ซูกระแท้ว....แซวกระทู้....

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 14 เมษายน 2014.

  1. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ถ้าขี้เหล็กเฉยๆนี่เอาไว้แกงกินอร่อยดี ช่วยให้เจริญอาหารอีกตะหาก
    แต่ถ้าขี้เหล็กไหลเนี่ย เคยเห็นมาเหมือนกัน ไม่รู้ทำไมเรียกขี้เหล็กไหล ทั้งๆที่ถ้าเลี้ยงเอาไว้นานๆเข้า มันก็จะกลายเป็นเหล็กไหลได้ แต่ว่ากรรมวิธีในการเลี้ยงนั้นมีอยู่ ขี้เกียจไปรู้เพราะยุ่งยากไปสักหน่อย...

    มาถึงเรื่องตายแล้วไปไหน...อันนี้เคยฟังหลวงพ่อฤษีท่านตอบมาว่า ถ้าอยากรู้จริงๆลองเอามีดปาดคอดูสิ...ตายปั๊บก็จะรู้เลยว่าไปไหน...แต่ว่าหลังจากนั้นท่านแนะนำว่าฝึกมโนมยิทธิดีกว่า ง่ายกว่า ได้รู้กันไปเลยว่าตายแล้วไปไหน...ซึ่งผมก็ว่าเป็นกุศโลบายที่ดีเหมือนกันนะ ทำให้คนหันมาฝึกสมาธิกันเพิ่มขึ้น เมื่อรู้แล้วเห็นแล้วก็ไม่อยากทำชั่ว อยากจะทำดีกัน ส่วนพวกที่เพี้ยนๆไปนั้น จะว่าไปแล้วถึงเขาไม่ฝึกมันก็เพี้ยนๆอยู่แล้วแหละครับ ครั้นพอมาฝึกแล้วเพี้ยนนี่จะไปโทษเอากับวิชาของหลวงพ่อมันก็ไม่ได้นะ...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถึงว่าจะเพี้ยนไปบ้าง ก็ยังดีกว่าไปติดเหล้าติดยา ยังรู้จักทำบุญ ช่วยเหลือผู้อื่น อย่างนี้ก็ปล่อยๆให้เพี้ยนไปบ้างก็หยวนๆน่ะ...จะไปเอาอะไรมันสมบูรณ์พร้อม เพราะถ้ามันสมบูรณ์พร้อมจนเป็นปริสุทโธซะแล้ว มันก็ไม่ต้องเกิดอีกแล้วสินะ...
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    บ้าน อเนกประสงค์ ที่สามารถป้องกันปัญหา แผ่นดินไหว น้ำท่วม ส้วมเต็ม ปลูกพืชผักได้ ดัดแปลงได้สำหรับทุกๆกิจกรรม ต้นทุนการก่อสร้างต่ำ ใช้เวลาก่อสร้างน้อย
    เป็นรูปแบบที่เคยออกแบบไว้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ง่ายกว่านี้ เข้าไปดูในลิงค์ตามนี้ดีกว่า...

    Home Design Photos by smartisionoman | Photobucket
     
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ในเมื่อไม่พูดเรื่องการเมือง ก็ไปพูดเรื่องการบ้าน เมื่อพูดเรื่องการบ้านไปแล้ว ก็อยากจะไปแซวกระทู้พระโพธิสัตย์กันบ้าง ชวนมาถกเถียงกัน ให้ต่างมุมมอง ต่างมิติ คิดเล่นเห็นต่าง ตามประสาผู้ปรารถนานรกภูมิ....

    ตำราว่าด้วยการปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้านั้น ผมไม่ทราบว่ากำเนิดมาจากไหน ดังนั้นก็เลยไม่เคยได้อ่านฉบับเต็มๆกะเขาหรอกครับ ฟังตรงโน้นนิด ฟังตรงนี้หน่อย แล้วก็เอามาปะติดปะต่อกัน...
    จนมาเห็นรุ่นพี่หลายคนนี่เขามาเน้นเรื่องนางแก้ว มีแก้วใหญ่ แก้วเล็ก แก้วน้อย แก้วนิด แล้วหยิบยกมาเล่ากันว่า จะเป็นพระโพธิสัตย์นี่ต้องมีเมตตามาก มีบริวารมาก ดังนั้นเห็นสาวๆที่ไหนจึงเมตตาไปหมด...

    แต่ก่อนที่บ้านผมมีไก่ตัวผู้อยู่ตัวนึง คึกมากครับ เห็นตัวเมียก็เข้าไปป้อ ตัวไหนไม่ยอมก็จะเข้าไปตะลุมบอนจนกว่าจะได้ผสมพันธุ์ ถ้าได้จับแยกขังจะทุรนทุรายมาก ข้าว ผัก หญ้า ไม่ยอมกิน จะพุ่งเข้าชนรั้วชนกรง จนกว่าจะได้ไปหาไก่ตัวเมีย พอออกมาได้นี่ก็วิ่งไล่กวดไก่ตัวเมียไปรอบบ้านเลยทีเดียว...
    ผมก็เลยอยากจะคิดว่าไก่ตัวนี้ท่าทางจะเป็นไก่โพธิสัตว์ซะล่ะมั๊ง...ว่าแต่ คนในบ้านทั้งหลายไม่เห็นด้วยครับ...ต่างพากันเรียกชื่อไก่ตัวนี้ว่า "ไอ้หื่น"

    ทำให้นึกไปว่า โพธิสัตย์ นี่เขาจะไม่สนใจเรื่องการเจริญกรรมฐาน เรื่องการภาวนา เห็นจะมุ่งไปแต่ทำบุญเล็กบุญน้อยกัน มีเมียแก้วบ้างเมียพลาสติกบ้าง แล้วนี่จะไปบรรลุธรรมกันตอนไหน บรรลุธรรมอะไร จะตรัสรู้เรื่องอะไรหรือ แล้วจะเอาเรื่องอะไรไปสอนให้เหล่าเวไนยสัตว์พ้นทุกข์ล่ะ ในเมื่อไม่ศึกษาหนทางแห่งการพ้นทุกข์ ไม่สนใจเรื่องกฎของกรรม สนใจอยู่เฉพาะเรื่องบางอย่างเท่าที่กิเลสตัณหามันจะลากจูงไปเท่านั้นเอง...

    ผมได้มีโอกาสไปกราบหลวงตาม้า ท่านสอนว่า ภาวนาต้องทำให้สบาย ตรงนี้ผมเห็นด้วย คืออารมณ์ไม่เครียด แต่พอท่านบอกว่า ทำใจให้สนุก อันนี้ผมไม่เห็นด้วย ผมเห็นว่าต้องทำใจให้สำรวม ใจสนุกนี่มันไปกับกิเลสตัณหาซะหมดน่ะครับ
    หลวงตาม้าท่านปรารถนา พุทธภูมิ ในวิริยาธิกะ ท่านบอกว่าอย่างนั้น ท่านว่าท่านไม่รีบ พวกวิริยาธิกะนี่ทำไปเรื่อยๆ ทำแบบสบายๆ ตรงนี้ผมก็ไม่เห็นด้วย เพราะวิริยะ แปลว่าความเพียร ความเพียรนี่ยังต้องมีขันติประกอบด้วย คือพยายามและอดทน ซึ่งมันต่างหรือตรงกันข้ามกับคำว่า สบายๆ ไปเรื่อยๆ แต่อันนี้ไม่ได้ไปตำหนิท่านนะครับ เพราะเป็นปฏิปทาของท่าน ท่านเป็นพระใจดี มีเมตตามาก ไม่ด่าไม่ว่าใคร ผมก็เพียงคิดเห็นต่างกันเท่านั้นเอง ที่เห็นต่างก็ไม่แปลกอีกเพราะผมไม่ได้ปรารถนามาในลักษณะเดียวกับท่าน จะไปเห็นแบบเดียวกันซะทั้งหมดเลยได้ยังไง...
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    เรื่องการยกลูกยกเมียให้คนอื่นนั้น สังคมอินเดียแต่ไหนแต่ไรมา เมียและลูกเป็นกรรมสิทธิ์ของผัวหรือพ่อ เป็นสังคมที่ยกย่องผู้ชาย ดังนั้นเรื่องการมองเห็นเมียและลูกประดุจสิ่งของที่ยกให้กันได้นั้นจึงเป็นแนวคตินิยมของคนอินเดีย

