ชนบท168 ศูนย์รวมวัตถุมงคล พระป่ากรรมฐานและพระบ้านเกจิขลัง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ชนบท168, 16 มิถุนายน 2021.

  1. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    พระผงทรงระฆังอุ้มบาตร "แก้วสารพัดนึก" วันเพ็ญเดือน12 ปี2536 พิเศษฝังตะกรุดเงิน+ติดจีวร หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ให้บูชา200บ.

    temp_hash-f9a2a3e7f27369a52807833a1adf20b3-jpg.jpg
     
  2. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    พระสมเด็จผง108 หลวงพ่อวิริยังค์ วัดธรรมมงคล ปี 2529 ให้บูชา200บ.

    หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านเป็นพระปฏิบัติกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น สำหรับหลวงพ่อวิริยังค์ ท่านมีลูกศิษย์นับถือเยอะ ท่านไม่ค่อยจะสร้างวัตถุมงคลมากนัก ถ้าจะสร้างก็เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ เมื่อท่านสร้างวัตถุมงคล นอกจากท่านจะปลุกเสกเดี่ยวแล้ว ยังมีการนิมนต์พระเกจิสายกรรมฐานมาร่วมปลุกเสกอีกมากมายในแต่ละครั้ง หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านเป็นพระที่มีบารมีสูงมากๆ สามารถสร้างถาวรวัตถุต่างๆที่มีมูลค่านับร้อยนับพันล้านได้ภายในไม่กี่ปี


    temp_hash-03763fc3bec36dd9ed9c5bf08a3c2c18-jpg.jpg
     
  3. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    รูปหล่ออุดกริ่งพระอาจารย์ซ่วน วัดท่าลาดใต้ จ.ฉะเชิงเทรา ให้บูชา200บ.

    "หลวงพ่อซ่วน ปัญญาธโร"เจ้าตำรับ"ปลัดขิก"วัดท่าลาดใต้ เทพเจ้าไสยเวทย์แห่งพนมสารคาม

    "พระอาจารย์ซ่วน หรือ"หลวงพ่อซ่วน ปัญญาธโร" อดีตเจ้าอาวาส วัดพระพุทธทักษิณดิตถมงคล หรือ"วัดท่าลาดใต้" ต.ท่าถ่าน อ.พนมสาร คาม จ.ฉะเชิงเทรา ลูกศิษย์ของหลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม ได้รับขนานนามว่าเป็น "เทพเจ้าไสยเวทย์แห่งเมืองพนมสารคาม"

    ท่านเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2476 อุปสมบทเมื่อปีพ.ศ.2506 ณ วัดนามะตูม อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โดยมีพระครูพินิจสมาจารย์ (หลวงพ่อโด่) เจ้าอาวาสวัดนามะตูม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูใบฏีกาทองคำ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการป่าน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า "ปัญญาธโร" โดยท่านเคยรักษาการเจ้าอาวาสวัดนามะตูม ช่วงปีพ.ศ.2515-2517

    ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านเมตตามหานิยมและเป็นพระหมอดูที่มีชื่อเสียงมาก ซึ่งมักจะมีคนจากต่างถิ่นมาขอให้ท่านดูดวงให้ ขณะเดียวกัน ท่านก็จะให้สะเดาะเคราะห์ด้วยการสร้างพระและรูปเทพองค์ต่างๆ ที่สำคัญ ท่านเป็นหนึ่งในเกจิอาจารย์ผู้สร้าง "ปลัดขิก" อันเข้มขลังมากด้วยประสบการณ์ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังที่เลื่องชื่อในวงการพระเครื่อง

    ปลัดขิกของท่านเป็นที่ฮือฮาก็เมื่อตอน "กบ ปภัสรา" อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ เสียบปลัดขิกตัวจิ๋วไว้บนมวยผมตอนขึ้นเวทีประกวดจนได้รับตำแหน่ง โดยมีบทสัมภาษณ์ "ป้าชุลี" พี่เลี้ยงนางงามระดับตำนานเขียนไว้ว่า ปีนั้นฮือฮามากด้วยฉายา “นางงามปลัดขิก” “ตอนประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ ป้าให้ปลัดขิกอาจารย์ซ่วน วัดท่าลาดใต้ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นเครื่องรางของขลังให้"กบ"ติดตัวไว้ เพื่อสร้างความมั่นใจ เอาไว้ป้องกันตัว แล้วปีนั้น"กบ"สวยมาตลอดตั้งแต่รอบคัดเลือกแล้ว บนเวทีคืนตัดสินเขาโดดเด่นกว่าใคร เดินไป ยิ้มไป ไม่ประหม่าเลย คนปรบมือให้เขาเยอะมาก ทำให้ป้ามั่นใจว่ายังไงต้องติด 3 คนสุดท้ายแน่ๆ แล้วเขาก็ได้เป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์”


    หลวงพ่อซ่วนท่านเป็นพระที่มุ่งปฏิบัติสมาธิภาวนา “กสิญสิบ” สื่อสารกับดวงวิญญาณ -ภูตผี จนทำให้ไม่มีเวลาปฏิบัติกิจของสงฆ์ ประกอบกับในปี พ.ศ.2522 มหาเถรสมาคม(มส.)ได้พิจารณาพฤติกรรมของท่าน และห้ามจำหน่ายจ่ายแจกปลัดขิก ท่านจึงได้ออกจากวัดท่าลาดใต้ไปพำนักที่ชลบุรีช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วกลับมาสร้างสำนักสงฆ์ ใน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา บนเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ ในความดูแลของวัดท่าลาดใต้ ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้เป็นมรดกตกทอดจากบิดา

    จากนั้นมาพระอาจารย์ซ่วนก็มุ่งมั่นปั้นรูปปั้นต่างๆขึ้น เช่น กุมารทอง, นางกวัก, ตุ๊กตาเด็ก รวมถึงตัวละครในวรรณคดี เช่น นางสิบสอง, พระรถเมรี วรรณคดีที่เชื่อมโยงกับจังหวัดฉะเชิงเทราในอดีต ทั้ง อ.พนัสนิคม, อ.พนม สารคาม และอ.สนามชัยเขต

