ด้วยรัก...ฉันจักให้ ความเชื่อใจมิคลายคลอน...

เหตุการณ์ที่บ้านเมื่อตอนหัวค่ำ
อังกอร์: ห้ะไฟดับอีกแล้ว ทำไมชอบดับตอนที่พี่จะสอบทุกทีเลย ยายยT-T จุดไฟอีกแล้วใช่ไหม
ยาย: มันกำลังอวยพรให้หนูอยู่ว่าถ้าหนูไม่ขยันอนาคตก็จะดับเหมือนไฟ
อังกอร์: โฮ! ยายสุดยอดเลยหนูชอบ 55

เด็กๆที่โรงเรียนค่ะ

 

ฤดูฝน ไม่เพียงแต่ชาวบ้านที่ลำบาก
พระท่านก็เช่นกันค่ะ

 

ลองดูหรือเปล่าคะ

 

ทานแตงโมกันมั้ยคะ

 

ผมเป็นผู้รู้น้อย ด้อยปัญญาครับคุณครู หลักวิชาการอะไรๆ ก็ไม่ค่อยจะมีกับใครเขา ก็คิดๆอยู่ว่า จะวางอุเบกขากับคำถามของครู จะดีไหมเนี่ย? แต่ดูไปดูมา เอ๊ะ ครูเขาถามเอาจริง เอาจัง นี่นา อย่ากระนั้นเลย ก็ต้องเข้ามาคุยกันตามระเบียบ (ระเบียบของใคร ยังไง ก็ยังงงๆ)

เรื่องของอุเบกขานี้ เห็นจะกล่าวถึงกันสองแนว คือ เรื่องของอุเบกขาที่เป็นอารมณ์ของสมาธิ ในระดับฌานที่ ๔ กับอีกอย่างหนึ่ง คือเป็นข้อธรรม ๑ ใน ๔ อย่าง ในหมวดของพรหมวิหารธรรม

เนื่องด้วยไม่ค่อยจะมีปัญหากับอุเบกขานัก เพราะคุ้นเคยมาแต่สมัยปลีกวิเวก เดินดง ท่องไพร ที่ยึดเอาอารมณ์ของความสงบเป็นที่ตั้ง ใจมันเป็นอุเบกขาไปเองหล่ะครับครู เพราะอาศัยทรงกำลังของสมาธิเอาไว้

ในส่วนของถ้าเป็นใจธรรมดา ที่สอดส่ายไปตามอารมณ์ใจ ย่อมเป็นธรรมดาอยู่เอง ที่จะรู้สึกไหวไปตามสิ่งที่มากระทบใจ ดังนั้น หากจะทรงพรหมวิหารธรรม ไว้ประจำใจล่ะก้อ เรื่องของหัวข้อ ทั้ง ๔ กล่าวได้ว่า ส่วนสำคัญจะอยู่ที่อุเบกขานี่ล่ะ

ผู้ที่จะทรงอุเบกขาให้ดีได้ ต้องทำตัวให้เป็นผู้มีใจหนักแน่น รู้จักความเป็นไปได้ ความเป็นไปไม่ได้ของสภาวการณ์ และต้องมองด้วยความเข้าใจว่าความเป็นไปของสัตว์โลกนั้น นับเนื่องด้วยกฏแห่งกรรมเป็นสำคัญ

เมื่อทำใจให้ยอมรับนับถือความเป็นธรรมดาของโลกได้อย่างนี้แล้ว ก็จะทำให้เป็นผู้รู้จักประมาณตนเอง การณ์ใดที่จะให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ได้ ก็จะให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ไป สำหรับในส่วนที่เกินกำลัง ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ได้ ก็ต้องมีความเข้าใจ ยอมรับและไม่รู้สึกว่ามีความทุกข์เกิดขึ้นในใจ ตรงนี้สำหรับตัวเอง เห็นว่าเป็นหลักการสำคัญ ของผู้เข้าถึงอุเบกขาธรรม

การเข้าถึงอุเบกขาธรรม จะทำให้คุณธรรมใน ๓ ข้อแรก คือเมตตา กรุณา มุทิตา มีความสมดุล และจะทำให้ใจมีความสงบร่มเย็นด้วยธรรมะข้อพรหมวิหาร นี้ เป็นอย่างยิ่งทีเดียว เชียวล่ะครับ คุณครูครับ!!!!!!!

 

แปลกใจ อัศจรรย์ นักหนา...............เวลา ผ่านไป ให้ฉงน
สอนเด็ก ไม่รู้ อับจน.....................เหตุผล พีระมิด คาใจ

ก่อสร้าง ยิ่งใหญ่ น่าพิศ..................พิเคราะห์ นิ่งคิด สงสัย
พิเศษ กว่าสิ่ง ใดใด......................สิ้นไร้ ปัญญา ตรึกตรอง

หากลอง ย้อนดู อดีต.....................จารีต ไปตาม ครรลอง
แดนดิน ท้องถิ่น เรืองรอง................ปกครอง โดยองค์ จอมไชย

เสริมสร้าง กำเนิด ยุคทอง................เนืองนอง เลือดเนื้อ พลไกร
สละชีพ รองบาท มอบไว้.................ทบไท้ ศรัทธา ฟาโรห์

ก่อเกิด ผลงาน ในหล้า...................สร้างมา เอาไว้ อักโข
เหตุการณ์ นับเนื่อง เกินมโน..............ภิญโญ ยิ่งยวด ยืนยง​

 