    มาสมัยนี้คงไม่ได้แล้วครับ เพราะสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค มีอยู่ในปัจจุบัน จะเที่ยวไปยกเมียให้คนโน้น ยกลูกให้คนนี้ อันนี้คงไม่ได้เสียแล้ว บางครั้งการอ่านชาดก ก็ต้องคิดครับว่า เรื่องราวนั้นแต่งขึ้นให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมในสังคมนั้นๆ ในยุคสมัยนั้นๆ ครั้งจะมายึดถือว่าต้องเป็นเช่นนั้นเสมอในทุกยุคทุกสมัย ผมก็เห็นว่าไม่น่าจะใช่นะครับ

    เช่นถ้าจะมาตัดสินกันว่า พระโพธิสัตว์จะบารมีเต็มไม่ได้ถ้าไม่ยกลูกยกเมียให้เป็นของคนอื่น อันนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วย คือถ้าผมปกป้องลูกเมียตัวเองยังไม่ได้ ดูแลลูกเมียตัวเองยังไม่ได้ คงไม่ต้องพูดถึงว่าผมจะดูและเพื่อนพ้อง บริวารทั้งหลายที่เดือดร้อน ได้อย่างไร ดังนั้นถ้าผมจะเป็นพระโพธิสัตว์แล้ว ปกป้องคนที่ผมรัก และรักผมไม่ได้นั้น ผมขอไม่เป็นดีกว่าครับ เพราะผมตั้งใจว่าจะปกป้องคนที่ผมรัก และรักผมเอาไว้ให้ได้ ทั้งพวกพ้อง น้องพี่ พรรคพวกทั้งหลายที่ดีๆกันมานั้น ผมจะปกป้องเอาไว้ครับ จะแนะนำในสิ่งดีๆให้ มีทุกข์จะช่วยคลายทุกข์ มีสุขจะร่วมยินดี มีภัยเข้ามาผมจะนำพาต่อสู้ห้ำหั่นจนกว่าจะชนะผองภัยทั้งหลาย นี่ไงล่ะ ผมถึงบอกว่าผมไม่ใช่พระโพธิสัตว์หรอกครับ

    แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเพียรทำมานั้นคือ ผมต้องการสัมมาสัมโพธิญาณ คือญาณที่รู้แจ้งแทงตลอด ไม่มีเครื่องกีดขวางปิดบัง ล่วงรู้ในกฎแห่งกรรมของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ล่วงรู้อุปนิสัยของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อผมจะได้แนะนำให้ทุกผู้ทุกคนสามารถไปให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์นั้นได้ เพื่อให้ชนะกิเลส ตัณหา อาสวะทั้งหมดทั้งปวงได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สมัครพรรคพวกเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายนั้น พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ แม้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน แต่ไปให้ถึงซึ่งจุดหมายเดียวกัน

    ดังนั้นก็เลยต้องขอฝึกกรรมฐาน 40 วิปัสสนาญาณ 9 สติปัฏฐาน 4 จะโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ หรือจะวิชชาใดๆที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ทรงศึกษาไว้ดีแล้ว พระอริยะสาวกทั้งหลายได้เคยศึกษามาดีแล้ว นับแต่สมเด็จองค์ปฐมอุบัติขึ้นบนโลกนี้ ผมก็จะศึกษาเอาไว้ทั้งหมด เอาว่าขึ้นชื่อว่ามนุษย์ เรื่องที่ว่าจะสอนไม่ได้ ทำให้รู้ไม่ได้ นี่จะไม่มี ผมว่าผมจะเอาแบบนี้นะ ...
    เจอคนฉลาดก็จะสอนเรื่องยากๆให้เลย
    เจอคนโง่ก็จะเอาเรื่องยากๆมาทำให้ง่ายแล้วค่อยสอน
    เจอคนสมองกลวง ก็จะเอาเรื่องเฉพาะบางเรื่องที่เขาชอบ มาทำให้เชื่อแล้วทำตามแบบไม่ต้องคิด เชื่อแล้วทำตามแบบไม่ต้องสงสัย
    เอาแบบนั้น เอาให้เหมาะกับคนแต่ละประเภทกันไป

    แต่ว่าผมไม่เอาเมียเยอะนะครับ จะนางแก้ว นางไม้ นางซิลิโคน ฯลฯ อันนี้ไม่เอาครับ
    เพราะผมก็เคยพิจารณาอยู่เหมือนกันว่า ถ้าเอาผู้หญิงที่ว่าสวยงามมากๆ จำนวนแสนนาง มาเรียงกันเข้า ให้ผมเอาทำเมียทั้งหมดเลยเนี่ย ผมจะหาความพ้นทุกข์ได้หรือไม่ ผมจะหาความสุขที่แท้จริงได้หรือไม่ กามตัณหาผมจะสิ้นสุดลงหรือไม่ อันนี้ผมมั่นใจมากว่า ไม่ทำให้ทุกข์สิ้นสุดลง มันมีแต่จะเพิ่มทุกข์ให้ยิ่งทุกข์

    แสงอาทิตย์ที่แผดเผาไม่สามารถนำมาซึ่งความสงบเย็นได้ฉันใด กามราคะย่อมไม่สามารถนำมาซึ่งธรรมอันสงบสงัดได้ฉันนั้น...

    บุคคลผู้ไม่มี สติ สมาธิ วิริยะ ขันติ อันตั้งมั่นไว้อย่างดีแล้ว ย่อมไม่สามารถบรรลุธรรมอันควรบรรลุได้ ผมเชื่อของผมอย่างนี้ ดังนั้น ใครเจอผมเข้านี่ ผมก็จะแนะนำอย่างเดียวแหละครับ ผมจะแนะนำให้สู้ สู้กับอะไร ก็สู้กับสิ่งชั่วในดวงใจของเราเองนี่แหละครับ ใช้อะไรสู้ ก็ใช้ สติ สมาธิ วิริยะ ขันติ นี่แหละครับสู้...สู้จนถึงเมื่อไร ก็สู้ยันตายครับ สู้ไปยันลมหายใจสุดท้าย มีอะไรเป็นเครื่องหมายในการสู้ ก็สังโยชน์ทั้ง 10 ประการนี่แหละครับเป็นเครื่องหมาย หนทางที่สู้ไปนั้น ก็มีแต่มรรควิถีนี่แหละครับ มรรค 8 ประการนี่เป็นหนทาง อาภรณ์ที่ห่มคลุมไปนี่ก็มีคือ พรหมวิหาร 4 ส่วนเกราะป้องกันนี่ต้อง ศีลเท่านั้นครับ

    ผมจึงไม่ใช่พระโพธิสัตว์เพราะไม่มีปฏิปทาในการหาเมียหาลูก ไม่นิยมทำบุญสร้างพระ สร้างวัด สร้างวิหาร พระองค์ใหญ่ๆ คือไม่ใช่ไม่สร้างนะ ผมสร้างไว้ด้วยกันหลายวาระ ตามที่หลวงพ่อฤษีท่านสร้างมาผมก็ร่วมสร้างด้วย ครูบาอาจารย์สร้างผมก็ร่วมสร้างด้วย แต่ใจผมนิยมจะสร้างพระให้เกิดในใจของแต่ละบุคคลเสียมากกว่า ให้แต่ละคนมีธรรมรักษาในใจ จนในที่สุดแล้วให้ใจนั้นเป็นธรรม ให้ธรรมนั้นคุ้มครองใจของคนนั้นๆได้ ผมชอบแบบนี้เท่านั้นเอง...
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    เรื่องว่าใครจะเป็นพระโพธิสัตว์นั้น ต้องได้รับพยากรณ์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น คงไม่ใช่ใครหน้าไหนก็มาเที่ยวพยากรณ์กันได้ ดังนั้นหากจะถามว่ารู้ได้ยังไงว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ ใครพยากรณ์ให้หรือ? ในเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธุ์ไปแล้วกว่า 2 พันปี...

