ด่วน...ขอความร่วมมือร่วมใจคนไทยหัวใจรักในหลวง สวดมนต์เพื่อให้หายประชวร

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ปิ่นนคเรศ, 22 กรกฎาคม 2012.

  1. ปิ่นนคเรศ

    ปิ่นนคเรศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +443
    ขอความร่วมแรงร่วมใจสวดมนต์ถวายในหลวงให้หายประชวรด้วยค่ะ
    เป็นการด่วนก่อนเที่ยงคืนวันนี้ (๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕) เพื่อส่งพลังให้พระองค์ท่านอยู่เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไปค่ะ

    ใครมีเพื่อนญาติพี่น้อง ช่วยส่งข่าวให้ช่วยกันสวดมนต์ถวายพระองค์ท่านด้วยนะค่ะ ขออนุโมทนาค่ะ
    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

    คำบูชาพระรัตนตรัย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ<o:p></o:p>
    โย โส สวากขา.โต ภะคะวะตา ธัมโม, อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ<o:p></o:p>
    โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง อะภิปูชะยามิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คำนมัสการพระรัตนตรัย<o:p></o:p>
    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ ๑ หน)<o:p></o:p>
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ ๑ หน)<o:p></o:p>
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ (กราบ ๑ หน)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คำนมัสการพระพุทธเจ้า<o:p></o:p>
    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า ๓ จบ)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คำนมัสการไตรสรณคมน์<o:p></o:p>
    พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คำนมัสการพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ<o:p></o:p>
    อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ, วิชชา จะระณะสัมปันโน, สุคะโต โลกะวิทู, อะนุตตะโร, ปุริสะทัมมะสาระถิ, สัตถา เทวะมะนุสสานัง, พุทโธ ภะคะวาติฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย, อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บทสวดมนต์สอนเจ้ากรรมนายเวร และเพื่อให้เกิดพลังคุ้มครองตัวเองและผู้ป่วย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สัพเพ สัตตา อะเวรา โหตุ, อัพพยาปัชฌา โหตุ, อะนีฆา โหนตุ, สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ (เมตตา)<o:p></o:p>
    สัพเพ สัตตา สัพพะทุกขา ปะมุญจันตุ (กรุณา)<o:p></o:p>
    สัพเพ สัตตา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ (มุทิตา)<o:p></o:p>
    สัพเพ สัตตา กัมมัสสะกา, กัมมะทายาทา, กัมยะโยนี, กัมมะพันธู, กัมมะปะฏิสะระณา, ยัง กัมมัง กะริสสันติ, กัลป์ยาณัง วา ปาปะกัง วา, ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ (อุเบกขา)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทุกกะโต ทุกขะฐานันติ วะทันติ พุทธา, นะ หิ เวเรนะ เวรานิ, สัมมันตีธะ กุทาจะนัง, อะเวเรนะ จะ สัมมันติ, เอสะ ธัมโม สะนันตะโนฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พุทโธ พุทธัง รักษา, ธัมโม ธัมมัง รักษา, สังโฆ สังฆัง รักษา, พุทโธ พุทธัง อะระหัง, ธัมโม ธัมมัง อะระหัง, สังโฆ สังฆัง อะระหัง, พุทโธ พุทธัง กัณหะ, ธัมโม ธัมมัง กัณหะ, สังโฆ สังฆัง กัณหะ, อายุ วัณโร สุขัง พะลัง ภะวันตุ เมฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นะสาเปเส พุรุอะกัง, ปะริปัตตัง ปะริขันตัง, มัจจุราชา นะ ภาสะติ, มัจจุราชา นะ ปัสสะติฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุญญะโต โลกัง อะเวกขัสสุ (ชื่อข้าพเจ้า หรือชื่อผู้ป่วย) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช, สะทา สะโต เอวัง โลกัง อะเวกขันตัง, มัจจุราชา นะ ปัสสะติฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อิมัง