รายการที่140
เหรียญนั่งพาน สมเด็จพระพุฒาจารย์โต วัดสะตือ อยุธยา พิมพ์ใหญ่ รุ่นบูรณะหลวงพ่อโต ปี2554 เหรียญจริงสวยครับ
*ปิดให้คุณธนกฤตครับ
เหรียญรุ่นนี้น่าใช้มากๆ เพราะวัตถุประสงค์ในการสร้าง เพื่อนำเงินรายได้มาบูรณะองค์พระพุทธไสยาสน์ หรือองค์หลวงพ่อโต จึงจัดว่ามีเจตนาในการสร้างที่ดี น่าใช้ และที่สำคัญยังไม่มีของเสริมครับ
+++ "ณิชา" วัตถุมงคลพระเกจิคณาจารย์ พระเครื่องทั่วไป พร้อมจัดส่ง+++
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย nicha_ch, 20 เมษายน 2014.
หน้า 13 ของ 445
-
-
ขอบคุณครับ
_____________________
คนเก่งนั้นมีมาก แต่คนหายากนั้นคือ คนดี -
รายการที่142
สมเด็จองค์ปฐม รุ่นแรก วัดโขงขาว จ.เชียงใหม่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง และครูบาชัยยะวงศา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อธิษฐานจิตปลุกเสก
*ปิดให้คุณป้ายหน้าครับ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง พุทธาภิเษกพร้อมพิธีบวงสรวง ที่วัดโขงขาว 3 ปี เริ่มตั้งแต่ปี2532 ,2533 ,2534 ตอนทอดกฐินที่วัดโขงขาว เดิมทีทางหลวงพ่อบุญรัตน์สร้างพระขึ้นมาโดยคิดว่าให้เป็นพระพุทธชินราช พอกราบเรียนขอให้หลวงพ่ออธิษฐานจิตให้ ท่านก็ถามว่าอะไรอยู่ในกล่องลองเอามาให้ดูหน่อยสิ เมื่อหลวงพ่อบุญรัตน์หยิบให้หลวงพ่อดู ท่านก็พูดว่านี่ไม่ใช่พระพุทธชินราชนะ นี่คือสมเด็จองค์ปฐม จากนั้นท่านก็อธิษฐานจิตให้ เป็นสมเด็จองค์ปฐม รุ่นแรกที่หลวงพ่อปลุกเสกนานที่สุด (ออกก่อนวัดท่าซุงอีกด้วย)
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
รายการที่142 สมเด็จองค์ปฐม รุ่นแรก วัดโขงขาว จ.เชียงใหม่
_____________________
คนเก่งนั้นมีมาก แต่คนหายากนั้นคือ คนดี -
_____________________
คนเก่งนั้นมีมาก แต่คนหายากนั้นคือ คนดี -
_____________________
คนเก่งนั้นมีมาก แต่คนหายากนั้นคือ คนดี -
รายการที่145
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ปรกโพธิ์ รุ่นย้อนยุค 108 ปี (คณะ9) ผสมผงเก่าวัดระฆัง ราคาเบาๆ (แบบเลี่ยมไมคอนหลังเหรียญ ส่วนมากพบแต่แบบไม่เลี่ยมครับ)
บูชา 400 บาท
พระพิมพ์สมเด็จแตกลายงา ย้อนยุคเลี่ยมทองไมครอนและบรรจุในกล่องกำมะหยี่สวยงาม ควรค่าแก่การเก็บสะสมอย่างยิ่ง ด้านหน้าตอกโค๊ตระฆัง ด้านหลังปั๊มตรายางวัด และติดเหรียญสมเด็จโต
วัตถุมงคลล้ำค่าอีกรุ่นหนึ่งที่ทางวัดระฆังโฆสิตาราม ได้จัดสร้างขึ้นด้วยมวลสารมงคลพิเศษต่างๆ มากมายนานาชนิด อาทิเช่น
ว่าน ยา ผงพระ 3 สมเด็จ เป็นผงพระที่ได้มาจาก
พระสมเด็จเก่าโบราณพระสมเด็จวัดระฆังทุกรุ่น
ผงของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมทุกรุ่น
ผงของพระสมเด็จวัดเกษไชโยทุกรุ่น
หลังจากนั้นจึงได้นำมวลสารมงคลทั้งหมดมาจัดสร้าง "สมเด็จวัดระฆัง" รุ่นย้อนยุค 108 ปี ด้วย "การกดมือ" โดยไม่ได้ใช้เครื่องปั๊มใดๆ ซึ่งแตกต่างจากพระเครื่องในสมัยนี้โดยสิ้นเชิง แล้วจึงได้นำมาประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับของโบราณจารย์ และโบราณประเพณีทุกประการ โดยได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก อย่างเป็นทางการโดยได้รับอนุญาตจากท่านเจ้าประคุณพระธรรมธีรราชมุนี (เจ้าคุณเที่ยง) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ให้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ณ พระวิหารท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม ในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2556