    แต่จะว่าไม่สามารถรู้ได้เลยก็ไม่เชิง บางครั้งครูบาอาจารย์ท่านก็อาศัยถามเอาจากองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยตรงได้ อันนี้ใครไม่ฝึกมาก็อธิบายลำบากเหมือนกัน ว่าทำไมทุกวันนี้ยังไปเข้าเฝ้าทูลถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทั้งที่พระองค์เสด็จดับขันธุ์ปรินิพพานไปแล้ว ใครอยากรู้คำตอบตรงนี้ก็ไปหาอ่านเอาได้จากคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ วัดท่าซุง เอาเองละกัน

    กำลังใจของพวกที่ปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งที่ทรงเสด็จกลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์และเปิดสามโลกให้เห็นถึงกันนั้น มีเป็นจำนวนมากที่อยากเป็นพระพุทธเจ้า ด้วยเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์เป็นอันมาก เป็นที่เคารพของเหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย อันนี้ขอไม่วิจารณ์ต่อ แต่จะขอให้ดูมนุษย์อีกจำพวกหนึ่งดีกว่า

    มีมนุษย์จำพวกหนึ่ง เห็นสรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นทุกข์ ต้องดิ้นรนไปมา หาทางออกไม่ได้ จึงเกิดจิตคิดเวทนา ปรารถนาจะหาทางให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้พ้นทุกข์ พ้นเครื่องหน่วงเหนี่ยวร้อยรัด จึงมีจิตคิดปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้เห็นหนทางพ้นทุกข์อย่างแท้จริง จึงเริ่มลงมือบำเพ็ญเพียร คือศึกษา และฝึกฝนตน เพื่อให้เป็นที่พึ่งอันหาไม่ได้แก่หมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย พวกนี้อธิษฐานมาเพื่อจะทำสิ่งนี้ และด้วยความมุ่งมั่นอย่างเด็ดขาดนี้ จึงอธิษฐานต่อไปว่า หากต่อไปภายภาคหน้าข้าฯมีจิตคิดท้อถอยและในการทำความเพียรเพื่อให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์เมื่อใดแล้ว ขอให้ไม่สามารถถอนคำอธิษฐานนี้ได้ คำขอลาจากกิจนี้อันจะมีขึ้นในภายภาคหน้านั้นขอให้เป็นโมฆะ คือพวกนี้ตัดช่องอื่นๆทิ้งหมด เหลือทางเดียวคือไปให้สุดให้ได้ ตัดทางถอย

    มนุษย์จำพวกนี้จะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ยอมรับกรรมทำชั่วต้องเข่นฆ่าเพื่อรักษาแผ่นดินแห่งพุทธภูมิเอาไว้ให้จงได้ ยอมสละชีวิตตัวเอง สมบัติทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตลูกเมียอันเป็นที่รัก และแม้ในที่สุด ที่ต้องสละธรรมอันตนได้บรรลุแล้วนั้น ก็ยอม ไม่ใช่แค่เสียสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เสียสละทรัพย์ อวัยวะ แม้แต่ชีวิตเพื่อรักษาธรรม...
    แต่มนุษย์พวกนี้ ยอมเสียสละ ทรัพย์ อวัยวะ ชีวิตตนเองและคนที่ตนรัก ธรรมอันตนได้เห็นแจ้งแล้ว สิ้นสงสัยแล้ว เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ ให้คนทั้งหลายได้ล่วงรู้ธรรมเห็นธรรมอันทำให้การดับไม่มีเชื้อ...เลือดและน้ำตาของมนุษย์จำพวกนี้จึงมีมากมายจนท่วมจักรวาล ... ตัวอย่างที่จะพอเห็นได้ใกล้ๆนี้ก็คือ พระเจ้าตากสินมหาราช ที่มีน้ำพระทัยยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น หรือว่าจะมากกว่านั้นเสียอีก...
     
  6. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    เลือกทางที่จะไปเอง ก่อนร่างตาย
    ผมเองก็เคยคิดที่จะใช้วิธีแบบนี้ในอนาคตเหมือนกัน หลังจากที่ได้ปฏิบัติมาบ้างจึงคิดเองว่าท่านพระอรหันต์ พระอริยเจ้าท่านน่าจะใช้วิธีแบบนี้ ไม่ต้องรอให้ร่างกายปะงาบๆหมดลมหายใจเอง เข้าฌาน สัมปชัญญะต่อเนื่อง เดินออกจากร่างมาก่อนหมดลมเองเลยไม่ต้องทุกข์เวทนา
    กำลังหาทางที่ดีที่สุดที่เหมาะกับตัวเองให้มีอารมณ์ฌานได้ง่ายที่สุด และทรงฌานอยู่ได้
    ท่านraming คมสันต์ toplus และท่านสมาชิก มีอะไรชี้แนะไหมครับ
    ผมภาวนาสมถกรรมฐานมันค้างได้แค่เกือบได้อยู่นั่น ลองมาหลายองค์ภาวนา
    ขาดกำลังตรงนี้จึงไม่สามารถทรงสัมปชัญญะให้ต่อเนื่องได้ จึงมีแต่สติสตังใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่สติในมรรค
    รู้ว่าวิธีที่จะทรงสัมปชัญญะให้ต่อเนื่องกับตัวเองได้คือเดินจงกรมวันละอย่างน้อย6ชม. ทุกวันอย่างน้อย3วันต่อเนื่องจึงเริ่มเกิดสัมปชัญญะต่อเนือง ซึ่งต้องใช้วิริยะ ขันติมาก ไม่ถนัดเลยไม่สดวกเลยที่จะทำตลอด ทำได้แค่7วันเป็นบางช่วงเวลา คงไม่สดวกเลยที่จะเดินจงกรมอย่างน้อง6ชม.ทุกๆวันในตอนนี้
    จึงจะหาทางสมถกรรมฐานที่เหมาะสมมาเสริมตรงจุดนี้ ท่านใดมีวิธีโปรดชี้แนะ
     
  7. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... พี่ระมิงค์ จัดมาเซ็ตนี้คะแนนเต็มสิบให้ร้อยเลยคะ .. โดนใจหนูมาเลยยย อิอิ ..

