ติดตามสถานะการณ์

“โมดี” ละเมิดรัฐธรรมนูญนั่งเป็นประธานเปิดรัฐสภาหลังใหม่ทรงสามเหลี่ยมด้วยตัวเอง ฝ่ายค้านอินเดียกว่าร้อยบอยคอตไม่ร่วมสังฆกรรม
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์ - เมื่อเช้าวานนี้(29 พ.ค)นายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี ทำพิธีเปิดอาคารรัฐสภารูปทรง 3 เหลี่ยมโปรเจกต์มูลค่าเบ็ดเสร็จ 2.4 พันล้านดอลลาร์สุดอื้อฉาวประเคนงานให้คนจากรัฐเดียวกัน นักการเมืองฝ่ายค้านกว่าร้อยบอยคอตไม่ร่วมสังฆกรรมในพิธีชี้ นายกฯโมดีละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ยอมให้ประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นประธานเปิดตามกฎหมาย
.
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้(28 พ.ค)ว่า การทำพิธีเปิดอาคารรัฐสภาอินเดียหลังใหม่ตั้งในใจกรุงนิวเดลีเช้าวันอาทิตย์(28)เกิดขึ้นท่ามกลางพรรคฝ่ายค้านอินเดียส่วนใหญที่เป็นจำนวนกว่า 20 พรรคประกาศบอยคอตไม่ยอมเข้าร่วม
.
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานว่า มีนักการเมืองฝ่ายค้านจำนวนมากกว่าร้อยคนไม่ยอมเข้าร่วมพิธีเช้าวานนี้(28)
.
นักการเมืองฝ่ายค้านอินเดียเหล่านี้ไม่พอใจที่โมดีละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญไม่ยอมปล่อยให้ประธานาธิบดีทำหน้าที่เป็นผู้เปิดรัฐสภาหลังใหม่ตามกฎหมาย
.
ด้านพรรครัฐบาล BJP แถลงว่า การที่ฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมนั้นถือเป็นการไม่เคารพต่อประชาธิปไตย
.
ความวุ่นวายยังไม่จบแค่นั้น CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า นักกีฬาโอลิมปิกชื่อดังอินเดีย วิเนช โฟกา(Vinesh Phoga) และ ศักชี มาลิค (Sakshi Malik) ถูกตำรวจควบคุมระหว่างพยายามเดินมาร์ชไปยังใจกลางกรุงนิวเดลีในระหว่างที่ผู้นำกำลังทำพิธีเปิด
.
อ้างอิงจากมาลิคซึ่งเป็นนักกีฬามวยปล้ำชื่อดังพูดขึ้นระหว่างอยู่ในรถตำรวจเช้าวันอาทิตย์(28)ว่า เป็นการประท้วงอย่างสันติเพื่อเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งรัฐสภาหลังใหม่แต่เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่
.
“เจ้าหน้าที่ใช้กำลังลากตัวและจับกุมกลุ่มผู้ประท้วง” มาลิคกล่าวในรถตำรวจที่ในภายหลังได้รับการปล่อยตัวออกมา โดยเธอเสริมต่อว่า ไม่รู้ว่าตำรวจจะนำพาตัวกลุ่มผู้ประท้วงไปที่ใด
.
CNN รายงานว่าการปะทะวันอาทิตย์(28)มีขึ้นหลังการประท้วงยาวนานร่วมสัปดาห์โดยกลุ่มนักกีฬาที่มีต่อประธานสมาพันธ์กีฬามวยปล้ำอินเดีย WFI ที่นักกีฬาเหล่านี้กล่าวหาว่า ประธานมีพฤติกรรมอนาจารล่วงละเมิดทางเพศต่อนักกีฬาหญิง
.
นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ทำหน้าที่เป็นประธานด้วยตัวเอง เขาอยู่ในชุดแต่งกายตามธรรมเนียมท่ามกลางพราห์มฮินดูจำนวนมากในพิธีการที่มีพิธีทางศาสนามากมายเรียกเสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยที่ชี้ว่า ไม่เป็นไปตามหลักสากลของการแบ่งแยกรัฐและศาสนาออกจากกันในฐานะหลักประชาธิปไตยที่ไม่อิงศาสนาอันเป็นจุดประสงค์ของอาคารรัฐสภารูปทรงสามเหลี่ยมนี้
.
โมดีแสดงสุนทรพจน์ในพิธีเปิดที่นี่มีใจความว่า
.
“นี่ถือเป็นวัดแห่งประชาธิปไตยของพวกเราที่จะส่งสารต่อการตัดสินใจของอินเดียไปยังโลก” และกล่าวต่อว่า “เมื่ออินเดียก้าวไปข้างหน้า โลกจะเคลื่อนตามมา” สื่อสหรัฐฯรายงาน
.
อาคารรัฐสภาหลังใหม่ที่เป็นหนึ่งในอาคารภายใต้โปรเจกต์ Central Vista มูลค่าสูงลิ่ว 2.4 พันล้านดอลลาร์รวมถึงที่ตั้งสำนักงานรัฐบาลและที่พำนักทางการของนายกรัฐมนตรีอินเดีย เดอะการ์เดียนกล่าวว่า มีรายงานว่าขาดความโปร่งใสและอื้อฉาวมาตั้งแต่ต้นซึ่งรัฐบาลโมดีโดนกล่าวหาว่า เป็นการสร้างเส้นทางอำนาจในภาพลักษณ์ของตัวเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการเมืองชาตินิยมของตัวเอง
.
อาคารรัฐสภาทรง 3 เหลี่ยมนั้นถูกสร้างแทนที่อาคารหลังเก่าสมัยอดีตอาณานิคมที่เก่าเกือบร้อยปีที่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมในภาวะปัจจุบันและอีกทั้งยังไม่สามารถปรับปรุงได้
.
เสียงวิจารณ์ยังชี้ไปถึงชื่อของสถาปนิก บิมาล ปาเตล (Bimal Patel) ที่เป็นคนรัฐ คุชราตมาจากรัฐเดียวกับโมดี พบว่า ปาเตลนั้นที่ผ่านมาชนะประมูลโปรเจกต์ใหญ่หลายครั้งจากรัฐบาลมาแล้ว

 

“เมลเบิร์น” ยังผวาไม่เลิกวิตก “อาฟเตอร์ช็อก” หลังเจอแผ่นดินไหวเที่ยงคืน 3.8 ริกเตอร์แรงสุดในรอบกว่า 100 ปี
.
.
.
.
.
เอเจนซีส์ - ชาวเมลเบิร์นยังขวัญผวาต่อวันจันทร์(29 พ.ค)หลังรัฐบาลออสเตรเลียออกคำเตือนเสี่ยงอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลังเมื่อเวลาเกือบเที่ยงคืนวันอาทิตย์(28 พ.ค)เกิดแผ่นดินไหวแรงระดับ 3.8 ริคเตอร์ร้ายแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1902 แต่ไม่มีรายงานความเสียหายร้ายแรง
.
9NEWS สื่อออสเตรเลียรายงานวันนี้(29 พ.ค)ว่า ประชาชนชาวเมลเบิร์นในรัฐวิกตอเรียต่างได้รับคำเตือนให้ระวังการเกิดอาฟเตอร์ช็อกที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากนี้หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเกือบเที่ยงคืนวันอาทิตย์(28)
.
ตามรายงานระบุว่าแผ่นดินไหวความแรงระดับ 3.8 ริคเตอร์ที่ระดับความลึก 3 กิโลเมตรทางย่านชานเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของซันบิวรี (Sunbury) เกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นตามการบันทึกของสำนักงานธรณีศาสตร์ออสเตรเลีย (Geoscience Australia)
.
CNN ของสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า สำนักงานธรณีศาสตร์ออสเตรเลียแถลงว่า ได้รับการการแจ้งไม่ต่ำกว่า 21,000 ครั้งเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหว โดยแรงสั่นสะเทือนสามารถรรับรู้ได้ไกลไปจนถึงเมือง Bendigo ห่างออกไปจากเมืองเมลเบิร์นทางเหนือร่วม 150 กิโลเมตรและไกลสุดทางใต้ที่เมืองโฮบาร์ต (Hobart) บนเกาะทาสมาเนีย (Tasmania)
.
หนึ่งในชาวเมลเบิร์นที่อาศัยอยู่ได้ให้ข้อมูลกับสื่อ 7NEWS ของออสเตรเลียกล่าวถึงแรงแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นว่า “รู้สึกเหมือนเครื่องบินกำลังพุ่งชนบ้านข้างๆของดิฉันหรืออะไรสักอย่าง”
.
ขณะที่ อดัม ปาสคาล (Adam Pascale) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวที่มีฐานอยู่ในรัฐวิกตอเรียให้ข้อมูลว่า แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นล่าสุดที่ใหญ่สุดภายในรัศมี 40 กิโลเมตรของเมืองเมลเบิร์นนับตั้งแต่ปี 1902 ที่เกิดแผ่นดินไหวความแรง 4.5 ริคเตอร์
.
ปาสคาลซึ่งประสบเหตุแผ่นดินไหวด้วยตัวเองกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ว่า “มันปลุกให้ผมตื่น สั่นแต่ไม่รุนแรงนาน 5 - 10 วินาที อดรีนาลีนยังไม่พลุ่งพล่านเลย...”
.
9NEW รายงานว่า ไม่พบรายงานความเสียหายหนัก แต่สำนักงานบริการฉุกเฉินรัฐวิกตอเรีย SES ได้ถูกแจ้งเพื่อให้ไปตรวจสอบความเสียหายในหลายจุด
.
นอกจากนี้ทางสำนักงาน SES ยังเรียกร้องให้ประชาชนชาวเมลเบิร์นตั้งอยู่ในความระมัดระวังเตรียมพร้อมสำหรับการเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา
.
ซึ่งในกรณีที่เกิดอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงได้มีคำแนะนำให้หลบอยู่ที่พื้น หรือหาที่กำบังเป็นต้นว่าใต้โต๊ะจนกระทั่งแผ่นดินไหวหยุดสั่นลง
.
ในครั้งแรกของการเกิดแผ่นดินไหวสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ USGS ได้ประกาศว่าแผ่นดินไหวเมลเบิร์นเกิดขึ้นในระดับ 3.6 แมกนิจูดในระดับความลึกกว่า 9 กิโลเมตร
.
สื่อออสเตรเลียชี้ว่า ทั้งนี้ออสเตรเลียน้อยครั้งที่จะประสบกับเหตุแผ่นดินไหวเนื่องมาจากที่ตั้งของทวีปที่อยู่บริเวณแปรสัณฐานของเปลือกโลก(tectonic plate)ซึ่งพบแผ่นดินไหวน้อย
.
ผู้สนใจสามารถชมคลิปได้ที่... https://mgronline.com/around/detail/9660000049530

