จิตที่“หลุดพ้น”

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 20 กันยายน 2010.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,488
    จิตที่หลุดพ้น
    โดย อ.บูรพา ผดุงไทย

    [​IMG]


    จิตเดิมแท้คือจิตที่มีอาการสงบนิ่งสว่าง มีแสงหรือโอภาสเป็นเครื่องหมาย อันเป็นที่มาของคำว่า "จิตประภัสสร"

    จิตของมนุษย์แต่เดิมนั้นเป็นจิตที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ แต่เมื่อจิตอันบริสุทธิ์นี้ได้แปดเปื้อนไปด้วยกิเลสแล้ว จิตก็จะแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมองและไม่ผ่องใสเหมือนดังเดิม จิตที่เศร้าหมองย่อมต้องตกอยู่ในวัฎสงสารและเวียนว่ายตายเกิดด้วยเพราะเกิดอวิชชาความหลง ความเข้าใจผิด ความยึดมั่นถือมั่น คิดเป็นจริงเป็นจัง

    ภาพมิติมายาแห่งความหลงได้น้อมนำให้ดวงจิตวิญญาณที่หลงผิดต้องพลัดตกอยู่ในวังวนแห่งอวิชชาความหลงผิดนั้น และไม่สามารถหาทางออกไปจากมิติแห่งความหลงนั้นได้ จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในมิติภพภูมิแห่งความหลงนั้น


    [​IMG]


    ด้วยเหตุนี้เองผู้รู้หลายท่านจึงต่างพยายามแสวงหาหนทางที่จะออกจากมิติแห่งอวิชชาความหลงนี้ ซึ่งหลายท่านก็ได้แสวงหาจนพบหนทางอันเป็นความรู้แจ้งเห็นจริง และสามารถพบทางหลุดพ้นออกไปจากความหลงและอวิชชาแห่งจิตนั้นได้

    วิธีการเดียวที่จะช่วยนำพาดวงจิตวิญญาณไปสู่ความจริงขั้นสูงสุด หรือที่เรียกว่า "สัจธรรมความจริง" อันเป็นความจริงที่อยู่เหนือความจริงทั้งปวง และเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพราะเป็นความจริงที่อยู่เหนืออำนาจแห่งความหลงและอวิชชาทุกชนิด นั่นก็คือการอบรมจิตให้บังเกิดความรู้แจ้ง

    [​IMG]


    ดังนั้นก่อนที่จิตจะเข้าสู่ภาวะแห่งการหลุดพ้นได้จึงจำเป็นจะต้องได้พบกับสัจธรรมความจริงเสียก่อน แต่หากดวงจิตยังเข้าไม่ถึงสัจธรรมความจริงที่ว่านี้ ดวงจิตก็ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดในมิติภพภูมิที่ตนนั้นมีความหลงและอวิชชายึดมั่นถือมั่นอยู่ต่อไป ทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนั้นเพราะหาทางที่จะหลุดพ้นออกมาไม่ได้
    แต่การที่ดวงจิตวิญญาณยิ่งเกิดมากครั้งขึ้นเท่าไร โอกาสที่ดวงจิตนั้นจะเกิดอวิชชาความหลงความยึดมั่นถือมั่นก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเงาด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าดวจิตวิญญาณใดไปสะสมอวิชชาความหลงเอาไว้มากๆด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ต้องใช้เวลาและความพากเพียรในการอบรมจิตที่มากขึ้นตามไปด้วย

    เปรียบได้กับผ้าที่เปรอะเปื้อนคราบโคลน ถ้าผ้าสกปรกมากก็ต้องใช้เวลาในการซักที่มากกว่าปกติ ทั้งยังต้องออกแรงมากกว่าการซักผ้าผื่นที่เปื้อนน้อยกว่า เมื่อสกปรกน้อยก็ใช้เวลาในการซักน้อยกว่า


    [​IMG]


    ดวงจิตของผู้ที่สะสมกิเลสความโลภและความหลงเอาไว้มากๆจึงเข้าถึงธรรมได้อย่างยากลำบาก จะต้องอาศัยการอบรมจิตอย่างต่อเนื่องหลายภพหลายชาติจนกว่าดวงจิตนั้นจะเข้าถึงสัจธรรมความจริง ดังนั้นในการอบรมจิตจึงต้องอาศัยความพากเพียรปฎิบัติกันข้ามภพข้ามชาติหลายๆชาติ ดวงจิตจึงจะพ้นจากอวิชชาความหลงไปได้