    ... ไม่ว่าเรื่องนางแก้ว ที่ผู้ปรารถนาพุทธภูมิรุ่นใหม่ " นิยมสะสมเป็นคอเลคชั่น " อันนี้ กาลีนะ ไม่ปลื้มเป็นอย่างมากถึงมากที่สุ๊ดดดดคะ .. คิดได้อย่างไรเอาอะไรมาคิด .. คำว่าบริวารมาก ... น่าจะหมายถึง " กัลยาณมิตร " ไม่ใช่ " นางแก้ว " ... ผู้หญิงก็คนนะคะไม่ใช่สิ่งของที่ใครจะเอาไปตั้งไว้ตรงไหนก็ได้ ... หัวอกของผู้หญิงปกติทั่วไปย่อมปรารถนาจะมีรักเดียว .. มีสามีคนเดียว .. ยกเว้นพวกผู้หญิงที่ใฝ่ลงสู่ที่ต่ำ ต่ำทั้งร่างกาย และ จิตใจ ( แต่ถ้าผู้ชายสุนัขไม่รับประทานนี้ก็ไม่ใช่นะคะ .. หมายถึงสามีที่ดี ถ้าไม่ดีจริง ๆ ก็อย่าทนทรมานเลยสร้างทุกข์ให้ตนเปล่า ๆ ) ... มิน่า อ.ต๋อง ท่านให้ กาลีนะ ตั้งมั่นในศีลข้อ 3 เป็นหลัก หากล่วงละเมิดโดยไม่รู้ก็ให้เลิกไปซะแล้วขอขมา ... กาลีนะสนับสนุน " ผัวเดียวเมียเดียว " แต่ถ้าแค่คุย ๆ ไม่ได้มีอะไรกันจะคุยหลายคนก็ไม่เป็นไร ... แต่ไม่โกหกก็พอ .. ชอบแบบแมน ๆ และ ให้เกียรติกันคะ .. ข้อนี้พี่จัดมาได้ลึกซึ้งเข้าใจง่ายเลย ...

    .... ว่าด้วยเรื่องการภาวนา .. อันนี้ไม่ออกความเห็นเพราะหย่อนมากคะ .. แรงคึกจะมาเป็นพัก ๆ โดยมีคนรักเป็นคนคอยสะกิดให้สวดมนต์ บางครั้งก็สะกิดแรงจนสะอึกก็มี --"

    ... ส่วนเรื่องการจะเป็นพระโพธิสัตย์ เป็นพระพุทธเจ้า ฯ นั้น คงพูดอะไรมากไม่ได้เหมือนกันเพราะความรู้ยังน้อย และ ไม่นิยม .. เห็นว่ามันยาก และ าวไกลเกินไป .. กำลังใจของตนเองไม่พอ .. แต่อธิฐานอย่างอื่นแทน และ คิดว่าก็คงคิดประมาณนี้ทุกชาติ .. แต่ไม่ได้ขอให้เป็น " นางแก้ว " ถึงจะมีวาสนาได้เป็นแต่ถ้าคู่ไม่ดี ไม่รักเราจริงก็ไม่เอาคะ


    .... แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเพียรทำมานั้นคือ ผมต้องการสัมมาสัมโพธิญาณ คือญาณที่รู้แจ้งแทงตลอด ไม่มีเครื่องกีดขวางปิดบัง ล่วงรู้ในกฎแห่งกรรมของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ล่วงรู้อุปนิสัยของสัตว์ทั้งหลาย เพื่อผมจะได้แนะนำให้ทุกผู้ทุกคนสามารถไปให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์นั้นได้ เพื่อให้ชนะกิเลส ตัณหา อาสวะทั้งหมดทั้งปวงได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สมัครพรรคพวกเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายนั้น พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ แม้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน แต่ไปให้ถึงซึ่งจุดหมายเดียวกัน

    # อันนี้เราคิดเหมือนกันเลยคะพี่มิงค์ขา .. สนับสนุนคะ .. จะเป็นกองเชียร์ให้นะคะ อิอิ

    ... ส่วนเรื่อง การปกป้องพระพุทธศาสนา และ คนดี .. อันนี้คือสิ่งที่ตั้งใจทำคะ .. แต่หนูคงไม่ใจดีกับทุกคนหรอกนะคะ หนูขอเลือกคนที่จะช่วยคะเพราะบางคนช่วยไปก้เท่านั้น .. ช่วยไปก็ไม่สำนึกแถมให้ร้ายเราอีกต่างหาก ... เสียเวลา .. เอาไปช่วยคนที่เขาพร้อมจะกลับตัวเป็นคนดีดีกว่า ... เพราะส่วนมากก็เจอแต่พวกที่หมดทางช่วย หรือ พวกที่อ้อนวอนขอ หรือ พวกที่ได้โอกาศแก้ตัวอีกครั้งหนึ่ง ...

     
  8. bob13

    bob13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +81
    สวัสดีครับทุกท่าน ดีใจจิงๆที่คุณอาระมิงค์เปิดกระทู้ใหม่ ได้เข้ามาอ่าน เข้ามาดูอีก พอจบกระทู้หลงทางนึกว่าคุณอาระมิงค์ จะไม่มีนิทานมาเล่าให้ฟังอีก ดีใจจริงๆครับ ได้อ่านได้ดู สาระที่แฝงในเรื่องไร้สาระ 55 ตอนนี้ผมสบายดีครับ มีอะไรแนะนำ ตักเตือน บอกได้ครับ จะติดตามอ่านตามดูต่อไปครับ สวัสดีมีสุขทุกท่านครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ต้องขอบคุณ วีรกรรมทหารหาญ ที่ช่วยกู้ระเบิดเพื่อให้ชาวบ้านปลอดภัย เป็นงานที่อันตรายจริงๆ และมันแค่พริบตา อะไรก็เกิดขึ้นได้
    ฝึกคนใหม่ๆขึ้นมาแทน แล้วหาโอกาสย้ายออกนอกพื้นที่ได้ก็จะดีครับ เพราะดูไปแล้วอนาคตไม่รุ่ง จะเป็นใหญ่เป็นโตคงยากทีเดียว และจะเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจไปอีกนาน และ นาน...
    สุราแปลว่าเหล้า เอาเบียร์ไปรวมด้วยละกัน เลี่ยงได้ต้องเลี่ยง จะอ้างว่าเพื่อสังคม เพื่อให้มีพรรคพวกเพื่อนพ้อง ก็สังคมขี้เมา เพื่อนขี้เมา มันจะเกื้อกูลอะไรได้เล่า เสียสุขภาพกายสุขภาพใจ ไม่ได้อะไรขึ้นมา

    ช่วงที่ผ่านมาใกล้เกิดการปะทะด้วยและหาทางออกประเทศไทยไม่ได้ด้วย ทหารจึงต้องออกมาระงับเหตุ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดจากการคาดหมายแต่อย่างใด เพียงแต่การรัฐประหารครั้งนี้ มันไม่ใช่จุดจบของเรื่อง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของอะไรอีกหลายๆอย่าง หลายคนค้าน หลายคนพูดไม่ออก หลายคนสนับสนุน ... แม่จริงจังนะ ก็คงจะแอบดูอยู่ว่าผมนี่มันแดงหรือเปล่า...แต่จริงๆแล้วผมมีความคิดเป็นของตัวผมเอง รอบนี้มันไม่มีทางออก และไม่ว่าจะออกทางไหนประเทศชาติก็ต้องเสียหายทั้งนั้น การรัฐประหารก็ต้องเกิดขึ้น เพราะคนไทยนี่เวลาให้อิสระภาพแล้ว ชอบเถียงกัน ทะเลาะกัน ว่าร้ายใส่กัน แต่พอเอาปืนจ่อหัวแล้วเงียบ ยอมหรือจำยอมก็ไม่รู้สินะ แต่ว่าไม่กล้าขยับ ทำเหตุมาเช่นไร ผลมันก็เป็นเช่นนั้น

    น่าเห็นใจก็ทหารชั้นผู้น้อยที่ต้องทำในหลายๆสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่เพราะนายสั่ง ทหารต้องฟังผู้บังคับบัญชา คือว่านายเขาบังคับ และ บัญชา ลงมา ก็ต้องทำ...นายเขาไม่ใช่ผู้นำ เพราะผู้นำจะออกเดินนำหน้า แล้วผู้น้อยจะเดินตาม
    ผู้น้อย ทำงานเยอะ ได้เงินน้อย ได้สิทธิประโยชน์ต่างๆก็น้อย ทั้งที่ทำงานหนักและเสี่ยงอันตรายกว่า ส่วนผู้ใหญ่ทำงานน้อย ได้เงินเยอะ ได้สิทธิประโยชน์ต่างๆก็เยอะไปด้วย
    โลกมันก็เป็นแบบนี้เองครับ...ทนได้ก็ทนกันไป ทนไม่ได้ชาติหน้าก็อย่ามาเกิดสิ จะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีก..

