จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
ปี 2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้.....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ
ตลอดเวลา.....ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน
สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหา
วิทยาลัยมอสโค
ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัย
หนึ่ง
เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-
14ประเทศ
ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น
ติมอร์
และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา
ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ
คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ
แน่นอน!
ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์
จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553
ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์
สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล
ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตร
จากต่างประเทศ
ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย
จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอม
กระเทียมจากจีนมากิน
คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน
เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่
สูงกว่า
เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๊ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่าง
ประเทศ
เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะ
แก้ไขปัญหาได้
เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่าง
ประเทศหมดแล้ว
ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้
กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า
เขาจะไม่มีกำไร
ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัด
โทรศัพท์
คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้
ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาว
ต่างชาติ
ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อ
ไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้
เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็
ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,
Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal,สิ่งทอเสื้อ
ผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ
ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด
...
เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้...รัฐจะอยู่ได้ฤา ?
4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น
จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่ง
ทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่
นาน
จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัว
ตามมา
เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้ง
สมุนไพร อาหารต่าง ๆ
เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia
ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่
เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?
ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2
เกือบทุกวันนั้น
ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ
ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์
บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน
รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
ก่อนล่มจริง...เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคต
ชาวเชเชนไว้น่าสนใจ
ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคน
ไทย
แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า
เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร
เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86บาท เหลือให้
คนไทย 14 บาท
เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน
นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง
ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์
สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่
นี่
เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ
ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท
ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ
คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์
เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร
ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง
เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด
ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูก
ฟัง
หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ
ได้ผล...ลูกเปลี่ยนวิธีกิน. วิธีคิดไปเลย... เปลี่ยนไปได้มาก
พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง
ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ
แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย
ผมก็อธิบายคำว่า license (ค่าลิขสิทธิ) ให้ลูกฟัง
ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ
ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ
มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ
เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี
ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว
ปล.ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ
ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน เพื่อที่ไทยเราจะได้อยู่รวมเป็นชาติไทยต่อไป
** เมื่อกี้ดูที่นี่ประเทศไทย เปิดเพลงชาติให้ฟัง ไม่เคยฟังแล้วรู้สึกว่า
อยากร้องไห้เท่าวันนี้เลย
ฟังแล้วเห็นภาพที่คนไทยทั้งประเทศ ช่วยกันช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้
แต่อยากจะขออีกอย่างหนึ่งคือรักชาติหน่อย ช่วยกันหน่อยครับ
ซื้อสินค้าไทย เลิกได้แล้วกับการซื้อของแบรนเนม มันจะทำให้ชาติล่มจม
ปล.ข้อความทั้งหมดนี้มีคนส่งมาให้โดยที่เราไม่ได้แต่งเองนะ
จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ปีศาจร้าย, 23 ตุลาคม 2005.
หน้า 1 ของ 2
-
จริงๆ เท็จๆ ๆๆ จริงๆ
(b-green) มันมาเงียบๆ ครับ พวกเราเพียงหยิบมือเปลี่ยนแปลงไรไม่ได้ครับ ผมก็เป็นเกษตรกรคนหนึ่งที่ ได้แต่ดู:cool: -
นับถือคุณ นิติภูมิ มานานแล้ว และคิดว่าปัญหานี้เป็นปัญหาระยะยาวยังแก้ได้ และคุณทักษิณ คงยังไม่ตกม้าตายเพราะเรื่องนี้ หรอก อัตราการถือหุ้นของต่างชาติที่ลงทุนในไทยก็หาใช่ว่าเป็น 100 เปอร์เซ็น คนไทยถือหุ้นด้วยกันเองก็เยอะ ยังพอแก้ได้จ้า (*)
-
ให้คุณนิติภูมิมาอ่าน เค้าคงงง เหมือนอ้างชื่อนิติภูมิ 10% นอกนั้นแต่งตามใจ
-
จะต้องไม่เป็นจริงแน่
-
<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" width="100%" UNSELECTABLE="on"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">คุณนิติภูมิ ถือว่า เป็นนักวิชาการ+นักธุรกิจ+นักวิจัย ฯลฯ ตัวยงก็ว่าได้ ใช้การท่องเที่ยว+การศึกษาดูงานในประเทศต่าง ๆ ทำให้มีความรู้มากมายในตัวเค้านะ รัฐบาลควรนำเขามาใช้งานในทางที่เหมาะสม ประเทศชาติอาจได้รับอะไรดีจากเค้าคนนี้ก็ได้</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE> -
เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งครับ
-
การวิเคราะห์หรือการคาดการณ์ อาจจะไม่ตรงตามคาดก็ได้ แต่นี่เขียนว่า "คุณนิติภูมิทำนายไว้ว่า " อืม.....คำว่าทำนายนี่เขาใช้ข้อมูลอะไรบ้างมาประกอบ หรือว่าคุณนิติภูมิสามารถมองเห็นอนาคตได้ จริงๆแล้วผมก็ศรัทธา
คุณนิติภูมินะ แต่บางเรื่องก็ต้องดูกันบ้าง พูดแบบนี้ เหมือนเป็นการให้กำลังใจกับผู้ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนหรือเปล่า ?...... -
เห็นเชียร์มุสลิมออกหน้าออกตามาแต่ไหนแต่ไร แถมยังกล้าบอกว่า ประเทศจะถูกแบ่งแยก
ใครสงสัยก็ไปดูที่หลวงพ่อท่านบอกกับในหลวงว่า ถ้าไทยต้องตกเป็นของคนอื่นเขา คือไม่เป็นไทยอย่างทุกวันนี้ ท่านเอาศีรษะเป็นประกัน ในเมื่ออนาคตไม่มีใครรู้ เราจะเชื่อคนที่มีกิเลส หรือ เชื่อท่านที่ที่หมดกิเลส
พูดเพื่ออวดเก่ง แต่ไม่เก่งจริง ถึงตอนนั้นจะรับผิดชอบไหม หากประเทศไทยไม่ถูกแบ่งแยก อย่าดีแต่คิด หรือ พูดแบบนั้นเลยครับ -
ยืม สมาชิกภาพของเพื่อน คือ คุณ sakoontala มาตอบ ต้องขออภัย ยังไม่ได้สมัครสมาชิก
-
โลกรวมกันเป็นหนึ่ง ไม่มีเชื้อชาติ ไปมาหาสู่กันได้ทั้งโลก ไม่ต้องใช้ passport ไม่มี Visa ไม่มีสงคราม ไร้ความรุนแรง วาระนั้นกำลังจะใกล้เข้ามาทุกขณะ
-
