-
เทวดาตามคติความเชื่อในศาสนา่ต่างๆ
เทวดาตามคติความเชื่อของชาวพุทธ
การใช้คำว่า "
เทพ หรือ เทวดา" ครอบคลุมถึงพรหมทั้งหลายในพรหมโลกด้วย โดยแบ่งเป็น
- เทวดาชั้นกามาวจร (ผู้ที่ยังเกี่ยวข้องกับกาม) อยู่บนสวรรค์ชั้นฉกามาพจร หรือสวรรค์ที่ยังเกี่ยวข้องกับกามซึ่งมี 6 ชั้น คือ จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และปรนิมมิตสวัตดี
- เทวดาชั้นรูปจร หรือ รูปพรหม 16 ชั้น เป็นเทวดาที่ยังมีกายทิพย์อยู่
- เทวดาชั้นอรูปจร หรือ อรูปพรหม เป็นเทวดาซึ่งไม่มีกายทิพย์
การเกิดเป็นเทวดา
การเกิดเป็นเทวดาไม่ต้องผ่านครรภ์มารดา แต่จะเกิดกายเป็นเทวดาเลย เรียกว่าโอปาติกะ มนุษย์จะ้เกิดเป็นเทวดาได้ก็ต่อเมื่อจิตก่อนตายระลึกถึงความดีเล็กน้อยที่เคยทำไว้ในโลกมนุษย์ เกิดเป็นมหากุศลจิต 8
ดวง อันประกอบด้วย หิริ และโอตตัปปะ การบริจาคทาน การฟังธรรม หรือการสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ เป็นต้น
อายุของเทวดา
อายุของเทวดามีหน่วยเป็นปีทิพย์ ประมาณอายุของผู้ที่เกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ไม่เท่ากัน<SUP class=reference id=_ref-0>[1]</SUP> กล่าวคือ
- 500 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้นจาตุมมหาราชิกา ประมาณ 9,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์
- 1,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ประมาณ 4 เท่า จาก 9,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 36,000,000 ปี
- 2,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้นยามา ประมาณ 4 เท่า จาก 36,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 144,000,000 ปี
- 4,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้นดุสิต ประมาณ 4 เท่า จาก 144,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 576,000,000 ปี
- 8,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทดาสวรรค์ชั้นนิมมานรดี ประมาณ 4 เท่า จาก 576,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 2,304,000,000 ปี
- 16,000 ปีทิพย์ เป็นประมาณอายุของเทวดาสวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัสตี ประมาณ 4 เท่า จาก 2,304,000,000 ปี ด้วยการคำนวณแห่งปีมนุษย์ จึงเท่ากับ 9,216,000,000 ปี
เครื่องแต่งกายของเทวดา
ชาวไทยที่นับถือพระพุทธศาสนาเชื่อว่าเทวดาแต่งตัวด้วยเครื่องทรง บ้างก็เสื้อคลุมสีขาว สวมหมวดยอดแหลม เืหมือนพระยาแรกนาขวัญ ในพิธีพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ บ้างก็ใส่เครื่องทรงประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดา มงกุฎยอดแหลม และสร้อยสังวาลย์