    รูปปั้นนับร้อยที่ท่านปั้นขึ้นมีการลงอักขระอาคมไว้ทั้งหมด บางตัวมีส่วนผสมของชิ้นส่วนคนตาย โดยเฉพาะผิวหนังของร่างคนตายที่สักยันต์ แต่เผาไม่ไหม้ถูกนำมาเป็นมวลสารในการปั้น และทุกตัวมีช่องสำหรับนำอัฐิคนตายบรรจุไว้ด้านใน หากญาติผู้เสียชีวิตแจ้งความประสงค์อยากให้วิญญาณสถิตอยู่ในรูปปั้นเหล่านี้ ท่านก็ประกอบพิธีบรรจุอัฐิให้


    กระทั่งปี 2536 หลวงพ่อซ่วนมรณภาพลง ตั้งแต่นั้น สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ก็ไร้พระสงฆ์เข้ามาจำวัด หลายครั้งที่ทางวัดให้พระสงฆ์เข้ามาฟื้นฟูสถานที่ แต่ไม่เคยมีพระรูปไหนอยู่ได้ อ้างพบเห็นสิ่งที่ชวนพิศวง ทั้งงูยักษ์เลื้อยผ่าน ได้ยินเสียงดังแปลกๆ คล้ายเสียงคนพูดคุยกัน จนสุดท้ายจำเป็นต้องปล่อยให้ทิ้งร้าง

    ในปัจจุบัน มีสื่อประชาสัมพันธ์ อุทยานหุ่นปั้นสำนักสงฆ์ร้างอาจารย์ซ่วน จ.ฉะเชิงเทรา กันอย่างแพร่หลาย หลายคนที่ชอบเรื่องเร้นลับ ต่างก็อยากที่จะมาเที่ยวชม

    หลวงพ่อซ่วนได้รับปริญญาด็อกเตอร์กิตติมศักดิ์สาขามนุษย์สัมพันธ์จาก University of America เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2533 วาระสุดท้ายท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2536 สิริอายุ 60 ปี


    temp_hash-755028e5a3fb84f4486543bcfbec5e7a-jpg.jpg
     
  4. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    เหรียญลายเซ็นต์ หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม วัดป่าสีห์พนมประชาราม จ.สกลนคร ปี50 ให้บูชา150บ.

    temp_hash-52f12fafc8f1a5fb56e41c4f1faa8540-jpg.jpg

    หลวงปู่บุญมาท่านได้เล่าถึงชีวิตเมื่อวัยหนุ่มว่า “เมื่อเข้าหาครูบาอาจารย์ท่านก็เทศน์ให้ฟัง ในเรื่องอานิสงส์ในการรักษาศีล ๕ และทุกข์โทษของการละเมิดผิดศีลผิดธรรมเป็นอย่างไร ก็นำมาพิจารณา และครั้นเวลาครูบาอาจารย์ชวนไปวิเวก ฝึกสมาธิ ศึกษาธรรมะ ก็สนใจปฏิบัติตาม ทำให้จิตเกิดความสงบเยือกเย็น” นับว่าท่านเป็นผู้มีวาสนาบารมีที่ส่อแววให้เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ

    ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๙๔ เวลา ๑๔.๑๕ น. ขณะอายุได้ ๒๔ ปี ณ วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูสมุห์สวัสดิ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “คัมภีรธัมโม” ซึ่งแปลว่า ผู้มีธรรมอันลึกซึ้ง

    ได้จาริกธุดงค์เข้ากราบรับข้ออรรถข้อธรรมจากพระเถระผู้ใหญ่ ศิษย์ในองค์หลวงปู่ใหญ่มั่น ภูริทัตโต หลายองค์ อาทิ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู, หลวงปู่หลุย จันทสาโร วัดถ้ำผาบิ้ง จ.เลย และหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม จ.อุดรธานี เป็นต้น และได้จาริกธุดงค์ร่วมกันกับ หลวงปู่คำบุ ธัมมธโร ซึ่งเป็นพระอาจารย์รูปสำคัญของท่าน ออกวิเวกตามสถานที่ต่างๆ ไปยังป่าช้าง ป่าเสือ ฝึกจิตตามป่าตามเขาโถงถ้ำ ไปในที่ๆ ขึ้นชื่อว่าอาถรรพณ์ผีดุ เปลี่ยนที่จำพรรษาไปเรื่อยๆ ไม่ติดถิ่น ทั้งที่กันดารห่างไกลจากบ้านจากเรือนสลับกับการไปฝึกอบรมยังสำนักของพ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานถึง ๒๙ พรรษา

    เริ่มจำพรรษาที่ วัดป่าสีห์พนมประชาคม บ้านหนองกุง ต.บงใต้ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ในพรรษาที่ ๒๐ เป็นพรรษาแรก ตรงกับปี พ.ศ.๒๕๑๔ จากนั้นจึงออกจาริกธุดงค์ไปจำพรรษาในที่ต่างๆ แล้วเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ หลวงปู่บุญมาท่านก็กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดป่าสีห์พนมประชาคม มาโดยตลอดจวบจนกระทั่งปัจจุบัน


    temp_hash-52f12fafc8f1a5fb56e41c4f1faa8540-jpg.jpg
     
  5. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    ผงรูปเหมือนหลวงปู่ลี วัดป่าหัวตลุก จ.นครสวรรค์ ให้บูชา150บ.