ในพิธีมหาพุทธาภิเษก นิมนต์พระเกจิคณาจารย์ชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทยมานั่งปรกปลุกเสกตัวอย่าง เช่น หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกรินกฐิน จ.ลพบุรี หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา หลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม กทม. หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.พระนครศรีอยุธยา และพระเกจิอีกจำนวนมาก ประกอบพิธีอย่างเข้มขลังเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าที่ต้องจารึกไว้ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
รายการที่146
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ประธานสมเด็จโต รุ่นย้อนยุค 108 ปี (คณะ9) ผสมผงเก่าวัดระฆัง ราคาเบาๆ (แบบเลี่ยมไมคอนหลังเหรียญ ส่วนมากพบแต่แบบไม่เลี่ยมครับ)
บูชา 400 บาท
พระพิมพ์สมเด็จแตกลายงา ย้อนยุคเลี่ยมทองไมครอนและบรรจุในกล่องกำมะหยี่สวยงาม ควรค่าแก่การเก็บสะสมอย่างยิ่ง ด้านหน้าตอกโค๊ตระฆัง ด้านหลังปั๊มตรายางวัด และติดเหรียญสมเด็จโต
วัตถุมงคลล้ำค่าอีกรุ่นหนึ่งที่ทางวัดระฆังโฆสิตาราม ได้จัดสร้างขึ้นด้วยมวลสารมงคลพิเศษต่างๆ มากมายนานาชนิด อาทิเช่น
ว่าน ยา ผงพระ 3 สมเด็จ เป็นผงพระที่ได้มาจาก
พระสมเด็จเก่าโบราณพระสมเด็จวัดระฆังทุกรุ่น
ผงของพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมทุกรุ่น
ผงของพระสมเด็จวัดเกษไชโยทุกรุ่น
หลังจากนั้นจึงได้นำมวลสารมงคลทั้งหมดมาจัดสร้าง "สมเด็จวัดระฆัง" รุ่นย้อนยุค 108 ปี ด้วย "การกดมือ" โดยไม่ได้ใช้เครื่องปั๊มใดๆ ซึ่งแตกต่างจากพระเครื่องในสมัยนี้โดยสิ้นเชิง แล้วจึงได้นำมาประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับของโบราณจารย์ และโบราณประเพณีทุกประการ โดยได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก อย่างเป็นทางการโดยได้รับอนุญาตจากท่านเจ้าประคุณพระธรรมธีรราชมุนี (เจ้าคุณเที่ยง) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ให้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ณ พระวิหารท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม ในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2556
ในพิธีมหาพุทธาภิเษก นิมนต์พระเกจิคณาจารย์ชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทยมานั่งปรกปลุกเสกตัวอย่าง เช่น หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกรินกฐิน จ.ลพบุรี หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา หลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม กทม. หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.พระนครศรีอยุธยา และพระเกจิอีกจำนวนมาก ประกอบพิธีอย่างเข้มขลังเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าที่ต้องจารึกไว้
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
รายการที่148
พระปิดตามหาโชค รุ่นแรก ครูบาอุ่น วัดโรงวัว พิมพ์ใูหญ่เนื้อดำ หลังปั๊มตัว "อะ" ฝังตะกรุด สร้างน้อยไม่ถึง 1,000 องค์ กล่องเดิมครับ
*ปิดให้คุณphairot vorapojpornchaiครับ
ถือเป็นพระปิดตาสายเหนือพุทธคุณเมตตาเป็นเยี่ยม และกำลังมาแรงตามหลังขุนแผนรุ่นแรก อีกทั้งยังมากด้วยมวลสาร ทั้งผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ผงขุนแผนครูบาจันต๊ะ วัดหนองช้างคืน พลอยเสก เม็ดพระธาตุ เกศาครูบาอุ่น จีวร ตะกรุดนอกจากนี้พระคณาจารย์สายเหนือยังร่วมปลุกเสก อาทิเช่น หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน ฯลฯ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
