ตัวอะไร

เจ้าตัวในรูปเป็นตัวอะไรผมไม่รู้ เป็นภาพประกอบจากอินเตอร์เนต ซึ่งผมเคยพบเห็นสัตว์ชนิดนึง ดูคล้ายเจ้าตัวนึ้มาก ผมไม่เคยเห็นหน้าตาของมันเพราะมันหันหลังให้ผมขณะทึ่ผมเห็นมัน เป็นการพบเห็นโดยบังเอิญ เมื่อตอนทึ่ผมไปล่ากระรอกป่ากับเพื่อนผม2คน

ป่าสนในร้ฐแคลิฟอร์เนียปลายฤดูร้อน จะมีลูกโอก (Acorn) หล่นลงมาเต็มป่า และเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่าทุกชนิดยกเว้นสิงห์โตภูเขา ฤดูล่ากระรอกป่าปึ 2018 ทึ่ผ่านมา ผมและเพื่อนอีก 2 คนเราชวนกันไปล่ากระรอก โซน D7 ซึงอยู่เลยเมือง North Fork ไปทางเหนือประมาณ 6 ไมล์

พอเราไปถึงที่หมาย พวกเราต่างคนต่างแยกย้ายกันออกไปตามทางใครทางมัน เพือนผม 2 คนเดีนข้ามภูเขาลูกที่เราจอดรถไปอีกฝั่งนึงของภูเขาลูกที่อยู่ถ้ดไป ทึ่อยู่ด้านล่างซึ่งเป็นลำห้วยที่แห้งขอด มีเพียงบางช่วงทึ่ยังมีน้ำไหลซึม เป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ใช้เป็นที่ดึ่มกินของสัตว์ทั้งหลายในป่า รวมทั้งกระรอกป่าด้วย
ผมกะว่าจะไปนั่งซุ่มยิงกระรอกตอนออกมากินน้ำ

ผมเดินลงไปเรื่อยๆตามเส้นทางลาดชันตามไหล่เขาซึ่งเป็นทางทุระกันดานพอสมควร อากาศปลายเดือนตุลาคมในแคลิฟอร์เนียนับว่ายังร้อนอยู่มาก ใบไม้แห้งหล่นกลาดเกลื่อนเต็มทางเดินเมื่อเหยียบบนน้ันจะเกิดเสียงดังกรอกแกรกๆ ผมเดินไปยังไม่ทันถึงลำห้วย ทันใดนั้น ผมได้ยินเสียงเหมือนมีใครหรือตัวอะไรที่มีน้ำหนักพอๆกับคนกำลังเดีนสวนทางขื้นมา ผมหยุดฟ้งและมองลงไปด้านล่าง แต่ผมมองไม่เห็นอะไรเพราะต้นสนบัง

ในใจผมคิดว่าอาจเป็นหมีหรือกวาง อะไรสักอย่างที่มันกำลังออกหากินลูกโอก ผมตัดสินใจเดินลงไปไกลประมาณ 15 เมตร และหยุดฟัง เสียงนั้นยังดังเหมือนเดิม จากจุดที่ผมยืนอยู่สามารถมองเห็นด้านล่างได้อย่างชัดเจน ไม่มีต้นไม้บังตา สิ่งที่ผมมองเห็นก็คือ ตัวอะไรไม่รู้ดูคล้ายหมีหมา ตัวดำดูเป็นมันวาววับ ยืนสองขาสูงราวๆกับคน มันกำลังหมุนตัว เหมือนกำลังหันหลังให้ผม ความรู้สึก บอกกับผมว่า ตัวนี้มันไม่ใช่หมีแน่ มันอาจเป็นสัตว์อะไรสักอย่าง

ผมยืนมองดูตัวมันประมาณ เกือบนาที ตัวมันเหมือนจะรู้ว่ามีคนกำลังจัองมองมันอยู่ และในทันใดนั้น ตัวมันก็กระโดดเหมือนกบไปรัดกอดต้นสนต้นนึงที่อยู่ข้างๆมัน จากน้ันมันกระโดพอีกสองทีหายเข้าไปในพุ่มไม้ ทิ้งผมให้ยืนตกตะลึงเพียงลำพัง
เป็นอันว่า วันนั้นผมไม่ไปยิงกระรอก ผมเดีนกลับมรถึงที่จอดรถและวิทยุเรียกเพื่อนผมสองคนนั้นให้กลับมา และในวันนั้นพวกเรากลับบ้านโดยที่ไม่มีใครได้กระรอกสักตัว