    ปัจจุบัน หลวงปู่ลี ตาณังกโร ท่านเป็นพระมหาเถระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแห่งวัดหัวตลุกวนาราม ตำบลสระแก้ว อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ท่านมีอายุ ๘๕ ปี พรรษา ๕๑ (พ.ศ.๒๕๖๔)

    ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์มหัศจรรย์จากการพบเห็นของศิษยานุศิษย์
    ๏ เรื่องของนายดาว
    ๐ เรื่องที่ ๑

    นายดาว เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่ ได้นำรถอีต๊อกมาช่วยขนดินพัฒนาสำนักสงฆ์ป่าหัวตลุก เมื่อขนดินขึ้นรถได้พอสมควร หลวงปู่ก็ได้บอกแก่นายดาวว่า พอแล้ว นายดาวได้ตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไรครับหลวงปู่ รถผมเคยบรรทุกมากกว่านี้ยังไม่เป็นไรเลย แต่เมื่อนายดาวขับรถออกมาได้หน่อยเดียว เหล็กสาลีรถอีต็อกก็เกิดขาดกลาง ทำให้นายดาวแปลกใจมาก เพราะเหล็กสาลี่นั้นมีขนาดใหญ่มาก ไม่น่าขาดได้

    ๏ เรื่องที่ ๒
    หลวงปู่ลีได้ให้นายดาวเดินสายไฟและติดหลอดไฟ ๔-๕ จุดบนกุฏิไม้หลังหนึ่งเพิ่มเติม (ปัจจุบันได้รื้อถอนไปแล้วเนื่องจากปลวกกินจนผุ) ซึ่งมีการเดินสายไฟไว้แต่เดิมบ้างแล้ว นายดาวเดินไปถอดสายไฟที่เชื่อมกับสายไฟแรงต่ำเพื่อตัดไฟเข้าตัวกุฏิ แล้วนายดาวก็เดินสายไฟพร้อมกับต่อหลอดไฟ ในขณะที่ต่อสายไฟเข้ากับหลอดไฟนั้น นายดาวถอดปลอกฉนวนที่สายไฟออก แล้วใช้มือเปล่าจับบิดเกลียว พันด้วยเทปกาวพันสายไฟ ทำอย่างนี้ทุกจุดที่ต่อเข้ากับหลอดไฟจนเสร็จ ขณะที่เดินสายไฟนั้นหลวงปู่จะยืนดูใกล้ๆตลอดเวลา เมื่อเสร็จหลวงปู่บอกให้ไปลองตรวจดูว่าไฟฟ้าติดหรือยัง นายดาวจึงออกไปเพื่อจะไปต่อไฟ แต่พอมองกลับมาที่กุฏิกลับพบว่าไฟฟ้าติดทุกหลอด โดยที่นายดาวยังไม่ได้ต่อไฟ นายดาวแปลกใจและตกใจ เพราะนั่นเท่ากับว่าตัวเองต่อไฟด้วยมือเปล่าโดยที่มีไฟอยู่ตลอดเวลา แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย นี่เป็นเพราะบารมีของหลวงปู่แท้ๆ

    ๏ เรื่องที่ ๓
    นายดาวและนายจิ๊ ได้ทำการต่อสายไฟจากเสาไฟฟ้ามายังกุฏิโดยติดแล็คที่เสากุกิอย่างแน่นหนา พอเสร็จเรียบร้อย หลวงปู่จึงถามว่า แน่นไหม นายดาวและนายจิ๊ตอบหลวงปู่ว่า เอาช้างมาฉุดก็ไม่หลุดครับ
    หลวงปู่จึงเดินไปจับสายไฟแล้วลองดึงดู แล็คที่ติดยึดเอาไว้กลับหลุดลงมา จากนั้นหลวงปู่ก็หันมาบอกนายดาวและนายจิ๊ว่า อย่าคุย

    ๏ อย่าประมาทครูบาอาจารย์
    มีชายคนหนึ่งมาทำบุญที่สำนักสงฆ์ป่าหัวตลุกโดยมากับเพื่อนที่เคยมาทำบุญที่นี่ พอทำบุญเสร็จก็กลับบ้านไป และได้กล่าวถึงหลวงปู่ว่า หลุกหลิกเหมือนลิง หลังจากนั้นประมาณ ๑ ปี ชายคนเดิมได้กลับมาทำบุญที่สำนักสงฆ์และได้เข้าไปกราบหลวงปู่ ขณะที่ก้มลงกราบ หลวงปู่ได้กล่าวยิ้มๆกับชายคนนั้นว่า ลูกลิงกราบพ่อลิงซะ ชายคนนั้นถึงกับตกตะลึงที่หลวงปู่ล่วงรู้ว่าได้เคยพูดถึงหลวงปู่ไว้อย่างไร จึงรีบกราบขมาหลวงปู่ทันที

    ◎ หลวงปู่ช่วยลูกศิษย์
    ๏ เรื่องที่ ๑
    นายณรงค์ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงปู่เล่าว่า ได้ช่วยหลวงปู่ซ่อมฐานพญานาค ขณะที่กำลังทำงานอยู่หลวงปู่ได้บอกกับนายณงรค์ว่าให้ไปเอาเชือกมาผูกพญานาคเอาไว้ พอนายณงรค์เดินพ้นไปจากจุดที่ทำงาน พญนาคก็ล้มลงตรงนั้นพอดี คำสั่งของหลวงปู่ทำให้นายณรงค์แคล้วคลาดไปได้อย่างหวุดหวิด

    ๏ เรื่องที่ ๒
    นายณรงค์เล่าว่านายจิ๊ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่ ได้ช่วยหลวงปู่ทุบผนังกั้นห้องภายในกุฏิต้อนรับอาคันตุกะ ขณที่กำลังทุบผนังอยู่นั้น หลวงปู่ก็ได้เรียกนายจิ๊ให้ออกมาให้พ้นจากผนังที่กำลังทุบ พอนายจิ๊เดินพ้นตรงนั้น ผนังที่เหลืออยู่ด้านบนก็ร่วงลงมาพอดี

    ก่อนที่หลวงปู่จะพูด หลวงปู่คิดทุกคำ
    นายณรงค์เล่าว่าเมื่อตอนสร้างศาลาใหม่ๆวันนั้นเป็นวันตั้งแบบเทเสาศาลา หลวงปู่ถามว่า..ได้บอกเจ้าที่เจ้าทางหรือยัง ลูกศิษย์ได้ตอบหลวงปู่ว่า มาทุกวันคุ้นกันดีครับ หลังจากนั้นไม่นานขณะที่กำลังทำงานอยู่ นายณรงค์ดึงเชือกที่ผูกตัวรัดแบบเสาเพื่อให้เสาตั้งตรง แล้วตัวรัดเบบเสาหลุดกระเด็นมาถูกที่เบ้าตาพอดี นายดาวเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะ ไม่ทันขาดคำตัวรัดแบบเสาก็กระเด็นมาโดนศีรษะของนายดาว ทำให้ศีรษะโน นายไทลูกศิษย์อีกคนหนึ่งได้บอกว่า รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง จากนั้นไม่เท่าไหร่ นายไทก็เดินเตะตะปูได้รับบาดเจ็บไปอีกคน เป็นการสั่งสอนให้รู้จักระมัดระวังคำพูดก่อนพูดของหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ได้เคยสอนเสมอว่าก่อนที่หลวงปู่จะพูด หลวงปู่ก็คิดทุกคำ

