ตายจากพระสงฆ์ไปตกนรกขุมใหญ่ขุมที่ 7 (มีชื่อว่ามหาตาปะนรก)

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย attasade, 6 พฤศจิกายน 2014.

  1. attasade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,554
    ตายจากพระสงฆ์ไปตกนรกขุมใหญ่ขุมที่ 7 (มีชื่อว่ามหาตาปะนรก)


         "..วันหนึ่งใกล้เวลา 2 ทุ่มซึ่งเป็นเวลาเจริญพระกรรมฐาน อาตมานอนพักผ่อนก็เห็นเทวดาองค์หนึ่งท่านมายืนอยู่ข้างหน้า พอเหลียวไปดูท่านก็นั่งคุกเข่ายกมือพนม

         อาตมาถามว่า "มาทำไม"
         ท่านบอกว่า "ท่านใหญ่ให้มานิมนต์ครับ"

         คำว่า "ท่านใหญ่" คือ ท่านพระยายมราช ท่านเป็นพรหมไม่ใช่พวกนรก สำนักพระยายมราชไม่ใช่แดนนรกแต่อยู่ใกล้แดนนรก มีหน้าที่กันคนลงนรก

         พอไปถึงอาตมาถามท่านพระยายมราชว่า "ลุงมีธุระอะไร"
         ท่านตอบว่า "ไม่มีธุระอะไรมากหรอก เพื่อนท่านเขามาอีกหนึ่งแล้ว" ก็เป็นอันรู้กันว่าถ้าพระไปเป็นต้องมาตาม

         ท่านบอกว่า "ไปเยี่ยมเขาหน่อยซิ"
         ก็เลยถามว่า "อยู่ที่ไหนล่ะ"

         พอไปถึงก็เห็นเขากำลังลงโทษ ถ้าเราจะเข้าไปพูดเองพวกนั้นเขาไม่ยอม นายนิรยบาลนี่ถ้าเราไปตามลำพังแล้วไปบอกให้เขาเอาคนนั้นขึ้นมาทีคนนี้ขึ้นมาที เขาจะไม่พูดด้วย เราต้องเอาคนของสำนักพระยายมราชไปคนหนึ่งเขาถึงจะยอม

         วันนั้นท่านพระยายมราชไปเอง ท่านก็บอกว่า "เอาคนนั้นขึ้นมา"
         พอบอกว่าเอาคนนั้นขึ้นมา คนนั้นก็หลุดจากเครื่องพันธนาการ เขาก็ขึ้นมาจากขุมนรก พอขึ้นมาแล้วก็แต่งตัวเป็นพระสงฆ์ รูปร่างหน้าตาดีมาก หนุ่ม ๆ คงรูปหล่อ ขึ้นมาแล้วอาตมาก็ถามว่า "บวชอายุเท่าไร ตายเมื่ออายุเท่าไร"
         เขาตอบว่า "บวชเมื่ออายุ 20 ปีเศษ ตายเมื่ออายุ 72 ย่าง 73"

         ถามว่า "บวชตั้ง 52 พรรษาแล้วมีตำแหน่งอะไร"
         ตอบว่า "ผมเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าคณะอำเภอ และก็เป็นอุปัชฌาย์"

         เวลานั้นอาตมา 2 พรรษา พระองค์นี้ 52 พรรษา เท่าเศษพรรษาของเขาพอดี

         ถามว่า "ทำไมถึงตกนรก"
         เขาตอบว่า "ตอนบวชนั้นผมเป็นสมมุติสงฆ์จริง ๆ อยู่ 2 พรรษา คำว่า สมมุติสงฆ์ ยังเกรงใจพระวินัยก็มีบกพร่องบ้างอยู่แค่ 2 พรรษา นอกนั้นก็หมดจากความเป็นพระ แต่ก็ยังครองผ้าเหลืองอยู่ กรรมมันเลยหนัก"

         ถามว่า "หมดความเป็นพระประเภทนี้มันน่าจะลงอเวจี แต่ทำไมจึงไม่ลง"
         เขาตอบว่า "ผมมารู้สึกตัวตอนใกล้ ๆ จะตายสัก 2 ปี ก็พยายามทำความดีทุกอย่างแต่มันคืนไม่ได้"

         อาตมาบอกว่าก็ยังดีไม่ลงอเวจีลงแค่ขุมที่ 7 แต่ว่าอีกนานพวกเราตายอีกร้อยครั้ง พระองค์นี้ก็ยังไม่ขึ้นมาเลยเพราะขุมนี้มีอายุครึ่งกัป ถ้ามีโทษอะไรอีกก็จะต้องมาไล่เบี้ยขุมใหญ่อีกคือ เมื่อออกจากขุม 7 ก็จะต้องผ่านนรกบริวารอีก 4 ขุม แต่ละขุมมีอายุไม่แน่นอน เขาจะกักไว้กี่ร้อยกัปก็ได้ นอกจากนรกบริวาร 4 ขุมแล้วถ้ามีโทษอย่างอื่นอีก ก็จะต้องไปตกนรกขุมใหญ่อีก ออกจากขุมนั้นก็ต้องตกนรกบริวารอีก 4 ขุม เป็นอย่างนี้เรื่อยไปจนกว่าจะหมดเขตเขา

         หมดเขตแล้วยังต้องไปตกยมโลกียนรกอีก 10 ขุม และยมโลกียนรกก็ไม่มีอายุเหมือนกัน ไม่บอกเวลาแน่นอน การตกนรกขุมนี้เขาจะไล่เบี้ยตั้งแต่ปาณาติบาตไปเรื่อยจนครบทั้ง 5 ข้อ นอกจากนั้นถ้ายังมีคดโกง คดโกงจากการเรี่ยไร อย่างนี้เขาเก็บหมดเลย ไม่รู้ว่าใช้เวลาทั้งหมดกี่ร้อยกัปหลังจากนั้นจะต้องมาเป็นเปรตอีก 12 ระดับ กว่าจะพ้นแต่ละระดับก็แสนจะยาก จากเปรตก็มาเป็นอสุรกาย จากอสุรกายก็ต้องมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน จากสัตว์เดรัจฉานกว่าจะไปเกิดเป็นคนหรือเทวดาได้ด้วยบุญเต็ม ก็จะต้องเป็นสัตว์ที่รู้ภาษามาก ต้องมีคนเมตตา

         สัตว์ที่จะพ้นจากความเป็นสัตว์ได้สังเกตุไม่ยาก พวกนี้จะได้รับความเมตตาจากคน ถ้ายังไม่มีใครเมตตาเพียงใดก็ยังไม่พ้นจากความเป็นสัตว์

         ในเมื่อเราตั้งใจบวชเข้ามาเพื่อปฏิบัติความดีก็ต้องคิดว่า พระอรหันต์ทุกองค์ท่านไม่ได้เป็นพระอรหันต์มาตั้งแต่กำเนิด ท่านก็ประพฤติปฏิบัติเริ่มต้นแบบเดียวกับพวกเรานี่แหละ ทำไปแก้ข้อบกพร่องไปเรื่อย ๆ มีความพากเพียรเป็นปกติ มีอิทธิบาท 4 ครบถ้วน จะทำสิ่งใดมันก็ต้องสำเร็จจนได้และสำเร็จทุกอย่าง.."

    *คัดลอกจากหนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน เรื่องที่ 163 หน้า 341 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ( หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     

แชร์หน้านี้