ซูกระแท้ว....แซวกระทู้....

คนทีี่ปอบอาคม สิงอยู่ จะมีอาการลักษณะเป็นอย่างไรคะ
อาการจะแตกต่างจากปอบธรรมดารึเปล่า
ถ้าดูจากสายตาคนนอก ธรรมดา ที่ไม่มีอภิญญา

 

นี่ท่านป๋ามิงค์ ก็แถไปโน่น ....." ปอบญี่ปุ่น ผัดน้ำมันหอยอร่อยดี"
..จะเอาฮาไปไหนนักเชียว..!!!

เรื่องนี้ไม่ได้มั่วคิดเอาเองนะฮะ.. แต่มีประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอมายอมรับว่าประมาทไม่ได้ทุกลมหายใจ...... และจากคนยุคเก่าก่อนจากคุณตา และเหล่าพ้องท่านจอมขมังเวทย์ของคนร่วมรุ่นท่าน... ที่บอบช้ำ ยามเจ็บป่วย สังขารร่างกายโรยลา ใกล้ลาโลก
นั่นล่ะชุดใหญ่จัดเต็มที่รอคอยอยู่

มาให้เห็นเป็นอนุสรณ์ รวมทั้งพระอาจารย์ก็เคยย้อนเรื่องราว...ที่ประสบพบพาน..เรื่องภูติผีปีศาจที่มีอายุนับร้อยนับพันปี...ที่ลืมแม้กระทั่งชื่อตนเองก่อนตาย..เพราะไม่เคยมีใครเรียกชื่อกล่าวขานถึงนับพันปี

แต่สิ่งที่พวกนี้ไม่เคยลืม นั่นคือความแค้น ที่คิดจะจองล้าง ...จองเวรกับใครทำเคยทำร้าย..ไว้กับตน แบบข้ามภพชาติ

แล้วเราจะไปเอาภาระมาแบกไว้กับตัวเองทำไม!!!!

 

ใกล้เข้าพรรษาเต็มแก่แล้ว...

มีเรื่องเล่าที่ชวนให้ตื่นขวัญผวาหวั่นไหว..เมื่อวัยเด็กของ Toplus99
ในกระทู้ ...ตามครรลองธุลีดิน

http://palungjit.org/threads/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%94-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%81.437176/page-37

...." ผีถุงก๊วยเเต๊่ยว" บรื๊ออยยย น่ากลัวสุดๆ
ใครไม่เคยเจอกับตัวเอง..ไม่มีวันรู้ ร๊อกก

คาดว่าคงมีนักสร้างหนังของหลายค่าย สนใจนำเอาไปเป็นพล๊อตเรื่อง สร้างชื่อจนโด่งดัง ออกฉายตามโรงหนังชั้นทั่วประเทศแน่นอน

..อย่าลืมติดตาม " ผี....ถุงก๊วยเตี๋ยว"

 

หลวงพ่อคูณกับหลวงพ่อฤษี

 

อยากรู้ด้วยคนค่ะ เห็นด้วยเลย ว่ามนุษย์ธรรมดา ที่มีความสามารถแยกมะม่วงกะลำไยออกจากกันได้นั้น(ก็เรียนเกษตรมานี่คะ) จะแยก ปอบ และสรรพผีลูกครึ่งต่างๆ ออกจากกัน ได้อย่างใด กันนะ




แต่ก่อนมีพี่คนหนึ่ง(คนสุกโขทัยเมืองเก่า) แกชอบดุว่า ใครให้ของกินอะไร อย่าพึ่งดีอกดีใจรีบกิน

เดี๊ยวเจออาถรรพ์ แบบว่า ยาเสน่ห์ หรือกระสือ ปอบกระหัง เสือสมิง ฯลฯ เค้ามาหาทายาทบ้าง ยาสั่ง บ้างหรอก

ว่าแล้ว พี่ เค้าก็เอา ของกินที่ คนอื่นให้ข้าน้อยด้วยความเสน่หา ลอดหว่างขา
แล้วสอนซ้ำส่งไปว่า วันหลังทำงี้ก่อนนะน้องพี่ นะ จำไว้ (ฮือๆ ของกินไม่น่ากินแล้ว)