เราเบื่อหน่ายต่อความตื่นกระหนกของตนเองแล้วหละ
ไม่ว่าอะไรมันจะเกิด เราทุกคนล้วนได้รับผล เราเองก็ไม่เคยยึดติดกับของแบรนด์เนมหรอก เราใช้ของไทยนี้แหละ โทรศัพท์เราก็ใช้มือสอง ใช้มานานหละ 3 ปีหละ ที่สำคัญเราเพิ่งซื้อใช้เมื่อตอนเรียนจบนะ ไก่ KFC เนี้ยอเคยกินหนเดียว กินพอรู้เฉยๆ แล้วถ้าเป็นไก่ในตลาดนะ น่องเบ้อเริ่ม 30 บาท ถ้ายากกินแฮมเบอร์เกอร์ก็ซื้อมาทำเอง หมดตังค์ไป ก็ 170 บาท แต่ได้หลายชิ้น จะทำก็ต่อเมื่อจะเดินทางไปกินข้าวป่า -
เมืองนี้คนแถวบ้านเราเรียกว่า
เมืองคนไม่พอ คือ คนไม่มีความพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
คนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เมืองนี้หาคนที่มีสติพอน้อย
เมืองนี้หาคนเพิ่มสติน้อย
เมืองนี้มองคนรู้จักพอเป็นคนล้มเหลว
(เอาง่ายๆ มีครั้งหนึ่งเราเคยบอกกับแม่ว่าเราอยากบวชชี น้าที่นั่งอยู่ข้างก็พูดแทรกขึ้นมาว่า "ผู้หญิงที่บวชชีมีแต่คนอกหัก คนไม่มีงานทำ คนที่เจอเรื่องร้ายๆ จนต้องบวชชีหนี " เพียงแค่นี้เราก็ไม่รู้ว่าคิดได้ไงเนี้ยน้าเรา แม้แต่แม่เราเพิ้นยังว่า "คนที่บวชคือคนที่พ่อแม่สอนไม่ได้ต้องให้วัดสอน" น่านเป็นสะงั้น )
ท่านคงอยากให้เราทุกข์กับทางโลกมากเราเลยยอมอยู่ เราเลยอาศัยบวชชีพราหม์เอา -
คงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกครับ แต่ก็ให้ข้อคิดบางประการที่ดีเยี่ยมนะครับ
-
ธรรมมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นหรือไม่เห็น
-
อาจจะจริง ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลยังแก้ปัญหาไม่ได้ อาจจะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย เนื่องจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
http://www.geocities.com/thaniyo -
ในพลันที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่หมู่บ้านตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ก็ปรากฏข่าวจากทางด้านมาเลเซียว่ากองทัพมาเลเซียได้เคลื่อนกำลังทหารจำนวนสามกองพันมาประชิดที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อป้องกันสกัดกั้นไม่ให้คนไทยข้ามแดนไปมาเลเซียโดยผิดกฎหมาย
สื่อมวลชนไทยก็รายงานข่าวไปตามนี้คือเป็นการเคลื่อนกำลังมาเพื่อป้องกันคนไทยข้ามแดนไปมาเลเซียโดยผิดกฎหมาย
ความหมายมันอยู่เพียงเท่านั้นจริง ๆ หรือ? ความจริงไม่อยากกล่าวถึงเรื่องนี้เพราะมีความละเอียดอ่อนอยู่มากและเกี่ยวกับความสัมพันธ์ต่างประเทศ แต่เมื่อพิเคราะห์แล้วก็เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงเรื่องนี้สักครั้งหนึ่ง มิฉะนั้นเพื่อนร่วมชาติของเราก็จะมองข้ามหรือลืมมองเรื่องสำคัญที่อาจเป็นอันตรายร้ายแรงต่อบ้านเมือง
คงจะจำกันได้ว่าหลังเกิดกรณีกรือเซะและตากใบแล้ว มาเลเซียได้เคลื่อนกำลังทหารขึ้นมาที่ชายแดนหลายระลอก ครั้งละสองกองพันบ้าง สามกองพันบ้าง และหลาย ๆ กองพันในแนวหลังที่พอเห็นได้ว่าพร้อมจะเป็นกำลังหนุนกำลังส่วนหน้าที่วางกำลังอยู่ตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย
ไม่เคยปรากฏข่าวว่ามีการถอนกำลังทหารเหล่านั้นออกไปจากชายแดนไทย และมาบัดนี้เคลื่อนกำลังเพิ่มเติมเข้ามาอีกสามกองพันพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัย หากประมาณคร่าว ๆ ถึงแสนยานุภาพที่เคลื่อนขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วก็เห็นจะมีกำลังร่วมสองกองพลแล้ว
ไม่รวมถึงแสนยานุภาพทางนาวีที่มาเลเซียเตรียมกองเรือดำน้ำเพ่นพ่านอยู่ในทะเลหลวง ซึ่งใช้ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถมาถึงแนวคลองกระแถวสงขลาและไม่ช้าไม่นานก็ถึงแนวคลองกระชั้นบน แม้กระทั่งถึงพังงาด้วยซ้ำไป
ไม่รวมถึงแสนยานุภาพทางอากาศที่ ณ วันนี้ใครรู้ดีช่วยบอกทีเถิดว่าหากเปรียบเทียบแสนยานุภาพทางอากาศกันแล้วระหว่างไทยกับมาเลเซียจะเป็นประการใด?
กองกำลังมากมายขนาดนี้ มันเป็นไปเพียงเพื่อสกัดกั้นคนไทยไม่ให้ข้ามแดนเท่านั้นหรือ? ตรงนี้แหละขอให้ช่วยกันคิดให้ดี
แล้วแสนยานุภาพของเราในพื้นที่นั้นละมีเท่าใด? รับมือเขาไหวหรือ?
และนี่ไม่ใช่หรือที่เป็นพลังแอบแฝงแล้วหนุนช่วยให้ปฏิบัติการก่อความไม่สงบยืดเยื้อรุนแรงอยู่จนถึงทุกวันนี้ กระทั่งบางหน่วยงานและบุคคลสำคัญบางคนของมาเลเซียถึงกับประกาศว่าจะต้องแยกดินแดนสามจังหวัดออกเป็นรัฐอิสระหรือเป็นเขตปกครองพิเศษ แล้วทำให้รัฐบาลไทยต้องกระอักกระอ่วนใจตลอดมา!
