ตำนานรักสุดอึ้ง !! นอน กับ “ศพเมีย” มากว่า 5 ปี

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย กัณฑกะ, 3 มิถุนายน 2012.

  1. กัณฑกะ

    กัณฑกะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +1,427
    [​IMG]
    ตำนานรักสุดอึ้ง !! นอน กับ “ศพเมีย” มากว่า 5 ปี

    “ Love รัก “ คำสั้นๆ ที่สำหรับบางคน แม้แต่ความตายก็ไม่สามารถ
    พราก เขา จาก เธอ หากคุณเคยกล่าวคำว่า รัก กับใครซักคน
    คุณสามารถรักใครไม่เสื่อมคลายเหมือน นาย ลี แวน หรือเปล่า???

    “ตำนานรัก ลี แวน กับ ภรรยา”
    WTmedia
    WTmedia
    ________________________________________

    ลี แวน ( Le Van ) หนุ่มใหญ่ชาวเวียดนาม อายุ 55 ปี (เมื่อปี 2009)
    เขารักภรรยาของเขามาก ทุกคืนเขาจะต้องนอนกอดเมียรัก
    ไว้ในอ้อมแขนของเขาทุกคืน…
    ในปี 2003 ภรรยาของเขาเสียชีวิตลง เขาไม่สามารถข่มตา
    หลับได้อย่างเต็มตา อีกต่อไปเมื่อปราศจากเธออีกต่อไป…
    เขาจึงใช้วิธีไปนอนบนหลุมศพของเธอแทนกว่า 20 เดือน
    แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม สภาพอากาศ ทั้งลม ทั้งฝน
    ทำให้สุขภาพของ ลี เสื่อมโทรมลงจนน่าเป็นห่วง
    ลี จึงมีความคิดว่า…จะขุดอุโมงค์ลงไปเคียงข้างกับเธอ
    เพื่อที่จะได้อยู่ร่วมกับเธออีกครั้ง
    เมื่อลูกๆของ ลี ได้ทราบถึง ความคิดอันสุด “ประหลาด” นี้…
    ลูกๆทั้งหมดก็ทราบดีในรักที่ พ่อ มีต่อ แม่ และทราบดีว่าคง
    ไม่สามารถหยุด ลี ได้
    แต่ในที่สุด ลี ก็มีความคิดว่าแทนที่จะนำตัวเขาไปหาเธอ
    ทำไมไม่นำ “เธอมาหาเขาแทน” คงดีไม่น้อย
    ลี จึงขุดหลุมศพของ “เมียรัก” และนำโครงกระดูกของเธอขึ้นมา
    ลี ใช้กระดาษแผ่นเล็กและดินเหนียว ห่อร่างเธอไว้แบบ “มัมมี่”
    ลี สร้าง “หน้ากากกระดาษ” ครอบหน้าเธอไว้…

    [​IMG]

    ลี กับ ลูกชาย และมัมมี่ภรรยารัก ในชุดที่สะอาด

    [​IMG]

    ทุกคืน ลี จะต้องนอนกอดศพ ของ เมียรักที่หุ้มไว้ด้วยกระดาษ และดินเหนียว



    ลูกชาย ก็ยังคงรักแม่ และสามารถนอนกอด ร่างของแม่ได้เช่นกัน
    [​IMG]


    หากใครคิดว่า ลี กรุข่าวเพื่ออยากดัง ว่าร่างดังกล่าวเป็นเพียง ตุ๊กตากระดาษ ลีก็พร้อมจะกีดผ่านกระดาษ เพื่อพิสูจน์ ต่อทุกคน

    [​IMG]

    เมื่อฉีกกระดาาออก ก็พบกระดูกท่อนแขนส่วนล่าง ดังรูป


    http://wtmedia.blogspot.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2013
  2. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    อืม.....:boo::boo::boo::boo::boo:
     
  3. punpraya

    punpraya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2006
    โพสต์:
    1,256
    ค่าพลัง:
    +2,228
    เหนือชั้น ยอมๆ เจ๋งจริงๆ รักมั่นสุดๆ
     