มาคิดคิดดู ว่า เวลา ใครยื่นขนม มาให้อีก แล้วหากว่า เราสาว(ไม่)น้อย(เคย)น่ารัก

หาญหักเอาของกินลอดหว่างขา กิริยามารยาท คงงามหน้า ไป ๓ โลก

เราก่อนกินอะไรเราท่องพุทโธ ๆๆๆ ไว้ ก็พอแล้วกระมังเนอะ

 

.... มีเสียงกระซิบดัง ๆ เรียกมาให้ตอบคำถามเรื่องปอบกระทู้นี้ด่วน ... วนหาตั้งนานก็ไม่มีกระทู้วิธีดูปอบอาคม ... เลยเดามากระทู้นี้ปรากฏว่าอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนตอนนี้หาเจอแล้วคำถาม 55555555 พร้อมกับนั้งดูละครผัวชั่วคราวไปพลาง ๆ ...

... ขอเวลาสักนิดนะคะจะตอบให้เท่าที่ทราบคะ ....

.... ส่วนเรื่อง ของกิน ... ถ้ากลัวมากขนาดนั้นลองวิธีของ กาลีนะ ไหม๊คะพายุ ... ให้เรานึกถึงสิ่งศักดิ์ที่เราเคารพ และ ที่คอยคุ้มครองเรา อธิฐานจิตบอกท่านเหล่านั้น และ ถวายของเหล่านั้นแก่ท่านก่อนแล้วค่อยกินคะ

 

... ขอเสริมเพิ่มนิดหนึ่งนะคะสำหรับวิธีที่แนะนำให้ .. เพราะทุกท่านอาจนำไปใช้ " ผิด "

... ทั้งนี้ การที่เราจะอธิฐานสิ่งของเหล่านั้นให้ใครเราต้องมาดูที่ต้นจิตของเราด้วยนะคะ .. ว่าเราศรัทธาใครมากเป็นพิเศษ .. หรือ ถวายครู อาจารย์เราเองก็ได้คะ ..

... หลักการในการพิจารณา ..

1. ต้องเป็นคนที่จิตใจเราสามารถระลึกถึงได้อย่างเต็มกำลังจิตช่วงนั้นด้วยใจอันปิติ

2. เจตนานั้นต้องบริสุทธิ์

3. ท่านเหล่านั้นต้องมีพลัง บารมี พอที่จะวัดดวงกับผู้มุ่งร้ายเรา หรือ เหนือกว่า หรือ ผู้มุ่งร้ายเราต้องเกรงใจ

4. การถวายด้วยการอธิฐานจิตให้ทำเหมือนเวลาเราอุทิศบุญ ( ใช้แบบของพี่นบภากาญจ์ ก็ได้คะ ) ในกรณีที่เราไม่สามารถพุดได้ .. ถ้าพุดได้ก็พูดเลย .. อิอิ

5. ยกของนั้นขึ้นเหนือหัวเป็นการแสดงถวาย

6. ของที่ถวายต้องดูความเหมาะสมด้วย .. ( เช่น ของมึนเมาไปถวายพระอันนี้ก็ไม่ควร หรือ เนื้อสัตว์ถวายพระศิวะ ฯ )

... ทั้งหมดนี้ต้องทำภายในเวลาที่รวดเร็วที่สุด .. กาลีนะ ใช้เวลา 10 - 20 วินาที หรือ น้อยกว่านั้น ... ยกเว้น รู้สึกว่าของนั้นท่าทางจะเอาเรื่อง .. หรือ ต้องการชำระให้มันสะอาดขึ้น .. จะมีวิธีการที่มากกว่านี้ .. ตามแนวความคิดของตนเอง .. ส่วนมากจะไม่พิศดารมากคะ บ้าน ๆ พื้น ๆ ไม่พิธีมาก เอาแค่สมเหตุสมผล ... ก็ไปลองฝึกกันดูนะคะ

ปล. ไม่จำเป็นต้องเป็นการระลึกถึงพระรัตนไตรกได้คะ ... ถ้าใจคุณไปไม่ถึงผลที่ได้จะไม่ได้อย่างที่คุณต้องการ

 

.. มาถึงคำถามที่จะตอบด้านบนนี้นะคะ .. ( เด้วจะเอาไปแปะที่กระทู้ตัวเองด้วย อิอิ )

