ดูดีดี มีอะไรที่องค์พระหลวงตา

ใช่ครับ...พิมพ์นี้หลวงตาเพิ่งสร้างมาไม่นาน....

พระรับศิษย์หลวงตานี่ ท่านสร้างเป็นรุ่นๆครับ...

 

ไม่ใช่ คุณเลยขึ้นไปอีก สัก ๔ กิโล

มีวัดอยู่วัดนึง หลวงปู่เป็นจเรไทใหญ่ แปลว่าผู้ทรงภูมิพระไตรปิฏก

ท่านสอนกรรมฐาน พิจารณา จิต เจตสิก รูป ปัญญาไปแตกตรงนั้น

ที่นั้นเทวดาเยอะมาก ยศสูงๆ จนถึงนาคก็มี มาภาวนากัน ตอน๒ทุ่ม

เป็นถ้ำลงไป ลึกมาก ไปสำรวจมาแล้ว ^^

 

ตรงใหน...............

ทางเข้าปากซอยเหรอ....

 

คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ซัวเจ๋ง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5066566", true); </SCRIPT> นอกจากได้พระแล้วได้อะไรเพิ่มบ้างไมครับ...

ออ...ที่คุณบอกตอนต้นกระทู้...ที่ว่าไปดูเขานั่น ที่ถ้ำนะเหรอ....

 

มีอยู่ร้านเดียว ทางเข้าปากซอย ขวามือนับจากหันหน้าไปวัด

คนขายเป็นผู้หญิงไทใหญ่ ให้ทักด้วย ใหม่สูง แปลว่าสวัสดี แบบเนียรๆ

คนขายเห็นหน้าภานุเดชทักอย่างนี้ เข้าใจทันทีว่ากระเหรี่ยงหลงดอย

รับรองให้เส้นขนมจีนเต็มจาน

 

(deejai)...................

แสดงว่าลองมาแล้ว...

 

หลายคนนึกว่า ถ้ำหลวงตาม้าเป็นที่พักพระศพ จริงๆแล้วไม่ใช่

ก่อนถึงถ้ำหลวงตาม้า มีอีกถ้ำใหญ่มาก ถ้ำนี้เขาว่าเป็นที่พักพระศพเหมือนกัน เป็นโถงกว้างมาก แต่ภาวในถูกหินถมปิดทางเข้า

มีพระไทใหญ่ และพระอะคันตุกะพักอยู่ ๓ รูป

แต่ถ้ำทั้งหมดที่ไปมา ที่สงบและดี มีอยู่ ๓ ที่ในเชียงใหม่

ถ้ำเชียงดาว ไม่พูดถึง
ถ้ำหลวงปู่สิม
อีกถ้ำ คือ ถ้ำวัว ในเมืองนะ
สามถ้ำนี้ดีเสมอกัน ในทางภาวนา

 

ขอบคุณกับข้อมูลค่ะ

ของดีมาก เล่าไปเรื่อยๆ นะ
ต้องขอตัวทุกท่านจ๊ะ

 

ไปมา ๒ ครั้งได้มาครั้งละ ๒ ๓ องค์ครับ

แต่ไม่เคยเช่า ส่วนมากมีคนให้มา เจอหน้าหลวงตาครั้งแรกตอนกลางคืน เดินยิ้มให้อย่างเดียว

นอนก็นอนหน้ายักษ์ ฝันอะไรจำไม่ได้ แต่ฝันแปลกบ่อย เลยธรรมดา

แต่ติดใจน้องผู้หญิงมาทักนี่สิ ถามว่าภาวนามานานรึยัง พี่นับถึอเทพอะไรอยู่

พอมาแนวนี้ก็ไม่อยากคุย ที่นั้นเน้นคุยเรื่องพลังงานอะไรกันนี่แหละ

 

มวลสารในการ สร้างองค์พระขึ้นมานั้น ประกอบไปด้วย สารเคมีที่มองด้วยตาปล่าวไม่เห็น ติดอยู่กับธาตุเดิมนั้นเยอะพอควร

เเละการที่ สารประกอบต่างในองค์พระจะออกมาทําปฎิกริยากับ อากาศ กับความร้อนในตอนหล่อ ก็ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ของสสาร อยู่เเล้ว

