.
....สุดยอดมากครับ บุญพาวาสนาส่งจริงๆ ผมเองพอเล่นในมือถือก็เลยไม่ค่อยได้มาโพสในพลังจิต แต่ยังไงก็ไม่ทิ้งครับ เพราะเป็นบ้านหลังแรกที่ให้ผมได้เขียนเรื่องราวของหลวงตา ถ้าเล่นเฟสอยู่กดแอดไปกลุ่ม หลวงตาสมหมาย(ช่างชิต) ได้นะครับ
ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ช่างชิต, 21 ตุลาคม 2013.
หน้า 78 ของ 81
-
ขอบคุณมากครับช่างชิต ที่กรุณาแนะนำครับผม
-
.....ตอนนี้ในกลุ่มเฟส กำลังมีกิจกรรม มหากุศล กับ หลวงปู่พระอริยะเจ้า 4 รูป คือ
หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ
หลวงปู่สนั่น วัดป่าคลองกุ้ง
หลวงปู่บุญธรรม วัดสามัคคิยาราม
พ่อท่านผอม วัดไทรขาม
...เรียนเชิญทุกท่านเข้าไปติดตามกันได้นะครับตามลิ้งค์ด้านล่างเลย
.
https://www.facebook.com/groups/938981642780598/ -
....สมัยก่อนมีแต่ก็อบบทความในพลังจิตไปลงในเฟส แต่เดี้ยวนี้ต้องก็อบบทความในเฟสมาลงพลังจิต เพราะมันเล่นในมืถือลำบาก 5555++ ตอนนี้ในเฟสกลุ่มหลวงตา มีบทความดีๆ มันส์ๆ เยอะมาก จะทยอยเอามาลงในบ้านหลังนี้นะครับ
-
....ไม่ได้มาเขียนนานแล้ว คิดถึงบ้านหลังนี้เสมอ เดี้ยวจะถยอยลงเรื่องที่ลงในเฟสนะครับ ช่วงที่ผ่านมาช่างชิต ทำกองบุญบอกบุญ งานต่างๆ ได้ยอดร่วม 4 แสนกว่าบาท ก็เริ่มปฐมบทจากที่อยากบอกบุญค่ารักษาพยาบาลหลวงปู่ 4 รูป แล้วก็ติดพันยาวมาเลย
.
...ช่างชิตจะนำบทความในเฟสมารีรันในนี้อีกรอบนะครับ ให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกัน แม้เหตุการณืจะผ่านไปแล้วแต่เราก็อ่านเอามันส์และร่วมอนุโมทนาด้วยกันได้ เริ่มใน กระทู้หน้าเลยครับ -
....***รีรันตอนที่ 1***
.
…....."กองบุญสร้างบารมีกับหลวงปู่4อรหันต์”.....
ตอนที่ 1/10 "พระที่ต้องหาให้คนที่รักแขวน"….
.
....กระทู้นับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ 5 ขออนุญาตลงรายระเอียดเกี่ยวกับวัตถุมงคลชุดที่ช่างชิตคัดสรรมาให้พี่ๆน้องๆได้ร่วมบุญนะครับ จะได้รู้ที่มาที่ไป จะได้เห็นคุณค่า ว่าทำไมช่างชิตถึงกล้าพูดว่า ดีนอก ดีใน ดีโคตรๆ ขออย่าไปคิดว่ากลุ่มนี้กลุ่มหลวงตาทำไมเอาอะไรมาเขียนไม่เกี่ยวกับหลวงตา!!เลย คือ เกี่ยวครับ เกี่ยวแน่นอน เพราะทุกความดีที่ช่างชิตทำในวันนี้ ผู้ที่จุดประกายและฉุดมาจากขุมนรก(สมัยเกเรๆ)ก็คือ หลวงตาสมหมาย นี้ละครับ ฉะนั้น ช่างชิตบอกท่านหมดละว่าทำอะไรบ้าง และท่านก็คงยินดีที่เห็นลูกศิษย์ท่านทำเรื่องดีๆตามจริตนิสัยนะ ทำแบบนี้พอได้ แต่ให้ไปภาวนาทำไม่เก่ง 5555++
.
....ยาวละ มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ หลังจากที่ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไป ที่จะทำกองบุญหลวงปู่ทั้ง4กองนี้แล้ว ช่างชิตก็คิดว่าจะเอาอะไรมาให้พี่ๆน้องๆได้ร่วมบุญ มาคิดทบทวนดูจึงคิดได้ว่าเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ช่างชิตมีความรู้สึกอยากได้พระหลวงพ่อกวยมาแขวนซักรุ่น แบบทำบุญนะ ไม่เอาแบบเช่าพระแผง ที่สำคัญต้องไม่แพง เพราะตังไม่มี 5555++ แต่ถ้าจะให้ดีถ้าเป็นพระที่หลวงพ่อกวยและหลวงปู่หมุนท่านเสกร่วมกันคงจะสุดยอดไปเลยละ (หลวงปู่หมุนสุดยอดขนาดไหน คงไม่ต้องเหลานะครับ หลวงพ่อกวยท่านยกย่องหลวงปู่หมุนมาก)
.
((((((((***....นอกเรื่องนิด หลวงพ่อกวยนิ นอกจากช่างชิตจะนับถือท่านด้วยอะไรหลายๆอย่างแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้ลงใจกับท่านแบบไม่ต้องถอนสมอ คือ เมื่อ 2ปีก่อน หลวงตาท่านเคยพิจารณาเหรียญหลวงพ่อกวยปี 2521 อย่างตั้งอกตั้งใจ(ปรกติหลวงตาท่านไม่ทำแบบนี้ก็ รู้ๆกันอยู่)และหลวงตาเองก็ได้กล่าวยกย่องหลวงพ่อกวยเอาไว้ด้วย หลวงตาบอกว่า
.
....”พระองค์นี้เป็นพระป่า ท่านถือธุดงวัตร"
***จริงๆหลวงพ่อกวยเป็นพระมหานิกาย แต่หลวงพ่อท่านถือธุดงค์วัตร ออกธุดงค์อยู่ป่าอยู่เขามาก่อน
.
"เหรียญท่านหนัก ท่านลงไว้ครอบจักรวาล ท่านเป็นพระมีสัจจะมีพลังสัจจะอยู่ในเหรียญ"
***เป็นคำตอบที่ อัศจรรย์ใจมากที่สุด เป็นลูกศิษย์หลวงตามา 14-15 ปี หน้าด้านเสี่ยงตายหาจังหวะเอาพระเอาของไปถามท่านบ่อยครั้ง แต่หลายๆครั้งท่านจะไม่มาพูดรับรองอะไรแบบนี้เลย นี้เป็นครั้งแรกจริงๆครับที่ได้ยินหลวงตาพูดเยอะขนาดนี้ ถามแอดฌานได้นะอยู่ด้วยกัน และที่สำคัญหลวงตาไม่รู้จักหลวงพ่อกวยนะครับ!!! ))))))))
.
.....เอ้า กลับเข้าเรื่องต่อ พออยากได้ช่างชิตก็เลยไปคุยกับแอดฌาน(ขานี้เขาสายหลวงพ่อกวย) ว่าอยากได้แบบนี้ๆ พอหาให้ได้ไหม แอดฌานบอกไม่มีหรอกจะไปหาไหนที่เล่นๆกันอยู่ก็แพงๆทั้งนั้นและยิ่งทำบุญด้วย เอาไม่แพงด้วย ไปหาไหน 5555++ แต่อยู่ดีๆก็เหมือนแอดฌานจะคิดขึ้นมาได้ จึงแนะนำว่า
“มีพี่ท่านหนึ่ง ชื่อพี่ตู่ ทำงานอยู่การท่าสุวรรณภูมิ แกเป็นนักบุญตัวจริงเสียงจริง เป็นศิษย์สายหลวงพ่อกวยเหมือนกัน แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือแกเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิอาจารย์ตั๊ว วัดซับลำใย(อาจารย์ตั๊ว ท่านเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อกวย) มีวัตถุมงคลที่ทันยุคหลวงพ่อกวย ที่หลวงพ่อกวยทำให้อาจารย์ตั๊วไว้สร้างวัด” ช่างชิตได้ยินแบบนั้นก็ยังไม่ได้อะไรมากมาย แต่ที่มันบ๊ระเจ้าสุดๆ!!! คือ
.
......วัตถุมงคลชุดนี้ หลวงปู่หมุนได้เสกร่วมไปด้วยเป็นปีๆ(ก่อนหลวงพ่อกวยมรณะภาพ ได้บอกให้อาจารย์ตั๊วไปตามหาหลวงปู่หมุนไปฝากตัวเป็นศิษย์ อาจารย์ตั๊วตามหาหลวงปู่หมุนเป็นสิบๆปีก่อนจะเจอและได้ฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน) “พระชุดนี้ทั้งหมดก่อนอาจารย์ตั๊วจะมรณภาพได้มอบให้พี่ตู่เก็บไว้สร้างกุศลต่อไปในอนาคต นานๆแกจะให้ออกทำบุญทีเวลามีงานบุญแกก็ถึงจะออก แกไม่ได้ขายพระกิน ไปวุ่นวายแกมากไม่ได้ แกจะด่าเอาเดี้ยวยังไงถ้าแกบอกบุญจะมาบอกนะ” (นึกถึงคุณลุงนก เริงลม ขึ้นมาทันที่ กราบขออภัยล่วงหน้าขออนุญาตแซวนะครับ 5555++)
.
....เมื่อแอดฌานว่าแบบนั้น ช่างชิตก็รอแล้วรอเล่า จนวันนี้ที่รอคอยก็มาถึงเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว พี่ตู่บอกบุญแล้วเอาวัตถุมงคลชุดนี้ออกให้ร่วมบุญ พอแอดฌานมาบอกช่างชิต ช่างชิตก็รีบให้แอดฌานจองให้ทันทีด้วยความตื่นเต้น 1 องค์ จริงๆอยากเก็บไว้เยอะๆละ แต่เพราะ.......รู้กันอะนะ (ไม่รู้กูจะเขียนทำไม) 55555++
.
.....จองแล้วโอนตังเรียบร้อย ก็นัดวันกันไปเอาพระที่บ้านแก พอช่างชิตกับแอดฌานและน้องอีกคนไปรับพระ ก็กราบสวัสดีแนะนำตัวกับพี่ตู่ พี่ตู่ ตัวจริงวัย 50 แล้ว แต่แก ตัวใหญ่ เสียงดัง สักเต็มตัว ดูโหด เหมือนแนวนักเลงโบราณ กล้ามเป็นมัดๆประมาณว่าต่อยคนกรามหักได้อะ 5555++ (แต่จริงๆพี่แกใจดีครับ) แนะนำเสร็จ แกก็เล่าประวัติความเป็นมา และที่มาที่ไปที่อาจารย์ตั๊วมอบพระชุดนี้มาให้แก ก็คุยกันพอสมควร จนมาถึงช่วงเวลาไคลแม็กซ์!!! พี่ตู่ถาม “พวกคุณร่วมบุญกี่องค์???” ช่างชิตก็แจ้งจำนวนไป
.
....แกก็ไปหยิบพระมาให้ ช่างชิตมองตามถุงพระในมือแก เห็นเป็นพระเนื้อดินในถุงพลาสติกขุ่นๆ ดูแบบ....ไม่รู้สิ ในใจตอนนั้นก็คิดทันที “ทำไมพระดูโหลๆแบบพระท่าพระจันทร์แบบนั้นว่ะ??” คิดนะคิด (ต้องขอเล่าตามจริงนะครับ จะได้เห็นภาพตาม ช่างชิตได้เปิดใจคุยขอโทษพี่ตู่แกไปแล้ว) สิ้นความคิดที่สบประมาทแบบนั้น พอช่างชิตแบมือรับพระ พอพระลงบนมือเท่านั้นแหละ!! .....โอ้โห++++ ความรู้สึกแบบไฟซ็อตอะ ชา ขุนลุกจากฝ่ามือวิ่งเข้ามาที่ลำตัวเลยครับ ช่างชิตต้องแอบสะกิดแอดฌานแล้วกระซิบเหมือนพวกจะแอบก่อวินาศกรรม “เฮ้ย!! ได้ๆ แน่นอนๆ” ก็แต่ได้กระซิบกันนะ
.
.....แล้วพวกเราก็มาเลือกพระใส่ถุง ปากก็คุยกับแกไปด้วย แต่พระที่เอามารอบแรกไม่พอ น้องมาด้วยเอาเยอะ พี่ตู่แกก็เลยลุกไปเอามาเพิ่มให้อีก พระอยู่ในลังแกก็กำมาแล้วก็หันมาบอก “เอ็งมารับพระกับพี่หน่อย” ช่างชิตก็แบมือสองข้างรับเหมือนรอบแรก สิ่งที่ไม่น่าจะเกิดมันก็เกิดครับ แปลกใจและอัศจรรย์ใจถึงที่สุด พอแกเทพระลงมาพระสัมผัสกับผิวฝ่ามือช่างชิตเท่านั้นละ อาการเดียวแบบรอบแรกเลย
.
.....ตารีบไปดูผิวที่แขนตัวเอง ขนตั้งผิวนู้นขึ้นเป็นตูดไก่ชัดเจนมาก ในใจคิด“เจอขนาดนี้กูคงไม่ได้คิดไปเองแล้วละ 2 รอบติดๆ” มาทบทวนดู ช่างชิตคิดว่าท่านคงจะทำให้เราเห็นละครับ ที่ดันไปปรามาสเอาไว้ว่าดูเหมือน “พระโหล” เพราะถ้าท่านไม่ทำให้เห็น ช่างชิตไม่ได้มีพลังวิเศษอะไร จิตก็หยาบแสนหยาบ คงไม่รู้สึกแบบนั้น 2-3 รอบหรอก ช่างชิตเชื่อว่า ท่านคงแสดงให้เราเห็นว่าของๆท่านจริงๆให้เราสบายใจในการร่วมบุญ..
.
....คราวนี้ช่างชิตสะกิดแอดฌานหนักกว่าเดิมเลยครับ แทบจะเอาตีนเขี่ย 5555++ แต่ยังกระซิบเหมือนเดิมนะ “เฮ้ยยย ไม่ธรรมดา พลังแรงโคตรๆ สุดยอดมากกกกก” หลังจากนั้นพูดคุยกับพี่ตู่อีกหน่อยก็กราบลาพี่แกกลับ ก่อนกลับพี่ตู่ก็บอกว่า
"พระแบบนี้เราต้องเก็บไว้ให้ครอบครัวญาติหรือคนรักติดตัวไว้ ระดับ หลวงพ่อ หลวงปู่ พุทธคุณครอบจักรวาล"
.
......ขากลับช่างชิตถามน้องที่ไปด้วยกันว่าทำไม ถึงเก็บหลายองค์จัง น้องตอบว่า “ศิษย์สายหลวงปู่ดู่ ฝากมาเช่าครับ เขานั่งกรรมฐานขอทราบพลังพระรุ่นนี้ แล้วสัมผัสได้ เขาบอกว่า รุ่นนี้พลังแรงมาก” ฟังแบบนี้ก็ยังไม่ถึงใจช่างชิตเท่าไรน้องเหมือนจะรู้ ยิงต่อทันที “ที่สำคัญเขาใส่รุ่นนี้ไปกับพ่วงพระแล้วถอดให้ หลวงปู่เกลี้ยง วัดเนินสุทธาวาสเป่าให้ (พระเกจิอาจารย์เข้มขลังยุคนี้ ท่านเก่งหนุมาน ละสังขารไปแล้ว เมื่อกลางปี อายุ 99 พรรษา) พอหลวงปู่เกลี้ยงจับพ่วงพระ ท่านหยุดไม่เป่า แล้วหยิบพระรุ่นนี้ขึ้นมาพร้อมพูดว่า “ถ้ารักใครชอบใครให้หาพระแบบนี้ให้เขาแขวนนะ!!!!” โอ้โห ฟังแบบนี้ จบเลยครับ
.
......นั้นคือที่มาที่ไปทั้งหมดที่ทำให้ช่างชิตนึกถึงพี่ตู่และพระรุ่นนี้ พอคิดจะทำโปรเจกกองบุญนี้ขึ้นมา เมื่อวานช่างชิตก็รวบรวมความกล้าเขาไปหาแก ขอร่วมบุญพระรุ่นนี้กับแก พร้อมบอกถึงความตั้งใจและวัตถุประสงค์ที่จะทำกับทีมงานและอยากให้คนที่ร่วมบุญกองนี้ได้พระที่มีที่มาที่ไปชัดเจนและดีจริงๆ อย่างที่บอกครับว่าพี่ตู่ถึงแม้จะดูโหดเหี้ยม แต่แกเป็นคนใจเมตตาจิตใจดีมาก แกให้ช่างชิตร่วมบุญมาจำนวนหนึ่งครับ พร้อมอวยพรให้ทุกๆท่านที่ร่วมบุญในครั้งนี้ จงประสบความสำเร็จและร่ำรวยและยังให้ของดีแถมมาไว้แจกผู้ร่วมบุญด้วย
.
