ด้วยรัก...ฉันจักให้ ความเชื่อใจมิคลายคลอน...

กระต่ายน้อย คอยใคร ในกระทู้
เฝ้าแลดู มิเห็นเงา เศร้าสุดแสน
แม้นหมายจันทร์ ก็ฝันเปล่า นั่งเหงาแทน
ได้แต่แหงน หน้าคอยชม แสนตรมตรอม


กลอนพาไปอีกแล้วค่ะ ว่าจะตอบ ๒ บทก็หาคำไม่ได้ ^_____^

 

ครูติงติงก็ใช่ย่อย.({)

 

ฉันมาหาความหมายของชีวิต
ถูกหรือผิดเหตุผลมีให้ชี้หา
เกิดมาแล้วกว่าจะดับมรณา
ฉันนั้นอยากจะสร้างคุณค่าของลมหายใจ
....................................
ไม่อยากหายใจทิ้งไปในแต่ละวัน.เท่านั้นเอง
ปล.มีใครเห็นพี่สุรินทร์ไหมคับ? พี่เค้าหายไปไหน? ไม่สบายอ่ะป่าว?:'(

 

...กระต่ายน้อย คอยใด ใครจะรู้
ลองถามดู ดีไหม ได้ไม๊หวา
แล้วจะพูด อย่างไร ใครถามมา
กระต่ายป่า พูดจา ภาษาไทย



กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

...ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึงมาหาความหมาย
ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว

ขอบคุณท่านวิยากร เชียงกูร เจ้าของบทกวีครับ

ต้องไปกวาดถูศาลาวัดแล้ว เดี๋ยวจะมาตอบให้อีกนะครับ
ต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยว ๔.๒๐ ต้องเชียร์วอลเลย์บอลอีก ๕๕๕


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

เฝ้าถามหา คุณสุรินทร์ ทุกถิ่นที่
ถามน้องพี่ ทุกกระทู้ ว่าอยู่ไหน
ถามดาวเดือน บนฟ้า นภาไกล
เฝ้าถามไถ่ สกุณา ช่วยข้าที

 

ภาษาจิต สื่อได้ ไม่จำกัด
สารพัด ภาษา อย่าสงสัย
ไฉนเลย จะเอ่ยหา ภาษาไทย
ภาษาไหน ก็ฟังออก ไม่หลอกลวง

...นะ...กระต่ายป่า ^_^

 

ภาระงาน วันนี้ ที่มีอยู่
เฝ้ากวาดถู ศาลา น่าอาศัย
เชียร์กีฬา ก่อนหนา ยอดยาใจ
ต้องรีบไป ทำงานก่อน ค่อยจรมา

อนุโมทนาบุญกวาดถูศาลานะคะ สมัยเด็กๆวันเสาร์-อาทิตย์ติงก็ไปทำเป็นประจำค่ะ

 

...ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว

อันกระดาษ แผ่นนี้ ที่ถืออยู่
ได้เพราะครู อาจารย์ ท่านสอนสั่ง
ตั้งใจเรียน เพียรศึกษา ตั้งตาฟัง
นั่งตาตั้ง หูผึ่ง ซึ้งน่าดู

 

กระดาษแผ่นเดียว .. ปกติจะหมายถึง ใบประกาศนียบัติ สำหรับคนที่เรียนจบ ครับ

กลอนบทนี้ ถ้าเป็นคำกล่าวจากพ่อแม่ที่ส่งลูกไปเรียนจะเข้ากว่ามาก
เพราะพ่อแม่ส่งเงินให้ลูกไปเรียน ไม่รู้ว่าที่เรียนมันมีอะไรบ้าง
แต่สุดท้ายลูกได้เอากระดาษแผ่นเดียวกลับมาให้

เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องราวที่ดี ยังต้องมีเนื้อเรื่องรองรับหลายมิติ
ไม่ใช่เพียงบทคล้องจองที่เข้ากันได้อย่างเดียว หรือใช้คำหวานๆ เท่านั้น

 

ขอบคุณมากค่ะคุณTheVisionMind
ติงตีความว่า"กระดาษแผ่นเดียว"หมายถึงใบปริญญาบัตรค่ะ ^^
สมัยเรียนปริญญาตรีกลอนบทนี้ฮิตมาก
จะมีรูปพ่อผู้เฒ่าที่เป็นชาวนาประกอบ
อ่านแล้วนึกภาพออกเลยค่ะ บางทีรู้สึกเจ็บปวดนิดๆ

ความจริง ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยในสมัยก่อน
ให้อะไรเราได้มากจริงๆ
เด็กบ้านนอกคอกนาอย่างติง
ต้องขอบพระคุณ ครูบาอาจารย์ที่ท่านได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้
จนได้นำความรู้มาประกอบสัมมาอาชีพ
มาพัฒนาการศึกษาของชาติ
คิดถึงครูอาจารย์และสถาบันเสมอค่ะ

