ๆ ค่อยเล่าทางอีเมล์ก็ได้ครับ

    ตั้งใจจะให้ได้สังขารุเปกขาญาณหรือครับ
    ทำไปเรื่อย ๆ ครับ ขอโมทนา

    บางครั้งจุดปลายทางไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด
    แต่ประสพการณ์ระหว่างทางเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน

    ขันธ์ 5 อันได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็น ของว่าง
     
  20. ustharos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +70
    อนุโมทนาด้วยกับความตั้งใจที่จะเป็นให้ได้ครับ

    อย่าลืมเรื่องการอดทนใจของคนด้วย(ตัวเอง) เพราะใจคนมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
     

แชร์หน้านี้