....ก่อนกลับแกบอกช่างชิตว่า “พวกเซียนขายพระมันตามผมจะเอาพระรุ่นนี้ให้ได้ แต่ผมไม่ให้ สมัยก่อนมันเคยด่าผม มันบอกรุ่นนี้ไม่เล่น สุดท้ายพอมันรู้ว่ารุ่นนี้หลวงพ่อสร้างจริงๆ ทุกวันนี้มันมาขอเช่าจากผมกันบาน แต่ผมไม่ขาย ระดับนายกชมรม..........โทรหาผมผมก็ไม่สนใจ ผมไม่ได้อดได้อยากผมไม่ต้องขายพระกิน แต่ผมให้คุณ ถ้าคุณเอาไปสร้างบุญตามที่คุณพูดก็ขอให้เจริญๆ แต่ถ้าคุณเอาไปขาย หลวงพ่อกวยท่านดูอยู่(พูดแล้วก็หันไปบนหิ้ง)คุณก็ชิบหายเองละ พรุ่งนี้ผมจะออกไปวัดต่างจังหวัดพอดี ก็จะเอาเงินที่คุณร่วมบุญกับผม ไปสร้างบุญต่อไป” ช่างชิตรับปากอย่างมั่นใจ และก็ถือพระรุ่นนี้กลับมาให้พี่ๆน้องๆได้ตามใจหวังครับ
.
.....เขียนมาตั้งนานแล้ว พี่น้องๆคงอยากจะรู้แล้วใช่ไหมละว่า พระรุ่นนี้เป็นพระอะไร ประวัติการสร้างเป็นแบบไหน ได้ๆ เดี้ยวช่างชิตบอกครับ แต่...!! ช่างชิตว่ายาวละกระทู้นี้(นั่งเขียนจะ 3 ชั่มโมงได้) เอาไว้ตอนหน้าละกัน เดี้ยวดึกๆมาเขียนลงให้ อย่าโกรธกันเลยนะ 5555++ ให้ติดตามกันดีๆ
.
....อ๋อ เงินที่ไปร่วมบุญกับพี่ตู่ เป็นเงินกองกลางที่ตกค้างของ กลุ่ม ส.บารมี เรานะครับ ขอให้ทุกท่านอนุโมทนากันด้วย สุดท้ายนี้ขอกราบขอบพระคุณพี่ตู่ ขออนุญาตแท้กนะพี่ ขอบพระคุณที่มีเมตตาแบ่งปันสุดยอดวัตถุมงคลมาให้ครับ ขอให้พี่สุขภาพแข็งแรงร่ำรวยทั้งเงินทองและน้ำใจแบบนี้ตลอดไปครับผมไฟล์ที่แนบมา:
-
-
อ่านแล้วเคลิ้มเลยช่าง อยากร่วมบุญด้วยแต่คงไม่ทันแล้วมั้ง 555 ยังไงขอโมทนาด้วยครับ
-
-
***รีรันตอนที่2 ไม่ใช่การบอกบุญนะครับ เป็นบทความเก่านำมาให้อ่านและอนุโมทนาร่วมกัน
.
....ปฐมบท "กองบุญสร้างบารมีกับหลวงปู่4อรหันต์"….
ตอนที่2/10 "กูจะทำให้ดีกว่าของเก่า".....
.
......โอ้โห ช่างชิตพึ่งกลับมาถึงห้อง เห็นกระแสตอบรับกับมหากุศลครั้งนี้อย่างล้นหลาม ต้องบอกว่าที่นั่งหลังคดหลังแข็ง เขียนบทความ ยาวๆ2-3 ชั่วโมง หายแทบปลิดทิ้งเลย ใครไม่ชอบอ่านยาวๆต้องขออภัย พอดีสไตร์ช่างชิตเป็นแบบนี้ครับ เป็นตัวของตัวเองจะสื่อสารออกมาได้ดีที่สุด (มันต้องอธิบายในบริบทเนาะ คนอ่านถึงจะเห็นภาพเหมือนกัน)
.
......และขอให้พี่ๆน้องๆใจเย็นๆกันก่อนนะครับ ปฐมบทของกองบุญครั้งนี้ พึ่งเริ่มต้น ยังมีอีกหลายๆอย่างที่น่าสนใจ พึ่งผ่านไปตอนเดียวเท่านั้น เหลืออีกตั้ง 9 ตอน มีวัตถุมงคลอีกเป็น 10ๆชนิด รับรองว่าทั้ง 10 ตอน ก็มีเรื่องความประทับใจ ที่มาที่ไปและความเข้มขลังไม่แพ้กันเลยทีเดียว เดี้ยวมารอแย่งกันเอาพระรุ่นนี้หมด ช่างชิตจะหาไหนให้ 55555++
.
..... ขอการันตีด้วยเกียรติ เด็กวัดขี้ดื้อครับ ของทุกชิ้นที่ให้ร่วมบุญงานนี้ "ดีหมด" ส่วนใครจะได้รุ่นไหน แบบไหน ก็แล้วแต่ธรรมจัดสรรแล้วกัน แต่!!! ขออย่าลืมว่า ทั้งหมดทั้งมวล คือ *****พวกเราจะสร้างบารมีกับหลวงปู่พระอริยะผู้เฒ่าที่อาพาธ อายุรวมเกือบ 500 ปี นั้นครับ คือ เป้าหมายหลัก*****
.
.....ฉะนั้น ใครได้ร่วมบุญในกองนี้ แล้วได้วัตถุมงคลชิ้นไหนรุ่นไหนไปก็ตาม ก็ขอให้ ปิติกับสิ่งที่ท่านทำกับพระอริยะเจ้าที่อาพาธอันเป็นเป้าหมายสูงสุดนะครับ อานิสงค์ตรงนี้ ถ้าให้ผลขึ้นมาวันไหนท่านกินสิบชาติก็ไม่หมด
.
.....ที่ช่างชิตต้องบอกแบบนี้ ก็กลัวว่า เดี้ยวพี่น้องๆบางท่านไม่ได้พระที่ตัวเองอยากได้แล้ว จิตเศร้าหมอง บุญที่ทำมันก็ไม่เต็มกำลัง เข้าใจตรงกันนะจ๊ะทุกๆท่าน ส่วนจะให้ร่วมบุญแบบไหนยังไง จบ10ตอน พระนางออกมาครบแล้ว ช่างชิตจะแจ้งให้ทราบครับ
.
....ตามสัญญาครับ บทความนี้จะกล่าวถึงประวัติการสร้างรายละเอียดของพระรุ่นที่กำลังฮือฮากันอยู่ นั้นคือ “พระลีลาทุ่งเศรษฐี เนื้อดินกรุกำแพงทุ่งเศรษฐี หลวงพ่อกวย สร้าง 2517” ช่างชิตขอนำเนื้อหาข้อมูลที่ศึกษามาบวกกับที่ได้คุยสนทนากับพี่ตู่ นำมาปะติดปะต่อเรียบเรียงใหม่ให้พี่ๆน้องๆได้อ่านในครั้งนี้นะครับ
.
....หลวงพ่อกวยท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ไม่ต้องบรรยายขายของอะไรให้มากความ “เพราะชื่อเสียงท่านได้ความความนิยมในวงกว้างมานานหลายปีแล้ว” สมัยที่ท่านอยู่ ท่านสร้างพระหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เนื้อดิน เนื้อผง เนื้อโลหะ ท่านทำออกมาล้วนศักด์สิทธิ์ ก่อประสบการณ์มากมาย
.
.......พระเครื่องของท่านส่วนมาก ท่านสร้างล้อหรือถอดพิมพ์ของเก่า(พระกรุ) แล้วท่านเองก็ตั้งใจสร้าง อย่างพิถีพิถัน พุทธคุณไม่แพ้ของพระต้นฉบับเลย เช่น พระสรรค์ เด่นทางคงกระพัน หลวงพ่อก็สร้างได้ดีไม่แพ้ของเก่า พระสรรค์เนื้อดินท่านดีมาก ทางคงกระพัน มหาอุด แถมยังมีพลังด้านอื่นๆอีก เพราะท่านได้ผสมทรายเสกของท่านลงไปด้วย และหลวงพ่อเองก็เชี่ยวชาญพระเวทย์หลายแขนง
.
....พระผงท่านก็ตั้งใจสร้างตามแบบองค์บูรพคณาจารย์ที่ท่านยกย่อง นับถือ อย่างเช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์โต แห่งวัดระฆัง พระผงของท่านจึงเด่นด้านเมตตามหานิยม และนิรันตราย เพราะหลวงพ่อได้ปลุกเสกด้วยมนต์วิเศษ อย่างเช่น มนต์พระปริตร คาถาชินบัญชร และปิดท้ายมนต์พระกาฬ ตามแบบของท่าน
.
....เมื่อปี 2517 หลวงพ่อกวยท่านได้สร้างพระรุ่นนี้ขึ้นมา เป็นพระลีลาทุ่งเศรษฐี เนื้อดิน ได้สร้างขึ้นโดยเอาพระกรุเก่าที่ชำรุด กรุๆต่างๆ โดยเฉพาะพระชำรุดกรุกำแพงทุ่งเศรษฐี ที่ท่านมีเป็นปี้บๆ ผงพุทธคุณ ผงปถมัง ผงตรีนิสิงเห ว่าน108 มาผสมกับมวลสารตามสูตรของท่านกดล้อพิมพ์ของเก่าพิมพ์พระลีลา หลวงพ่อกวยท่านพูดว่า “กูจะทำให้ดีกว่าของเก่าอีก”!!! นั้นคือสัจจะของท่าน
.
(พระซุ้มกอที่อยู่ใน กรุกำแพงทุ่งเศรษฐี เป็น 1 ในเบจภาคี ราคาหลักล้าน พระในกรุนี้ไม่ว่าจะพิมพ์ใด จึงมีพุทธคุณโดดเด่นเรื่อง เจริญก้าวหน้า ร้ำรวย มีโชคลาภ ไม่อดไม่อยาก สมกับสมยานาม “มีกูไว้ไม่จน”)
.
.....เมื่อทำเสร็จแล้วพระส่วนหนึ่งก็บรรจุในกรุ อีกส่วนท่านก็มอบกับแม่ของอาจารย์ตั๊วไว้ ให้เก็บเอาไว้ให้อาจารย์ตั๊ว จนกระทั้งแม่พระอาจารย์ท่านจะเสีย จึงได้บอกให้อาจารย์ตั๊วไปเอาพระลีลารุ่นนี้ที่หลวงพ่อท่านสั่งให้เก็บไว้ให้
.
...... เมื่อนำมาแล้วอาจารย์ตั๊วท่านก็ออกให้ทำบุญสร้างวัดซับและแจกเรื่อยๆมา จนถึงยุคหลวงปู่หมุน 2542 อาจารย์ตั้วได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่(ตามที่หลวงพ่อกวยสั่งเอาไว้) ท่านจึงได้นำพระลีลาชุดนี้ ให้หลวงปู่หมุนปลุกเสกเดี่ยวอีกหลายครั้ง และได้นำเข้าร่วมเสกกับพระเครื่องของหลวงปู่หมุนอีกหลายวาระ คือ
.
ปี 2542 งานสมโภชน์บูรณะวัดซับลำใย หรืองานอะไรไม่รู้จำไม่ได้ละ 5555++ ถ้าผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยครับ
ปี 2543 ปลุกเสกพิธีวัดซับลำใยเข้าพิธีชุดสมปรารถนา (เกจิอาจารย์มืดฟ้ามัวดิน มีแต่ระดับสุดยอดทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ลป ละมัย ลป อิง ลป กอง ลป สรวง ลป หงษ์ ลพ รวย ลพ เพี้ยน ลป ทิม ลป เก๋ ลพ พูล เป็นต้น)
ปี 2544 หลวงปู่หมุนปลุกเสกเดี่ยวในงานสรงน้ำประจำปี วัดซับลำใย จ.ลพบุรี
ปี 2544 เข้าร่วมในพิธี ๙ แผ่นดินมหาสมปรารถนา
ปี 2545 หลวงปู่หมุนปลุกเสกเดี่ยวในงานสรงน้ำประจำปี วัดซับลำใย จ.ลพบุรี อีกครั้ง
.
....จริงๆไม่ต้องนับพระอาจารย์องค์อื่น เอาแค่ หลวงพ่อกวยกับหลวงปู่หมุน แค่ 2 องค์ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว คือ สุดๆจริงๆครับ ถ้าเปรียบพลังแบบหนังซุปเปอร์อีโร่ของ 2 ค่ายใหญ่ DC และ MARVEL ให้พอเด็กรุ่นใหม่นึกภาพออก พลังก็ประมาณ SupermanกับThanos คือตัวละคร 2 ตัวนี้เก่งแบบฆ่าไม่ตายมีพลังระดับจักรวาล ไม่ต้องไปถามถึงฮีโร่ในโลก เช่น มดเอ็กซ์ กัปตันอเมริกา บอกเลยว่าเทียบไม่ติด…นี่คือเปรียบเทียบให้เห็นภาพ
.
....ทำไมช่างชิตถึงกล้าพูดเช่นนั้น เพราะ ครูบาอาจารย์ทั้ง 2 รูป ท่านยกย่องและยอมรับซึ่งกันและกัน หลวงพ่อกวย...ท่านยกย่องว่าหลวงปู่หมุนเก่งมากๆๆๆๆๆ มีพลังจิตสูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
.
.....กล่าวกันว่าการเสกวัตถุมงคลของท่านทำให้เหล็กธรรมดากลายเป็นเหล็กไหลได้ พระเครื่องของท่านจะมีพลังกระจายตัวออกมาถึง 20-30 วารอบตัวเอง เคยมีผู้มีอภิญญาญาณ ตรวจสอบว่ามีพลังมากถึงขนาดเอาเบญจภาคี 5 องค์มารวมกันยังไม่ได้เท่า การตั้งธาตุ หนุนธาตุ ทำให้มีพลังงานสะสมจนสุดพิสดาร
.
….ในพิธี มหาสมปราถนา 2543 ก่อนเริ่มพิธีหลวงปู่หมุนท่านก็ได้ชักยันต์ตาข่ายเพชรบนอากาศคลุมปะรำพิธีหลังพิธีเสร็จหลวงปู่หมุนท่านได้บอก อ.ตั้วว่า
" อ.กวยนี่เก่งสมคำร่ำลือจริงๆเหาะมาทำเอายันต์ตาข่ายเพชรเราแตกกระจายหมดเลย"!!!!
.
.... เอาเป็นว่า พระลีลาทุ่งเศรษฐีชุดนี้ ดีนอก ดีใน เพียบพร้อมทุกประการทั้งปวง เป็นศิริมงคลเเก่ผู้บูชายิ่งนัก เเค่เนื้อพระเก่าๆกรุกำแพงทุ่งเศรษฐีก็ทรงคุณวิเศษมากมายเเล้ว ยังมาได้พระเกจิอาคมขลังอย่างหลวงพ่อกวย นำมาสร้างใหม่เเละปลุกเสกให้อีกรอบบวกหลวงปู่หมุนเข้าไปอีก จบครับ องค์เดียวจบจริงๆ
.
.....พระลีลาทุ่งเศรษฐี ของเก่ามีพุทธคุณยังไง โชคดี เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้า มีเเต่ความรุ่งเรือง หลวงพ่อกวยท่านก็ทำให้ดีไม่แพ้เช่นกัน สมกับที่หลวงพ่อกวยท่านตั้งใจสร้าง “กูจะทำให้ดีกว่าของเก่า”
.
....เอาละๆ โม้ยาวไปแหละ พระก็มีนิดเดียวไม่กี่องค์ ไปเขียนให้คนอยากได้เยอะๆ ช่างชิตหาเรื่องให้ตัวเองจริงๆ 5555++
ก็...ครับ สรุป และย้ำกันอีกรอบ ให้มั่นใจสุดๆ พระลีลาชุดนี้ที่ช่างชิตจะนำมาให้พี่น้องๆร่วมบุญ เป็นพระชุดที่อาจารย์ตั๊วได้มอบไว้ให้กับพี่ตู่ ศิษย์ก้นกุฏิท่าน ให้พี่เขาเอาไปสร้างคุณประโยชน์กับพระศาสนาต่อ
.
......จึงเป็นพระที่ มีที่มาที่ไปเยี่ยมยอด และเป็นพระที่ผ่านการเสกจากหลวงปู่หมุนล้านนนนน% เพราะถ้าได้จากที่อื่นเราจะไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นพระที่ทันหลวงปู่หมุนไหม ต้องมาลุ้นอีก เพราะอาจจะเป็นพระช่วงที่อาจารย์ตั๊วแจกให้ทำบุญก่อนเจอหลวงปู่หมุนก็ได้ แต่ถ้าพี่ๆน้องๆไม่คิดอะไรมากขอแค่แท้ หลวงพ่อกวย ท่านก็ทำไว้ก็สุดละ
.
