ชุดมอบรักด้วยธรรม
โดย พระพุทธยานันทภิกขุ
ภาระกิจในเรื่องของการภาวนา เป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างเข้มข้นมาก เพราะว่าปัญหาต่างๆที่เข้ามาสู่กระแสจิตของเราแต่ละวันมันเพิ่มมากขึ้น บางครั้งมันจะมากเกินไปด้วยซ้ำ จนกระทั่งเรารู้สึกเกร็งโดยไม่รู้สึกตัวในบางครั้ง ไม่รู้สึกผ่อนคลาย และรู้สึกไม่สบาย รู้สึกปวด รู้สึกเมื่อย รู้สึกล้า รู้สึกท้อ รู้สึกอึดอัดโดยหาสาเหตุไม่ได้ ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกไม่สบายใจอยู่ลึกๆ
อาตมาเองก็มาคิดว่า เอ จะทำอย่างไรหนอ ที่จะทำให้คนที่มีอาการเช่นนี้รู้สึกสบายใจได้อย่างรวดเร็ว มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่อาตมาไปขึ้นไปเก็บเงียบอยู่บนถ้ำที่วัดของอาตมาเองประมาณ 10 วัน อาตมาก็ได้พยายามทดลองฝึกฝนการทำความรู้สึกตัวแบบผ่อนคลาย เพื่อจะหาวิธีผ่อนคลายแบบง่าย ๆ และได้ผลเร็ว และนำมาเสนอแก่พวกเราทั้งหลายไปทดลองทำกันดู
รู้จักกระแสชีวิตก่อนจะผ่อนคลาย
จากการทดลอง อาตมาได้พบว่า ในกระแสของความรู้สึก มันมีอยู่ 2 กระแส คือกระแสสุขและกระแสทุกข์ หรืออาจจะเรียกชื่อต่างๆ กันไป เช่นว่า กระแสพอใจ และ ไม่พอใจ กระแสบาป กระแสบุญ กระแสรัก กระแสชัง ส่วนมาก จิตของเราจะตกอยู่ใน 2 กระแสนี้เท่านั้น
แม้แต่พระพุทธองค์เอง ก่อนที่จะตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ พระองค์ก็ตกอยู่ในกระแสทั้ง 2 นี้ ที่ท่านเรียกว่า
ชุดมอบรักด้วยธรรม
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย satan, 8 กุมภาพันธ์ 2009.
-
สาธุ...เป็นพ่อมดใจดีมาก
ผมชอบข้อความที่ว่า..."จิตทำงานเหมือนนาฬิกา ขันธ์ห้าเหมือนเฟือง" -
อนุโมทนา... เป็นแนวทางอีกหนึ่งแนวทางที่น่าศึกษาครับ เพื่อให้เหมาะสมกับตัวเราเอง
-
เคยเห็นธรรมะกันบ้างไหม
ธรรมะ คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ว่าเป็น
สันทิฎฐิโก เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
อะกาลิโก เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เอหิปัสสิโก เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
โอปะนะยิโก เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
-----------------------------------------------------------
ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมเจริญสติ พอจะเห็นธรรมะกันบ้างไหม ?
เห็นธรรมคือเห็นอะไร เห็นได้อย่างไร ธรรมคือความเป็นสิ่งพิเศษ พิสดารอย่างนั่นหรือ ?
