จิตดี สติดี สู้ โควิด-19

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 15 กรกฎาคม 2021.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,297
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,273
    ค่าพลัง:
    +9,528
    e0b895e0b8b4e0b894e0b8b5-e0b8aae0b8b9e0b989-e0b982e0b884e0b8a7e0b8b4e0b894-19-e0b8a1e0b895e0b8b4.jpg

    โควิด-19 ระบาดหนักในรอบนี้ นอกจากพฤติกรรมทางกายในการดูแลตัวเอง ด้วยการสวมหน้ากาก อยู่ห่าง ล้างมือบ่อยๆ และฉีดวัคซีนแล้ว ที่สำคัญอีกประการคือ การจัดการกับจิต ให้มีสติ

    ทั้งนี้ เพราะ จิตเท่านั้นที่รวบรวมบุญกุศลไว้Ž เหมือนเทปบันทึกเสียง และเปรียบเทียบเหมือนกระแสไฟฟ้า คือ จิตไวมากŽ เหมือนเรากำลังคิดถึงเรื่องอะไร จะไปไหน จิตŽ ไวถึงก่อนเสมอ ขณะจิตจะดับไป ถ้าคิดถึงทุกข์เดือดร้อนใจเป็นห่วงใยแล้ว จิตก็ไปรู้อุบายได้ ถ้าคิดถึงบุญกุศลที่ได้สร้างสมเข้าไว้ สวรรค์Ž เป็นที่ได้แน่นอน

    หลวงพ่อจรัญฯ วัดอัมพวัน ท่านได้ปรารภว่า…ญาติโยมเอ๋ย โปรดทราบไว้เถอะ บุญกรรมมีจริง บาปกรรมมีจริงŽ ซึ่งยมบาลจดไม่ดี จิตนี้เป็นผู้จด จดทุกวัน คือ อารมณ์Ž เรื่องจริงแน่ จดทุกกระเบียดนิ้ว บาปบุญคุณโทษบันทึกเข้าไว้ พอวิญญาณออกจากร่างไปมันก็ขยายออกมาใช้กรรม ถ้าเราทำดีก็ไปบังเกิดในสวรรค์ ทำชั่วก็ถึงนรกไปแบบนี้

    อย่าลืมดวงหทัยที่หายใจเข้าออกอยู่ที่ลิ้นปี่จำไว้อยู่ที่ลิ้นปี่ คนเราถ้าจะมีปัญญานะ เอาเส้นกระแสมาวัดดูจมูกกับสะดือ เป็นการดูลมหายใจยาวๆ จากจมูกแล้วไปสะดือ สะดือไปจมูก แล้วเอา สติŽ ปักที่ดวงหทัย เรียกว่า เจตสิกŽ อาศัยหทัยเดียวกับจิต อยู่กับเจตสิก คือ หทัย คือ ลิ้นปี่กำหนด โกรธหนอๆ รับรองเลย โยมหายโกรธแน่หายโกรธจริงๆ

    ที่อาตมาบอกให้กำหนดที่ลิ้นปี่ อาตมาได้ประสบการณ์จากตอนที่คอหัก ตอนจะมีความรู้สึกที่ตรงลิ้นปี่ ส่วนอื่นของร่างกายไม่มีความรู้สึกเลย และลมหายใจที่จมูกไม่มีเหมือนถูกฟันคอขาดไปแล้ว เพราะกระดูกข้อที่เชื่อมกันหลุด คอก็ถูกฟันไปมีแต่หนังมันดึงไว้ เส้นประสาทไม่ติดต่อ หัวใจสูบฉีดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ อาตมารู้สึกถึงความทรมานที่สุด อาตมาจึงหายใจทางสะดือ สะดือจะมีความสำคัญมากกับการพองหนอยุบหนอมาก สติŽ จะรู้ที่ลิ้นปี่ จะรู้ทุกระยะ ตาลืมขึ้นมามองเห็นเป็นหมอกเต็มไปหมด หูก็ได้ยินเสียงแว่วๆ คนพูดอยู่ใกล้ๆ เหมือนพูดอยู่ไกลๆ แสดงว่าสังขารตายแล้ว เหตุใดอาตมาจึงหายใจทางสะดือได้ บอกไปอย่างนี้ใครเขาจะเชื่อ ถ้าไม่มีประสบการณ์เอง เหมือนนายแพทย์สั่งทั้งๆ ที่ รู้ว่าอาตมาหายใจทางสะดือ เพราะเลือดเต็มจมูกเต็มคอ หายใจคล่อง คือ พองหนอ ยุบหนอตลอด อาตมาเองก็ไม่รู้ว่าหายใจทางสะดือ รู้สึกตัวตรงลิ้นปี่