....สุดท้ายนี้ ขอฝากอมตะวาจาสิทธิ์ของหลวงปู่หมุน ที่ได้กล่าวไว้ก่อนละสังขารว่า
.
...”ของๆฉันสร้างเองกับมือ ใครมีไว้บูชาจะหมุนโชคลาภร่ำรวยตลอดเวลา ทำมาค้าขึ้น ไม่มีวันจน ประกอบสัมมาอาชีพอย่างไรก็รุ่งเรือง เจริญลาภยศสรรเสริญ จะมีชื่อเสียงหอมขจรขจาย ขอให้เป็นคนดี คิดดี ทำดี ละเว้นชั่ว คุณพระจะรักษา เทวดาจะคุ้มครอง แม้นว่าฉันจะตายไป ของๆ ฉันจะขลังกว่านี้อีกหลายร้อยเท่า น้ำลาย ไอปาก ลมปราณ ที่ประจุไปด้วยพลังจิตของฉัน ย่อมเป็นหนึ่งบ่มีสอง ครบเครื่องเป็นองค์พระ ดีทั้งนอก ดีทั้งใน ฝากไว้ในแผ่นดิน ให้เลื่องชื่อลือนาม ลือเรื่องถึงเมืองแมน””............
.
......เจอกันตอนต่อไป จะเป็นเรื่องอะไรให้ติดตาม รับรอง มันส์ไม่แพ้ 2 ตอนนี้แน่นอนครับ คืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
…..บันทึกไม่ลับ 26ตุลาคม2560...
.. 19.37 น วันที่ 27 ตุลาคม วันนี้ประชุมบ่าย คืนวันที่ 26 กลับมาถึงห้องตี2 ในสภาพย่อยยับ ตัวเปียก เหนื่อยล้ามาก บอกเลยว่าสุดๆ ปวดหัวเข่า ปวดขา ฟันสาก ปากเหม็น คันหัว เหนียวตัว โอ้ยยยยย สารพัด เหนื่อยขนาดที่ว่าไม่อยากอาบน้ำ อยากนอนเลย แต่สภาพตอนนั้นถ้านอนนะ สังคังกินแน่ๆ ขอเล่าความรู้สึกหน่อยนะ
.
....ตอนเข้าแถวแล้วต้องนั่ง นั่งขัดสมาธินานๆแล้วปวดขาสุดๆ ง่วงก็สุดแสนจะง่วง นอนก็นอนไม่เต็มอิ่ม ไม่เกิน 30 นาที ตื่นอีกละ หลับๆตื่นๆ เบลอไปหมด ปวดเยี่ยวก็ปวดจะไปห้องน้ำที ต้องผ่าคนไป แหม่ หน้าตาแต่ละคนก็โคตรรับแขก 555++ แล้วเช้าๆ แดดก็ร้อนนนนนนนนนนนนนนจะเผาให้ไหม้ตายให้ได้ ไม่ทันใดฝนอย่างตกมันก็ตกอย่างบ้าคลั่ง ที่ร้อนๆมาเจอฝนเปียกอีก นี้ยังไม่นับกับการเจอสันดานคนอีกจำพวกนะ(แต่คนดีๆก็มีมากเช่นกัน) รวมๆแล้ว มันสุดแสนจะบรรยายเสียจริงๆ ขนาดผ่านงาน 5ธันวาคมมาหลายงานแล้วนะ แต่มันแค่ 1วัน1คืน งานนี้มันไม่ใช่อะดิ มันคูณ3 แบบ 3วัน3คืน พอมาเจอบอกเลยว่า ทรมานกว่าเยอะ 555+
.
....
.
. ในช่วงเวลา 3วัน 3คืน 24ตุลาคม 23.00น จนถึง 01.00น 27ตุลาคม นอนใต้ร่มไม้และข้างถนน ไม่มีหมอน ไม่มีผ้าห่ม ไม่มีเบาะลองนอน วันนี้มานั่งทบทวน “เราจำเป็นต้องไปลำบากขนาดนั้นเลยหรา???” คิดแล้วก็นึกทบทวนถึงบุคคลเจ้าของงาน “เรามางานพระศพของ ในหลวง ใช่ไหม??” ช่างชิตถามตัวเองในใจ แล้วนึกถึงภาพในหลวงในช่วงก่อนที่ท่านจะมาเป็นกษัตริย์และช่วงต้นๆของการรับตำแหน่ง
.
-ท่านเสียพ่อตั้งแต่ยังเด็ก
-สมเด็จย่าเลี้ยงท่านอย่างสามัญชนที่ต่างประเทศ
-ท่านกับพี่ชายโดยกุมผู้มีอำนาจเขี้ยวลากดินสมัยนั้น เชิญกลับมาเป็นหุ่นเชิดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
-ท่านเสียพี่ชายที่ท่านรัก
-ท่านเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง
.
....ดูๆไปแล้ว ถ้าข้อแม้ชีวิตเยอะขนาดนี้ เป็นช่างชิตก็คงนอนเล่นที่บ้าน ใช้ชีวิตไปวันๆด้วยความสนุกสนาน ไม่มีอะไรจะเสีย ชีวิตเหมือนตกถังขุมทรัพย์ จากเด็กธรรมดาๆอยู่เมืองนอกแสนสามัญชน อยู่ดีๆได้มาเป็นกษัตริย์ของประเทศๆหนึ่ง มีสมบัติตกทอดมากมาย เป็นเรา ก็คงเปิดฮาเร็ม เอานางบำเรอซัก 1000 คน มีรถสปอร์ต ซัก 100 คัน ไปเที่ยวนั้นเที่ยวนี่ หาความสุขให้ตัวเองไปเรื่อยๆ หน้าที่ก็ไม่มีอะไร ออกงานสังคมสร้างภาพหน่อยๆ ยิ่งประเทศเราเจ้าแห่งความงมงาย ไม่ต้องแสดงอะไรเยอะหรอก ยังไง คนกราบคนไหว้ ทั้งประเทศอยู่ดี แหม่ ช่างเป็นชีวิตในฝันเสียจริงๆ
.
.....”แล้วทำไม.... ในหลวงท่านไม่ทำแบบที่เราอยากทำว่ะ???” คำถามผุดขึ้นมาในใจอีก แล้วก็หลับตานึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างของท่านที่ทำมาตลอดเวลา70ปี 70ปีก่อน ประเทศเราไม่ได้เจริญแบบทุกวันนี้ ตอนที่ในหลวงท่านกลับไทย ช่วงนั้น ปัญหาในประเทศเราหลายอย่างมากๆ ไล่มาก็จะเป็น
-ไม่ว่าจะเป็นช่วงรอยต่อของการปกครองที่เปลี่ยนจากระบบเก่ามาเป็นระบบใหม่
-การชิงดีชิงเด่นของกลุ่มคนมีอำนาจในประเทศ(คนกลุ่มนี้เกลียดเจ้าอย่างกับขี้ แต่ที่ยังต้องให้มีกษัตริย์ในประเทศเพราะทำอะไรมากไม่ได้ กลัวคนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ได้เอาด้วย จึงได้คิดหาหุ่นเชิดและไปเชิญสมเด็จย่ากับครอบครัวกลับประเทศไทย)
- ภัยสงครามโลก
-ภัยจากคอมมิวนิสต์แบ่งแยกดินแดน (ทางภาคอีสานและเหนือ)
-ภัยจากกลุ่มกองการร้ายแบ่งแยกดินแดน (ทางภาคใต้)
-ภัยจากธรรมชาติ ความแห้งแล้ง ความหิวโหยของประชาชนคนไทยในทุกภาคส่วน ที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึง
.
.....ปัญหาโคตรเยอะแยะขนาดนี้ เป็นช่างชิตคงไม่ทำหรอก หน้าที่ก็ไม่ใช่ จะบ้าหรือเปล่า ใครจะยอมมาเหนื่อยอะไรขนาดนี้ เออ ไปครั้งสองครั้ง พอได้ถ่ายรูปก็ว่าไปอย่าง แต่จะให้ไปทุกที่ทุกวัน ที่ๆทุรกันดารไม่มีทางอะ ไม่ไปหรอก
.
.....แล้ว.............ในหลวงท่านทำ ทำไม..??? โครงการมากกว่า 4,000 โครงการที่คิดมาเพื่อประชาชน ที่ๆลำบากที่สุดท่านต้องไปให้ถึงเพื่อให้เห็นปัญหาและพัฒนาให้ทุกอย่างดีขึ้น ตรงไหนอันตรายมากที่สุด ท่านต้องไปให้ถึงจุด เพื่อดูแลประชาชนของท่านด้วยความเป็นห่วงเป็นใย!!!!
.
....70ปีที่ท่านทำมา มันมากพอไหม!!! กับการที่มึงแค่ต้องทนลำบาก 3วัน4วัน แต่ไปร่วมแสดงความอาลัยไปตอบแทนความรักที่ท่านให้เรามาทั้งชีวิต ไปให้ท่านเห็นว่าที่ท่านทำมา พวกเราประชาชนคนไทย รู้และเห็นในสิ่งที่ท่านทำ ถ้าจะพูดภาษานักเลงไปให้ท่านรู้ว่า “ท่านเอาใจมาแลกใจตลอดเวลาที่ผ่านมา วันนี้ท่านก็ได้ “หัวใจ” กลับไปอย่างไม่มีเงื่อนไข”
.
.....คิดแบบนี้แล้ว ที่เหนื่อยๆที่ลำบากๆมาตลอดเวลาที่ไปร่วมงาน 24-27 มันหายเป็นปลิดทิ้งทันที วันนี้ท่านจากเราไปแล้วครับ คุณค่าของภาพถ่าย ไม่ใช่การรักษาคนหรือสถานที่ๆเราถ่ายเอาไว้ แต่เป็นการเรียกความรู้สึกและความทรงจำดีๆในทุกครั้งที่กลับมาดูภาพนั้นๆ ก็ขอนำภาพมาฝากพี่ๆน้องๆในบ้านหลังนี้นะครับ อีก10ปี 20ปี ข้างหน้า เกิดเวปยังอยู่ กลับมาดูก็จะได้รับความรู้สึกคุณค่าความทรงจำอีกครั้ง
............................
ช่างชิต 27/10/60ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
***รีรันตอนที่3 ไม่ใช่การบอกบุญนะครับ เป็นบทความเก่านำมาให้อ่านและอนุโมทนาร่วมกัน
.
...ปฐมบท "กองบุญสร้างบารมีกับหลวงปู่4อรหันต์"….
…ตอนที่3/10 “วาสนานำพาเจอฆราวาสจอมขมังเวทย์”
.
....ครับก็มาเจอกันในตอนที่ 3 แล้ว ซึ่งจริงๆเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนตอนที่ 1และตอนที่ 2 แต่ด้วยความที่มีความเป็นมาที่ซับซ้อนอัศจรรย์ใจ ใช้เวลาในการเขียนต้องหลายตอน ช่างชิตจึงยกเอามาที่หลังจาก ตอนที่1และ2 นับจากนี้ไปขอให้พี่ๆน้องๆทุกท่านติดตามอย่าให้ขาดซักตอนนะครับ รับรองว่าพอบทสรุปตอนท้ายจบ “ปฐมบท” ท่านจะรู้สึกถึงความ “พิเศษ” ของวัตถุมงคลที่มาให้ร่วมบุญในครั้งนี้จริงๆ
.
....ยาวละ มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ หลังจากที่ช่างชิตได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไป ที่จะทำกองบุญหลวงปู่ทั้ง4 ช่างชิตก็คิดว่าจะเอาอะไรมาให้พี่ๆน้องๆได้ร่วมบุญ ก็กลับไปค้นวัตถุมงคลที่ตัวเองมีอยู่ เรียกว่ารื้อออกมาให้หมด อะไรดีๆซ่อนที่ไหนต้องเอาออกมาสร้างกุศลกัน แต่ด้วยความที่ช่างชิตเองก็ไม่ได้มีสตุงสะตังในการเช่าหาเยอะ จึงไม่ได้มีวัตถุมงคลมากมาย หลายส่วนก็ออกให้ร่วมบุญก่อนหน้านี้ไปพอสมควร ก็ต้องบอกว่ามันคงไม่พอที่จะทำให้งานนี้สำเร็จแน่ๆ........
.
....แต่ในความเกือบสิ้นหวัง ก็ยังมีความหวัง พอดีมีพี่ผู้ใหญ่ท่านนึ่งที่ช่างชิตนับถือ แกเห็นความตั้งใจของช่างชิตที่จะทำตรงนี้ พี่แกเลยบอกช่างชิตว่า “ขอมีส่วนร่วมกับงานบุญนี้ด้วย” ช่างชิตพอได้ยินแบบนั้น บอกเลยว่า ปลื้มใจผุดๆเป็นนิมิตหมายที่ดีมากๆ ถามว่าทำไมถึงปลื้มใจและเป็นนิมิตหมายที่ดี? ก็ขออธิบายต่อจากนี้ ให้ทุกๆท่านได้คิดภาพเสมือนตัวท่านเองอยู่ในเหตุการณ์ครับ
.
...พี่ผู้ใหญ่ท่านนี้ชื่อ พี่ปุ๊ (ขออนุญาตที่เอ่ยนาม) เดิมนั้นพี่ปุ๊มีอาชีพเป็นทนายความ(ปัจจุบันเลิกแล้ว เนื่องจากปัญหาสุขภาพ) เมื่อหลาย 10 ปีก่อนพี่ปุ๊มีโอกาสเจอกับอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่ง ที่เก็บตัวเร้นกายในเมืองกรุง เก็บแบบที่ว่า “คนใกล้ตัวยังไม่รู้เลยว่าอาจารย์แก คือ “เจ้าไสยเวทย์” อาจารย์ท่านนี้มีพลังจิตแก่กล้าและมีวิชาอาคมหลากหลายสุดเข็มขลัง แต่คงเป็นวาสนาบุพกรรมที่เกี่ยวกันมา พี่ปุ๊ก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านและอยู่กลับท่านจนวาระสุดท้าย... อาจารย์ท่านนี้ต้องบอกนะครับว่า ท่านมีอาชีพการงานที่มั่นคง ไม่ได้เปิดสำนักอย่างที่อื่นๆ ตัวท่านเองก็เป็นทนายความเหมือนกัน ที่สำคัญเป็นถึงระดับอาวุโส ระดับ ”อาจารย์สอนทนายเลยละ”
.
.....ความที่ท่านเป็นคนเรียบง่าย มีจิตเมตตาและไม่ได้ชอบการมีชื่อเสียง ท่านเองจึงอยู่อย่างเรียบๆ(ในเรื่องไสยเวทย์)คนเฉพาะกลุ่มในสายวิชาอาคมเท่านั้นจึงจะรู้จักท่าน แม้ในวันนี้เองคนก็รู้จักท่านน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แม้สิ่งที่ท่านทำจะไม่ได้ปราถนาชื่อเสียง ลาภสักการะ จนลมหายใจสุดท้าย แต่ก็คงจะถึงเวลาแล้วละที่ชื่อเสียงความดีงามและสิ่งที่ท่านฝากเอาไว้ในแผ่นดินจะต้องเปิดเผยในวงกว้าง สู่คนหลากหลายกลุ่มเสียที
.
.....ชื่อของอาจารย์ท่านนี้ คือ อาจารย์ทนาย(ต๋อย) วรวิทย์ จันทรพิทักษ์ ปัจจุบันท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว (เดี้ยวช่างชิตจะนำเรื่องราวของท่านมาให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกันในตอนต่อไป รับรองว่า “มันส์ อัศจรรย์ใจ ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”)
.
....วกกลับมาที่ช่างชิต ก็อย่างที่รู้ๆกันครับว่า แม้ช่างชิตจะอยู่กับหลวงตาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ไม่ได้มีจริตทาง“วิชาอาคมหรือไสยเวทย์” แต่ช่างชิตเองมีจริตและชอบด้านนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว พอมาบวชกับหลวงตาเมื่อ 14 ปีก่อน จึงมักโดนหลวงตาดุเสมอ 5555++ (คือ ท่านกลัวช่างชิตจะหลงไสยศาสตร์ กลัวจะเป็นมิชฉาทิฐิ ท่านเลยไม่สนับสนุน) ความที่ชอบด้านนี้ และก็มีความคิดส่วนตัวที่ว่า “เรื่องไสยเวทย์ยังเป็นแนวโลกียะอยู่ จึงเหมาะกับฆราวาสที่ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องโลกๆมากกว่า”
.
