ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "บิ๊กตู่" สั่งเทศบาลเคร่งดูแลสุนัขจรจัด แนะเอาใจใส่สัตว์เลี้ยง-เล็งนำภาษีรถแก้มลพิษ

    นายกฯ กำชับเทศบาลเคร่งครัดดูแลสุนัขจรจัด ป้องกันการระบาดพิษสุนัขบ้า แนะปชช.เอาใจใส่สัตว์เลี้ยง-เรียนรู้วิธีป้องกันโรค พร้อมปลุกจิตสำนึกร่วมลดมลพิษ กำชับรถทุกคันต้องตรวจก๊าซซีโอทู นำเงินภาษีจากรถมาแก้ปัญหามลพิษ

    คลิก >>https://mgronline.com/politics/detail/9610000025255

    #MGROnline #การเมือง #นายกรัฐมนตรี #ประยุทธ์ #แก้มลพิษ
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อีลอน มัสต์ ในฐานะนายใหญ่ The Boring Company ซึ่งกำลังทำขนส่งมวลชนในอุโมงค์ และ Hyerloop เพิ่งประกาศการปรับปรุงแผนใหม่ โดยเริ่มจากการจัดอันดับความสำคัญอันดับแรกให้กับคนเดินเท้าและคนขี่จักรยานให้มีเหนือรถยนต์
    .
    อุโมงค์ยังคงใช้สำหรับการขนส่งรถยนต์ตามแผนเดิม เพียงแต่จะเกิดขึ้นหลังจากได้ทำขนส่งมวลชนส่วนบุคคลเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเรื่องของมารยาทและความเป็นธรรม ถ้าใครไม่สามารถซื้อรถได้ พวกเขาควรได้ไปก่อน
    .
    ระบบของอุโมงค์ในเขตเมืองที่วางแผนไว้ ควรมีสถานีมากเป็นพันแห่ง แต่ละสถานีมีขนาดเท่ากับที่จอดรถเพียงคันเดียว สามารถพาคนเข้าไปใกล้จุดหมายมากที่สุด และเป็นการผสมผสานที่ดูเหมือนจะเข้ากับสภาพของเมือง น่าจะดีกว่าการมีสถานีขนาดใหญ่ไม่กี่แห่งเหมือนระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน
    .
    มีตัวอย่างวิดีโอที่แสดงให้เห็นตามลิงค์

    .
    วิดีโอชุดแรกที่เคยเปิดเผยแผนการก่อนหน้านี้

    .
    https://twitter.com/elonmusk
    .
    http://money.cnn.com/2018/03/09/tec...boring-company-pedestrian-cyclists/index.html
    .
    .
    .
    .
    .
    ........................
    เนื่องจากเฟสบุ๊คกระจายโพสต์ของเพจส่วนบุคคลมากกว่า ขอแนะนำให้กด See First เพจส่วนตัวด้วยครับ
    .
    https://www.facebook.com/suttichai.taksanun
    .
    เนื้อหาที่นำมาเสนอเป็นประจำในเพจ เช่น AI, IoT, Robotics, 3D, Solar, Wind, Drone, VR, Internet, Cloud, Big Data, Open Data, EV, Self-Driving Car, Hyperloop, etc.
    .
    ขอบคุณครับ
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หมอแฉสภาพผู้ป่วย ทยอยกลับมารักษาตัวในรพ. หลังรับยาหมอแสง 6 เดือน!

