ตะโพน ของ หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ ท่านนั้นเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยเดียวกับ หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน และ หลวงพ่อชวน วัดยางมณี ท่านเป็นพระที่ทรงอภิญญาจิตชั้นสูง เรียบง่ายและสมถะ วิชาเด็ดของท่านนอกจากเบี้ยแก้ที่มีพุทธคุณสูงเป็นที่ประจักษ์มานานแล้ว ยังมีอีกวิชาหนึ่งที่เรียกว่าโด่งดังไม่แพ้เบี้ยแก้ของท่านก็คือ "ตะโพน" บางทีก็เรียกว่า "กลองตะโพน" "ตะโพนเรียกคน"
ตามตำนานกล่าวไว้ว่า
สมัยก่อนแรกเริ่มเดิมทีคณะลิเกหอมหวลนั้น ยังเป็นคณะลิเกเร่รอนไปตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเปิดการแสดง แต่เนื่องจากชื่อเสียงยังไม่เป็นที่รู้จักจึงทำให้มีคนมาชมการแสดงในแต่ละรอบน้อยมาก เมื่อคณะลิเกหอมหวลเดินทางมาถึงจังหวัดอ่างทอง สมัยนั้นชื่อเสียงของหลวงพ่อพักตร์นั้นเป็นที่รู้จักกันดี หัวหน้าคณะจึงเข้านมัสการและขออนุญาตท่านเพื่อจัดการแสดงลิเกที่วัดโบสถ์ ซึ่งท่านก็อนุญาตตามนั้น คณะลิเกหอมหวลจึงตั้งโรงลิเกขึ้นและเริ่มการแสดงในวันถัดมา ปรากฎว่าผ่านไป 3 วันแล้วก็ยังมีผู้ชมมานั่งชมการแสดงในแต่ละคืนน้อยมาก จนหัวหน้าคณะเริ่มถอดใจและคิดจะย้ายโรงลิเกไปแสดงยังสถานที่อื่นต่อไปจึงได้ขึ้นมากราบเรียนความประสงค์ให้ท่านทราบ หลวงพ่อท่านมีความเมตตาจึงบอกหัวหน้าคณะว่า " ให้ไปนำตะโพนมาให้ท่านแล้ววันรุ่งค่อยมานำกลับคืนไป หัวหน้าคณะจึงนำตะโพนลูกเดียวของคณะไปให้ท่าน "
พอวันรุ่งก็ได้ไปรับกลับมาซึ่งหลวงพ่อท่านย้ำว่า "ให้ออกแขก (การแสดงเริ่มต้นเพื่อเปิดโรง) ตั้งแต่เย็นแล้วบรรเลงดนตรีไปเรื่อย ๆ แล้วจะมีคนมาดูเอง" หัวหน้าคณะเมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ เพราะปกติการออกแขกจะนิยมเริ่มแสดงตอนหัวค่ำถ้าเริ่มตอนเย็นแล้วใครจะมาดูเย็นวันนั้นด้วยความอยากรู้ว่าหลวงพ่อท่านนั้นจะเก่งเหมือนที่ใคร ๆ ว่ากันหรือเปล่า จึงสั่งให้คณะลิเกของตนเริ่มออกแขกตั้งแต่เย็นและให้บรรเลงดนตรีไปเรื่อย ๆ จนถึงเวลาเริ่มแสดงจริงตอนหัวค่ำ
ปรากฎว่าเย็นวันนั้นเสียงตะโพนที่บรรเลงนั้นได้ยินไปไกลหลายหมู่บ้าน เสียงนั้นดังนุ่มนวลและมีพลัง ทำให้ผู้คนที่ได้ยินเสียงมีความเคลืบเคลิ้มจนต้องเดินทางมาชมการแสดงในเย็นวันนั้น ประมาณว่านั่งไม่ติดแล้วยังจูงลูกจูงหลานมานั่งชมการแสดงลิเกอีกด้วย จากเมื่อเย็นคนมาไม่กี่คนพอหัวค่ำปรากฎว่ามีคนมานั่งชมการแสดงกันมากมาย เรียกได้ว่าตั้งแต่ตั้งคณะลิเกมาไม่เคยมีคนมานั่งชมมากแบบนี้มาก่อน ผ่านไปหนึ่งวันหัวหน้าคณะก็ยังไม่เชื่อว่าเกิดจากตะโพนที่หลวงพ่อท่านปลุกเสกให้พอวันที่สองก็สั่งให้คณะเริ่มการแสดงเหมือนวันแรกก็ปรากฎว่าไม่มีอะไรผิดเพี้ยนจากวันแรก และก็ลองอีกในวันที่สามผลก็ออกมาเช่นเดิมที่น่าแปลกใจก็คือขนาดฝนตกผู้ชมก็นั่งชมการแสดงแบบไม่ยอมกลับกันเลย แม้ว่าฝนจะตกแต่ก็ยังนั่งทนเปียกกันอย่างนั้น