  4. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019
    [​IMG]

    ทุกอย่างมันเป็นไปตามกฎแห่งกรรม การจะเป็นเนื้อคู่กัน ครองคู่กันจนถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ตามโบราณว่าไว้นั้น เนื้อคู่ต้องทำบุญร่วมกัน บุญกุศลเท่าเทียมกัน เมียไปทำบุญ สามีกล่าวโมทนา สามีไปทำบุญภรรยา กล่าวโมทนา ว่าไงก็ว่าตามกัน เอาอย่างไร ก็เอากัน ต้องมีความคิดเห็นที่ตรงกันในเรื่องบุญกุศล หากสามีทำบุญปล่อยปลา ปล่อยสัตว์ แต่ภรรยา ไม่เห็นด้วย และมีความเห็นว่าสัตว์็นั้นเป็นอาหาร ทำให้สามีมีอายุที่ยาวกว่า ภรรยา ส่วนภรรยา ก็จะมีอายุสั้นกว่าสามี ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม แต่ข้าพเจ้ายอมรับและนับถือน้ำใจของสามีท่านนี้ เป็นอย่างยิ่ง เป็นสามี ต้องรู้จักบุญคุณของภรรยา ภรรยาเป็นผู้ให้ทั้งร่างกาย และจิตใจ ให้ความรัก ควาอบอุ่น และความสุขแก่สามี การกตัญญูรู้คุณ หญิงผู้เป็นภรรยา นั้น ช่างเป็นสิ่งประเสริฐยิ่งนัก ขอกราบเคารพด้วยใจจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2012
  5. everlastinglovesong

    everlastinglovesong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +158
    =,=' .......... เอิ่มมม
     
  6. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    :z10:z10 รักกันซะขนาดนั้น พูดไม่ออกเลย
     
  7. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    สำหรับทางโลก..รักกันแบบนี้ก็ดีค่ะ แต่ทางธรรม..รักแบบยึดติดในสังขารร่างกายของกันแบบนี้ก็หลุดพ้นยากนะคะ เพราะใจยึดมั่นอย่างมากว่า..ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา ร่างกายนี้เป็นของภรรยาที่รัก จิตก็ห่วงใยผูกผันแต่ภรรยาที่ตายไป จิตไม่เป็นกุศล..ขนาดพระรูปนึงในสมัยพุทธกาลที่ก่อนตายจิตห่วงในจีวรยังต้องไปเกิดเป็นเล็นในจีวรเลย อย่างนี้น่าเป็นห่วงค่ะ
     
  8. babaecomputer

    babaecomputer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +77
    เห็นตามครับ
     
  9. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    เรื่องความรักผมนับถือ แต่ทางศาสนา นี่เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมรับความจริงและยึดติดกับตัวตนมากเกินไป แบบนี้เองเมื่อเสียชีวิตแล้วส่วนมากจะวนเวียนอยู่แต่ในกรรมของตัวเองที่สร้างขึ้นมากักขังตัวเอง แบบนี้ลำบาก เพราะถ้าโดนสะกดโดยผู้มีอาคมหรือแผ่เมตตาให้เขาก้อหลุดออกได้ แต่แบบนี้น่าสงสารเพราะส่วนมากจะไม่ยอมรับและจะวนเวียนตามกฎแห่งความหลงของตัวเองตลอดการ จนกว่าจะปล่อยว่างเองหรือมีผู้มีบารมีมาช่วยปลดปล่อยแต่ก้อแล้วแต่เขาอีกที ถ้าไม่ยอมรับก้อจะวนเวียนกังขังตัวเองต่อไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด แต่ยังไม่ได้ชดใช่กรรมนะครับ เพราะนี้เป็นกรรมที่เขาสร้างมาจากโมหะเพื่อขังตัวเองอยู่ในวังวนนั้นเอง ปล.ผิดถูกประการใดบอกกล่าวด้วย ผมผู้น้อยพูดตามที่ได้เรียนได้ศึกษามา ขอบคุณครับ
     
  10. Cherry boy

    Cherry boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    704
    ค่าพลัง:
    +501
    :cool::cool::cool: รัก มิเสื่อมคลายยยยย
     
  11. พลอย พิน

    พลอย พิน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +23
    สัพเพ สังขารา อะนิจจา สัพเพสังขารา ทุกขา สัพเพ ธัมมา อะนัตตา...
     