    รพ. หลังรับยาหมอแสง 6 เดือน!
    วันที่ 12 มีนาคม 2561 - 19:11 น.

    iuuuw9949led-1-696x384.jpg
    กลายเป็นเรื่องที่ได้รับการถกเถียงในการใช้ยาแพทย์ทางเลือกเพื่อรักษาโรคมะเร็ง หลังจากพบว่าประชาชนได้แห่ไปรับยาจากหมอแสงนับหมื่นคน โดยแพทย์แผนปัจจุบัน ได้ออกมาเตือนว่า ผู้ป่วยที่รับการรักษาโรคมะเร็งควรได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และไม่ควรเลิกการรักษากลางทาง เพราะอาจไม่สามารถวัดประสิทธิภาพของยาได้อย่างแน่ชัด

    ทั้งนี้ล่าสุดพบว่า เพจ Dr. Dark ได้แชร์ภาพที่ค่อนข้างน่ากลัว โดยพบว่าเป็นภาพของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ซึ่งมีอาการเนื้อร้ายก้อนใหญ่บริเวณหน้าอก พร้อมกับโพสต์ดังกล่าวได้ระบุว่า “ผ่านไปหกเดือนคนไข้ที่รับยาหมอแสงเริ่มทยอยมาในสภาพนี้ เศร้าครับ” โดยโพสต์ดังกล่าวมีการโต้เถียงกันอย่างหนักถึงการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือก และแผนปัจจุบัน ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
    [​IMG]

    catsvsv.jpg catsVEVY-501x696.jpg catsDQ3-465x696.jpg



    https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_830268
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2018
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โกงเก่งมากๆๆๆๆๆ



     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    326539.jpg
    โกงอีก!นิคมสร้างตนเอง300ล้าน ป.ป.ท.จ่อลงอุดรฯ-ขอนแก่นกระชากหน้าไอ้โม่ง
    วันอังคาร ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561, 20.04 น.

    13 มี.ค.61 พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เปิดเผยความคืบหน้าในการตรวจสอบการทุจริตเงินของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งล่าสุด ว่า สำหรับการประชุมบอร์ด ปป.ท.ในวันนี้ ยังไม่ได้มีการเสนอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติมในจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่อยู่ระหว่างการลงพื้นที่จึงทำให้สรุปรายงานเสนอบอร์ดไม่ทัน

    "ส่วนการตรวจสอบปัญหาการทุจริตในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 44 จังหวัด ขณะนี้ เริ่มปรากฏตัวบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้อง และอยู่เบื้องหลังการทุจริตเงินจำนวน 97 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่า เป็นบุคคลภายนอกศูนย์คนไร้ที่พึ่ง แต่ยังไม่ขอเปิดเผยหน่วยงานที่สังกัด ขณะนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมทางการเงินที่เชื่อมโยงกับศูนย์คนไร้ที่พึ่งบางแห่ง ซึ่งข้อมูลที่พบเชื่อมโยงกับบางศูนย์ฯ คาดว่า ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ข้อมูลจะปรากฏชัดถึงตัวบุคคลที่รับเงินปลายทางดังกล่าว" พ.ท.กรทิพย์ ระบุ

    พ.ท.กรทิพย์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นพบว่า นิคมสร้างตนเองได้รับงบจัดสรรช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งจากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการนิคม ประมาณ 300 ล้านบาท ขณะที่ศูนย์คุ้มครองทั่วประเทศได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ พบแนวโน้มส่อจะมีปัญหาการทุจริต ซึ่งระหว่างวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ ป.ป.ท.จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในนิคมฯ จ.ขอนแก่นและอุดรธานี พร้อมทั้งจะหารือกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)เพื่อหาแนวทางการทำงานและตรวจสอบร่วมกัน

    http://www.naewna.com/politic/326539/preview
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    'บิ๊กตู่' พร้อมคุ้มครอง คนกล้าคายข้อมูล 'โกงเงินคนจน-ทุนการศึกษา'
    750x422_795494_1520936545.jpg
    14 มีนาคม 2561

    "พล.อ.ประยุทธ์" จี้ "ป.ป.ท." เร่งสอบ ทุกกระทรวงที่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ เผย "โกงเงินคนจน-จ้างงาน-ทุนการศึกษา" มีคนกล้าคายข้อมูล ยันพร้อมคุ้มครองดูแล