ความเป็นทิพย์ของเทวดา
เทวดาไม่ีมีกายเนื้อ จึงไม่เจ็บไม่ไข้ มีรูปโฉมงดงามจนดูเหมือนกันไปหมด สามารถคงความหนุ่มสาวอยู่เช่นนั้นตลอดอายุขัย อยากได้อะไรก็เพียงนึกเอาเท่านั้น เช่้นว่าอยากให้อิ่มก็ไม่ต้องทานอาหาร เพียงแต่นึกเอาก็อิ่มแล้ว เรียกว่า อิ่มทิพย์
การทำความดีของเทวดา
ชาวพุทธถือว่า เทวดาบนสรวงสวรรค์เป็นภพภูมิที่เสวยสุขอย่างเดียว ไ่ม่สามารถทำความดีได้มาก เนื่องจากไม่มีกายเนื้อ แต่สามารถติดตามผู้ที่ำทำความดีอย่างสม่ำเสมอได้ เพื่ออนุโมทนาบุญ สามารถสวดมนต์และฟังธรรมได้
เมื่อเทวดาหมดบุญแล้วก็ต้องไปจุติในภพภูมิอื่นๆต่อไป ผู้ที่เป็นเทวดาถือว่าการเกิดในโลกมนุษย์เป็นสุขคติภูมิของตน เพราะมนุษย์มีกายเนื้อ สามารถทำความดีได้มาก
เทวดาตามคติความเชื่อของชาวคาทอลิก
ตามความเชื่อถือของเหล่าชาวศาสนาคริสต์หรือชาวคาทอลิก นั้นเชื่อว่า เทวดามีหน้าที่ต่างๆกัน โดยท่าน ท่านเดนิสแห่งอาโรปาไกท์ (Dionysius the Areopagite d.ca. 500) ได้แบ่งลำดับชั้นหรือฐานดรของเหล่าเทวดาเหล่านี้ไว้ 3 ชั้น(เอก,โท,ตรี)แต่ละชั้นก็มีอีก 3 คณะที่ทำหน้าที่ต่างๆกัน ดังน้น จึงถือว่าเทวดามียศต่างๆกันถึง 9 ลำดับ ซึ่งจากหน้าที่อ้างอิงเรื่องเทวดา เรียกรวมๆว่าเทวัญ เพราะเทวดาก็ถือเป็นชื่อชั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ในบทความนี้จึงเรียกเทวดาว่าเทวัญด้วย
ชั้นเอก วงศ์ที่ 1
ประกอบไปด้วย
- Seraphim (เซราฟิม/ทูตสวรรค์ตำแหน่งสูง)
- Cherubim (เชราบิม หรือ เชรับ/เทวดา)
- Thrones (Ophanim) (ธรอนเนส หรือ โอฟานิม)
คณะเซราฟิม (Seraphim)
เทวัญ หรือ สิ่งมีชีวิตของพระเจ้าจากคัมภีร์เก่า เกี่ยวพันกับ เชรับ(Cherubim) รากศัพท์มาจากคำว่า seraph อันแปลว่าลุกไหม้ ที่ได้ชื่อนี้เพราะมีแสงสว่างอันเจิดจ้า ราวกับกำลังจะลุกไหม้ มีร่างกายสูงใหญ่ มี 6 ปีก 1 คู่สำหรับบิน 1คู่สำหรับปกป้องดวงตาจากการมองพระผู้เป็นเจ้าโดยตรง และอีก1คู่สำหรับปกคลุมเท้า เซราฟิมมักจะอยู่รายรอบบัลลังค์แห่งพระเจ้า ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าที่เรียกว่า "the Thrice Holy" เป็นบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า
คณะเทพ เครูบีม ขณะเฝ้าสวนเอเดน
คณะเครูบิม (Cherubim)