......ก็เลยศึกษาและค้นคว้าหาอ่านประวัติของฆราวาสผู้ที่เก่งกาจตัวจริงเสียงจริงในวงการไสยเวทย์เมืองไทยว่ามีใครบ้าง ก็ต้องบอกว่าที่เก่งจริงๆ มีมากมายหลายท่านเลย เช่น อาจารย์เฮง ไพรวัล อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง อาจารย์อยู่ ลอยเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ขุนพันธณรักษ์ราชเดช และอีกมากมายหลายท่าน แต่ที่ช่างชิตรู้สึกประทับใจอย่างแปลกๆและชอบเป็นพิเศษ นั้นก็คือ “คุณพ่อเที่ยง น่วมมานา” อาจารย์สักยันต์ระดับตำนานที่เป็นมากกว่าอาจารย์สักยันต์(เดี้ยวจะมาเล่าให้ฟังคับ)
.
.....ช่างชิตชื่นชอบและศรัทธาพ่อเที่ยงแม้ไม่ได้รู้จักข้อมูลท่านมาก ดูรูปท่าน ท่านดูน่าเคารพมีหนวดมีผ้าพาดบ่า ไม่ใส่เสื้อ ดูแล้วแบบมีพลังแฝงอย่างบอกไม่ถูก แต่ท่านก็เสียไปนานแล้ว(2532) ช่างชิตก็ได้แต่เก็บความชอบไว้ในใจเสมอมา จนเมื่อ 5-6 ปีก่อน ช่างชิตมีโอกาสได้รู้จักกับ พี่นก ศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่แสง ญาณวโร ซึ่งแกมีอาชีพทนายความ(ช่างชิตมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่กลัวใครละ มีพี่ๆและผู้ใหญ่ที่เคารพเป็นทนายเยอะ 555++) คุยกันไปคุยกันมาเหมือนวาสนาจะมาบรรจบกัน พี่นกเองก็รู้จัก พ่อเที่ยง น่วมมานา แต่ที่มัน Coolมากๆ คือ ที่พี่นกรู้จักก็เพราะอาจารย์ของแกเป็นลูกศิษย์ท่าน และอาจารย์ของแกคนนั้นก็คือ “อาจารย์ทนาย(ต๋อย)!!!”
.
......เป็นไงครับอ่านมาตรงนี้โลกมันกลมไหม แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าทุกสรรพสิ่งล้วนไม่มีเหตุบังเอิญ ทุกอย่างล้วนมีเหตุและผลของมัน ตอนนั้น ที่ช่างชิตและพี่นกรู้จักกัน อาจารย์ทนายท่านยังไม่เสีย แต่ก็สุขภาพไม่สู้ดีแล้ว พี่นกเองบอกจะพาช่างชิตไปหาท่าน เพราะพี่นกแกสนิทกับอาจารย์ทนายมาหลาย10ปี พี่นกแกจะพูดบอกช่างชิตเสมอว่า “นอกจากอาจารย์ทนายจะเก่งเรื่องไสยเวทย์แบบโคตรๆแล้ว ยังเป็นผู้ใหญ่ที่จิตใจดีมากๆๆๆ มีความเป็นครูคน น่านับถือสุดๆ” ได้ยินแบบนี้ยิ่งทำให้ช่างชิตอยากไปหาท่านอย่างแรง แต่ก็ไม่สบจังหวะดีๆซักที สุดท้าย ท่านก็มาจากไปเสียก่อน
.
....สร้างความเสียดายกับช่างชิตอย่างยิ่ง แต่กระนั้น เวลาเจอกับพี่นกช่างชิตก็จะพูดกับพี่นกถึงเรื่องนี้เสมอ จนเมื่อหลายเดือนมานี้ ช่างชิตกับพี่แกก็ได้คุยกันเรื่องนี้อีก แกจึงบอกกับช่างชิตว่า “เดี้ยวพี่จะแนะนำให้รู้จักศิษย์ของอาจารย์ทนายคนนึ่งนะ คนนี้เก่งจริง คงแก่เรียนและได้วิชามาจากอาจารย์ทนายเยอะและอยู่ใกล้ชิดอาจารย์ที่สุด ชื่อ พี่ปุ๊” พอมาถึงตรงนี้ทุกท่านคงเห็นที่มาที่ไปกันแล้วเนาะ(ใครไม่เข้าใจให้อ่านซ้ำอีกรอบ) บอกละของดีมีที่มาที่ไปก็ต้องมี Story เป็นธรรมดาละ 555++ ไม่ได้ไปเอาที่แผงท่าพระจันทร์มาซะเมื่อไหร่
.
....ตัดกลับมาปัจจุบันมาในเรื่อง”กองบุญหลวงปู่4อรหันต์” วนกลับมาเรื่องที่ช่างชิตปิติดีใจ ก็คือ พี่ปุ๊ ได้ขนเอาวัตถุมงคลของอาจารย์ทนายแถบจะเรียกว่าเกือบทุกรุ่นพร้อมทั้งรุ่นที่อาจารย์ทนายทำถวายหลวงปู่แสง ญานวโร ด้วย (จะไสยเวทย์หรือกรรมฐาน จะห่างกันเพียงใด สุดท้ายก็เกี่ยวเนื่องกันหมด เรื่องอาจารย์ทนายกับหลวงปู่แสง มันส์มาก จะมาเขียนนะ อย่าพลาดกันเชียว )
.
..... วัตถุมงคลของอาจารย์ทนายทุกรุ่น ไม่ใช่ทำมาเพื่อจำหน่ายนะครับ ท่านทำมาเพื่อแจก ทำมาเพื่อสืบทอดวิชาที่เรียนกับครูบาอาจารย์มา ทำมาเพราะท่านทดลองแล้วว่าท่านทำได้จริง!! ใช้ได้จริง!!! และในการทำแต่ละครั้งต้องมีเหตุอันควรถึงทำ ไม่ได้ทำออกมาพร่ำเพื่อ และที่สำคัญ!! อาจารย์ทนายท่านไม่สุกเอาเผากิน ท่านเข้มข้นในการสร้างทุกขั้นตอน พิถีพิถันแบบสุดๆ ไม่หลุดจากที่ครูบาอาจารย์ยุคเก่าท่านทำมาเลย
.
.....สิ่งหนึ่งที่ช่างชิตประทับใจท่านอาจารย์ทนายมาก เพราะท่านมัคุณสมบัติเหมือนกับหลวงตาเลย คือ “ความกตัญญู” จากที่ช่างชิตได้พูดคุยสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ทนายหลายๆคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “ท่านเป็นคนที่กตัญญูต่อครูบาอาจารย์อย่างยิ่งยวด แบบขนาดที่ว่าท่านไม่กล้าถ่ายรูปเสมอกับ พ่อเที่ยง น่วมมานา อาจารย์ของท่าน ขนาดมีคนถ่ายรูปพ่อเที่ยงแล้วติดท่านไปด้วย ท่านตัดรูปท่านออกเลย คิดดูเอาเองละกันครับ
.
.....และอะไรที่พ่อเที่ยงไม่สอน ไม่พาทำ หรือ ห้าม ท่านอาจารย์จะไม่ทำเด็ดขาด!!! นอกจากเรื่องความกตัญญูต่อครูบาอาจารยฺแล้ว ท่านอาจารย์ก็ได้ไปเรียนกับครูบาอาจารย์อีกหลายๆสาย ต่อยอดมาจนสามารถประยุกต์ได้ เรียกว่า อาจารย์เป็น “พหูสูตร” ตัวจริงเสียงจริง เจนจัดในคาถาอาคมแบบหาตัวจับได้ยากในยุคปัจจุบัน(เก่งจริงอะไรจริง ไม่ใช่โม้ขายของแบบหลายๆที)
.
.....ที่สำคัญนะครับ อานุภาพพลังจิตของอาจารย์ทนายท่านต้องบอกว่า โห....สู้กับพระระดับเกจิได้สบายๆเลยละ (เดี้ยวค่อยเล่าตอนหน้าดีกว่า) แม้จะเก่งกาจและจะมีอะไรพิเศษกว่าคนทั่วไปขนาดไหน แต่อาจารย์ทนายไม่เคยรังแกใคร ข่มเหงใคร ยกตนข่มใคร กลับกัน ท่านเป็นคนที่เมตตาหวังดีกับทุกคนเสมอ ขนาดทั้งชีวิตท่านโดนคนใส่ร้ายป้ายสี โดนคนอิจฉา กล่าวหาท่านต่างๆนาๆ แต่ท่านไม่เคยจะว่าเขากลับ ไม่เคยจะไปโต้ตอบเลย ท่านก็มีแต่ให้ และให้ จนวาระสุดท้าย”
.
....คนที่มีดีขนาดนี้ มีน้อยคนนักในยุคสังคมที่เห็นแก่ตัว ของที่ท่านสร้างจึงมีอานุภาพตั้งแต่เริ่มทำ จิตท่านดี มวลสารเข้มขลัง เจตนาท่านบริสุทธิ์บวกกับแรงครูบาอาจารย์อีก วัตถุมงคลของท่านจึงมีประสบการณ์มากมายในหมู่ลูกศิษย์ เป็นที่แสวงหาในหมู่คนที่ศรัทธาท่าน บางรุ่นที่ท่านสร้าง เช่น ตะกรุดมหารูดตำราพ่อเที่ยง ที่ทำยากแสนยาก ลูกศิษย์กล้าสู้ราคาถึง 4-5 หมื่น เลยนะครับ แต่ก็ไม่มีคนขาย วัตถุมงคลของท่านไม่มีโปรโมทขายเป็นเชิงภานิช ยุคท่านท่านแจกอย่างเดียว
.
.......และพอท่านจากไป ก็น้อยมากที่จะมีคนเอามาปล่อย ไม่เชื่อลองหาข้อมูลดูในกูเกิ้ลได้ แต่ในการนี้ที่ พี่ปุ๊ ได้มอบวัตถุมงคลของอาจารย์ทนายมาให้ร่วมบุญ มันควรที่ช่างชิตจะ ปิติ ไหมละครับ พี่ปุ๊ เองแกก็รักอาจารย์ทนายมาก ของที่ให้มาแกหวงมากนะ 5555++ แต่ความที่ยึดมั่นตามรอยอาจารย์ อะไรที่แบ่งปันสร้างกุศลได้ พี่ปุ๊ก็ไม่รีรอที่จะทำครับ
.
......ก็ขออนุโมทนากับพี่ชายคนนี้ด้วยจริงๆ ตอนนี้เกริ่นนำไปแล้วนะ เดี้ยวกระทู้หน้าจะขอเล่าถึงรายละเอียดวัตถุมงคลแต่ละรุ่นที่ให้มาร่วมบุญพร้อมสอดแทรกประวัติอาจารย์ทนายให้พี่ๆน้องๆได้อ่านกัน ยังไงติดตามกันนะครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สวัสดีครับช่างชิต ... ผมยังติดตามเนื้อหาข่าวสารของหลวงตาและบทความจากช่างชิตในบอร์ดนี้อยู่เสมอครับ ขอให้ช่างชิตเขียนเรื่องราวดีๆมาให้ได้อ่านอีกนะครับ..
-
***รีรันตอนที่4 ไม่ใช่การบอกบุญนะครับ เป็นบทความเก่านำมาให้อ่านและอนุโมทนาร่วมกัน
.
...ปฐมบท "กองบุญสร้างบารมีกับหลวงปู่4อรหันต์"….
…ตอนที่4/10 “ประวัติอาจารย์ทนายและแสนยานุภาพของไสยเวทย์”
.
…..ก็ต้องบอกว่าประวัติและประสบการณ์เรื่องราวที่ชวนติดตามและอัศจรรย์ใจของอาจารย์ทนายนั้นมีมากมายนัก แต่เพราะท่านไม่ได้เจตนาจะเปิดตัวสู่สาธารณะในแนวทางนี้ ช่วงที่ท่านอยู่จึงไม่ค่อยมีคนจะนำมาลงหรือมาแชร์สู่ภายนอก จนเมื่อท่านได้เสียไปแล้ว
.
......กลุ่มลูกศิษย์ลูกหาจึงอยากบันทึกเหตุการณ์ประทับใจและเหตุกาณ์สำคัญๆเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ทราบถึงคุณงามความดีของอาจารย์ทนาย ช่างชิตก็ไปศึกษามาและเอามาแชร์บันทึกเพราะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบุญกุศลในครั้งนี้ด้วย ก็ขอเชิญทุกท่านเข้าสู่ตอนที่4ได้เลยครับ
.
.....ประวัติของอาจารย์ทนาย........
..... อาจารย์วรวิทย์ จันทรพิทักษ์ (อาจารย์ทนาย ต๋อย) ท่านเกิดในครอบครัวที่มีความเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์มาโดยตรง เพราะคุณพ่อของท่านเป็นนายตำรวจ(พลตำรวจตรี วุธ จันทรพิทักษ์)ที่เรียนไสยเวทย์มาอย่างเอกอุ(คุณพ่อของท่านเป็นศิษย์ท่านอาจารย์ฮวด (ประสาน แสงพิทักษ์) โดยท่านอาจารย์ฮวด เป็นลูกบุญธรรมและเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม และในการต่อมาอาจารย์ทนายก็ได้มาเป็นศิษย์อาจารย์ฮวดด้วย)และที่ไม่ธรรมดาคือ คุณตาของท่านอาจารย์เป็นเสือเก่า(โจรสมัยก่อน)ที่เชี่ยวชาญเรื่องไสยเวทย์เป็นอย่างมาก คุณตาของท่านอาจารย์ชื่อ คุณตาพัน แจ่มกระจ่าง ซึ่งเป็นคุณตาแท้ๆและเป็นผู้สอนวิชาไสยศาสตร์กับอาจารย์เป็นคนแรกด้วย
(ช่างชิตจะขอกล่าว สรุป เป็นภาพรวมนะครับ ให้เห็นภาพจะไม่เขียนลงรายละเอียดทั้งหมดมันจะยาวเกินไป)
.
.....ความที่ท่านเกิดและเติบโตมาในครอบครัวที่เป็น “หัวกะทิเรื่องไสยศาสตร์และมนต์คาถา” ท่านอาจารย์จึงได้เรียนรู้ซึมซับและพบเจอเรื่อง “แปลก มหัศจรรย์ใจ” ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้มาตั้งแต่เด็ก และเมื่อท่านก้าวสู่วัยที่เติบโตท่านก็ได้ฝึกฝนทดลองว่า “สามารถใช้ได้ผลจริง”
.
.....แม้ท่านจะเป็นถึงทนายความที่มีความรู้ความสามารถในทาง “ตรรกะและเหตุผล” แต่ในอีกมุมหนึ่งเรื่องไสยศาสตร์ที่ท่านได้ศึกษาแบบจริงๆจังๆและได้สัมผัส ท่านอาจารย์ทนายก็รองรับได้ว่า “เรื่องของไสยศาสตร์นั้นมีจริง”
.
.....นอกจากอาจารย์ทนายจะร่ำเรียนมากับ คุณตาพัน,อาจารย์ฮวด,ก็มีครูของท่านอีกคนที่ถ้าพูดไปก็อาจจะดูเหมือนโม้ซะมากกว่า แต่ก็ต้องเขียนเพราะมันคือเรื่องจริง ครูของท่านคนนี้ชื่อ พ่อจรรยา เป็นายตำรวจเพื่อนของคุณพ่อแท้ๆของท่าน แต่ที่มันดูเหมือนเรื่องโม้คือ คุณพ่อจรรยาได้เสียไปแล้ว!!!
.
... เป็นครูกายทิพย์ที่มาสอนท่านอาจารย์ทนาย!!(ส่วนที่มาที่ไปไม่ขอเล่าจะยาว) และครูของท่านอาจารย์ทนายคนที่เราจะรู้จักมากสุดและอาจารย์ทนายผูกพันด้วยที่สุดก็คือ “คุณพ่อเที่ยง น่วมมานา”
**(จริงๆมีอีกหลายท่านนะครับที่อาจารย์ทนายได้ไปร่ำเรียนวิชามาด้วย แต่มันจะยาวเลยไม่ได้กล่าวถึง)
.
....ก่อนที่จะมาเจอพ่อเที่ยง มีช่วงเวลาหนึ่งที่ท่านอาจารย์ทนายท่านมีความคิดว่า “ในทางไสยศาสตร์ความรู้ที่ท่านเรียนมาและคุณตาของท่านก็ล้วนเป็นผู้มีความเก่งก่จเรื่องนี้ยิ่งนัก ท่านคงไม่ต้องไปเรียนไปขอความรู้จากใครอีก” แต่ก็เหมือน ทุกอย่างได้เดินไปตามกรรมที่ลิขิตไว้
.
...สุดท้ายท่านอาจารย์ก็มีเหตุให้ได้มาเจอกับ พ่อเที่ยง และก็คงเพราะท่านทั้งสอง “วาสนาร่วมกันมาก่อน” ท่านอาจารย์จึงได้เป็นศิษย์ของพ่อเที่ยงและสืบทอดวิชาสายพ่อเที่ยงพร้อมคำสอน มารักษาปฏิบัติตราบจนวาระสุดท้ายในชีวิต......
