แบบนี้ ต้องติดตาม ตอนต่อไป ... สาธุ
ชีวิตของชัยพล
ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nunoiyja, 28 กรกฎาคม 2013.
หน้า 2 ของ 2
-
-
ชัยได้เริ่มเรียนรู้วิธีคิดนอกกรอบจากการสังเกตอาการของเด็กน้อยคนนั้น และเป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มเห็นว่า
ใจของเขามันตกตะกอนได้อย่างที่เจ้าประคุณเมตตาสั่งสอน เขาเริ่มท่องบ่นมนต์คาถาต่างๆ ตามหนังสือที่เขาขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยซื้อมาให้เขาเวลาเข้าตัวเมือง
เขาไม่สนใจในความหมายในบทมนต์ภาวนา เขาท่องบ่นไปอย่างเช่นนกแก้วนกขุนทอง จนวันหนึ่งเขาสังเกตเห็นในใจเขาว่ามันสงบนิ่งเป็นสมาธิในเวลาที่ท่องบ่นมนต์เหล่านั้น
เขาเริ่มพร้อมที่จะรับฟังคำสั่งสอนของเจ้าประคุณแล้วกำลังใจที่เคยเหือดแห้งไปไม่รู้หลั่งไหลมาจากไหนมากมาย มันมากมายพอที่จะทำให้เขามีกำลังในการเดินทางลงจากป่านั่งรถไฟ หลายชั่วโมงเพื่อเดินทางไปหาเจ้าประคุณ
ชัยขอโอกาสเจ้าประคุณบวชเพื่อศึกษาและเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ เจ้าประคุณได้เมตตาบวชให้ชัย ตามที่เขาขอร้อง
พ่อและครอบครัวเดินทางมางานบวชให้ชัย พ่อยังคงบึ้งตึงกับชัยด้วยเรื่องครั้งเก่าก่อนและอดถามชัยไม่ได้ว่าที่บวชเป็นเพราะศรัทธาในศาสนาหรือต้องการจับผิดศาสนา
แต่เจ้าประคุณชิงตอบคำถามนี้แทนชัยว่า ที่บวชนี้ไม่ใช่เพราะศรัทธาหรอก ศรัทธาจะเกิดขึ้นภายหลัง หลังจากที่ได้เรียนรู้ รู้เหตุรู้ผลความเป็นปัจจัย เมื่อรู้จนแจ่มแจ้งแล้ว ศรัทธาก็จะแนบแน่นสนิทในใจของเขาเอง
ตั้งแต่วันที่ “ชัย” กลายเป็นพระชัยในปี พ.ศ.๒๕๓๒ นั้นพระชัยก็มุ่งประพฤติปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ไม่มีย่อหย่อน
แต่ความนัยบางอย่างในใจ ยังคงทำให้พระชัยรู้สึกไม่สงบสงัดอย่างที่ควรจะเป็น ทุกครั้งที่ออกจากวิปัสสนากรรมฐาน พระชัยก็รู้ตัวอยู่ตลอดว่า อัตตวานุปาทาน ของตัวเองยังไม่สิ้นสุด
และทุกครั้งที่รู้สึกเช่นนั้น ภาพของหลวงพ่อหินทรายและเทพทั้งสี่ก็จะปรากฏอยู่ในความนึกคิด
-
พ.ศ. ๒๕๓๙ พระชัยเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดด้วยโยมพ่อแก่ชราลงตามลำดับ แต่ที่สบายใจอยู่บ้างก็ด้วยหลานๆ ดูแลโยมพ่อได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่พระขัยเยี่ยมโยมพ่อแล้ว ก็ได้เดินออกไปตามทางเดินหลังบ้านที่บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นถนนลาดยางไปสู่วัดที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอ ๑๐ ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนทุกชีวิตในหมู่บ้านแห่งนี้ไปโดยสิ้นเชิง
พระชัยเดินไปยังวัดท้ายบ้านอันเป็นทีตั้งเดิมของศาลพระหินทราย ซึ่งบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นวิหารขนาดใหญ่ประดับประดาด้วยกระจกสีระยิบระยับ ที่ดินซึ่งแต่เดิมย่าบริจาคไว้ ๔ ไร่