.. อันดับแรก กาลีนะ ไม่ได้มีตาเนื้อที่สามารถมองเห็นภพภูมิได้มีเพียงสัมผัสเท่านั้น น้อยครั้งที่จะเห็นในลักษณะภาพซ้อน ( ตาเนื้อมองไม่เห็นแต่ในจิตจะมีภาพซ้อนขึ้นมาแว๊บ ๆ หูจะอื้อ ๆ ออกแนวเหมือนอาการวู๊บเดียวพอตกใจมันจะหายไป .. ) แต่ถามว่าเคยเจอแบบที่โดนเข้าแล้วเราไปเจอเขาไหม๊ ... เคยคะ แต่จะพยายามบอกตัวเองว่า ไม่ใช่ ไม่จริง คิดไปเอง มากกว่า ... เหมือนจิตเราสั่งว่า " อย่าไปยุ่งกับเขา " ... แต่เหมือนพวกเขาจะอยากยุ่งกับ กาลีนะ มากกว่านะคะ ..

... แต่จะพยายามนำมาเล่าเท่าที่รู้คะ ..

1. ดูจากแววตาเปลี่ยน

... พูดมาแบบนี้ก็อาจจะยากถ้าเราไม่เคยเจอกับตัวเองบ่อยครั้งจนสามารถแยกได้ .. ถ้าเป็นคนที่เราเคยรู้จักบอกได้เลยคะว่า " แววตาเขาจะเปลี่ยนไป " อย่าไปคิดว่าผีเข้าแล้วต้องตาแข็ง ๆ คุณคิดผิดถ้าเป็นพวกปอบอาคมรุ่นเดอะไปแล้ว .. เพราะเขาจะซ่อนแววตาอันน่าสงสัยได้ .. แต่มันจะมีแว๊บ ๆ เท่านั้นที่เราจะจับได้ ... พวกนี้มักพกพาสายตา เจ้าเล่ห์แฝงไว้ด้วยความอำมหิต ดุร้าย ไร้ความอ่อนโยน ( เทพ หรือ ผู้มีศีลธรรมย่อมไม่แสดงแววตาแบบนี้แน่นอน แม้จะอยู่ในภาวะดุร้าย )... ปอบธรรมดามันจะไม่ค่อยสู้ตาคนเพราะความละอาย อับอายในใจยังมีสูงแต่พวกนี้มันหมดไปนานแล้ว .. ถ้าจ้องตานาน ๆ จะเหมือนโดนสะกด ( คนธรรมดาไปจ้องเพราะจิตสุ้ไม่ได้ )

2. น้ำเสียงเปลี่ยน

... คนเราทุกคนย่อมมีเอกลักษณ์ในการพูด คำพูด การแสดงตามคำพูดของตน ... แล้วในเมื่อมีคนอื่นเข้ามาใช้ร่างกายเราสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไป ( ใช้ได้กับการโดนเข้าทุกกรณี )

3. นิสัยเปลี่ยน

... ด้วยปอบอาคมพวกนี้ส่วนมากจะหลงในอำนาจของตน มีโมหะจริตสูง ย่อมไม่ค่อยแคร์ใครเท่าไหร่ เพราะพวกเราไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนที่เขารู้จัก ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน พวกนี้ไม่จำเป็นต้องแสดงตนให้เหมือนเจ้าของร่าง .. ทำให้นิสัยเปลี่ยนไปเหมือน ปอบอาคมตนนั้นมากกว่า

4. ความรู้สึกของเราเอง

... เพราะคนเราทุกคนย่อมมีสัญชาติตญาณการเอาตัวรอด และ เตือนภัย อยู่แล้วทุกคนอยู่ที่เราจะสนใจสังเกต หรือ ไม่ ... เพราะพวกนี้จะรังสีแห่งความอำมหิต เรียกว่า เราจะรู้สึกแปลก ๆ เมื่ออยู่ใกล้ สัมผัสที่บ่งบอกเราว่า " อันตรายอยู่ไม่ไกล " บรรยากาศรอบตัวคนนั้นจะเปลี่ยนไปเป็น แนว นิ่ง ๆ อึมครึม ไม่ปลอดดปร่ง เอาเป็นว่าเราจะรุ้สึกแบบคล้าย ๆ เวลาเจอผี หรือ แถวนี้มีผี ประมาณนั้นนะคะ