บางองค์ทําออกมาช่วงเเรก ไม่มีอะไร พออยู่ๆไป ด้วยปัจจัยหลากหลาย ใน อากาศ ใน การสัมผัส ต่างๆของผู้รับชม ก็ มีส่วนให้ เกิด ปฎิกริยาดังกล่าวขึ้นมาได้ง้ายๆ

เเต่มันเป็นส่วนของวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องของ ปฎิกริยาเคมี เป็นเรื่องของ มวลสาร ในภาวะนั้นๆ เเละที่สําคัญ มันเป็น ปัจตัง

ทุกๆองค์ความรู้ของมนุษ หาได้สิ้นสุดไม่

หลากหลาย วิชา ก็หาใช้ว่าจะมีผู้กระจ่างเเจ้ง จนถึงเข้าใจถึงวัตถุธาตุนั้นๆ เเบบ ชัดเจน

อย่านําความเข้าใจที่ผ่านมา ลงมาตัดสินกับสิ่งที่เห็นจนเกินไปนัก เพราะนั้นมัน อคติ ล้วน เคยทํา เคยได้ เคยเป็น เเละก็เคยเห็น มันก็เเค่เคย

เหมือนรังสี เเกรมม่าเนี้ย คุณ รู้ไหมว่า มันทําอะไรได้บ้าง
อย่าว่าเเต่พระธาตุ พุดขึ้นกลางองค์พระเลย ยิงกว่านั้นก็ทํากันมานักต่อ นักเเล้วน่ะจ๊ะ

มองให้มันเป็น ธรรมชาติสิ
ไปมองให้มันเหนือธรรมชาติ มันก็เหนืออยู่นั้นเเหล่ะ จบไม่ลงซะที

 

ออ..ใช่ครับ....ส่วนใหญ่จะให้การสนใจในด้านของอภิญญา พลังงาน และภพภูมิ.......

ของอย่างนี้พูดยากแล้วแต่คนชอบ...

 

โอโห พูดอย่างกับเข้าห้องแล็บพิสูจน์มาแล้วด้วยตนเองนะครับ....เป็นตุเป็นตะ...

ผมว่าน่าจะมีแบบผลงานทางวิชาการ บทรายงานการทดลอง อะไรอย่างนี้มาสนับสนุนหน่อยนะ....มันจะดูหน้าเชื่อถือหน่อย.... คุณรู้ไม เชื่อ วิทยาศาสตร์เยอะ หรือเชื่อในความคิดตัวเองเยอะ ใช่ว่าจะดีนะ เขาก็ถือว่า งมงาย ได้เช่นกัน...

พูดให้มันเท่ห์มันเท่ห์ได้นะ แต่เผอิญไม่ใช่เด็กอมมือ ถ้าคิดว่าจะเป็นแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์จริง....เพียงแค่อนุมานแต่ไม่มีการทดลอง เขาเรียก สมมุติฐาน แต่มากไปแล้วไม่ทำ เขาเรียก เพ้อเจ้อ นะครับ...

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ใจของเราเอง เมื่อใดก็ตามที่เป็นผู้รู้ รู้ในที่นี้ก็ด้วยตัวเราเอง หากรู้นั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าถูกหรือผิด ไม่มีใครตอบได้ นอกจากตัวของผู้รู้เอง เพราะรู้ของแต่ละคนก็แตกต่างกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ศรัทธา เพราะศรัทธาคือสิ่งที่ทำให้เราอยากรู้ แม้จะต้องลองผิด ลองถูก กว่าจะเจอของจริง ก็ต้องใช้เวลา
จะดีกว่าไหมถ้าเรารู้และนิ่ง เพราะเราก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่เรารู้ แน่ใจได้อย่างไรว่ารู้จริง ของจริง
เราไม่ควรไปทำลายศรัทธาของใครเขา เพราะถ้าใจเรามีอคติ ตัวกูของกู ก็เหมือนเรารู้ไม่จริงกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกที

เวลา จะเป็นเครื่องนำทาง ให้คนที่มาตามหลัง ได้เข้าถึงทางที่ถูก ว่าอะไรคือของจริง แม้ตอนนี้สิ่งที่รู้ก็ไม่มีใครผิดใครถูก อยู่ที่ว่ารู้แค่ไหน และจะก้าวไปให้รู้มากกว่าเดิมอย่างไร

 

แชร์ด้วยคนครับ(^_^)_____________________________

 