  12. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,940
    ความรักช่างยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน
     
  13. momoru

    momoru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +246
    น่าจะปลงได้แล้ว ตายไปแล้วก็ให้จบแค่นั้นเถอะ ... เห็นแบบนี้ก็หดหู่
     
  14. KARNDAVADEE

    KARNDAVADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +217
    เป็นความรักที่เหนือคำบรรยายจริงๆ
     
  15. Sathuja

    Sathuja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +218
    รักขนาดนี้จะเพิ่มภพให้มันยาวไปอีกมั้ยเนี่ย >.<
     
  16. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,254
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG]


    อานุภาพแห่งความรักหรืออานุภาพแห่งกามตัณหามันยิ่งใหญ่มากจริง ๆ สำหรับสรรพสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งตัวเราด้วย มันทำให้เรา ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุดในกามตัณหาต่าง ๆ ทำให้เกิดสังขาร เกิดภพ เกิดชาติ เป็นห่วงโซ่ที่ยิ่งใหญ่ในโลก(โลกย่อมาจากโลกีย์)ใครพิจารณาตัดมันได้ ปล่อยวางมันได้ รู้ว่ามันเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ยากทั้งปวงด้วยปัญญา ผู้นั้นก็จะพบกับความสงบสุขที่แท้จริง แม้แต่สัตว์,มนุษย์,เทวดา,พรหม ก็ยังมีกามตัณหาเป็นเชื้อเป็นกำลังทำให้เวียนว่ายตายเกิด อยู่ในวัฎฎะกรรม ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ก็มีกามตัณหานี่แหละเป็นตัวเชื้อเป็นกำลังผลักดันให้กระทำกรรมต่าง ๆ นานา มันทำให้เกิด รูป-นาม,ขันธ์5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ), อายตนะ6 (ตาเห็นรูป,หูได้ยินเสียง,จมูกได้กลิ่น,ลิ้นลิ้มรส,กายได้รับสัมผัส,จิตวิญญาณได้รับความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ นานา ก็เพราะมีความต้องการในกามตัณหาเป็นส่วนใหญ่)
    โอหนอ....อานุภาพแห่งกามตัณหาที่นำพาให้เราเวียนว่าย ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย มันมีอานุภาพมากมายมหาศาลจริง ๆ มันมาในรูปของมหามิตรเหมือนนำความสุขให้ แต่แท้จริงมันคือมหาศัตรูที่ยิ่งใหญ่มากมันสร้างกรรมให้เราข้ามภพข้ามชาติ ทำให้เราเกิดทุกข์เวทนามีโทษภัยกรรมเวรอย่างมากมายมหาศาลไม่มีที่ิสิ้นสุด ถ้าไม่รู้เท่าทันมันและหยุดมันได้ ก็จะทำเราให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างนี้ มีทุกข์ มีโทษ มีภัย มีอันตรายมากมาย จงระมัดระวังเรื่องกามตัณหาให้ดีอย่าประมาทในเรื่องกามตัณหาแม้แต่เพียงเล็กน้อย ซึ่งจะนำให้เราเกิดทุกข์มากกว่าสุข(ลองคิดย้อนหลังจนถึงปัจจุบันดูก็ได้ว่าเมื่อเรามีกามตัณหาแล้วมันสุขหรือทุกข์มากกว่ากัน) มันมีสุขนิดเดียวแต่ทุกข์มากมายมหาศาลยิ่งนัก แท้จริงแล้ว กามตัณหามันก็อยู่ในกฎพระไตรลักษณ์ คือ (อนิจจัง)มันไม่เที่ยง, (ทุกขัง)มันเป็นทุกข์, (อนัตตา)มันไม่มีตัวตนที่แท้จริง, มันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ๆ สกปรกโสโครกมีแต่ของเหม็นเน่ามันทำให้เราเกิด(แก่ เจ็บ ตาย) ก็การเกิดมันเป็นทุกข์ จงมีปัญญาพิจารณารู้เท่าทันมันเห็นมันเป็นอย่างนี้จริง ๆ มันน่าเบื่อหน่ายแล้วจงคลายกำหนัดจากกามตัณหา อย่าไปยึดมั่นถือมั่นมันเป็น(สุขของปลอม) จงปล่อยปละ ละวางมันเสีย จิตจึงจะเข้าถึงความวิมุติหลุดพ้นได้ ทำให้พบกับความสงบสุขอย่างแท้จริง
    คือ พระนิพพาน(สุขของแท้)