 

วาฬเบลูกาตัวหนึ่งที่สวมเครื่องควบคุม โผล่นอกชายฝั่งของสวีเดน จากการเปิดเผยขององค์กรที่ติดตามมันในวันจันทร์(29พ.ค.) หลังจากมันเคยปรากฏแถวๆนอร์เวย์ในปี 2019 ซึ่งโหมกระพือเสียงคาดเดาว่ามันเป็นวาฬสอดแนมที่ได้รับการฝึกฝนจากกองทัพเรือรัสเซีย

วาฬตัวนี้ถูกพบเจอครั้งแรกในฟินน์มาร์ค ภูมิภาคทางเหนือห่างไกลของนอร์เวย์ มันใช้เวลานานมากกว่า 3 ปี ค่อยๆเคลื่อนย้ายอย่างช้าๆลงมาตามครึ่งบนของชายฝั่งนอร์เวย์ ก่อนเร่งความเร็วอย่างฉับพลันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ครอบคลุมครึ่งล่างของชายฝั่งนอร์เวย์และเข้าสู่สวีเดน

เมื่อวันอาทิตย์(28พ.ค.) มันถูกพบเห็นในฮุนเนอบอสตรันด์ นอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของสวีเดน "เราไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเร่งความเร็ว เร็วมากในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากมันเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วออกห่างจากสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติของมัน" เซบาสเตียน สตรานด์ นักชีววิทยาทางทะขององค์กรวันวาฬให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

"อาจเป็นเพราะฮอร์โมนที่ผลักดันให้มันหาคู่ หรืออาจเป็นเพราะความโดดเดี่ยว เนื่องจากวาฬเบลูกาเป็นสายพันธุ์ที่พิเศษมากๆ อาจเป็นไปได้ว่ามันกำลังตามหาวาฬเบลูกาตัวอื่นๆ" สตรานด์กล่าว พร้อมระบุ "เชื่อว่ามันน่าจะมีอายุ 13-14 ปี และวาฬอายุเท่านี้ ระดับฮอร์โมนของมันจะสูงมากๆ"

อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงคือประชากรวาฬเบลูกาที่อยู่ใกล้ที่สุด อยู่ในบริเวณหมู่เกาะสวาลบาร์ด ทางเหนือห่างไกลของนอร์เวย์

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน 2019 ชาวประมงนอร์เวย์พบวาฬเบลูกาตัวนี้สวมสายบังเหียนมีช่องติดกล้องโกโปร ว่ายอยู่นอกชายฝั่ง และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า มันอาจเป็นวาฬสอดแนมที่ฝึกโดยกองทัพรัสเซีย

ชาวนอร์เวย์ ให้ชื่อเล่นให้มันว่า "ฮวาลดิมีร์" เป็นการเล่นคำ คำว่า "ฮวาล" ซึ่งในภาษานอร์เวย์แปลว่า "วาฬ" และเชื่อมโยงมันกับคำกล่าวหาที่ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย

ตอนที่มันถูกพบในแถบอาร์กติกของนอร์เวย์ครั้งแรก พวกนักชีววิทยาทางทะเลจากคณะกรรรมการการประมงของนอร์เวย์ ได้ช่วยกันถอดเครื่องควบคุมที่ติดตั้งโดยมนุษย์ออก โดยอุปกรณ์ดังกล่าวติดตั้งกล้องกันน้ำและมีคำว่า "Equipment St. Petersburg" พิมพ์อยู่ตรงหัวล็อคของสายรัด

เจ้าหน้าที่ของคณะกรรรมการการประมงนอร์เวย์ สันนิษฐานว่า "ฮวาลดิมีร์" อาจหนีออกจากกรง และอาจได้รับการฝึกฝนจากกองทัพเรือรัสเซีย เนื่องจากมันดูคุ้นเคยกับมนุษย์

มอสโกไม่เคยแสดงปฏิริยาอย่างเป็นทางการใดๆเกี่ยวกับการคาดเดาของนอร์เวย์ ว่ามันอาจเป็น "สายลับของรัสเซีย"

ทะเลแบเรนตส์ เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางภูมิรัฐศาสตร์ บริเวณที่มีการจับตามองความเคลื่อนไหวของเรือดำน้ำตะวันตกและเรือดำน้ำรัสเซีย นอกจากนี้แล้วมันยังเป็นประตูเข้าสู่ เส้นทางเดินเรือทะเลสายเหนือ (Northern Route) ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการสัญจรทางทะเลระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับแปซิฟิก

สตรานด์ กล่าวว่าสุขภาพของวาฬตัวนี้ดูเหมือนจะค่อนข้างดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากแหล่งอาหารที่อยู่ในสภาพอุดมสมบูรณ์ในนอร์เวย์ อย่างไรก็ตามหน่วยงานนของเขาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของฮวาลดิมีร์ ในการหาอาหารในสวีเดน และสังเกตเห็นว่ามันมีน้ำหนักลดลงบ้างแล้ว

(ที่มา:เอเอฟพี)

 

อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส อ้างว่าประเทศต่างๆที่มีความตั้งใจเข้าร่วมกับสหพันธรัฐรัสเซียและเบลารุส จะได้รับมอบอาวุธนิวเคลียร์ ไม่กี่วันหลังจากยืนยันว่าการเคลื่อนย้ายอาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิคบางส่วนจากมอสโกมายังมินสก์ได้เริ่มขึ้นแล้ว

ลูคาเชนโก พันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แสดงความคิดเห็นระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรัสเซีย 1 ชาแนล ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(28พ.ค.)

ระหว่างการสัมภาษณ์ ลูคาเชนโกกล่าวว่า "ไม่มีใครใส่ใจคาซัคสถานและประเทศอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแบบเดียวกับที่เรามีกับสหพันธรัฐรัสเซีย มันง่ายมากๆ เข้าร่วมกับรัฐสหภาพรัสเซียและเบลารุส ทั้งหมดทั้งมวล จะมีอาวุธนิวเคลียร์สำหรับทุกคน"

ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งรัฐสหภาพรัสเซีย-เบลารุส ซึ่งลงนามในปี 1999 ได้ตั้งข้อกำหนดพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับพันธมิตรในหลายด้าน ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ ข้อมูล เทคโนโลยี การเกษตร และความมั่นคงพื้นที่ชายแดน เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆระหว่าง 2 ชาติ" อ้างอิงจากเว็บไซต์รัฐบาลเบลารุส

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า คำเชิญของลูคาเชนโกให้เข้าร่วมรัฐสหภาพรัสเซีย-เบลารุส ครอบคลุมออกไปไกลแค่ไหน และเขาเองไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามความคิดเห็นของเขาในการส่งมอบอาวุธนิวเคลียร์แก่บรรดาพันธมิตรที่มีแนวคิดคล้ายๆกัน ดูเหมือนจะก่อความกังวลระดับสูงในช่วงเวลาที่มีการแพร่ขยายทางนิวเคลียร์เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก และมีขึ้นในขณะที่มอสโกข่มขู่โลกด้วยคลังแสงปรมาณูของพวกเขา หลังสงครามของรัสเซียในยูเครนสะดุดลง

เมื่อวันพฤหัสบดี(25พ.ค.) ประธานาธิบดีเบลารุส เปิดเผยว่าการขนย้ายอาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิคบางส่วนจากรัสเซียมายังเบลารุส ได้เริ่มขึ้นแล้ว หลังจากมีข้อตกลงหนึ่งที่ลงนามโดยมอสโกและมินสก์

"มันจำเป็นที่ต้องจัดเตรียมสถานที่จัดเก็บ และอื่นๆ ซึ่งเราทำทั้งหมดนี้แล้ว เพราะฉะนั้น ความเคลื่อนไหวของอาวุธนิวเคลียร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว" ลูคาเชนโกกล่าวกับเบลตา สื่อมวลชนแห่งรัฐ นอกจากนี้แล้วเขายังรับปากเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาวุธเหล่านี้ โดยบอกว่า "เรื่องนี้ไม่แม้แต่จะต้องพูดคุยกัน อย่ากังวลเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ เราคือผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ นี่คือประเด็นร้ายแรง ทุกๆอย่างจะไม่เป็นไร"

ปูติน กล่าวว่ารัสเซีย จะยังคงการควบคุมเหนืออาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิคใดๆที่ประจำการในเบลารุส และโยงความเคลื่อนไหวครั้งนี้กับแนงทางปฏิบัติของสหรัฐฯ ที่ประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป เพื่อช่วยให้บรรดาประเทศเจ้าบ้านทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงเยอรมนี ไม่ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ว่าจะไม่เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์