.
.....ครับ ก็เป็นประวัติคร่าวๆของอาจารย์ทนายต๋อย ที่ช่างชิตอยากให้ทุกท่านได้อ่านกันเพื่อที่จะได้รู้ที่มาที่ไปของอาจารย์ทนาย จะได้รู้ถึงประวัติของผู้ที่จัดสร้างวัตถุมงคลที่ร่วมในรายการร่วมบุญนี้ เมื่อพี่ๆน้องๆได้ร่วมบุญกองนี้และได้วัตถุมงคลของท่านอาจารย์ทนายเป็นที่ระลึก
.
....ก็จะได้รู้คุณค่ากับของสิ่งนั้นที่ท่านได้รับไป และต่อจากนี้ช่างชิตจะนำเรื่องราวที่เกี่ยวกับความ “มหัศจรรย์ของอำนาจจิตและวิชาอาคมของอาจารย์ทนายที่เกิดขึ้นจริง!!! มีพยานบุคคลยืนยันจริง!!! มาเล่าสู่พี่ๆน้องๆได้อ่านกันครับ
.
.....เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ พี่ปุ๊ศิษย์ของอาจารย์ทนาย(ผู้ที่มอบวัตถุมงคลมาให้ช่างชิตเพื่อร่วมบุญครั้งนี้)ได้ถ่ายทอดให้ช่างชิตฟัง พี่ปุ๊เล่าเพื่อระลึกถึงครูบาอาจารย์และเพื่อให้ได้รู้ว่า ความถ่อมตน ความไม่โอ้อวด ของท่านอาจารย์ทนาย บางเรื่องท่านไม่พูด ไม่ใช่ท่านไม่รู้ มิใช่ท่านทำไม่ได้ และเป็นการยืนยันอีกด้วยว่า “ไสยศาสตร์พลังอำนาจจิตมีจริง!!!”
.
....ขอเข้าเรื่องเลยละกัน วันหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว พี่ปุ๊ได้เข้าไปพบท่านอาจารย์ทนาย ที่บ้านของท่านตามปกติ แต่วันนั้นพี่ปุ๊ได้ซื้อของพวกอาหารๆติดมือไปด้วย เมื่อไปถึงพี่ปุ๊ก็นำอาหารกับข้าวไปให้ท่านอาจารย์ และก็มีกล้วยน้ำว้า พวงมาลัย ที่ติดมาด้วย ที่จะถวายอาจารย์ทนาย แต่อาจารย์ทนายกับให้พี่ปุ๊นำไปถวายบูชาพ่อเที่ยง และครูต่างๆ หน้าหิ้งแทน??
.
.... เมื่อทำธุระทุกอย่างเสร็จ พี่ปุ๊ก็ได้มานั่งคุยกับท่านอาจารย์ทนายหลายเรื่องตามภาษาศิษย์อาจารย์ แต่ก็มีอยู่เรื่องที่พี่ปุ๊ได้ถามความในใจที่ติดอยู่ตลอดมา พี่ปุ๊ถามว่า
.
พป “อาจารย์ครับ ที่ว่าไสยศาสตร์ทำของใส่กันทำร้ายกันนี่ทำได้จริงหรือครับ?? ผมรับฟังและเห็นเขาเล่าว่ากันมานานแล้ว”
.
....ท่านอาจารย์นิ่งและยิ้มเมตตาแทนคำตอบ แล้วท่านก็บอกพี่ปุ๊ว่า
.
อท “คุณปุ๊ ช่วยลากล้วยที่คุณปุ๊ถวายครูด้วยครับ”
.
......พี่ปุ๊ทำตาม แล้วนำกล้วยมาวางบนโต๊ะที่นั่งสนทนาอยู่ ท่านอาจารย์ทนายก็ได้ลุกไปหยิบมีดปอกผลไม้ เป็นมีดสแตนเลสธรรมดาๆมา และท่านก็หันไปยกมือไหว้ครูบนหิ้งทั้งหมดด้วยอาการอันนอบน้อม ก่อนที่ท่านจะนำดินสอมาลงยันต์ลงบนใบมีด
.
....พี่ปุ๊บอกว่า ช่วงนั้นเป็นหน้าร้อน แดดเปรี้ยงๆ ไม่มีท่าทีจะมีฝนหรือฟ้ามืดครืม แล้วสิ่งที่พี่ปุ๊ได้สัมผัสต่อไปนี้ มันสุดที่จะบรรยาย เพราะในวันที่อากาศร้อนฟ้าใสสว่างไม่มีเมฆ พอท่านอาจารย์ทนายจดดินสอและเขียนยันต์ในใบมีด
.
.....ปรากฎว่า!!!! มีเสียงฟ้าร้องขึ้น!!! ดัง ..ฟังชัดมาก พี่ปุ๊ได้ยินก็ตกใจนิดหน่อย เพราะมันไม่มีเหตุอะไรที่อยู่ดีๆฟ้าจะมาร้อง ช่วงจังหวะที่พี่ปุ๊กำลัง งง และ ฉงน ในสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามันบังเอิญหรือเพราะอะไร?? ท่านอาจารย์ทนายก็ยกดินสอที่จดเขียนยันต์ขึ้น พร้อมหัวเราะพูดกับพี่ปุ๊ว่า
.
อท “แหม!! อย่างกับเรื่องขุนแผน กับดาบฟ้าฟื้น....!!! มันบังเอิญครับคุณปุ๊”
.
..... พี่ปุ๊ได้ยินแบบนั้น ก็คิดว่า “ต้องมีอะไรแน่ๆ” แต่ก็รับฟังไม่พูดตอบกลับและยังคงมองท่านอาจารย์ทนายต่อ เมื่อทุกอย่างสงบ อาจารย์ทนายก็จดดินสอลงยันต์ที่ใบมีดต่อ เท่านั้นละฮะ คุณผู้ชม !!! เสียงฟ้าก็ร้องมาอีก ซึ่งมันเป็นครั้งที่ 2แล้ว!!
.
......คราวนี้ท่านอาจารย์ไม่พูดไม่ยิ้มเหมือนครั้งแรก ท่านยกดินสอขึ้นและลงยันต์บนใบมีดต่อไปเป็นครั้งที่3 สิ่งที่ไม่น่าจะเกิด และไม่มีทางที่วิทยาศาสตร์หรือแม้แต่ระบบศาลไม่ว่าจะชั้นไหนจะวินิจฉัยได้นั้น คือ ...
.
....มีเสียงฟ้าร้องเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 ………!!!! สรุป ท่านอาจารย์ทนายเขียนยันต์บนใบมีด 3 รอบ ฟ้าร้องรับอย่างกับเตี้ยมกันมาด้วยทั้ง 3 รอบ !!!
.
......ต่อมาท่านจึงนำมีดดังกล่าวมาตัดกล้วยบนโต๊ะที่ลาจากหิ้งพระมาหนึ่งผล วางบนโต๊ะด้านหน้าท่าน ส่วนกล้วยที่เหลือทั้งหวีท่านนำมาวางที่บริเวณโต๊ะด้านหน้าที่พี่ปุ๊นั่งฝั่งตรงข้ามกับท่าน แล้วท่านอาจารย์ก็ใช้มีดด้ามนั้นตัดกล้วยใบที่อยู่ด้านหน้าท่านขาดเป็นสามชิ้น(ผ่า2รอย) เสร็จแล้วท่านก็ให้พี่ปุ๊ปอกเปลือกกล้วยในหวีที่ตั้งด้านหน้าออกดู พี่ปุ๊ก็ปอกเปลือกออกดู สิ่งที่เห็นคือ.............
.
.......ผลกล้วยที่อยู่ในหวีที่พี่ปุ๊เด็ดออกมาปอกเปลือกนั้น “”มีรอยดำเป็นทางเหมือนถูกผ่าบริเวณเดียวกันกับผลกล้วยที่อาจารย์ทนายท่านใช้มีดผ่าขาด2รอยทุกประการ””!!!!! พี่ปุ๊เอง แม้เห็นแบบนั้นก็ยังไม่เชื่อสายตา ด้วยความที่มีนิสัยขี้สงสัย สิ่งที่มันก้องดังในหัวคือ “มันจะเป็นไปได้ยังไง????” ในหัวสมองก็คิดหาทางจับพิรุธ สายตาของแกเมื่อหันไปเจอกล้วยที่เหลือในหวี
.
.....แกจึงรีบยื่นมือไปเด็ดกล้วยออกจากหวีทั้งหมดแล้วปอกเปลือกดู ผลปรากฎว่า “”กล้วยทั้งหวีมีรอยเดียวกันและตำแหน่งเดียวกันทุกลูก!!!!””” ตอนนั้น มันเกินสิ่งที่มายากลจะทำกัน(เพราะมายากลต้องมีการเตรียมการและมีทีมงานและอุปกรณ์และมายากลไปจ้างดินฟ้าอากาศไม่ได้!!!)
.
..... พี่ปุ๊ สตั้น!! ปน งง!! บวก ฉงน!! คือถ้าจะพูดแบบวัยรุ่นสมัยนี้ก็ประมาณ “เฮ้ย พระเจ้า จอร์จ เกิดอารายยขึ้นหว่าๆๆๆ??” 5555++ แกจึงมองอาจารย์ทนายเพื่อรอคำตอบ อาจารย์ทนายท่านก็คงจะรู้ละว่า ตอนนี้มีคน “สตั้น” ไปกับสิ่งที่แกทำละ แกเลยพูดกับพี่ปุ๊สั้นๆว่า
.
อท "พ่อเที่ยง ท่านพูดว่าสิ่งนี้ คือ “มายา” "
.
....ครับนั้นคือ ประสบการณ์ตรงจากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดอาจารย์ทนาย ในการที่ช่างชิตพูดคุยกันกับพี่ปุ๊ สิ่งที่อาจารย์ทนายทำในตอนนั้นคือ ท่านเสกมีด(สแตนเลสธรรมดาๆ)ให้เป็นอาวุธที่มีอิทธิฤทธิ์ ด้วยวิชา “ดาบฟ้าฟื้น” และสิ่งที่ท่านอาจารย์ทดลองทำกับกล้วยก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า “วิชาไสยศาสตร์สามารถใช้ไปทำร้ายกันได้ไหม”
.
.....วิชาไสยศสาตร์ ความรู้ความสามารถของอาจารย์ทนายท่านมีมากครับไม่ว่า จะผูก จะแก้ จะถอด จะถอน ยาส่ง ยาสั่ง กำกับของ เสกเป่าบังคับ ท่านสามารถทำได้จริงตามที่ตำราได้ว่ากล่าวไว้ (สิ่งนี้เกิดมาจากพื้นฐานอำนาจจิตที่ท่านอาจารย์ทนายท่านฝึกมาอย่างชำชองและเอกอุ เดี้ยวจะมาเล่าให้ฟังนะครับ)
.
..... แต่ท่านอาจารย์ทนายท่านไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น(ท่านทำเพื่อรู้ว่าทำได้ก็จบ เมื่อเล็งเห็นว่าเป็นโทษมากกว่าประโยชน์ท่านก็เลิก) วิชาพวกการกระทำอาจารย์ทนายท่านจะเคร่งมากที่จะทำให้ใครหรือถ่ายทอดสอนให้ใคร
.
.....ท่านเคยกล่าวกับพี่ปุ๊เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้วท่านเคยสอนวิชาด้านการกระทำ(พวกยาสั่ง,เสกของเข้าตัว)ให้กับคนๆหนึ่งไปด้วยว่าตอนที่เขามาเรียนยังเป็น “คนดี” แต่เมื่อท่านสอนไปแล้ว วันหนึ่งคนๆนั้นได้กลับมาขอขมาและสารภาพกับท่านว่า
.
....“ได้เอาวิชาที่ท่านสอนไปพรากชีวิตคน ถ้านับแล้วก็หลายคน(เกือบ10)” ท่านอาจารย์ทนายก็ตกใจและได้ว่ากล่าวศิษย์คนนั้นอย่างรุนแรง เพราะท่านรู้ว่ามันเป็นบาปเป็นกรรมหนักและมันส่งผลมาถึงครูบาอาจารย์ด้วย สุดท้ายท่านก็ปฏิญาณจะไม่สอนวิชาพวกนี้ให้กับใครอีกให้ตายไปพร้อมกับท่าน
.
.....ก็ครับ ....ยาวละ ดึก ง่วงมากกก เขียนที 3 ชั่วโมง ถ้าเขียนแบบนี้ได้เงินคงดี 5555++ ก่อนจะนอนก็ขอฝากทิ้งท้ายด้วยประโยคของพี่ปุ๊ ที่อยากสรุป เรื่องราวในตอนนี้ทั้งหมด คือ
.
... นอกจากวิชาความรู้และความถ่อมตัวไม่อวดอ้างของท่านอาจารย์ทนายแล้ว ยังมีแง่คิดในการพิจารณาด้วยว่า “”สิ่งที่เราไม่รู้นั้นมีอยู่อีกมาก สิ่งที่คนบางคนในโลกปัจจุบันดูแคลนในวิชาไสยศาสตร์ของคนสมัยก่อนว่างมงายไร้สาระนั้น ใช้อะไรตัดสิน??? เขาใช้ความรู้ที่ถูกต้องที่ได้ศึกษาดีแล้วและเขาได้นำความรู้ที่เขาพากเพียรพิสูจน์มาดีแล้วตัดสินหรือยัง??? หรือเขาใช้เพียงความรู้สึกส่วนตัวที่ได้รับจากอารยธรรมไหน หรือคิดจากประสบการณ์ที่เขาถูกพวกเล่นกลหลอกลวงเอามาตัดสิน??? อันนี้ก็คงแล้วแต่เหตุและปัจจัย บางส่วนบางเรื่องอย่าได้ด่วนตัดสินอะไร หรือดูแคลนสิ่งใดๆเลย”
.
....ขอรับรองว่าเรื่องที่เขียนนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อนะครับ พิจารณาเอาโลด ตอนหน้ารับรองว่ามันส์และสนุกแบบนี้อีกแน่นอน คืนนี้ราตรีสวัสดิครับ
.
#ภาพแรกอาจารย์ทนายกับพี่ปุ๊
#ภาพหั่นกล้วยเอามาประกอบจากเนตไม่ใช่ภาพเหตุการณ์จริงไฟล์ที่แนบมา:
-
-
***รีรันตอนที่5 ไม่ใช่การบอกบุญนะครับ เป็นบทความเก่านำมาให้อ่านและอนุโมทนาร่วมกัน
.
....ปฐมบท "กองบุญสร้างบารมีกับหลวงปู่4อรหันต์"….
…ตอนที่5/10 “อำนาจจิตของฆราวาสกับพุทธานุภาพของพระอรหันต์”
.
…..สวัสดีพี่ๆน้องๆทุกท่าน เลยมาครึ่งทางแล้วนะครับ ตอนที่5 แล้ว ใกล้แล้ว 555++ จริงๆช่างชิตจะเขียนตอนที่5ตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่งานเข้าทั้งงานราชงานหลวง บวกกับเห็นกระแสคนที่อยากร่วมบุญกับกองบุญนี้มีมาก ช่างชิตก็กลัว “พระลีลาทุ่งเศรษฐีหลวงพ่อกวยหลวงปู่หมุน” จะน้อยเกินไป
.
..... ตอนเย็นเมื่อวานจึงได้เข้าไปขอความเมตตากับพี่ชายใจดีอีกรอบ ขอร่วมบุญพระลีลามาเพิ่มให้พี่ๆน้องๆในกลุ่มหลวงตาเราสร้างกุศลและได้ของดีกัน พี่ชายใจดีก็ให้ความเมตตาจริงๆ ยังไงก็ขอบพระคุณมากๆนะครับ คิดว่าจำนวนที่มีคงพอแล้วละ
.
......มาเข้าเรื่องดีกว่า หลังจากเขียนถึงประวัติของท่านอาจารย์ทนายต๋อยกับเรื่องสุดอัศจรรย์ไปแล้วเมื่อตอนที่4 หลายคนก็อาจจะคิดว่า “จะเป็นไปได้หรา??” “โม้เปล่า?” ไม่เป็นไรครับ เขียนให้อ่านไม่ได้ให้เชื่อ!! แต่ถ้ายังข้องใจงั้นยิ่งต้องอ่านตอนนี้ต่อเลยครับ นอกจากอาจารย์ทนายท่านจะศึกษาวิชาอาคมมาอย่างเอกอุ อาจารย์ท่านยังเรียนและ”ฝึกกรรมฐาน”ควบคู่ไปอีกด้วย
.
.....กรรมฐานที่อาจารย์ทนายท่านฝึกเรียกว่า “กรรมฐานลำดับ” หรือในปัจจุบันคนจะคุ้นชื่อว่ากรรมฐานวัดพลับหรือกรรมฐานมัชฌิมา โดยท่านอาจารย์ทนายท่านได้เรียนกรรมฐานนี้มาจากท่านพ่อเที่ยง น่วมมานา (ในบทความนี้ช่างชิตคงไม่เจาะลึกลงรายละเอียดนะ เดี้ยวจะยาวก็ขอเกริ่นถึงนิดหน่อยพอ)
.