    สัพเพ สังขารา อนิจจา
    สัพเพ สังขารา ทุกขา
    สัพเพ ธรรมมา อนัตตา

    จิตที่แท้จริงของเราก็เป็นอนัตตา
    พระนิพพานก็เป็นอนัตตา

    จงลงมือปฏิบัติ ทาน ศิล สมาธิ ปัญญา ในพระพุทธศาสนา
    เพื่อค้นหา ความสงบสุขที่แท้จริง คือ ทางพระนิพพาน
    พวกเราได้เสาะแสวงหา ทรัพย์สมบัติเงินทอง ยศฐาบรรดาศักดิ์กันมามากแล้ว
    จงเสาะแสวงหา พระนิพพาน กันบ้างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค้นพบ
    และพระอริยะสาวก และได้รับรองว่าเป็นสุขอันแท้จริง บรมสุข เป็นสุขอันประเสริฐ
    ไม่ยากและไม่ง่าย ลองไปศึกษา ประวัติพุทธสาวกที่ได้สำเร็จและแนวทางในการฝึกปฏิบัติ
    ซึ่งมีทั้งมนุษย์และเทวดา พรหม สำเร็จกันมากมาย
    สำหรับผมจะฝึกด้วยการละกามตัณหาก่อนเป็นอันดับแรก
    เพราะกามตัณหาเป็นรากแก้วเป็นเชื้อของกิเลสตัณหาตัวอื่นนั้นเอง
    แล้วตัณหาตัวอื่น ๆ จะดับตามไปเอง
    พิจารณาซากศพต่าง ๆ (อสุภะ) เพื่อดับกามตัณหา ละกามตัณหาให้ได้ก่อน
    ว่าตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวก็สวยอย่างนี้ แต่เวลาแก่ หรือตายไปจริง ๆ แล้วก็เป็นอย่างนี้
    ซึ่งทุกคนหนีไม่พ้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็กามตัณหานี่แหละที่เป็นเชื้อเป็นตัวต้นเหตุ
    ที่ทำให้เราเกิดต้องกำจัดต้นเหตุของมันให้ได้ก่อน แล้วผลจะตามมาเอง โดยยึดหลักแนว
    ทางในทางพระพุทธศาสนา คือ ทาน ศิล สมาธิ วิปัสสนาปัญญา
    ด้วยการพิจารณา อริยะสัจ4 ,สติปัฎฐาน4,รูป-นาม(ขันธ์5 อายตนะ6),เกิด-ดับ,เป็นพระไตรลักษณ์ แล้วปล่อยวาง เป็นแนวทาง หมั่นฝึกพิจารณาทุกวันทุกครั้งที่มีโอกาส ทำได้ทั้งหลับตาและลืมตา
    เมื่อทำบ่อย ๆ ปัญญาจะเกิดความแกล้วกล้า คล่องแคล่วว่องไว เหมือนเราหัดขับรถขับบ่อยๆก็เก่ง
    ก็ขอเอาของดีที่ผมได้ศึกษาค้นคว้านิด ๆ หน่อย ๆ นำมาฝากเพื่อน ๆ สมาชิก
    และทุกท่านได้ลองคิดพิจารณาและปฏิบัติกันดู
    (ผมตั้งกระทู้ไม่เป็น ท่านใดตั้งกระทู้เป็น กรุณาแนะนำผมหน่อยครับ
    บางทีมีข้อความอะไรดี ๆ หรือได้บอกบุญกุศลดี ๆ กระผมจะได้ทำได้
    โมทนา สาธุ ๆ สำหรับท่านที่ได้แนะนำวิธีให้ผมตั้งกระทู้เป็นด้วยครับ
    ทุกวันนี้ก็เลยต้องอาศัยกระทู้ของผู้อื่นเขียนแทนครับ แนะนำได้ที่
    deelek_15@hotmail.com
    การเปรียบเทียบ แก่นพระพุทธศาสนา กับ ต้นไม้
    1. ลาภสักการะ เทียบเท่ากับ กิ่งไม้ใบไม้
    2. ศิล เทียบเท่ากับ สะเก็ดไม้
    3. สมาธิ เทียบเท่ากับ เปลือกไม้
    4. ปัญญาญาณ เทียบเท่ากับ กระพี้ไม้(อยู่ระหว่างเปลือกไม้กับแก่นไม้)
    5. ความวิมุติหลุดพ้น เทียบเท่ากับ แก่นไม้ (กาม,กิเลส,ตัณหา ไม่กลับมากำเริบได้อีก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2012
  17. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ใครนะ? มาบัญญัติคำว่า"ความรัก" เอามาประหารชีวิตหน่อย 555+(น่ากลัวจริงๆ)
     