เบลารุส ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในดินแดนของตนเองมาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 ไม่นานหลังจากได้รับเอกราชตามหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต พวกเขาเห็นพ้องโอนย้ายอาวุธทำลายล้างสมัยโซเวียตทั้งหมดไปยังรัสเซีย

นับตั้งแต่รุกรานยูเครนเมื่อ 1 ปีก่อน ปูติน ยกระดับโวหารหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆในบางครั้งบางคราว เตือนถึงความเสี่ยงสงครามนิวเคลียร์และบ่งชี้ว่ามอสโกอาจละทิ้งนโยบายที่ระบุว่าจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นฝ่ายแรก

เมื่อเดือนมีนาคม ปูติน กล่าวว่ามอสโกจะแล้วเสร็จโครงการก่อสร้างโรงจัดเก็บพิเศษสำหรับอาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิคในเบลารุสในช่วงต้นเดือนกรกฏาคม และเผยว่ารัสเซียได้เคลื่อนย้ายระบบขีปนาวุธพิสัยใกล้ "อิสกันเดอร์" ไปยังเบลารุสแล้ว ในขณะที่มันสามารถติดตั้งได้ทั้งหัวรบนิวเคลียร์หรือหัวรบทั่วไป

อาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิคมีขนาดเล็กกว่าอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ ซึ่งสามารถทำลายล้างที่ทั้งเมือง มันถูกออกแบบมาสำหรับใช้ในสนามรบอย่างจำกัด อย่างไรก็ตามแรงระเบิดของมันอาจยังคงเพียงพอก่อการทำลายล้างครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับการปนเปื้อมกัมมันตภาพรังสี

สหรัฐฯ สหภาพยุโรป เช่นเดียวกับพวกผู้นำฝ่ายค้านในเบลารุส ต่างออกมาประณามความเคลื่อนไหวของรัสเซีย ในการประจำการอาวุธนิวเคลียร์ทางเทคนิคในเบลารุสครั้งนี้

(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)

 

✈️ เครื่องบินโดยสาร C919 ลำแรกที่ผลิตในประเทศจีน คู่แข่งแอร์บัส A320 และโบอิ้ง B737
.
เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเอง รุ่น C919 ได้ทำการบินเชิงพาณิชย์เที่ยวแรกจากนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกไปยังกรุงปักกิ่งทางตอนเหนือเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันอาทิตย์ (28 พ.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ตลาดการบินพลเรือนอย่างเป็นทางการของประเทศจีน
.
เที่ยวบินเชิงพาณิชย์ MU9191 เที่ยวแรก ดำเนินงานโดยสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส (China Eastern Airlines) ขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ หงเฉียว ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของ COMAC พร้อมผู้โดยสารจำนวน 130 คน ขึ้นบินในเวลา 10.32 น. ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนลงจอดในสนามบินนานาชาติปักกิ่ง ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
.
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศว่า "นี่จะเป็นชัยชนะของนวัตกรรมจีน" เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนสู่การพัฒนารูปแบบใหม่ ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขณะที่สื่อในประเทศจีนร่วมกันรายงานข่าวว่า เครื่องบินลำนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของความองอาจในวงการอุตสาหกรรมจีน และถือเป็นความภาคภูมิใจของชาติด้วย
.
เครื่องบินโดยสาร รุ่น C919 ถือเป็นเครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเองรุ่นแรก โดยบริษัทอากาศยานพาณิชย์แห่งประเทศจีน (Commercial Aviation Corp of China - COMAC) มีพิสัยบินสูงสุดประมาณ 5,630 กิโลเมตร บรรทุกผู้โดยสารได้ 158-168 คน ใช้เวลาพัฒนาถึง 16 ปี และได้รับใบรับรองแบบอากาศยาน เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
.
การผลิตเครื่องบินภายในประเทศของจีน เป็นความพยายามในการบุกตลาดอุตสาหกรรมเครื่องบินของโลก มุ่งแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดเครื่องบินโดยสารอย่าง "แอร์บัส A320" และ "โบอิ้ง B737" ซึ่งนิยมนำมาให้บริการสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ รวมถึงในแถบภูมิภาคนี้
.
สำหรับเครื่องบิน C919 ประกอบขึ้นในประเทศจีน แต่มีการนำเข้าชิ้นส่วนของเครื่องบินจากตะวันตก อย่างเช่น เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับการบิน จากบริษัทหลายแห่ง ประกอบด้วย General Electric Co, Safran SA และHoneywell International Inc.
.
China Eastern Airlines เป็นลูกค้ารายแรกที่สั่งซื้อเครื่องบินรุ่นนี้มาให้บริการผู้โดยสาร โดยได้ทำสัญญาจัดซื้อแล้ว 5 ลำ ขณะที่ COMAC ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2022 จนถึงตอนนี้ มียอดจองเครื่องบิน C919 มากกว่า 1,200 ลำ ส่วนใหญ่เป็นสายบินในจีน และมีแผนที่จะผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ 150 ลำต่อปี ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
.
--------------------------
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ #ThaiPBSSciAndTech #ThaiPBS #C919 #ซี919 #เครื่องบินจีน #จีน
ที่มา : Xinhua, Nikkei

 

จีนจ่อดึงเกาหลีใต้เข้าร่วม “สงครามเซมิคอนดักเตอร์” กับสหรัฐ หวังสร้างความร้าวฉานระหว่าง สหรัฐ-เกาหลีใต้ ด้านแหล่งข่าววงใน เผย รัฐบาลเกาหลีใต้ พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งครั้งนี้โดยห้ามไม่ให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีรับส่วนแบ่งจากช่องว่างของบริษัทไมครอน
.
แหล่งข่าววงในของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ซึ่งทราบข้อมูลภายในเกี่ยวกับท่าทีของรัฐบาลเกาหลีใต้ต่อการที่รัฐบาลจีนสั่งห้ามนำเข้า-ส่งออก (แบน) สินค้าจากบริษัทของสหรัฐ กล่าววันนี้ (29 พ.ค.) ว่า
.
ทางการเกาหลีใต้พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าไปรับผลประโยชน์จากการที่จีนแบน บริษัท ไมครอน เทคโนโลยี (Micron Technology) ผู้ผลิต เซมิคอนดักเตอร์ จากสหรัฐ เนื่องจากทางการมองว่าท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลกลางปักกิ่งต้องการสร้าง “ความร้าวฉาน” ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐ
.
ทั้งนี้ แหล่งข่าวคนดังกล่าวเปิดเผยว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะไม่สนับสนุนให้บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการผลิตชิปหน่วยความจำ เข้าไปแย่งส่วนแบ่งการตลาดของจีน หลังจากรัฐบาลกลางปักกิ่งแบนบริษัทไมครอน เทคโนโลยีช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผ่านการอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
.
โดยจีนเป็นตลาดรับซื้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็น ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) และเอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix) รวมทั้งยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของบางบริษัทจากเกาหลีใต้ด้วย
.
“เกาหลีใต้พยายามระมัดระวังในการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์การแบนบริษัทไมครอน เนื่องจากเห็นว่าสหรัฐเป็นพันธมิตรระยะยาวที่สําคัญสําหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และไม่ต้องการทําลายความสัมพันธ์ดังกล่าว”
.
ด้านบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ประเมินว่า การตัดสินใจแบนบริษัทไมครอนคล้ายเป็นการดึกเกาหลีใต้เข้ามาอยู่ใน “สมการความขัดแย้ง” ในด้านเทคโนโลยีและความมั่นคงของชาติครั้งนี้ ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ว่า สหรัฐเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงลำดับต้นของเกาหลีใต้ ขณะที่จีนก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของโซลเช่นเดียวกัน
.
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1070819?anm=
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจFinance #กรุงเทพธุรกิจEconomic
-------------------------------
ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Website: http://www.bangkokbiznews.com
Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
Line: https://bit.ly/3ZgoMib

 

