เรื่องเด่น ตำนานรักเลือด เรื่องผี ที่ดังเรื่องชื่่อที่สุดของยุโรป

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 3 ธันวาคม 2012.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานผีแฝดสยาม

    [​IMG]



    เมื่อกล่าวคำว่าแฝดสยาม ทุกท่านคงนึกถึง
    อินทร์ กับ จันทร์ สองฝาแฝดที่มีร่างติดกัน
    ซึ่งเป็นชาวสยามที่มีฝรั่งตะวันตกนำไปเลี้ยงเพราะ
    มีความแปลกที่ร่างกายติดกัน ทำให้ตั้งแต่บัดนั้นเป็น
    ต้นมา คำว่า แฝดสยามถูกใช้เรียกอย่างเป็นทางการ
    ในทางการแพทย์ หมายถึง ฝาแฝดที่กำเนิดมามี
    ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งติดกัน ไม่ว่าแฝดคู่นั้นจะเป็น คน
    ฝรั่ง, แขก, จีน หรือ ชาติใดๆก็ตามแต่
    จะถูกเรียกว่า "แฝดสยาม"




    [​IMG]

    ในทุกความเชื่อท้องถิ่น ต่างๆ กล่าวไม่ต่างกันนักว่า
    ฝาแฝดนั้นมีสายใยเชื่อมต่อกันทางจิต บ้างก็เชื่อ
    ว่าเป็นคู่รักหรือร่วมสาบานที่จะไม่พรากจากกันทำ
    ให้กลับมาเกิดร่วมกัน, บ้างก็ว่าเป็นดวงวิญญาณ
    เดียวกันที่ถูกแบ่งแยกออกมาเป็นสองร่าง แต่ที่ดู
    จะน่าลัวและดูจะน่าสนใจที่สุด คือ ดวงวิญญาณของ
    ฝาแฝดที่ ไม่ธรรมดา แต่มีร่างกายติดกัน

    กล่าวกันว่าในชาติ ก่อนนั้นทั้งคู่เคยรักกันมากและไม่
    อยากพรากจากกัน จนต้องสาบานที่จะมาเกิดร่วมกัน
    จนเป็นเหตุให้มามีสภาพร่างกายเดียวกัน
    ในช่วงนี้จะขอนำเสนอตำนานผีฝาแฝด
    ในแต่ละรูปแบบ ที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นใน
    ประเทศทางยุโรป



    [​IMG]


    ในสมัยโบราณของประเทศทางตะวันตกมักจะมีการนำ
    ฝาแฝดเหล่านี้ออกแสดงโชว์ตามคาราวานต่างๆ
    โซเวียตเป็นอีก หนึ่งประเทศที่มีจำนวน
    ฝาแฝดตัวติดกันในรูปแบบแปลกๆมากมาย
    อันกล่าวกันว่า เป็นเพราะการระเบิดของ
    โรงงานปรมณู เชอโนบิลว์ ใน กรุงไพรแยท
    อันเป็นผลให้เมืองนี้ปัจจุบันกลับกลายเป็น
    เมืองร้างเพราะ กัมมันตภาพรังสี ตกค้างเยอะ
    จนปัจจุบันต้องขนผู้คนออกจาก
    บริเวณนั้นไปจนหมด ทำให้ปัจจุบัน ไพรแยท
    เปรียบเสมือน นครร้างลึกลับ ที่มีหลายคนกลัวที่
    จะย้างกรายเข้าใกล้ เพราะมีตำนานท้องถิ่นคิด
    เชื่อจินตนาการกันไปว่าเป็นที่อยู่อาศัย
    หลบซ้อน ตามซากเมืองโดย
    มนุษย์กรายพันธุ์ที่เกิดจากได้รับสาร กัมมันตภาพรังสี




    [​IMG]



    ใครที่สนใจสามารถชมภาพ ฝาแฝดตัวติดกันแบบ
    แปลกๆและสิ่งมีชีวิตกรายพันธุ์ อันเนื่องมาก
    ผลข้างเคียงของการระเบิดของโรงปรมกรณ์
    ปรมาณู เชอโนบิลว์ของ รัสเซียที่ทำให้ชาวยุโรป
    โดยเฉพาะ รัสเซีมากมาย เป็นมะเร็ง
    หรือให้กำเนิด มนุษย์กรายพันธุ์ได้


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rvAJ_u3Q0Hw]Chernobyl Decay and Deformed - YouTube[/ame]



    [​IMG]


    :boo::boo::boo:


    ตำนานผีฝาแฝดสยาม



    เรื่องราวเกิดขึ้นในหอคอย เอล์ฟฟินสโตน ซึ่งอยู่
    ทางปีกขวาของ ปราสาท สเตอริงก์ ซึ่งเป็นที่ทราบ
    กันดีว่าพนักงานที่ทำงานในปราสาท สเตอริงก์
    ปัจจุบันพบว่า หอคอย เอล์ฟฟินสโตนนั้นน่ากลัวเพียงใด
    เพราะเคยใช้เป็นห้องขังทรมานผู้คนมาในสมัย
    โบราณ และนอกจากจะเป็นี่สิงค์สถิตย์ของภูติผี
    ที่ตายที่นั้นแล้ว ยังมีเรื่องเล่าลี้ลับอันแปลก
    ประหลาดเกี่ยวกับผีของแฝด สยาม หรือ
    ฝาแฝดตัวติดกันอีกด้วย



    [​IMG]

    ตำนานเล่ากันว่า พระเจ้า เจมส์ที่ 5 นั้นทรงเป็นผู้
    ที่เชื่อในโชคลาง, ไสยศาสตร์, สิ่งลี้ลับ เป็นอยางยิ่ง
    จนมีพ่อมด บอกเคล็ดลับการขึ้นครองอำนาจ
    ของพระองค์ว่า ให้พระองค์เสาะหาเอาฝาแฝด
    ที่มีร่างติดกัน ไปล้ามโซ่ขัง
    ไว้ที่ประตูในหอคอย และพระองค์จะต้องพยาม
    อย่าให้เด็กหนุ่มฝาแฝดตัวติดกันคู่นี้ตายไป
    เป็นอันขาด จะต้องเลี้ยงไว้ให้ดี ให้อยู่เป็นเครื่อง
    ลางส่งให้พระองค์ครองราชย์ได้ราบรื่นยาวนาน


    [​IMG]


    แต่แล้ว เรืองราวก็ดูเหมือนจะผิดค้าด เพราะการจับ
    คนมาขังเอาไว้นั้นเป็นการสร้างความทรมาน
    ทั้งทางใจและกาย แกฝาแฝดตัวติดกัน ที่ก็ไม่ได้ปกติ
    เหมือนคนธรรมดาที่แข็งแรงอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เอง
    หนึ่งในแฝดจึงได้เสียชีวิตลง ในขณะที่เหลือ
    แฝดอีกข้างที่ยังมีชีวิต พระเจ้าเจมส์ทรงกระวน
    กระวายพระทัยเป็นอย่างยิ่งกลัวว่า
    พระองค์จะประสบเคราะห์กรรมจากการที่แฝด
    ตัวติดกันข้างหนึ่งได้เสียชีวิตลง
    พระองค์ทรงรับสั่งให้คนที่เฝ้าดูแลฝาแฝดตัวติด
    กันในหอคอย พยามทำทุกอย่างเพื่อประคับ
    ประคองฝาแฝดอีกข้างที่ยังไม่ตายให้มี
    ชีวิตอยู่ให้นานที่สุด
    ทั้งที่ร่างกายพี่น้องฝาแฝดอีกข้างของเขาได้
    ตายไปแล้ว แฝดน้องอีกขางยังโดนบังคับให้
    มีชีวิตอยู่ต่อให้นานต่อไปในหอคอยนั้น โดย
    มีศพของพี่ชายฝาแฝดของเขาลากไปไหน
    มาไหนในหอคอยด้วยกัน ช่างเป็นเรื่องที่
    สลดอดสูที่สุด แต่อยู่ต่อไปได้ไม่กี่เดือนเพราะ
    แฝดพี่น้องอีกข้างนั้นได้เน่าลงทุกวันจนทำ
    ให้ฝาแฝดอีกข้างก็ได้ตายตามไปในที่สุด
    หลังจากนั้นก็จะมีเสียงวิญญาณลากโซ่ตรวน
    ดังลากไปลากมาในหอคอยเอล์ฟินตันนั่นเอง
    อันเชื่อกันว่าเป็นเสียงเดินลากตรวนข้อเท้า
    ที่ล้ามฝาแฝดตัวติดกันเอาไว้ในยามที่ยังมีชีวิตอยู่




    ตำนาน ผีเจ้าชายน้อยสองพี่น้อง
    แห่ง หอคอย แห่ง ลอนดอล



    [​IMG]


    เรื่องนี้ไม่ใช่ตำนานผีฝาแฝด แต่เป็นตำนาน
    ผีเด็กสองพี่น้องอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความโศก
    สลดและ สยองขวัญได้ในนาทีเดียวกัน

    ย้อนไปในราวปี 1470 ระหว่างรอยต่อของการ
    จะออกจากุคกลางเข้าสู่ยุคเรอแนงซองฌ์
    พระเจ้า เอ็ดเวิร์ดเวิร์ดที่ 4 แห่งอังกฤษ ทรงมี
    พระราชโอรสสองพระองค์ อันได้แก่ เจ้าชาย
    เอ็ดเวิร์ด วัย 12ขวบ กับเจ้าชายริชาร์วัย 10 ขวบ
    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ทรงก่อตั้งสภาแห่งเวลส์
    และมาร์ชและจึง ทรงส่งพระราชโอรสไปประทับ
    ที่ปราสาทลัดโลว์ในเวลส์




    หลังจากทรงส่งเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์ไป
    ได้ไม่นาน พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 ผู้เป็นพ่อก็ทรง
    สวรรณคต เจ้าชายน้อย เอ็ดเวิร์ด องค์โตวัย12 ขวบ
    จึงได้รับการถาปณาเป็น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่5
    ซึ่งเป็นพระราชาที่ยังพระเยาว์มากในขณะที่
    เจ้าชายน้อยริชาร์ด วัย 10 ขวบ องค์เล็ก
    ทรงดำรงค์ตำแหน่งเป็น ดยุ๊ค แห่ง ยอร์ค
    พระปิตุลา หรือ ลุงเล็ก น้องชายของ
    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ซึ่งในขณะนั้นดำรงค์ตำแหน่ง
    เป็น ดยุ๊คแห่ง กลอสเตอร์ได้ เข้าอ้างตนเป็น
    ผู้ปกครองของยุวกษัตริย์ เอ็ดเวิร์ด และ ริชาร์ด
    ทรงอ้างว่า ทั้งสองระองค์ยังเด็กเกินไปที่จะ
    ครองแผ่นดิน จึง อัญเชิญ พระราชาน้อย
    ทั้งสองให้ไปอยู่ในการดูแล ในหอคอย แห่ง
    หนึ่งในกรุงลอนดอล

    [​IMG]


    และที่นั่นเองที่ เรื่องราวความลึกลับก็ได้เกิดขึ้น
    เมื่อจู่ๆ ทั้งเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและเจ้าชายริชาร์ด
    ก็ได้ หายตัวไปอย่างลึกลับในหอคอยแห่งนั้น
    ไม่ผู้ใดอาจล่วงรู้ได้ว่า เจ้าชายน้อยทั้งสอง
    หายไปไหน แม้แต่นักประวัติศาสตร์ก็ยัง
    ไม่สามารถหาตัวการผู้สังหาร เด็กน้อยทั้งสองได้
    เพราะตามบันทึกไม่มีร่องรอยใดๆที่บ่งบอก
    ตลอดจนไม่สามารถหาพระศพเจอ
    แต่นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันต่าง
    สันนิษฐานไปที่ เป็นการรอบปลงพระชนม์โดย
    ลุงเล็ก หรือ พระเจ้า ริชาร์ด ดุ๊ก แห่ง กลอสเตอร์
    ผู้ ดำรงค์ตำแหน่ผู้พิทักษ์ ยุวกษัตริย์ ในเวลานั้น
    เพราะจากหลักฐานชี้ให้เห็นว่า
    ดุ๊ก แห่ง กลอสเตอร์ ได้สถาปณาตนเอง
    เป็นกษัตริย์แทน เจ้าชายน้อย นอกจากนี้ยังใช้
    บาทหลวงราล์ฟ เป็นข้ออ้างว่า เจ้าชายน้อย
    ทั้งสองพระองค์ไม่สมควรจะขึ้นดำรงค์ตำแหน่ง
    กษัตริย์ ด้วยข้ออ้างที่ว่า ทั้งสองพระองค์
    ทรงถือกำเนิดมาจาก พระนางอลิซาเบธ วู้ดวิลว์
    พระมารดาซึ่งเป็นเมียที่สองของ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่
    นั้นสมรสกันอย่างไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
    แม้ว่าจะ ทรงได้รับสถาปณาเป็นราชินีก็ตาม
    เพราะในเวลาที่ทรงอภิเสกกับเอ็ดเวิร์ดนั้น
    พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดยังทรงมีมเหสี ที่จดทะเบียนสมรส
    อยู่ คนหนึ่ง คือ เลดี้ อิลินนอร์ ทาวบ็อท แม้นาง
    จะมาเสียชีวิตในภายหลังก็ตาม ดังนั้นถือว่า
    เจ้าชายน้อยทั้งสองทรงกำเนิดมาจาก
    พระมารดาที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมาย (ลูกเมียน้อย)



    [​IMG]


    หลังจากการใช้ข้อนี้กล่าวอ้างว่า เจ้าชายทั้ง
    สองพระองค์ เป็นโอรสนอกกฏหมายของกษัตริย์
    องค์ก่อน พระเจ้าริชาร์ดที่สาม หรือ อาเล็กก็
    ได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์แทน หลังจากนั้น
    ผู้คนก็พบว่าเจ้าชายน้อยทั้งสองพระองค์
    เริ่มปรากฏตัวให้เห็นน้อยครั้งลงที่หน้าต่าง
    ห้องในหอคอย จนกระทั้งไม่มีผู้ใดเคยเห็นเด็กทั้งสองอีกเลย