.... นี้เป็นข้อสังเกตพื้นฐานนะคะ .. แล้วปอบพวกนี้เขาไม่ได้เข้าตลอด 24 ชม. นะคะเพราะไม่งั้นร่างอาจะรับไม่ไหว แต่อาจจะแฝงอยู่ ยืนขนาบข้าง ใช้จิตสั่ง แล้วแต่กรณีคะ

 

... ด้วยอาศัยหลักพื้นฐานของความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละดวงจิตเป็นองค์ประกอบ เมื่อปราศจากซึ่งกายเนื้ออันเป็นข้อจำกัดแล้วมักจะกลับไปเป้นเหมือนจิตต้นที่กำเนิดมา คือ การรับรู้ที่มากขึ้นอาจทำให้ดวงจิตนั้น ๆ ดีขึ้น หรือ ต่ำลง ได้แล้วแต่สภาวะ ณ จุดนั้น .. บางดวงจิตเดินทางมานานมากอาจจะอยากหลุดพ้นการเวียนว่ายตายเกิด หรือ นิพพาน ก็จะสรรหาหนทางแห่งการหลุดพ้นมัน ... แต่บางดวงจิตยังมีความลุ่มหลงในสิ่งต่าง ๆ อยู่มาก กระหายอำนาจ ความยิ่งใหญ่ ต้องการสิ่งต่าง ๆ มาตอบสนองความอยากของตนไม่มีที่สิ้นสุดก็จะแสวงหาหนทางเพื่อให้ตนสมปรารถนา .. ก้เปรียบเสมือนดวงจิตของพวกปอบอาคม หรือ สัตว์นรก หรือ พวกที่ยังวนเวียนในกิเลสทั้งปวงที่หาทางออกให้ตนเองไม่เจอ หรือ หลงไปในทางผิด ความเชื่อผิด ๆ .. จนตนเองต้องตกลงสู่ " วงเวียนแห่งกรรมอันหนักนี้ " เพราะเรื่องแบบนี้หากไม่มีกรรมร่วมกันมาก่อนก็ยากจะพบเจอเหตุการณ์แนวนี้ ..

... แต่พวกที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ ไสยย์ศาสตร์ ก็ต้องทำใจคะว่าคุณได้สร้างกรรมทางนี้ขึ้นแล้ว และ มันจะติดไปอีกถึงชาติต่อ ๆ ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน ..

 

ได้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและมากประสบการณ์มาตอบให้แบบจัดเต็มเลยเนี่ย...
ขอบคุณมากๆครับ...

 

ขอบคุณ คุณกาลีนะมากค่ะ สำหรับคำตอบ
นั่งอ่านอยู่คนเดียว อ่านๆ ไปนี้มีเสียวหลังเหมือนกันนะเนี่ย
น่ากลัวจังเลย
แต่เรื่องแววตานี้ ก็ดูยากเหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้รู้จักคุ้นเคยมานาน
คนบางคนก็เเววตาเเข็ง กว่าผีซะอีก

 

**************************************
ก็เรียกได้ว่าเป็นการสร้างทานบารมีในด้านบริจาคอวัยวะอีกอย่างหนึ่ง

 

ปกติไม่ค่อยได้ไปโพสอะไรที่บอร์ดโพธิสัตย์สักเท่าไรครับ ครานี้จะมีโพสไว้ก็ตรงวิริยาธิกะกับวิริยาธิกะแบบพิเศษต่างกันอย่างไร อันนี้ก็โพสตามสั่ง คือท่านสั่งมาอีกที คงด้วยมีคน2-3ที่ไม่ได้ล็อคอินเข้ามาอ่าน 2คนนี่กำลังใจเขาเข้มแข็งดี อีกคนหนึ่งกำลังใจยังปานกลางอยู่
คือ2-3คนนี้เกิดกำลังใจแกว่งไป จึงต้องไปโพสเอาไว้ให้อ่าน ทั้งๆที่จริงๆไม่อยากโพสเรื่องกำลังใจหรือปฏิปทาของพระโพธิสัตย์เลยนะ
หลังจากได้อ่านความเห็นแล้วคนพวกนี้จะมีจิตฟูขึ้นมา คือเขาก็รู้ตัวของเขาเองว่านี่ใช่ทางที่เรายึดมั่นมา เป็นแบบนี้ พอได้อย่างนี้แล้ว ผมก็หยุดโพสแล้ว คือว่าทำตามที่ได้รับคำสั่งมา ทำหน้าที่เสร็จแล้วก็แล้วกันไป จะโพสเพิ่มอีกสักประโยคเดียวนี่ผมก็ไม่โพสนะ...
ก็เข้าใจว่าไปกระทบกระทั่งกำลังใจของหลายๆคนเข้า แต่เพื่อประโยชน์ของ2-3คนนั้นก็ต้องยอมรับกรรมซะเอง ไม่เป็นไร...เราก็ว่าของเราไป...
ตอนนี้เลยแอบหนีไปหัดกสิณน้ำตามแบบคุณ Nopphakan ดีกว่า สนุกดีเหมือนกัน