เทวัญนี้มีหน้าที่ดูแลและสนับสนุนบัลลังก์แห่งพระเจ้า หรือทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มครองดูแลปรากฏในไบเบิล (the book of Ezekiel) ผู้ค้ำจุนบัลลังก์แห่งพระเจ้า และ กองทหารรถศึกของพระเจ้า ปรากฏในคัมภีร์เจเนซิส ในฐานะผู้คุ้มครองสวนเอเดน และเพื่อป้องกันไม่ให้มนุษย์กลับมายังสวนอีเดนอีกครั้ง บางครั้งเทวทูตในระดับนี้ก็ปรากฏตัวในรูปแบบของความเมตตากรุณาด้วย ในคติความเชื่อของยิวและคริสต์เชรับ เป็นเทพระดับถัดมาจากเซราฟิมมี 4 ปีก 4 ใบหน้า ได้แก่ มนุษย์ วัว สิงโต อินทรี โดยปกติจะสวมชุดยาวสีน้ำเงิน ในขณะที่เซราฟิม สวมสีแดง
คณะบัลลังก์ (Throne)
ตามนิทานของชาวยิวเทวัญคณะนี้มี 70 ตำแหน่ง คอยปกป้องพระบัลลังก์ของพระเจ้า เทวัญเหล่านี้บางองค์ได้มีส่วนสมคบกัน ก่อกบฏต่อพระเจ้าและได้กลายเป็นปีศาจหรือเทวัญตกสวรรค์ไปก็มี จะเห็นได้ว่าแม้สมาชิกสวรรค์เองก็เห็นผิดเป็นชอบได้เหมือนกัน
ชั้นโท วงศ์ที่ 2
ประกอบไปด้วย
- Dominions (Hashmallim) (โดมิเนียนส์-อัชมาลลิม)
- Virtues (Tarshishim) (เวอชิว-ทาร์ชิชิม/ความดี)
- Powers (พลัง/เอตามที่เขาเขียนไว้ จะหมายถึง พลังธรรมชาติ หรือ พลังอำนาจ ก็มิอาจรู้ได้)
คณะหัวหน้า (Dominations)
เทวัญคณะนี้มีหน้าที่คอยจัดสรรและมอบหมายหน้าที่การทำงานให้แก่บรรดาเทวดาต่าง ๆ ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า สัญลักษณ์แห่งอำนาจของพวกเขาคือ คฑาและลูกโลก
คณะคุณธรรม (Virtues)
ตามนิทานของชาวยิว หน้าที่หลักของเทวัญคณะนี้คือการทำอัศจรรย์ต่าง ๆ ในโลก บทบาทนี้พบได้ในหนังสือกิจการอัครธรรมทูต 1.10
คณะอำนาจ (Powers)
เทวัญหมวดนี้มีหน้าที่ดังทหารกล้าคอยต่อสู้กับปีศาจ และคอยปกป้องโลกไม่ให้ตกอยู่ใต้อำนาจของปีศาจ แต่บางครั้งก็พลาดท่าตกเป็นตัวร้ายเสียเองก็มี เช่นที่บันทึกไว้ในจดหมายถึงชาวโรม 8.38-39 ดังนั้นเป็นเทวดาก็มีสิทธิ์พลาดได้เหมือนกันหากหลงตัวเอง
ชั้นตรี วงศ์ที่ 3
อัครเทพกาเบรียลขณะไปบอกพระแม่มารีย์
- Principalities (เทพหลัก)
- Archangels (หัวหน้าเทพ/พบบ่อยมาก)
- Angels (เทวทูต)
คณะปกครอง (Principalities)
ชื่อของเทวัญหมวดนี้มาจากภาษากรีกเก่าซึ่งแปลได้ว่า ผู้ปกครอง (Rulers) ผมจึงแปลเทวัญคณะนี้ว่าคณะผู้ปกครอง หน้าที่ของพวกเขาคือคอยปกป้องศาสนา คอยดลใจบรรดาผู้นำประชาชนให้ตัดสินใจนำผู้อื่นไปในทางที่ถูกต้อง ในพระคัมภีร์กล่าวถึงเทวัญ กลุ่มนี้ว่าเกี่ยวข้องกับอำนาจทั้งทางดีและร้าย (อฟ 6.12: 2.22) มีประมุขได้แก่ อนาเอล ฮามิเอล และ Nisroch (ต่อมาได้กลายเป็นเทพตกสวรรค์) ว่ากันว่า ฮามิเอลเป็นผู้มารับพระศาสดาอีน็อค (Enoch) พามาสู่สรวงสวรรค์หลังจากที่ศาสดาอีนอคถึงแก่กรรม ทูตสวรรค์องค์อื่น ๆ ในวงศ์นี้ ได้แก่ Cervill (เซอร์วิลล์) มีชื่อว่าเป็นเจ้าชายแห่งความแข็งแรง ผู้ช่วยเหลือเดวิดในสงครามที่ปะทะกับ Goliath
คณะอัครเทวดา (Archangels)