    หลายศตวรรษผ่านมา ผู้คน ทั้งยามคุมหอคอย
    ต่างเห็นการปรากฏกายของผีเด็ก ที่ตำแหน่งใต้
    กระได, กระทั้งเป็นเวลา2ถึง3ศตวรรษ ให้หลัง
    ราวสมัยของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 ได้มีช่างถูกส่งไปซ่อม
    กระไดในหอคอยนั้นเอง ที่ปริศนาอันดับมืดก็เปิด
    ผลัวะออกมาก เมื่อช่างได้ค้นพบกับซากโครก
    กระดูกของเด็กสองคนในหีบใต้กระไดในหอคอยนั่นเอง
    แต่กระนั้นอย่างไรก็ตามมันไม่สามารถพิสูจน์ได้
    ว่ากระดูกเป็นเจ้าชายน้อยจริงๆ แต่กระดูกก็ยัง
    คงถูกส่งไปบรรจุที่วิหาร เวสมินสเตอร์
    ภายใต้ชื่อโกศใส่กระดูกที่เขียนว่า เอ็ดเวิร์ด และริชาร์ด




    [​IMG]



    ตำนาน เลดี้ พิงค์ หรือ ผีสาวในชุดสีชมพู



    [​IMG]


    :boo::boo::boo:





    วิญญาณหญิงสาวในชุดสีชมพูอ่อน มีผู้คนพบเห็น
    นางที่ปราสาทของพระนางแมรี่ ออฟ สกอต
    ในสกอตแลนด์ ด้วยเหตุนี้วิญญาณของนางจึงถูก
    เรียกว่า พิงค์ เลดี้ หรือ ผีสาวในชุดกระโรงสีชมพูตุ่นๆ
    กล่าวกันว่านางมีชีพอาศัยอยู่ในปี 1304 ในสมัยทีมีการจารจล
    และปราสาทถูกยึด คนรักของนางได้หายตัวไป
    เพราะโดนลูกหลงตายในการจารจลครั้งนั้น
    ด้วยเหตุนี้นางจึงออกตามหาเขา โดยเดินจากปราสาท
    ไปยังโบสถ์ข้างๆ แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไรก็ไม่พบชาย
    คนรักนั้น ทำให้นางตรอมใจและเอาแต่ร้องไห้
    จนแม้แต่ยามที่ตายไป ผู้คนก็ยังเห็นเป็นร่าง
    ของนางในชุดสีชมพูออกเดินร้องไห้ตามหาชาย
    คนรัก ไปรอบๆปราสาท



    ตำนาน เลดี้ กรีน หรือ หญิงสาวในชุดเขียว



    [​IMG]


    สุภาพสตรีสีเขียวถูกกล่าวว่าเป็นดวงจิตของ
    นางต้นห้องของแมรี่ราชินีแห่งสก็อต
    คืนหนึ่งเมื่อเธอออกไปในตอนเย็นเธอมีลาง
    ว่าพระราชินีตกอยู่ในอันตราย เพราะอยู่ๆผ้าม่าน
    เตียงของเธอก็เกิดไฟลุกไหม้ เมื่อเธอวิ่งเข้าไป
    ในห้องนอนของพระราชินี และพยามช่วยราชินี
    จากไฟไหม้ห้องบรรทม เธอกลับเสียชีวิตจาก
    บาดเจ็บไฟลวกเสียเอง

    ปัจจุบันเธอจะมาปรากฏกายในชุดสีเขียวเป็นเงา
    ร่างบางๆในปราสาท ตอนนี้ภาพลักษณ์เสมือน
    เป็นการเตือน การมาของเหตุการณ์เลวร้ายที่ปราสาท
    เมื่อเธอปรากฏ พนักงานจะรู้ว่าต้องระวังในการ
    ดับเพลิงหรือบางวิกฤตอื่น ๆ




    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2595823/[/MUSIC]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานผี เด็กชายในชุดสีฟ้า

    เรื่องราวผีเรื่องชื่อแห่ง ปราสาท ชิลลิ่งแฮม
    ใกล้ชายแดน ประเทศสกอต



    [​IMG]


    การหลอกหลอนของผีที่ได้รับฉายาว่า เด็กชายใน
    ชุดสีฝ้าจอมเฮี้ยน มักจะเริ่มขึ้นเสมอเในจังหวะเที่ยงคืน
    เมื่อเสียงโอดครวญเป็นเสียงก้องสะท้อนกระทบไปทั่ว
    กำแพงปราสาทหนา ครั้นเมื่อเสียงร้องสงบลง
    ผู้ที่เผชิญหน้ากับผีจะเห็นเหมือนๆกันคือ เงาร่าง
    เด็กผู้ชายสีออกฟ้าๆจะปรากฏใกล้
    เตียงสี่เสาเก่าในห้องพัก เด็กผู้ชาย ล้อมรอบด้วยแสงประหลาด
    ในปี ค.ศ. 1920 ได้มีการ, บูรณะใกล้ห้องนี้ และค้นพบ
    กระดูกของเด็กชาย และเศษวัสดุสีฟ้า
    ซากทั้งหมดได้โดนย้ายออกไปฝังและทำพิธีอย่าง
    ที่ควรจะเป็นหลังจากนั้นการหลอกหลอนของผีจึงได้สงบลง





    ผี เลดี้ แมรี่ เบิร์คเคอเล่



    [​IMG]



    เลดี้ แมรี่ เบิร์เคอเล่ นั้นเป็นภรรยาที่น่าสงสาร
    ของ ท่าน เอิร์ล แทงเกอร์วิลว์ผู้คนมักจะเห็น
    วิญญาณของนางเดินออกไปรอบๆ ทางเดิน
    หน้าห้องในปราสาท ชะโงกหา อะไรบางอย่าง
    ตามประวัตินั้น เล่ากันว่านางตรอมใจตาย
    เพราะสามีได้หนีตามชู้รัก เลดี้ เฮนเรียตต้า
    ซึ่งคือน้องสาวของนางเอง และปล่อยให้นางต้องเลี้ยงดูลูกๆ
    ตามลำพังในปราสาท
    ไม่ไกลกันนักกับปราสาท ชิลลิ่งแฮม ได้ มีเนิร์สเซอรี่
    รับเลี้ยงเด็กแห่งนึงเปิดและได้ซื้อภาพ ฉายาลักษณ์
    เก่าแก่ ของ ท่านหญิง เบิร์คเคอเล่ ไปติดที่ข้าง
    ฝาเนิร์สเซอรี่ ซึ่งผลปรากฏว่า พวกเด็กเล็กเด็ก
    น้อยที่เอาไปฝากดูแลโดยพ่อแม่ที่เนิร์สเซอรี่
    นั้นเอง ต่างร้องไห้ กระจองอแง จน ทุกคน
    เชื่อกันว่าเพราะเด็กเห็น หรือ สัมผัสได้กับ
    วิญญาณ เฮี้ยนของ นางในรูปภาพ
    โดยมีเด็กเล็กบางคนอ้างว่าเห็นผีหลังจาก
    การนำรูปของท่านหญิงมาติดข้างฝาเนิร์สเซอรี



    [​IMG]


    นอกจากนี้ในปราสาท ชิลลิ่งแฮมปัจจุบันได้ทำ
    เป็นส่นสำนักงานต่างๆเช่น มีห้องสมุด ที่ผู้ดูแล
    ได้ เป็นพยานการปรากฏตัวของผี หลายตน
    เช่นผีผู้ชายในห้องสมุด หรือ ผีหญิงสาวใน
    ชุดขาวที่ปรากฏตัวบ่อยครั้งให้ผู้ดูแลห้องเก็บเงินได้เห็น





    วูตัน อันเดอร์ เอดจ์


    [​IMG]


    โรงเตี้ยม หรือ โรงแรมขนาดเล็กนามว่า ราม
    เป็นโรงแรมโบราณที่อยู่ในเมือง
    วูตัน- อันเดอร์- เอดจ์ เป็นสถานที่บรรยายปรากฏการณ์
    เรื่องราวของการบูชาปีศาจและการเสียชีวิตอัน
    น่าสยดสยองตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน
    ได้เป็นอย่างดี บางกล่าวว่าที่นี้ก็เป็นหนึ่งใน
    บ้านผีสิงมากที่สุดของอังกฤษ



    [​IMG]


    ปีศาจไฟและไฟสเปกตรัมได้รับการรายงานที่พบ
    ในวรรณกรรมของเรื่องราวเหนือธรรมชาติ...
    ในสหราชอาณาจักรปีศาจไฟ เหล่านี้ไฟจะถูก
    เรียกว่าผี วิลว์ โอ วิปส์ Wil-O-Wips และเชื่อ
    ว่าจะเป็นลางของความโชคร้ายที่กำลังจะมาหรือ
    ทำให้เสียชีวิต บางครั้งเรียกว่า fatuus Ignis
    หรือ ไฟลวง ในบางวัฒนธรรมเชื่อว่าเป็นวิญญาณของคนตาย




    [​IMG]

    ผับในโรงแรม รามเป็นผับที่สร้างขึ้นบนสถานที่ฝังศพ
    เก่าของพวกที่นับถือ ลัทธิพ่อมดแม่มดในสมัย
    โบราณ ศตวรรษที่สิบสอง
    ปัจจุบันที่นี้ได้กลายเป็นจุดที่นิยมกับนักล่าผีและ
    เป็นข่าวเรื่อง วงกลมไฟลี้ลับ เคลื่อนไหวได้,
    ไฟเต้นระบำและ เงารางๆของผี ผู้เข้าชม
    และพวกนักวิจัยหาวามจริงทางวิทยาศาสตร์
    ลึกลับตอดจนพวกนักล่าผี หลายคนอธิบาย
    บรรยากาศที่นี้ว่า เหมือนครอบคลุมไปด้วย
    สิ่งชั่วร้าย เจ้าของโรงแรมได้กล่าวให้ฟังอีก
    ว่าคนที่เคยอยู่ที่นั้นแปดคนในสมัยก่อนนั้น
    เป็นพวกสนใจการเข้าทรง และเรียกผี






    wel lcome_pink
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  3. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานปราสาทผีสิงค์ ภาค 2

    ตำนานปราสาทผีสิงค์ ภาค 2



    ตำนาน ปราสาทแม่มด



    [​IMG]

    หากหลายท่านได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับแม่มดไปบ้าง
    แล้วในหน้าก่อนๆก็คงไม่จำเป็นต้องเล่าซ้ำอีกว่า
    แม่มดเป็นใคร และมีตัวตนจริงไหม ในประวัติศาสตร์
    ความดำ มดของประวัติศาสตร์ยุโรปในตอนนี้จะขอ
    เล่าถึงเรื่องราวตำนานปราสาทแม่มดชื่อดังที่มีอยู่
    จริงมิใช่เพียงในเทพนิยาย นอกจากนี้ผู้ปราสาท
    แห่งนี้ยังได้รับการยืนยันจากบรรดานัก่าผี ตลอดจน
    พวกชาวบ้านท้องถิ่นยังเรียกปราสาทนี้ว่า ปราสาท
    แม่มดอีกด้วย ปราสาทแม่มดเดิมทีั้มีชื่อว่า
    ปราสาท มูแชม ตั้งอยู่ใน
    ซัลส์เบิร์ก ประเทศ ออสเตรีย ปราสาทแห่งนี้
    อันที่จริงสร้างมาตั้แต่สมัยยุคกลาง คศ ก็เกือบๆ
    700 ปีที่แล้วภายใต้การปกครง
    ของเยอรมัน ปราสาทแห่งนี้เป็นอีกที่หนึ่งที่มี
    ตำนานยาวนาน เกี่ยวกับกับเรื่อง ลึกลับ
    และเชื่อว่าเป็นที่สิงค์สถิตย์ของผีแม่มดและ
    คนแคระ ในสมัยยุคกลาง.....



    [​IMG]


    ในราวปลายยุค เรอแนสซองฌ
    ซึ่งเป็นยุคที่ขึ้นชื่อเรื่อง การล่าแม่มด ระบาทหนัก
    ที่สุดไปทั่วยุโรป และแม้แต่ในทวีปใหม่เช่น อเมลิกา
    ณ ปราสาท มูแชม นี้เองที่ตำนานพ่อมดแจ็ค
    ได้ถือกำเนิดขึ้น ในประเทศ ออสเตรีย ในปี 1675
    หญิงม้ายทรงเครื่องนางหนึ่งนามว่า บาบาร่า คอลเรอลิน
    ได้คบหากับคนรักของนางซึ่งมีนามว่าพอล คัลเท้นแพชเชอร์
    ในขณะที่ บาบาร่าก็มีลูกชายเป็นด็กหนุ่มวัยรุ่น
    กับสามีคนก่อนมาแล้วหนึ่งคน ซึ่ง ชายหนุ่มลูก
    ของนางกับสามีเก่านั้นมีนามว่า จาค็อบ คอลเลอร์
    หรือ แจ็ค อันเป็นชื่อเล่นของชายหนุ่ม


    [​IMG]


    ซึ่ง แจ็คเองนั้น เป็น บุตรชายของ บาบาร่า
    กับสามีเก่าซึ่งเป็นผู้ช่วยของ ผู้ลงทัณฑ์
    นักโทษคดีแม่มด ครั้นเมื่อ บาบาร่า และ คนรักใหม่
    โดนจับข้อหาเป็นแม่มดและเล่นคุณไสย์ ในระว่าง
    การโดนจับและทรมาณอย่างรุนแรง ทั้งสองจำเป็น
    ต้องซัดทอดใครสักคน บาบาร่าและคนรักของนางจึง
    ซัดทอดไปถึง แจ็ค ลูกชายของบาบาร่าที่เกิดกับผู้
    ช่วยนายราชทัณฑ์แม่มด เมื่อนั้นเองที่แจ็ค
    จึงโดนหมายหัวห้จับมาทรมานเช่นกัน เพราะ
    พ่อเลี้ยงของเขาเอง ตลอดจนบาบร่า แม่ของ
    แจ็คต่างก็โดนทรมาน อย่างหนักจนต้องยอมพูด
    ให้ร้ายออกมาว่า แจ็ค นั้น ได้ทำสนธิสัญญา
    เป็นทาสของซาตาน



    [​IMG]


    แต่กระนั้นบาบาร่า ก็ถูกตัดสินประหารในเวลาต่อมา
    ไม่นาน แต่สิ่ลี้ลับก็เกิดขึนคือ แม้ศาลจะมีหมาย
    ให้อออกจับแจ็ค มาลงทัณฑ์ เช่นแม่และพ่อเลี้ยง
    ของเขา แต่กระนั้นก็ไม่มีใครหาตัวเขาพบ ไม่อาจ
    รู้ได้ว่าเขาไปซ้อนตัวอยู่ที่ใดนั้นเอง ด้วยเหตุนี้เอง
    จากผู้ต้องหาคดีเป็นสมุนกับซาตานก็กลับกลาย
    เป็นพ่อมดที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในสายตา
    ราชการ และชาวเมือง ทุกคนยิ่งเชื่อกันเข้า
    ไปยกใหญ่ว่า แจ็คนั้นต้องเป็นพ่อมดที่อหังกาและ
    ขมังเวทย์เป็นอย่างยิ่ง เข่าถึงได้หลบซ้อน
    ตัวจากหลวงได้ คดีพ่อมด แจ็ค กลายเป็น
    อีกคดีแม่มดพ่อมดหนึ่งที่ นักล่าแม่มดกลับ
    กลัวพ่อมดขึ้นมา ไม่ต่างจากคดีของ
    อิโซเบลว์ ดาวดี้ ที่เกิดในสกอตแลนด์
    ที่ไม่สามารถหาตัวแม่มดมาลงทัณท์ได้



