ตำนาน 18 อรหันต์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NiNe, 14 เมษายน 2005.

  1. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ตามประวัติเล่าว่าเดิมทั้ง 18 องค์เคยเป็นโจรสลัดปล้นฆ่าอยู่กลางทะเล วันหนึ่งทั้งหมดสำนึกได้ว่าการปล้นฆ่าเป็นการสร้างบาปและทุกข์ให้แก่คนทั่วไป จึงตัดสินใจโยนอาวุธทั้งหมดทิ้งลงทะเล แต่คิดได้ว่าหากมีใครเก็บอาวุธใต้ทะเลได้ อาจจะเอาไปทำร้ายผู้อื่นต่อ ทั้งหมดจึงโดดลงไปในทะเลอีกครั้ง เพื่องมอาวุธขึ้นมาจากทะเล พอขึ้นมาจากทะเลได้ ทุกคนก็กลายเป็นพระอรหันต์ พร้อมทั้งอาวุธก็กลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ 18 อย่างประจำแต่ละองค์ จึงมีชื่อเรียกว่า 18 อรหันต์มาจนถึงทุกวันนี้

    ที่มา http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000029066
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2005
  2. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    อรหันต์ทั้ง 18 องค์ มีดังนี้
    1. เจียวเช้าซินซือ ฉายา ภิกษุในรังนก
    2. จื้อไจ๊ซินซือ เป็นภิกษุอินเดีย ชื่ออิศวร
    3. เค้าทงซินซือ อยู่ที่เขาหยกมอง
    4. ฮงกันซินซือ ฉายาผู้ปราบเสือให้เชื่อง
    5. ฮุยเอี๊ยงซินซือ
    6. ซิบติดจื๋อ ฉายาผู้เก็บตก
    7. ฮั้นซัวจื๋อ ฉายาอยู่ในถ้ำ
    8. ฮุยซางซินซือ
    9. กูตี๋ฮั่วเสียง เป็นภิกษุอินเดีย ชื่อคณมติ
    10. เต้าง้วยซินซือ อยู่เกาะทอง
    11. ซีจือปักคูจุนเจี่ย เป็นภิกษุอินเดีย ชื่อสิงหลบุตร
    12. ซ่งซัวะซินซือ
    13. ส่อฮูลอต้นจุนเจีย นามเป็นบาลี คือ ราหุล
    14. เซ่งจันซินซือ
    15. จี้โมโลจั๊บ นามเป็นบาลี คือ กุมารชีพ
    16. โมโหเกียเหยจุนเจีย นามเป็นบาลี คือ มหากัสสป
    17. ม้าเม้งจุนเจีย นามเป็นบาลี คือ อัศวโฆษ
    18. ปโต้ฮั่วเสียง ฉายาพระท้องพลุ้ย
    พระอรหันต์องค์ที่ 18 หรือพระท้องพลุ้ย จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่ทรงเป็น "พระศรีอารยเมตไตรย มหาโพธิสัตว์ หรือหมีเล็กผ่อสัก" นั่นเอง

    อย่างไรก็ตาม เกร็ดความรู้เรื่อง 18 อรหันต์ทองคำ มีกล่าวถึงในหลายพระคัมภีร์ของพุทธศาสนา ทำให้มีความแตกต่างกันไป

    ที่มา http://www.manager.co.th/china/ViewNews.aspx?NewsID=4540887734293
     
  3. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ฝ่าด่าน 18 อรหันต์

    การฝ่าด่าน 18 อรหันต์ หมายถึงการดำเนินกิจที่ต้องฝ่าฟัน อย่างยากลำเค็ญ

    ไม่เว้นแม้กระทั่งการปฏิบัติ ที่ต้องมีอุปสรรค์มากมาย

    จึงมีคำว่า "ฝ่าด่าน 18 อรหันต์" นั่นเอง

    ผู้ใดผ่านด่าน 18 อรหันต์ได้ .... ผู้นั้นย่อมค้นพบสัจธรรมแห่งความจริงแท้ฯ
     
  4. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,773
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
  5. NiNe

    NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,792
    ค่าพลัง:
    +7,482
    ขอบคุณมดเอ้ก .... ผมขอ Save ภาพไว้นะ ....
     