    แต่การที่จิตได้เผชิญหน้ากับกิเลสมายาความหลงก็ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้จิตเกิดปัญญาเท่าทันต่อมายาความหลงเหล่านั้นไปทีละเล็กละน้อย และเป็นการสะสมภูมิปัญญาแห่งความรู้แจ้งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งดวงจิตนั้นสามารถเอาชนะมายากิเลสเหล่านั้นได้หมดสิ้นและไม่มีกิเลสมายาตัวใดหลงเหลือให้จิตเข้าไปหลงได้อีกต่อไป เมื่อใดที่จิตเท่าทันในมายากิเลสจนหมดสิ้นก็จะบังเกิดความรู้แจ้งเห็นจริง รู้ธรรมเห็นธรรม

    ดวงจิตที่เข้าสู่ภาวะแห่งธรรม (คือรู้ธรรมเห็นธรรม เข้าถึงสัจธรรมความจริงแห่งดวงวิญญาณและการเวียนว่ายตายเกิดในมิติภพภูมิต่างๆอย่างแท้จริง เท่าทันต่อมายากิเลสความหลงความปรุงแต่งแห่งจิต และไม่หลงไปตามมายากิเลสเหล่านั้น) จึงจะเป็ฯดวงจิตที่ถึงซึ่งความหลุดพ้นอย่างแท้จริง

    ทุกวันนี้บรรดามนุษย์ผู้ประเสริฐต่างก็พยายามแสวงหาหนทางที่จะเข้าถึงความจริงอันสูงสุดนี้ และก็มีหลายคนที่พอจะเข้าใจเนื่องจากมีสัญชาติญาณแห่งความหลุดพ้นอยู่ในดวงจิตวิญญาณของตน หรือไม่ก็อาจจะเป็ฯด้วยสัญญาที่ได้สะสมการปฎิบัติมาไว้ในชาติก่อนๆ ภูมิจิตภูมิธรรมเดิมจากในชาติอดีตจึงได้เข้ามาส่งผลในการปฎิบัติในชาตินี้ ดังนั้นใครที่เคยปฎิบัติตามแนวทางใดมาก็ยอมมีความถนัดในสายการปฎิบัตินั้นๆ
    ผู้ที่ถนัดตามดูลมหายใจเขาก็จะใช้การตามดูลมหายใจได้เป็นอย่างดี ส่วนผู้ที่มีบุญกับการเพ่งกสิณ...ในชาตินี้เขาก็จะแสวงหาครูบาจารย์ในสายการเพ่งกสิณและใช้วิธีการเพ่งกสิณในการปฎิบัติสมาธิอบรมจิตของเขาต่อในชาตินี้ ดังคำที่ครูบาอาจารย์เคยกล่าวเอาไว้ว่า "วัวคอกไหนมันก็เข้าคอกนั้น"


    [​IMG]


    วัวนั้นอย่าได้เข้าผิดคอกเด็ดขาด เพราะถ้ามันไม่ใช่คอกของตน ไม่ใช่เชื้อกรรมที่ตนได้สะสมมา ผู้นั้นก็ไม่อาจเจริญในธรรมที่ตนไม่เคยสร้างบุญเอาไว้ได้ จะเสียเวลาไปปล่าวๆในที่สุดวัวคอกใดมันก็ต้องกลับไปเข้าคอกนั้น ไปเจริญตามแบบที่ตนนั้นได้สร้างและสะสมบุญเอาไว้ การปฎิบัติจึงจะเจริญและสำเร็จได้ตามความปรารถนา


    --------
    พิมพ์คัดลอกจาก :สมาธิชาวบ้าน
    http://www.a-burapa.com/concentration_42.html
    รูปภาพประกอบกระทู้จากอินเตอร์เน็ต
     
  2. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,353
    ค่าพลัง:
    +6,491
    "วัวคอกไหนมันก็เข้าคอกนั้น" เป็นสัจธรรมของความเป็นจริง ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคนที่ได้สร้างสมมา ขออนุโมทนากับท่านจขกท.
     

แชร์หน้านี้

Loading...