  18. ชีวอน

    ชีวอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +763
    ผมไม่รู้ครับว่าใครบัญญัติความรัก แต่มันก้อต้องมีครับ และเราทุกๆคนก้อจะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ด้วยครับ ดำกับขาว บุญกับบาป มือกับสว่าง มารกับเทพ ผู้หญิงกับผู้ชาย ทุกอย่างถูกสร้างมาเพื่อกันละกัน ดีเกินไปก้อไม่ดีหลงตัวเองอีก ถึงต้องมีความชั่วไว้ประคองเพื่อความสมดุลภาพแห่งจักรวารครับ ถ้ายังไงพญามารหรือพวกมารจะมีอยู่ทำไมละครับ เขามีส่วนในการทำลายสิ่งต่างๆเช่นศาสนาเป็นต้น เพื่อที่จะให้มีการสมดุลภาพไงครับ เหมือนผู้ที่คิดค้นวิชาเต๋าขึ้นมา หรือหยินหยางนั้นเอง เป็นหนึ่งในศาสนาที่คล้ายพุทธมากครับ แต่ยังไม่ละเอียดเท่าพุทธแค่นั้นเอง คล้ายๆพุทธมหายานไงส่วนมากจะเน้นช่วยคนมากกว่า จะบรรลุ (เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลโปรดใช่วิจารณญาณในการตัดสินใจ) ปล. ผมผู้น้อยพูดตามที่ได้เรียนได้ศึกษามา ผิดถูกประการใดบอกกล่าวด้วย ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มิถุนายน 2012
  19. เย็นจิต

    เย็นจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +709
    ภารา หะเว ปัญจักขันธา
     
  20. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,019
    อันว่าทางโลกนั้น เขาใช้ปัญญาพิจารณากันว่า "กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท" แต่ในทางธรรมะ แล้วไซร้ เขาก็ใช้ปัญญาพิจารณาไม่ต่างกับทางโลก กล่าวคือ "กรรมเดียว เกี่ยวข้องกับธรรมะหลายบท" อยู่ที่เราจะใช้ปัญญาพิจารณาไปในทิศทางใด
    ถ้าเราพิจารณา ถึงตัว "รู้คุณ หรือรู้บุญคุณ" ภรรยามีบุญคุณกับเราผู้เป็นสามียิ่งนัก พอตายแล้วจะมาพิจารณาว่าเป็นของน่ารังเกียจ อย่างนั้น ก็เป็นการเนรคุณ
    ถ้าเราพิจารณา ถึงตัว "ติดยึด " มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะทุกอย่างในโลกนี้ล้วน "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็เสื่อมไป เป็นของธรรมดา" พระพุทธเจ้า จึงได้สอนเราเอาไว้ว่า ให้มองสิ่งรอบตัว รอบข้างให้เป็นธรรมะ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...