    เพราะฉะนั้น คนจะตายนั้น พองหนอยุบหนอยังอยู่ สติŽ จะควบคุม จิตŽ อยู่ที่ลิ้นปี่นี้แน่ บางคนบอกว่าตายตั้งแต่หัว หรือตายลงตายขึ้นนั้นไม่จริง และลมหายใจที่จมูกไม่มี กลับไปมีที่สะดือ แต่หัวใจยังไม่หยุดเต้น ยังสูบโลหิตไปหล่อเลี้ยงร่ายกายได้ แต่ไม่เลี้ยงสมอง เพราะคอหักพับไปแล้ว โลหิตจึงลงไปข้างล่างแล้วดันไปที่สะดือ สะดือจึงหายใจได้ เพราะฉะนั้น พองหนอยุบหนอŽ แน่นอนที่สุด อาตมาก็สำนึกสติปัญญาได้ว่า ลิ้นปี่สำคัญมากŽ ตาก็มองไม่เห็นและก็ไม่รู้สึกว่าปวด ส่วนหัวนั้นเมื่อตอนที่คอหักเลือดไม่ไปเลี้ยงจะมีสีดำทั้งหัว พอเลือดไปเลี้ยงแล้วกลับขาว จึงขอให้ท่านทั้งหลายปฏิบัติ พองหนอยุบหนอŽ เลย

    หลวงพ่อบอกว่า ลิ้นปี่เป็นขั้วแบตเตอรี่Ž ชาร์จไฟฟ้าเข้าหม้อทุกคนไปแปรธาตุ การปฏิบัตินี้ไม่ใช่การวิจัย ไม่ใช่การประเมิน แต่เป็นการพูดขึ้นมาเองโดยปกติธรรมดานี้แหละให้มันใสสะอาด รู้จริงรู้จัง รู้ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิให้รู้ขึ้นมาเอง

    คำว่า รู้เองŽ นี้ทำยาก รู้วิชาการทำง่าย อ่านหนังสือท่องได้ก็ได้ แต่รู้เองให้สะอาดมากขึ้นมารู้ยาก ทำไมจะรู้ได้ง่ายต้องปฏิบัติขึ้นมา ดีใจ เสียใจ มีความสุขกายสุขใจ อย่าประมาทเลินเล่อนัก เราต้องตั้งสติทุกอิริยาบถตามกำหนด

    การกำหนดจิตขึ้นมาหมายความว่า ให้ตั้งสติŽ เป็นวิถีปฏิบัติสัมปชัญญะมีความรู้ตัวอยู่ตลอดปัจจุบัน อย่างนี้เป็นต้น อดีตไม่เอา อนาคตไม่เอาŽ ให้เอาปัจจุบันŽ ที่มันเกิดขึ้นให้ปฏิบัติอย่างนี้ โดยข้อปฏิบัติง่ายๆ ถ้าเสียใจมีความทุกข์ใจ มันอยู่ในข้อนี้ จึงต้องกำหนดที่
    ลิ้นปี่ เสียใจหนอๆ หายใจลึกๆ ยาวๆ เสียใจเรื่องอะไรเป็นการป้อนข้อมูลให้ถูกต้อง

    สติŽ นี้ระลึกได้ หมายถึง ตัว แจงงานŽ หาเหตุที่มาของทุกข์ ตัวสัมปชัญญะเป็นตัวบอกให้รู้ ให้เข้าใจŽ ว่าเรียกว่า ปัญญาŽ รู้เท่าทันŽ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันนั้นเอง คนเรานี้ต้องกำหนดที่เวทนานี้

