ชอบใจพระคาถาบทไหน ก็ทำบทนั้น ชอบกรรมฐานกองไหนก็ทำกองนั้น ทำให้เห็นผลจริง ๆ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 ธันวาคม 2022.

  1. iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366


    พระคาถาเงินล้าน

    ถ้ากำลังใจของเรารักษากรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือแม้กระทั่งพระคาถาให้ได้ผล สิ่งอื่น ๆ ก็จะได้ผลเหมือนกัน แค่เปลี่ยนวิธีการนิดเดียว ถ้าได้อย่างเดียวอย่างอื่นเท่ากับได้ไปด้วย

    ดูตัวอย่างของอาตมาเอง สมัยที่ยังอยู่วัดท่าซุง ปี ๒๕๒๘ หลวงพ่อท่านให้พระคาถาเงินล้านมา พอ พ.ศ. ๒๕๒๙ ก็มานั่งคิดว่าสมัยหลวงปู่ปาน ท่านมีตัวอย่าง นายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร ๑ นายแจ่ม เปาเล้ง ๑ นายเฉลิม คงทอง ๑ เขาเอาคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไปทำจนได้ผล นายห้างประยงค์นี่รวยจนนับเงินไม่ถูก เขาสำรองเงินสองหมื่นบาทไว้ให้หลวงปู่ปานตลอดเวลา หลวงปู่ต้องการเมื่อไรเรียกได้ทันที เพราะหลวงปู่ทำการก่อสร้าง ก็มานั่งคิดว่าในเมื่อสมัยนั้นมีบุคคลตัวอย่างในการใช้พระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า สมัยหลวงพ่อทำไมเราไม่มีบุคคลตัวอย่างในการใช้พระคาถาเงินล้าน รอมาเป็นปีก็ไม่มีใครเอาจริง ก็เลยตัดสินใจว่า "กูเอง" แล้วก็เริ่มเลย

    ภาวนาแบบช้า ๆ เอาคุณภาพ วันละประมาณ ๓๐๐ จบเป็นปกติ ใช้เวลาสามปีเต็ม ๆ อยากจะบอกว่าปัจจุบันที่ทำอะไรคล่องตัว ต้องการเงินเท่าไรก็มีเท่านั้น เป็นอานิสงส์ของพระคาถาเงินล้านจริง ๆ อาตมานับลูกประคำไปด้วยเพื่อจะได้จำว่ากี่จบแล้ว โดยภาวนาเช้า ๑๐๐ จบ กลางวัน ๑๐๐ จบ เย็น ๑๐๐ จบ นับจนนิ้วสองข้างนี่ด้านมาเป็นเม็ดเบ้อเริ่มเลย ลูกประคำที่เป็นลูกหวาย พวกเราน่าจะรู้จัก อาตมานับจนลื่นเป็นลูกแก้ว ใครเห็นก็มีแต่บอกว่าประคำสวยจริง แต่เขาไม่รู้หรอกว่า กว่าจะสวยได้แบบนั้นต้องใช้ความพยายามตั้งเท่าไร ?

    มีคนเลียนแบบเอากระดาษทรายขัด เอาน้ำมันลงลูกประคำ ทำอย่างไรก็ไม่ได้อย่างนั้น เพราะลูกประคำนั้นขี้ฟ้อง คนใช้ประคำถ้าไม่นับจริง ๆ ก็จะไม่สวย ประคำเส้นนั้นขาดจนนับครั้งไม่ถ้วน ขาดเมื่อไรก็ต่อใหม่ เพราะวัน ๆ ต้องนับดูว่าภาวนามากี่รอบ พอทำไปก็มีความคล่องตัวอย่างที่เห็น