ก่อนอื่นก็ต้องขอย้ำว่าเราคัดค้านสงคราม เราต้องการสันติ เราต้องการสันติภาพ ต้องการความสงบสุข การกระทำใด ๆ ไม่ว่าของใครและของชาติใดที่เกื้อหนุนต่อการเกิดสงคราม ทำลายสันติ ขัดขวางสันติภาพ และสร้างความทุกข์ยากขึ้นแก่มนุษยชาตินั้นล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประชาชาติไทยและประชาชาติใด ๆ ในภูมิภาคนี้เลย
วันก่อนได้แย้มพรายไว้บ้างแล้วว่าเมื่อราว 2 เดือนก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีของประเทศเพื่อนบ้านของเราได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยื่นต่อสภาผู้นำศาสนาอิสลามโลกที่กรุงเตหะราน กล่าวหาประเทศไทยอย่างหน้าด้าน ๆ ว่ากีดกันข่มเหงรังแกมุสลิม นั่นก็เพื่อบอกสัญญาณให้เพื่อนร่วมชาติได้รู้ว่ามีอันตรายซ่อนตัวอยู่ ควรที่พี่น้องร่วมชาติทุกคนจะตื่นตัวขึ้นมาเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจไม่คาดคิด
ทั้งยังได้เตือนด้วยว่าควรที่นายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะคนที่รู้เรื่องนี้ในประเทศไทยของเราก็มีอยู่
ต้องบอกอีกว่าบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซียนั้นมีคนสองสัญชาติอยู่เป็นจำนวนร่วม 300,000 คน และเป็นไปในทางมากกว่า 300,000 คน ส่วนจะเป็นจำนวนแน่นอนเท่าใดนั้น ถึงวันนี้ย่อมเป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยจะต้องทำความกระจ่างและให้เกิดความชัดเจนเพื่อที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องด้านความมั่นคงจะได้ใช้เป็นฐานข้อมูลในการปฏิบัติการ
นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงคนสองสัญชาติเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 ซึ่งค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก แต่ก็นับว่าเป็นการเสนอประเด็นที่ถูกเป้าเข้าจุด และขออย่าให้เป็นการพูดเลื่อน ๆ ลอย ๆ เพราะนี่คือปมเงื่อนสำคัญที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามกฎหมายสัญชาติประเทศไทยถือหลักสองหลักคือหลักดินแดนและหลักสายเลือด นั่นคือใครเกิดในดินแดนไทยและมีพ่อหรือแม่เป็นไทยก็จะได้สัญชาติไทย แต่ขณะเดียวกันหากละสัญชาติไทยไปถือสัญชาติอื่นหรือไปถือสัญชาติอื่นโดยไม่สละสัญชาติไทยก็เป็นอันว่าสิ้นสัญชาติไทยด้วย
ทว่านั่นเป็นหลักกฎหมาย แต่ในการปฏิบัติกลับไม่มีการปฏิบัติกันเลย จึงเป็นเหตุให้คนในพื้นที่นั้นนอกจากถือสัญชาติไทยแล้วยังไปถือสัญชาติมาเลเซีย โดยได้รับการเอื้อเฟื้อเป็นพิเศษให้ถือสัญชาติมาเลเซียด้วย หากจะว่ากันตามกฎหมายคนเหล่านี้เป็นอันสิ้นสัญชาติไทยแล้ว
การที่สิ้นสัญชาติไทยเพราะถือสัญชาติใหม่แล้วฉวยโอกาสข้ามแดนไปมาเลเซียแล้วบอกว่าเป็นคนไทยอพยพหลบภัยจึงไม่เป็นธรรมกับประเทศไทย และเป็นเรื่องที่หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ของรัฐพึงชี้แจงทำความเข้าใจให้ชัดเจนทั้งภายในประเทศและต่อประชาคมโลก
มิฉะนั้นก็จะมีบางชาติฉวยเป็นโอกาสกระหน่ำซ้ำตีประเทศไทยเพื่อดึงสหประชาชาติให้เข้ามาจัดการปัญหาภายในของประเทศไทย