พอรุ่งเช้าวันที่สี่หัวหน้าคณะพร้อมนักแสดงในคณะก็เลยพากันมากราบลานมัสการและขอบคุณหลวงพ่อและกราบเรียนให้ท่านทราบว่า "ในวันรุ่งคณะลิเกจะย้ายไปจัดแสดงยังสถานที่อื่นต่อไป "พอวันรุ่งทั้งคณะก็มากราบลาท่านด้วยความเคารพรัก หลังจากนั้นไม่นานชื่อเสียงของคณะลิเกหอมหวลนั้นก็เริ่มโด่งดังขึ้นเรื่อย ๆ จนคณะลิเกอื่น ๆ ในสมัยนั้นทราบข่าว ต่างก็พากันมาฝากตัวเป็นศิษย์และนำตะโพนของคณะมาให้หลวงพ่อท่านเสกกันมาก และปรากฎว่าทุกคณะก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น
จากเหตุนี้เองทำให้งานประจำปีของหลวงพ่อท่านตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะมีคณะลิเกไปตั้งโรงแสดงเพื่อเป็นการบูชาคุณหลวงพ่อท่าน และจากประสบการณ์ที่เลื่องลือเกี่ยวกับตะโพนของหลวงพ่อท่านทำให้คนพื้นที่แถววัด โดยเฉพาะเด็กหนุ่มจะมาคะยั้นคะยอให้ท่านจัดสร้างตะโพนขนาดเล็ก (บางคนเรียก "ลูกกลอง") ไว้ให้ลูกหลานได้ใช้กัน
หลวงพ่อท่านจึงได้จัดสร้างตะโพนจากวัตถุดิบหลายชนิด อาทิ งาช้าง งากำจัด กระดูกสัตว์ เป็นต้น แล้วนำมาเจาะรูตรงกลางเพื่อบรรจุผง จากนั้นจึงนำโลหะมาดัดเป็นขดสำหรับใช้คล้องคอและปิดทับรูที่อุดผงไว้ ท่านจัดสร้างครั้งละประมาณครึ่งบาตร ว่ากันว่าตลอดชีวิตของท่านจึงสร้างเพียงไม่กี่วาระ
คนพื้นที่เล่าว่าเมื่อศิษย์หนุ่ม ๆ ทราบว่าหลวงพ่อจะลงตะโพนคืนไหน เพลของวันนั้นศิษย์หนุ่ม ๆ ก็จะนำสำรับอาหารมาถวายท่านอย่างมากมาย เพราะหวังว่าในวันรุ่งจะมารับสำรับอาหารคืนและหากมีวาสนาก็จะได้ตะโพนของหลวงพ่อในสำรับของตน
พอย่ำรุ่งชาวบ้านก็จะได้ยินเสียงตะโพนดังกังวานไปแต่ไกล (เสียงนั้นจะไม่เหมือนเสียงกลอง) นั่นเป็นสัญญาณว่า "มารับได้แล้ว" บรรดาศิษย์ก็จะรีบมารับสำรับของตนเองคืน และเมื่อแต่ละคนได้รับสำรับกลับไปแล้วก็จะรีบนำไปล้างและหาดูว่ามีตะโพนในชุดสำรับหรือไม่ ถ้ามีก็ถือว่าเป็นวาสนา แล้วรีบนำไปอาราธานาติดตัวกันเลย
พุทธคุณของตะโพนนั้นเป็นที่ประจักษ์เรื่องมหาลาภ เมตตาและมหานิยมอย่างเอกอุ เลื่องลือมาแต่โบราณแต่ด้านอื่น ๆ ก็ครบเครื่องชายชาตรี ว่ากันว่าตะโพนของท่านนั้นเป็นเครื่องรางที่สร้างได้ยาก และจะหาคนสร้างได้ขลังแบบท่านเป็นไม่มีแล้ว ที่สำคัญไม่มีของอะไรแก้ได้ เหตุเพราะท่านพิถีพิถันตั้งแต่การจัดสร้างและปลุกเสก
ดังนั้นการมอบให้ศิษย์แต่ละคนนั้นท่านจะพิจารณาและมอบให้แก่ศิษย์ที่ยังไม่มีครอบครัวและเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงเท่านั้นและที่น่าแปลกก็คือตะโพนแท้ ๆ ของท่านมักจะไม่มีการเปลี่ยนมือกันอย่างง่าย ๆ เรียกได้ว่า "ใช้กันแบบตกทอด" จากปู่ถึงพ่อจากพ่อถึงลูกกันเลย โดยเฉพาะคนพื้นที่นั้นจะหวงแหนกันมากเป็นพิเศษครับ เพราะของแท้มีน้อยมากแต่ความศรัทธาและความต้องการตะโพนแท้ ๆ ของท่านมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ สำหรับผู้ที่มีวาสนาได้ครอบครองตะโพนของท่านให้ว่าพระคาถานี้ทุกวันจะประสิทธิเมครับ
นะโม (3 จบ)
พุทธัง รัตตะนัง
ธัมมัง รัตตะนัง
สังฆัง รัตตะนัง
ที่มา - ขอขอบคุณพี่หมูและเว็บ Amulet2U.com
ตะโพน หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์"สุดยอดแห่งเมตตา มหานิยม
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย อดุลย์ เมธีกุล, 2 ธันวาคม 2009.