เทวัญเหล่านี้ถ้าแปลตามตำแหน่งก็แปลได้ว่าหัวหน้าเทวดา แต่หน้าที่จริง ๆ นั้นไม่มีใครทราบ มีบันทึกถึงบทบาทและ ชื่อ ของอัครเทวดาเหล่านี้ว่ามี เทพมีคาเอล (ได้ปราบเทพกบฏอื่น ๆ) เทพราฟาเอล (ในหนังสือโทบิต) เทพกาเบรียล (ช่วยดาเนียลเข้าใจนิมิตที่เห็น และเป็นผู้นำสาส์นมาแจ้งแก่พระนางมารีย์ถึงการรับเอากายของพระบุตร) หนังสือเอโน๊คบทที่ 1 ได้บอกว่าเทวัญคณะนี้มี 7 องค์คือ มิคาเอล กาเบรียล ราฟาเอล รูริเอล ชามูเอล โยฟิเอล และ แซดคิเอล
คณะเทวดา (Angels)
คำว่าเทวดาที่เราหมายถึงและพบทั่วไปในพระคัมภีร์ก็อยู่หมู่เทวัญคณะนี้ เทวัญคณะนี้มีมากมายและมีหน้าที่หลายอย่างเช่น คอยปกป้องดูแลมนุษย์ คอยทูลพระเจ้าแทนมนุษย์ อารักขเทวดาก็อยู่ในกลุ่มเทวัญคณะนี้เช่นกัน เทวัญคณะนี้มีตัวร้ายอยู่ด้วย (ตามที่พระคัมภีร์บอก) เทวัญที่ชื่อ ซาตาน ก็อยู่ในคณะนี้ เพราะฉะนั้นเทวดาก็มีสิทธิ์เป็นตัวร้ายได้เช่นกัน ให้ระวังเทวัญร้ายในคราบเทวัญดีให้มากไว้
เจ็ดอัครเทวดา
บนสรวงสวรรค์นั้นมีอัครเทวดา อยู่ 7 องค์ คือ มิคาเอล กาเบรียล ราฟาเอล รูริเอล ชามูเอล โยฟิเอล และ แซดคิเอล
Michael (มิคาเอล)
เทพองค์นี้มีเพียงน้อยคนนักที่รู้ตัวตนที่แท้จริงในจิตใจของท่าน ประวัติความจริงทั้งหมดที่ได้บอกความจริงให้รู้ว่าท่านเป็นผู้ที่อิจฉาและริษยาในตัวของ Lucifer ได้ถูกลบออกไปจากประวัติศาสตร์ โดยกลุ่มผู้พิทักษ์ความเชื่อในศาสนาคริสและผู้เขียนพระคัมภีร์หมดแล้ว ซึ่ง Lucifer นั้นถือได้ว่าเป็นอัครเทวดาองค์หนึ่งและเป็นอัครเทวดาองค์แรกที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นมาให้มีรูปงามมากที่สุดเหนือเทวดาทั้งหมด เพื่อต้องการให้เป็นผู้ช่วยงานส่วนใหญ่ของพระองค์อย่างใกล้ชิด และได้รับความรักจากพระองค์มากที่สุด (ถึงแม้ถือว่าเป็นอัครเทวดาองค์หนึ่งแต่ก็ไม่ได้จัดให้อยู่ใน 1 ใน 7 อัครเทวดาเพราะบทบาทส่วนใหญ่จะทำงานใกล้ชิดพระเจ้ามากกว่า)และเพราะสาเหตุนี้เองที่ทำให้มิคาเอลเกิดความริษยาและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดของการใส่ร้าย Lucifer และทำให้เกิดเหตุการณ์ the fallen Angel ครั้งแรกในสงครามสวรรค์ ที่ Lucifer กับเทวดาทั้งหลายที่เชื่อในความดีของ Lucifer ได้ร่วมกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความจริงในสิ่งที่ไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหาและใส่ร้ายโดยมิคาเอล จนในที่สุดก็ได้เกิดความผิดพลาดครั้งแรกขึ้นบนสวรรค์และการตัดสินใจผิดด้วยอารมณ์โทสะของพระผู้เป็นเจ้าจึงทำให้เกิด SATAN LUCIFER และเทวดาต้องคำสาปทั้งหลายที่อยู่ข้าง Lucifer ให้มีสภาพเป็น Demons และต้องตกสวรรค์ในที่สุด.