    ๏ ปาฏิหาริย์พระสมเด็จรุ่นแรก
    ป้าคนหนึ่งมาที่สำนักสงฆ์ป่าหัวตลุกและเล่าเหตุการณ์ให้ลูกศิษย์หลวงปู่ฟังว่า ป้าขี่รถจักรยานยนต์กลับจากตลาดลาดยาวเพื่อจะกลับบ้านทางทุ่งแม่น้ำตามถนนสายลาดยาว-เขาชนกัน เมื่อถึงทางแยกเข้าบ้าน ป้าก็เลี้ยวรถตัดหน้ารถจักรยานยนต์ที่วัยรุ่นขับขี่มาด้วยความเร็วสูง จึงถูกชนอย่างแรงจนรถกระเด็นไปไกล ป้าได้เล่าต่อว่า ป้าตกใจมากลุกขึ้นยืนและสังเกตตัวเอง แต่ไม่เป็นอะไรเลย มีเพียงเคล็ดขัดยอกบ้าง ป้าเดินไปยกรถขึ้นมาแล้วขี่ต่อไปได้ ส่วนวัยรุ่นคนนั้นสลบไป แล้วป้าก็หยิบสร้อยที่คล้องคอออกมาให้ลูกศิษย์หลวงปู่ดู แล้วบอกว่าป้าคล้องสมเด็จหลวงปู่ลีรุ่นแรกที่ป้านับถือมากองค์เดียวเท่านั้น

    ๏ ฟ้าผ่าไม่ตาย
    นายณรงค์เล่าว่ามีสองสามีภรรยามาเล่าให้ฟังว่าวันหนึ่งทั้งสองคนขี่รถจักรยานนต์กลับมาจากไปทำธุระขณะที่ผนกำลังตกพอดี เมื่อขี่มาถึงตรงโดนโม่ เกิดฟ้าผ่าลงมาพอดี ภรรยาของเขาได้นำถุงพลาสติกมาสวมหัวเอาไว้ และถูกสะเก็ดไฟกระเด็นมาโดนถุงจนเป็นรูพรุนเหมือนโดนสะเก็ดไฟจากเครื่องอ๊อกเหล็ก ทั้งสองสามีภรรยารู้สึกหน้ามืด หูอื้อ จนขี่รถส่ายไปมา จึงหยุดรถกลางถนน รถบัสที่ตามหลังมาจึงจอดและมีคนลงไปดู ปรากฏว่าทั้งสองสามีภรรยาไม่ได้เป็นอะไรเลย โดยสามีได้บอกว่าตนเองคล้องเหรียญรุ่นเจริญสุขของหลวงปู่ลี ตาณํกโร

    ๏ ใครชวนใคร
    วันหนึ่งลูกศิษย์ของหลวงปู่ทราบข่าวว่าหลวงปู่เดินทางไปวัดม่วงจังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บรรดาลูกศิษย์ได้นั่งพูดคุยกันและตอนหนึ่งนายเทวาได้พูดขึ้นว่า อยากรู้หนอว่าใครชวนใคร หลวงปู่ชวนหรือว่าผู้จัดการไวไวนิมนต์หลวงปู่ หลังจากที่พูดแล้วก็ชวนกันไปวัดเพื่อรอกราบหลวงปู่ เวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น.หลวงปู่ก็มาถึงกุฏิและไปนั่งที่เก้าอี้ ลูกศิษย์ตามเข้าไปกราบหลวงปู่ ยังไม่ทันกราบเสร็จ หลวงปู่ก็ได้พูดขึ้นมาพร้อมทั้งชี้ไปที่ผู้จัดการไวไวว่า โยมเขานิมนต์หลวงปู่ไปน่ะ ลูกศิษย์ที่พากันไปกราบหลวงปู่ต่างหันมามองหน้ากัน และรู้สึกขนลุกซู่

    ๏ หลวงปู่เมตตาสารวัตรณรงค์
    สารวัตรณรงค์ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงปู่เล่าว่าเมื่อตอนที่เข้าไปเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ใหม่ๆ ได้นำวัตถุมงคลที่ได้รับจากที่ต่างๆรวมใส่กล่อง เมื่อมีโอกาสจึงนำไปขอบารมีหลวงปู่เพื่ออธิษฐานจิตให้ หลวงปู่เอามือแตะที่กล่องแล้วว่าบอกว่าเสร็จแล้ว สารวัตรณรงค์คิดในใจว่าวัตถุมงคลจะได้รับพลังจากหลวงปู่ครบทุกองค์หรือไม่หนอ เกิดความลังเลใจ

    พอตกกลางคืนสารวัตรก็ฝันเห็นหลวงปู่มานั่งตรงหัวเตียง แล้วบอกให้สารวัตรนำกล่องวัตถุมงคลกล่องนั้นมา สารวัตรจึงนำกล่องวัตถุมงคลมาถวาย หลวงปู่รับกล่องมาวางที่ตักแล้วเป่าให้ เพี้ยง! สารวัตรรู้สึกดีใจมาก จนตกใจตื่นขึ้นมาจึงได้รู้ว่าฝันไป สารวัตรบอกว่าตั้งแต่นั้นมาก็หายสงสัยลังเลใจทั้งสิ้นทั้งปวง

    temp_hash-59b2c8c12b9426cfbd58da9a119f90a4-jpg.jpg
     
  6. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    รูปเหมือนเนื้อว่านหลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ปี2549 ให้บูชา150บ.

    รูปเหมือนเนื้อว่านหลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ปี2549 หลังพระปิดตา"มาร้ายไม่เห็น ทวีคูณ2พลัง" สวยเดิม เลี่ยมจากวัด

    temp_hash-d23da772167ebe26ccc4e57197d914d7-jpg.jpg
     
  7. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    รูปเหมือนกลีบบัวเนื้อว่านผงมวลสาร + เส้นเกศา โรยพลอย หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม จ.นครปฐม ให้บูชา350บ.