ธปท.เปิดบทความ “จับตาสถานการณ์ทุเรียนไทย” หลังการแข่งขันส่งออกทุเรียนร้อนแรงขึ้น ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เร่งปลูกและพัฒนาการส่งออกทุเรียนหวังชิงเค้กเบอร์หนึ่งของโลก
.
ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ ออกบทความ “จับตาสถานการณ์ทุเรียนไทย...เมื่อคู่แข่งรุก บุกตลาดจีน” โดยผู้เขียน “ณิชมล ปัญญาวชิโรกุล,กฤตยา ตรีวรรณไชย ระบุว่า ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไทยครองแชมป์ "ผู้ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก" โดยเฉพาะในตลาดผู้บริโภคหลักของโลกอย่างจีน ซึ่งครอบครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบทั้งหมด
.
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่คาดว่าจะข้ามาสั่นคลอน “ตลาดทุเรียนไทย” ทั้งฝั่งของคู่แข่งที่ข้ามาแย่งชิงตลาดมากขึ้น และผู้บริโภคชาวจีนที่ ให้ความสนใจทุเรียนจากประเทศอื่นมากขึ้น บทความฉบับนี้จึงต้องการฉายภาพสถานการณ์ทุเรียนโลกที่กำลังเปลี่ยนไป เพื่อให้ทุกฝ่ายรู้ลึก รู้ทัน และช่วยกันเตรียมรับมือกับความท้าทายของทุเรียนไทยในอนาคต
.
ตลาดทุเรียนไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความนิยมบริโภคของจีนที่เพิ่มขึ้น
.
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด มูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความต้องการบริโภคทุเรียนของจีนที่เพิ่มขึ้นมาก โดยในปี 2565 มูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยทำสถิติสูงสุดที่ 1.24 แสนล้านบาท ครองแชมป์ผลไม้ส่งออกอันดับ 1 ของไทย
.
ทุเรียนไทยเกือบทั้งหมดส่งออกไปตลาดจีนในรูปของทุเรียนผลสด เนื่องจากเดิมไทยเป็นประเทศเดียวที่จีนอนุญาตให้ส่งทุเรียนสดไปขายมานานหลายปี
.
ความนิยมบริโภคทุเรียนของจีนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทุเรียนปรับตัวสูงขึ้น และเกษตรกรไทย หันมาปลูกทุเรียนมากขึ้น โดยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ราคาทุเรียนเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 33 บาท เป็น 111 บาท/กก. และส่งผลให้พื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
.
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1070866?anm=
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
-------------------------------
ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Website: http://www.bangkokbiznews.com
Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
Youtube: ธปท.เปิดบทความ “จับตาสถานการณ์ทุเรียนไทย” หลังการแข่งขันส่งออกทุเรียนร้อนแรงขึ้น ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เร่งปลูกและพัฒนาการส่งออกทุเรียนหวังชิงเค้กเบอร์หนึ่งของโลก
.
ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ ออกบทความ “จับตาสถานการณ์ทุเรียนไทย...เมื่อคู่แข่งรุก บุกตลาดจีน” โดยผู้เขียน “ณิชมล ปัญญาวชิโรกุล,กฤตยา ตรีวรรณไชย ระบุว่า ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไทยครองแชมป์ "ผู้ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก" โดยเฉพาะในตลาดผู้บริโภคหลักของโลกอย่างจีน ซึ่งครอบครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบทั้งหมด
.
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่คาดว่าจะข้ามาสั่นคลอน “ตลาดทุเรียนไทย” ทั้งฝั่งของคู่แข่งที่ข้ามาแย่งชิงตลาดมากขึ้น และผู้บริโภคชาวจีนที่ ให้ความสนใจทุเรียนจากประเทศอื่นมากขึ้น บทความฉบับนี้จึงต้องการฉายภาพสถานการณ์ทุเรียนโลกที่กำลังเปลี่ยนไป เพื่อให้ทุกฝ่ายรู้ลึก รู้ทัน และช่วยกันเตรียมรับมือกับความท้าทายของทุเรียนไทยในอนาคต
.
ตลาดทุเรียนไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความนิยมบริโภคของจีนที่เพิ่มขึ้น
.
ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด มูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความต้องการบริโภคทุเรียนของจีนที่เพิ่มขึ้นมาก โดยในปี 2565 มูลค่าการส่งออกทุเรียนไทยทำสถิติสูงสุดที่ 1.24 แสนล้านบาท ครองแชมป์ผลไม้ส่งออกอันดับ 1 ของไทย
.
ทุเรียนไทยเกือบทั้งหมดส่งออกไปตลาดจีนในรูปของทุเรียนผลสด เนื่องจากเดิมไทยเป็นประเทศเดียวที่จีนอนุญาตให้ส่งทุเรียนสดไปขายมานานหลายปี
.
ความนิยมบริโภคทุเรียนของจีนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทุเรียนปรับตัวสูงขึ้น และเกษตรกรไทย หันมาปลูกทุเรียนมากขึ้น โดยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ราคาทุเรียนเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 33 บาท เป็น 111 บาท/กก. และส่งผลให้พื้นที่ปลูกทุเรียนเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
.
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1070866?anm=
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ #กรุงเทพธุรกิจEconomic
-------------------------------
ติดตาม "กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Website: http://www.bangkokbiznews.com
Twitter: https://twitter.com/ktnewsonline
OpenChat: https://bit.ly/3ZgoMib
Youtube: https://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
Line: https://bit.ly/3ZgoMibhttps://www.youtube.com/user/KrungthepTurakij
Blockdit: https://www.blockdit.com/bangkokbiznews
Instagram: https://www.instagram.com/bangkokbiznews
Tiktok: https://www.tiktok.com/@bangkokbiznews
Line: https://bit.ly/3ZgoMib

 

คุมเข้ม “มือสังหารรับจ้างฆ่าระดับโลก”ชุดหนุมานบินรับตัวจากแคนนาดา
ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบปรามคุมตัวนายเเมทธิว ดูปรี (Matthew DUPRE) โดยใช้ตำรวจกว่า 5 นายคุมตัวแบบประชิด และวางกำลังบริเวณโดยรอบ ขณะนำตัว มายังกองบังคับการปราบปราม เมื่อเวลา 17.00 น. โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.แถลงผลการรับตัว นายเเมทธิว ดูปรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนาย จิมมี่ ซานดู (Jimi SANDHU) ชาวอินเดีย เสียชีวิตบริเวณหน้าวิลล่า A (ริมหาด) โรงแรมในหมู่ 5 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 22.30 น.
ก่อนหน้านี้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบฯ นำโดย พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ป.พร้อมกำลังจำนวน 10 นาย และ ชุดปฏิบัติการพิเศษของกองทัพอากาศไทย จำนวน 30 นาย เดินทางด้วยเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษ รุ่นแอร์บัส A340 ของกองทัพอากาศ เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร บน.6 ดอนเมือง ไปยังเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนนาดา เพื่อรับตัวนาย นายเเมทธิว ดูปรี (Matthew DUPRE) สาเหตุที่ต้องวางกำลังอย่างเข้มงวด เนื่องจากว่า นายเเมทธิว ดูปรี (Matthew DUPRE) นั้น เป็นอดีตทหารเก่า และเป็นสมาชิกคนสำคัญขององค์กรข้ามชาติ ลักษณะเป็นบริษัทรับจ้างฆ่าระดับโลก เคยก่อเหตุมาในหลายประเทศ จัดว่าเป็นหนึ่งใน Contact killer หรือมือปืนรับจ้าง ที่ทำงานให้กับองค์กรใต้ดิน การค้ายาเสพติด และค้าสิ่งของผิดกฎหมาย

สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ.65 เวลาประมาณ 22.30 น.เกิดเหตุคนร้ายชาวต่างชาติ 2 คน ใช้อาวุธปืนยิง นายจิมมี่ ซิง ซานดู อายุ 32 ปี เชื้อสายอินเดีย ถือสัญชาติแคนาดา เสียชีวิตบริเวณหน้าวิลล่าริมหาด ของโรงแรมแห่งหนึ่ง บนถนนวิเศษ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวน พบว่านายแมทธิว พร้อมเพื่อน ซึ่งรับงานมาจากองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นผู้เข้ามาก่อเหตุ ต่อมาศาลจังหวัดภูเก็ตได้ออกหมายจับผู้ต้องหาและพวก ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ” โดยผู้ต้องหาพร้อมพวกเดินทางออกจากประเทศไทย โดยขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปเมื่อคืนวันที่ 6 ก.พ.2565 ปลายทางประเทศแคนาดา ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ส่งเรื่องมายังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้เป็นผู้ประสานงาน ตาม พ ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก่อนมีการจับกุมและนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
#มือสังหาร #ข่าว #mononews #ข่าววันนี้ #ชุดหนุมาน #กองปราบ

 

หน้าปก Special Report ของ The Economist
ท่านลอร์ด ใบ้แรง เกี่ยวกับ Cashless (สังคมไร้เงินสด)

- รูปที่หน้าปก เราจะเห็นว่า ค่าเงินต่างๆ ปลายเป็น QR Code เตรียมเปลี่ยนผ่าน จากยุค Fiat Money ก้าวข้ามผ่าน เป้าหมายคือ CBDC (One World Currency) ซึ่งภาพใน มีรูปบอกใบ้ หลายอย่าง แอดจะมาไปดู

- รูปที่ 1 พาดหัว ระบบชำระเงินแบบดิจตอล จะเปลี่ยนระบบการเงินโลก เป็นรูปกระปุกออมสินหมู ที่รองรับทุกสกุลเงิน

- รูปที่ 2 พาดหัว คําสัญญาของ Crypto ดูเหมือนจะไปได้ไม่ไกล เป็น รูปเหรียญ BTC ที่จมอยู่ในทะเล เนื่อง จาก ความท้าทาย ของ CBDC กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยเรื่อย

- รูปที่ 3 พาดหัว โมเดลธนาคาร/บัตรเครดิต กำลังจะโดน Disrupt เป็นรูปบัตรเครดิต ที่โดนไฟเผา และ ที่สำคัญ มีการใบ้ ตัวเลข ไว้ที่ วันหมดอายุของบัตร คือ “06/26” นี่อาจจะเป็น วันที่ ที่ระบบเก่า จะหายไปตลอดกาล

- รูปที่ 4 พาดหัว สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC) มาช้ากว่าที่คิดไว้ แต่มาชัวร์ รูปภาพเป็นรูป หอยทากที่เปลือกเป็น CBDC

- รูปที่ 5 พาดหัว ระบบ digital-payments จะลดบดบาท ของ Dollar และ ระบบ SWIFT รูปภาพเป็นกราฟ มูลค่าการใช้ ที่ค่อยๆลดลง

- รูปที่ 6 พาดหัว ถึงจะเสี่ยงแต่ยังมีผลรับประโยชน์มากมาย จากการชําระเงินแบบ Digital Payments เป็นรูป แผนที่โลกที่กลายเป็น QR Code นี่อาจจะเป็น คำบอกใบ้ ว่า ทั้งหมดนี้คือ แผนก้าวเข้าสู่ One World Currency นั่นเอง !!!