คนที่สิ้นสัญชาติไทยไปแล้วแต่ยังแอบอิงว่าเป็นคนไทย หากยังมีสิทธิ์ลงประชามติกันในวันข้างหน้าก็พอจะคิดได้แล้วว่าอะไรจะเกิดกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
แม้ว่าโอกาสจะเกิดขึ้นได้น้อยเพราะเรายังมีมิตรประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เข้าใจและยืนข้างประเทศไทย แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เรื่องนี้จึงต้องป้องกันเอาไว้แต่เนิ่น ๆ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม รวมทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ ควรจะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นพิจารณาอย่างจริงจัง
ที่มันน่าเจ็บใจก็คือมีการสวมรอยเอาคนชาติอื่นทำทีมาเป็นคนไทย ทำอะไร ๆ ลงไปในพื้นที่นั้นแล้วบอกว่าเป็นการกระทำของคนไทย ทำให้คนไทยฆ่ากันเอง
กลับมาที่กองกำลังทางบกของมาเลเซียตามแนวชายแดนที่ประมาณการว่ามีจำนวนร่วมสองกองพลนั้นมันหายไปไหนเป็นส่วนใหญ่? เพราะถ้าหากไม่ถอยออกไปก่อน จำนวนที่เคยเคลื่อนขึ้นมานั้นก็พอเพียงอยู่แล้วถ้าหากจะมีบทบาทเพียงสกัดคนไทยข้ามแดน เว้นเสียแต่ว่ากำลังพลเหล่านั้นได้สลายตัวไปแล้วแปรสภาพเคลื่อนย้ายเข้ามาในแดนไทย ทำตัวเป็นคนสองสัญชาติ
แปลงตัวเป็นคนสองสัญชาติทดแทนจำนวนคนที่ย้ายถิ่นฐาน ซึ่งปรากฏตามข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยว่ามีจำนวนถึงเดือนละประมาณ 15,000 คน
คนสองสัญชาติแปลงกายที่เนื้อแท้เป็นทหารของฝ่ายตรงกันข้ามย่อมมีศักยภาพที่จะทำการสงครามทั้งนอกรูปแบบและทำสงครามแบบแผนได้โดยไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารของไทยเลย
หรือว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยเหมือนเมื่อครั้งที่ทหารเวียดนามสวมรอยเป็นทหารลาวแล้วเปิดศึกร่มเกล้ากับประเทศไทยในอดีต!
ดังนั้นการที่กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทวีความรุนแรงมากขึ้น ขยายตัวมากขึ้น และยืดเยื้อมากขึ้น จึงแยกไม่ออกกับการเปลี่ยนโฉมแปลงร่างดังกล่าว มันเป็นปรากฏการณ์สวมรอยและฉวยโอกาสหลังจากสถานการณ์พลิกผันจากปัญหาผู้มีอิทธิพลอำนาจมืดมาเป็นปัญหาแบ่งแยกดินแดนแล้ว
ก็อยากบอกเตือนรัฐบาลว่าการฟังรายงานที่ผิดพลาดอย่างต่อเนื่องแล้วย่อมทำให้เกิดผลเช่นนี้
ตัวอย่างล่าสุดที่นายกรัฐมนตรีแถลงว่านาวิกโยธินสองนายถูกสังหารตั้งแต่ตอนรุ่งสาง แล้วหมอพรทิพย์เผยผลการชันสูตรว่าถูกสังหาร ณ เวลา 14.00-15.00 น. ก็คือความซ้ำซากของความผิดพลาดของรายงาน และถ้าความผิดพลาดนั้นขยายไปถึงบุคคลที่ถูกระบุว่า “รู้ตัวคนร้ายหมดแล้ว” ก็จะนำไปสู่การจับกุมหรือปฏิบัติการที่ผิดพลาดและขยายผลร้ายต่อไป
และอยากจะบอกย้ำด้วยว่าอย่าไปเชื่อรายงานว่าไม่มีเขตปลดปล่อย ทั้งอยากจะถามด้วยว่าสิ่งที่เรียกว่าเขตปลดปล่อยนั้นรู้จักมันดีแล้วหรือว่ามันคืออะไร? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? มันพัฒนาและดำเนินการไปอย่างไร? และระดับไหนที่ถือว่าเป็นเขตปลดปล่อย?