    หลวงพ่อจรัญŽ บอกว่า สติ คือ ตัวกำหนดนี้ไม่ใช่ตัวบังคับจิต เป็นตัวตั้งต้นสติก่อนทำอะไรก็ตั้งหลักก่อนตั้งฐานก่อน อย่าหละหลวม เหลาะแหละ เหลวไหลแต่ประการใด จิตก็ต้องผ่องใสเพราะมี สติŽ ควบคุมได้ สติŽ ตัวนี้ควบคุมจิตให้เกิดแสงสว่าง คือ ปัญญาŽ ด้วย สัมปชัญญะŽ ควบคุมให้เรารู้ตัว รู้กาลเทศะ กิจลักษณะ ให้รู้ว่ากาลเวลาว่าเป็นอย่างไร ให้เขารู้ว่าอะไรเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ ให้เรารู้ฐานะหน้าที่ของตน ต้องการให้ตัวเองรับผิดชอบตัวเอง ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นต้น

    หลวงพ่อสั่งสอนว่า คำว่าปัจจุบันŽ หมายความว่า สติตามจิตทิพย์Ž จิตก็กำหนดได้ คือ ไม่มีอดีต จิต กับ สติŽ ที่กำหนดได้ ความรู้ตัว ผู้รู้พร้อมขึ้นมา เรียกว่า ปัจจุบันŽ

    นอกจากนี้หลวงพ่อสั่งสอนว่า ที่จะเน้น คือเน้นให้ได้ปัจจุบันสำหรับ พองหนอ ยุบหนอŽ เหมาะสมเป็นจุดสำคัญมาก ถ้าทำได้คล่องแคล่วในจุดมุ่งหมายอันนี้รับรองส่วนอื่นๆ ทั้งหมดได้หมด พอได้ยินเสียงŽ สติมากพอได้เห็นสติก็บอกเห็นอะไรไม่ต้องไปเคร่งมันตอบว่ากำหนดอะไร แต่วิธีปฏิบัติต้องฝึกมันให้ได้ และทำให้ได้ด้วย

    ส่วนมากคนที่กลับไปแล้วมาบอกหลวงพ่อ จับกลุ่มก็มีแต่เรื่องราว ก็แสดงว่าทำกรรมฐานไม่ได้ ไม่ได้กำหนด พอถามโยมว่ากลุ้มเรื่องอะไร กลัวอะไร กำหนดบ้างหรือเปล่า ปรากฏว่าเปล่าเลย ทั้งไปเรียนนานแล้ว ตรงนี้ท่านจะแก้ไม่ได้

    ท่านจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ท่านจะปรับปรุงไม่ได้ ท่านจะไปหาใครมาช่วยเราเล่า หมดโอกาสที่จะช่วยชีวิตตัวเอง การที่จะช่วยชีวิตตัวเองได้ต้องมี ตัวกำหนดŽ มีระบบเกิดขึ้นใน จิตŽ ของตน จึงต้องปฏิบัติให้ได้ปัจจุบัน ข้อนี้ต้องเน้นส่วนใหญ่โยมทำไม่ได้ ที่ทำไม่ได้ ไม่หมายความว่าโยมไม่ได้อะไร แต่โยมไม่ได้ กำหนดŽ เอาตัวกำหนดทิ้งเสีย อย่างนี้เป็นต้น

    หลวงพ่อระบุว่า ธรรมชาติของจิตŽ หรือจิตเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ รู้นึกคิดจดจำ จิตŽ นั้นเป็นธรรมชาติที่มีความเกิดดับสืบต่อเนื่องกันเป็นนิจ มิได้หยุดนิ่งและจิตนั้นเป็นนามธรรม ที่ไม่สามารถมองเห็นหรือจับต้องได้ แต่ก็มีอำนาจในการสั่งสมสันดาน หรือสามารถเก็บเอาอารมณ์ต่างๆ ไว้ในชีวิต แล้วก็แสดงออกซึ่งอารมณ์นั้นได้