    [​IMG]



    ครั้นในปี 1677 เมื่อ เด็กชายพิการ ขอทานวัย
    สิบขวบนามว่า เฟลเนอร์ เบทเทอร์บ็อบ ดิโอนีซอส
    ที่บรรดาพวกขุนนางาชการ ต่างเหยียดหยามและเรีกเด็กชาย
    คนนี้ว่า สัตว์เดรัจฉาน ก็ถูกจับมาทรมานข้อหาพ่อมด
    เช่นกัน เด็กชายไม่รู้จะซัดทอดใครไปได้นอกจาก
    แจ็คพ่อมดชื่อดังที่หายสาปสูญและไม่มีใครตามจับได้นั้นเอง

    เด็กชายจึงสร้างเรื่องว่า แจ็ค นั้นเป็นพ่อมดที่ขมังเวทย์
    เป็นผู้นำบรรดาแก็งค์เด็กพิการและเด็กขอทานั้งหลาย
    นอกจากนี้ยังสอนเวทย์มนต์ให้แก่พวกเด็กยาจนอีกด้วย
    แจ็คสามารถเป่าปี่เรียกหนูทั้งหลายให้เข้ามา
    เพ่นพ้านก่อโรคระบาดในเมือง

    ตลอดจนตำนานที่เล่าขานกันว่า แจ็คหายตัวได้, โหดหินร้ายกาจต่างๆ
    จนถึงกับทำให้ทางการถึงกับระงับไม่ออกตามล่าแจ็คเป็นราย
    พิเศษเพราะต่างกลัวนความสามารถทางเวทมนตร์ของชายหนุ่ม



    [​IMG]


    บทสุดท้ายของตำนายพ่อมดแจ็คคือ ไม่มีใครหาตัวเขาพบ
    แต่บรรดาพวกเด็กยากจนแลเด็กขอทานนับร้อยต่าง
    โดนจับมาลงทันฑ์ทรมานในปราสาท มูแชม
    หรือปราสาทแม่มด 139 ตนโดนประหาร
    เป็นผู้ชายเสีย 113 คน และเด็กสุดคือ
    ฮันนาลว์ และ แก่ที่สุดคือ แม่เฒ่าวัย 84
    นามว่า มากาเล็ต รายเบิร์ค ในขณะที่ผู้ที่โดนจับคดี
    แม่มดพอมดในครั้งนี้โดยมากจะเป็นเด็ก กับเด็กหนุ่ม
    วัยรุ่น และชายหนุ่ม มากกว่าผู้หญิง

    ทั้งหมดโดนทรมานก่อนจะถูกตัดหัว ส่วนพวกที่รอดโดน
    ตัดมือ และถูกตีตราด้วยเครื่องหมายประทับไฟร้อนนาบ
    ร่างแทนเครื่องหมายผู้กระทำผิด




    เดี๋ยวมาเล่าต่อพรุ่งนี้ ตอน ตำนานคนแคระแห่ง ปราสาทมูแชม :boo::boo:


    ปราสาท เพรดจาม่า ประเทศ
    สโลเวเนีย


    [​IMG]


    :boo::boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • castle6.jpg
      castle6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      120.9 KB
      เปิดดู:
      4,340
    • burg-eltz.jpg
      burg-eltz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      227.7 KB
      เปิดดู:
      4,329
    • castle8.jpg
      castle8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      223.2 KB
      เปิดดู:
      4,738
    • 3546356805_259ef75f24_b.jpg
      3546356805_259ef75f24_b.jpg
      ขนาดไฟล์:
      577.6 KB
      เปิดดู:
      5,734
    • castle2.jpg
      castle2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      148 KB
      เปิดดู:
      4,792
    • castle1.jpg
      castle1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      117.4 KB
      เปิดดู:
      6,332
    • castle3.jpg
      castle3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.6 KB
      เปิดดู:
      39
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  4. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    แวะมาให้กำลังใจค่ะ ในยุโรปมีสิ่งสวยงามมากมายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความโหดร้ายด้วยอ่านแล้วสงสารคนยุคนั้นจังค่ะ
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานปราสาทผีสิงค์

    ปีศาทคนแคระแห่งปราสาทมูแชม


    [​IMG]


    ต่อจากความเดิมตอนที่แล้วหลัง
    จากได้ยินได้ฟังประวัติศาสตร์เรื่องราวความสะยดสยอง
    ของการฆ่าหมู่บรรดา เด็กหนุ่มนับร้อยคนที่
    ที่โดนกล่าวหาว่าเป็นพ่อมด ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณ
    ลานสนามหญ้าหน้าปราสาทมูแชม หรือ ปราสาท
    แม่มด แห่ง ออสเตรีย จนทำให้ปราสาทมูแชม
    กลายสภาพไปเป็นปราสาทผีสิงค์ในเวลาต่อมา
    ซึ่งบรรดานักล่าผีต่างให้ความสนใจไปพิสูจน์
    ความลึกลับที่ปราสาทแห่งนี้บรรดาชาวออสเตรีย
    หลายต่อหลายคนยังได้มีการกล่าวขวัญกันถึงผี
    คนแคระอีกด้วยที่สิงค์สถิตอยู่ณปราสาท
    โบราณแห่งนี้อีกด้วย

    [​IMG]


    ในราวยุคศตวรรษที่ 12 หรือ ยุคกลางซึ่ง
    ปราสาทนีเพิ่งจะสร้างมาได้ไม่นาน ฤษีท่านหนึ่ง
    จากแคว้นรูเบนสไตน์ได้ออกเดินทางไปเยี่ยม
    ขุนนางแห่งคารินเธียและได้รับความดีความชอบ
    จากการช่วยใช้วิชาไสยเวทย์เปิดเผยฆาตกรรม
    ทรยศข้าราชบริพารของ ราชสำนักท่านดุ๊กแห่งคารินเธีย


    ในฤดูร้อนของ 1208 เซอร์ อูทเทรคต์ ฟอน ฮาเลน
    ของอาร์คบิชอป-เจ้าชายแห่ง ซาลซ์บูค
    ได้มาขอรองให้ฤษีช่วยบุตรชายวัยสิบขวบของ
    เขา อัศวินผู้นี้ ได้เล่าว่าลูกชายของเขาได้สัมผัสปีศาจ
    วาดภาพของซาตาน และ สนทนากับวิญญาณได้
    และแม้ว่าจะสวดมนต์ ไปหาพระ หรือขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    แต่ก็ไม่หายขาด เด็ก ในฐานะทายาทคนเดียวของเขา
    , เซอร์ อูทเทรคต์ กลัวบาทหลวงจะส่งเด็กออกไปเสก
    เข้าสู่พิธีกรรมตรวจสอบพ่อมดแม่มดด้วยการทรมาน
    เช่นที่คดีอื่นๆในยุคนั้นทำกัน ด้วยความที่กลัวจะ
    เสื่อมเสียมาถึงตระกูลที่สูงศักดิ์ เขาจึงขอร้องให้
    ฤษีช่วยเรื่องนี้ ทำนายสิ่งที่อาจจะทำเพื่อรักษาเด็ก


    [​IMG]


    โดยเสนอความรำรวย ทรัพย์สินเงินทองและเกียรติยษ
    ชื่อเสียงให้แก่ฤษีและพรรคพวก และด้วยเหตุที่
    อัศวินผู้นี้ทำงานรับใช้ท่านอาร์คบิชอปผู้ยิ่งใหญ่
    เขาจึงดูเป็นคนที่น่าเชื่อถือ, ท่านฤษีและผู้ติด
    ตามจึงเดินทางตาม เซอร์อุทเทรคค์ไปยังปราสาท
    มูแชม ซึ่งเป็นที่อยู่ของอัศวินผู้นี้ในเวลานั้น
    แต่ครั้นเมื่อถึงปราสาทมูแชม ฤษีและพรรคพวกค้นพบว่า


    [​IMG]


    ท่านเซอรม์มิได้มั่นคงในศีลสัตย์อย่างที่คุยไว้
    ว่าตนร่ำรวยและยิ่งใหญ่มากมาย ปราสาทของ
    ท่านเซอร์นั้นไม่ได้เต็มไปด้วยป้อมปราการใหญ่
    โตโอ่อ่า แถมห้อเครื่องต่างๆของปราสาทก็ไม่ได้
    ใหญ่โตหรูหราพอกัน เป็นแค่ปราสาทเก่าโซมๆทึมๆ
    ทีดูน่ากลัวท่านั้น หน่ำซ้ำพกข้าราชบริพารก็ยัง
    ไม่ได้ให้การต้อนรับในการเดินทางมาของพวกฤษี
    มากนัก นอกจากนี้ ปราสาทยังมีเรื่องลึกลับผิดศีล
    ธรรมที่บรรดาคนรับใช้เอาไปนินทากันให้หนาหู
    เกี่ยวกับพฤติกรรมผิดศีลธรรมของท่านเซอร์เอง
    ที่น่าจะมีส่วนทำให้ซาตานย้างกรายเข้า
    มาสิงค์สู่ คุณชายน้อย
    เกรเกอร์ บุตรชายวัยไม่กี่ขวบของท่านเซอร์
    ที่อ้างว่าโดนผีเข้าบ่อย และมองเห็นสิ่งลี้ลับ



    [​IMG]

    หนึ่งในสมุนของฤษี ซึ่งมีนาม่า แม็กด้า ได้ค้นพบ
    ว่าพวกคนในปราสาทต่างไม่ชอบหน้าท่านเซอร์นัก
    พวกเขาเชื่อกันว่าที่คุณชายน้อยลูกของท่านเซอร์
    โดนซาตานติดต่อและเข้าสิงค์บ่อยๆเป็นเพราะการ
    กระทำอันผิดศีลธรรมของผู้เป็นพ่อที่ทำให้ เลดี้
    ผู้เป็นมารดาของคุณชายน้อยต้องเสียชีวิต
    พวกเขาเล่ากันว่าก่อนหน้าที่คุณชายน้อยเกรเกอร์จะถือกำเนิด


    [​IMG]


    ท่านเซอร์มีภรรยาเป็นหญิงสาวร่างกาย
    อ่อนแอ ขี้โรค นางนึง ที่ท่านเซอร์ปรารถนาจะ
    ให้นางผลิต ทายาทชายให้แก่เขาทั้งที่รู้ว่านาง
    นั้นไม่ค่อยสบาย
    แต่เขาก็ยังบังคับขืนใจนางให้มีลูกอยุ่บ่อยๆ จน
    นางแท้งลูกติดต่อกันสองครั้งจนกระทั้งครั้งสุด
    ท้ายนางได้เสียชีวิตลงในระหว่างให้กำเนิด
    คุณชายน้อย เกรเกอร์ลูกชายของเขาที่โดน
    ซาตานเข้าครอบงำอยู่บ่อยๆทุกกันนี้


    [​IMG]


    แต่พวกฤษีก็ตัดสินใจทีจะช่วยในระหว่างการ
    เข้าพบสนธนากับเด็กน้อย ฤษีได้พบว่าเด็กน้อย
    ได้วาดภาพสัตว์ประหลาดในเทพนิยาย ซึ่งกลับ
    มีรูปลักษณะคล้ายกับภูติ หรือเทพยดาป่าไม้ใน
    ตำนานของศาสนาชาวเคลว์ติก ซึ่งเป็นชนพื้นเือง
    ของยุโรปตะวันตกในสมัยดึกดำบรรพ์ นอกจากนี้
    เด็กชายยังกล่าวอีกว่าเขา มักจะมองเห็น
    คนแคระสองคนในปราสาท
    ซึ่งชื่อซูลัส กับอากีโนส มาพูดคุยเฉพาะ
    กับเด็กชายคนเดียว ทั้งที่ในปราสาทแห่งนี้มิได้
    มีคนแคระมาทำงานอยู่ที่นี้เด็กชายยังกล่าวอีกว่า
    คนแคระทั้งสองกล่าวว่าพวกเขาทำงานให้กับ
    เจ้านายของพวกเขาซึ่งมีนามว่า นันโทซูเอลว์ต้า
    ซึ่งถ้าเด็กชายโตขึ้นอีกหน่อย พวกเขา
    สัญญาว่าจะพาไปพบ และเจ้านายของ
    พวกเขาสามารถสอนให้เด็กายกายเป็น
    นักรบที่ยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งคนแคระทั้งสอง
    จะปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำของปราสาทและ
    ปีนไปหาเด็กชายที่ห้องนอน


    [​IMG]


    พวกฤษีได้พยามสืบหาต้นตอของการชื่อม
    โยงเด็กชายกับซาตาน พวกเขาค้นพบไม้แกะ
    สลักสัญลักษณ์การบูชาทางศาสนาของ
    ชาวเคลท์โบราณ ใยุคบาซิล ซึ่งโดยมากจะ
    เป็นของที่ทำขึ้นทางคุณไสย์ และได้ติดต่อ
    กับปีศาจนแคระทั้งสอง ซึ่งปีศาจคนแคระได้
    คนแคระทั้งสองได้บอกให้พวกฤษีหยุด
    การกระทำที่จะช่วยเด็ก เพราะเด็กคนนี้
    เป็นของของซาตาน และคนแคระก็หายตัวไป



    [​IMG]