    ตะลึง..โบสถ์ร้าง แต่มีพระเต็มไปหมด..เมื่อห้าเสือร้ายซุ่มแอบยิง "หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร"พระโอรสเสด็จเตี่ย.รีบกราบขอขมาทันที..

    พระครูสถาพรพุทธมนต์" หรือ หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร วัดเวฬุวนาราม อ.บางเลน จ.นครปฐม พระเกจิดังแห่งเมืองนครปฐม ท่านศึกษาวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงพ่อสำเนียง ประสูติเมื่อวันที่ ๕ ต.ค. ๒๔๖๐ ตรงกับวันศุกร์ ปีมะเส็ง แรม ๔ ค่ำ เป็นพระโอรสในพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และหม่อมทองนุ่น ที่วังไชยา

    พบนครร้างในนิมิต
    ก่อนที่หลวงพ่อสำเนียงจะมาบุกเบิกทุ่งร้างกลางป่าทึบให้มาเป็นวัดวาอารามอันพรั่งพร้อมไปด้วย โบสถ์ วิหาร ศาลา โรงธรรมที่สวยงามนั้น ท่านกล่าวว่า – ขณะที่ท่านพำนักจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในก.ท.ม.ท่านได้เกิดนิมิตขึ้นว่าได้เห็นปราสาทร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งการนิมิตเห็นนี้ไม่ได้หลับตาเห็น แต่เป็นแบบลืมตาเห็นภาพขึ้นมา เมืองร้างแห่งที่ท่านพบเห็นในนิมิตนี้มีสมบัติล้ำค่าถูกฝังอยู่มากมายมหาศาล คนเฝ้าสมบัติล้ำค่านี้บอกกับท่านว่า….

    ใครจะมาเอาสมบัติเหล่านี้ไปไม่ได้ คนที่จะมาเป็นเจ้าของจะต้องมาสร้างเมืองนี้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเหมือนเดิมเสียก่อน และคนที่จะมาอยู่เมืองนี้ได้จะต้องเป็นคนดี มีศีลธรรม ถ้าไม่เช่นนั้นจะหาความเจริญขึ้นมาไม่ได้นอกจากพินาศล่มจมเท่านั้น เพราะสถานที่แห่งนี้คือที่ตั้งเมืองธรรมานครอมรวดีศรีธานินทร์ มหินทรามหาเลิศลบภพนพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์มาก่อน

    หลังจากหลวงพ่อสำเนียงได้นิมิตเห็นเมืองธรรมานครแล้วท่านเดินทางสู่เมืองร้างแห่งนี้โดยทางรถไฟไปลงสถานีงิ้วราย จากนั้นลงเรือต่อไปตลาดลำพญาต่อเรือไปอีก๓ ช.ม.จึงถึงตลาดลำพญาจากตลาดเดินเท้าอีก๔ ก.ม.โดยประมาณจึงถึงวัดแหลมชะอุย เป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าเหลือแต่ซากปรักหักพัง พอให้รู้ว่าสถานที่นั้นเคยเป็นวัดมาก่อนที่ๆแห่งนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด

    ทำให้สถานที่นั้นร่มรื่นและเงียบสงัดวังเวงยิ่งนัก จึงมีสัตว์นาๆชนิด เช่นงูเห่า งูจงอางเป็นต้นเพราะปราศจากผู้คนสัญจรไปมา มีแต่บริเวณทุ่งกว้างที่ร้างซึ่งมีเด็กเลี้ยงควายอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น เด็กพวกนั้นปราศจากเสื้อผ้านุ่งห่มเพราะความแห้งแล้งทุรกันดารความยากจนของครอบครัว พ่อแม่เด็กเหล่านั้นหากินทางทุจริตลักลอบหาวัตถุโบราณในบริเวณวัดร้างแห่งนี้เพื่อนำเอาไปขาย


    เมื่อท่านไปถึงท่านได้เดินเข้าไปดูในโบสถ์ปรากฏว่าถูกปัดกวาดดูสะอาดสะอ้าน คล้ายกับมีคนมาอาศัยอยู่ ท่านจึงตัดสินใจที่จะอยู่ ณ. วัดร้างแห่งนี้ โดยท่านตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะพัฒนาวัดร้างแห่งนี้ร่วมกับชาวบ้านในถิ่นนี้ให้เจริญ ท่านจึงได้ยึดเอาโบสถ์เป็นที่อยู่อาศัย แต่ท่านหารู้ไม่ว่าที่แห่งนี้คือที่ซ่องสุมของพวกโจรและเสือร้ายปล้นฆ่าชื่อดัง คือ เสือแคล้ว เสือสด เสือเลียง เสือสมหมาย เสือผาด ทั้ง ๕เสือดังกล่าวทางการได้หมายหัวเอาไว้แล้วว่าต้องจับตายลูกเดียว พวกนี้หาทรัพย์มาได้เท่าไหร่ก็จะนำมาแบ่งปันที่นี่ประจำเพราะเป็นจุดศูนย์กลางระหว่างจังหวัดนนทบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี มีอยู่วันหนึ่งเสือร้ายเหล่านั้นปล้นทรัพย์ได้มาก็นัดกันมาแบ่งสมบัติที่โบสถ์ร้างแห่งนี้ เมื่อเสือแคล้วมาแอบเห็นหลวงพ่อสำเนียงอยู่ในวัดก็สบถจะต้องฆ่าพระองค์นี้ให้ได้ เพราะกลัวท่านมารู้เห็นความลับ อีกหรือท่านปลอมมาเป็นพระเพื่อมาสืบจากทางราชการ เสือแคล้วจึงตกลงกับพวกอีก๔ เสือจะต้องฆ่าท่านคืนแรกเสือแคล้วมาคนเดียวก้าวเข้าไปยืนในโบสถ์เห็นเพียงแสงเทียนสลัวๆพอเห็นว่ามีพระนั่งสมาธิอยู่ เมื่อเพ่งเข้าไปหมายจะฆ่าหลวงพ่อปรากฏว่า คุณพระช่วยภาพที่เขามองเห็นไม่ได้มีพระอยู่องค์เดียวเหมือนที่เขาเห็นตอนกลางวันเสียแล้ว เพราะภายในโบสถ์เต็มไปด้วยพระสงฆ์ห่มสีกลักกำลังนั่งสมาธิเต็มไปหมด พระเหล่านั้นต่างนั่งสมาธิอย่างสงบโดยไม่สนใจกับภายนอกโบสถ์เลย