ขณะที่พวกเราขับรถกลับผมได้เล่าสิ่งที่ผมพบเห็นนั้นให้เพื่อนผมสองคนนั้นฟัง เขาสองคนบอกว่าอาจเป็นตัว "บิกฟุต" ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันตัวอะไรกันแน่ บิกฟุตกระโดดเหมือนกบได้ด้วยหรือ

จากนั้นผมเรื่มค้นดูใน Google ข้อมูลที่พบเขาว่าอาจเป็นไปได้มันอาจเป็นบิกฟุต ซึ่งหนังสือพิมพ์ท่องถิ่น ฉบับนึงได้รายงานมีการพบบิกฟุตในปีคส.1986 ไกล้บริเวรเดียวกัน หรือไม่อาจเป็น หมาป่าลิง คือมันเป็นสัตว์ชนิดนึงลำตัวดูคล้ายหมาป่า ใบหน้าเหมือนลิง มือเท้าเหมือนมนุษย์

ตำนานชนพื้นเมืองชาวอินเดียนแดงกล่าวไว้ว่า เมื่อพวกเขาเดีนทางมาถึงดินแดนแห่งนี้ใหม่ๆ พวกเขาเคยพบสัตว์จำพวกนึงลักษณะเหมือนที่เขียนอาศัยอยู่ พวกเขาเคยเขียนภาพไว้ตามฝาผนังถ้ำ และเมื่อครั้งที่นาย Ansel Adams ซึ่งเป็นนักอนุรักษ์และช่างภาพสตวรรษ ทึ่20ไปบันทึกภาพถ่ายในอุทยานแห่งชาติ โยเซมิติ ต้นปีคส.1940 เขาเคยเผชิญกับสัตว์ชนิดนี้ถึงสามตัวด้วยกัน เพื่อความปลอดภัยเขาหลบอยู่ในเต้นท์ถึงสองวัน และหลังจากที่สัตว์สามตัวนั้นหนีไปเขาถึงออกมา

ปีคส.1990 ฤดูรัอนมีรายงานว่ามีผู้พบเห็นสัตว์ชนิดนี้ไกล้บริเวร Bass Lake ซึ่งมันกำลังดื่มน้ำในลำธาร
ล่าสุดปี 2008 มีนักล่าแร่อัญมณีสองคนเคยพบสัตว์ชนิดนี้แถวๆ Watt Valley ขณะที่พวกเขากำลังเดีนหาแร่ฯ พวกเขาเล่าไว้ในรายการโทรทัศน์ทัองถื่นช่อง KRZR ขณะที่กำลังหาแร่อัญมณึอยู่ดึๆนั้นจู่ๆก็ปรากฎมีสัตว์ตัวนึง ออกมาจากพุ่มไม้ ตัวคล้ายหมาป่าขนสีดำ หน้าเหมือนลิง ยืนสองขาเดีนโซเซเหมือนคนป่วย มีน้ำลายฟูมปาก

มันเดีนตรงเข้าหาพวกเขาสองคน ด้วยความกลัวเขาสองคนวิ่งหนี และตัวมันวิ่งไล่ตามมาติดๆ ด้วยความกลัวเขาสองคนวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต พวกเขาวิ่งมาออกถนนสายนึง เป็นเวลาพอมีรถคันนึงวิ่งมา พวกเขาโบกมือให้รถหยุด และได้เล่าเรื่องราวให้คนขับรถนั้นฟัง หลังจากชายคนขับรถทราบเรื่องทั้งหมด ชายคนขับรถอาสาขับรถพาสองคนนั้นกลับบ้าน

Watt Valley อยู่ห่างจากจุดที่ผมพบเจ้าตัวนั้นประมาณ 20 ไมล์ เคยมีเพื่อนผมคนนึงซึ่งเป็นพรานด้วยกัน เล่าให้ผมฟัง เขาเคยเจอสัตว์นี้เมื่อ 5 ปีก่อนขณะทึ่เขาออกไปล่ากวาง โดยเจ้าสัตว์นี้มันขึ้นไปไล่กระรอกบนต้นสน มันวิ่งไวมากเขามองตามแทบไม่ทัน.