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมครม.ถึงปัญหาการทุจริตในโครงการของกระทรวงต่างๆ ว่า เรื่องทุจริตมีหลายหน่วยงานที่ปรากฏออกมา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลนี้ปล่อยปละละเลย มีการตั้งกรรมการสอบสวนอยู่แต่กระบวนการสอบสวนบางครั้งที่มันช้าเกินไป วันนี้ได้เร่งรัดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)ไปตรวจในทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน หรือทุกงบประมาณที่มีปัญหา ทำไมตนถึงต้องเน้นตรงนี้เพราะเป็นการใช้งบประมาณโดยตรงจากรัฐ เช่น โครงการเงินคนไร้ที่พึ่ง โครงการจ้างงาน และโครงการเงินทุนการศึกษา ซึ่งโครงการเหล่านี้มีมานานแล้วและตนเคยบอกแล้วว่ามันก็อยู่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ อยู่ที่เจ้าหน้าที่ อยู่ที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่ได้ประโยชน์ก็เข้าร่วมมือด้วย และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เขาให้อะไรมาก็เอาหมด บังเอิญโชคดีระหว่างการสอบสวนมีผู้หญิงกับผู้ชาย 2 คนมาให้ข้อมูลก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย ซึ่งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันมีหลักฐานก็ออกมาพูดจะทางลับเปิดเผยก็ได้ตนก็รับหมด

    พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ทั้ง 3 เรื่องดังกล่าวมีคนมาให้ข้อมูลมีเจ้าหน้าที่ต่างๆ ให้ข้อมูลแล้ว คือเขากล้าขึ้น จะไม่อยู่ร่วมขบวนการอีกต่อไป มันสะสมมายาวนาน ก็อยากให้ไปทบทวนกันให้รู้ว่ารัฐบาลนี้เอามาเปิดเผยได้กี่เรื่องแล้ว คดีใหญ่ๆเล็กๆกลางๆก็มาหมด ไม่ใช่รัฐบาลปล่อยปละละเลย เพียงแต่มันต้องสอบสวนหาสาเหตุ หลักฐานวัตถุพยานบุคคลมาให้ได้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมเป็นพยานกันเพราะกลัว


    "ไม่ต้องกลัวหรอกผมดูแลคุ้มครองให้ เพราะใครที่ไปทำร้ายไปรังแก งบประมาณที่จะต้องไปถึงคนจน คนเหล่านี้ผมถือว่าแย่มาก คนที่ด้อยโอกาสแล้วยังไปเอาของเขามาอีก ผมว่ามันน่าอับอายในทางศีลธรรมก็ไม่ได้อีก หลายกระทรวงผมกำลังให้ ป.ป.ท.ลงไปตรวจสอบอยู่ในกรณีการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ มันต้องให้ความชัดเจนและให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น" นายกฯ กล่าว

    http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/795494
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ภาษีมาจากไหน? ใครจ่ายมากที่สุด และมีใครไหมที่ไม่ต้องจ่ายเลย
    .
    เดือนมีนาคมของทุกปี ก็คือฤดูกาลเสียภาษีของผู้ที่มีเงินได้สุทธิทั้งปีเกินกว่า 150,000 บาท ที่เรียกกันว่า ‘ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา’ ที่จะต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 หากไม่อยากจ่ายค่าปรับเพิ่ม
    .
    แม้ภาษีชนิดนี้จะมีมูลค่าอยู่ไม่น้อยเป็นเงินหลายแสนล้านบาท/ปี แต่ก็ไม่ใช่แหล่งรายได้แหล่งเดียวของรัฐบาลแน่ๆ ทว่าในปัจจุบันก็ยังมีคนเข้าใจผิด คิดว่าคนที่เสียภาษีให้กับรัฐบาล ‘มีแค่ไม่กี่ล้านคน’ ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมหันต์
    .
    The MATTER กลับไปค้นข้อมูลในเอกสารงบประมาณ เพื่อดูว่า..

    - รายได้ของรัฐบาลที่มาจากเงินภาษีของประชาชน มีที่มาจากอะไรบ้าง?

    - ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคิดเป็นกี่เปอร์เซนต์?