เพราะในวันนี้กว่า 760 หมู่บ้านในจำนวนทั้งหมดราว 1,500 หมู่บ้านมีแกนหลักปฏิบัติงานและเป็นเขตปฏิบัติการของฝ่ายตรงกันข้าม โดยที่เราให้ความคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินแก่ประชาชนไม่ได้ และกลไกรัฐก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติไม่ได้ นี่คือสิ่งที่จะต้องสะกิดใจและพิจารณาไตร่ตรองให้จงดี
การที่มีแสนยานุภาพของต่างชาติแอบแฝงเข้ามาในรูปคนสองสัญชาติก็ดี และมาประจัญอยู่ที่ชายแดนร่วมสองกองพลเป็นอย่างน้อยก็ดี มันไม่สมกับข้ออ้างที่ว่าเพื่อสกัดคนไทยข้ามแดน และความจริงก็คือมาเลเซียไม่เคยจับคนข้ามแดนเลยแม้แต่คนเดียว
แต่นั่นมันคือปรากฏการณ์ให้ความคุ้มครองกับฝ่ายที่ก่อความไม่สงบ ป้องปรามแสนยานุภาพของกองทัพไทยให้ขยับตัวไม่ได้ คิดเรื่องนี้กันบ้างหรือยัง?
ในพื้นที่นั้นแสนยานุภาพทางบกของเราก็มีเพียงบางจุด และมีอัตรากำลังไม่ถึงสองกองพล โดยยังไม่ต้องพูดถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ว่าของใครมีประสิทธิภาพกว่ากัน และยิ่งงานมวลชนด้วยแล้วก็ยิ่งไม่ต้องพูดอีกเลย
เมื่อรวมแสนยานุภาพทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ตลอดจนมวลชนของฝ่ายตรงกันข้ามแล้ว มันด้อยกว่า พอ ๆ กัน หรือเหนือกว่าแสนยานุภาพของกองทัพไทยกันแน่? ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องให้ความสนใจโดยพลัน
เพราะเราอาจเสียดินแดนได้โดยพลันเหมือนกัน!
บทเรียนในอดีตที่เวียดนามเคยเสนอให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยยืมกำลังทหารร่วมสามสิบกองพันเพื่อเป็นกองหน้าตัดภาคอีสานออกจากประเทศไทย โดยมีแสนยานุภาพของนายพลเทียนวันดุง 300,000 คนหนุนอยู่ข้างหลังนั้นควรจะได้หยิบยกขึ้นพิจารณาศึกษาว่ามันกำลังเกิดขึ้นซ้ำรอยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่?
ดีที่ว่าครั้งกระโน้นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยมีจิตใจรักชาติจึงปฏิเสธข้อเสนอ หาไม่แล้ววันนี้ภาคอีสานก็อาจจะไม่ใช่ของไทยอีกต่อไป
แล้วกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่นั้นน่ะหรือจะมีความคิดจิตใจแบบเดียวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต แล้วเราจะทำกันอย่างไร?
รัฐบาลจะมัวถือว่าเรื่องนี้ไม่สร้างสรรค์ไม่ได้แล้ว และจะมัวเห็นว่าเรื่องการเร่งตัวเลขต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจสำคัญกว่าปัญหาความมั่นคงไม่ได้แล้ว
เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจนั้นขึ้นลงได้ ขาดดุลแล้วก็ได้ดุลได้ แต่หากเสียดินแดนแล้วก็ยากที่จะได้คืน ดังนั้นจึงควรต้องยกเอาปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาหลักเร่งด่วนที่สุดของชาติตั้งแต่บัดนี้ไป
รัฐบาลทักษิณ 2 จะเป็นประการใดก็เห็นจะชี้ขาดกันด้วยปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นี่แหละ! -
.....นับเวลาถอยหลัง.....ฟ้าดินลงดาบ....
......หลังความพินาศ....ทุกชนชาติมุ่งหาสันติ... -
ผมไม่ต้องการให้ประเทศไทยแตกแยกหรอกนะ...และประเทศไทยก็ไม่ต้องแตกแยกด้วย
-
.....ระดมกำลังเทพพรหมผู้รักษาพระศาสนา
ทั้งลับและเปิดเผย....... ผู้เคยให้สัจจะแก่พระศาสดา
อีกทั้งผู้อาสามาช่วยค้ำชูพระศาสนา
ผังแห่งประเทศไทยและผังพระศาสนา...ถูกเก็บซ่อนไว้สุดละเอียด
เกิน กำลังที่คนทั่วไปยากจะรู้
...พุทธานุภาพ เหนือความคาดหมาย....
หน้า 1 ของ 2