.....ความที่ท่านอาจารย์ทนายท่านฝึกอย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ก็พอจะ สรุปได้ว่า เมื่อท่านมีพื้นฐานจิตที่ดีมาก การจะใช้คาถาอาคมอะไรจึงทำได้จริงอย่างที่ตำราว่าไว้ และนอกจากจะเป็นพื้นฐานด้านการใช้ไสยเวทย์แล้วการฝึกกรรมฐานอยู่เสมอ ก็ทำให้ ”ภูมิจิตภูมิธรรม”ของท่านสูงกว่าปุถุชนทั่วไปและสามารถทำในเรื่องที่”เหลื่อเชื่อ”ได้ มาอ่านประสบการณ์จริงของคนที่ใกล้ชิดท่านได้ถ่ายทอดให้ช่างชิตฟัง ดังต่อไปนี้ครับ
.
.....พี่ปุ๊ เวลาแกไปไหนมาไหนแกจะชอบท่องคาถาเวลาขับรถไปด้วย คงเพื่อเป็นการทบทวนความรู้ที่ร่ำเรียนมาจะได้เป็นการฝึกฝนไม่ให้ลืม และแกก็ไม่เคยบอกใคร.... แล้วจู่ๆ อาจารย์ก็พูดกับพี่ปุ๊ว่า(จำไม่ได้ว่าโทรมาบอกหรือเจอหน้าถึงบอก) “คุณปุ๊ขับรถ อย่าท่องคาถาไปด้วยครับ เดี้ยวจิตรวมลง(เข้าภวังค์)อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้” พี่ปุ๊ก็รับทราบ แต่ก็ งง มาก เพราะไม่เคยบอกใครแล้วอาจารย์รู้ได้ไง!!!!
.
.....ครั้งหนึ่งพี่นกได้ไปอุปัฏฐากหลวงปู่แสงที่วัดป่า อะไรจำไม่ได้ละ ที่ร้อยเอ็ด(ถ้าผิดขออภัยครับ) แล้ววันนั้นอยู่ดีๆหลวงปู่ก็ไล่ให้พี่นกไปนั่งภาวนาที่ป่าช้ากลางดึกคนเดียว(ที่ตรงนั้นยังเป็นปากทางเข้าของพยานาคอีกด้วย หลวงปู่ท่านบอกนะ) ความที่กลัวก็กลัวแต่ก็ต้องจำใจไปนั่งโดยพี่นกได้นั่งบนแคร่ในกลดคนเดียว พอดึกในป่าที่เงียบสงัดและมืดมิดพี่นกนั่งด้วยความทรมานและกลัวอย่างที่สุด
.
......แล้วสิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้นจริงๆ พี่นกได้ยินเสียงคนเดินรอบกลดที่นั่งอยู่ตลอดเวลา ในขนาดที่ความกลัวถึงที่สุด อยู่ดีๆอาจารย์ทนายก็โทรมาแล้วบอกพี่นกว่า “นกไม่ต้องกลัว หลวงปู่ท่านดูอยู่ ท่านคุ้มครองเราอยู่” ได้ยินแบบนั้นพี่นกก็ใจชื้นขึ้น แต่ประเด็นคือ อาจารย์ทนายอยู่กรุงเทพ และพี่นกไม่ได้บอกใครเลยว่าหลวงปู่ให้มานั่งภาวนากลางป่าช้า แล้วอาจารย์ทนายท่านรู้ได้ไง??
.
…..นั้นเป็นเพียงประสบการณ์เล็กน้อยเท่านั้นนะครับ แต่ก็พอจะทำให้รู้ได้ว่า “พลังอำนาจจิตของอาจารย์ทนาย” ไม่ธรรมดาจริงๆ คราวนี้จะมาเล่าถึงการเจอกันครั้งแรกของอาจารย์ทนายกับหลวงปู่แสง ญาณวโร ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานรุ่นใหญ่ในยุคปัจจุบัน ท่านเป็นศิษย์ หลวงปู่คำดี หลวงปู่ฝั่น หลวงปู่เทส หลวงปู่บัวหนองแซง(เกศาและเล็บท่านเป็นพระธาตุหมดแล้ว)
.
......ครั้งนั้นอาจารย์ทนายจะเดินทางไปธุระที่ประเทศลาวเลยแวะมากราบหลวงปู่แสงก่อน เพราะพี่นกซึ่งเป็นลูกศิษย์แกเป็นศิษย์หลวงปู่แสงอยู่ เมื่ออาจารย์ทนายได้เจอหลวงปู่ใจก็นึกอยากได้พระรูปหล่อขนาดห้อยคอหลวงปู่มาบูชา แต่ตอนนั้นหลวงปู่แจกพระรุ่นอื่นอยู่ญาติโยมก็เต็มไปหมด ท่านก็เพียงแต่คิดในใจเฉยๆ
.
.....จนอาจารย์ทนายได้เข้าไปกราบหลวงปู่ แล้วอยู่ดีๆหลวงปู่ก็โยนพระรูปหล่อของท่านให้อาจารย์แล้วพูดว่า “เอาไปซะ อยากได่บ่แม่นติ”!! เท่านั้นยังไม่พอหลวงปู่ยังพูดต่อว่า “ฟ้าวไป มีคนถ่าอยู่ลาว”!!! ได้ยินแบบนั้น อาจารย์ทนายท่านประทับใจมาก ในอำนาจจิตของหลวงปู่ ว่าท่านทราบได้อย่างไร นั้นคือครั้งแรกที่อาจารย์ได้เจอกับหลวงปู่
.
.....ภายหลังอาจารย์ทนายท่านมาคุยกับพี่นกว่า ท่านได้กำหนดจิตเข้าไปดูจิตข้างในของหลวงปู่แสง “แต่ปรากฏว่าท่านเข้าไปไม่ได้ท่านเห็นแต่แสงสว่างและความว่างเปล่า”!!!! อาจารย์ทนายท่านจึงนับถือหลวงปู่แสงมาก เชื่อว่า หลวงปู่ท่านเป็นพระระดับอรหันต์จริงๆ ถึงขนาดท่านกล้าให้หลวงปู่เหยียบหัวท่านเลยทีเดียว!!
.
......คิดว่าหลายท่านคงรู้จักหลวงปู่แสง หลวงปู่ท่านไม่ได้มีวิชาอาคมหรือเวทมนต์ทางไสยเวทย์แต่อย่างใดนะครับ ท่านทำวิปัสนากรรมฐานตามรอยพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างเดียว จนจิตท่านมีพลังมหาศาลเป็น”พุทธานุภาพ”และข้ามพ้นเรื่องโลกียะไปเรียบร้อยแล้ว นี้คือที่สุดของทุกอย่าง
.
....จากความสงสัยเป็นความศรัทธา และสุดท้ายท่านอาจารย์ทนายกับทีมงานก็ได้ขออนุญาติสร้างวัตถุมงคลถวายหลวงปู่แสงในภายหลัง ซึ่งวัตถุมงคลรุ่นที่อาจารย์ทนายและทีมงานได้สร้างให้หลวงปู่ พี่ปุ๊ก็มอบมาให้ช่างชิตเอามาสร้างบุญกุศลในครั้งนี้ด้วย (มีแต่เนื้อเด็ดๆ)รายละเอียดเดี้ยวค่อยว่ากันตอนต่อไป คืนนี้แค่นี้พอละ ช่างชิตง่วง 5555
.
....เดี้ยวๆๆๆๆ....เกือบลืมบอก ตอนที่อาจารย์ทนายได้ขอสร้างพระถวายหลวงปู่ ช่วงที่ขนไปให้หลวงปู่ท่านอธิฐานจิต ก็มีเหตุการณ์อัศจรรย์ใจเกิดขึ้นระหว่างอาจารย์ทนายและหลวงปู่แสงอีกครั้ง ทำให้ทีมงานผู้สร้างและผู้อยู่ในเหตุการณ์ ทึง!! ตะลึง!! กันตามๆไป จะมาเขียนในตอนต่อไปนะครับ พี่ๆน้องๆอย่าเบื่อและรำคาญกันก่อนซะละ
.
.....เดี้ยวจะมาว่าเขียนอะไรยาวๆไม่รีบๆบอกไป ใจก็อยากให้เสร็จๆละครับ แต่มันต้องเขียนจริงๆ เพราะถ้าไม่เขียน ก็จะไม่รู้ที่มาที่ไป ไม่รู้คุณค่าของๆที่จะได้ เอาไปก็เท่านั้น แต่ถ้าเรารู้ความเป็นมาก็จะเห็นความสำคัญ “เมื่อรู้จะเห็นค่า เมื่อทราบจะสัมผัสอย่างลงใจ” รับรองครับว่าใครร่วมบุญกับช่างชิตครั้งนี้ "ไม่มีผิดหวังทุกกรณี" ราตรีสวัสดิ์ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
**รีรันตอนที่6 ไม่ใช่การบอกบุญนะครับ เป็นบทความเก่านำมาให้อ่านและอนุโมทนาร่วมกัน
.
....ปฐมบท "กองบุญสร้างบารมีกับหลวงปู่4อรหันต์"….
…ตอนที่6/10 “ความกตัญญู แรงครูบาอาจารย์”
.
.....ครับ ก็มาต่อกันตอนที่6ละ อย่างที่เคยเกริ่นไปในตอนที่3(ไปอ่านนะ)ว่าอาจารย์ทนายท่านเป็นคนที่ “มีความเคารพและกตัญญู”ต่อครูบาอาจารย์ของท่านอย่างมาก อะไรที่ครูบาอาจารย์ไม่สอน ห้าม ไม่เคยพาทำ ท่านจะไม่ทำโดยเด็ดขาด ท่านจะใช้คำว่า “มติครู” มาแบบนี้ท่านก็ไม่ทำ....
.
....และช่างชิตก็เชื่อเหลือเกินว่า คนที่มีความกตัญญูเป็นที่ตั้งจะทำการทำงานอันใดสิ่งใด ครูบาอาจารย์ท่านก็จะมาช่วยมาสร้างมาสนุบสนุนอยู่เสมอ คนที่ไม่ลืมคุณของครู แม้บุพกรรมเก่าให้ผลจะลำบากและแย่ซักแค่ไหน แต่...ครูบาอาจารย์ท่านก็จะช่วยและประคับประคองให้เราผ่านไปได้ ชีวิตจะไม่ตกต่ำแบบจมดิน
.
...แม้นมีเหตุจะถึงตายวายชีวิต แต่ยังไม่ถึงฆาตของเรา ครูท่านยังไงก็ช่วยศิษย์แน่นอนครับ ลองมาอ่านเรื่องราวของอาจารย์ทนายเกี่ยวกับการไม่เสกรูปครูบาอาจารย์ดีกว่าครับ(บทความนี้ช่างชิตนำของอาจารย์คุง ศิษย์ของอาจารย์ทนายอีกท่านหนึ่งต้องขอบพระคุณ อาจารย์คุง ณ ที่นี้ด้วยครับ)
.
'ไม่เสกรูปครู'
....ปฏิปทาอีกอย่างหนึ่งของท่านอาจารย์วรวิทย์ จันทรพิทักษ์ที่ท่านยึดถือมาโดยตลอดคือ'ไม่เสกรูปครูบาอาจารย์' ซึ่งท่านย้ำเป็นหนักหนาจะถึงกับว่า 'ห้าม' เลยก็เป็นได้
.
....ท่านว่าสมัยที่ท่านไปหาท่านพ่อเที่ยง ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านนั่งคุยกับท่านพ่อเที่ยง มีลูกศิษย์ได้นำภาพหนึ่งมาให้ท่านพ่อเที่ยงเสก พอท่านพ่อเปิดดูพบว่าเป็นภาพ'หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา' ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน ท่านจึงปฏิเสธพร้อมกับกล่าวว่า “เรามีดีอะไรกว่าท่าน ท่านเป็นครู ไม่สามารถเสกท่านได้”!!! เมื่อท่านอาจารย์ได้ฟังได้น้อมรับคำปรารภของท่านพ่อเที่ยงและดำเนินตามตลอดมา
.
....ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์ไปเยี่ยมหาอาจารย์สักยันต์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ท่านพ่อเที่ยงเช่นเดียวกัน อาจารย์ท่านนั้นได้เชิญให้ท่านอาจารย์วรวิทย์เสกวัตถุมงคลซึ่งเป็นลอกเก็ตของอาจารย์ท่านนั้น ท่านอาจารย์วรวิทย์ได้ซักถามว่าไม่มีรูปครูใช่หรือไม่ เมื่อได้รับการยืนยันจึงทำการเสก
.
...แต่!!ทว่า....ท่านเริ่มเสกได้สักครู่ก็เลิก และสั่งให้เปิดกล่องวัตถุมงคลออก จนพบว่ามีศิษย์นำรูป หลวงปู่ทอง วัดราชโยธาใส่ไปด้วย จึงให้นำออกแล้วท่านถึงได้ทำการเสกต่อไป ความใคร่รู้ของผมจึงถามท่านไปว่าทำไมถึงทราบว่ามีรูปหลวงปู่ ท่านก็เมตตาตอบว่า
.
...."เมื่อเริ่มเสกเห็นพระรูปหนึ่งปรากฎขึ้นมาในนิมิต พอดูไปเห็นว่าเป็นหลวงปู่ทอง จึงต้องเลิกเสกให้มาของในกองวัตถุมงคล ดีท่านไม่ถีบตกจากที่นั่ง มาเสกท่านได้!!!"
.
.....เป็นไงครับ หึๆ อ่านแล้วอย่าหยุดอ่าน มาต่อๆ
.
.....ในการสร้างวัตถุมงคลของท่านอาจารย์ทนายก็เช่นกัน ท่านจะเชิญครูบาอาจารย์ลงมาช่วยด้วยทุกครั้ง และถ้าเป็นรูปของครูบาอาจารย์หรือเป็นอะไรที่ท่านทำเพื่อระลึกถึงครูของท่าน ท่านก็จะไม่เสกเองเด็ดขาด!!! ท่านจะทำพิธีและเข้าฌานเชิญครูบาอาจารย์องค์ที่วัตถุมงคลนั้นๆใช้รูปลักษณ์ท่าน ครูดั่งครูเดิม พ่อปู่ฤษี อินทร์ พรหม เทวดา ทั้งหลายในทั่วสกลจักรวาล ที่มีวาสนาเกี่ยวข้องกับท่านลงมาประสิทธิ์ให้ วัตถุมงคลของท่านจึงมี “แรงครู” ช่วยหนุนอยู่ทุกชิ้น และก่อประสบการณ์กับผู้ที่พกและแขวนมากมาย
.
….ฤษีรุ่นแรกที่ท่านอาจารย์ทนายสร้างเพื่อระลึกถึงพ่อเที่ยง น่วมมานา ท่านแขวนไปหาอาจารย์ฆราวาสท่านหนึ่ง อาจารย์ท่านนั้นบอกกับท่านอาจารย์ทนายว่า “แขวนอะไรในคอ?? ขอได้ไหม” พอถามว่าทำไมถึงอยากได้ อาจารย์ท่านนั้นบอกเหตุผลว่า พออาจารย์ทนายเดินขึ้นบันไดมา “แกเห็นแสงสีขาวพุ่งออกมาจากคอของอาจารย์ทนาย!!!” ซึ่งอาจารย์ทนายท่านแขวนฤษีรุ่นที่ท่านสร้างและท่านแขวนอยู่ในเสื้อ!!!
.
…..มีอาจารย์ฆราวาสที่เรียนวิชาสายพม่ามา(เก่งในสายของแก) แกสำเร็จมนต์จักรพรรดิ์ สามารถจับพลังของพระเครื่องได้ และปรกติแกจะไม่ค่อยทำ อาจารย์ท่านนี้บอกว่า “ถ้าทาง คงกระพัน มหาอำนาจ มหาอุด จะขนลุกขนชันจะขลังมากจะน้อยก็ตามอาการ ถ้าทาง เมตตา มหาเสน่ห์ มันจะพ่วนๆในท้อง แต่ถ้า แรงจริงๆดีมากๆครบครอบทุกด้าน มันจะวิ่งขึ้นหัวเลย บางทีทำเอาแกมึน แกเลยไม่ชอบทำ”
.....เมื่อมีคนเอาฤษีของอาจารย์ทนายให้แกตรวจดู ไม่นานแกพูดด้วยอาการตื่นเต้น “ดีๆ โห้ๆๆๆๆ....วิ่งขึ้นหัวผมเลย ขนลุกไปหมดแล้วนิ จนถึงท้ายทอยแล้ว ดูสิๆ”
“ดีมากเลยนะ คุ้มครองได้หมด ครบทุกด้าน ดีมากๆ คุณแขวนได้อย่างสบายใจเลยนะ”
…..นั้นเป็นประสบการณ์ตรงของช่างชิตครับ...