    พวกฤษีแห่งรูเบนสไตน์ ทราบดังนั้นก็ไม่รอ
    ช้าพวกเขาปรึกษากันกับผู้นำศานา
    ในปราสาทมูแชม นามว่าฮีมเลอร์ ซึ่งฮีมเลอร์
    สนับนุนให้ส่งตัวเด็กน้อยไปยัง
    อารามคลอสเตอร์นูเบิร์ก ให้อยู่ในการดูแล
    ของบาทหลวง แม้ว่าจะเป็นการทำให้
    เซอร์ อุทเทรกค์ผู้เป็นพ่อของเด็กโมโห
    มากก็ตาม เพราะเขาไม่ปรารถาจะให้เอา
    พระและโบสถ์มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
    บราเตอร์ เมชาค ที่อาศัยในอารามได้รับ
    ปากจะดูแลเด็กเป็นอย่างดี โดยจะต้องขลิบ
    ผมปอยของเด็กชายมาทำพิธี หลังจากส่ง
    เด็กให้อยู่ในความดูแลของพระ พวกฤษี
    เดินทางกลับ และผ่านป่าจึงแวะนอนพัก
    ในเมือง ทามเว็ก Tamwegs เพื่อ
    เป็นสักขีพยานขบวน
    พาเหรดของนักบุญจอห์นประเพณีท้องถิ่น
    โบราณที่มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาของศาสนา
    คริสต์ที่เมืองนี้ แต่แล้ว พวกเขาก็ต้องประหลาด
    ใจมากที่ ค้นพบชามไม้นานาชนิดที่มีการออก
    แบบเคลว์ติกในหมู่ชาวเมืองที่นี้ นอกจากนี้
    ในระหว่างขบวนพาเหรดพระคริตส์ แม็กด้า
    ตั้งข้อสังเกตว่า 'ดัมมี่'
    "หุ่นซ้อมฟันดาบของอัศวินในสมัยโบราณ"
    ในขบวนพาเหรดที่เป็นตัวแทนของพระคัมภีร์
    ไบเบิ้จอห์นถูกขนาบข้างด้วยสองคนแคระ
    หน้าตาพิลึก ที่คล้ายกับซูลัสและอะกีโนส
    คนแคระปีศาจที่พวกเขาเจอที่ปราสาทมูแชม
    ..... จบสิ้นตำนาน
    ปีศาจคนแคระของปราสาทมูแชม
    เรื่องราวเกิดขึ้นที่ หุบเขา
    ประเทศออสเตรีย (Lungau หุบเขาของออสเตรีย)
    ที่แสดงให้เห็นถึงกลิ่นไอวัฒนธรรม
    ของชาวเคลว์ติกโบราณ และภูติผีปีศาจ
    ในตำนานของเคลว์ติกไม่ได้จำกัดเฉพาะ
    ในสหราชอาณาจักรอังกฤษกับไอร์แลนด์
    แต่ไปไกลถึงออสเตรียทีเดียว



    [​IMG]


    :boo::boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงหาข้อมูลเพิ่มแล้วจะเอามาลงใหม่สำหรับคอร์แฟน ผีฝรั่ง มีอยู่ในหัวจะเล่าอยู่แต่อยากให้เนื้อหาแน่นปึ้ก(f)
     
  7. ไฟฉาย

    ไฟฉาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +112
    ยังเหนียวแน่นครับ แล้วขอบคุณที่ทำให้รู้จัก emma shapplin ครับ
     
  8. kheatti74

    kheatti74 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +36
    ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง ทั้งหมดทั้งมวลล้วนทำให้เกิดวัฎฎะ
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    การตายของ เซอร์ โธมัส มอร์ ปราชญ์ ผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ

    การตายของ เซอร์ โธมัส มอร์ ปราชญ์ ผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ


    [​IMG]


    เรื่องราวลึกลับเกิดขึ้นบนถนนโรงแรม
    เก่าแก่แห่ง หนึ่งในกรุงลอนดอล นักล่า
    ผีชาวอังกฤษชือดัง จอห์น ฮิปพิสเล่ ฉายานักล่าผีแห่ง
    แคนเธอร์เบอร์รี่ ได้รับมอบหมายให้เข้ามาสืบหาเรื่อง
    ราวลี้ลับที่เกิดขึ้นในแฟรตเก่าของ นาย ริชาร์ด โจนส์

    [​IMG]


    บ้านพักนักท่องเที่ยวแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ
    วิหารโบราณซึ่งปิดในปี 1990 ก่อนที่จะเปิด
    เป็นอพาร์ตเมนต์ในปี 2005 นั้นผู้คนกล่าวกัน
    ว่าเป็นที่สิงค์สถิตของสิ่งลี้ลับที่ชอบปรากฏตัว
    ตามทางเดินน้าประตูทางเข้าด้านหนึ่งในอาคาร
    จอห์นนั้นนอกจากจะมีฉายานักล่าผีแล้ว
    เขายังทำธุรกิจ ทัวร์ผี พานักท่องเที่ยวชมจุด
    ลึกลับต่างๆที่เฮี้ยนๆในตอนกลางคืนอีกด้วย
    เขาได้ใหข้อมูลว่า

    [​IMG]

    เขากล่าวว่า "ริชาร์ดเจ้าของอพาร์ธเม้นต์
    อธิบายสิ่งที่ได้เห็นว่าเป็น คนใส่ผ้าอาภรณ์
    กระสอบหยาบสีดำ นอกจากนี้เขายังพูดว่าผู้
    ชายคนนั้นปรากฏขึ้นโดยไม่มีหัว
    นักล่าผีจอห์นกล่าวว่า
    "ทันทีที่เขาบอก ผู้ชายคนนั้นปรากฏขึ้นโดยไม่มีหัว
    ผมก็ตั้งข้อสันนิฐานได้ทันทีว่าไม่น่าจะ
    เป็นวิญญาณใครอื่นไปได้นอกจาก
    เซอร์ โธมัส มอร์ เพราะร่างของเขาถูกฝัง
    อยู่ที่โบสถ์เซนต์ดันสแตนตรงข้าม."


    [​IMG]


    เซอร์ โธมัส มอร์นั้น มีช่วงชีวิตอยู่ในปลาย
    ศตวรรษที่ 15 ดำรงค์ตำแหน่งเป็นเสนาบดี
    เขาเป็นบุคลที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคนดี
    มากคนหนึ่งของสังคม ในหลายๆด้าน และเป็น
    เจ้าของหนังยูโทเปียอันโด่งดัง ซึ่งเป็นหนังสือ
    ที่บรรยายเกี่ยวกับระบบสังคมอันดีงามและมี
    คุณธรรม เขาได้รับการไว้วางใจจาก
    กษัตริย์ เฮนรี่ ที่ 8 มาตลอด

    ในการช่วยเหลือ
    กษัตริย์ในทุกรูปแบบ แม้กระทั้งการที่้อังกฤษ
    มีนิกายของของตัวเองและไม่ขึ้นต่อการบังคับ
    ของ สันตะปาปาแห่ง กรุงโรมที่ ในเวลานั้น
    สามรถบังคับ หรือ จับคู่ใครต่อใครให้แต่งงาน
    และควบคุมเกมส์ทุกอย่างในยุโรป
    โดยประเทศทางยุโรปใต้ เช่น สเปน
    อิลาลี โปรตุเกส ฯลฯ มักจะได้รับผล
    ประโยชน์จากสันตะปาปามากกว่า
    ประเทศยุโรปทางเหนือ อันเนื่องด้วยการ
    ที่ ประเทศทางใต้ อยู่ติดกรุงโรมของสันตะปาปา
    และมีวัฒนธรรมผูกพันธ์ และอุประถรรภ์ ศาสนา
    และ สันตะปาปา ได้มากกว่าประเทศยุโรปทาง
    เหนืออย่างอังกฤษ การสร้างนิกายของอังกฤษ
    เองโดยไม่สนใจสันตะปาปา ถือว่าเป็นสิ่งใหม่และ
    ค้อนข้างนอกรีตเป็นอย่างยิ่งในสมัยนั้นซึ่งทำ
    ให้อังกฤษถูกมองจาก ประเทศอื่นว่าทำตัว
    ไร้อารยะธรรม การปฏิวัติทางความคิดของ
    เซอร์ โธมัส มอร์ ในการทำให้อังกฤษก้าว
    หน้าอย่างไม่กลัวใครถือว่าเป็นแนวคิดที่ยิ่งใหญ่
    เขาได้รับเกียรติอย่างมากมายจาก กษัตริย์ เฮนรี่ที่ 8


    [​IMG]


    แต่แล้ว จุดหักเหก็มาเกิดขึ้นเมื่อ เซอร์ โธมัส มอร์
    ไม่สามารถตามพระทัยกษัตริย์ไปได้เสียทุกเรื่อง
    เช่นเรื่องเลวๆที่ กษัตริย์ เฮนรี่ที่8 ประสงค์จะผ่าน
    กฏหมายยก เลดี้ แอนน์ โบลีน มาเป็นพระราชินี
    ทั้งที่มีภรรยาคือ พระนาง
    แคทเธอลีน อเลกอน อยู่แล้ว ตลอดจนพฤติกรรม
    เลวๆอีกมากมายของกษัตริย์


    [​IMG]

    เขาจึงถูดตัดสินว่าเป็นกบฏ เขาก็ถูกส่งไป
    ยังหอคอยแห่งลอนดอนโดยการตัดหัว และคำพูดสุดท้ายของ
    เขาเชื่อว่าจะเป็น: "คนรับใช้ที่ดีของพระราชา
    แต่พระเจ้าอันดับแรก."


    [​IMG]

    จอห์น นักล่าผีแห่งแคนเธอร์เบอร์รี่ กล่าวว่า
    "นี่อาจจะเป็นผีของเซอร์ โทมัส เพราะตำนาน
    บอกว่าโศกนาฏกรรมของการตายของเขายังคง
    หลอกหลอนบริเวณใกล้เคียง ที่ศีรษะของเขา
    ถูกฝังอยู่ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าวิญญาณของ
    เขาต้องออกตามหาหัวของตัวเองที่โดนฝัง
    เพื่อทีจะได้ไปสู่สุขคติ "



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานเครื่องประหารหฤโหดตอน 3

    ตำนานเครื่องประหารหฤโหดตอน 3


    [​IMG]



    จะมีอะไรน่ากลัวหฤโหดไปได้มากกว่าเครื่องทรมาน
    ในสมัยโบราณ ที่พัฒนาเรื่อยมาตลอดหลายพันปีจน
    สิ้นสุดลงในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2



    อุปกรณ์ดึงหน้าอก



    [​IMG]

    ความรักมักเป็นสิ่งไม่เข้าใครออกใคร ไม่เลือก
    สถาณะภาพหรือชนชั้น สำหรับสตรีในสมัย เรอเนซองฌ์
    ของ แคว้น บาวาเรีย ประเทศ เยอรมันหากมีการคบชู้
    นอกใจสามี หรือ การเล่นเพื่อน ทำแท้ง ลูกในครรภ์ของตัวเอง



    [​IMG]



    ครั้นเมื่อถูกทางการจับได้ ก็จะถูกลงโทษด้วยเครื่อง
    ทรมานชนิดนี้ ซึ่งจะถูกนำไปจุ่มกับไฟร้อนก่อนจะสวมลง
    ไปที่เต้านมของหญิงผู้ถูกลงโทษว่าประพฤติผิดศีลธรรม
    ทางจารีตประเพณี หรือ ทำแท้งเด็ก แน่นอนว่าหลาย
    รายเสียชีวิตในเวลาต่อมาเพราะพิษอักเสบบาทแผล
    หรือ ติดเชื้อ และถ้ารอดมาได้ก็จะมีอวัยวะไม่น่าดู
    ไปจนตลอดชีวิต




    เครื่องทรมาน สาวน้อยตกน้ำ




    [​IMG]



    สาวน้อยตกน้ำเป็นเกมส์การทรมานสตรีผู้ต้องหา
    คดีแม่มดอย่างหนึ่งที่จะมีการเรียกผู้คนมาดูกันมาก
    มายเพื่อป้องกันไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างแม่มด
    เรื่งนี้มีกล่าวไว้ในบทที่หนึ่ง เกี่ยวกับแม่มดสาว
    ชาวสแกนดิเนเวีย อิริน อิ ฮอวนอร์ท ที่ยอมติดสิน
    บนนักทรมานแม่มดด้วยการมีเพศสัมพันธ์ด้วยเพื่อ
    เอาตัวรอดจากคดีแม่มด



    [​IMG]


    วิธีการลงโทษผู้ต้องหาคดีแม่มดจะถูกนั่งบนเกาอี้รัด
    เข็มขัดและมีโซ่หรือไม้ขะโยกหย่อนลงให้ไปในน้ำ
    เป็นเวลาหลายนาที และดึงขึ้มาอีก ก่อนที่จะหย่อนลงไป
    ใหม่ หลายครั้งแม่มดเสียชีวิตเพราะสำลักน้ำตาย
    หรือน้ำในยุโรปที่เย็นมากจนขาดใจตาย




    การทรมานด้วยน้ำกรอกปาก


    [​IMG]




    วิธีนี้ ทหารญี่ปุ่นก็ได้เคยใช้กับเชลยในสงครามโลกครั้งที่
    สอง คือการเอานำกรอกปากโดยจับกรวยใส่ปาก
    นักโทษ และกรอกน้ำใส่ปากหรือจมูกจนแน่นท้อง
    ของนักโทษป่องออกมาผิดสัดส่วนแทบระเบิด
    หลังจากนั้นก็เตะไปที่ท้องจนทำให้ท้องแตก
    ถึงแก่ความตาย




    [​IMG]


    การชำระล้างวิญญาณ

    การชำระล้างวิญญาณ วิธีนี้ทำกันทางประเทศที่นับถือ
    นิกายคาธอลิกวิธีการคือ เอาน้ำร้อนกรอกปากผู้ต้องหานั้นเอง




    [​IMG]



    ม้าแยกร่าง


    [​IMG]


    การทรมานชนิดนี้ถูกสงวนไว้เฉพาะสำหรับฆาตกร
    และผู้ที่พยายามที่จะรอบสังหารขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์
    แต่ละขาของนักโทษถูกมัดกับม้าและม้าจะถูกตี
    พร้อมกันเพื่อให้เครื่องในร่างกายสามารถทะลักออก
    มาได้ทันที วิธีนี้เป็นที่ชื่นชอบฝูงชน






    รองเท้าบูทนรก


    [​IMG]


    ขาของเหยื่อจะถูกวางไว้ระหว่างไม้สองแผ่น
    และผูกพันกันด้วยเชือก ระหว่างสาย นายราชทัณฑ์
    จะตอกลิ่มไปที่แผ่นไม้ วางชิ้นกับที่พวกเขาจะตอก
    แรงขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละครั้งที่ลิ่มตอกถูกเป็นส่วนของ
    กระดูกหน้าแข้งถูกตอก เมื่อบูทถูกถอดออกเศษ
    กระดูกจะกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และผิวหนัง
    ของขาจะยังคงครอบกระดูกที่แตกภายในไว้
    ดูไม่ต่างจากถุงหุ้มเศษกระดูกนั้นเอง




    ซ่อมทรมานคนนอกรีต



    [​IMG]


    ซ่อมทรมานคนนอกรีต วิธีก็คือจะมีปลอกคอ
    ให้สมแต่ปลอกคอนี้จะเชื้อมด้วยซ้อมปลาย
    แหลมที่ทิ่ไว้บริเวณใต้คาง ถ้าขยับผิดท่า
    และไม่เงยหน้าตลอด ก็จะโดนซ่อมทิ่ม
    ได้รับความทรมานแสนสาหัส