ต่อมาชาวบ้านได้ร่วมบริจาคที่ดินรอบๆ จนวัดมีเนื้อที่ ๒๒ ไร่เศษ ภาพไร่อ้อยได้เปลี่ยนเป็นสวนป่าซึ่งผู้ศรัทธาหลวงพ่อทั้งหลายได้บรรจงก่อสร้างขึ้นราวเนรมิต
พระชัยเดินขึ้นไปยังวิหารหลวงพ่อหินทราย ซึ่งบัดนี้ไม่เหลือเค้าเดิมของพระที่ถูกค้นพบบนจอมปลวกแม้แต่น้อย พระชัยเริ่มใจสั่นรัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับหลวงพ่อหินทรายและอารักษ์เทพทั้งสี่อีกครั้ง
“หลวงพ่อครับ ผมมีคำถามอยากถามหลวงพ่อมากมายเลยครับ” พระชัยนั่งสงบนิ่งคิดในใจ
จู่ๆ สายลมก็กระโชกเข้ามาอย่างแรง หน้าต่างวิหารที่ทำจากไม้แกะสลักขนาดใหญ่เลื่อยเข้ามาเล็กน้อย แต่ควันธูปที่ลอยเป็นสายขึ้นไปจรดฉัตรที่กั้นถวายหลวงพ่อนั้นแตกกระจายฟุ้งไป
“หลวงพ่อกำลังแสดงปาฏิหาริย์อะไรอีกหรือเปล่า” พระชัยนั่งสงบนิ่งคิด
“อะไรคือปาฏิหาริย์ครับหลวงพ่อ”
-
ติดตามอ่านอยู่อยากรู้ตอนจบจะเป็นเช่นไร
-
“อะไรคือปาฏิหาริย์ครับหลวงพ่อ”
เสียงในมโนสำนึกของพระชัยดังแข่งกับเสียงกระดิ่งระฆังใบเล็กที่แขวนรายรอบวิหาร
“ผมถามตัวเองตลอดมาว่าที่บวชนี้เพราต้องการอะไร ผู้รู้ว่าตัวเองบวชเพื่อต้องการความสงบแต่ทุกครั้งที่มิจฉาสังกัปปะ ออกอาละวาดในทุกครั้งที่ฌานอ่อน พลังอันมากมายมหาศาลของมัน ทำให้วิปัสสนาของผมแตกกระเจิง”
สายลมภายนอกเริ่มสงบ
“หลวงพ่อครับ สำหรับผม เหตุที่บวชเรียนก็เพื่อมุ่งหาความบริสุทธิ์แห่งตน แต่ผมก็รู้ตัวเองมาตลอดว่า ผมยังไม่บริสุทธิ์กับหลวงพ่อ จริงอยู่ปัจจุบันนี้ผมสงบใจได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ผมก็ขุ่นใจทุกครั้งที่พยายามค้นหาคำตอบเรื่องปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อกับอารักษ์เทพทั้งสี่”
เมฆลอยเคลื่อนออกจากดวงอาทิตย์ แสงแดดวิ่งมากระทบที่ใบโพธิ์ทองเหลืองซึ่งห้อยอยู่ที่ระฆังสิ่งประกายระยิบระยับ
“หลวงพ่อว่าปาฏิหาริย์ไม่มีจริงหรือครับ”
“หลวงพ่อจำวันที่เจ้าพวกโจรจะมาขโมยหลวงพ่อได้หรือเปล่า หลวงพ่อไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เขาเล่าลือกันเลย
แม้แต่อารักษ์เทพทั้งสี่ก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นพวกท่านก็รู้ ผมต่างหากที่เป็นคนทำ”
เสียงฟ้าเริ่มสั่นครืนมากแต่ไกล
“หลวงพ่อกำลังจะถามผมใช่ไหมครับว่าวันนั้นผมมาที่ศาลทำไม ผมยอมรับ ผมโกรธหลวงพ่อกับอารักษ์เทพครับ ผมจะมาทำลายหลวงพ่อครับ ผมยอมรับ”
หยาดฝนเริ่มตกลงมาพร้อมกับลมสะบัดเป็นระยะ
“หรือว่านั่นคือปาฏิหาริย์ที่หลวงพ่อกับอารักษ์เทพทำ” เม็ดฝนเริ่มใหญ่ขึ้น
“หลวงพ่อดลใจให้ผมมาที่ศาลนี้หรือ หลวงพ่อดลใจผมเป็นห่วงคอกวัวจนต้องออกมาดูจนพบหลวงพ่อ.....แล้วหลวงพ่อดลใจให้ผมโกรธหลวงพ่อจนต้องการจะทำลาย.....ก็เลยเป็นเหตุให้ผมต้องพบกับอ้ายโจร ๒ คนนั่น....."