การขนหินก้อนใหญ่แต่ละก้อนนั้น น่าฉงนเพราะ
ไม่มีการค้นพบว่าในสมัยนั้นมีเทคโนโลยีการใช้ล้อมาก่อนเลย
รวมทั้งหลักฐานแม้ในแผ่นจารึกก็ไม่มี
และแม้จะการใช้สัตว์มาช่วยขนก็ไม่มีหลักฐานปรากฎ
จึงน่าสงสัยว่าคนอิยิปต์โบราณขนหินกันอย่างไร



*หากพิจารณาสภาพพื้นที่ ที่เป็นทะเลทรายเสียส่วนใหญ่แล้ว
จะพบว่าการทำล้อรถจะมีปัญหาล้อจมทราย ซึ่งหากจะอยากใช้ล้อ
ก็ต้องสร้างทางพื้นแข็งเสียก่อนอีก

ดังนั้น ผมกลับคิดถึงสิ่งที่เป็นพื้นฐานของคนโบราณมากกว่า
ที่สามารถลากไหลไปบนพื้นทรายเลยมากกว่า ..
สิ่งที่ผมกำลังอยากสันนิษฐาน (แต่คงไม่ได้พิสูจน์) ก็คือเรือต้นกก

เพราะว่าเส้นทางขนหินใหญ่บางชิ้นมีการขนผ่านทางแม่น้ำ
ซึ่งเรือจะขนหินน้ำหนักหลายตัน จะต้องสร้างเรือใหญ่เพื่อช่วยพยุงไม่ให้เรือจม
ดังนั้น ผมกำลังคิดว่า ถ้าทำเรือท้องพื้นแบนให้ลอยไหลเลื่อนไปบนพื้นทราย
เลยล่ะ โดยเรือต้องยาวใหญ่เพื่อไม่ให้จมพื้นทรายด้วยเช่นกัน
น่าจะช่วยประหยัดแรงในการขนย้ายหินใหญ่เหล่านี้ได้

 

อ่านด้วยความตั้งใจ
คุณยอยุทธกรุณาอธิบายได้กระจ่างชัด
ขอบพระคุณมากนะคะ
เมื่อใดที่แพ้ใจตนเอง
สงสารจนหดหู่...
หรือเสียใจที่ช่วยไม่ได้
จะรีบนำคำสอนนี้ไปใช้ค่ะ
ความจริงน่าจะนำไปเตือนใจ
ก่อนที่จะรู้สึกไม่ดีด้วยซ้ำนะคะ
คือรีบวางก่อนที่จิตจะเศร้าหมอง

 

แปลกใจ อัศจรรย์ นักหนา...............เวลา ผ่านไป ให้ฉงน
สอนเด็ก ไม่รู้ อับจน.....................เหตุผล พีระมิด คาใจ

ก่อสร้าง ยิ่งใหญ่ น่าพิศ..................พิเคราะห์ นิ่งคิด สงสัย
พิเศษ กว่าสิ่ง ใดใด......................สิ้นไร้ ปัญญา ตรึกตรอง

หากลอง ย้อนดู อดีต.....................จารีต ไปตาม ครรลอง
แดนดิน ท้องถิ่น เรืองรอง................ปกครอง โดยองค์ จอมไชย

เสริมสร้าง กำเนิด ยุคทอง................เนืองนอง เลือดเนื้อ พลไกร
สละชีพ รองบาท มอบไว้.................ทบไท้ ศรัทธา ฟาโรห์

ก่อเกิด ผลงาน ในหล้า...................สร้างมา เอาไว้ อักโข
เหตุการณ์ นับเนื่อง เกินมโน..............ภิญโญ ยิ่งยวด ยืนยง

ก่อสร้าง ผลงาน ล้ำเลิศ..............บรรเจิด ก้องหล้า พาหลง
ชวนพิศ ใคร่ครวญ ทุกองค์..............ประสงค์ สิ่งใด ใจเอย

ทัชมาฮาล ตระหง่าน คู่ฟ้า..............นำพา ให้มา เฉลย
ยิ่งใหญ่ สวยงาม น่าเชย..............เฉลย ที่มา อาดูร

 

คุณVisionMindเสนอแง่คิดที่น่าสนใจมากค่ะ
ความจริงสมัยเด็กๆ ติงเรียนม.ต้น
เป็นคนช่างสงสัย
ติดตามอ่าน"ต่วยตูนพิเศษ"
ที่นำเสนอเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง
ถ้าย้อนเวลาได้
ก็อยากไปดูนะคะ

 

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/gDBZkPcgtNE" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

"สาวน้อยบาสเก็ตบอล"
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=403784

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=tbYhhDFuZTY]An Amazing Girl - Qian Hong Yan ( Extraordinary Girl ) - YouTube[/ame]

 

ขอบคุณมากค่ะคุณสุรินทร์ ติงชื่นชมมากค่ะ ดูแล้วจะร้องไห้
น้องเข้มแข็งจริงๆ
อยากให้เด็กไทยเราอดทนและเข้มแข็งอย่างนี้บ้างค่ะ

 

She attends her class
เธอยังไปเรียนหนังสือด้วย

หากมองในด้านบารมีของเธอ ในสภาพที่ทนได้ยาก

แต่ยังคงไว้ด้วยรอยยิ้มอันสดใส จิตใจเธอ ช่างน่ากราบ น่านับถือจริงๆ

Qian Hong Yan - เฉียน หง เยี่ยน​

 

เห็นรอยยิ้มของเธอแล้ว
ช่างสดชื่นมากๆนะคะคุณสุรินทร์

 

Qian Hongyan ► Wonderful Girl In The World

 

หลายวันก่อน ผมเห็นภาพในโพสนี้ครับ ว่าเธอคือใคร ?

และด้วยความอยากรู้ ความเป็นมา

 

<IMG src='http://palungjit.org/attachments/a.3247082/' width=550>


ภาพนี้ :
Teacher Ting Ting & Qian Hong Yan ​