.
...คนที่มีครูบาอาจารย์คุ้มครองรักษา ไปไหนมาไหนคนเดียวก็ยังอุ่นใจเสมือนเราไม่ได้ไปลำพัง แต่ยังมี...กายที่มองไม่เห็นตามคุ้มครองเราด้วย เช่น ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์ทนายเคยจะไปเรียนวิชาทำหุ่นกับอาจารย์ฆราวาสรุ่นใหญ่(ไม่ขอเอ่ยนาม) แต่พออาจารย์ฆราวาสท่านนั้นเห็นอาจารย์ทนายก็ไม่ยอมรับอาจารย์เป็นศิษย์ครอบครูให้ โดยบอกว่า
.
“ท่านครอบให้ไม่ได้ เพราะมีตาแก่ไว้หนวด มีผ้าผ่าบา นั่งบนหัวมาด้วย ถ้ารับเดี้ยวเขาจะว่าเอา”!!!
(คนที่ท่านบอกนั้นคือ ลักษณะของพ่อเที่ยง น่วมมานา อาจารย์ของท่านอาจารย์ทนาย)
.
…..ครับ พี่ๆน้องๆทุกท่าน ถึงตอนนี้ถ้าใครอ่านมาตั้งแต่ตอนที่1 จนมาอ่านเรื่องความเป็นมาของอาจารย์ทนาย ก็คงจะเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า “วัตถุมงคลที่ท่านอาจารย์ทนายสร้างนั้น ไม่ได้ไร้คุณค่าและเป็นของตลาด พุทธพานิชย์แบบทั่วไป”
.
....... และเรื่องราวของท่านอาจารย์ทนายวรวิทย์ จันทรพิทักษ์ หรืออาจารย์ทนายต๋อย ช่างชิตก็คิดว่าได้ปูพื้นให้ทุกท่านได้รู้จักพอสมควรแล้ว ในตอนต่อๆไปจะมาบอกประวัติและรายละเอียดของวัตถุมงคลทั้งหมดที่จะให้ร่วมบุญ
.
....สำหรับช่างชิต เคารพศรัทธาท่านครับ และคิดว่า “คนที่มีจิตใจที่เมตตาต่อทุกสิ่งและปล่อยวางแบบท่าน” พร้อมมีอำนาจจิตขนาดนี้ ท่านเป็น“อริยะบุคคลขั้นโสดาบันถึงสกิทาคามี”อย่างแน่นอน อันนี้คือความเชื่อส่วนตัวช่างชิตนะครับ รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แล้วเจอกันตอนที่ 7 นะครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
**รีรันตอนที่7 ไม่ใช่การบอกบุญนะครับ เป็นบทความเก่านำมาให้อ่านและอนุโมทนาร่วมกัน
.
....ปฐมบท "กองบุญสร้างบารมีกับหลวงปู่4อรหันต์"….
…ตอนที่7/10 “รายละเอียดวัตถุมงคลที่ให้ร่วมบุญ วัตถุมงคลของอาจารย์ทนาย”
.
….ครับ ก็ก้าวมาถึงตอนที่ 7 แล้ว ใครอ่านมาถึงตรงนี้คงจะรู้จักอาจารย์ทนาย วรวิทย์ จันทรพิทักษ์ พอสมควร แม้ท่านจะไม่ได้แสดงตน เปิดตัว เปิดสำนัก นุ่งขาวห่มขาว ยังไปทำงานและใช้ชีวิต เฉกเช่น คนปรกติทั่วไป แต่ถ้าใครได้สัมผัสกับท่านจะรู้เลยว่า ท่านเป็น“ฆราวาสจอมขมังเวทย์ในยุคปัจจุบัน”ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน คราวนี้มาดูกันครับว่า ในงานบุญครั้งนี้ พี่ปุ๊ ศิษย์ของท่านอาจารย์ทนาย พี่ชายใจดี ได้มอบของล้ำค่ามามอบเป็นของที่ระลึกให้พี่ๆน้องๆที่ร่วมบุญ จะมีอะไรกันบ้าง ตามมาเลยครับ
.
....วัตถุมงคลชุดจัดสร้างถวายหลวงปู่แสง....
....อย่างที่ทราบกันเมื่ออาจารย์ทนายได้ไปกราบหลวงปู่แสง และเกิดศรัธทาอย่างยิ่งยวดในจิตใจจึงได้ร่วมกันกับทีมงานลูกศิษย์ลูกหา ขอสร้างวัตถุมงคลถวายหลวงปู่ มีทั้ง พระบูชา รูปหล่อห้อยคอ พระยอดธง พระสังกัจจายน์ พระขุนแผน ในการนี้พี่ปุ๊ได้มอบให้มาร่วมบุญ มี พระสังกัจจายน์ รูปหล่อห้อยคอ และ ขุนแผน พระทุกรุ่นหลวงปู่อนุญาตทั้งหมด จะเริ่มต้นรายละเอียดการสร้างพระสังกัจจายน์และกล่าวถึง”เหตุการณ์สุดอัศจรรย์ใจ”ที่เกิดขึ้น!!!!
.
.....สำหรับพระสังกัจจายน์ รุ่นนี้ชื่อ รุ่น มหาโภคทรัพย์(หลวงปู่ท่านตั้งชื่อให้) จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2554 จำนวนการสร้างประมาณ 2,000 องค์ สร้างตามดำริของหลวงปู่เมื่อคราวอาจารย์ทนายขอท่านสร้างพระแจกญาติโยม ท่านว่าน่าจะสร้างเป็นพระสังกัจจายน์เพราะท่านเป็นพระที่สอนพระเณรให้มีความรู้ มวลสารในการสร้างทำจากโลหะศักดิ์สิทธิ์เป็น นวะโลหะ ใต้ฐานบรรจุเส้นเกศาหลวงปู่ ชันโรงผสมผงอิทธิเจ ผงพ่อเที่ยง ผงสมเด็จพระสังฆราช และผงอีกหลายคณาจารย์ ฯลฯ
.
......ส่วนเหตุการณ์อัศจรรย์ใจเกิดขึ้น เกิดช่วงตอนที่ทีมงานขนพระไปให้หลวงปู่อธิฐานจิต แต่ตอนไปท่านอาจารย์ทนายท่านไม่ได้ไปด้วยเพราะท่านป่วยไม่สบายมาก เมื่อทีมงานเดินทางไประหว่างทางก็คิดว่าไปถึงคงต้องช่วยกันขนพระขึ้นไปให้หลวงปู่เสกบนเขา(หลวงปู่ท่านพักกุฏิอยู่บนเขา)คงจะเหนื่อยแน่นอน จังหวะที่กำลังขับรถเดินทางไปจู่ๆ อาจารย์ทนายก็โทรมาบอกว่า “เดี้ยวหลวงปู่ท่านจะลงมาข้างล่างนะ แล้วท่านจะทำน้ำมนต์พรมให้ด้วย”!!! ทุกคนก็ งง ว่าจะเป็นไปได้ยังไง เพราะปรกติธรรมดาหลวงปู่แสงท่านอธิฐานจิตพระ สายสิญจ์ท่านก็ไม่จับ บางทีมาท่านจ้องเฉยๆก็มี บางทีท่านเอามือตบลังทีเดียวก็มี แบบที่จะทำน้ำมนต์พรมให้คงเป็นไปไม่ได้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน....
.
.......จนทีมงานมาถึงวัด ก็กำลังจะเตรียมยกลังพระขึ้นเขาไปหาหลวงปู่ ปรากฏว่า!!!! หลวงปู่ท่านกำลังลงจากเขามาพอดี และพอท่านมาถึง ท่านบอกให้หาขันหาน้ำมาทำน้ำมนต์!!! แล้วท่านก็อธิฐานจิตและทำน้ำมนต์พรมพระสังกัจจายน์ให้พร้อมอวยพรเรียบร้อย ทุกคนต่างปิติอย่างมาก แต่ในความปิติ ก็สุดประหลาดใจว่า ท่านอาจารย์ทนายที่นอนพักรักษาตัวอยู่กรุงเทพ ท่านทราบได้อย่างไร??? (ทุกคนมาทราบภายหลังว่า ท่านอาจารย์เข้าฌานจิตไปขอหลวงปู่ไว้ เพราะท่านอยากให้หลวงปู่พรมน้ำมนต์ให้รุ่นนี้พิเศษหน่อย)จากเหตุการณ์นี้ก็เป็นเรื่องราวขานกันในกลุ่มลูกศิษย์และผู้ที่ทราบมาจนทุกปัจจุบัน
.
......ส่วนพระรูปหล่อรุ่นที่ให้ร่วมบุญ ชื่อรุ่นเจ้าสัว อาจารย์ทนายและทีมงานลูกศิษย์ก็สร้างถวายหลวงปู่ในปี 2554 เหมือนกัน แต่สร้างก่อนพระสังกัจจายน์ มวลสารที่ทำก็ล้วนใช้โลหะศักดิ์สิทธิ์ และทำจำนวนน้อย หลวงปู่ท่านก็เมตตาอธิฐานจิตให้อย่างเต็มที่
.
......ต่อด้วยพระขุนแผนครับ ขุนแผนรุ่นนี้มวลสารก็ไม่ธรรมดา เพราะพี่นกเคยให้ข้อมูลว่าตอนทำผสมผง ใส่“ลูกอมผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ เป็น 10ลูก!!” แค่ค่ามวลสารก็หลายตังละ 5555++ หลวงปู่ท่านก็เมตตาอธิฐานเต็มที่เช่นเคย
.
.....วัตถุมงคลที่ท่านสร้างในวาระต่างๆ.....
.
...อย่างที่เคยบอกในตอนที่3 อาจารย์ทนายท่านสร้างวัตถุมงคลก็เฉพาะในงานสำคัญๆ เช่น งานไหว้ครูประจำปี สร้างมาก็แจกลูกศิษย์ลูกหาเท่านั้น!! ไม่ได้สร้างมาขายเป็นพาณิชย์ วัตถุมงคลของอาจารย์มีไม่มากรุ่นและแต่ละรุ่นก็จำนวนน้อย ในงานนี้พี่ปุ๊ก็มอบมาให้ผู้ร่วมบุญจำนวนหนึ่ง ก็ขอเขียนรายละเอียดรุ่นต่างๆคร่าวๆดังนี้ครับ
.
...พระยอดขุนพลสะกดทัพ....
พระยอดขุนพลสะกดทัพ สร้างขึ้นในคราวพิธีเทรูปเหมือนท่านพ่อเที่ยง น่วมมานา ขนาด ๑๒ นิ้ว เมื่อวันเสาร์๕ วันที่๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ เป็นสิ่งที่ระลึกถึงคุณครู คุณพ่อเที่ยง น่วมมานา ที่ท่านเคารพรักอย่างสูง พระผงรุ่นนี้ท่านอาจารย์ทนายได้เมตตานำผงอังคารและเถ้าอัฐฐิท่านพ่อเที่ยงที่ท่านเก็บไว้บูชาตั่งแต่ครั้งงานพระราชทานเพลิงศพ ท่านพ่อเที่ยง เมื่อปี ๒๕๓๔ มาผสมเป็นมวลสารจำนวนมาก มีแบบที่กดนำฤกษ์ก็จะฝังอัฐฐิให้เป็นที่ด้านหลังเป็นพิเศษ และปั้มหมายเลขเรียงกันไว้ที่ด้านหน้าด้วย ใครที่อยากมีวัตถุมงคลของพ่อเที่ยงก็สามารถแขวนรุ่นนี้ได้ ประสบการณ์มากครับ ที่สำคัญ อาจารย์ท่านเชิญพ่อเที่ยงมาเสกให้อย่างที่ช่างชิตเคยกล่าวในตอนที่แล้ว
.
....ฤาษีนาคราชน้อย หรือ ฤาษีนาคน้อย....
เป็นหนึ่งในวัตถุมงคลที่ท่านอาจารย์ได้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณครู และวิชาที่เล่าเรียนมา เป็นพระฤาษีที่สร้างเป็น รุ่นที่สอง หลังจากการสร้างพระฤาษีมหายันต์ในรุ่นแรก การสร้างทำโดยวิธีหล่อโบราณ สร้างๆไม่มากนัก สร้างไว้2เนื้อ เนื้อเงินสร้างได้สิบกว่าองค๋ เนื้อทองผสมสร้างได้ประมาณ300กว่าองค์เท่านั้น ส่วนผสมก็จะมีแผ่นยันต์ที่ท่านอาจารย์วรวิทย์ลง เช่นมหารูดพิชัยสงคราม ยันต์บัว ยันต์มหาระงับ ยันต์นาคราชน้อย ยันต์บัวสี่เหล่า ยันต์เจ้าสัว และยันต์อื่นๆอีกหลายยันต์ พร้อมชนวนโลหะศักดิ์สิทธิ์อีกนับไม่ถ้วน ฤษีมหายันต์วันนี้ต้องบอกหายากแล้ว แต่รุ่นนี้ก็ใช้แทนกันได้ครับ
.
....พระพิฆเนศ โปร่งฟ้า....
อาจารย์ทนายท่านได้สร้างพระพิฆเนศ รุ่นนี้ขึ้น แบบโปร่งฟ้า คือก้นกลวงทะลุถึงยอด เป็นการเคารพครู นึกถึงบุญคุณแห่งผู้ให้วิชาความรู้กับเราทั้งหลาย และเป็นเครื่องสักการะยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยประกอบเข้ากับวิชาการที่ท่านได้เรียนรู้มาเพื่อให้บังเกิดสิริมงคลและความจำเริญต่อผู้บูชา การสร้างเป็นโปร่งฟ้าเพื่อให้ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ให้มีแต่ความปลอดโปร่ง ทั้งโปร่งทั้งลือเลื่อง มีหลายเนื้อ เนื้อเงิน นวะ ขันลงหิน สำหรับคนที่สะดวกก็สร้างเป็นเนื้อทองคำไว้เป็นที่ระลึกเพียงไม่กี่องค์
.
....พระยอดขุนพลสะดุ้งกลับ.....
สร้างแจกงานไหว้ครูปี 2556 มีหลายเนื้อด้วยกัน ทั้งโลหะและเนื้อผง ในการสร้างวัตถุมงคลทุกครั้ง ท่านอาจารย์ทนายท่าจจะตั้งใจอย่างมาก เช่น รุ่นนี้ แม้จะดึกดึนขนาดไหน ถ้ามีฤกษ์มียามสามารถเสกพระให้เข้มขลังได้ ท่านอาจารย์ก็ยอมอดหลับอดนอนเพื่อจะทำ เมื่อถึงเวลา ท่านก็ได้ทำการเสกพระชุดนี้อย่างเต็มที่ และพระยอดขุนพลของอาจารย์จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ ด้านข้างของพระพุทธเจ้าจเป็น ฤษี แทน พระอรหันต์สาวก ท่านให้เป็นฤษีเพื่อให้ระลึกถึงครูบาอาจารย์ พระพุทธเจ้าก่อนท่านจะตรัสรู้ก็เคยไปเรียนวิชากับ ฤษี อุทกดาบส และ อาฬารดาบส และเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ แล้ว พระองค์ก็คิดถึงครูของท่าน 2 ฤษี นั้นเอง คือครูนั่นเอง
.
....ผ้ายันต์พระพายสะกดทัพ....
สร้างแจกไหว้ครูเมื่อปี 2555 สร้างประมาณ 300 ผืน ผ้าสีแดง 30 ผืน ผ้าสีดำ270 ผืน แยกเป็นผ้าดำสีทองราว 260 ผ้าดำสีขาวสีรุ้งประมาณ 10 ผืน แบบสีแดงจารตัวนะประมาณ 10-20 ผืน ท่านอาจารย์ทนายสร้างตามตำหรับวิชาสาย หลวงพ่อแซ่ม วัดตาก้อง โดยท่านอาจารย์ทนายเองได้ศึกษาเจนจบวิชานี้ต่อจาก ศิษย์เอกหลวงพ่อแซ่ม คือ อาจารย์ฮวด นั้นเอง ยันต์รุ่นนี้ มีคนไปใช้แล้วมีประสบการณ์กันมากครับ
.