    [​IMG]



    รองเท้าทรมาน



    [​IMG]


    รองเท้าถูกนำมาใช้มักจะร่วมกับขื่อคายืน
    (อุปกรณ์ที่ถือหัวและข้อมือของคุณในขณะที่คุณยืน)
    ล็อกข้อมือและศีระให้อยู่กับที่ด้วยโซ่
    ถ้าก็สวมไม่ยืนบนปลายเท้าหรือดุกดิก จนส้นเท้า
    แตะลงบนส้นรองเท้าเมื่อไรก็จะถูกตำด้วยตะปู
    ที่แหลมคมบนรองเท้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2013
  11. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เครื่องทรมานหฤโหด

    เก้าอี้สอบปากคำ



    [​IMG]

    เก้าอี้นี้ไม่เพียงจะมีปลายแหลมนับร้อยบนที่
    นั่งหากยังมีเตาาไฟเอาไว้เผาให้เหล็กแหลมมี
    ความร้อนและทรมานมากขึ้นอีกด้วย




    [​IMG]


    ยิวผู้ทรยศ


    [​IMG]


    เรื่องทรมานชนิดนี้ได้รับแรงบันดานใจมาจาก
    คำภีร์ไบเบิ้ล เกี่ยวกับการทรยศของชาวยิวที่มีต่อพระเยซู



    [​IMG]

    เหยื่อถูกยกแขวนด้วยโซ่หรือเชือกและถูกห้อยลงมา
    ลดลงอย่างช้าๆ ให้นั่งด้านบนพีระมิดและ
    ปลายแหลมของพีระมิดก็จะทิ่มที่ทวาร ซึ่งความแรงก็
    ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเหยื่อ




    [​IMG]



    คนทรยศ



    [​IMG]


    คนทรยศ สำหรับอุปกรณ์ชนิดนี้คาน่ากลัว
    สยองขวัญก็ไม่แพ้ ยิวผู้ทรยศ พี่น้องของมันเลย
    แต่จะต่างตรงที่นักโทษโดนบังคับให้นั่ง
    บนแท่นที่มีใบมีดยักษ์อยู่ตรงกลาง




    เสื่อนรก



    [​IMG]


    แค่ดูจากภาพก็คงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    ถ้าม้วนเสื่อที่มีกลไกนี้ใต้ร่างกายของผู้ต้องโทษ




    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2013
  12. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    คนคิดค้นเครื่องทรมาณนี้เขาคิดขึ้นมาได้ยังไงกัน แต่ละวิธีเห็นแล้วหนาวเหน็บมากค่ะ
     
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ปราสาทที่เขย่าขวัญที่สุดในสโลเวเนีย

    ปราสาทที่เขย่าขวัญที่สุดในสโลเวเนีย

    [​IMG]





    ดิฉันได้เกริ่นเล่าเอาไว้แล้วนิดหน่อยใน
    กระทู้ต้นๆของหน้านี้ และปราสาทดังกล่าว
    นั้นก็คือ ปราสาท พรีทจาม่า ประเทศ สโลเวเนียนั้นเอง
    Predjama Castle

    ปราสาท พริทจาร์ม่า นั้น ถูกเรียกในภาษา
    ท้องถิ่นของสโลเวเนียว่า พรีทจาร์ม่า แกลด
    ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านโบราณที่มีชื่อเดียวกัน
    ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ เมือง โปสโตเนีย
    ประเทศ สโลเวเนีย Postojna

    [​IMG]



    Predjama Castle อาจถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 (ยุคกลาง)
    มามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปใน
    ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 13 มันถูกสร้างขึ้น
    ในพื้นที่ที่ถูกควบคุมโดยแคว้น อกีเลีย ซึ่ง
    กำลังต่อกรอยู่กับ ท่าน เคานต์แห่ง กอริเซีย
    ในครั้งนั้นปราสาทถูกเรียก ปราสาท จาร์ม่า (Jama แปลว่าถ้ำ)


    [​IMG]

    ที่ถูกเรียกเช่นนี้ก็เพราะปราสาทมีความน่า
    สนใจอยู่ที่มันถูกสร้างขึ้นบริเวณชะแง่นผาที่อยู่
    ในถ้ำ ทำให้ปราสาท พรีทจาร์ม่า มีความโดดเด่น
    และมีบรรยากาศที่ดูลึกลับไม่ต่างจากปราสาท
    แม่มดในนิทาน เป็นอย่างยิ่ง

    [​IMG]


    และแล้วในปี1350 ปราสาทก็ ถูกยึดครอง
    โดยท่านดุ๊กชาวออสเตรีย ในปี 1398 ทหาร
    อกีลีนซ์ Aquilean sieged ได้จุดไฟเผาปราสาท
    ต่อมาเมื่ออัศวินจากเมืองทางทิศตะวันออกของ
    แคว้น ลีนซ์ Lienz เข้ายึดครองเป็นเจ้าของ
    ปราสาท.....พวกเขาจึงเรียกปราสาทเสียใหม่ว่า
    ปราสาท ลุ๊ค (Luegg Castle)ตามชื่อตระกูลของพวกเขา
    ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกตัวเองว่า
    ลอร์ด แห่ง ลีนซ์ และ แห่ง ปราสาท ลุ๊ค... ในเวลาต่อมา


    ภาพโรงแรม ราม อินน์ ที่ทำจากบ้านโบราณสมัยยุคกลาง
    ของอังกฤษ ในหัวข้อเรื่องที่กระทู้ สอง ของหน้านี้
    มีผู้คนถ่ายติดภาพวิญญาณ และสามารถหาชมได้ในอินเตอร์เนต



    [​IMG]


    ใน 1478 ปราสาทกลายเป็นสมบัติของอัศวิน
    หนุ่มนามว่า เออร์ราเซ็ม ลุ๊คเกอร์ เขา เป็นบุตรชาย
    ของ ผู้ว่าราชการเมือง ทรีซ, ชายหนุ่ม ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน
    ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในตำนานปราสาท
    พรีทจาร์ม่า เขาเป็นต้นกำเนิดของตำนาน
    โรบิน ฮู้ด (robber barron) ขุนนางที่ชอบ
    ปล้นคนรวยมาให้คนจนก็ว่าได้


    [​IMG]

    ในปี 1483 เขาฆ่ามาร์แชลล์
    แพ็พเพนไฮม์ แม่ทัพของจักรพรรดิแห่ง ออสเตรีย
    ในระหว่างมีปากเสียงกันในศาล
    ที่เวียนนาตาย จากการที่ มาแชลว์ได้หยามเกียรติ
    เพื่อนรักของ อาราเซ็ม ที่ล้วงลับไป....อย่างไรก็ตาม
    มาร์แชลล์นั้นบังเอิญเป็นญาติกับพระมหาจักรพรรดิแห่งออสเตรีย
    อาราเซ็ม จึงต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนผ่าน
    ป่าเขากลับไปหลบซ่อนตัวในปราสาทถ้ำ
    พรีทจาร์ม่า ในสโลเวเนีย

    [​IMG]


    ขณะที่เขา เสนอ สัมพันธไมตรี
    เป็นพันธมิตรกับ ฝ่าย กษัตริย์แห่ง ฮังการี่
    แมทเทียส คอนวินัส พระญาติของเคาเตส เลือด
    อลิซาเบธ บาโธรี่ ซึ่งมีศักดิ์เป็น เหลนของ
    เคานท์ แดร็กคูล่า แห่ง รูเมเนีย เพื่อช่วยคุ้ม
    กันเขาจากกองกำลัง จักรพรรดิ
    เฟรดเดอริค ที่ สาม แห่ง ออสเตรีย ซึ่งไม่ถูก
    กันกับทาง วงค์ ของ ฮังการี่-รูเมเนีย ของ เคานท์ แดร็กคูล่า


    [​IMG]

    แต่จักรพรรดิ เฟรดเดอริค ที่ สาม แห่ง ออสเตรียทรงออกคำสั่ง
    ให้คนของทาง ออสเตรีย ออกตามล่าตวเขามาลงโทษ
    โดยการนำของ แกสเปอร์ ลัฟบาร์ ท่าน ลอร์ด แห่ง ทรีซ
    ลอร์ด ลัฟบาร์ ในครั้งแรกได้พยามจะฆ่า อาราเซ็ม
    ด้วยการแทง ระหว่างประดาบแต่ก็พลั้งเผลอ เพราะมัวแต่
    ไปให้ความสนใจกับ ความมหัศจรรย์ ลึกลับภายใน
    ปราสาท ของ อาราเซ็ม ที่ขุดจากถ้ำแห่งนี้ มีห้องโถง และท่อ
    โพลงลึกลับ ต่อไปทะลุยังอีกฝากของเขา ถึงหมู่บ้าน วิปปาว่า เพื่อไว้
    เก็บสะบียงลำเลียงอาหาร ทำให้อาราเซ็ม
    สามารถหนีการจับคุมไปได้ไม่ยาก แต่แล้ว
    ในที่สุด อัศวิน อาราเซ็ม
    ก็มาสิ้นชีพลงโดยโดนแรงปะทะจาก เครื่องยิง
    หินใส่ปราสาทในสมัยโบราณ ที่กองกำลังของ
    จักรพรรดินำมายิงปราสาทของเขา


    [​IMG]


    และแล้วในปี 1567ปราสาทก็ถูกซื้อต่อไป
    โดน แฮนส์ โคเบนซ์ อัศวินชาว ออสเตรีย จาก
    แคว้น เกิร์นเท่น เขาตกแต่งและขยายปราสาทใหม่
    และปราสาทก็ถูกดูแลเรื่อยมาโดย ลูกหลานของ
    เขา มาหลายต่อหลายศตวรรษ จนถึงปี 1810
    จนกระทั้ง เวลาผ่านไป เนื่องด้วยลูกหลานรุ่นใหม่
    ต่างเป็นชาวออสเตรีย และไม่ได้มีความผูกพันธ์
    กับประเทศโบราณอย่าง สโลเวเนีย นัก ใน สมัย
    สงครามโลกครั้งที่ สอง ปราสาท ก็ตกเป็นสมบัติ
    ของรัฐบาล เปิดให้ผู้คนเข้าชม



    [​IMG]

    ความน่ากลัวของปราสาท พรีทจาร์ม่า นั้นเป็น
    ที่เรื่องลือไปทั่วยุโรป เพราะประวัติการฆ่ากันตาย
    บ่อยครั้ง หนำซ้ำในปีที่ ลอร์ด แฮนส์ โควเบนซ์
    มาอยู่อาศัยยังเกิดแผ่นดินไหว เป็นเหตุให้ปราสาทแยก
    ออก และมีคนตายเกิดขึ้นทุกวันนี้มักจะมีผู้คน
    เห็นเงาดำมาเดินวนเวียนแถวปราสาท หรือเสียง
    แปลกๆที่ปรากฏขึ้นตอนกลางคืน จน ทีม รายการ
    นักล่าผีของประเทศอังกฤษ ถึงกับต้องไปถ่าย
    ทำรายการเพื่สำรวจสิ่งลี้ลับที่นั้น ซึ่งหาชมวีดีโอได้ในยูทูป


    :boo::boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2013
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานรัก ต้องห้าม ตอน 2 เปิดเผยเรื่องจริงที่พิศดารของโลกโบราณ

    ตำนานรัก ต้องห้าม ตอน 2

    เปิดเผยเรื่องจริงที่พิศดารของโลกโบราณ



    [​IMG]


    ตำนานสันตะปาปาคลอดลูก


    เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมาในราวยุคมืดของยุโรป และถูกปก
    ปิดเป็นความลับมาตลอดหลังจากนั้น เพราะนิกาย
    คาธอลิกมองว่าเป็นสิ่งที่สร้างความอับอายขายขี้หน้า
    ให้แก่ศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยวัฒนธรรมในสมัยนั้น
    ผู้หญิงจะต้องมีความสำรวมมากเป็นพิเศษ และ
    ไม่ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็น
    หญิงสาวจะต้องอยู่แต่เฉพาะในบ้าน และห้ามออก
    ไปเดินตามถนน เพราะหญิงที่ออกไปเดินตามถนน
    ได้ก็จะมีแต่ผู้หญิงโสเภณีเท่านั้น ในขณะที่ศาสนจักร
    มองว่าเพศหญิงนั้นเป็นความผิดพลาดของเพศชาย
    เป็นเพศที่ผู้ชายต้องระวังตัวเมื่อเข้าใกล้เพราะ
    อาจตกหลุมพลางอยู่ในความงดงาม อ่อนหวานของ
    ผู้หญิงได้เสมอ จนบันดาลให้ผู้ชายกลายเป็นคนโง่
    ทำผิดทำนงครองธรรมได้ ด้วยเหตุนี้เอง
    สตรีในสมัยยุคมืด และยุคกลาง จึง ต้องเคารพเชื่อ
    ฟังพวกผู้ชาย การทำตัวเด่นเก่งเกิน ในเวลานั้นกลับ
    มีแต่ภัยอันตรายที่จะทำให้ชาวบ้านครหา
    ว่าเป็น โสเภณี หรือ แม่มด


    [​IMG]


    กล่าวกันว่า สตรีที่มีประจำเดือน หรือ ผู้หญิงที่
    เพิ่งคลอด ลูกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในโบสถ์
    ในขณะที่ผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกออกมาเป็นหญิงจะ
    โดนปรับห้ามเข้าไปในโบสถ์ในระยะเวลานานหลายสัปดาห์
    ในขณะที่ผู้หญิงที่คลอดลูกออกมาเป็นชาย
    จะสามารถเข้าโบสถ์ได้เร็วขึ้น เพราะถือว่ากระทำคุณ
    งามความดี สำหรับโบสถ์ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลาย
    แห่งทางยุโรปใต้ เช่น ในอิตาลี และกรีก บางแห่งก็ไม่
    อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปเลยก็มี



    [​IMG]


    ตำนาน สันตะปาปาคลอดลูกนี้ ถือกำเนิดขึ้นในยุคมืด
    ของยุโรป เมื่อ โจน หรือ โจอันน่า แองกลิกัส
    เด็กสาวชาวบ้านจากป่าในแคว้น
    มายล์ ประเทศเยอรมัน รู้สึกเหลืออดเหลือทนกับ
    ชีวิตสตรีในยคนั้นที่ถูกกดขี่ทางเพศ และอยู่แต่บ้าน
    ปัก ผ้าเย็บปักถักร้อยและออกไปไหนไม่ได้
    และรอเวลาที่จะมีผู้ชายดีๆสักคนมาเลือกตัวไป
    เป็นภรรยาและผลิตทายาทแก่เขา ชีวิตเช่นนี้ไม่
    ใช่สิ่งที่เด็กผู้หญิงชาวเยอรมันนี้ต้องการ เธอ
    ปรารถนาจะได้ทำกิจการและเป็นใหญ่เช่นที่
    พวกผู้ชายทำได้ เด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนนี้จึงตัดสิน
    ใจเดินทางออกจากบ้านเพื่อลงใต้ไปยังประเทศอิตาลี
    ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์รวมแห่งศิลปะวิทยาการ
    ทางการศึกษา และศาสนาในเวลานั้น