  6. หนุมาน

    หนุมาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +281
    <TABLE borderColorDark=#f3f3f3 width="80%" borderColorLight=#f3f3f3 border=1><TBODY><TR bgColor=#6699ff><TD class=white10bc width="100%">Religion : ยอดแห่งอรหันต์ ทั้ง 18 องค์</TD></TR><TR><TD style="MARGIN-LEFT: auto; WIDTH: 99%; COLOR: #000000; MARGIN-RIGHT: auto" width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE><TBODY><TR><TD bgColor=#ffcc00 colSpan=2>หลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซำจั๋ง) ได้ออกเดินจากประเทศจีน ไปยังประเทศอินเดีย เพื่อสืบค้นพระธรรมในพระพุทธศาสนาเพิ่มเติม เมื่อ พ.ศ.1172 ในสมัยพระเจ้าถังไท้จง แห่งราชวงศ์ถัง ท่านได้จาริก ไปรอบอินเดีย ได้ใช้เวลาศึกษาพระพุทธศาสนาและคัดลอกพระไตรปิฏกตลอดเวลา และได้เดินทางกลับประเทศจีนเมื่อราว พ.ศ.1188 รวมเวลาตั้งแต่ไปจนกลับ 16 ปี หลังจากกลับจากประเทศอินเดียแล้วท่านได้เริ่มแปลพระคัมภีร์สูตรต่าง ๆ จากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีนอยู่หลายปี แปลเสร็จบริบูรณ์เป็นหนังสือรวม 1335 ปริเฉทพระคัมภีร์เหล่านี้ได้พิมพ์ขึ้นเป็นเล่มหนังสือจีนด้วยกระดาษจีนธรรมดา และเป็นพระคัมภีร์ที่ชนชาวจีนนับถือตลอดมาจนปัจจุบันนี้ </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 1ปินโฑลภารัทวาช แปลว่า ก้อนข้าวผู้รับทาน ภารัทวาชเป็นสกุลใหญ่ 1 ใน 18 ของพราหมณ์ สถิตอยู่อมรโคยานทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์อีก 1,000 องค์ เป็นบริวาร ท่านได้แสดงปาฏิหารย์ หยิบบาตรไม้จันทน์บนยอดเขาสูง ความทราบถึงพระพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า แสดงปาฏิหารย์เพื่อบาตรไม้จันทน์ต่อหน้าพวกที่ยังมิได้รับศีล จึงขับออกไปเสียจากชมพูทวีปไปอยู่ทวีปอมรโคยาน ต่อมา บรรดาสาวกคิดถึงท่าน จึงขอให้กลับมา พระพุทธองค์ก็ยอมอนุโลมให้กลับมาแต่ไม่ให้เข้าปรินิพพาน ต้องดำรงขันธ์เป็นเนื้อนาบุญต่อไป เพื่อพิทักษ์พระศาสนาจนกว่าพระศรีอารยจะมาตรัส ฉะนั้นการสักการบูชาท่านจึงได้กุศลมาก ลักษณะพิเศษของท่าน คือถ้ามีผู้ใดเลี้ยงพระ ท่านก็จะปลอมแปลงเป็นพระธรรมดาแอบเข้าไปร่วมรับประทานด้วย รูปเป็นผอมเห็นซี่โครง บ้างยืน บ้างนั่ง มือถือหนังสือ อีกมือถือบาตร หรือมือทั้งสองถือหนังสือ หรือวางบนเข่า บ้างยืนในท่าหยิบบาตร บางท่านเชื่อว่าท่านนี่คือ หลวงปู่เทพโลกอุดร</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 2 กนกวัจฉ แปลว่าลูกโคทอง สถิตอยู่แคว้นกัศมีระ พร้อมด้วยพระอรหันต์อีก 500 องค์เป็นบริวาร ท่านเป็นสาวกที่สารถในทางรู้แจ้งบรรดาลัทธิธรรมต่าง ๆ และเป็นผู้ทรมานร่างกายได้ดี สามารถนั่งเข้าฌาณในกลางฝนได้ รูปท่านเป็นรูปห้อยเท้าขวา