    ไม่อยากจะเกิด ก็ต้องฟังคำสอนหลวงพ่อฤษีครับ ครบถ้วน หมดจด ว่าแต่ว่า ใครจะจับจุดไหนมาปฏิบัตินั่นก็สุดแท้แต่นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2014
  10. จริงจังนะ

    จริงจังนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +11,536
    ทำไมป๊ะป๋ารู้อ่ะ ว่าเค้าดูอยู่ว่าป๊ะป๋าสีไรอ่ะ
    แต่เค้ามองว่าป๊ะป๋า จะค่อนไปทางแดงนิสๆอ่ะนะ อิอิอิ
    แต่ก็ตามอ่านโพสต์ แล้วพยายามมองหลายๆมุมอ่ะค่ะ
    พยายามมองมุมของป๊ะป๋าด้วยค่ะ
     
  11. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    มีสติสตังใช้ในชีวิตประจำวันก็ดีแล้วนะครับ และรู้ว่าไม่ใช่สติของมรรค ก็ถือว่าไม่เลวร้ายมากนักครับ ส่วนเรื่องการเดินจงกรมนั้น ก็ต้องขอยืมคำครูบาอาจารย์มากล่าวว่า นั่นมันเพียงแต่เป็นรูปแบบหนึ่งเท่านั้น

    จะว่าไปแล้วถ้าฝึกตามแนวสมถนั้น ทางสมถเขาไม่เอาตรงสติ สัมปชัญญะกันสักเท่าไรครับ สมถนั้นเน้นเรื่องความสงบนิ่ง จึงมีคำกล่าวกันว่า ร่างกายยิ่งเคลื่อนไหวยิ่งแข็งแรง แต่จิตยิ่งนิ่งยิ่งเกิดพลัง

    ดังนั้นถ้าจะทำสมถแล้วให้มีสติ สัมปชัญญะไปด้วย ผมว่ามันจะเหมือนตกปลาบนบกเสียมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ทำสมถนะครับ สมถนี่ต้องทำ สติ สัมปชัญญะก็ต้องฝึก

    เมื่อทำสมถแล้วมาฝึกสติที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั้น เบื้องต้นมันไม่เป็นสติ ที่เป็นสัมมาสติหรอกครับ แบบนั้นเราเรียกว่า สัญชาติญาณ เสียมากกว่า ...

    ที่ว่าอย่างนี้เพราะเรื่องนี้ผมโดนด่ามาเยอะครับ หลวงพ่อด่าจนหลวงพ่อท้อ... ส่วนผมนี่ก็เดินจนท้อแต่ไม่ถอย เดินมันไป ผิดเป็นผิด ผมถือว่าผิดอยู่ตรงไหน ถูกมันก็ต้องอยู่ตรงนั้น หลังมืออยู่ตรงไหน พลิกกลับมามันก็เป็นหน้ามือ ผมก็ทำอยู่ที่เดียวนี่แหละครับ

    ส่วนเรื่องจะหนีก่อนร่างกายจะตายเนี่ย มันต้องฝึกทำบ่อยๆครับ จะไปหวังเอาวินาทีสุดท้ายเลย มันไม่ได้ครับ มันจะไม่ทันกัน มันต้องซ้อมบ่อยๆ ทำเป็นประจำ แบบเอะอะแอ๊ะนึงขึ้นมาฉันไปก่อนแล้ว นี่แหละครับผู้นำ คือมีเรื่องอะไรขึ้นมา นี่วิ่งนำหน้าไปก่อนเลย อย่าไปรอให้ถึงวันนั้นครับ ฝึกซ้อมเอาไว้เป็นประจำ ไม่งั้นเสี้ยววินาทีเดียว แทนที่จะพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ อาจจะต้องได้ร้องเพลงอสงไขยเวลา น่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2014
  12. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ข้าน้อยอยู่สีส้ม ออกกลัก(บ้านใกล้วัด)

    แบบว่าแดงปนเหลือง

    มีเพื่อนอยู่กรุงเป็นสีเหลือง แต่พ่อแม่ที่บ้านนอก เป็นแดง
    จะด่าข้างไหน ก็เหมือน หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ ไงก็ไม่รู้

    ใครถามความเห็น ก็ได้แต่พูดให้คนฟังงง

    ประมาณว่า

    ความลับไม่มีในโลก สักวันความจริงอะไรบางอย่างต้องปรากฏ ช้ารึเร็วก็เรื่องหนึ่ง

    พอเค้าถามว่าขนาดนี้ยังไม่รู้อีกหรือ

    เราก็ตอบว่า ใจมนุษย์แสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนดแม้นเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลดก้ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน


    แล้วเราก็หนีมา ๕๕๕๕
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    ช่วงนี้ห้ามพูดห้ามวิจารณ์เรื่องการเมือง...ดังนั้นก็หันมาพูดกันเรื่องการศึกษาของเด็กไทยดีกว่า...

    จากที่โรงเรียนเคยเป็นที่ที่เด็กๆอยากไป ได้เจอเพื่อน ได้เล่นสนุกด้วยกัน
    วันเวลาผ่านไป เด็กๆเกลียดโรงเรียน กลับมาบ้านต้องทำการบ้าน รายงาน มากมายเสียจนต้องอยู่จนดึก คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องมาช่วยลูกทำด้วย เพราะให้งานมาทีนึง เยอะแยะมากมายจนเด็กๆทำไม่ทันแน่ๆ....

    เรียนมากที่สุดในโลก เสียค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษามากที่สุดในโลก แต่โง่เกือบจะที่สุดของโลกเข้าไปทุกทีแล้ว...
    ทำไม? และ แก้อย่างไร?
    ปัญหาแรกเลยคือ ครูผู้สอนขาดทักษะในการสื่อสารให้เด็กเข้าใจ เพราะวันๆมัวแต่ไปยุ่งกับการทำเรื่องเลื่อนวิทยะฐานะ และต้องทำตามหลักสูตรอะไรสักอย่างนึงที่บอกว่าโดนบังคับมา แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ทั้งหมด เพราะ

    ปัญหาข้อที่สองคือ ไม่สอนเรื่องที่มีสาระ แต่ไปเน้นสอนเรื่องไม่มีสาระ เรื่องที่มีสาระจึงต้องไปเรียนพิเศษข้างนอกโรงเรียนกันเอง เพราะโรงเรียนไม่สอน ถ้าใครไม่ไปเรียนพิเศษช่วงเลิกเรียนหรือวันหยุด มีหวังสอบตก หรือสอบเข้าก็ไม่ได้ สู้เขาไม่ได้

    เรื่องไร้สาระคือเรื่องอะไรบ้าง ผมนิยามอย่างนี้ได้ไหมว่า คือสิ่งที่สอนไปให้เรียนรู้ไปแล้ว โตขึ้นมาก็ลืมและมันไม่เคยได้ใช้ประโยชน์เลยในชีวิตประจำวัน ยกตัวอย่างเช่น
    วิชากระบี่กระบอง
    วิชาลูกเสือ เนตรนารี
    เป็นต้น

    ส่วนวิชาภาษาอังกฤษ ทำไมสอนแล้วเด็กถึงไม่สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ ไม่ต้องเด็กหรอก ผู้ใหญ่ก็ด้วย เรียนมาตั้งแต่ประถมจนจบ ป.ตรี เจอชาวต่างชาติคุยด้วย พูดไม่ได้ นี่มันต้องผิดปกติที่ผู้สอนแล้วแหละครับ...
    ลองสังเกตดูเรื่องที่สอนและออกข้อสอบนั้น จะเน้นหนักไปที่หลักไวยกรณ์ที่เป็นข้อยกเว้นหยุมหยิม ไม่ได้เน้นไปที่การใช้งานในชีวิตประจำวัน และข้อสอบก็ออกแต่เรื่องหยุมหยิม เพื่อให้นักเรียนตอบผิด สอบตก ทำข้อสอบไม่ได้ ซึ่งผู้สอนใช้คำว่า ข้อสอบมันยาก แต่ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ คือ คนออกข้อสอบมันโง่ บรมโง่ มันออกข้อสอบมาเพื่อให้คนไม่เข้าใจ ไม่รู้ในข้อยกเว้นเล็กน้อยๆ ให้คนทำข้อสอบทำไม่ได้...