    [​IMG]



    ระหว่างการออกเดินทางเธอได้พบกับชายหน่มคน
    หนึ่งซึ่งทั้งคู่ได้กลายเป็นเพื่อนกันในเวลาต่อมา
    ซึ่งชายหนุ่มผู้นี้เองที่เสนอให้โจน แต่งตัวเป็นผู้ชาย
    เสียเพื่อที่เธอจะได้มีโอกาสทำอะไรหลายๆอย่างได้
    เช่นที่พวกผู้ชายเขาทำ ครั้นเมื่อถึงอิตาลี โจน
    ได้เข้าศึกษาในโรงเรียน และมหาวิทยาลัย เธอ
    เป็นคนที่ฉลาดและมีควาสามารถมากจนถึงขั้นที่
    สามารถด้รับการคัดเลือกให้เป็นสันตะปาปาแห่งโรม
    องค์ต่อจาก โป๊ป ลีโอ ที่ 4 โดยการปลอมตัวเป็น
    ชาย และใช้ชื่อ ว่า จอห์น แองกลิกัน ด้วยความช่วย
    เหลือของสหายสนิท ที่ช่วยเธอปกปิดความว่าเป็น
    ผู้หญิง ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้ดำเนินเรื่อยมา จนพัฒนา
    กลายเป็นคนรัก ของโจนไปในที่สุด


    [​IMG]


    แต่แล้วความลับก็ถูกเปิดเผยออกมาหลังจาก
    การดำรงค์ตำแหน่งสันตะปาปามาเป็นเวลา
    สองปี หนึ่งเดือน และ 4 วัน


    [​IMG]


    โจนเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา กับคนรัก อย่างลับๆของเธอ
    จนท้องแก่ ยากที่จะปกปิด แต่ก็ยังฝืนเอาผ้าลัด
    ไว้ภายใต้ชุดคลุมใหญ่โตของสันตะปาปา


    ระหว่างต้องออกเดินทางจากไป
    โบสถ์เลเตอรันระหว่าง โคเลสเซียน(Colossean Theatre)
    (หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโคลอสซัสของเนโร)
    และ โบสถ์ เซนต์ คลีเมนท์ (St. Clement's)
    สันตะปาปาที่ทุกคนต่างเข้าใจกันว่า คือผู้ชาย
    ก็เกิดลูกคลอดหลุดออกมาอย่าง
    ไม่ทันตั้งตัวบนหลังม้าที่นางขี่


    [​IMG]

    เหตุการที่สันตะปาปากลับกลายเป็นสตรีแถมยังคลอด
    ลูกอย่างไม่ทันตั้งตัวบนหลังม้าต่อหน้าธาระกำนัน เป็นเหตุให้มี
    การตัดสินสินของกระบวนการยุติธรรมของกรุงโรมเกิดขึ้น
    และโจนต้องโดนโทษ โดยการผูกติดกับขาม้าแล้วก็ถูก
    ลากไป และโดนประชาทัณฑ์จาก
    ชาวเมืองด้วยการโยนก้อนหิน


    [​IMG]

    และเมื่อเธอตายหรือ ณ ที่ที่เธอตายและถูกฝังไว้
    นั้นมีคำจารึกไว้ว่า

    " โอ้ ปีเตอร์ บิดาแห่งมวลบิดา นี่คือการทรยศ
    ของผู้อุ้มครรภ์แห่งโป๊ปสตรี "

    ในเวลาเดียวกัน วันที่เรียกว่า วันแห่งโป๊ปสตรี
    ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น


    [​IMG]


    ศาสนจักรคาธอลิกรู้สึกอับอายกับเรื่องนี้
    จนต้องปกปิดชื่อของ อดีต สันตะปาปาหญิง
    ผู้นี้จากประวัติศาสตร์ แต่ก็มีนักปราชญ์ชาวยุโรป
    หลายท่านเก็บมาบันทึกและเอาไปตีแผ่


    ความหวาดกลัวว่าจะมีเหตุการณ์น่าขะยัก
    ขะแหยงเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก หลังจากนั้นสำนัก
    วาติกันจึงได้ธรรมเนียมจารีตที่ปฏิบัติสืบต่อกัน
    มาด้วยการตรวจเพศที่แท้จริงของผู้ที่จะมาเป็นสันตะปาปา ด้วย
    ม้านั่งที่สลักว่า "ณ ที่นี้ โป๊ปได้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นชาย"
    ในศตวรรษที่ 14 เชื่อกันว่ามีม้าหินโบราณสองตัวที่เรียกว่า
    ซีเดีย สเตอร์คอเรีย (sedia stercoraria)
    ที่ถูกใช้เป็นบัลลังก์ของพระสันตะปาปาหลายพระองค์ใน
    บาซิลลิก้า ณ วิหารเซนต์จอห์น
    (Basilica of St. John Lateran)
    ได้มีบัลลังก์ที่ใช้ในการแบ่งระบุเพศของ
    พระสันตะปาปาองค์ใหม่ กล่าวกันว่า
    พระสันตะปาปาจะต้องนั่งบนม้านั่งอันใดอันหนึ่ง
    ในสภาพเปล่าเปลือย


    [​IMG]

    ม้านั่งจะมีรูเป็นแนวยาวบริเวณที่นั่งระหว่างขา
    ซึ่งถ้าเป็นชายอวัยวะเพศชายจะต้องห้อยลง
    ผ่านร่องนั้นไปได้ ในขณะที่คณะพระคาร์ดินัล
    ผู้ตรวจสอบจะ มองผ่านรูข้างใต้
    ซึ่งพิธีกรรมนี้ได้ยกเลิกกันไปในสมัยหลังๆ
    และตรวจสอบด้วยวิธีอื่น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2013
  15. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานรักต้องห้าม

    ความรักในคอนแวนซ์


    [​IMG]


    เรายังคงอยู่ด้วยกันในสมัยยุคกลางของยุโรป
    เรื่องต่อไปนี้ คือตำนานรักอันเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิด
    ขึ้นมาเมื่อ เจ็ดร้อยกว่าปีที่แล้ว เกี่ยวกับความรักต้อง
    ห้ามที่ดังกระฉ่อนไปจนกวีอเล็กซานเดอร์ โป๊ป
    ต้องนำไปแต่งเป็นนิยายกลอน
    คือเรื่องราวความรักระหว่าง เอลอีช กับ อเบลลาร์ด


    [​IMG]

    ในปี ศตวรรษที่ 11 นักศึกษาหนุ่ม นามว่า
    ปีเตอร์ อเบลลาร์ด ออกเดินทางไปศึกษายัง
    วิทยาลัยในเครือ ของวิหารนอร์ทเตอรดาร์ม ในกรุงปารีส
    ณ ที่นั้นเองที่เขาล่ำเรียนมาจนเป็นหนุ่มใหญ่
    และได้เป็นนักปราชญ์ของเมืองนั้น จนกระทั้ง
    บาทหลวง นามว่า ฟุลเบิร์ด ได้ติดต่อให้
    ชายหนุ่มมาเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ให้แก่หลาน
    สาวของเขา ซึ่งมีนามว่า เอลอีช ซึ่งเป็นลูกของ
    น้องชายที่นำมาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เด็กเพราะบาทหลวง
    นั้นไม่สามารถมีลูกหรือภรรยได้ จึงรัก เอลอีช
    ราวกับลูกแท้ของแก และปรารถนาจะให้สาวน้อย
    รักษาพรหมจรรย์และเป็นแม่ชีในภายภาคหน้า


    [​IMG]


    แต่แล้วหลังจากการจ้างอาจารย์หนุ่มเข้ามา
    สอนเด็กผู้หญิงวัยรุ่น ทั้งสองก็ได้มีความใกล้
    ชิดสนิทสนมกันจนเกินงาม กระทั้งก่อเกิดเป็น
    ความรักผูกพันธ์ขึ้นมา นั้นเอง เอลอีช รู้ดีว่าลุงของ
    เธอไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาแน่นอน
    แต่ก็ด้วยความรักที่แม้จะผิดธรรมนองครองธรรม
    ที่มีต่ออาจารย์สอนพิเศษ ก็มากมายเกินกว่า
    จะปิดบังได้ นางจึงจูงมือกันกับคนรักเพื่อไป
    แอบแต่งงานกันอย่างลับๆที่โบสถ์โดยไม่ให้ใครรู้
    ซึ่งหลังจากนั้นเองที่พยานความรักก็เปิดเผย
    ตัวตนของมันออกมา เมื่อ เอลอีช เริ่มตั้งครรภ์

    [​IMG]


    ทำให้ ลุงของหญิงสาวเริ่มสงสัยมากยิ่งขึ้น
    ปีเตอร์จึงวางแผนร่วมกับคนรักของเขาโดยการ
    บอกให้เธอตกลงทำตามความใฝ่ฝันของผู้ปกครอง
    โดยการไปบวชเป็นแม่ชี แล้วเขาจะบวชเป็น
    พระตามเข้าไป เพื่อที่ทั้งคู่จะได้อยู่ใกล้ชิดกัน

    [​IMG]


    หญิงสาวจึงทำตามและนั่งนับวันรอทีจะได้เจอ
    กับคนรักของเธอที่จะบวชเป็นพระและเข้ามาอยุ่
    ใกล้ชิดกัน แต่แล้วความหวังของหญิงสาวก็พังทลายลง
    เมื่อคืนก่อนที่ปีเตอร์จะบวชเป็นพระตามไปอยู่
    กับแม่ชีสาวในคอนแวนซ์ ลุงของหญิงสาวรู้
    ความจริงเรืองเอลอีช ตั้ง ครรภ์ อย่างผิดทำนอง
    ครองธรรมกับอาจารย์หนุ่ม จึงได้สั่งให้คนรับใช้
    มอมเหล้า ปีเตอร์ให้หลับสนิท หลังจากนั้นก็ทำ
    การตัดอวัยวะเพศของชายหนุ่มเสีย ก่อนที่จะบอก
    ให้ชายหนุ่มไปบวชพระ เพื่อที่ชายหนุ่มจะ
    ได้ตั้งใจอุทิศตนอย่างแท้จริงและล้มเลิก
    เรื่องการบวชเพื่อจะไปมีความสัมพันธ์กับ
    แม่ชีสาว เอลอีช ครั้นเมื่อไม่มีอวัยวะเพศแล้ว
    ปีเตอร์ก็หมดหวังเรื่งความสุขทางโลก


    [​IMG]

    เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจที่จะไปหา
    แม่ชีสาวที่คอนแวนซ์ ตามคำมั่นสัญญา
    แต่กระนั้นเขาก็ยังรักเธอ และส่งจดหมาย
    ติดต่อเธอเสมอ โดยที่เอลอีช ยังเข้าใจว่า
    ปีเตอร์ยังสบายดีอยู่ และรอคอยที่จะให้
    เขามาหาและแสดงความรัก แต่ชายหนุ่ม
    ก็ไม่มา ทำให้ชีวิตของเธอจมอยู่แต่กับ
    การรอคอยโดยเอาชุดแม่ชีบังหน้าในขณะ
    ที่ปีเตอร์ได้ทุ่มตัวเองเพื่อศาสนาอย่าง
    เต็มตัวและไม่สามารถกลับไปมีสัมพันธ์
    กับเอลอีช ได้อีก เพราะเขาไม่มีอวัยวะเพศชายอีกแล้ว
    จึงเป็นที่มาของเรื่องราวของโศกนาฎกรรมรัก
    ที่ดูคล้ายนิยาย.... แต่เป็นเรื่องจริง



    [​IMG]



    ภิกษุณี ที่ถูกเผาไฟ


    [​IMG]



    สำหรับเรื่องนี้ เป็นตำนาน ภิกษุณีในยุคกลาง
    นางหนึ่ง นามว่า แมนฟรีด้า ภาพของภิกษุณีสาว
    แมนฟรีด้านั้น ปรากฏใน ไพ่ทาร็อท
    ในศตวรรษที่ 18 ซึ่งตัวจริงของนางมีชีพอยู่ในยุคกลางเช่นกัน
    ในภาพภาษาอังกฤษจะเรียกว่า High Priestess


    [​IMG]



    ในไพ่ทาร็อท นั้นผู้เชี่ยวชาญได้ระบุว่า
    เป็นภาพของซีสเตอร์ แมนฟรีด้า, แม่ชี
    Umiliata อุมมิเลียต้า และญาติของ
    ตระกูล วิสตอนตี้ ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นพระสันตะปาปา
    โดยนิกาย เจ้าหญิง กลูกลิเอลม่า
    Guglielmite นอกคอกของ
    พวกลอมบาร์ด นางปรากฏในภาพ แม่ชี High Preistess
    ในไพ่ ยิปซี ,ทาร็อท, ทาโร่ นั้น มาจาก
    ตำนานเรื่องจริงของ เลดี้ แมนฟรีด้า นั้นเอง วาดโดย
    Bonifacio Bembo เกอร์ทรูด Moakley เขียน


    [​IMG]


    เจ้าหญิง กลูกลิเอลม่า นั้นเป็นธิดาของกษัตริย์ โบฮีเมีย
    สวรรคตในมิลานในปี 1281 ผู้ติดตามส่วนใหญ่
    ของเธอมีความกระตือรือร้นเชื่อว่าเธอจะกลับชาติ
    มาเกิดของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ส่งไปเปิดยุคใหม่
    ของพระวิญญาณทำนายโดย ยัวฮิมร์ จาก ฟลอร่า
    พวกเขาเชื่อว่า เธอจะกลับไปยังโลกเมื่องานเลี้ยง
    ของคริสตชนในปี 1300 และ สันตะปาปาผู้ชาย
    จะสิ้นชีพ จะเป็นยุคทองของสตรี ซึ่ง สันตะปาปา
    จะเป็นหญิง ซึ่งคือ เจ้าหญิง กลูกลิเอลม่า กลับชาติ
    มาเกิด


    [​IMG]