    จิต คือ ธรรมชาติที่มันต้องคิดอะไร อ่านอะไร เขียนอะไร จิตมันเป็นอารมณ์ มันมองไม่เห็น การมองไม่เห็นรูปเอามือคลำก็ไม่ได้ จับก็ไม่ได้ เป็นกระแสคลื่นของอารมณ์ เรียกว่า ธรรมชาติชัดเจนเหมือนกระแสไฟฟ้ามีจิตมีการปิดและเปิดได้ กระแสจิตให้มันเดินก็ได้คนไม่มีความเข้าใจ

    ตัวกำหนดŽ คือ ตัวฝืนใจ เป็นตัวธรรมะ หลวงพ่อเตือนว่าคนเราถ้าปล่อยไปตามอารมณ์ของตนแล้ว เผลอไผลไป เสมือนว่าประมาทหรือไม่ประมาทก็ตาม มันจะเห็นแก่ความถูกใจ แต่ไม่ถูกต้อง อยู่ตรงนี้แหละ กรรมฐานสอนง่าย แต่มันยากตรงที่ท่านไม่กำหนดไม่ไร้สติ มันก็ไม่เกิดประโยชน์ ในการปฏิบัติ เลยว่างเปล่าไม่ได้ผล คนเรามีสติอยู่ตรงนั้น ต้องอาศัยสติทุกอิริยาบถตัวกำหนดทั้งสิ้นตอนท้ายสุดหลวงพ่อบอกว่า การเจริญสติต้องกำหนดตลอดเวลา เอาสติแนบจิต เป็นการสอนตัวเอง เป็นการฝึกอบรมตัวเอง หรือจะมาอบรมตัวเราคงไม่ได้ เราเท่านั้นเป็นที่พึ่งของตัวเองสอนตัวเอง

    บารมีหลวงพ่อจรัญŽ ขออำนวยให้ท่านทั้งหลาย แฟนๆ มติชนและคนไทยทั้งประเทศที่ตกอยู่ในสภาวะจิตตกโรควายร้ายโควิด-19 ระบาดรอบที่ 4 จากไวรัสเดลต้า (จากอินเดีย) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเจ็บป่วย ตาย ในทุกขณะจิตจะเกิดได้ตลอดเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก

    ขอให้ทุกคนทุกท่าน กำหนดจิตทุกลมหายใจเข้า-ออกŽ อย่าหายใจทิ้งปล่อยอารมณ์ไปเปล่าๆ เสียไปเปล่าๆ เหมือนเปิดน้ำประปาทิ้งไปไม่มีประโยชน์ เราจะเดินทางไปทางไหนก็ดำเนินชีวิตอย่างมี สติŽ จะพูดก็พูดอย่างมีสติ จะทำงานใดๆ ก็มีสติกำหนดไว้ด้วยหลัก 5 ประการ

    1.ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เดี๋ยวนี้ให้ครบ

    2.เราต้องใส่หน้ากากอนามัย 100% ทุกที่ทุกเวลา

    3.ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือ Alcohol gel

    4.กินร้อน ช้อนกลาง-ล้างมือ

    5.Social Distancing เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-1.5 เมตร

    ที่สำคัญ ขอให้ทุกท่านไปรับการฉีดวัคซีนป้อง Covid-19 และเมื่อมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ สงสัย ให้ไปพบแพทย์ด่วน เพื่อค้นหาว่าเราติดเชื้อ Covid-19 หรือไม่ จะได้รักษาให้ปลอดภัย ไม่ป่วยรุนแรงจนเสียชีวิต ขอให้คนไทยทั้งประเทศโชคดี ดำเนินชีวิตด้วย จิตดี
    สติดี คือ อีกหนึ่งวัคซีนชีวิต ที่จะช่วยให้รอดพ้นจากโควิด-19Ž ไงเล่าครับ

    นพ.วิชัย เทียนถาวร
    อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.matichon.co.th/columnists/news_2827621
     

แชร์หน้านี้

Loading...