สัจจะวาจัง อะธิฏฐามิ, ทุติยัมปิ อิมัง สัจจะวาจัง อะธิฏฐามิ, ตะติยัมปิ อิมัง สัจจะวาจัง อะธิฏฐามิฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    โย ทัณเฑนะ อะทัณเฑสุ, อัปปะทุฏเฐสุ ทุสสะติ, ทะสันนะมัญญะตะรัง ฐานัง, ขิปปะเมวะ นิคัจฉะติ, <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เวทะนัง ผะรุสัง ชานิง, สะรีรัสสะ จะ เภทะนัง, คะรุกัง วาปิ อาพาธัง, จิตตักเขปัง วะ ปาปุเณ,<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ราชะโต วา อุปะสัคคัง, อัพภักขาณัง วะ ทารุณัง, ปะริกขะยัง วะ ญาตีนัง, โภคานัง วะ ปะภังคุณัง,<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อะถะ วาสสะ อะคารานิ, อัคคิ ฑะหะติ ปาวะโก, กายัสสะ เภทา ทุปปัญโญ, นิระยัง โส อุปะปัชชะติฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หันทะทานิ ภิกขะเว, อามันตะยามิ โว ภิกขะเว, วะยะ ธัมมา สังขารา, อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถาติ, อะยัง ตะถาคะตัสสะ ปัจฉิมา วาจา ฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อุททิฏฐัง โข เตนะ ภะคะวะตา, ชานะตา ปัสสะตา, อะระหะตา สัมมาสัมพุทเธนะ, โอวาทะปาติโมกขัง, ตีหิ คาถาหิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา, นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา, นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี, สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต, สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง, กุสะลัสสูปะสัมปะทา, สะจิตตะปะริโยทะปะนัง, เอตัง พุทธานะสาสะนังฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต, ปาติโมกเข จะ สังวะโร, มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสสมิง, ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง, อะธิจิตเต จะ อาโยโค, เอตัง พุทธานะสาสะนันติฯ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    คำแปล<o:p></o:p>
    ขอให้สรรพสัตว์ผู้เป็นเพื่อนร่วมทุกข์, เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น, อย่ามีเวรต่อกันเลย, อย่าพยาบาทปองร้ายกันเลย, อย่ามีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย, ขอให้มีความสุขกาย สุขใจ, รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด (แผ่เมตตา)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอให้สรรพสัตว์ ฯ จงพ้นจากความทุกข์โดยประการทั้งปวงเถิด (แผ่กรุณา)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอให้สรรพสัตว์ ฯ อย่าได้ปราศจากและอย่าได้พลัดพราก, จากสมบัติและบุคคล, ที่เป็นที่รัก ที่ตัวมีอยู่เถิด (แผ่มุทิตา)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สรรพสัตว์ ฯ มีกรรมเป็นของตน, มีกรรมเป็นผู้ให้ผล, มีกรรมเป็นกำเนิด, มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย, ทำกรรมใดไว้, จะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม, จักได้รับผลแห่งกรรมนั้น (แผ่อุเบกขา)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างตรัสสอนไว้ว่า ทำทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นจะมาถึงตน เวรจะระงับด้วยการจองเวร มันเป็นไปไม่ได้ ในกาลเวลาใดก็ตามหรือในกาลไหน ๆ ก็ตาม เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรเท่านั้น ที่กล่าวมานี้เป็นคำสอนที่สืบต่อกันมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลแล้ว (ซึ่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต่างก็ทรงยอมรับว่า มันเป็นจริงอย่างนั้น)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอคุณพระศรีรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ปกป้องคุ้มครองรักษา ทั้งคุณญาณบารมีของพระอริยะผู้ทรงอภิญญาทั้งหลาย ช่วยปกป้องคุ้มครอง ช่วยให้มีอายุยืนยาว