    ดังนั้นใครเล่าที่น่าจะเป็น เจ้าหญิง กลูกลิเอลม่า
    กลับชาติมาช่วยกู้แผ่นดิน การเฟ้นหาสตรีนางนั้น
    ที่จะมาดำรงค์ ตำแหน่งจึงเกิดขึ้น และแน่นอน
    ซีสเตอร์ แมนฟรีด้า นั้นไม่ต่างจาก เลดี้เจน เกรย์
    ที่ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ไม่ได้อยากได้อยากดัง แต่มีคน
    จับให้เป็น เหมือน ตุ๊กตาหุ่นเชิด ก็เพราะว่าเธอเป็น
    ธิดาที่มาจากตระกูล ลอมบาดี ที่ร่ำรวยที่สุด พวกเขา
    ได้เสนอสมุนคนรับใช้ศักดิ์สิทธิ์ให้แก่
    ซีสเตอร์ แมนฟรีด้ามากมาย แต่แล้ว นิกายนี้ก็โดน
    ขัดขวางโดยพวกที่ไม่เห็นชอบโบสถ์ที่โบสถ์
    Santa Maria Maggiore กรุงโรม
    ที่เป็นพวกของสันตะปาปาผู้ชายแห่งกรุมโรม
    ที่หาว่า การกระทำที่จะมีนิกายที่ให้สันตะปาปา
    เป็นหญิง และมาแข่งขันกันกับผู้ชายนั้นเป็นเรื่อง
    นอกรีต จึงกล่าวหาว่า ซีสเตอร์ แมนฟรีด้า
    เป็นแม่มดและจับนางมาเผาไฟ ในฤดูใบไม้ล่วงของ ศตวรรษที่ 13


    [​IMG]

    ในเวลาต่อมา การสอบสอนได้พาดพิงไปยัง
    ตัวการ คือ แมททิว วิสคอนตี้ ดุ๊ค แห่ง มิลาน
    ที่ มีศักดิ์เป็นญาติของ ซีสเตอร์ แมนฟรีด้า
    ซึ่งเขาเองเป็นคนเสนอและผลักดัน นิกาย
    เจ้าหญิง กลูกลิเอลม่า ขึ้นมา เพื่อ ใช้
    แมนฟรีด้าในการดึงอำนาจมาสู่ตระกูล
    แต่ก็กลายเป็นว่า ผู้หญิงที่ไม่ได้รู้เรื่องการ
    เมือง และเกมส์ การชิงอำนาจของพวกผู้ชาย
    กลับต้องมาโดนเผาไฟตาย ในฐานะแม่มด
    ทั้งที่นางเป็นแค่ หุ่นเชิดตัวนึง



    [​IMG]



    เดี๋ยวมาต่อกันวันหลัง เรื่องอื่น:boo::boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2013
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานลึกลับ

    ตำนานลึกลับ;k06



    [​IMG]


    แม่เฒ่า ชิปตัน นอสตาดามุส หญิง ของอังกฤษ



    แม่เฒ่า ชิปตัน คือ หมอผู้รักษาคนไข้ ด้วย จิตวิญญาณ,
    หมอดู และ แม่มดฝ่ายขาว นางเกิดในราวศตวรรษที่ 16
    ของประเทศอังกฤษ นางโด่งดังขึ้นมาจาก
    การที่เป็นหญิงผู้วิเศษที่สามารถทำนายอนาคตของ
    บุคคลต่างๆได้อย่างแม่นยำราวกับตาเห็น จนมีชื่อเสียง
    โด่งดังกันในเวลานั้นว่านางนั้นมีฌาณทิพย์



    [​IMG]

    นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราวชีวประวัติของ
    นางตั้งแต่เกิดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวสีสันอัน แปลกประหลาด
    แม่เฒ่าชิปตันนั้นถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงปี 1488
    การลืมตาขึ้นมามาดูโลกของนางนั้น ก็ช่างแปลก
    ประหลาด เกินคนทั่วไป ตามประวัติศาสตร์นั้นกล่าวว่า
    นางนั้นเป็นเด็กทารกที่กำเนิดมาจาก มารดาที่เป็น
    เด็กผู้หญิงวัยเพียง 16 ปี นามว่า อะกาธ่า เซ้าท์ฮิวล์
    ที่ต้องหาคดีแม่มด เพราะเด็กสาวไม่รู้ว่าเธอ
    ตั้งครรภ์ขึ้นมาได้อย่างไร และไม่ยอมบอกว่าใครคือ
    พ่อของเด็ก หรือ อาจจะเป็นไปได้ว่า เด็กผู้หญิง
    คนนี้ถูกข่มขืน แต่ก็ไม่มีใครอาจทราบได้ แต่เธอ
    ได้พยามปิดบังการตั้งครรภ์เอาไว้ ไว้ไม่ให้ใครรู้


    [​IMG]



    ครั้นพอท้องแก่ใกล้คลอด เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ต้อง
    แอบหลบซ้อนไปหาที่คลอดลูกลำพังเพื่อไม่ให้
    ใครเห็น และในคืนที่จะลูกจะออกนั้นเอง เด็กสาว
    ก็แอบเข้าไป คลอดลูกในถ้ำกลางป่าของเมือง
    คานาเรสบรูกค์ ในคืนที่ฝนตกหนัก และมีฟ้าร้อง
    ฟ้าผ่าผิดวิสัย ประกอบกับเสียงสุนัขป่าเห่าหอน
    กับกลิ่นฉุนของกำมะถันที่รอยคลุ้งออกมาจากถ้ำ
    จนชาวบ้านเกิดสงสัยและออกสำรวจจนพบ
    อะกาธ่า เซ้าท์ฮิลว์ เด็กสาววัย 16 ปี ที่แอบมา
    คลอดลูกในถ้ำ ทุกคนต่างเชื่อกันว่า พ่อของเด็ก
    ทารกที่คลอดออกมานั้นไม่มีทางเป็นใครอื่นไป
    ได้นอกจาก ซาตาน


    [​IMG]

    เพราะนอกจากสภาพการคลอดลูกที่ผิดวิสัยแล้ว
    เด็กน้อยที่กำเนิดออกมายังมีใบหน้าแปลกประหลาด
    พิลึกกึกกือ ศีรษะของเด็ก
    มีขนาดใหญ่, ดวงตาของเธอโตใสเรืองแสงเหมือน
    ไฟในเตาถ่าน, แก้มของเธอก็ตอบ,
    แขนขาของเธอโก่งและเธอเกิดมาพร้อมกับ
    ชุดฟันเต็มปาก ที่ยื่นออกมาเหมือนงาของหมูป่า
    ตามความเชื่อท้องถิ่นก็จะเรียกลักษณะเด็กที่
    เกิดมาเช่นนี้ว่า "มีรูปพรรณสันฐานของแม่มด"
    และ ขณะที่เธอเติบโตขึ้นมา และหลายคนก็เชื่อ
    ว่าที่เธอน่าเกลียดเพราะมีพ่อเป็นปีศาจ
    แต่กระนั้น แมเฒ่า ชิฟตันในวัยเด็กก็จัดว่าโชคดี
    ที่มีหญิงชาวเมืองใจดีนำเธอไปเลี้ยงดู
    และตั้งชื่อเธอว่า เออร์ซูล่า เซ้าท์ฮิลว์


    [​IMG]


    เหตุการณ์แปลก ๆเติบโตขึ้นมารอบ ๆ ตัวเธอ
    ขณะที่เธอเติบโตขึ้นมา คนบ้านเล่ากันว่าเฟอร์นิเจอร์
    และสิ่งของเครื่องใช้ กลับเปลียนที่เรียงตัวเองอย่างลึกลับ
    , จานจะเหวี่ยงเอง, และอาหารหายไป
    ต่อหน้าต่อตาคนในบ้าน

    นอกจากนี้ยังมีข่าวลือจากชาวบ้านแถวนั้นว่า
    เด็กหญิง เออร์ซูล่า มีเพื่อนเล่นเป็น ตัวก๊อบลินและมังกร


    [​IMG]

    แต่แม้จะมีชื่อเสียงไปในทางด้านแม่มด มีรูปร่าง
    หน้าตาออกไปทางสัตว์ในเทพนิยาย
    แต่กระนั้นเมื่อ เออร์ซูล่าโตเป็นสาวเธอก็ยังมี
    ผู้ชายมาชอบพอ คนนั้นก็คือ โทบี ชิปตัน
    ช่างไม้หนุ่ม ที่กลับมองเห็นความสวยแปลกของ
    เออร์ซูล่า แม้ว่าจะมีเสียงซุบซิ้บนินทาว่า
    เออร์ซูล่า ใช้ ยาเสน่ห์ ให้ชายหนุ่มมาหลงรักก็ตามที
    แต่ทั้งคู่ก็แต่งงานกัน แม้จะไม่มีลูกก็ตาม


    [​IMG]


    เออร์ซูล่านั้นถือว่าเป็นแม่มดผู้โชคดี และไม่เคย
    มีชะตาชีวิต เช่นแม่มดคนอื่นๆที่จบลงในกองไฟ
    เพราะเธอมีฌาณวิเศษ อย่างที่คนไทยเรียกว่าอภิญญา
    ผู้คนมากมายต่างพากันเดินทามาขอคำปรึกษา
    จากเธอเพราะว่าเธอสามารถพยากรณ์สิ่งต่างๆ
    ได้แม่นยำราวตาเห็น


    [​IMG]

    และถึงขั้นพยากรณ์ ชีวิตของบคคลสำคัญ คนต่างๆ
    ในประวัติศาตร์อังกฤษและโลก เช่น พยากรณ์
    เรื่อง การที่ เซอร์ โธมัส มอร์ หรือ คาดินัล วูลซี่
    จะได้เป็นคนโปรดที่ปรึกษาของกษัตริย์เฮนรี่ที่แปด
    เขาจะเฟื่องอยู่ยุคหนึ่งแต่ก็จะมาโดนกษัตริย์
    สังประหารในเรื่องที่เขาไม่เห็นด้วยกับพระองค์
    นอกจากนี้ เออร์ซูล่า ยังพยากรณ์ แม้แต่เรื่อง
    ในอนาคต อย่าง การถูกสังประหาร พระนางแมรี่
    แห่ง สกอต โดย ราชินี อลิซาเบธ
    และการตายของ เลดี้ เจนน์ เกรย์ ราชินี เจ็ด วัน,
    ความพ่ายแพ้ของกองเรือสเปน, เรื่องโรคระบาทในปี 1665
    และไฟไหม้ใหญ่ในกรุงลอนดอลในปี 1666



    [​IMG]

    นอกจากนี้ยังทำนายสิ่งที่ทำให้คนในยุคปัจจุบันทึ่ง
    ก็ คือ เธอได้กล่าวถึงโลกอนาคต ที่จะมี
    เรือ ที่ทำจากเหล็ก เครื่องบิน และแม้แต่อินเตอร์เน็ต


    [​IMG]


    เออร์ซูล่า ใช้ชีวิตอยู่ต่อมาจนแก่ เธอได้เสียชีวิตลง
    ด้วยวัย77 ปี ซึ่งถือว่ามากทีเดียวสำหรับคนในสมัยนั้น
    ร่างของเธอถูกฝังแบบธรรมชาติ ในป่านอกเมือ
    ยอร์คเชียซึ่งที่ฝังว่ากันว่าปัจจุบันคือ หน้าผาคลิฟตัน
    ที่ใกล้กัน มีปราสาทสมัยยุคกลางที่เรื่องชื่อว่ามีผีสิงค์
    และตำนาน รถม้าสีดำที่มีคนขับไร้หัว
    ซึ่งมีผู้คนกล่าวถึงทุกวันนี้ ก็อยู่บริเวณเดียวกัน
    กับที่ฝังศพของเธอ



    ;aa27
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2013
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานเรื่องพิศวงของโลกโบราณ

    ตำนานเรื่องพิศวงของโลกโบราณ


    ตอน กระโปรงสุ่ม ซ่อน ฉาว
    catt10


    [​IMG]



    พูดถึงเรื่องกระโปรง จัดเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่งของ
    สตรีชาวยุโรปมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ รูปแบบชุดกระโปรง
    ได้ถูกพัฒนามาแต่งกายตางกันในสมัยต่างๆโดยการได้รับ
    อิทธิพลทาง ศาสนา วัฒนธรรม และ สภาพภูมิประเทศ
    โดยตามประวัติศาตร์แล้วได้แบ่ง ออก เป็น ยุคก่อน
    ประวัติศาสตร์, ยุค บาบาเรี่ยน และ กรีก โรมัน,
    มายัง ยุคมืด ต่อด้วย ยุคกลาง, และมา ยุคเรอเนซองฌ์
    และยุค โรโกโก้ และ ยุคตามด้วย
    ยุคใหม่หรือ ปฏิวัติ อุสหกรรม


    [​IMG]


    อย่างที่เคยได้เล่าไปในหน้าสอง ของกระทู้ ตำนาน
    รักเลือดผีสิงค์ ว่า ในสมัยยุคมืด และยุคกลาง ซึ่ง
    กินเวลาย้อนหลังจากสมัยปัจจุบันของเราไปราว
    700-1000กว่าปี ปี นั้น สตรีในยุโรป ได้รับ
    อิทธิพลจากเครื่องแต่งกายของสตรีผู้นับถือเคร่ง
    ศาสนาคริตส์จากทางตะวันออกกลาง อย่าง
    อิสราเอล ทำให้เสื้อผ้าที่สวมใส่ในกลุ่มสตรีชั้น
    สุงจะดูค่อนข้างคล้ายสตรีทางตะวันออกกลาง
    คือ มีผมคลุมผม และคอ สวมชุดมิดชิด
    เป็นกระโปรงยาวตรงเข้ารูป ประดับด้วยเข็มขัด
    และสังวาลย์หน้าผาก ซึ่งเอาไปผสมผสานกับ
    ชุดพื้นเมืองของชาวยุโรปเหนือ Viking ไวกิ้งที่คล้ายเอี้ยมกัน
    หนาวทับอีกชั้น นิยมไว้ผมยาวลากพื้น ถักเป็นเปีย
    สอดด้วยริ้บบิ้น ไหม ดิ้นเงิน ดิ้นทอง หรือ อัญมณี




    ภาพ ตัวอย่างชุดแต่งกายของสตรีในยุคมืด Dark Age
    ชุดกระโปรงยาวตรงเรียบ นิยม สตรีร่างผอมบาง
    ไม่มีหน้าอก เพราะศาสนาเป็นตัวกำหนด ทิศทางของ
    ความงาม ว่า งามแบบสุภาพเรียบร้อยนั้นดีที่สุด



    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]


    .............;9k

    ภาพชุดสตรีในยุคกลาง Medieval ที่ชุดกระโปรงยังคง
    ตรงเรียบอยู่ แต่เริ่มมี ลูกเล่น ที่แขนเสื้อเป็นถุงยาวใหญ่
    และ เครื่องปะดับผม แฟนซี




    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




    ............sleeping_rb




    แต่ครั้นพอ ย่างเข้ายุค เรอแนสซองฌ์ ชุดกระโปรงของสตรี
    เริ่มฟู่ฟ่าขึ้น ด้วยการที่ตัวกระโปรงเริ่มพองกลมออกมา
    และ มีการสวมยกทรงหรือ เสื้อดันทรง

    ชุดสตรีในสมัย ต้นเรอแนสซองฌ์ Early Renaissance

    การแต่งกายคล้ายเทพนิยาย แขนเสื้อมีลูกเล่นมากมาย ทั้งร้อยดิ้น แขนเสื้อท่อนบน
    เป็นปล่องๆ ใขณะที่ปลายแขนเป็นถุง ตัวกระโปรงเอวเริ่มสูง แม้กระโปรงยังไม่พอง
    มากแตรุ่มร่าม และ ศีรษะประดับด้วยหมวก ทรงแปลกๆ เป็นเขาบ้าง ปลายแหลมบ้าง



    [​IMG]


    [​IMG]



    .......... rabbit_sleepy



    ชุดสตรีในสมัยปลายเรอแนสซองฌ์ Late Renaissance


    ไม่สวมทูนิก หรือเสื้อคลุมยาวๆ ชิ้นเดี่ยวๆ อีกต่อไป แต่ชุดเสื้อ
    ผ้ามีการแยก ระหว่างตัว เสื้อกับกระโปรง มีการสม ยกทรง
    และเสื้อดันทรง กับสุ่มให้กระโปรงพองฟู



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    .........