.....ก็ได้กล่าวถึงสรุปไปหมดแล้วนะ สำหรับ วัตถุมงคลของท่านอาจารย์ทนาย(ต๋อย) วรวิทย์ จันทรพิทักษ์ ที่มากด้วยคุณค่าเพราะช่างชิตไม่ได้จากร้านเช่าพระที่ไหนมา แต่ได้มากับ1ในทีมงานที่จัดสร้างเลย นั้นคือ พี่ปุ๊ ศิษย์อาจารย์ทนาย เพราะฉะนั้นที่มาดีมาก ไม่ต้องกลัวเก๊ กลัวเสริม ไม่ต้องไปฟังคำสวดที่ไหน จะให้ที่มาดีกว่านี้ก็คือไปสร้างเองละครับ 5555++ ยังไงก็กราบขอบพระคุณพี่ปุ๊อีกครั้งสำหรับความเมตตาและน้ำจิตน้ำใจที่มีต่อช่างชิตจริงๆ ในตอนหน้าจะมาแจ้งรายละเอียดของวัตถุมงคลรุ่นอื่นๆของครูบาอาจารย์ท่านใดอย่าลืมติดตามกันนะครับ ใกล้จะถึงเส้นชัยละ อีกไม่นาน อิอิไฟล์ที่แนบมา:
-
-
**รีรันตอนที่8 ไม่ใช่การบอกบุญนะครับ เป็นบทความเก่านำมาให้อ่านและอนุโมทนาร่วมกัน
.
...ปฐมบท "กองบุญสร้างบารมีกับหลวงปู่4อรหันต์"….
…ตอนที่8/10 “รายละเอียดวัตถุมงคลที่ให้ร่วมบุญ วัตถุมงคลของหลวงปู่เล็ก วัดทำนบ”
.
….ครับก็มาถึงตอนที่8 กันแล้ว ก็ต้องบอกว่าอีกไม่นานมหากาพย์ปฐมบทก็จะสุดทาง หวังว่าคนที่ติดตามจะยังคงรอ “สร้างบารมี”ร่วมกันอยู่นะครับ มาตอนนี้ก็ขอยกให้กับ 1ในครุบาอาจารย์ที่ช่างชิตนับถือหมดหัวใจอีกรูป นั้นคือ หลวงปู่เล็ก จันทสโร วัดทำนบ ก่อนจะพูดถึงวัตถุมงคลของหลวงปู่ที่จะนำมาให้ร่วมบุญ ขอกล่าวถึงหลวงปู่ซะหน่อยให้พี่ๆน้องๆที่ยังไม่รู้จักท่านได้รู้จักท่านมากขึ้น
.
....ประวัติและเรื่องเล่าของ หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ
พระครูวิชาญพัฒนกิจ หลวงปู่ดิเรก(เล็ก) จนฺทสโร อายุ 98 ปี 78 พรรษา วัดทำนบ ต.สี่ร้อย อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง โดยหลวงปู่ท่านมีความเกี่ยวเนื่องเป็นเครือญาติกับหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่บวชพระที่วัดประดู่ฉิมพลี โดย มี สมเด็จพระวันรัต (กิมเฮง เขมจารี) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี พระกรรมวาจาจารย์
.
...หลวงปู่เล็กท่านเป็นพระเถราจารย์ซึ่งเก็บตัวเงียบมานานจนปัจจุบัน ท่านไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวัตถุมงคลมากนักประชาชนทั้วไปทราบกันเป็นอย่างดีว่าหลวงปู่ท่านเก่ง วาจาสิทธิ์ และ”ดุมาก” แม้แต่หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ยังเคยไล่ให้คนบ้านทำนบที่ไปกราบท่านที่สิงห์บุรีให้มากราบหลวงปู่เล็กไม่ต้องมากราบท่านไกลถึงสิงห์บุรี เคยมีศูนย์พระเข้าไปวุ่นวายกับท่าน ท่านตะเพิดออกมาจนไม่มีใครกล้าเข้าไปอีก
.
....หลวงปู่ท่านเป็นพระเถระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ครูบาอาจารย์ในยุคนี้ล้วนแต่เคารพในหลวงปู่ อาทิ หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน หลวงพ่อทองหยิบ วัดบ้านกลาง หลวงพ่อ เกลื่อน วัดรางฉนวน หลวงพ่อเสียน วัดมะนาวหวาน ล้วนแต่เคารพนับถือหลวงปู่ ด้วยพรรษาที่อาวุโสมาก และจริยาวัตรที่งดงามของหลวงปู่ แม้กระทั่งวิทยาคม หลวงพ่อทุกรูปทราบดีด้วยเป็นผู้มีวิทยาคมเหมือนกัน ว่าหลวงปู่เล็กท่านเป็นอย่างไร หลวงปู่เสียน วัดมะนาวหวาน จะเรียกหลวงปู่เล็กว่า “ลูกพี่”
.
..อาจารย์หลวงปู่มีทั้งฆราวาสและพระ ที่พอจะนับได้ก็มี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่สด วัดปากน้ำ หลวงสักทัศน์พลยุทธ(ท่านเป็นนายทหารเก่าที่มีวิทยาคมสูง) หลวงพ่อเต่า วัดน้ำพุ หลวงปู่เล็ก วัดทำนบท่าน เป็นพระเถราจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏบัติชอบอยู่ในกรอบพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จนเป็นที่เคารพของทั้งพระ และฆราวาสในจังหวัดอ่างทอง เรื่องราวที่ท่านรู้เหตุการล่วงหน้า รู้วาระจิต คนบ้านทำนบก็ทราบกันดี เพราะเจอกันมามาก นึกอะไรจะพูดอะไร ท่านดักทางจนพูดกันไม่ออก หลวงปู่เล็กท่านเป็นพระที่ดุ คนทำนบยำเกรงท่านมากๆ เกรงบารมีหลวงปู่กันตั้งแต่รุ่นชวด ยันรุ่นหลาน ไม่ค่อยมีใครกล้าไปวุ่นวายกับท่านมากนัก
.
.... เรื่องรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
....มีครั้งหนึ่งศิษย์แถวตลิ่งชัน ได้สร้างพระเพื่อแจกฟรี ไปขอเมตตาหลวงปู่เล็กท่านเสกให้ ก่อนออกจากบ้านจุดธูปบอกกล่าวท่านขอให้ท่านเมตตาเสกให้ พอมาถึงวัดทำนบ กรรมการวัดท่านหนึ่งออกมายืนรอโบกรถ ให้เข้าจอดและบอกว่า หลวงปู่ท่านรออยู่??? พอเข้าไปถึง "หลวงปู่ท่านนั่งห่มผ้าเรียบร้อย รออยู่แล้ว"!!
.
....มีลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้เอารูปหลวงปู่ไปบูชาบนหิ้ง และตั้งกระถางธูปจุดธูปบูชาทุกวัน จนครั้งหนึ่งมากราบหหลวงปู่ หลวงปู่ท่านทักว่า "เวลาบูชาไม่ต้องจุดธูปหน้ารูป ท่านแสบตา และท่านยังไม่ตาย"!!! พี่ชายคนนั้นถึงกับอึ้งไปครู่หหนึ่งเลยทีเดียว
.
...หมอผีแขกต้องหนี
ครั้งหนึ่งมีผู้หญิงพาลุกสาวมาขอความช่วยเหลือกับหลวงปู่ เนื่องจากถูกคุณกระทำ และมีวิญญาณแฝง ทำให้ทุรนทุราย อยู่ไม่ได้ต้องพามาหาหลวงปู่ พอมาพบหลวงปู่ หลวงปู่มองเห็นก็ทราบว่าถูกคุณผีแฝงมา ท่านพูดลอยๆเหมือนสั่งใครสักคนบริเวณนั้นให้เอาวิญญาณที่แฝงออกมาและให้เอาไปไว้ที่เมรุ ท่านสั่งสักพักอาการของผู้หยิงคนนั้นก็สงบลง หลวงปู่ท่านทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ เมื่อเป็นดังนั้นสักครู่หลวงปู่ท่านก็นั่งกำหนดจิตนิ่งๆสักพักหนึ่ง คนที่ทำของใส่ก็วิ่งทุรนทุรายออกมาจากบ้านถอดเสื้อถอดแสงออกมานอนกลางสนามหญ้าหน้าวัด ซึ่งคนที่ทำของใส่นั้นเป็น หมอผีแขก นับตั้งแต่นั้น หมอผีคนนี้ก็ย้ายรกรากจากวัดทำนบ มาอยู่บริเวณตลาดวิเศษฯแทน และก็มารับจ้างทำเสน่ห์ ลงทอง ตอนหลังถูกยิงเสียชีวิต
.
….ส่วนในเรื่องวัตถุมงคล อะไรที่ขอท่านและได้ผ่านมือท่าน ไม่ว่ารุ่นไหนเป็นอัน“จบ” ของๆหลวงปู่เสกสุดยอดไม่สุดยอด แม้กระทั้ง "หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป" พระอริยะเจ้าที่มีพลังจิตสูง หลวงปู่ชอบเองท่านเป็นผู้รับรอง “ท่านเปลี่ยนเป็นฤษีมาหลายชาติ สำเร็จกสินไฟ ท่านเปลี่ยนโกรธใครแล้วจ้องเขา คนๆก็อาจตายได้ เราจึงสอนให้เดินภาวนาใช้แผ่เมตตาคลุม เหมือนหลวงปู่มั่นสอนหลวงปู่ฝั้น” หลวงปู่ชอบพระอรหันต์ผู้มากฤทธิ์ออกปากขนาดนั้น
.
....แล้วหลวงปู่เปลี่ยนจับพระปิดตาของหลวงปู่เล็ก(เนื้อผงโรงงานธรรมดาด้วย)แล้วบอกว่า
“เย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็ง!!” ระดับหลวงปู่เปลี่ยนออกปากนิ ช่างชิตให้เครดิตหมดใจครับ
......พระอาจารย์สุริยันต์ วัดฉัพพรรณรังสี ผู้มีเจโตแจ่มใส ได้มโนมยิทธิ จับพระกริ่งของหลวงปู่ถึงกับกล่าวว่า
“โฮ้ เสกขนาดนี้กันระเบิดนิวเคลียร์ได้เลยนะเนี่ย”!!!
...................
หลวงปู่ท่านเคยกล่าวกับชาวบ้านทำนบท่านหนึ่งว่า "ของๆกูไม่ใช่ของโหล แบกะดิน"
...............
.
....มาดูวัตถุมงคลของหลวงปู่ดีกว่าว่าในงานนี้มีอะไรบ้าง ตามมาเลยครับ
.
....พระปิดตามหาเศรษฐีเนื้อผงพุทธคุณ….
….พระปิดตารุ่นนี้ คณะศิษย์หลวงปู่เป็นผู้จัดสร้างต้องบอกว่า เป็นการรวบรวมมวลสารแบบสุดๆจริงๆเขียน 5 ตอนก็ไม่จบ ที่สำคัญสร้างมาให้หลวงปู่ท่านแจกครับ เจตนาดี มวลสารเยี่ยม หลวงปู่อนุญาต “จบ” ทุกกรณี จะกล่าวคร่าวๆถึงรายละเอียดการสร้างดังนี้ มวลสารที่สร้างพระ
ผงพระวัดพุทธมงคลนิมิตร จ.นครสวรรค์ ปี2510ที่ชำรุดแตกหักเป็นจำนวนมาก เป็นพิธีที่รวมพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานในยุคนั้นอย่างคับคั่งมากมายที่สุดยอดคือองค์หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด ท่านเป็นผู้สวดนำญาติโยมในการสวดลัคขีจำนวนหนึ่งแสนจบ เป็นเวลาสามวันสามคืน
ผงพระแตกหักสมเด็จบางขุนพรหม ชุดเปิดกรุเมื่อปี2500/ผงพระวัดประสาท ปี2506และ2508/แร่วัดประสาท(ที่โรยด้านหลังพระหลวงพ่อทวด)ปี2506และ2508/ผงพระแตกหักหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค/ผงพระแตกหักสมเด็จไผ่ตองหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก/ผงหลวงปู่ท่อน วัดศรีอภัยวัน/ผงหลวงปู่สนั่น วัดป่าคลองกุ้ง/ผงหลวงปู่พิศดู วัดเทพธารทองและผงพุทธคุณมวลสารมาจากทั่วประเทศ ของ ท่านอาจารย์อนันต์ สวัสดิสวนีย์ และท่านอาจารย์เบิ้ม(อ.สุวัฒน์ พบร่มเย็น)
.
....นั้นแค่ผงนะที่สำคัญเขียนยังไม่หมดด้วยเยอะเกิน 5555++ มาดูว่านกันบ้างดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ยอดต้นกาหลง/ยอดต้นรักซ้อน/ยอดต้นสวาท/ยอดต้นคูณ/ยอดต้นหิ่งหาย/ต้นราชพฤกษ์/ว่านดาบหลวง/ว่านพระยาพิชัยดาบหัก/ว่านมหาจักพรรดิ์/พญาว่านฟ้าทายโจร/ว่านหนุมานประสานกาย/ว่านพญาหอกหล่อ/ว่านมหาปราบ/ว่านพญาว่าน/ว่านไชยมงคล/ว่านเทพรำลึก/ว่านเทพรำพึง/ว่านเทพประชุมพร/ว่านสาลิกาลิ้นทอง/ว่านห้าร้อยนาง/ว่านปัดตลอด/ว่านสาวหลง/ว่านดอกทอง เอาละเหนื่อยเขียน ยังมีอีกเป็นร้อยๆอย่างอะครับ เกริ่นแค่นี้ก็พอจะนึกแล้วนะว่าสุดยอดแค่ไหน
.
...นอกจากหลวงปู่จะอธิฐานให้แบบสุดๆนานนับเดือน ยังเอาเข้าในพิธีพุทธาภิเษกพระพุทโธกลางย้อนยุค รุ่นโสฬสมหามงคล เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ซึ่งในพิธีนี้ได้นิมนต์ครูบาอาจารย์องค์สำคัญมานั่งปรกพุทธาภิเษกอันได้แก่ พระเดชพระคุณพ่อท่านผอม ถาวโร วัดไทรขาม พระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน วัดตาล และท่านครูบากฤษดา สุเมโธ วัดสันพระเจ้าแดง.
.
..พระปิดตา “ดิเรกลาภ”...
....พระปิดตา "ดิเรกลาภ" ดร.นพพร ร้อยโทสันติ และคณะ เป็นผู้สร้างถวาย สร้างจากเนื้อว่านยา ยาไพล ซึ่งสายวิชานี้ถ้าคนที่ทราบและติดตามมาตลอดจะทรายเลยว่าหลวงปู่ท่านชำนาญมากเรื่องยาว่าน มวลสารเพียบ หลวงปู่อธิฐานจิตอย่างเต็มที่
.
...พระผงของขวัญรูปหลวงปู่...
พระผงของขวัญ หลวงปู่เล็ก จนฺทสโร ได้รับอนุญาตจากหลวงปู่อย่างถูกต้อง และหลวงปู่ได้เมตตาอธิษฐานจิตในวันที่ 2 เมษายน 2560 ซึ่งตรงกับ วันเสาร์ 5 (ขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 )วัตถุประสงค์เพื่อมอบให้กับผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญสร้างกุฏิสงฆ์วัดท่าช้าง มีทั้ง เนื้อผงพุทธคุณและเนื้อว่านมงคล
.
....ครับก็จบไปอีกตอน ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ ก็ขอบอกว่า ของแบบนี้ถ้าไปเช่าหาในสนามพระ กำเงินหลักพันหลักหมื่น ยังหาไม่ได้เลยครับ แต่ช่างชิตมีมาให้พี่ๆน้องๆในกลุ่มได้ร่วมสร้างบุญกัน ส่วนใครจะได้ไปก็แล้วแต่วาสนา ธรรมจัดสรร เพราะของมีจำนวนจำกัดเป็นของส่วนตัวช่างชิต ช่างชิตหวงนะ 555++
.
.... พระของหลวงปู่ที่ช่างชิตนำมาให้ร่วมบุญทั้งหมดได้รับจาก พี่กาน ที่อุปัฏฐากหลวงปู่และพี่พุธ สุดซอย ทีมผู้สร้างพระปิดตามหาเศรษฐี ก็กราบขอบพระคุณพี่ๆทั้ง 2 ด้วยนะครับ ที่มอบให้ช่างชิตไว้ให้ช่างชิตเก็บเป็นของส่วนตัว
.
....วันนี้ช่างชิตก็ขอนำเอาออกมาสร้างบารมีกับพี่ๆน้องๆอีกครั้งทำบุญใหญ่กับบรรดาหลวงปู่และได้รับวัตถุมงคลของหนึ่งในหลวงปู่ที่เราทำด้วย ที่มาที่ไปดีสุดๆแบบนี้ก็ขอบอกว่า “ท่านปิติกับบุญกองนี้ไปอีกนานแสนนาน” ติดตามตอนหน้านะครับ ใกล้แล้วไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
.
https://www.facebook.com/groups/938981642780598/ -
ตอนนี้ในกลุ่มเฟส มีโปรเจกบุญใหญ่และของที่ระลึกที่ช่างชิตสรรหามาอย่างดี บอกเลยว่าไม่ธรรมดาครับ พี่ๆน้องๆคนไหนสนใจเข้าไปตามลิ้งค์ด้านล่างได้นะครับ
.
https://www.facebook.com/groups/938981642780598/
หน้า 78 ของ 81