    เสือแคล้วนึกอยู่ในใจว่าพระมาจากไหนเยอะแยะก็ตอนกลางวันเห็นมีอยู่องค์เดียว ส่วนมือยังกำปืนแน่นอยู่ในลักษณะพร้อมยิงเสมอ ในที่สุดก็เลิกล้มความตั้งใจ เพราะไม่ทราบว่าจะทำวิธีไหนที่จะฆ่าพระได้หมด หลังจากนั้นสหายอีก๔ เสือก็ผลัดกันมาทุกคืนโดยผลัดเปลี่ยนกันกับเพื่อนทุกคนในกลุ่ม ผลปรากฏว่าเหตุการณ์เหมือนกันทุกครั้ง ๔วันเต็มๆ

    ผลสุดท้ายเขาและเพื่อนยอมแพ้ในอภินิหารที่ได้ประสพมาจึงไม่อาจฆ่าท่านได้ ซึ่งคงเป็นเพราะบารมีของท่านซึ่งปฏิบัติธรรมเคร่งครัดเสมอมานั่นเอง เช้าของวันที่ ๕ พวกเสือร้าย ๕คนได้ปรึกษาหารือกันเข้าไปกราบหลวงพ่อสำเนียงในโบสถ์และเล่าความจริงให้ท่านฟัง พวกเขาแนะนำตัวเองหลวงพ่อจึงถามไปว่า โยมพากันมาทำไมที่นี่ เสือแคล้วและพวกจึงสารภาพว่าต้องการมากราบขอขมาหลวงพ่อ กรรมใดที่ได้ล่วงเกินท่านไว้ขอให้ท่านอโหสิกรรมแก่พวกเขา

    หลวงพ่อท่านว่า เวรของผู้จองเวรย่อมไม่ระงับ แต่เวรของผู้ที่ไม่จองเวรย่อมระงับ อาตมาอโหสิให้ แต่กรรมโยมได้กระทำไปนั้นไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบัน กรรมนั้นย่อมตอบสนองในภายหลังไม่มีใครให้อภัยได้ ดังนั้นขอโยมจงหยุดการกระทำชั่วนั้นๆเสียแล้วให้เริ่มทำความดีต่อไป หมั่นรักษาศีลเพราะศีลจะทำให้ผู้ปฏิบัติให้เป็นผู้ที่สมบูรณ์ในโภคทรัพย์ ทั้งในภพปัจจุบันนี้และจะนำสู่สุขคติและนิพพานในภพหน้า เมื่อได้รับฟังธรรมะจากหลวงพ่อ เสือร้ายทั้ง๕ สำนึกผิดและซาบซึ้งในโอวาทของหลวงพ่อสำเนียง พวกเขาพร้อมที่จะปฏิบัติตามจึงได้มอบตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน พร้อมได้ปวารณาตัวว่าจะเลิกทำชั่ว แล้วตั้งอยู่ในศีลธรรมต่อไป นี่แหล่ะคือสัจธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ให้ชาวโลกละความชั่ว ประพฤติแต่ความดีในที่สุดธรรมะย่อมชนะอธรรม สมดังที่พระองค์ตรัสไว้ทุกประการ สาธุ…

    สภาพเลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมขึ้นคอบูชาได้เลยครับ

    temp_hash-00232a6fbdc95ba42bf19abf5dba8e12-jpg.jpg
     
  8. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    สมเด็จพระปลัดจ้อย สุเมโธ วัดนางในธรรมมิการาม หลวงพ่อมุย วัดดอนไร่ ปลุกเสก1พรรษา ให้บูชา950บ.

    "ท่านมุ่ย ได้ข่าวว่าท่านขลังนัก ทำอย่างไรถึงขลัง"(สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช จวน อุฏฐายี วัดมกุฏกษัตริยาราม) ทรงตรัสถามหลวงพ่อมุ่ย

    " ตั้งแต่เกล้ากระหม่อม บวชเรียนมายังไม่เคยทำชั่ว ทำแต่ความดี ถ้าจะขลังก็คงขลังที่ความดี กระมัง "(หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ตอบสมเด็จฯ)

    พระสมเด็จ เนี้อผงอิทธิเจแก่ผงล้วนๆครับพระปลัดจ้อย สุเมโธ วัดนางในธรรมมิการามท่านตั้งใจสร้างอย่างมากครับโดยท่านกำหนดิตลบผงเองเป็น เวลานานพิมพ์นี้ มีทั้งหลังเรียบและหลังกดจ.2 หลังจาก สร้างเสร็จแล้วหลวงพ่อท่านได้ให้คุณลุงแก้ว ชาติเกษมชัย กรรมการวัดได้นำพระใส่ลงบรรทุกท้ายรถมอเตอร์ไซค์ จาก อ. วิเศษฯ มาให้ปลุกเสกที่วัดดอนไร่ 1 พรรษา และท่านก็เสกเองอีกนานและก็มาแจกที่วัดนางใน ส่วนที่วัดดอนไร่มีแจกเฉพาะพิมพ์แหวกม่านครับ และมีลงในหนังสือรวมเล่มหลวงพ่อมุ่ยน่ะครับถือเป็นพระเครื่องที่หลวงพ่อมุ่ย ท่านเกี่ยวข้องที่มีประวัติแน่นอนครับ พระปลัดจ้อยท่านก็มีอายุไม่ห่างไกลกับหลวงพ่อชมเท่าไรน่ะครับท่านเป็นพระ เก็บตัวไม่ค่อยยุ่งกับใครสมเด็จรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นเดียวของท่านน่ะครับ

    [​IMG]

    พระสภาพสวยมากครับองค์นี้
    temp_hash-77c216aac42edd33aa39450a6c56077d-jpg.jpg
     
  9. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    เหรียญแซยิด79ปี หลวงพ่อหวั่น วัดคลองคูณ รุ่นมั่งมีศรีสุข ปี2556 พิเศษติดจีวร+เกศา ให้บูชา200บ.