รายการที่149
พระปิดตามหาโชค รุ่นแรก ครูบาอุ่น วัดโรงวัว พิมพ์เล็กเนื้อดำ หลังปั๊มตัว "อะ" ฝังตะกรุด สร้างประมาณ 1,500 องค์ กล่องเดิมครับ
บูชา 500 บาท
ถือเป็นพระปิดตาสายเหนือพุทธคุณเมตตาเป็นเยี่ยม และกำลังมาแรงตามหลังขุนแผนรุ่นแรก อีกทั้งยังมากด้วยมวลสาร ทั้งผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ผงขุนแผนครูบาจันต๊ะ วัดหนองช้างคืน พลอยเสก เม็ดพระธาตุ เกศาครูบาอุ่น จีวร ตะกรุดนอกจากนี้พระคณาจารย์สายเหนือยังร่วมปลุกเสก อาทิเช่น หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน ฯลฯ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ชื่อเสียงของหลวงปู่หล้า จันโทภาสา แห่งวัดป่าตึง เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปก็เนื่องด้วยท่านเป็นพระ ที่ปฏิบัติตนอยู่ในหลักศีลธรรมอันงดงาม หลวงปู่ท่านได้รับสมญานามจากศรัทธาญาติโยมว่ามีญาณวิเศษที่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ จนชาวบ้านทั่วไปเรียกท่านว่า "หลวงปู่หล้า ตาทิพย์"
หลวงปู่หล้า ท่านเกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ซึ่งอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยของเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 (พ.ศ.2426-2439) กับเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 8 (พ.ศ.2442-2452) หลวงปู่หล้าเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 7 ค่ำเดือน 11 ตรงกับวันที่ 22 กันยายน 2441 ที่บ้านปง ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โยมพ่อชื่อ นายเงิน โยมแม่ชื่อ นางแก้ว นามสกุล บุญมาคำ เหตุที่มีนามสกุลนี้ หลวงปู่หล้าเล่าว่า "เพราะพ่ออุ้ย(ปู่) ชื่อบุญมา แม่อุ้ย(ย่า) ชื่อคำ เมื่อมีการตั้งนามสกุล กำนันจึงตั้งให้เป็น บุญมาคำ " หลวงปู่หล้าเป็นบุตรคนสุดท้องของครอบครัวจากจำนวนพี่น้อง 4 คน เมื่ออายุได้ 1 ขวบ ต้องกำพร้าพ่อ โยมแม่จึงได้เลี้ยงดูลูกทั้งหมดเพียงลำพัง หลวงปู่หล้าเล่าให้ฟังว่า "การเลี้ยงลูกสมัยก่อน ต้องช่วยกันทำงาน ช่วยเลี้ยงวัว หากใครทำผิดก็จะถูกเฆี่ยน ทำพลาดก็ถูกเอ็ด"
เมื่อหลวงปู่หล้าอายุได้ 8 ขวบ โยมแม่ก็นำไปฝากกับครูบาปินตา เจ้าอาวาสวัดป่าตึงให้เป็นเด็กวัด หลวงปู่หล้าจึงได้มีโอกาสเรียนหนังสือเป็นครั้งแรกกับครูบาอินตา ซึ่งสมัยนั้นจะเรียนหนังสือพื้นเมือง จนอายุได้ 11 ขวบก็ได้บวชเป็นสามเณรในช่วงเข้ารุกขมูล เข้ากรรมอยู่ในป่า การเข้ากรรม หรือ อยู่กรรม เรียกว่า ประเพณีเข้าโสสานกรรมซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนาที่ถือพระสงฆ์จะต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งมักจะกระทำกันในบริเวณป่าช้าที่อยู่นอกวัด พระสงฆ์และผู้ที่เข้าบำเพ็ญโสสานกรรมจะต้องถือปฏิบัติเคร่งครัดเพื่อต้องการบรรเทากิเลสตัณหา