    ชุดสมัยบาโร็ค Baroque

    ในยุคนี้ตัวกระโปรงเริ่ม พองกลม เสื้อคอลึกโชว์เนินอก
    และรัดเอวให้เล็ก สตรีเริ่มโชว์เนื้อ
    หนังมังสามากยิ่งขึ้น โดยอิทธิพลการฟื้นฟูศิปะ โดยการนำความชอบ
    สมบูรณ์ตามความนิยมของ ทาง กรีก โรมัน โบราณเข้ามา



    ภาพชุดสตรีสมัยบาโร็ค

    [​IMG]


    [​IMG]



    ในยุคเรอแนสซองฌ์ ต้นๆ คอร์เซต หรือ เสื้อ
    ยกทรงสมัยโบราณมีไว้เพื่อ กันความอบอุ่น และ
    ให้หน้าอกอยู่กระชับ เวลาสวมเสือผ้าจะได้ดูเรียบร้อย
    พระนาง มารี เดอ เมดิซี เป็นผู้นำเสื้อยกทรงแบบ
    นี้จากอิตาลีเข้าไปเผยแพร่ในฝรั่งเศษ เป็นคนแรก
    ในศตวรรษ ที่ 15 แต่ในภายหลัง ของปลาย
    เรอแนสซองฌ์สตรีเริ่มมองเห็นว่าเสื้อยกทรงนั้นทำ
    ให้หน้าอกแลดูเชิด และโด่ดเด่นมากกว่าเวลาไม่สวม
    จึงมีพวก ดีไซเนอร์ของฝรั่งเศษในเวลานั้นเอามา
    พัฒนาไว้สำหรับใส่โชว์เนินอก กับเสื้อคอต่ำ



    [​IMG]


    ทีนี้มาเข้าเรื่องกันว่า แฟชั่นกระโปรงปิดความฉาวนั้น
    มีตำนานและต้นกำเนินมาอย่างไรเดิมทีแล้วกระโปรง
    สุ่ม หรือกระโปรงพองกลม นั้นในสมัยที่เพิ่งสร้าง
    ขึ้นมาแรกๆ คือ ราวกลางยุค เรอแนสซองฌ์
    นั้นมีต้นกำเนิดมาจากปะเทศสเปน ชาว อังกฤษ
    เรียกมันว่า กระโปรงฟาทิงเกลว์ Farthingale
    ในขณะที่ มาจากคำว่า Vertugado ในภาษาละติน
    ซึ่ง ในสมัยต่อมา ได้พัฒนามาเป็น พันเย่ Pannier
    หรือ Hoop Skirt ฮูป สเกิร์ต


    [​IMG]


    โดยในสเปนนั้น กระโปรงสุ่มจะทำมาจากไม้
    อ้อยสาน แต่ครั้นพอเผยแพร่เข้าสู่ยุโรปทางเหนือ
    นั้นทางเมืองหนาวไม่มีอ้อยจึงปรับเปลี่ยนมาใช้
    เชือกสานที่ทำจากต้นวิลโลว์แทน
    หรือจากกระดูกของปลาวาฬ แฟชั่นกระโปรงสุ่ม
    ได้แพร่เข้าสู่ประเทศอังกฤษในยุคแรกโดยพระนาง
    แคทเธอลีน แห่ง อเลกอน ซึ่งเป็นเจ้าหญิงจากตอน
    เหนือของสเปน ในคร้งที่พระนางได้รับมอบหมาย
    ให้เดินทางไปอภิเสกกับ เจ้าชายอาร์เธอร์
    พระเชษฐาของ พระเจ้าเฮนรี่ที่แปด



    แต่ก็ด้วย
    เหตุที่เจ้าสาวยังไม่ทัน พบเจ้าบ่าว เจ้าบ่าวก็ทรง
    ประชวรจนสวรรคตไปเสียก่อน รัฐบาลอังกฤษ
    จึงเปลี่ยนให้พระนางมาอภิเสกกับ พระเจ้าเฮนรี่ที่
    แปด พระอนุชาของ อาร์เธอร์ แทน ในขณะที่
    พระนาง แคทเธอลีนนั้น ทรงพระชนม์พรรษา มากกว่า
    เฮนรี่หลายปี ราวพี่สาวกับน้องชาย ด้วยเหตุนี้เอง
    หลังการอภิเสกอย่างไม่เต็มใจ กษัตริย์ก็ทรงมี
    ภรรยาน้อยมากมายไปทั่วลอนดอล แต่อย่างไรก็
    ตาม พระนางแคทเธอลีน อเลกอน ชาวสเปน
    ก็เป็นสตรีคนแรกที่ นำ แฟชั่นกระโปรงสุ่มเข้า
    สู่ประเทศอังกฤษ



    [​IMG]


    ทีนี้มาฟังตำนานกันบ้างว่า จริงๆแล้วต้นกำเนิด
    ของกระโปรง ฟาทิงเกลว์ หรือ กระโปรงสุ่มนั้น
    เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วเหตุใด จึงเรียกว่า
    กระโปรงปิดความฉาวโฉ่?


    เรื่องมีอยู่ว่า ในราวกลางยุคเรอแนสซองค์ มี
    เจ้าหญิง ชาวโปรตุเกส พระองค์หนึ่ง พระนามว่า
    เจ้าหญิง อินแฟนต้า โจแอน เป็นพระธิดา
    ของพระเจ้า เอ็ดเวิร์ด แห่ง โปรตุเกส กับ
    พระราชินี อิลินนอร์ แห่ง แคว้น อเลกอน
    เจ้าหญิงโจแอน นั้นเป็นสตรีที่ขึ้นชื่อว่าหลงไหล
    ในความงาม การแต่งกาย และ นวนิยาย กาพย์กลอน
    เป็นอย่างยิ่ง ทรงเป็นเจ้าหญิงที่รักสวยรักงาม
    และแอบมีจิตใจฝักใฝ่ในเรื่องรักๆใคร่ๆอยู่ลึกๆ
    ครั้นพอพระชนม์ได้ ได้ยี่สิบกว่าก็อภิเสกไปกับ
    พระเจ้า เฮนรี่ ที่ หก แห่ง คาสตีล


    [​IMG]

    แต่พระนางทรงเป็นหญิงสาวที่มีพฤติกรรมที่ทำให้
    บรรดาชาววังต่างเอือมระอา ในพฤติกรรม เจ้าชู้
    หลงรักผู้ชายไม่เลือกหน้า ทุกคนในราชสำนักแห่ง
    คาสตีล ในเวลานั้นต่าง รับไม่ได้กับ พฤติกรรม
    การแต่งกายของราชินีที่แสนแหวกแนว
    ผิดยุคสมัย พระนางเป็นสตรีบุคคลแรกที่แหก
    แนวแฟชั่นสตรีร่างบอบบาง ในชุดคลุมเรียบร้อย
    แต่พระนางกลับทรงออกแบบชุดเสื้อผ้าที่มี
    การโชว์เนินอก และรัดฟิตเอว


    [​IMG]


    หลังจากอภิเสกกับ
    พระเจ้า เฮนรี่ แห่ง คาสตีลได้ หกปี พระนางก็
    ทรงปรสูติพระธิดาที่มีพระนามเดียวกันว่า โจแอน
    แต่ กระนั้นก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ ซุบซิบนินทา
    ของพวกชาววังที่ตั้งพระนามเล่นๆของ เจ้าหญิง
    น้อยองค์ใหม่ว่า ลา เบลทรานเนีย อัน เป็น ชื่อ
    เวอร์ชั่น สตรีของ ท่าน ดุ๊ก หนุ่ม ดอน เบลทราน
    เดอ ลา คูฟ่า (ดุ๊ก แห่ง อัลเบอเคอร์กี )
    ซึ่งเป็นหนึ่งในชู้รักของพระราชินี
    โจแอน ด้วยเหตุนี้ชาววังทั้งหลายต่างคาดการณ์กันว่า
    พระธิดา ที่ทรงประสูติ นั้นหาใช่ลูกที่เกิดกับ
    พระเจ้าเฮนรี่ แห่งคาสตีลไม่ เพราะพระองค์เคย
    ทรงอภิเสกกับ บลังเช่ ที่ สอง แห่ง แคว้น นาวาร์
    มาแล้วและผลพิสูจน์ คือ ไม่ทรงมีโอรสธิดา
    เพราะทรงเป็นหมัน




    [​IMG]

    ซึ่งเมื่อ พระเจ้าเฮนรี่ แห่ง
    คาสตีล ได้ยินข่าวหนาหูเรื่อง พระธิดา ที่กำเนิดจาก
    ลูกชายชู้ ก็ทรงกริ้วมากจึงได้เนรเทศพระราชินีโจนให้ไป
    อยู่ที่อื่น พระราชินีโจแอนจึงทรงเลือกที่จะไปพำนัก
    อยู่ที่ปราสาทของ ท่าน บิชอพ ฟอนเซ็คคา
    ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของพระนาง ณ ที่ ปราสาท
    ของท่าน บิชอพ นั้นเองที่ โจแอน ยังคงไม่หมด
    เชื้อไฟ พระนางได้พบกับ หลานชายของท่าน
    บิชอพ เฒ่าซึ่งเป็นชายหนุ่มรูปงามนามว่า เปโดร
    จนทำให้นางมีความสัมพันธ์สวาทกับเขา จนถึงกับ
    ตั้งครรภ์ เป็น โอรสถึงสองครั้ง ครั้นเมื่อ พระสวามี
    ของนางทรงทราบถึงการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกของ
    พระนาง ก็ทรงไม่อาลัยใยดีอีกต่อไปและประกาศ
    หย่าขาดกับพระนางหลังจากนั้น ราชินีโจแอนก็ยัง
    ไม่ย่อหย่อนเรื่องไฟรัก ทรงมีคู่ขาตามมาอีกมาก
    มายลายคน หนึ่งในนั้น คือ กวีหนุ่ม ประจำราชสำนัก
    นามว่า ฮวน โรดิเกซ เดอ ลา คามาล่า


    [​IMG]


    แล้วยังหลานชายกษัตริย์ ปีเตอร์ แห่ง คาสตีล
    จนทำให้นางตั้งครรภ์หลายครั้งไม่หยุดหย่อน
    จนไม่รู้ว่าลูกในครรภ์นั้นลูกใครเป็นลูกใคร
    และด้วยความเกรงกลัวเสียงครหา ราชินีสาวจึง
    ตองหาวิธีการปิดบังครรภ์ป่องของนางจากสายตาผู้คน
    สิ่งใดเล่าจะสามารถมาปิดท้องของคนท้องได้
    นอกเสียจากกระโปรง ที่จำต้องเป็นสุ่มพองกลม
    ด้วยเหตุนี้ราชินีโจแอนจึงได้ออกแบบทรงกระโปรง
    พองกลมที่ทำจากไม้อ้อยขัดไว้ด้านในและสวม
    ไปใต้ ชุดกระโปรงของนางเพื่อป้องกันไม่ให้คน
    เห็นท้องที่ตั้งครรภ์ นั้นเอง

    [​IMG]


    และนี้ก็เป็นที่มาของ
    ตำนานกระโปรงสุ่มไก่ ซึ่งในภายหลังสตรีชั้นสูง
    ที่มาเห็นเข้าต่างรู้สึกว่ามันสวยดีจึงลองนำไปตัด
    และสวมใสดูบ้างนั้นเองในบั้นปลายของราชินีโจแอน
    เจ้าของแนวคิดกระโปรงสุ่มไก่นี้ สวรรคตลงด้วยวัย
    ที่ยังสาวอยู่มากคือ 36 ปีเท่านั้น แต่แฟชั่นของนางได้
    เป็นต้นแบบของชุดเจ้าสาวมาจนถึงปัจจุบัน



    wel lcome_pink
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2013
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    สำหรับคอร์ ผีฝรั่งรอสักแป๊บจะหาเรื่องมาลงเพิ่มคะ
     
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    พอดีเห็นมีสมาชิกมาเล่าเรื่อง ที่เจอผีร่วมหลับนอนด้วยระหว่างหลับ อันนี้ในตำนานผีของฝรั่งก็มีเช่นกันจะมาเล่าในหน้าต่อไปแต่ขอเขียนอะไรดันกระทู้ให้หน้านี้มีจบๆไปก่อนเพราะ ยาวมาก รูปเยอะจะโหลดนานถ้า เริ่มเล่าเรื่อราวๆ ต่อเลยตอนนี้
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    สำหรับผี ประเภทที่ มาร่วมหลับนอนกับมนุษย์ ระหว่างที่
    หลับหรือครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นถ้าเป็นผีผู้ชาย จะเรียก อินคิวบัส
    Incubus ก็จะเข้าหามนุษย์ผู้หญิง ถ้าเป็นผีผู้หญิงก็จะ
    เข้าหามนุษย์ผู้ชาย ซักคิวบัส Saccubus



    Incubus
    [​IMG]



    Saccubus
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • incubus.jpg
      incubus.jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.2 KB
      เปิดดู:
      938
    • saccubas.JPG
      saccubas.JPG
      ขนาดไฟล์:
      45.4 KB
      เปิดดู:
      903

แชร์หน้านี้

Loading...