    ถ้าหากคนอื่นกล่าวถึงก็น่าจะยกตัวอย่างได้ เพราะว่าเก้าปีแรกที่ออกจากวัดท่าซุง อาตมาสร้างวัดไป ๗ วัด มีอยู่สามวัดที่มีแต่พื้นดินเปล่า ๆ ให้เลย เกาะพระฤๅษีใช้เวลาการสร้าง ๑๓ เดือน วัดพุทธบริษัทใช้เวลา ๕ เดือนกว่า ๆ อยากจะบอกว่า ถ้าเงินพร้อม ของพร้อมทุกอย่างก็เสร็จเร็ว ถึงได้อยากให้พวกเราทำอะไรแบบนี้บ้าง ชอบใจพระคาถาบทไหนก็ทำบทนั้น ชอบใจกรรมฐานกองใด ก็ทำกองนั้น เอาให้เห็นผลจริง ๆ ถึงเวลาเราไปประกาศตัวว่า เราเป็นลูกศิษย์สายวัดท่าซุง เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษี จะได้พูดได้เต็มปากเต็มคำ

    เหมือนกับคำพิจารณาของพระ มีอยู่ข้อหนึ่งว่า บรรพชิตพึงพิจารณาอยู่เนือง ๆ ว่า คุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เก้อเขินเมื่อเพื่อนสหธรรมิกไต่ถามเอาจริงเสียทีดีไหม ? เดี๋ยวอาตมาจะนำกองทัพไปลุยกับเขาเอง

    บางคนอยากได้ฤทธิ์อยากได้อภิญญา ถามว่าภาวนานานเท่าไร...ครึ่งชั่วโมง ครึ่งชั่วโมงไม่รู้ว่ากำลังใจได้ดีหรือไม่ได้ดี แต่อีก ๒๓ ชั่วโมงครึ่ง ลอยตามน้ำตลอด แล้วจะไปเอาดีได้อย่างไร ? ขนาดครึ่งต่อครึ่งยังไม่ได้เรื่องเลย

    ช่วงที่อาตมาภาวนาพระคาถาเงินล้านมากที่สุด วันหนึ่งประมาณ ๑,๒๐๐ จบ ตื่นแต่ตีสามก็เริ่มเลย เดินจงกรมภาวนาไปเรื่อย ๆ มีเวลาหยุดตอนฉันอาหารประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นก็ว่าต่อ เลิกตอนหนึ่งทุ่มทุกวัน ได้ ๑,๒๐๐ จบ เป็นการภาวนาแบบหวังผลก็คือไปช้า ๆ เอาคุณภาพ จะใช้ภาวนาโดยการเดินจงกรมไปเรื่อย ๆ แล้วก็หยุดพัก อาจจะไปดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำ ห้องส้วม เสร็จแล้วก็มาเริ่มต้นใหม่

    เดินจงกรมจนพื้นเป็นร่อง จากพื้นธรรมดาเดินจนกลายเป็นทาง พวกเราไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ว่าให้มีเวลาที่ใจเราเกาะความดีมากกว่าความชั่ว ทำได้หรือไม่ ? ถ้าทำได้เมื่อไร หลวงพ่อบอกว่าจะเป็นลูกศิษย์ที่ท่านรักมาก

    ท่านบอกว่าคนที่เป็นลูกศิษย์ท่านไม่ต้องเสียเวลามาสมัคร ไม่ต้องเสียเวลามาบอกกล่าว ใครตั้งใจรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ ท่านถือว่าเป็นลูกศิษย์ชั้นจิ๋วของท่านเลย ถ้ารักษาศีลห้าด้วยตั้งใจทำสมาธิด้วยถือเป็นลูกศิษย์ชั้นกลาง แต่ถ้ารักษาศีลด้วยเจริญสมาธิด้วย มีปัญญารู้ตัวอยู่เสมอว่าจะตาย ตายแล้วไปพระนิพพาน ท่านบอกว่านับเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด ถ้าเราตั้งใจเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อต้องทำตามปฏิปทาของท่าน ไม่ต้องเสียเวลามาให้เคี่ยวเข็ญ ต้องทุ่มเทด้วยตัวเอง