"หลวงพ่อกำลังจะบอกผมว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมเป็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อและอารักษ์เทพทั้งสี่อย่างนั้นใช่ไหมครับ.....ผมว่าหลวงพ่ออย่ามาตู่เอาง่ายๆ อย่างนั้นดีกว่าครับ”
ฟ้าผ่าลงมาที่ท้ายวิหาร ฝนเริ่มตกหนักมากขึ้น
“หรือหลวงพ่อกำลังจะบอกผมว่า หลวงพ่อเป็นคนทำให้ฟ้าผ่าลงมาด้วย พูดเป็นเล่นไป ทุกอย่างคือปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อกับอารักษ์เทพทั้งสี่อย่างนั้นหรือ”
-
ตอนสุดท้ายแล้วนะครับ
“ตั้งแต่ผมเกิดแล้ว การเกิดของผมก็เป็นปาฏิหาริย์ การที่ย่าของผมตายก็เป็นปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อด้วยหรือเปล่า แล้วความชราที่กำลังมาเยือนสังขารของผมอยู่นี่ก็เป็นปาฏิหาริย์อีก ทำไมปาฏิหาริย์มันเป็นเรื่องธรรมดาสามัญอย่างนั้นเล่า”
"ถ้าวันนั้นผมไม่ดับไฟหลวงพ่อ หลวงพ่อก็คงมอดไหม้ไปหมด วิหารหลังนี้ก็คงไม่มี โรงเรียนแห่งนั้นก็คงไม่เกิด สถานีอนามัยก็อาจจะยังไม่ได้สร้าง ถนนหนทางในหมู่บ้านก็คงไม่เป็นอย่างนี้ และที่แน่นอนที่สุดหลวงพ่อที่ปิดทองเปลวเหลืองอร่ามอย่างขณะนี้ก็คงไม่มีแน่”
“หรือเพราะมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้วหรือ”
แล้วเสียงหนึ่งที่พระชัยคุ้นเคยดังขึ้นในโสตสัมผัส
“ปาฏิหาริย์มันมีจริงและไม่มีจริงไปพร้อมๆ กัน เป็นปกติเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติของปาฏิหาริย์”
พระชัยลืมตาขึ้นมองหลวงพ่อกับอารักษ์เทพทั้งสี่อีกครั้ง
คราวนี้พระชัยรู้สึกถึงความเมตตา ความรัก ความชุ่มชื่นฉ่ำเย็นที่แผ่ออกมาจากหลวงพ่อและอารักษ์เทพทั้งสี่เป็นความรู้สึกที่พระชัยไม่เคยได้รับมาก่อน
พระชัยรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ว่า ไม่รู้สึกอันใด ไม่โกรธแค้น ไม่ถวิลหา และไม่สงสัย ใช่แล้ว “ไม่สงสัย” เป็นคำพูดที่เจ้าประคุณสั่งสอนศิษย์เสมอๆ
“บางอย่างเราไม่เข้าใจ แต่ไม่สงสัย” เพราะเมื่อถึงเวลาอันควร ความสงสัยเหล่านั้นจะเลือนหายไปเอง โดยแทนที่ด้วยความเข้าใจ
พระชัยกราบลาหลวงพ่อสามครั้งแล้วเดินจากไป พระชัยเล่าให้เราฟังว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่ธรรมดา และเป็นปาฏิหาริย์ในเวลาเดียวกัน
บรรณศาลา
๘ พฤศจิกายน ๕๕๓
หน้า 2 ของ 2