ขณะที่บวชเป็นสามเณรอยู่นั้น หลวงปู่หล้าไม่ได้เรียนแต่เพียงหนังสือพื้นเมืองเท่านั้น แต่ยังได้เรียนหนังสือไทยไปด้วย โดยเรียนกับพระอุ่นซึ่งเคยไปจำพรรษาที่วัดอู่ทรายคำในเมืองเชียงใหม่ และเรียนหนังสือไทยที่โรงเรียนประจำมณฑลพายัพ ปัจจุบันคือโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย แต่ครูบาปินตาไม่สนับสนุนให้พระเณรเรียนหนังสือไทย ในที่สุดพระอุ่นจึงต้องเลิกสอน หลวงปู่หล้าศึกษาเล่าเรียนทั้งอักขรวิธีและธรรมปฏิบัติกับครูบาปินตาเรื่อยมาจนกระทั่งอายุได้ 18 ปี จึงเดินทางเข้าไปจำพรรษาอยู่ในเมืองเชียงใหม่ เพื่อเรียนนักธรรมที่วัดเชตุพน หลวงปู่หล้าเรียนนักธรรมที่วัดเชตุพนเพียง 1 ปียังไม่ทันสำเร็จก็ต้องเดินทางกลับวัดป่าตึง เพื่อปรนนิบัติครูบาปินตาที่ชราภาพ หลวงปู่หล้าอยู่ปรนนิบัติครูบาปินตาจนกระทั่งล่วงเข้าปี พ.ศ.2467 ครูบาปินตาก็มรณภาพด้วยวัย 74 ปีซึ่งขณะนั้นหลวงปู่หล้าอายุ 27 ปีเท่านั้น หลวงปู่หล้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าตึงต่อจากครูบาปินตา เมื่อปี พ.ศ.2467 และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลออนใต้เมื่อปี พ.ศ.2476
ในปี พ.ศ.2477 เมื่อครูบาศรีวิชัย ได้สร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพ โดยเริ่มสร้างตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2478 รวมเป็นเวลา 5 เดือนกับ 22 วัน ในครั้งนั้นหลวงปู่หล้าได้เดินทางไปร่วมสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วย หลวงปู่หล้าเล่าถึงความยากลำบากในการสร้างถนนไว้ในหนังสือ ประวัติวัดป่าตึงว่า "การสร้างถนนมีการแบ่งงานกันตามกำลังของคน ผู้คนที่ไปร่วมเป็นชาวบ้านจากวัดป่าตึงทำได้ 5 วาใช้เวลา 14 วันส่วนพวกที่มาจากเมืองพานทำได้ 60 วา"
จนเมื่อปี พ.ศ.2504 หลวงปู่หล้าได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น พระครูจันทสมานคุณ ซึ่งขณะนั้นท่านอายุ 63 ปีมีคนพากันยกย่องหลวงปู่หล้าว่าท่านสามารถรู้เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ มีเรื่องเล่าว่าวันหนึ่งฝนตั้งเค้าจะตกหนัก หลวงปู่บอกให้พระเณรรีบออกจากกุฏิ เพราะกุฏิเก่าและทรุดโทรมมากและมีต้นลานขนาดใหญ่อยู่ข้างกุฏิ ปรากฏว่าวันนั้นฝนตกหนักกิ่งต้นลานก็หักโค่นลงมาทับกุฏิพัง พระเณรที่อยู่ในวัดทุกคนปลอดภัยและพากันสรรเสริญว่าท่านมีตาทิพย์ นอกจากนั้นยังมีเรื่องเล่าอีกว่า เช้าวันหนึ่งเวลาประมาณตี 5 หลวงปู่หล้าให้พระเณรรีบทำความสะอาดวิหารเพราะจะมีแขกมาหาที่วัด ครั้นพอถึงเวลา 6 โมงเช้า พระศรีธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดสันป่าข่อยนำญาติโยมมาหา ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงพากันเรียกท่านว่า "หลวงปู่หล้าตาทิพย์"
หลวงปู่หล้าเจริญอายุมาถึง 97 ปี ก็ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2536 ยังความเศร้าสลดใจมาสู่พระสงฆ์ สามเณร ศรัทธาญาติโยมทั่วไป และต่างก็มาเคารพศพตั้งแต่วันที่ท่านมรณภาพ จวบจนปัจจุบันนี้ศพของหลวงปู่หล้าถูกบรรจุไว้ในโลงแก้วที่ประดับด้วยดอกไม้ ตั้งอยู่บนกุฏิไม้สักที่งดงามในวัดป่าตึง หลวงปู่หล้าเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านถือปฏิบัติพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้โปรดฯ เกล้าพระราชทานน้ำสรง ซึ่งยังความปราบปลื้มปิติยินดีมาสู่ศิษยานุศิษย์ แม้ว่าหลวงปู่หล้า จะมรณภาพจากไปแล้ว ก็เป็นเพียงการจากไปแต่สรีระร่างกายเท่านั้น ส่วนคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างเอาไว้หาได้ดับไป ด้วยคุณงามความดีที่หลวงปู่หล้าได้บำเพ็ญมาก็ดี คุณงามความดีที่ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้บำเพ็ญมาก็ดีและคณะศรัทธาญาติโยมบำเพ็ญมาก็ดี ขอจงเป็นพลวะปัจจัยให้ดวงวิญญาณของหลวงปู่ได้ประสบสุขในสัมปรายภพนั้นด้วยเทอญ.
หน้า 13 ของ 445