 

คารวะท่าน.ระมิงค์2555ครับผม.

 

เตี่ยผมมีความรู้ความชำนาญเรื่องไม้สักมาก...
เตี่ยบอกว่าวงปีของไม้สักที่อายุมากๆมันสวยมาก
ยิ่งไม้สักที่ผ่านแล้งมากๆวงปีจะแน่นพอช่วงที่ได้ฝนวงปีจะกว้าง
ถ้าไม้สักที่อยู่ในป่าอุดมสมบูรณ์แล้ววงปีจะไม่ค่อยสวย สู้พวกที่เจอแล้งจัดๆสลับกับฝนไม่ได้ วงปีดูสวยกว่า เนื้อไม้ก็แกร่งกว่า ทั้งที่จริงแล้วไม้สักจัดว่าเป็นไม้เนื้ออ่อนนะ...

ไม้เนื้ออ่อนนี่ผมก็เคยสงสัยว่าถ้ามันอ่อนจริงจะลองตีหัวดูสักทีว่าหัวจะแตกหรือเปล่า แต่อันนี้ไม่กล้าถามเตี่ย เพราะกลัวเตี่ยจะลองจริงๆ...

มาลองดูชีวิตคนเราก็เหมือนต้นสัก เพราะมีอุปสรรคที่ลำบากยากแค้น จึงทำให้ชีวิตแข็งแกร่งขึ้น หากทั้งชีวิตสุขสบาย หาความทุกข์ได้น้อย ปัจจัย4 อุดมสมบูรณ์ดี อย่างนี้แล้ว ชีวิตจะแข็งแกร่งได้อย่างไร

ความยากลำบากในชีวิต อุปสรรค ทั้งหลายที่ผ่านเข้ามานั้น มันทำให้ชีวิตแกร่งขึ้น สวยงาม มีค่า มีราคาขึ้น เช่นเดียวกับวงปีของไม้สัก

ไม้สักที่มีอายุมากขึ้นๆ ยิ่งมีค่ามาก มีราคามาก คนเราก็เช่นกัน อายุเพิ่มมากขึ้นแต่ละปี ก็ยิ่งต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์มากขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น มีคุณค่ามากขึ้น มีจิตใจที่เข้มแข็งขึ้น สามารถอดทน อดกลั้น ฟันฝ่าอุปสรรคได้รอบคอบ สุขุม หนักแน่น มากยิ่งขึ้น ขอให้ทุกคนพากันมีอายุที่มีคุณค่ามากขึ้นเหมือนอย่างไม้สัก...

ให้เอาอุปสรรคมาเป็นช่องทางในการสร้างบารมี บารมีที่หลวงพ่อฤษีแปลว่า กำลังใจ อุปสรรคที่มีมาก ก็คือช่องทางในการสร้างกำลังใจให้เข้มแข็งเข้มข้นมาก เมื่ออดทน อดกลั้นฟันฝ่า จนผ่านพ้นไปได้ กำลังใจก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น บารมีมากขึ้น...

 

.. ขอบคุณ คุณกาลีนะมากค่ะ สำหรับคำตอบ
นั่งอ่านอยู่คนเดียว อ่านๆ ไปนี้มีเสียวหลังเหมือนกันนะเนี่ย
น่ากลัวจังเลย
แต่เรื่องแววตานี้ ก็ดูยากเหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้รู้จักคุ้นเคยมานาน
คนบางคนก็เเววตาเเข็ง กว่าผีซะอีก..