    แล้วพอนักเรียนทำข้อสอบไม่ได้ พวกนี้ดีใจครับ มีความสุขมากที่เห็นเด็กสอบตกกันเยอะ แสดงว่าฉันนี่แน่มาก....พวกนี้จ๊าดง่าว..และโรคจิตด้วยครับ...
    คือเที่ยวสอนแต่สิ่งที่ไร้สารระ ข้อยกเว้นหยุมหยิม ออกข้อสอบก็ออกในเรื่องที่ปกติเขาไม่ค่อยได้ใช้ไวยกรณ์นั้นๆกัน ก็มันสอนซะอย่างนี้ แต่สิ่งที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำกลับไม่สอน เมื่อสิ่งที่ควรสอนกลับไม่สอน เรื่องมีสาระไม่สอน แล้วจะไปโทษเด็กว่าพูดอังกฤษไม่ได้ อ่านไม่ออก ฟังไม่รู้เรื่อง...

    มีโทษอีกว่านักเรียนในชั้นเยอะเกินไปดูแลไม่ทั่วถึง โธ่...แล้วพวกที่เขาสอนพิเศษกันล่ะ ห้องนึงเป็นร้อยคน มีหลายรอบ สอนสดรอบเดียวที่เหลือดูวีดีโอเอา เด็กนักเรียนยังเข้าใจเลยครับ ดังนั้นอย่ามาอ้าง...มันฟังไม่ขึ้นเลยครับ

    วิธีแก้ไขนั้นง่ายมาก...เอาแบบง่ายๆเลยละกัน

    1. ให้ครูต้องมาทำข้อสอบ โดยเป็นข้อสอบจากส่วนกลาง ถ้าคะแนนไม่ถึงร้อยละ 75 ให้ออกจากความเป็นครูผู้สอนในวิชานั้นๆ

    2. ขอซื้อลิขสิทธิ์วีดีโอสอนพิเศษจากสถาบันสอนพิเศษดังๆ สัก 3-5 แห่ง แจกจ่ายไปตามโรงเรียน เปิดให้เด็กนักเรียนทุกคนได้ดู แล้วให้ครูดูด้วยว่าเขามีวิธีการสื่อสารอย่างไร ที่ทำให้เด็กนักเรียนเข้าใจได้

    3. เอานักเรียนที่สอบเข้า วิศวะฯ แพทย์ อักษร ฯลฯ พวกที่ได้คะแนนอันดับ 1-10 ให้ต้องมารับหน้าที่สอนวิชาใดวิชาหนึ่งที่ตนเองถนัด ในวันเสาร์ ครึ่งวัน อัดวีดีโอ แล้วเผยแพร่ออกไปให้เด็กนักเรียนทุกโรงเรียนสามารถเข้าถึงสื่อเหล่านี้ได้ คนพวกนี้แหละครับที่รู้และเข้าใจรวมถึงสามารถถ่ายทอดออกมาให้เด็กนักเรียนรุ่นน้องฟังให้เข้าใจได้

    4. หาข้อสอบและแบบฝึกหัดในต่างประเทศ นำมาเผยแพร่ จะแปลไทย หรือแปลอังกฤษก็ได้ มีเฉลยให้ดูได้ด้วย เพื่อจะได้รู้ทันว่าชาติอื่นๆเขาเรียนกันไปถึงไหนแล้ว

    5. การบ้าน รายงาน ไม่ต้องเยอะ...ก่อนจะให้การบ้าน หรือรายงานมานั้น ถามตัวเองดูก่อนว่า เด็กทำแล้ว ได้ประโยชน์อะไรบ้าง สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างในอนาคต หรือเมื่อเติบโตไปแล้ว ถ้ามันไม่สามารถให้ประโยชน์ในภายภาคหน้าได้ ก็อย่าเอามาให้ทำให้เสียเวลาเลย เราเรียกพวกนี้ว่า เรื่องไร้สาระ

    ยังมีไอเดียเรื่องพวกนี้อีกนะเนี่ย...แต่พิมพ์เยอะไป เดี๋ยวคนอ่านตาลาย เซ็งซะก่อน...
    โพสนี้ยังมีล่อครูติงด้วยนะ...เดี๋ยวมีระบาย...หุหุหุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2014
  14. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    โดยส่วนตัวอยากให้ทหารผู้ใหญ่เปลี่ยนนโยบายเป็นทำลายระเบิดเป็นอันดับแรกถ้าบริเวณนั้นปลอดภัยกับประชาชนและทรัพย์สินนั้นมีมูลค่าไม่มาก
    แต่ถ้าในกรณีทำลายไม่ได้เพราะจะทำให้สถานที่นั้นๆไม่ปลอดภัยหรือทรัพย์สินนั้นมีมูลค่ามากๆจึงให้เป็นการกู้ระเบิดแทน
    เช่น ถ้ามีระเบิดที่ถนน มอเตอไซด์ อะไรทำนองนี้น่าจะทำลายระเบิด
    เห็นซากระเบิดก็คงรู้ว่าชนิดอะไร ไม่ต้องเก็บทั้งอันมาเป็นหลักฐานหรือโชว์สื่อก็น่าจะได้ เพราะชีวิตและประสบการณ์ของทหารEODมีค่ามากกว่า
     
  15. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    ขอบคุณครับ

     
  16. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    เรื่องการศึกษาของเด็กไทย ผมว่ามันพูดยากคล้ายเรื่องกรรมเลย
    คือคุยแล้วหาทางจบยาก แก้ไม่ได้ แต่ไม่ใช่ปัญหานี้แก้ไม่ได้ เพียงแต่ปัญหานี้ไม่มีใครแก้ หรือผู้มีหน้าที่ไม่มีความสามารถแก้ได้
    วงการศึกษาของไทยก็เหมือนงานราชการอย่างอื่น คือไม่มีการ benchmark
    เช่น ให้มีการbenchmarkกับหน่วยงานอื่น
    benchmarkกับประเทศอื่น
    เช่น เราจดทะเบียนบริษัทกี่วัน สิงคโปร์กี่วัน
    เราจดทะเบียนพาณิชย์กี่วัน สิงคโปร์กี่วัน
    เราขนส่งกี่วัน เขากี่วัน
    เฉลี่ยการศึกษาครูของเรากับประเทศอื่นๆ สำหรับแต่ละระดับชั้น สำหรับอาชีพเฉพาะทาง
    benchmarkวิธีการสอนของประเทศอื่นๆ
    benchmarkรายละเอียดหลักสูตรการเรียนของประเทศอื่นๆ แต่ละวิชา แต่ละหมวดหมู่
    ว่าเขามีอัตราส่วนเท่าไหร่สำหรับแต่ละระดับชั้น