 

รองศาสตราจารย์ วิทยากร เชียงกูล เกิดเมื่อ พ.ศ. 2489 ที่อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี เรียนจบชั้นมัธยมปลายที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2512 และปริญญาโท จากสถาบันศึกษาสังคม เมืองเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์

เป็นผู้เขียนบทกลอน "เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน" เมื่อ พ.ศ. 2511 ซึ่งมีท่อนติดปากว่า "ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึง มาหา ความหมาย ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว" บทกลอนนี้ได้กลายเป็นข้อเขียนหนึ่งในหลายชิ้น ที่มีอิทธพลต่อการเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาในช่วงนั้น ซึ่งต่อมาได้พัฒนาไปสู่การเรียกร้องประชาธิปไตย ในเหตุการณ์ 14 ตุลา พ.ศ. 2516 และ เหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ. 2519

ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/วิทยากร_เชียงกูล

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=W85PhStwfDs"]??????????????????????! - YouTube[/ame]

 

หนุ่มยาดองเป็นเพื่อนรักดิฉันค่ะ เค้าอยู่ทางเหนือ เราสนิทกันมาปีนี้ เข้าปีที่4หล่ะ
หนุ่มยาดองเป็นเพื่อนกับคุณสุรินทร์ เขาทั้ง2เป็นคู่ซี้กันมานานแล้ว ปีนี้เข้าปีที่2หล่ะ.(เรื่องก็มีเท่านี้)

 

ปัญญา มีขาย ที่นี่หรือ
จะแย่งซื้อ ได้ที่ไหน
อย่างที่โก้ หรูหรา ราคาเท่าใด
จะให้พ่อ ขายนา มาแลกเอา

ฉันมา ฉันเห็น ฉันแพ้
ยินแต่ เสียงด่า ว่าโง่เง่า
เพลงที่นี่ ไม่หวาน เหมือนบ้านเรา
ใครไม่เข้า ถึงพอ เขาเยาะเย้ย

นี่จะให้ อะไร กันบ้างไหม
มหาวิทยาลัย ใหญ่โตเหวย
แม้นท่าน มิอาจให้ อะไรเลย
วานนิ่งเฉย อย่าบ่นอย่าโวยวาย

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว

มืดจริงหนอ สถาบัน อันกว้างขวาง
ปล่อยฉัน อ้างว้าง ขับเคี่ยว
เดินหา ซื้อปัญญา จนหน้าเซียว
เทียวมา เทียวไป ไม่รู้วัน

ดอกหางนกยูง สีแดงฉาน
บานอยู่เต็ม ฟากสวรรค์
เกินพอ ให้เจ้าแบ่งปัน
จงเก็บกัน อย่าเดิน ผ่านเลยไป​

 

บทกลอนด้านบนเขียนขึ้นโดยนักศึกษาธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ยูงทอง 27 มิถุนายน พ.ศ. 2511 พิมพ์ครั้งต่อมาในหนังสือรวมเรื่องสั้น และบทกวีชื่อ ฉันจึงมาหาความหมาย พ.ศ. 2514 ซึ่งเป็นหนังสือที่มีการพิมพ์ซ้ำอีก 12 ครั้ง ในช่วงปีพ.ศ. 2515-2542

 

ถ้าตีความตามกลอนนั้น
ก็น่าจะเป็นไปได้ สอง อย่าง คือ

1) อาจจะเขลาจริงๆ เพราะจบมาแลัว แต่กลับไม่รู้ว่าเรียนอะไรมาบ้าง

2) สถานศึกษาไม่ดี อันนี้โดนหลายประเด็น
2.1) ถ้าเด็กไม่ได้อะไรเลย จริงๆ ไม่น่าให้จบได้
2.2) หรือไม่ หลักสูตรง่ายเกินไปอ่อนเกินไป แค่เปิดหนังสืออ่านก็สอบผ่านได้ง่ายๆ

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ
พออ่านชื่อคุณหนุ่มยาดอง
ก็อดคิดถึงเหล้าดองยาไม่ได้สักที ^-^

 

ขอบคุณที่กรุณาสรุปความหมายของคำประพันธ์มาให้นะคะ
ซึ่งน่าคิดมากสำหรับสถาบันทางการศึกษาและผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย
สำหรับติง ถ้าจะให้เขียนความหมายของบทกลอนหนึ่งบทนี้ อาจใช้เวลาเป็นวันๆ และใช้เวลาอีกสองสามวันในการขัดเกลา ให้ได้ความหมายตามที่คิดจริงๆ จึงไม่กล้าแม้แต่จะอธิบายเองค่ะ
ขอบคุณจริงๆ...