มือขวาวางบนเข่า มือซ้ายวางที่ฝ่าเท้าซ้าย</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 3 กนกภารัทวาช เป็นชื่อฤษี 1 ใน 7 มหาฤษี สถิตอยู่แคว้นบูรพวิเทพ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 600 องค์เป็นบริวาร รูปท่านนั่งห้อยเท้า เท้าซ้ายยกขึ้นจากรองเท้า มือขวาวางอยู่บนเข่า มือซ้ายอยู่ข้างหูเป็นรูปคนแก่ผมยาว</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 4 สุปินฑ สถิตอยู่อุตตรกุรุทวีป พร้อมด้วยอรหันต์ 700 เป็นบริวาร ท่านองค์นี้อาจจะเป็นพระสุภัทร ซึ่งเป็นพราหมณ์ชาวเมืองกุสินารา บรรลุพระอรหันต์ เมื่ออายุ 120 ปี โดยสดับพระธรรมเมื่อพระพุทธเจ้าทรงประชวรหนักจวนเสด็จดับขันธ์ ท่านสุภัทรไม่ต้องการจะเห็นพระอริยสาวกองค์สุดท้าย รูปเป็นคนแก่นั่งเข้าสมาธิ มือถือหนังสือบ้างทำเป็นรูปนั่งธรรมดา มีบาตรและกระถางธูปอยู่ข้างหนึ่ง มือซ้ายถือหนังสือ มือขวาทำมุทราดีดนิ้ว บ้างยกมือขวาหงาย</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 5 นกุล แปลว่า พังพอน สถิติอยู่ชมพูทวีป พร้อมด้วยพระอรหันต์ 800 องค์ เป็นบริวาร ท่านชอบอยู่โดดเดี่ยว ถือการธุดงค์เป็นพรต ไม่มีศิษย์ไม่เคยเทศนา ไม่ของอยู่ปะปนกับใคร ไม่เคยอาพาธ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นศิษย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุด คือ 160 ปี ทั้งนี้เพราะเมื่อสมัยพระวิปัสสีพุทธ ท่านได้ถวายเภสัชแก่ภิกษุผู้อาพาธ ท่านไม่เคยเทศนาโปรดใครนั้น เพราะท่านเห็นว่าพระสารีบุตร พระอานนท์และพระมหาสาวกองค์อื่น ๆ เทศนาได้ดีแล้ว ท่านจึงไม่จำเป็นต้องเทศน์ รูปท่านเป็นนั่งห้อยเท้า มีพังพอนอยู่ข้าง ๆ บ้างเป็นรูปกบสามขาอยู่ใต้รักแร้บ้างเป็นรูปเข้าฌาณ มีเด็กน้อยอยู่ข้างหนึ่งหรือแบมือทั้งสองข้าง</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 6 ภัทร แปลว่า ประเสริฐ สถิตอยู่ตามระทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์ 900 องค์ บ้างว่าท่านเป็นพระญาติพระพุทธเจ้าบ้างว่ามีสกุลสูง เป็นมหาสาวกองค์หนึ่งสามารถอธิบายอรรถธรรมที่ลึกซึ้งด้วยคำพูดงง่าย ๆ รูปท่านเป็นรูปนั่งห้อยเท้า ถือหนังสือมีอยู่ข้าง ๆ แสดงว่าท่านปราบเสือได้บ้างทำเป็นรูปมีขนคิ้วยาว ประณมมือ</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 7 กาลิก แปลว่า เวลา ชั่วเวลา สถิตอยู่สังฆ ฏทวีปพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,000 องค์ ท่านเป็นที่นับถือ แห่งพระเจ้าพิมพิสาร รูปท่านเป็นรูปนั่งห้อยเท้าหรือเข้าฌาณบ้างถือหนังสือหรือใบไม้ บ้างทำเป็นรูปคิ้วยาวลงมาจนลากดิน ต้องใช้มือถือไว้ บ้างฉาบทั้งสองมือ</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 8 วัชรบุตร สถิตอยู่บรรณทวีป พร้อมพระอรหันต์ 1,100 