 

มาเลย์จับเรือขนสินค้าจีน ลักลอบขโมยซากเรืออังกฤษใต้ทะเล

หน่วยงานกำกับการเดินเรือของมาเลเซีย แถลงการจับกุมเรือขนส่งสินค้าสัญชาติจีน ที่กำลังลักลอบขนย้าย “กระสุนปืนใหญ่โบราณ” และเศษเหล็กจำนวนหนึ่ง ที่เชื่อว่าเป็นของเรือรบอังกฤษ 2 ลำของอังกฤษ ที่ถูกยิงจมทะเลจีนใต้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

โดยเรือขนสินค้าดังกล่าว ถูกจับกุมขณะทอดสมอลงอยู่ในน่านน้ำมาเลเซียโดยไม่ได้รับอนุญาต บนเรือมีลูกเรือชาวจีน 21 คน บังกลาเทศ 10 คน และมาเลเซีย 1 คน โดยการจับกุมครั้งนี้เชื่อมโยงไปถึงการตรวจยึดวัตถุโบราณ อาวุธโบราณ และกระสุนปืนใหญ่อีกหลายชิ้นในโรงเก็บขยะเอกชนแห่งหนึ่งในรัฐยะโฮร์

รายงานดังกล่าวส่งผลให้พิพิธภัณฑ์กองทัพเรืออังกฤษ แสดงความไม่สบายใจอย่างยิ่งเพราะเกรงว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายล้างอย่างชัดเจนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน เนื่องจากชิ้นส่วนบางอย่างของเรือทั้ง 2 ลำนั้น สามารถนำไปใช้ผลิตอุปกรณ์วิยาศาสตร์ และอุปกรณ์การแพทย์บางประเภทได้

#ข่าวโมโน29 #mononews29 #ข่าวต่างประเทศ #เรือสินค้าจีน #เรือรบอังกฤษ #สงครามโลกครั้งที่2 #ขโมย #ทะเลจีนใต้ #ลักทรัพย์ #โบราณวัตถุ

 

หายใจในถุงกระดาษทำไม ?

เคยดูภาพยนตร์ฝรั่ง มักพบตัวละครเป็นโรคกลัววิตกกังวล จนมีอาการ ทำท่าหายใจไม่ออก มือเกร็งจีบ แล้วรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง

คว้าถุงกระดาษครอบจมูก

สงสัยว่าการหายใจในถุงกระดาษนั้น ช่วยบรรเทาอาการหายใจไม่ออกได้อย่างไร

เห็นทีตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนั้นจะมีอาการโฟเบีย (phobia) ซึ่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ตื่นตระหนก

จะเกิดอาการหายใจหอบถี่หรือหายใจมากเกินไป (hyper-ventilation) อาการดังกล่าวทำให้หายใจตื้นและเร็ว

เรียกแบบบ้านๆว่า “โรคมือจีบ” ภาษาทางแพทย์เรียกว่า กลุ่มอาการหายใจเกิน (Hyperventilation Syndrome) เขาหายใจเร็วมาก ทำให้เลือดได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากการหายใจน้อยเกินไป การหายใจในอัตราปกติของคนเรา จะช่วยรักษาระดับความเป็นกรดเบสของเลือดให้มี ค่าของ pH อยู่ที่ 7.35 – 7.43 ดังนั้น คนที่มีอาการหายใจเกิน เลือดจะเป็นเบสเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แคลเซียมอิสระในเลือดไปจับกับโปรตีน จึงขาดแคลเซียมอิสระที่ต้องใช้ในกระบวนการยืดหดของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อจะเกร็งตัว นำไปสู่อาการมือจีบเท้าจีบ

การแก้ไขเฉพาะหน้าน่าจะพอทำได้ไม่ยาก คือ เพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในเลือด

ผู้ที่เกิดอาการเช่นนี้ แพทย์แนะนำให้หายใจในถุงกระดาษ เพื่อช่วยให้ออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ได้สมดุลกัน

ซึ่งจะทำให้อาการดีขึ้น

 

ที่มาของ "หนองแขม"

สภาพพื้นที่และที่มาของชื่อ “หนองแขม” ชื่อเขต “หนองแขม” สันนิษฐานว่ามาจากสภาพพื้นที่ในบริเวณที่ตั้งอำเภอหนองแขมในอดีต ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี และมีหนองน้ำที่มีต้นแขมขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากโดยในปี พ.ศ.2413 พระวินัยธร(คำ) เจ้าอาวาสวัดเชิงเลน ต.บางช้าง อ.สามพราน จ.นครปฐม ได้มาสร้างวัดขึ้นที่ริมหนองน้ำแห่งนี้และตั้งชื่อวัดว่า “วัดหนองแขม” ตามลักษณะของหนองน้ำ นอกจากนี้ชาวบ้านยังได้ขุดบ่อไว้ริมหนองน้ำแห่งนี้เพื่อกักเก็บน้ำจืดไว้ใช้ เรียกกันว่า “บ่อหนองแขม” จนกระทั่งเป็น “เขตหนองแขม” ในที่สุด นอกจากนี้ยังมีหนองน้ำสำคัญอีกแห่งคือ “หนองค้างพลู” ซึ่งปัจจุบันเป็นชื่อแขวงหนึ่งของเขตหนองแขม โดยหนองค้างพลูนั้นอยู่บนเส้นทางลำเลียงพลูในสมัยก่อนซึ่งชาวบ้านจะเดินทางหาบพลูจากแถบนครไชยศรีซึ่งเป็นแหล่งปลูกพลูแหล่งใหญ่ไปขายแถบบางกอกน้อยและเป็นจุดแวะพักหรือค้างคืน จึงเป็นที่มาของชื่อ “หนองค้างพลู”

 

มีเค้าลางความเป็นไปได้ที่เงินบาทจะทำสถิติอ่อนค่าสุดรอบใหม่ แม้กระทั่งความเคลื่อนไหวปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของไทยก็ไม่อาจหยุดยั้งการอ่อนค่าได้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ตามรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(29พ.ค.)

บลูมเบิร์กรายงานว่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลง 3 สัปดาห์ติดต่อกันเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ปิดที่ 34.77 บาทต่อดอลลาร์ในวันศุกร์(26พ.ค.) และกำลังเคลื่อนตัวสู่ระดับเดียวกับครั้งที่อ่อนค่าที่สุดในรอบปีนี้ เมื่อเดือนก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 35.39 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะที่พรรคก้าวไกลกำลังเผชิญขวางนามมากขึ้นเรื่อยๆในการจัดตั้งรัฐบาล เพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองว่าใครจะเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งมันกลายเป็นตัวถ่วงเงินบาท ด้วยการกระตุ้นให้กองทุนต่างชาติเทขายทั้งหุ้นและพันธบัตรของประเทศแห่งนี้

เจฟฟรี จาง นักยุทธศาสตร์ตลาดเกิดใหม่ของบริษัทเครดิต อะกริโคล ซีไอบี ประจำสาขาฮ่องกง ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า "ความกังวลใหญ่ที่สุดของตลาดในตอนนี้ก็คือ ยังคงไม่แน่ใจว่าพันธมิตรที่นำโดยฝ่ายค้านจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอจากวุฒิสภาหรือไม่ ในขณะที่วุฒิสมาชิกมีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี"

รายงานของบลูมเบิร์กระบุว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยมีกำหนดประกาศการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันพุธที่ 31 พฤษภาคม ท่ามกลางความคาดหมายว่าธนาคารกลางแห่งนี้จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.0% หลังจากนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย บอกก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือน ว่าจะยึดมั่นในการคุมเข้มนโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

แกลวิน เชีย นักกลยุทธ์ปริวรรตเงินตราตลาดเกิดใหม่ของบริษัทแนตเวสต์ มาร์เก็ตส์ในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า "ผมไม่คิดว่าการตัดสินในของธนาคารแห่งประเทศไทยจะส่งผลต่อค่าเงินบาทมากนัก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ค่อนข้างต่ำของไทยเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศอื่นๆ"

บลูมเบิร์ก ระบุว่าอีกปัจจัยเสี่ยงนั่นก็คือจีน โดยนักวิเคราะห์บางราย เช่น โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าเงินหยวนมีแนวโน้มทรุดตัวลงอีก ขณะที่นักลงทุนจะจับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ของจีนที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันเดียวกับการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อดูว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้ ยังคงเปราะบางหรือไม่

"จีนคือคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นตลาดนักท่องเที่ยวขาเข้ารายใหญ่ที่สุดของไทย" เชีย กล่าว "ผลก็คือ ค่าเงินบาทจึงมีแนวโนน้มค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเคลื่อนไหวของเงินหยวน"

ในสหรัฐฯ บรรดานักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขั้นสุดท้ายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ช่วยดันดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น นายเชียมองว่าดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาท จะทดสอบระดับสูงสุดของปีนี้ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หากว่าดอลลาร์ยังคงแข็งค่าเช่นนี้ต่อไป หรือเงินหยวนอ่อนค่าลงอีก

(ที่มา:บลูมเบิร์ก)

 

เรื่องรบขอให้บอก!เกาหลีเหนือยันปล่อยดาวเทียมทหารดวงแรกเดือนหน้า เป้าหมายจับตากองทัพสหรัฐฯ

เกาหลีเหนือจะปล่อยดาวเทียมสอดแนมด้านการทหารดวงแรกของตนเองขึ้นสู่วงโคจรในเดือนมิถุนายน เป้าหมายคือสังเกตการณ์แบบสดๆความเคลื่อนไหวต่างๆของกองทัพสหรัฐฯ ตามรายงานของสำนักข่าวเคซีเอ็น สื่อมวลชนแห่งรัฐในวันอังคาร(30พ.ค.)

ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ผ่านทางสำนักข่าวเคซีเอ็นเอ นายรี พยอง ชอล รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางแห่งพรรคแรงงาน พรรครัฐบาลเกาหลีเหนือ ประณามการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ว่าเป็นการแสดงออกอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความทะเยอทะยานอันขาดความยั้งคิดเกี่ยวกับการรุกรานเกาหลีเหนือ

กองกำลังสหรัฐฯและเกาหลีใต้ ได้ทำการซ้อมรบต่างๆนานาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในนั้นรวมถึงสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นการซ้อมรบกระสุนจริงครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้การซ้อมรบจำนวนมากถูกลดระดับลงท่ามกลางข้อจำกัดสกัดโควิด-19 และความหวังสำหรับความพยายามทางการทูตกับเปียงยาง

รี กล่าวว่าการซ้อมรบเหล่านั้น บีบให้เปียงยางจำเป็นต้องมีวิถีทางต่างๆนานาในศักยภาพรวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางทหารของฝ่ายศัตรูแบบแบบเรียลไทม์

เกาหลีเหนือ ชาติที่ติดอาวุธนิวเคลียร์เผยว่าได้พัฒนาดาวเทียมสอดแนมทางทหารดวงแรกของประเทศเสร็จสมบูรณ์แล้ว และท่านผู้นำ คิม จองอึน ได้อนุมัติเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับการปล่อยขึ้นสู่วงโคจร

ถ้อยแถลงไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงเกี่ยวกับวันเวลาของการปล่อยดาวเทียม แต่เกาหลีเหนือแจ้งกับญี่ปุ่น เกี่ยวกับแผนการปล่อยระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคมถึง 11 มิถุนายน กระตุ้นให้โตเกียวสั่งให้กองกำลังป้องกันขีปนาวุธของพวกเขาอยู่ในภาวะเฝ้าระวัง

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา สื่อมวชนแห่งรัฐอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่กลาโหมระดับอาวุโส ยืนยันว่าเกาหลีเหนือจะยิงดาวเทียมสอดแนมในเดือนมิถุนายน โดยบอกว่ามันมีความจำเป็นเพื่อสังเกตการณ์วคามเคลื่อนไหวของสหรัฐฯและพันธมิตรแบบเรียลไทม์ส

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุว่าการยิงใดๆของเกาหลีเหนือ ที่ใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธแบบทิ้งตัว ในนั้นรวมถึงใช้ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร จะเป็นการละเมิดมติของสหประชาชาติ

ญี่ปุ่นบอกว่าพวกเขาจะสอยร่วงจรวดใดๆที่เป็นภัยคุกคามต่อดินแดนของพวกเขา

การปล่อยดาวเทียมครั้งนี้จะเป็นก้าวย่างล่าสุด ในการยิงขีปนาวุธและทดสอบอาวุธต่างๆนานาของเกาหลีเหนือ ในนั้นรวมถึงการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปเชื้อเพลิงแข็งรุ่นใหม่ เมื่อเดือนที่แล้ว

พวกนักวิเคราะห์มองว่าดาวเทียมจะช่วยยกระดับศักยภาพการสอดแนมของเกาหลีเหนือ จะช่วยให้พวกเขาโจมตีเป้าหมายต่างๆได้แม่นยำยิ่งขึ้นในกรณีที่เกิดสงคราม

(ที่มา:รอยเตอร์/เอเอฟพี)

 

#NATURE ทางการอิตาลีเร่งหาสาเหตุที่ทำให้น้ำในเวนิสกลายเป็นสีเขียวเรืองแสง โดยตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำอยู่ ทางการคิดว่าสาเหตุเป็นไปได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมลพิษ แกล้งปล่อยสีย้อม หรือแม้แต่เป็นการประท้วงของนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม
.
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ทางโฆษกนายอำเภอท้องถิ่นบอกกับสำนักข่าว CNN ว่าพวกเขาเก็บตัวอย่างน้ำทันที ตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมถึงสอบถามคนที่อยู่แถวนั้นว่าเจออะไรที่น่าสงสัยบ้างไหม โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยังไม่มีเจอความผิดปกติใด ๆ
.
“เช้าวันนี้มีของเหลวสีเขียวเรืองแสงปรากฎขึ้นในคลองแกรนด์คาแนลของเวนิส ซึ่งรายงานโดนชาวบ้าน” Luca Zaia จากหน่วยงานท้องถิ่นกล่าว “นายอำเภอได้เรียกประชุมด้วนกับตำรวจเพื่อตรวจสอบที่มาของของเหลวแล้ว”
.
Maurizio Vesco จากสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ว่าสีเขียวนี้น่าจะเกิดจากการปล่อยสาร fluorescein ซึ่งเป็นสีย้อมที่ไม่เป็นอันตรายและใช้กันทั่วไปเพื่อติดตามการไหลของน้ำ แม้ว่าสารนี้จะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สิ่งที่น่าสงสัยคือปกติจะใช้เพียง 1 ช้อนชา
.
แต่เหตุการณ์นี้น่าจะต้องใช้ปริมาณอย่างน้อย 1 กิโลกรัม Maurizio Vesco บอกว่ามันยากที่จะเชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรืออุบัติเหตุ น่าจะเป็นการปล่อยสารนี้อย่างตั้งใจมากกว่า ทาง Andrea Pegoraro หนึ่งในสมาชิกสภาเมืองตำหนิไปที่นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม
.
ซึ่งโจมตีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของอิตาลีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการปีนน้ำพุเทรวีที่กรุงโรมและเทของเหลวสีดำที่ได้จากถ่านหินเจือจางลงในน้ำ และเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็ได้พ่นสีส้มบนผนังขแอง Palazzo Vecchio ซึ่งตั้งอยู่ที่ศาลากลางของเมืองฟลอเรนซ์
.
ทางกลุ่มสิ่งแวดล้อมเองบอกกับ CNN ว่าไม่ใช่พวกเขา ดังนั้นจึงต้องหาต่อไปว่าเป็นเพราะอะไร ชาวเน็ตตั้งทฤษฏีมากมายว่าอาจเป็นสาหร่ายหรือสารที่แพร่กระจายอย่างผิดกฎหมายในคลอง บางคนบอกว่าทำให้คิดถึงเหตุการณ์ในปี 1968 ที่คลองในเวนิสก็กลายเป็นสีเขียวแบบนี้เหมือนกัน
.
คนที่ทำตอนนั้นคือ Nicolás García Uriburu ศิลปินชาวอาร์เจนตินา ได้ย้อมแม่น้ำให้เป็นสีเขียวด้วยสาร fluorescein ในระหว่างงาน Venice Biennale ประจำปี เพื่อดึงความสนใจไปที่ประเด็นทางนิเวศวิทยาและความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับอารยธรรม
.
ที่มา
.
https://www.reuters.com/world/europ...orescent-green-near-rialto-bridge-2023-05-28/
.
https://edition.cnn.com/2023/05/28/...,relationship between nature and civilization.
.
https://www.bbc.com/news/world-europe-65738872
.
https://www.aljazeera.com/news/2023...urn-fluorescent-green-authorities-investigate

Photo : AP/Reuters

 

#POLLUTION ใน 20 ปีข้างหน้า เราจะไม่ได้เห็นดวงดาวบนท้องฟ้าอีกแล้วเพราะมลพิษทางแสงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไวกว่าที่งานวิจัยก่อนหน้านี้คาดไว้เร็วมาก นักวิทยาศาสตร์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายรีบแก้ไขปัญหาใหญ่นี้ ไม่เพียงแค่ดาวจะหายไปเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อสุขภาพของคนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกด้วย
.
ก่อนหน้านี้ถ้าใครจำได้เมื่อหลายเดือนก่อน เราเคยลงข่าวที่ว่ามลพิษทางแสงกำลังให้ดาวบนท้องฟ้าหายไปในตอนกลางคืน ทาง Christopher Kyba ผู้ทำวิจัยในตอนนั้นประเมินเอาไว้ว่า โลกมีมลพิษทางแสงสูงขึ้นปีละ 10% ทำให้เด็กที่เกิดตอนนี้มองเห็นดาวได้เพียง 250 ดวง แต่เมื่อเด็กคนนั้นอายุ 18 ปีจะเหลือเพียง 100 ดวงเท่านั้น
.
แต่รายงานใหม่จาก Martin Rees นักดาราศาสตร์จากราชสมาคมดาราศาสตร์ (Royal Astronomical Society) ในสหราชอาณาจักรระบุว่า ปัญหามลภาวะทางแสงกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2016 ทำให้ประชากร 1 ใน 3 ของโลกมองไม่เห็นทางช้างเผือกได้แล้ว
.
ด้วยอัตราการเพิ่มขึ้นนี้อาจทำให้ดาวบนท้องฟ้าทั้งหมดหายภายใน 20 ปีข้างหน้า โดยตอนนี้เราเริ่มเห็นกลุ่มดาวที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ ได้ไม่ครบแล้ว ต้องเป็นเขตท้องฟ้ามืดจริง ๆ เท่านั้นถึงจะยังพอมองเห็นได้ แต่มลพิษทางแสงก็เริ่มคลืบคลานเข้ามา ถ้าไม่มีการแก้ไข มันจะเป็นปัญหาต่อคนรุ่นหลังแน่นอน
.
“ท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมของเรา และมันจะเป็นปัญหาใหญ่หากคนรุ่นหลังไม่เคยเห็นมัน เช่นเดียวกับที่วัยรุ่นปัจจุบันไม่เคยเห็นรังนกจริง ๆ” Rees กล่าว “คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักดาราศาสตร์ก็สนใจเรื่องนี้ได้”
.
อุปสรรคใหญ่ที่ผู้เชี่ยวชาญเช่น ศาสตราจารย์ Oscar Corcho นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Universidad Politécnica de Madrid ได้บอกเอาไว้ว่า มลพิษทางแสงเป็นปัญหาที่ได้รับความสนใจน้อยมากจากสังคม เพราะมันยังดูไกลตัวและจับต้องได้ยาก แต่มันสร้างผลกระทบแย่ ๆ ให้สิ่งแวดล้อมจริง ๆ
.
“ผลกระทบทางลบของมลพิษทางแสงเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่รู้จักพอ ๆ กับผลกระทบของการสูบบุหรี่ตอนยุค 80” Corcho บอก ดังนั้นควรสร้างการตระหนักรู้อย่างเร่งด่วน รายงานได้เรียกร้องให้มีมาตราการหลายอย่าง เช่น สร้างเขตอนุรักษ์ฟ้ามืดเพิ่มขึ้น กำหนดระเบียบที่เคร่งครัดเกี่ยวกับความหนาแน่นและทิศทางของแสง
.
นอกจากผลกระทบทางดาราศาสตร์แล้ว มันยังแย่ต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะเต่าทะเลและนกอพยพต่างใช้แสงจันทร์ในการนำทาง ซึ่งแสงจากหลอดไฟทำให้สัตว์ต่างหลงทางจนท้ายที่สุดอาจนำไปสู่การเสียชีวิต
.
“เรากำลังหิวแสง และนั่นส่งผลกระทบร้ายแรง”
.
หากคุณอยากช่วยลดมลพิษทางแสงสามารถทำได้เลยตอนนี้ง่าย ๆ นั่นคือปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน เปลี่ยนหลอดไฟที่สร้างแสงสีที่อุ่นขึ้น และอาจใช้การควบคุมทิศทางของแสงก็สำคัญเช่นกัน จะช่วยให้ลดการกระจายของแสงไปสู่ท้องฟ้า
.
ที่มา
.
https://www.theguardian.com/science...atens-to-make-stars-invisible-within-20-years
.
https://www.wionews.com/science/sta...due-to-light-pollution-warn-scientists-597456
.
https://nypost.com/2023/05/27/stars-could-be-invisible-within-two-decades-scientists-warn/