หน้า 1 ของ 2
-
-
อนุโมทนาครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับ แต่เป็นไปได้ฝากหามาแบ่งด้วยนะครับ :D
-
สาธุๆ
ลูกหลานขอกราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขอรับ ^_^
ขออนุโมทนาครับ
______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน มารายงานตัวกันหน่อยครับ
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง<!-- google_ad_section_end --> -
ตะโพนในตำนาน และเป็นตะโพนในดวงใจของใครหลายๆ คน
-
ขอบคุณครับ
ก็ตามหามานานแล้วครับ แต่ยังไม่เจอที่ถูกตา ถูกใจเลยครับ ราคาไปไกลมากๆครับ ต้องสืบหาที่มาดีๆด้วยนะครับ แต่บางท่านก็บอกว่า หากหาของหลวงพ่อพักตร์ไม่ได้ก็ให้ใช้ของหลวงพ่อทรงแทนก็ได้ เพราะท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อพักตร์ครับ
-
ซู๊ดยอดดดดด เป็นบุญตา ได้เห็นภาพก่ะฟังเรื่องเล่า
ตะโพนในตำนาน -
มีสองอัน ครับ
คอนเฟิร์มใช้ดีจริงๆๆๆๆ -
อนุโมทนา สาธุค่ะ
ไม่ทราบว่าคุณ Jin จะแบ่งให้สัก1ชิ้นได้ไหมค่ะ ขอบคุณค่ะ -
โดนใจมาก อยากได้
-
กระทู้นี้ ดีมากๆครับ
-
ขนาดเพื่อนทอมผมเเต่งตัวเเมนสุดๆๆ เเถมไม่หล่อเลยนะ ยังมีผุ้ชายมาขอเบอร์อะคิดดูดิครับ ห่ะๆๆๆ -
บทความดีมาก อนุโมทนาด้วยครับ..
thaiput007@hotmail.com -
ขอบคุณความรู้ดีๆครับ
-
BaByUltraMan เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ผมคนอ่างทองยังไม่มีเลยครับ อิอิ
-
หาอยู่เหมือกันคร๊าบ :cool:
-
ขอบคุณค่ะ และก็ยินดีกับเพื่อนคุณ Jin ด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นตะโพนบูชาจากที่ไหนค่ะ พอจะบอกได้หรือเปล่าค่ะ -
benay_watmon@hotmail.com(เบ็น 083-6139417)
ผมได้ยินชื่อท่านกรอกหูมาตลอดตั้งแต่ผมยังเด็กๆ ว่าท่านเก่งมากๆอาคมเด้ดขาดยิ่งนัก และเป็นที่ไฝ่ฝันของผมอย่างมากครับวัตถุมงคลของท่าน พระเครื่องของท่านติดอันดับแพงเป็นอันดับหนึ่ง ในจังหวัดอ่างทองครับ ทั้งเบี้ยแก้ ตะโพน สิงงาแกะ เขี้ยวเสือแกะ(บางคนยังไม่เคยเห็นของจริงเลยครับ อิอิ ผมด้วย) จนผมพอจะมีปัญญาได้เหรียญรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่านมาครอบครอง สวยๆไม่ไหวครับ หลายแสน แค่สภาพแค่นี้ก็นับคนที่จะห้อยได้แล้วครับในวิเศษฯ อิอิ หายากมากๆ
โชว์อย่างเดียวเหรียญนี้ไม่ปล่อยครับ..ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ของดีๆ ใครมีไว้ ก็ถือว่ามีบุญมาก
-
เอามาแจมกับจารย์ อดุลย์ครับ
มีก่ะเขาลูกหนึ่งเหมือนกัน หาแท้ๆยากชมัด ของมีกระจายอยู่ ไม่น่าเกินหลักสิบ หลักร้อย และคงสูญหายชำรุดไปซ่ะเยอะ ที่เหลืออยู่ น่าจะนับคนได้
และอยากจะค้านว่า ที่ว่าแก้ไม่ได้ ไม่น่าจะจริงครับ ของอาจารย์แบงค์แก้ได้ครับจารย์ ...แหะๆ
ส่วนสรรพคุณ ไม่เคยใช้ครับ เพราะกลัวหาย กลัวช้ำ เลยไม่ทราบจริงๆ -
ศิษย์หลวงปู่กวย009 เป็นที่รู้จักกันดี
คุณอดุลย์ และ คุณ พี เสาวภา
แบ่งให้บูชา มั้ยครับ
อยากได้ ตามหา นาน แล้ว เคยไปถึงวัดท่านเลย ถามหาไม่ได้เลย
อยากมีไว้บูชา ให้ ผู้ใหญ่ - ลูกค้า เมตตา คอยอุปถัม ส่งงานมาให้เยอะๆ อ่ะครับ
ถ้า แบ่ง ได้ ขอขอบคุณมากเลย ครับ
หน้า 1 ของ 2