องค์เป็นบริวาร รูปห้อยเท้า ถือไม้เท้าขักขระ ไม้เท้านี้บนยอดมีโลหะมีชองเป็นวงกลมสำหรับร้อยแหวนโลหะ เมื่อเขย่าจะเกิดเสียงเวลาเดินทางในป่า จะทำให้จำพวกสัตว์เลื้อยคลานได้ยินเสียงจะตกใจแล้วหลีกหนีไป</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 9 สุปากะ สถิตอยู่กลางเขาคันธมาทน์พร้อมด้วยพระอรหันต์ 900 องค์ ในหนังสือเถรคาถา มีชื่อโสปากะอยู่องค์หนึ่ง เนื่องด้วยตอนจะคลอดมาดาสลบไปผู้คนเข้าใจว่าตาย จึงนำไปทิ้งที่ป่า เมื่อท่านคลอดออกมามารดาก็ถึงแก่กรรมไปจึงชื่อว่าโสปากะ แปลว่าอันเขาทิ้งแล้ว เมื่อท่านอายุได้ 7 ปี ได้ฟังคำพระพุทธเจ้าสั่งสอนก็เลื่อมในแล้วออกบรรพชา ภายหลังได้บรรลุพระอรหันต์ เป็นสาวกองค์หนึ่ง รูปท่านนั่งห้อยเท้า มือถือหนังสือหรือพัด ข้าง ๆ มีอรหันต์องค์เล็ก หรือทั้งสองมือถือลูกประคำ </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 10 ปันถก แปลว่าทาง บ้างเติมคำมหาเป็นมหาปันถก สถิตที่สวรรค์ตรัยตรึงพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1300 องค์ เป็นบริวาร ท่านเป็นบุตรของพราหมณี พราหมณีนี้ออกลูกที่ใดก็ตายทุกคราว ครั้งหลังจึงไปคลอดที่ถนนใหญ่แล้วได้บุตรคือท่านเอง ท่านมีฤทธิ์ชำแรกกายเข้าของแข็งได้นิรมิตไฟน้ำได้เดินเหินในอากาศได้ ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสให้ไปปราบพญานาค ท่านยังเป็นองค์ที่ยอดเยี่ยมด้วยปัญญา สามารถแก้ความสงสัยในอรรถธรรมให้แจ่มแจ้งได้ เป็นเอตทัคคะสาวกองค์หนึ่ง รูปท่านนั่งห้อยเท้าบนหลังสิงห์ บ้างนั่งห้อยเท้ากำลังทรมานพญานาคให้เหข้าอยู่ในบาตร บ้างนั่งใต้ต้นไม้ มือถือหนังสือ บ้างเป็นรูปนั่งเข้าฌาณ</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 11 ราหุล สถิตอยู่ยังปริยังคุปทวีปพร้อมด้วยอรหันต์ 1,100 องค์บริวาร ท่านเป็นพุทธชิโนรส พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ท่านจะได้ไปเกิดเป็นเชษฐโอรส ของพระอานนท์ ฉะนั้น จึงมีสมญาว่า โอรสพระอานนท์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จพระปรินิพพาน ท่านได้เป็นคณาจารย์นิกายไวภาษิก และเป็นที่เคารพของบรรดาสามเณร ท่านเป็นเอตทัคคะมหาสารวก ศึกษาในธรรมวินัย และประพฤติปฏิบัติเคร่งครัด รูปท่านบ้างทำเป็นผู้มีศรีษะโต ตาโต จมูกเป็นขอ บ้างก็เป็นรูปคนธรรมดา มือทั้งสองอุ้มเจดีย์</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 12 นาคเสน สถิตอยู่เขาปาณฑพแคว้นมคธ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,200 องค์เป็นบริวาร ท่านเป็นผู้มีสง่า มีปฏิภาณในการโต้ตอบแก้ปัญหาธรรม มีความรู้ลึกซึ้ง ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวกันกับพระนาคเสน ในมิลินทปัญหา รูปนั่งห้อยเท้า มือซ้ายยกสูงเพียงหู