    “พระครูพิพิธธรรมาทร” หรือ “หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต” เจ้าอาวาสวัดคลองคูณ ต.คลองคูณ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ปัจจุบันแม้สังขารจะล่วงเลยเข้าร่วมศตวรรษแล้วก็ตาม แต่หากมีพิธีพุทธาภิเษกในเขต จ.พิจิตร ตลอดจนย่านใกล้เคียงในละแวกนี้จะต้องมีนามของหลวงพ่อหวั่น ร่วมในพิธีอยู่ด้วยเสมอทุกครั้งไป

    หลวงพ่อหวั่นเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังมากๆ ในเรื่องตะกรุดสาลิกา และตะกรุดมหาอุด ท่านทำตะกรุดตั้งแต่พรรษายังไม่มาก เมื่อลงตะกรุดแรกๆ ก็แจกให้ญาติพี่น้องกันก่อน ปรากฏว่าเกิดประสบการณ์ต่างๆ ในด้านเมตตา โชคลาภ ตลอดจนคงกระพันชาตรี ตะกรุดของท่านจึงขยายวงกว้างแห่งความศรัทธาสู่ญาติโยมไปทั่ว

    ด้วยความศรัทธาในบารมีความเข้มขลังของหลวงพ่อหวั่น จึงมีการขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคลของท่านหลายรุ่นทั้งที่ออกในนามวัดคลองคูณโดยตรงและคณะศิษยานุศิษย์จัดสร้าง ซึ่งทุกรุ่นล้วนเป็นที่นิยมและมีประสบการณ์ให้กล่าวขานมากมาย

    upload_2024-7-15_19-46-25.jpeg
     
  10. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    พระไพรีพินาศเนื้อว่าน หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป วัดคำแคนเหนือ จ.ขอนแก่น ปี๔๕ ให้บูชา150บ.

    หลวงปู่มหาโส กัสสโป “พระมหาเถระผู้บำเพ็ญสมณะธรรมกรรมฐานอยู่กลางป่าเป็นนิจ” แห่งวัดป่าคีรีวันอรัญเขต (วัดป่าคำแคนเหนือ) ตำบลคำแคน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วยความเคร่งครัด และ ยังเป็นผู้มีนิสัยเคร่งขรึมและเด็ดเดี่ยวยิ่ง การที่ท่านได้สละพันธะทางโลกซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั้งปวงที่มีอยู่ ท่านจึงได้ดำรงชีวิตในเพศพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัดต่อพระธรรมวินัย มีความสันโดษเป็นที่ตั้ง ยึดมั่นในพระธรรมคำสอนแล้วนำมาประพฤติปฏิบัติด้วยชีวิตและจิตใจยากที่บุคคลทั่วไปจะเสมอเหมือน หลวงปู่มหาโส กัสสโปท่านเป็นศิษย์ในสายธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และ เป็นศิษย์ผู้พี่ของหลวงปู่ผาง จิตตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต (ผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าท่านเป็นศิษย์หรือสหธรรมิกของหลวงปู่ผาง จิตฺตคุตโต) แต่ที่จริงไม่ใช่เพราะถ้านับพรรษาหลวงปู่มหาโส ท่านมีพรรษามากกว่าหลวงปู่ผาง ถึง ๑๐ ปี ในขณะที่ผู้คนรู้จักชื่อเสียงของหลวงปู่ผาง หลวงปู่มหาโสยังคงธุดงธ์แสวงวิเวกอยู่ในป่า

    temp_hash-9666e96c3f2030cca0dd3101cc458a40-jpg.jpg

    ท่านนับเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่งชึ่งผู้คนยังไม่ค่อยรู้จักท่านเท่าใด เพราะปฏิปทาท่านชอบบำเพ็ญหาความสงบทางจิตในป่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นับตั้งแต่อายุ ๗๐ ปี หลวงปู่พระมหาโส ก็ไม่เคยออกจากวัดป่าคำแคนเหนือ สู่งสังคมทางโลกอีกเลย สมัยก่อนท่านธุดงค์บำเพ็ญเพียรที่หุบเขาต่างๆ เช่น ภูพาน ภูผาแดง ภูเม็งฯลฯ และตั้งสำนักสงฆ์ที่หุบเขาภูเม็ง แต่ด้วยอุบาสกอุบาสิกาที่ไปถือศีลเป็นไข้ป่า ต่อมาเมื่อท่านจึงตัดสินใจย้ายลงมาอยู่ที่เชิงเขาภูเม็งจนถึงปัจจุบันท่านก็ได้มาปักหลักสร้างวัดป่าคีรีวันอรัญเขต (วัดป่าคำแคนเหนือ) ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

    temp_hash-9666e96c3f2030cca0dd3101cc458a40-jpg.jpg
     
  11. ชนบท168

    ชนบท168 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2020
    โพสต์:
    2,258
    ค่าพลัง:
    +158
    รูปเหมือนเนื้อดินทาบรอนซ์ทอง หลวงพ่อพิมพ์ วัดวิหารทอง อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ให้บูชา150บ.

    หลวงพ่อพระครูพิมพ์ เป็นพระที่สมถะ มักน้อย สันโดษ ฉันอาหารมื้อเดียว ชอบภาวนา ไม่ชอบการสร้างวัตถุมงคลเพื่อหวังเงินทอง อายุประมาณ 30 พรรษา ได้สร้างอุโบสถร่วมกับหลวงพ่อเชื้อ น้องชายหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ โดยได้ทำแหวนนิ้วตามตำราของหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ เพื่อสมนาคุณให้กับผู้ทำบุญพระอุโบสถหลังนี้คือ พระอุโบสถวัดวังขรณ์ ซึ่งที่วัดวังขรณ์นี้เดิมเป็นโรงเรียนปริยัติธรรม แหวนนิ้วที่เหลือนี้ยังได้ฝังไว้ที่วัดวังขรณ์ จำนวน 2 ไห ใต้ท้องวงเขียนว่า “อิ ติ” เป็นภาษาขอม นอกจากอุโบสถที่วัดวังขรณ์แล้ว ที่วัดวิหารทอง ท่านก็สร้างเมรุเผาศพ แลพสะพานแขวน ราคาหลายล้านบาท ภายหลังท่านมาอยู่วัดสนามชัย ท่านก็สร้างกุฏิกรรมฐาน

    ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังสงครามได้มีเสือตั้งชุมปล้นสะดมทรัพย์สิน วัวควาย ฯลฯ เอาไปเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านสนามชัยได้รวมตัวกันเข้าไปกราบพระครูพิมพ์ เล่าเรื่องให้ฟัง ท่านได้ถามว่า แล้วพวกมึงจะยอมเขาหรือจะสู้เขา ชาวบ้านสนามชัยได้ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าสู้ พอท่านได้ยินคำว่าสู้ ท่านก็ไปขุดหัวว่านขมิ้นอ้อย ที่ท่านปลูกเอาไว้ เอามาล้างน้ำ เสกและจารโดยฝานตรงยอดบนออก แล้วท่านก็ฝานเป็นแว่นๆ ให้กับชาวบ้านอมใส่ปากไว้ ชาวบ้านสนามชัยมีแค่ปืนแก๊ป ปืนลูกซอง ปืนไทยประดิษฐ์ (เมดอินไทยแลนด์) พร้า ดาบ ฯลฯ แล้วท่านก็ยังสั่งว่า เมื่อตามไปทันให้โห่ร้อง แล้วสู้ประจัญบานกับมัน ผลคือผู้นำชาวบ้านคือนายพวง โดนเสือเล็กยิงแต่ยิงไม่ถูก นายพวงได้ยิงมัน โดนเสือเล็กตัดขั้วหัวใจตายเลย ผลการสู้รบในวันนั้น เสือโดยการนำของเสือเล็กบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ชาวบ้านสนามชัยแค่บาดเจ็บเล็กน้อย เรื่องนี้โด่งดังมาก

    ผู้สืบทอดอาจารย์ธรรมโชติ
    ที่อำเภอสรรค์บุรีนี้ ถ้าพระองค์ใดเป็นเจ้าคณะอำเภอจะต้องจำพรรษา หรือเป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง ซึ่งอยู่ติดหรือใกล้ที่ว่าการอำเภอ ท่านพระครูพิมพ์ก็เช่นกัน เดิมก็เป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารทอง อยู่ๆ ท่านไม่ชอบใจกรรมการวัด ท่านก็มาจำพรรษาที่วัดสนามชัย บ้านเกิดของท่าน เหตุการณ์แบบนี้ได้เกิดขึ้นมา 3 ครั้ง ตั้งแต่พระครูปัตร, พระครูปุ่น ซึ่งสืบเชื้อสายเป็นญาติพี่น้องกันมาทั้ง 3 องค์ ได้มีการจดบันทึกเอาไว้ว่า สืบเชื้อสายมาจากขุนสรรค์ แต่ตัวพระครูพิมพ์นั้นกลับมีปฏิปทา เหมือนหนึ่งเป็นหน่อของท่านอาจารย์ธรรมโชติ คือใครเดือดร้อนขอเหรียญรูปท่าน ท่านก็ให้ไป แต้ถ้าเป็นทหาร เป็น ตชด. ท่านต้องแจกตะกรุด เหรียญหันหลังชนกันกับขุนสรรค์ ผ้ายันต์ ผ้ายันต์นี้แม้ไม่มีก็จะเขียนให้ จะค้างคือที่วัดก็จะเขียนให้ แม้ผืนขนาดใหญ่ ผู้พันให้ลูกน้องมาขอ เขียนด้วยปลุกด้วย 3 วัน 3 คืน เอาไว้ป้องกันบังเกอร์ก็เขียนให้

    ของคู่บุญ
    หลวงพ่อพิมพ์ ท่านชอบปฏิบัติทางจิต แต่ไม่ชอบเรียนวิชา แม้ศิษย์พี่คือหลวงพ่อกวย จะอยู่ไม่ไกล (ตอนที่ท่านเป็นอุปัชฌาย์ ท่านต้องไปจำพรรษาอยู่วัดวิหารทอง ซึ่งอยู่ติดที่ว่าการอำเภอ) แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท่านชอบคือคันกระสุน(คล้ายธนู) ใช้ลูกดินยิง ท่านได้สั่งศิษย์หาไม่ไผ่ป่าที่ล้มอยู่มีโขลงช้างข้ามและมีผีตายทับ ถ้าได้ช่วยทำให้ท่านสัก 1 อัน อยู่ต่อมาลูกศิษย์ของท่านได้ไปดูเขายิงเสือ (คน) นอนตายทับลำไม้ไผ่เมื่อดูไปดูมา ได้เห็นรอยเท้าของโขลงช้างเดินข้ามไปมานานแล้ว ลูกศิษย์ของท่านเลยตัดเองมา แม้ว่าจะทำได้ 2 อันแต่ลูกศิษย์ของท่านกลับทำเพียงอันเดียว เพื่อให้เป็นของหนึ่งเดียว คันกระสุนนี่ยาวกว่าของหลวงพ่อกวยเกือบ 1 ฟุต แต่ของหลวงพ่อกวยไม้แก่กว่า ไม้แก่มากเกือบเป็นสีแดง แต่ท่านจะยิงกระสุนวิถีคดได้แบบหลวงพ่อกวยหรือเปล่าไม่รู้เพราะครั้งหนึ่งศิษย์รุ่นเก่าไปกราบท่าน เห็นท่านถือคันกระสุนอยู่ จึงแกล้งแหย่ท่านว่า หลวงปู่หันหน้าไปทางโน้น แล้วยิงให้โดนหัวผมที ท่านนิ่งเฉย ท่านพูดว่า กูไม่ใช่หลวงพ่อกวยนี่หว่า ภายหลังคันกระสุนนี้ได้ตกมาอยู่กับศิษย์ใกล้ชิดท่านนึง ปัจจุบันได้มอบให้พิพิธภัณหลวงพ่อกวยไปแล้ว

    temp_hash-f79145db4dcf9d9bba67affd14520056-jpg.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...