อัครเทพราฟาเอล
ผู้เฝ้าประตูสวรรค์ และดูแลดวงวิญญาณผู้ตายบนสวงสวรรค์ ผู้นำของกองทัพสวรรค์ และเป็น 1 ใน 7 เทพที่ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ ท่านและ กาบรีเอล (Gabriel ) เป็นอัครเทวดา (Archangel) ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในพระคัมภีร์ ส่วนในคัมภีร์ Aggadah ได้กล่าวเอาใว้ว่าท่านเป็นผู้ปกป้องชาวอิสราเอล บางคนนับถือท่านในฐานะเทพแห่งการ "ปกป้อง"
Raphael (ราฟาเอล)
หนึ่งใน 7 อัครเทวดาผู้ยิ้งใหญ่บนสวรรค์ ปรากฏในพระคัมภีร์ไม่กี่เล่ม ท่านเป็น เทพแห่งการ "รักษา" เพราะมีปรากฏในพระคัมภีร์ว่าท่านได้รักษาตาที่บอดของ ชายชื่อ โทบิด มาแล้ว และยังเป็น 1 ใน 3 เทวฑูตที่มาส่งข่าวให้อับราฮัม อีกด้วย
Gabriel (กาบรีเอล)
หนึ่งใน 7 เทวดาผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ เป็นเทพแห่ง "ข่าวสารจากพระเป็นเจ้า" รวมทั้งยังเป็นเทพแห่งความเมตตา การเกิดใหม่ และเป็นเทพผู้ปกป้องผู้ตายร่วมกับมิคาเอลอีกด้วย ในภาษาฮิบรูจะอ่านชื้อของท่านว่า กาบรี-เอล นะ ท่านเป็นอัคระเทวฑูตที่ส่งข่าวการมาเกิดของพระเยซูคริสต กับพระนางมาเรีย และยังเป็นคนเป่าแตรแห่งการชำระบาปในวัน Judgment Day ด้วย
Uriel (อูรีเอล)
อัครเทวดาที่ผู้คนส่วนมากไม่ให้ความสนใจ แท้ที่จริงแล้วท่านเป็นเทพแห่งการปกป้องพระคัมภีร์ และคำสอน และยังเป็นเทพแห่ง "แสงสว่าง" ส่วนมากท่านจะปรากฏตัวในฐานะผู้ชี้แจง และผู้ที่สั่งสอนสาวกพระเป็นเจ้า ท่านเป็นหนึ่งใน 'watchers' ซึ้งคือ "ผู้เฝ้่ามอง" ท่านยังเป็นเทวฑูตที่อถิบายชะตากรรมของ "เทวฑูตปีกหัก"หรือ "the fallen Angel" ทั้งหลายในพระคัมภีร์ ท่านมักจะเป็นผู้นำทางสาวกที่หลงผิด ในพระคัมภีร์สู่ทางสว่าง และยังเป็น 1 ใน 4 เทพผู้ปกป้องบันลังค์ของพระเป็นเจ้า คนส่วนมากนับถือท่านเป็น "เทพแห่งความรู้"
Sariel (ซารีเอล)