มือขวาอยู่บนเข่า</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 13 อิงคท สถิตอยู่ภูเขาไวบูลยบราณศว์พร้อมด้วย พระอรหันต์ 1,300 องค์ เป็นบริวาร ท่านองค์นี้ หากเป็นองค์เดียวกันกับพระอังคช ก็เป็นมหารสาวกเช่นกัน และเป็นองค์ที่บริบูรณ์ในสิ่งทั้งปวง รูปนั่งห้อยเท้า อ้วนสมบูรณ์ ร่าเริง แต่บ้างก็เป็นรูปพระแก่ถือไม้เท้า บ้างถือหนังสือบ้างบาตร</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 14 วันวาสี แปลว่าอยู่ป่า สถิตอยู่ภูเขาวัตสะพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,400 องค์ เป็นบริวาร ยังหาเรื่องราวของท่านไม่ได้ ดูเหมือนจะเป็นองค์เดียวกับพระวัจนะ ซึ่งชอบอยู่ตามป่า รูปนั่งห้อยเท้าอยู่ที่ปากถ้ำ หลับตาเหมือนเข้าฌาณ บ้างทำนิ้วมุทรา (ท่านิ้วหงิกงอ) บ้างวางบนเข่า บ้างถือหนังสือ</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 15 อชิต แปลว่าชนะไม่ได้ สถิตอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ พร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,500 องค์เป็นบริวาร ยังหาเรื่องราวของท่านไม่ได้ ในคราวทุติยสังคายนา ยังมีภิกษุองค์หนึ่งชื่อเดียวกันกับท่าน ในเถรคาถามีพระอชิตเถระเป็นบุตรของพราหมณ์ คำว่า อชิต เป็นนามพระศรีอารย รูปนั่งห้อยเท้า แก่ ขนคิ้วยาว มือวางบนเข่า บ้างนั่งเข้าฌาณ ที่หน้าอกมีรูปหน้าคน ยังไม่ทราบว่ามีความหมายอะไร </TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 16 จูฑะปันถก บ้างเติมคำว่า จูฬ แปลว่า คนทางเล็ก สถิตอยู่ที่ภูเขาเนมินธรพร้อมด้วยพระอรหันต์ 1,600 องค์ เป็นบริวาร เป็นมหาสาวกองค์หนึ่ง เมื่อแรกอุปสมบทปัญญาโง่ทึบท่องจำอะไรไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว แต่ต่อมา ได้บรรลุอรหัตตผลเชี่ยวชาญในวิชามโนยิทธิ เรื่องราวของท่านปรากฏอยู่อสีติมหาสาวก รูปนั่งห้อยเท้า มือขวาถือถ้วย มีนกกำจิกน้ำ</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 17 เค่งอิ๋ว นนทิมิตร</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffcc colSpan=2>องค์ที่ 18 ปินโทล่อ ปินโทล พระอรหันต์ 18 องค์ เริ่มมาจากพระอรหันต์อารักษ์ธรรม 4 องค์ พ.ศ. 1000 พระภิกษุจีนวาดภาพพระอรหันต์ 16 องค์ บ้างวาด 48 องค์ และ 500 องค์ก็มี พ.ศ.2280 กษัตริย์เคียงล้งแห่งราชวงศ์เชง โปรดเพิ่มพระอรหันต์ปราบมังกรและเสืออีก 2 องค์ คือท่านนนทิมิตรกับท่านปินโทลจึงเป็น 18 องค์ ความจริงเรื่องปราบมังกรและเสือ เป็นเรื่องของพวกลัทธิเต๋า (พวกเซียน) และก็เลยเป็น 18 องค์ กระทั่งปัจจุบัน</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,325
    ขออนุญาต save ภาพไว้นะคะ....สวยมาก ไม่รู้จะนำไปขยายได้มั้ย....กำลังหาอยู่พอดีเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...