    อาตมาเองสามปีแรกที่ฝึกกรรมฐานมีตำราเล่มเดียว คือ คู่มือปฏิบัติกรรมฐานของหลวงพ่อ ลุยอย่างเดียวไม่สนใจฟ้าดินอะไรเลย มีกินไม่มีกินช่างหัวมัน จะนอนเมื่อไรช่างหัวมัน เพราะว่ายิ่งทำกสิณอยู่ ก็ต้องต่อเนื่องติดพัน ไม่อยากละไปเพื่อพักผ่อน เนื่องจากว่าถ้ายังไม่ใช่นิมิตติดตาติดใจจริง เผลอแล้วมักจะหาย ต้องมาเริ่มต้นใหม่ ทำอยู่สามปีเต็ม ๆ กว่าจะไปสอบถามกับหลวงพ่อ เนื่องจากว่าปัญหาบางอย่างหนังสือตอบไม่ได้ พวกเราไม่ต้องถึงขนาดนั้น ทำไปแล้วติดขัดตรงไหนแล้วมาถาม อาตมาเชื่อว่าที่พวกเราทำมาคงจะไม่มากไปกว่าที่อาตมาเคยทำ เพราะฉะนั้น..ติดขัดตรงไหนคงจะพอตอบได้

    ถ้าทุกคนรักษากำลังใจให้สงบได้ ความร่มเย็นจะมีมาก คนรอบข้าง เขาเห็นเราสงบเราเย็น เขาจะพลอยเย็นไปด้วย ถ้าหากว่าเราสงบเย็น คนรอบข้างเย็น ครอบครัวเย็น หมู่บ้านก็จะเย็นไปด้วย เพราะว่ากำลังใจเขาจะตามกันมา เหมือนกับแม่เหล็กที่ดูดเอาเศษเหล็ก

    ถ้าหลาย ๆ หมู่บ้านดี ตำบลก็จะดี หลายตำบลถ้าดี อำเภอก็ดี หลาย ๆ อำเภอถ้าดี จังหวัดก็ดี หลาย ๆ จังหวัดดี ประเทศดีแน่นอน เพียงแต่ต้องเริ่มที่ตัวเราทุกคน ไม่ใช่พอถึงเวลาอาจารย์ยังอยู่ อาจารย์ลงหน่อย ลงหัวให้หน่อย ต้องลงเองได้เลย

    อาตมาเจอหลวงพ่อเล่นมาแล้ว ให้ยันต์น้ำมนต์ มาถึงอาตมาก็สั่งรีดแผ่นทองแผ่นเงิน จารเสร็จเรียบร้อย "หลวงพ่อครับ..ได้โปรดเมตตาเสกให้ด้วยครับ" ท่านบอกว่า "วิธีก็รู้แล้ว ก็เสกเอาเองสิ" สองชั่วโมงครึ่งเหนื่อยแทบลิ้นห้อย เพราะว่าอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ สามห้อง ๑๐๘ จบ นะมะพะทะ อีก ๑๐๘ จบ แล้วไม่มีความมั่นใจเลย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี

    พอมีพิธีพุทธาภิเษกก็แอบเอาไปซุกไว้ หลวงพ่อท่านก็เห็นอีก ท่านก็หัวเราะบอกว่า "ก่อนหน้านี้ข้าก็เหมือนแก หลวงปู่ปานอยู่ ข้าก็ไม่เคยมั่นใจตัวเองหรอก ต้องเอาครูบาอาจารย์ไว้ก่อน แต่พอหลวงปู่ปานมรณภาพ ชาวบ้านเขาเห็นว่าข้าอยู่กับหลวงปู่ เขาก็แห่กันมาหา ตอนนี้ข้าไม่มั่นใจก็ไม่ได้ ท้ายสุดก็โดนท่านยัดมาจนกระทั่งมานั่งอยู่ตรงนี้"

    ขอยืนยันกับพวกเรา ถ้าตั้งใจจะทำได้ทุกคน ให้เอาจริง ๆ เถอะ ความจริงจังวัดได้ว่าบารมีของเราพร้อมหรือเปล่า มาถึงระดับนี้รักที่จะไปพระนิพพาน บารมีต้องพร้อม เพียงแต่เพิ่มความขยันเข้าไปหน่อยเท่านั้นเอง
    .....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     

แชร์หน้านี้