ถ้าอูรีเอลเป็นเทพผู้ถูกลืม อัครเทวฑูตองค์นี้ยิ่งแล้วกว่า เพราะมีไม่มากที่รู้จักท่าน ซึ้งท่านก็เป็น 1 ใน 7 เทวฑูตที่ยิ่งใหญ่บนสวรรค์เหมือนกัน ส่วนมากจะปรากฏในคัมภีร์ของ อิสลาม และ ยิว เสียมากกว่า เป็นเทพแห่งการปกป้อง และ ความสันติสุข ในพระคัมภีร์บอกใว้ว่า ในมหาสงครามบนสวรรค์ เทวฑูตถึงกับเขียนชื่อของท่านใว้บนโล่ของตัวเอง ในพระคัมภีร์บอกใว้ว่าเป็นเทพผู้ปกป้องสวงสวรรค์ และ โลกมนุษย์ (คล้าย ๆ กับ Valkyries ของชาวนอรส์) เป็นเทพแห่ง "ความกล้า" และ "การควบคุม" ขณะที่ในพระคัมภีร์เก่าแก่ของชาวยิว และ สุเมเรียน บ่งบอกว่าท่านเป็น "กาเดี้ยน" หรือผู้ปกป้อง ในพระคัมภีร์ Talmud นั้นบอกใว้ว่าท่านเป็นเทพแห่ง "ความตาย" บางก็บอกว่าท่านเป็น
ราศี Aries หนึ่งในจักราศี นั่นเอง
Remiel (เรมีเอล)
เรมีเอล มีความใกล้เคียงกับ ซารีเอล เป็นเทวฑูตที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และส่วนมากจะปรากฏในคัมภีร์ของ อิสลาม และ ยิว เสียมากกว่า ในพระคัมภีร์ บอกใว้ว่าท่านเป็นผู้ที่เผย "ความจริง" สู่มวลมนุษย์ และ เป็นผู้ควบคุมการมาของวันสิ้นโลก ปรากฏในพระคัมภีร์ "The Apocalypse" (ระหว่างช่วง 200 ปีก่อนคริสตศักราชถึงปีคริสตศักราชที่ 300) ถ้าจะเรียกว่า เป็นเทพแห่งความ "แท้จริง" ก็คงไม่แปลกเพราะ งานของท่านที่ปรากฏในพระคัมภีร์ส่วนมากจะเป็นการบอก "ความจริง" แก่ผู้คน และยังเป็นผู้ที่คอยจำกัดปีศาจอีกด้วย
Raguel (ราเกล)
บ้างก็เรียก ลูฟาเอล ท่านนี้ก็พอๆกับสองท่างข้างบน คือจะปรากฏในคัมภีร์ของ อิสลาม และ ยิว เสียมากกว่า เป็น 1 ใน 7 อัครเทวฑูต บนสวรรค์ ชื่อของท่านเพี้ยนไปต่างต่างนานา (Raguil, Rasuil, Rufael, Suryan, Akrasiel) ซึ้งความหมายที่แท้จริงของท่านคือ" เพื่อนแห่งพระเจ้า" เป็นเทพแห่ง "ความยุติธรรม" "ความถูกต้อง" และ "ความเท่าเทียม" พลังของท่านคือพลังแห่งความสมดุล ท่านเป็นเทพผู้ปกป้องโลก หรือเทพแห่งโลก ผู้พิทักษ์องค์ที่ 2 และ/หรือ องค์ที่ 4 บนสวรรค์ ท่านเป็นเป็นคนดู และควบคุมความประพฤติของเหล่าเทวฑูตองค์อื่น ๆ และเป็นคนสั่งการ ท่านยังปรากฏในความเชื่อของชาว บาบิโลเนียน ในชื้อของ "Rag" (บ้างก็ว่า Ragumu) และในความเชื่อของชาวสุเมเรี่ยนในนามของ "Rig" ซึ้งแปลว่า "คำพูด" ซึ้งในความเชื่อเหล่านั้นต่างก็ยกให้ท่านเป็นเทพแห่ง ความสมดุล เช่นกัน
อ้่างอิง
- ↑ http://www.navy.mi.th/newwww/code/special/budham/phungpho/tumma/taylawpainai.html