    โดยส่วนตัวคิดว่าหลักสูตรการเรียนสำคัญที่สุด รองมาก็วิธีการสื่อสารการสอนของครูซึ่งตัวแปรหลักก็มาจากหลักสูตรไม่ดีด้วย

    ภาษาไทยอ่านออกเขียนได้ควรจะเรียนกี่ปี
    ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สำคัญกับการดำเนินชีวิตควรจะมีในหลักสูตรไหม ควรมีอะไรบ้าง
    วิชาอะไรควรเรียน วิชาอะไรไม่ควรเรียน
    แต่ละวิชาควรเรียนกี่ปี ควรเรียนกับระดับชั้นใด

    ทำไมเด็กโตระดับมัธยม มหาวิทยาลัย ไม่สามารถเลี้ยงชีวิตตัวเองได้ถ้าไม่มีเงิน
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้ในการดำเนินชีวิตต้องใช้เงินซื้อเท่านั้น
    ควรจะให้เด็กพวกนี้ต้องเลี้ยงชีวิตตัวเองโดยการทำเองได้
    เช่น ให้ทำอาหารกินเองได้ เด็กสมัยนี้ทำอาหารกินเองไม่ได้ หรือ ได้น้อยมาก
    ปลูกพืชสวนครัว อาหาร ข้าว ผัก ผลไม้ เลี้ยงสัตว์
    ตอนนี้เด็กหลายๆคนปลูกผักสวนครัวยังทำไม่เป็นเลย หนักกว่านี้คือไม่รู้ด้วยว่าที่กินมีอะไรบ้าง ผักที่จะปลูกหน้าตาเป็นอย่างไร
    ควรฝึกทำปุ๋ยเอง ยาสำหรับทำสวนเอง
    เสื้อผ้า และยารักษาอาจจะจำเป็นต้องซื้อ ของใช้หลายอย่างก็สามารถทำเองจากธรรมชาติ และกึ่งธรรมชาติเองได้ เช่นแชมพู สบู่ น้ำยาล้างจาน ยาสีฟัน ฯ
    แต่การกินอยู่ควรจะทำได้เพราะถ้าไม่สามารถรับจ้าง หรือไม่มีธุรกิจ การเลี้ยงชีพมันก็สำคัญที่สุด ไม่มีงานไม่มีเงินต้องเลี้ยงชีพได้ ให้เขาสามารถเลี้ยงชีพแบบพอเพียงได้
    แม้แต่การปลูกบ้านดิน จากฟาง หญ้า ไม้ไผ่ บล็อกดิน เรื่องสร้างบ้านดินสำหรับอาศัยก็น่าสนใจกับเศรษฐกิจปัจจุบัน


    ภาษาอังกฤษควรเรียนรู้แบบธรรมชาติ คือเน้นพูดคุยสื่อสารจริงในทุกๆโอกาส
    ทุกๆสถานการณ์
    ไม่ใช่เน้นgrammar ,tense พวกฝรั่งเองมันยังไม่เก่งgrammarเลย
    ครูไทยเราก็จำgrammarไม่ได้หลอก จะออกข้อสอบก็เปิดดูมีกฏอะไรบ้าง
    ภาษาอังกฤษพูดจริงๆใช้ tenseไม่กี่tenseเอง ศัพย์ก็ใช้แต่คำนิยม คำแปลกๆเริ่ดหรูเอาเก็บไว้ในdic
    ฝรั่งเองยังพูดศัพย์แสลงเยอะแยะ

    ทางราชการไม่มีการประกวดในวิชาต่างๆ มีก็น้อยมากๆ
    เรามีแต่ประกวดนางงามทุกแบบ ,the star ,
    แต่ทางราชการเราไม่มีประกวด ทุนอบรมส่งเสริม พวกการออกแบบ เช่นออกแบบเสื้อผ้า
    จากผ้าไหมไทย ผ้าไทย ให้สามารถเป็นชุดทำงานที่สวย ดูดี ไม่แก่ ทันสมัยสามารถใส่ได้ทุกวัย ใส่ได้หลายๆโอกาส

    การประกวดเพื่อให้มีการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพิ่มความชำนาญ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สิ่งที่ดียิ่งขึ้น ในทุกๆสายอาชีพที่สำคัญ

    ไทยเป็นมือปืนรับจ้าง เสื้อผ้า เครื่องหนัง semiconductor ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รถยนต์
    แต่เราไม่สามารถออกแบบเอง สร้างแบรนด์เองได้ สร้างสินค้าและสร้างวัฒนธรรมใช้ของประเทศตัวเองแบบเกาหลีใต้
    หลักสูตรการเรียนต้องแก้โจทย์ปัญหาของประเทศเรื่องนี้ได้ด้วย

    เราเรียนแบบท่องจำ เป็นหลัก แทบจะไม่มีหลักสูตรให้เรียนกับของจริง ทำจริง
    แม้แต่สายวิชาชีพก็ให้มีการเรียนกันโรงงานจริงน้อยมาก เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยคุณจะรู้ว่าเรียนมาอย่างน้อย16ปี เอามาใช้ไม่เกิน10%

    ปัญหาเรื่องการถ่ายทอดความรู้ บางคนเป็นศาสตราจารย์ เป็นดอกเตอร์ ตัวเองเก่งจริงแต่ไม่มีทักษะครูคือ ไม่มีทักษะการถ่ายทอดให้เข้าใจ overviewในวิชานั้น เรียนทำไม
    มีประโยชน์อะไร มีหมวดหมู่อะไรบ้าง วิเคราะห์ได้ เปรียบเทียบได้ แยกแยะได้ เทียบเคียงได้ ต่อยอดได้ ประยุกต์ได้ เข้าใจสรุปรวมรวมได้

    การสอบคัดเลือกไม่สัมพันธ์กับการสอน ในต่างจังหวัดสอนแต่ในตำราที่กระทรวงอนุญาต
    แต่โรงเรียนพิเศษสอนติวในส่วนที่แนวโน้มเดียวกับข้อสอบ เพราะอาจาร์หลายๆคนที่เปิดสอนพิเศษก็มีส่วนในการออกข้อสอบกลาง เด็กที่ไม่เรียนข้อสอบหล่ะ คนที่สอบได้ดีไม่ได้บอกว่าเขาเก่งเสมอไป อาจเป็นเพราะเขาได้เรียนพิเศษคลอบคลุมและตรงจุดข้อสอบเท่านั้น
    อยากจะออกข้อสอบแนวแบบที่เรียนพิเศษก็ให้เรียนเป็นแบบปกติเหมือนกันหมดทั่ว
    ประเทศ ทำไม่ได้กลัวกระทบธุรกิจเรียนพิเศษหรือไง

    ไม่ใช่กระทู้แซวแล้วหล่ะ กระทู้บ่น
     
  17. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    น่าจะกลับมาเรียน เลข คัดเลิก นะค่ะ
     
  18. bob13

    bob13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +81
    ....สวัสดีวันพระครับ
    ขอขอบคุณ สำหรับคำแนะนำครับ
    ขอคำปรึกษสักนิดครับ คือผมอยากฝึก มโนมยิทธิ เองที่บ้านโดยที่ไม่เคยฝึกมาก่อนจะทำได้มั้ยครับ หากทำได้ต้องทำอย่างไรบ้างครับ..
    อีกอย่างครับ ผมเกิดที่ยะลา บรรจุตำแหน่งลงยะลา ผมคงไปจากยะลาไม่ได้อะครับ ด้วยเหตุผลอะไรหลายๆอย่างๆ ก็คงต้องอยู่ต่อไปน่ะครับ ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะครับ
    ...อีกอย่างครับขออณุญาติคุณอาระมิงค์นำข้อความนี้ไปโพสต่อน่ะครับ (
    ....แสงอาทิตย์ที่แผดเผาไม่สามารถนำมาซึ่งความสงบเย็นได้ฉันใด กามราคะย่อมไม่สามารถนำมาซึ่งธรรมอันสงบสงัดได้ฉันนั้น...
    ) รู้สึกไม่ดีที่ก็อบไปแล้วไม่บอกครับ
    ....ขอทุกท่าน มีความสุข ความเจริญ พบแต่ความดี น่ะครับ สาธุ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 49382.jpg
      49382.jpg
      ขนาดไฟล์:
      104.2 KB
      เปิดดู:
      96
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2014
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    เรื่องการฝึกมโนมยิทธิที่บ้านนั้น สามารถทำได้ โดยเริ่มต้นศึกษาเอาจากหนังสือวิธีการฝึกมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤษี ที่ทางวัดพิมพ์จำหน่ายอยู่ครับ...