 

#CLIMATECHANGE ห้ามบิน! ฝรั่งเศสแบนเที่ยวบินระยะสั้นภายในประเทศที่ไม่เกิน 2.5 ชั่วโมง เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้เปลี่ยนไปใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแทน แต่นักสิ่งแวดล้อมแย้งว่าควรสนใจวิธีการแก้ปัญหาที่สำคัญและสาเหตุที่แท้จริงมากกว่า
.
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลฝรั่งเศสออกกฎหมายห้ามเครื่องบินบินขึ้นในเที่ยวเส้นทางระยะสั้น เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งทางกรมการขนส่งและสิ่งแวดล้อมของยุโรป (T&E) ให้ได้ข้อมูลเอาไว้ว่า เครื่องบินปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อผู้โดยสาร 1 คนมากกว่ารถไฟถึง 77 เท่า
.
ด้วยเหตุนี้ทางฝรั่งเศสจึงได้ห้ามเที่ยวบินสั้น ๆ ภายในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางระหว่างสนามบิน Paris Orly และศูนย์กลางในภูมิภาค เช่น Nantes, Lyon และ Bordeaux และหากบริการรถไฟดีขึ้น คาดว่าจะห้ามเส้นทางการบินเพิ่มขึ้นอีก
.
โดยเส้นทางที่ห้าม ประชาชนสามารถขึ้นเดินทางด้วยรถไฟแทนได้ ทั้งนี้รัฐบาลได้ออกกฎเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกซึ่งจะบังคับบริการรถไฟต้องเดินรถถี่ขึ้น ตรงเวลา และมีจำนวนมากพอที่จะรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นได้
.
การห้ามนี้เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศของฝรั่งเศสที่ออกมาใหม่เมื่อปี 2021
.
“นี่เป็นก้าวสำคัญของนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” Clément Beaune รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมกล่าว “ผมภูมิใจที่ฝรั่งเศสเป็นผู้บุกเบิกในด้านนี้”
.
ยังไงก็ตามนักสิ่งแวดล้อมหลายคนแย้งว่าการห้ามเส้นทางการบินเหล่านี้จะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่านั้น สิ่งสำคัญคือการจัดการเรื่องปัญหาเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงการจัดการภาษีมลพิษต่อสายการบินต่าง ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
.
“มันดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง” Sarah Fayolle ผู้จัดการรณรงค์ด้านการขนส่งของ Greenpeace ฝรั่งเศส บอก “เราต้องมีความทะเยอทะยาน เราต้องไปให้ไกลกว่านี้”
.
ที่มา
.
France bans short-haul flights to cut carbon emissions - BBC News
.
France bans short-haul domestic flights amid climate change fight - CBS News
.
It's official: France bans short-haul domestic flights in favour of train travel | Euronews
.

 

#CLIMATECHANGE สุดเศร้า! ลูกเสือชีตาห์ครอกแรกที่เกิดในอินเดียรอบ 70 ปี ต้องตายด้วยคลื่นความร้อนไป 3 ตัว อีก 1 ตัวอยู่ในภาวะวิกฤต อุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นในประเทศเกือบถึง 50 องศาเซลเซียสทำให้ร่างกายของลูกเสืออ่อนแอจนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
.
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมีรายงานจากสำนักข่าว AP ในกรุงนิวเดลีระบว่า ลูกเสือชีตาห์ 3 ตัวที่เกิดจากแม่ชีตาห์ซึ่งอยู่ในโครงการนำสัตว์กลับสู่ธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติ Kuno ของอินเดียเสียชีวิตลงแล้ว ทางสัตวแพทย์เชื่อว่าคลื่นความร้อนเป็นสาเหตุหลัก
.
ลูก ๆ ครอกนี้เป็นชีตาห์กลุ่มแรกสุดที่เกิดในรอบ 70 ปีของอินเดีย หลังเสือชีตาห์ได้สูญพันธุ์ไปจากประเทศตั้งแต่ปี 1952 จากการถูกล่า และถูกทำลายที่อยู่อาศัย ทำให้ทางการต้องตั้งโครงการนำชีตาห์กลับสู่ป่าอีกครั้ง โดยนำเอาเสือสายพันธุ์นี้จากนามิเบียและแอฟริกาใต้มา 20 ตัว
.
กลับกลายเป็นว่า เสือโตเต็มวัยก็ดูเหมือนจะเอาชีวิตรอดได้อย่างยากลำบาก ทางโครงการพบว่ามันตายไปแล้ว 3 ตัว เป็นตัวเมีย 2 และตัวผู้ 1 แม้จะมีข่าวดีที่เสือชีตาห์เกิดลูกครอกแรกออกมา แต่ก็ต้องมาพบกับความสูญเสียอีกครั้ง
.
ลูกตัวแรกตายเมื่อวันอังคารที่แล้ว และต่อมาในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นถึง 47 องศาเซลเซียส ลูกเสือก็ตายเพิ่มอีก 2 ตัว แม้จะมีทีมสัตวแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วก็ตาม ขณะที่ตัวสุดท้ายที่ยังมีรอดอยู่ในภาวะวิกฤต
.
“พวกเขาอ่อนแอ น้ำหนักน้อย และขาดน้ำมาก” เจ้าหน้าที่ระบุ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าอัตราการรอดชีวิตของเสือชีตาห์ทั้งในป่าและในที่เพาะเลี้ยงของอินเดียต่ำมากจนน่าตกใจ ก่อนหน้านี้ทางอินเดียยอมรับว่าขาดทั้งทรัพยากรและบุคลากรที่เชี่ยวชาญเพื่อดูแลชีตาห์ จนต้องมีเจ้าหน้าที่จากแอฟริกาใต้บินเพื่อมาดูแลด้วยตัวเอง
.
เสือชีตาห์โตเต็มวัยเหลืออยู่ในป่าทั่วโลกไม่ถึง 7,000 ตัว ที่อยู่อาศัยของพวกมันเหลืออยู่น้อยกว่า 9% ของพื้นที่ดั้งเดิม เนื่องจากจำนวนมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นภัยคุกคามใหญ่ ทำให้สภาพแวดล้อมต่างไม่เอื้ออำนวยการใช้ชีวิตอีกต่อไป
.
ที่มา
.
https://www.theguardian.com/world/2...ia-in-more-than-seven-decades-die-in-heatwave
.
https://abcnews.go.com/Internationa...I -- Three cheetah,in more than seven decades.
.
https://apnews.com/article/cheetah-cubs-india-heat-climate-change-0cfe5bd0ad668e60c4cf5741ecbb8fa5
.
https://www.bbc.com/news/world-asia-india-65692541
.
Photo : AP

 

กระทรวงมหาดไทยรัสเซียในวันจันทร์(29พ.ค.) ออกหมายจับวุฒิสมาชิก ลินด์ซีย์ เกรแฮม แห่งสหรัฐฯ หลังจากเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสู้รบในยูเครน

ในวิดีโอตัดต่อ การพบปะกันระหว่างเขากับประธานาธิบโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เมื่อวันศุกร์(26พ.ค.) ซึ่งเผยแพร่โดยทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ทาง เกรแฮม วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน จากเซาท์แคโรไลนา พูดเน้นว่า "พวกรัสเซียกำลังตาย" และให้คำนิยามความช่วยเหลือด้านการทหารที่สหรัฐฯมอบให้แก่เคียฟว่า "เป็นการใช้เงินที่คุ้มค่าที่สุดเท่าที่เราเคยใช้มา"

ในขณะที่ดูเหมือนว่าความคิดเห็นดังกล่างของเกรแฮม อยู่ในบทสนทนาคนละครั้ง แต่วิดีโอสั้นๆของทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ได้ตัดต่อมันเข้าด้วยกัน ซึ่งก่อความเดือดดาลแก่รัสเซีย

ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงความคิดเห็นในวันอาทิตย์(28พ.ค.) ว่า"เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่า มันน่าอดสูแค่ไหน สำหรับประเทศที่มีสมาชิกวุฒิสภาเช่นนี้"