มีผิวพรรณผ่องใส มีความสุข และมีพลังคุ้มครอง เป็นเหตุให้เกิดความปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งหลาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทั้งเป็นเหตุปัจจัยช่วยให้เกิดพลังปาฏิหาริย์อันเป็นอัศจรรย์ ทำให้พญามัจจุราชไม่พูดถึง และมองไม่เห็น (ชื่อข้าพเจ้า หรือชื่อผู้ป่วย) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดชมหาราช <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นี่แน่ (ชื่อข้าพเจ้า หรือชื่อผู้ป่วย) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เธอจงมองโลกหรือตัวเองให้ว่างเปล่า ไม่มีตัวตน เมื่อเข้าใจมองโลกหรือตัวเองว่า ว่างเปล่า ไม่มีตัวตน พญามัจจุราชจะมองไม่เห็น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอกล่าวย้ำอธิษฐานขอให้เป็นจริงอย่างนั้น อย่างแท้จริง ขอกล่าวย้ำเป็นครั้งที่ ๒ เป็นครั้งที่ ๓<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผู้ใดใช้อาชญาคุกคามประทุษร้ายท่านผู้ปลอดอาชญา ไม่ประทุษร้ายตอบ ผู้นั้นย่อมประสบเหตุทุกข์ร้อน ๑๐ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยพลันทีเดียว คือ<o:p></o:p>
    ๑. ได้รับทุกข์ทรมานอย่างแรงกล้า<o:p></o:p>
    ๒. ถูกทำร้ายร่างกาย<o:p></o:p>
    ๓. ล้มป่วยลงอย่างหนัก<o:p></o:p>
    ๔. วิกลจริต จิตฟุ้งซ่าน<o:p></o:p>
    ๕. เกิดเหตุขัดข้องจากทางราชการ<o:p></o:p>
    ๖. ถูกใส่ร้ายป้ายสีให้ได้รับความเสียหาย<o:p></o:p>
    ๗. สิ้นญาติขาดมิตร<o:p></o:p>
    ๘. ทรัพย์สมบัติมีอันพินาศฉิบหาย<o:p></o:p>
    ๙. ไฟป่าลุกลามเข้ามาไหม้บ้านเรือน<o:p></o:p>
    ๑๐. สุดท้ายตายแล้วไปเกิดในนรก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    มานี่ซิภิกษุทั้งหลาย มา ณ บัดนี้ ฉันขอเตือนพวกเธอทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลาย (คือสิ่งที่ประกอบด้วยรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ปรุงแต่งให้เป็นตัวตน) มีความเสื่อมสิ้นสลายไปเป็นธรรมดา พวกเธอพึงดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท (คือให้ มีสติควบคุมอยู่เสมอ อยู่กับปัจจุบัน ด้วยความมีสติอยู่เสมอ) นี้เป็นคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งตรัสสอนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะปรินิพพาน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระพุทธองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาคุณ ทรงตรัสรู้เห็นแจ้ง กำจัดกิเลสโดยพระองค์เอง ได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ คือ หลักคำสอนสำหรับผู้จะปฏิบัติตนเพื่อความหลุดพ้นจากกิเลสเป็นหลักการ โดยย่อว่า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ต่างก็ตรัสสอนว่า ผู้ที่มุ่งต่อพระนิพพาน อันเป็นบรมสุข ต้องมีความอดทน เพียรพยายามเผาทำลายกิเลสให้สิ้นไป เพียรพยายามด้วยความอดทนอดกลั้นอย่างแรงกล้า จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย (หากจะเร่งปฏิบัติตนเพื่อบรรลุเป้าหมาย) บำเพ็ญตัวเป็นนักบวชก็ขอให้เป็นนักบวชที่แท้จริง ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน สงบกาย วาจา ใจ ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำบาปโดยประการทั้งปวง ทำแต่กุศล ชำระจิตใจให้สะอาดผ่องใส ที่กล่าวมานี้ เป็นคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทั้งไม่กล่าวใส่ร้ายใคร ไม่ทำร้ายใคร รักษาศีลของตนให้บริสุทธิ์ รู้จักประมาณตนในการฉัน การบริโภค (ใช้สอยปัจจัย ๔) ยินดีอยู่อาศัยในที่ที่เงียบสงัด เพียรพยายามบำเพ็ญภาวนาให้เกิดภาวนามยปัญญาที่แท้จริง นี่แหละคือ คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ที่มา : คณะศิษยานุศิษย์รับมาจาก พระอาจารย์ ดร. สิงห์ทน นราสโก วัดป่านานาชาติ มิเนโซต้า<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...