มีผู้ที่เข้ามาปฏิบัติธรรมคนใหม่ รายงานอารมณ์กับหลวงตาว่า “ขณะที่เดินจงกรมอยู่ในตอนบ่ายวันหนึ่งที่อากาศแสนจะร้อน เธอเองทั้งเบื่อและเมื่อยเป็นอย่างมาก ขณะนั่นได้เห็นใบไม้ใบแก่ๆใบหนึ่ง ร่วงลงมาบนดิน ตรงทางเดินจงกรมของเธอ ฉับพลัน! ใจเธอก็บอกกับตนเองว่า เป็นธรรมดานะที่ใบไม้ที่แก่แล้วจะร่วงหล่นลงมาที่พื้น เหมือนกับคนก็เช่นกัน เมื่อมีเกิด ก็มีแก่ และมีตาย เช่นเดียวกับใบไม้ใบนั้น แล้วใจของเธอก็โล่ง คลายอารมณ์เบื่อหน่ายและเมื่อยล้า” มีแรงเดินจงกรม อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งเย็นของวันนั้น โดยมิได้หยุดพักอีกเลย
ผู้ปฏิบัติอีกท่านเป็นเด็กน้อยวัย 11 ปี ขณะที่นั่งสร้างจังหวะในป่าไผ่ น้องเค้าแสนจะเมื่อยและคิดถึงบ้าน คิดถึงแม่ ทันใดนั้นก็มองเห็นลูกวัวที่กำลังกินหญ้า ห่างจากแม่วัว ใจของเด็กน้อยก็น้อมนำภาพปริศนาที่เห็นนั้นมาสู่ใจของตนเองพร้อมกับพิจารณาว่า “ลูกวัวมันก็กินหญ้าของมันไป หากจากแม่วัว ไม่เห็นจะคิดถึงอะไรกันเลย ตนเราเองก็เหมือนกัน ทำไมต้องคิดถึงแม่ คิดถึงบ้านด้วย” พร้อมกับให้กำลังใจตนเองว่า เดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว ต้องอดทน เราเองก็ได้ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมะ เพื่อนำธรรมะไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง อาการของใจที่มันคิดถึงบ้านคิดถึงบ้าน ก็หายไป
หญิงสาวผู้หนึ่ง มาปฏิบัติธรรมสองสามครั้งแล้ว ขณะทำความสะอาดกวาดวัดในตอนเช้าวันหนึ่ง เกิดรู้สึกตัวว่า เป็นคนไม่อดทน ขณะนั้นหลวงตาก็เดินผ่านมา
หลวงตา : เป็นอย่างไรบ้าง? (สอบถามด้วยอาการเรียบเฉย)
หญิงสาว : รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่อดทน (กล่าวด้วยเสียงสั่น
เครือ)
หลวงตา : ถ้าอย่างนั่น ก็อดทนซะ
เป็นคำสอนที่เรียบง่าย ตรง ชัดที่สุด พร้อมกับชี้ให้ดูรังมดแดง ที่ต้นมะม่วงที่อยู่ใกล้ๆ ต้นหนึ่ง จากนั้นหญิงสาวก็ฝึกเรื่องความอดทนต่อแรงที่มาจะมากระทบทางกายและใจ ทั้งแรงที่เกิดขึ้นจากภายนอกและภายในตนเอง เรื่อยมา ( เพียงแค่รู้ เพียงแค่อาศัยระลึก )
หญิงชราวัยหลังเกษียณอายุราชการ หลังจากได้เริ่มมาปฏิบัติธรรมป็นครั้งที่สามของชีวิต ณ วัดป่าโสมพนัส ขณะที่เดินจงกรมอยู่ ก็รู้สึกตัวว่าตนเองมีความคิดโน่นคิดนี้ จึงเกิดความสงสัยตนเองว่า ทำไมจึงคิดมากจัง จึงพิจารณาย้อนกลับไปว่า อะไรเป็นเหตุให้ต้องคิด ความคิดนี้เกิดมาเพราะอะไร ย้อนคิดถอยหลังกลับไป แม้ครั้งนี้ยังไม่พบต้นตออันเป็นเหตุของความคิด เพียงแต่ได้บอกตนเองเบาๆว่า “แล้วเราจะคิดไปทำไมกัน” เท่านั้น ก็เลิกคิดกับมารู้สึกที่เท้า ระลึกรู้เพียงแค่ที่เท้าสัมผัสพื้น เท่านั้น (ปัจจุบันขณะ)
จากตัวอย่างที่ได้นำเสนอมา อย่างนี้คือธรรมะใช่ไหม ?
http://www.freedom-books.com/content.php?id=13 -
ใช้ตัณหา ละตัณหาได้
ใช้มานะ ละมานะได้
ใช้ทิฐิ ละทิฐิได้
ได้ยังไง คิดเอง