... ยินดีคะ ... จะแนะนำเพิ่มในส่วนของบุคคลเป้าหมายที่มีโอกาศตกเป็น " เหยื่อของปอบอาคม หรือ คนที่จะกลายเป็นปอบอาคมเสียเอง "

1. ผู้ที่เล่นคุณไสยย์แบบที่เรียนโดยตรง หรือ เป็นต้นวิชาพวกนั้นเอง

2. ผู้ที่รับขันธ์ทั้งหมด

3. ผู้ที่แก้ไขความทุกข์ สนองความอยากของตนเองด้วยคุณไสยย์

4. ผู้ที่มีเคยกรรมร่วมกับปอบ มาก่อน ..

5. ทายาทของ ผู้เล่นคุณไสยย์ ผู้ใช้คุณไสยย์ ผู้รับขันธ์ ( ทายาทข้อ 1-4 )

... อย่าตกใจมากไปนะคะ การจะเป็น หรือ เจอได้ทุกอย่างมันต้องมีเหตุมีที่มาเสมอ .. หากเรามั่นคงในความดี ศีลธรรมกฏข้อบังคับจต่าง ๆ ไม่ใจอ่อนไปกับเล่ห์กลหลอกลวงของหมู่มาร .. มันก็ยากที่เกิดเหตุการณ์แนวนี้กับเราคะ .. จิตใจเข้มแข็งไว้นะคะ

 

ผมมีเรื่องสงสัยจริงๆนะครับ เกี่ยวกับเรื่องร่างทรงองค์เทพฯ
คือมีใครเขารับทรง เทพ ซุส เซอุส โพไซดอล ฯลฯ เทพของทางกรีกพวกนั้นน่ะ
เคยมีใครได้ยิน หรือเคยเห็นบ้างไหมครับ...
เห็นมีแต่เทพทางแขก จีน ไทย เทพของกรีกโรมันพวกนี้ ทำไมไม่เชิญมาประทับทรงกันบ้างนะ
หรือว่ามีที่เขาทรงกัน แต่ผมไม่รู้...ใครรู้ช่วยบอกที...สงสัยจริงๆ...

 

สาธุครับ จากนี้ไปจะจดจำไว้ และพยายามทำตามที่หลวงพ่อท่านกล่าวครับ

 

... เรื่องนี้น่าจะถามพี่นบภากาญจน์ นะคะแกน่าจะตอบได้ดีกว่าหนูคะ หนุยังไม่เคยเจอเทพฝรั่ง เพราะแม้แต่เทพแขกที่เคยมาให้เห็นในนิมิตก็หน้าตาเหมือนฝรั่งอยู่นะคะ ที่เรียกว่า " แขกขาว " คะ ผมมีสีดำ สีน้ำตาล จมูกโด่งเป็นนสัน หน้าเรียวเล็ก บ้างก็หน้าเล็ก ผิวขาวใส หรือ เนียน มีแต่เคยได้ยินเสียงตอนอายุ 19 ที่จะเปลี่ยนไปเข้าคริสเตียนนั้นแหละคะ พี่คนหนึ่งในนี้ก็ทักว่าอาจไม่ใช่เสียงของพระเจ้าในศาสนาคริสก็ได้อาจเป็นเสียงของพระพุทธเจ้าที่พูด .. แต่พี่น่าจะรู้ดีกว่าหนูอีกนะคะ เอามาโม้ให้น้อง ๆ ฟังบ้างสิคะพี่มิงค์ขาาาาาาาาาา

แต่ถ้าเป็นแนวเทพอิสลามนี้ต้องถาม อ.บุญชู คะเพราะแกชอบทักแฟน กาลีนะ ว่าอยู่ในความดูแลของเทวดาในศาสนาของเขา .. แต่ที่อยู่ด้วยกันนี้ก็แยกลำบากพอสมควรคะ เพราะบางวันก็เป็นตัวเขาเอง บางครั้งก็แฟนที่ตาย บางครั้งก็เป็นใครไม่รุ้ แต่ที่รู้ ๆ คุยกันภาษาไทยทุกคนไม่ได้คุยภาษาพิศดารอะไร .. บางครั้งก็เคยลองภูมิถามหวยแบบที่พี่ให้ถามก็มีคะ อิอิ .. ส่วนมากจะเคลื่อนคะ เช่น รางวัลที่ 1 มี 6 หลัก จะเข้าใน 6 หลักแต่ไม่เรียงบ้างไปอยู่ข้างหน้าเสียส่วนมากคะ เขาบอกว่าเพราะเอาไปบอกคนอื่นเลขเลยเคลื่อนเพราะเขาให้เราคนเดียว เห้อ ๆ โดนจนได้