นี่แหละครับ สิ่งที่ถูกต้อง การถกเถียงโดยอาศัยอัตตาตนเป็นที่ตั้ง ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์ครับ

น้ำเต็มแก้ว ควรรับฟังและพิจารณาก่อนครับ

ส่วนตัว มีสติ คู่ ปัญญา พิจารณาให้ถ่องแท้ ว่าสิ่งไหนจริง สิ่งไหนเท็จ อันไหนหลงไปเอง

เรื่องปาฎิหารย์ พระพุทธเจ้ายังไม่แนะนำให้พูด เพราะพิสูจย์ยาก รู้เฉพาะตน เถียงกันไปก็เท่านั้นครับในเมื่อคิดเสมอว่าตนถูก

หาความจริงอันเป็นแก่นในทกเรื่องให้เจอครับ

 

คุณมีบุญหรือปฏิบัติดีพระจึงมีพระธรรมธาตุขึ้น

 

สิ่งที่เรามองเห็น ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรามองหา
แม้เส้นผมยังบังภูเขาได้
เจริญในธรรม

 

ต้องดูอย่างมงาย

ที่บ้านผมบูชาพระธาตุอยู่ ทั้งอามิสและปฎิบัติ องค์พระธาตุจะเปลี่ยนวรรณได้เอง องค์พระธาตุมี๙วรรณ

 

พระธาตุ ของพระอรหันต์เจ้านั้น สามารถ เกิดจากธาตุทั้ง 4 ของร่างกาย
เเต่เท่าที่ปรากฎให้เห็นเสมอๆ ก็คือพระธาตุที่เกิดจากธาตุน้ำเเละธาตุดิน ทั้งนี้เท่าที่ได้มี
การเก็บข้อมูลพบว่า พระธาตุ เกิดได้จากทุกส่วนของร่างกาย ไมว่าจะเป็นน้ำมูก น้ำลาย
คราบไคล เลือด เส้นผม เถ้าอังคาร เล็บ หรือเเม้กระทั่ง ชานหมาก ก็สามารถกลายเป็นพระธาตุได้ ยกตัวอย่างเช่น ชานหมากของพ่อเเม่ ครูบาอาจาร์ อย่างหลวงปู่เเหวน สุจินโณ
หลวงพ่อหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็เปลี่ยนกลายเป็นพระธาตุได้ เพราะมีส่วนผสมของน้ำลาย
อันเป็นส่วน หนึ่งของธาตุขันต์ในร่างกาย สำหรับวิธีสังเกตุ พระธาตุว่า อันไหนคือของจริงอันไหน คือ ของปลอม พระธาตุเเท้จะมีลักษณะสีเป็น ธรรมชาติ มีความมัน เเละวาวอยู่ในตัว เเละงดงามมาก ซึ่งจะเเตกต่าง จากพระธาตุปลอม ที่มักทำเรซิ่น ย้อมให้เป็นสีต่างๆ หรือ ตัวดูดความชื้น ต้องบอกว่าคุณลักษณะ ของพระธาตุ เหมือนพระที่ได้รับการปลุกเสก
คือจะมีคลื่นพลังงานในตัวเอง ซึ่งผู้ปฎิบัติธรรม จะสามารถรับรู้ได้ เเละเป็นความจริงที่พระธาตุ สามารถเสด็จมาเองได้ เพิ่มขนาดได้ เปลี่ยนสีเปลี่ยนรูป เเละหายไปได้ มณียาขยายความเพิ่มเติม ส่วนวิธีทำซึ่งให้ได้พระธาตุมาบูชานั้น ขึ้นอยู่กับพลังเเห่งความศัทธาเป็นสำคัญ เพราะผู้ที่มีความศัทธา ในพระธาตุเเละหมั่นปฎิบัติ บูชา พระธาตุก็สามารถเสด็จมาเองได้ ข้อมูลจาก relicsofbuddha.com​

พระผมมีทุกสี เป็นพระอายุร่วม 150 ปี ไม่มีสารเคมีอย่างเเน่นอน
มองตาปล่าวไม่มีทางได้เห็น เเละที่สำคัญ องค์ พระสามารถเปลี่ยนสีเองได้
บ้างเข้มมาก บ้างเข้มน้อยเเล้วเเต่กำลังวัน ยิ่งวันพระด้วยเเล้ว สุดๆ​

​

​

ฃ​