คณะกรรมการสอบสวนแห่งรัสเซีย (Investigative Committee) เคลื่อนไหวเปิดการสืบสวนทางอาญาเอาผิดกับเกรแฮม และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตามด้วยการออกหมายจับเขาในวันจันทร์(29พ.ค.) โดยระบุลงในบันทึกอย่างเป็นทางการของกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับบัญชีผู้ต้องสงสัยทางอาญาซึ่งเป็นที่ต้องการตัว

เกรแฮม เป็นหนึ่งในสมาชิกสภาคองเกรสมากกว่า 200 คน ที่ถูกมอสโกขึ้นบัญชีดำเมื่อปีที่แล้ว ในการห้ามเดินทางเข้าสู่รัสเซีย

ทั้งนี้ เกรแฮม ดูจะไม่สะทกสะท้านหมายจับล่าสุด โดยเขียนบนทวิตเตอร์บอกว่า "การได้รู้ว่า ความมุ่งมั่นของผมที่มีต่อยูเครน ได้ก่อความขุ่นเคืองแก่ระบอบปูติน มันทำให้ผมมีความสุขอย่างที่สุด" เขาทวีต "ผมจะเดินหน้ายืนหยัดเคียงข้างและเพื่อเสรีภาพของยูเครน จนกว่าทหารรัสเซียทุกนายจะถูกขับไล่ออกจากดินแดนยูเครน ผมจะสวมหมายจับที่ออกโดยรัฐบาลคอรัปชันและเลวทรามของปูติน ราวกับเหรียญตราเกียรติยศเลย"

(ที่มา:เอพี)

 

ฟู่ ชง (Fu Cong) เอกอัครราชทูตจีนประจำสหภาพยุโรป ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเป็นการ “#ไม่แฟร์” และไม่สมเหตุสมผลที่นักการเมืองยุโรปจะนำสงครามในยูเครนมาผูกโยงกับความสัมพันธ์จีน-อียู พร้อมเตือนว่าปักกิ่งอาจต้องตอบโต้ หากบริษัทของจีนตกเป็นเป้าหมายคว่ำบาตรภายใต้มาตรการแซงก์ชั่นรัสเซีย
.
เว็บไซต์คณะทูตจีนประจำอียูได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ ฟู่ ชง ต่อนิตยสาร New Statesman ของอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ (28 พ.ค.) โดย ฟู่ ระบุว่า การคาดหวังให้จีนต้องแสดงจุดยืนเหมือนกับอียูทุกประการนั้น “#ไม่สามารถเป็นไปได้จริง”
.
โจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวไว้เมื่อต้นเดือนนี้ว่า ความสัมพันธ์จีน-อียู “จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง” หากปักกิ่งไม่พยายามกดดันรัสเซียให้ถอนทหารออกจากยูเครน
.
“เราเข้าใจว่าอียูให้ความสำคัญเพียงใดต่อวิกฤตการณ์ในยูเครน แต่ขอพูดตรงๆ ว่า ผมไม่เห็นว่ามันจะสมเหตุสมผลตรงไหนที่จะโยงจุดยืนของจีนต่อปัญหายูเครนเข้ากับความสัมพันธ์จีน-อียู และผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรมต่อจีน”
.
“#จีนไม่ใช่ยุโรป ผลประโยชน์ของจีนก็แตกต่างจากของยุโรป และที่ผ่านมาจีนก็พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับรัสเซียและยูเครน จุดยืนของจีนย่อมเป็นที่เข้าใจได้”
.
บทสัมภาษณ์ของ ฟู่ มีขึ้นในขณะที่อียูเตรียมออกมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อรัสเซีย ซึ่งจะพุ่งเป้าเล่นงานบริษัทจีนด้วยเป็นครั้งแรก ในขณะที่ความพยายามส่งเสริมสันติภาพของจีนด้วยการส่ง หลี่ ฮุย (Li Hui) ไปเป็นทูตพิเศษเจรจากับทั้งยูเครน รัสเซีย และยุโรป ถูกชาติตะวันตกปรามาสว่าเป็นการเดินสายเพื่อ “หนุนหลังรัสเซีย”
.
มาตรการคว่ำบาตรซึ่งอียูจะประกาศอย่างเร็วที่สุดในต้นสัปดาห์หน้าคาดว่าจะครอบคลุมถึงการจำกัดขายสินค้าให้บริษัทจีนอย่างน้อย 7 แห่ง หลังอียูกล่าวหาว่าบริษัทจีนเหล่านี้นำสินค้าที่ใช้ประโยชน์ได้ 2 ทาง (dual-use items) ซึ่งนำเข้าจากยุโรปไปขายต่อให้รัสเซีย
.
ใน 7 บริษัทนี้มีอยู่ 4 แห่งที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำไปแล้วก่อนหน้า ได้แก่ 3HC Semiconductors, King-Pai Technology, Sinno Electronics และ Sigma Technology ส่วนอีก 3 บริษัทได้แก่ Asia Pacific Links, Tordan Industry และ Alpha Trading Investments ตามข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส
.
ฟู่ ประณามการคว่ำบาตรบริษัทจีนว่าไร้ซึ่งหลักฐานรองรับ และเตือนว่าปักกิ่งอาจใช้ “มาตรการตอบโต้ขั้นรุนแรง” หากอียูยังเดินหน้าต่อไป
.
“เรายินดีแก้ปัญหาในลักษณะของการทำงานร่วมกัน ที่ผ่านมาเราเจรจากับอียู และขอให้แสดงหลักฐานยืนยัน แต่ฝ่ายอียูเองก็ยอมรับว่าไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ยืนยันได้แน่ชัดว่าบริษัทเหล่านี้ส่งออกสินค้าที่นำเข้าจากอียูไปยังรัสเซีย”
.
นักการทูตระดับสูงผู้นี้ยังปกป้องจุดยืน “เป็นกลาง” ของจีนต่อปัญหายูเครน และเน้นย้ำบืบาทของจีนในฐานะผู้สร้างสันติภาพ
.
“#จีนมีสไตล์การทูตของเราเอง และผมเชื่อว่าในขณะนี้การออกมาประณามไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา มันอาจจะยิ่งทำให้พื้นที่สำหรับการทูตลดน้อยลงด้วยซ้ำ หากทุกประเทศต่างพากันเลือกข้างหมด แล้วใครล่ะที่จะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยให้เกิดสันติภาพ? แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจีนเห็นดีเห็นงามกับการกระทำใดๆ ในความขัดแย้งนี้” ฟู่ กล่าว
.
เมื่อถามว่าใครเป็นผู้เริ่มสงครามในยูเครน? ฟู่ ตอบว่า “นักประวัติศาสตร์” เท่านั้นที่จะตัดสินได้ เขายังเลี่ยงที่จะตอบตรงๆ เมื่อถูกถามว่าคาบสมุทรไครเมียเคยเป็นของยูเครนใช่หรือไม่ โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “จีนเคารพอธิปไตยของทุกประเทศ และหวังว่าปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายได้ด้วยกระบวนการเจรจา”
.
ฟู่ ยังวิจารณ์กลุ่มชาติยุโรปที่ปากก็เรียกร้องสันติภาพ และก็ยังรอให้สถานการณ์ “สุกงอม” กว่านี้ โดยตัวเขาเองนั้นมองว่าควรสนับสนุนให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิงทันทีเพื่อปูทางสู่การเจรจา ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ หลี่ ฮุย พยายามเสนอระหว่างเดินสายทัวร์ยุโรป
.
ภารกิจของ หลี่ เริ่มต้นจากการไปเยือนยูเครน โปแลนด์ ฝรั่งเศส บรัสเซลส์ และเยอรมนี ก่อนจะปิดท้ายด้วยรัสเซีย เพื่อโปรโมตแผนสันติภาพ 12 ประการที่ปักกิ่งเสนอ ทว่าความพยายามของเขาดูเหมือนจะเผชิญแรงต้านอย่างหนักในยุโรป โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยุโรปบางคนบอกกับ หลี่ ว่าการถอนทหารรัสเซียออกจากดินแดนยูเครนถือเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่ “ต่อรองไม่ได้” ในขณะที่ หลี่ เสนอแนวทางตรงกันข้ามคือให้หยุดยิงทันที ซึ่งเท่ากับเป็นการปล่อยให้รัสเซียครอบครอง “ดินแดนใหม่ๆ” ต่อไป
.
อย่างไรก็ตาม ดมิโตร คูเลบา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศยูเครน ได้ออกมาโต้แย้งรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัลเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (26) โดยบอกว่าตนได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ยุโรปทุกประเทศที่ หลี่ ไปเยือน และ “ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหน” ยืนยันว่า หลี่ เสนอให้ยอมรับพื้นที่ยึดครองว่าเป็นดินแดนรัสเซีย
.
ท่ามกลางกระแสเรียกร้องในหมู่ชาติตะวันตกให้ “ลดความเสี่ยง” (de-risk) ในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน หลี่ ฮุย บอกกับเจ้าหน้าที่ยุโรปให้รักษา “อำนาจปกครองตนเองในทางยุทธศาสตร์” (strategic autonomy) ไว้ และขอให้มองจีนเป็น “อีกหนึ่งทางเลือกทางเศรษฐกิจ” นอกเหนือจากสหรัฐฯ ในขณะที่ ฟู่ ชง เรียกร้องให้ยุโรปออกมาชี้แจงว่าแนวทางลดความเสี่ยงนั้นหมายถึงอะไรแน่? และย้ำว่าจีนย่อมต้องคัดค้าน หากมันหมายถึงการกีดกันแดนมังกรออกจากห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีที่สำคัญๆ ของโลก
.
ที่มา: SCMP