    สำหรับคำแนะนำนั้น คงไม่มีเพราะหลวงพ่อสอนไว้ครบถ้วนหมดแล้ว
    หากจะมีก็เป็นเพียงแง่คิด เล็กๆน้อยๆ เป็นอีกแง่มุมหนึ่งเท่านั้นเองครับ

    คนทั่วไปที่ฝึกมโนมยิทธิ หวังให้มีฤทธิ์ทางใจ เพื่อให้สามารถเห็นในสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ เปรียบไปก็เหมือนชาวสวนมะนาวทั่วไปที่หวังจะได้ดอกได้ผลของมะนาว จึงพ่นสารแพคโคฯเพื่อกดยอด พ่นโปรแตสเซี่ยมไนเตรทเพื่อบังคับให้ออกดอก โดยหาได้ไปมองถึงการบำรุงต้นให้สมบูรณ์ก่อนไม่ ดังนั้นเมื่อออกดอกแล้วมักได้ดอกไม่สมบูรณ์แม้ติดลูกแล้วลูกก็มักจะร่วงเสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างนี้เป็นต้น

    การฝึกมโนมยิทธิ์ก็เช่นกัน การจะรู้ได้เห็นได้นั้น ยังเป็นของไม่แน่นอน สิ่งที่ควรทำเป็นเบื้องต้นคือ การรักษาศีล 5 การพิจารณา ในขันธุ์5 ให้เห็นว่าไม่เที่ยงอย่างไร เป็นทุกข์อย่างไร มีความสกปรกเพียงใด ในท้ายที่สุดก็ต้องมีความตายเป็นที่สุด เมื่อตายแล้วก็เน่าสลายหายไปจนไม่เหลือธาตุ4ใดๆ การพิจารณาเช่นนี้อยู่เป็นประจำ ก็เปรียบเหมือนการบำรุงต้นมะนาวด้วยปุ๋ย 15-5-20 จนมะนาวสะสมอาหารดีแล้ว จึงบังคับให้ออกดอกย่อมได้ดอกที่สมบูรณ์ ได้ลูกที่สมบูรณ์

    ทั้งนี้โดยเนื้อแท้ของวิชามโนมยิทธินั้น หลวงพ่อท่านหวังจะใช้เป็นทางในการดำเนินสู่การละ สังโยชน์3ข้อต้น เป็นหลัก การให้ไปเห็นนรกได้นั้น ก็เพื่อให้เกรงกลัวต่อความชั่ว ไม่กระทำชั่ว การให้ไปเห็นสวรรค์ เพื่อให้ยินดีในการทำความดี

    การให้ย้อนไปเห็นอดีตชาติก็เพื่อให้เห็นว่าการเกิดนี้เป็นทุกข์ทุกชาติไป ต้องพบกับความผิดหวัง พลัดพรากจากของรักของชอบใจในทุกชาติ ต้องเจ็บป่วย และตายลงทุกชาติไป
    เพื่อไม่ให้ยินดีในการเกิดเช่นนี้อีก เมื่อใจเกิดเบื่อหน่ายแล้วท่านจึงบอกว่า นิพพาน สิ เป็นที่เดียวที่จะพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ อันนี้คือเป้าหมายหลัก

    สิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมายคือ การไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน การเที่ยวไปดูว่าใครเคยเป็นเมียเรามาในอดีตชาติ แล้วเกิดมาชาตินี้เราจะเอามาทำเมียต่อ
    ยิ่งถ้าขาว สวย หมวย รวย อึ๋ม อันนี้ต้องพยายามให้มากในการเกลี้ยกล่อมเอามาทำเมียให้ได้
    แต่ถ้าอ้วน ดำ กลิ่นตัวแรง หน้าแถบนึงไปไถพื้นถนนมา อีกแถบนึงไปโดนน้ำกรดหกใส่ อย่างนี้ถึงจะเคยเกิดมาเป็นเมียมาก่อนหลายชาติ ก็ไม่เห็นจะขวนขวายเอามาทำเมียสักรายเดียว

    คือท่านสอนให้เห็นว่า ในอดีตชาติแม้เคยเกิดเป็นคู่ครองกันมา รักแสนรักกันเพียงใด ก็ต้องมีการพลัดพรากคือการตายจากกันไปในที่สุด แม้ยังอยู่ก็มีความแก่หนังเหนียวเหี่ยวตกกระ จากที่เคยน่ารัก น่าใคร่ก็กลายเป็นน่ารังเกียจกันไป มันมีแต่ทุกข์ มีแต่ความไม่เที่ยง

    เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เกิดชาตินี้ยังจะแสวงหาสิ่งอันเป็นทุกข์นี้ไปอีกทำไม ขันธุ์5ของตัวเองเป็นทุกข์แล้ว ยังจะถือเอาขันธุ์5ของบุคคลอื่นมาเพิ่มทุกข์อีกทำไม ท่านให้พิจารณาอย่างนี้

    วัตถุประสงค์ของหลวงพ่อไม่ได้สอนมโนมยิทธิเพื่อให้เอาไปอวดดี อวดเก่ง อวดวิเศษกับใคร วัตถุประสงค์จริงๆของหลวงพ่อคือเพื่อพิสูจน์ความจริงเรื่องนรก สวรรค์ อดีตชาติ กฎของกรรม แล้วให้รู้สึกเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ออกจากกาม เพื่อนิพพานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้หวังให้ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ ให้คนยกย่องกล่าวขวัญถึง แต่อย่างใด

    และให้ตระหนักไว้เสมอว่า "มันก็ยังไม่แน่" ฝึกแล้วคิดว่าแน่เมื่อไร ฉิบหายเมื่อนั้น อันนี้เรื่องจริง เพราะจนป่านนี้ผมเองก็ยังไม่มีอะไรแน่ ...
    ดังมีท่านนึง ถามเรื่องบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว ผมจึงต้องถามกลับในลักษณะที่ผมเห็นก่อน เพราะผมไม่เชื่อใจตัวเองว่าจะเห็นได้จริงหรือไม่ จนเห็นว่าลักษณะที่ผมเห็นนั้นไม่ตรง ไม่ถูก ผมก็ไม่สามารถจะแนะนำหรือทำนายใดๆให้ได้ทั้งนี้เพราะว่าญาณโลกีย์ มันเอาแน่ไม่ได้
    เพียงร่างกายมีอาการเครียดมาก ฌาณที่ทำไว้อยู่ก็เพี้ยนได้เสียแล้ว
    ดังนั้นฝึกๆไป ก็อย่านึกว่าเราแน่ ให้นึกว่าเรามันไม่แน่ และเรายังเป็นเพียงผู้ใหม่อยู่เสมอ
    คือมีความระมัดระวังในการฝึกเหมือนเมื่อครั้งวันแรกๆที่เราทำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2014
  20. bob13

    bob13 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +81
    สาธุ...ขอบพระคุณมากๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...