 

... แต่ถ้าให้มองในรูปแบบของ ต้นกำเนิด และ พลังงาน เราจะไม่คุยกันเรื่อง ไข่ กับ ไก่ อะไรเกิดก่อนกันนะคะ เพราะครั้งหนึ่งพี่เคยให้การบ้านไป มันทำให้ได้ความรู้กลับมาหลายอย่าง

.. ต้นกำเนิดนับย้อนไปจนไม่สามารถมีบันทึกได้ แต่เราจะมาไล่กันง่าย ๆ ตามความเชื่อคนโบราณที่พอหาอ่านบันทึกได้จะกล่าวถึงสิ่งที่เคารพบูชา และ เชื่อว่ามีพลังงานหนึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดทุกอย่างเป็นอันเดียวกัน เพียงแค่ " เรียกต่างกันเท่านั้น " .. และ ทุกสิ่งย่อมมีของที่คู่กันได้อยุ่เพียงแต่จะอยู่ในรูปแบบใด จะเห็นได้ว่าคนโบราณจะเปรียบ " แสงสว่าง คือ ผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง ตัวแทนเพศ ชาย " " ความมืด คือ สิ่งที่ทำให้คนหวาดกลัว ลุ่มหลง ความน่ากลัว ยากจะคาดเดา แต่เป็นสิ่งที่คู่กันกับความสว่าง นั้นคือ สตรีเพศ " เพราะสมัยก่อนหากมีเพียงเพศเดียวมนุษย์คงไม่สามารถสืบพันธุ์มีลูกหลานได้แม้สมัยนี้วิทยาศาสตร์จะก้าวไปไกลแล้วก้ตามอนาคตอาจไม่ต้องใช้เรื่องเพศมาเป็นบรรทัดฐานก็ได้ ถึงตอนนั้นมนุษย์จะกลายเป็นยังไงไปแล้ว .. น่าคิดนะคะ

... มาพูดเรื่องของด้านพลังงาน และ จิต กันบ้างนะคะ ตามความเชื่อ ยกตัวอย่างเช่น คนเราประกอบไปด้วยขันธ์ 5 อันก่อให้เกิดรูปกายตามกรรมกำหนดมา แล้วใส่จิตอันอยู่ในรูปของพลังงานลงไปเพื่อทำการขับเคลื่อนกายสังขารนั้นให้ทำตามที่จิตเจ้าของสั่งการเป็นอย่างนี้จนกว่าขันธ์ 5 นั้นจะแตกสลายไปตามสภาพ เปรียบเป็นภาชนะรองรับรูปแบบต่าง ๆ นั้นเอง ย่อมจะถูกสร้างมาเพื่อใส่สิ่งของต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป มีทั้งแบบทั่วไป และ แบบเฉพาะ หรือ ลิมิเต็ดอิดิชั่นก็ว่ากันไป ... ในที่นี้ จิต คือสิ่งที่จะนำมาใส่ในภาชนะรองรับนั้น ๆ นั้นเอง จิตเปรียบได้กับ อากาศธาตุ ภพภูมิมัเพียง 3 ธาตุขันธ์เท่านั้นแต่มีพลังงานแฝงอยู่ภายใน ... ด้วยความเชื่อรื่องเวรกรรม เป็นเหตุให้ผู้มีธาตุขันธ์ 5 เป็นผู้ที่สามารถสร้าง กรรมดี และ กรรมชั่วได้มากกว่าจำพวกอื่นที่ใช้แต่ของเก่าที่สะสมไว้เท่านั้น ทำให้ภพภูมิอื่นแสวงหาหนทางเพื่อใช้จุดนี้เอื้อประโยชน์แก่ตนเองให้มากที่สุด .. ส่วนจะทางดี หรือ ร้ายนั้นอีกเรื่องหนึ่งคะ

.. อธิบายให้งง หรือ เปล่าคะถ้ายังไงต้องขอโทษด้วยนะคะเพราะที่ศึกษามามันเยอะพยายามย่อแล้วได้แค่นี้คะ