    - ภาษีชนิดไหนที่คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุด?

    - ใครต้องเสียภาษีอะไรบ้าง และจะมีใครไหมที่ไม่ต้องเสียภาษีอะไรเลย?
    .
    สำหรับปีงบประมาณ 2561 มีการประมาณการว่า รัฐบาลจะสามารถจัดเก็บภาษีอากรสุทธิได้ราว 2.23 ล้านล้านบาท คิดเป็น 77% ของรายได้ทั้งหมด
    .
    - ที่มาของข้อมูล http://www.bb.go.th/budget_book/pre...RARY61/DRAWER01/GENERAL/DATA0000/00000501.PDF
    .
    สำหรับการเก็บภาษีอากร จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ‘ภาษีทางตรง’ คือผู้เสียภาษีจ่ายเอง (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา/ภาษีเงินได้นิติบุคคล/ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม) และ ‘ภาษีทางอ้อม’ คือเก็บจากบุคคลอื่น แต่ผู้เสียภาษีต้องรับภาระในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง (เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ภาษีสินค้าเข้า-ออก ฯลฯ)
    .
    แต่แหล่งภาษีใหญ่ๆ จะมาจาก 3 แหล่ง คือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT
    .
    สำหรับ #ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีผู้เสียภาษีอยู่เพียง 4 ล้านคน (จากผู้ยื่นแบบทั้งหมด 10 ล้านคน) รวมเป็นเงิน 3.32 แสนล้านบาท คิดเป็นราว 15% ของภาษีทั้งหมด
    .
    #ภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งเก็บจากบริษัทต่างๆ ราว 1.5 แสนแห่ง ประมาณกันว่าจะมีรวมกันราว 6.51 แสนล้านบาท คิดเป็น 29% ของภาษีทั้งหมด
    .
    แต่แหล่งภาษีที่มากที่สุดก็คือ #ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT (value-added tax) โดยผู้เสียภาษีชนิดนี้ก็คือ 'ทุกคน' ที่ซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าต่างๆ เพราะจะมีการบวก VAT ไว้ในราคาขายแล้ว คิดเป็นเงินรวมกันราว 8.21 แสนล้านบาท หรือ 37% ของภาษีทั้งหมด
    .
    ส่วนที่เหลืออีก 19% คิดเป็นเงินกว่า 4.26 แสนล้านบาท จะมาจากภาษีอากรประเภทอื่นๆ เกือบสิบประเภท เช่น ภาษีธุรกิจเฉพาะ ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ภาษีสินค้าเข้า-ออก เป็นต้น
    .
    นั่นแปลว่าแทบทุกคนจะต้องเสียภาษีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเสมอ
    .
    - อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://thematter.co/quick-bite/where-taxes-come-from/47569

    #Quickbite #Tax #TheMATTER
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จับตาทีวีดิจิทัลแห่คืนใบอนุญาต หลัง ”เจ๊ติ๋ม” ชนะคดี กสทช. คืนเงิน 1.5 พันล้าน
    13-03-2018 18:19:14
    HOT UPDATE Digital TV & Media Digital TV
    open_tim.png
    คาดทีวีดิจิทัลเตรียมคืนช่อง หลังศาลสั่ง กสทช. คืนเงินช่องเจ๊ติ๋ม ย้ำ กสทช. ควรยอมรับความจริง และแก้ปัญหาค่าธรรมเนียม ค่าเช่าสัญญาณ

    วันนี้ (13 มี.ค.) ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาในคดีที่นางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ไทยทีวี จำกัด หรือเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้การประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลของบริษัท ไทยทีวี เป็นโมฆะทั้งหมด

    พร้อมกับขอให้เพิกถอนหนังสือ กสทช.ฉบับลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2558, ฉบับลงวันที่ 5 มิถุนายน 2558 ที่ให้บริษัท ไทยทีวี ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่งวดที่ 2 และฉบับลงวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ที่ยกเลิกให้บริษัท ไทยทีวี ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่พร้อมกับให้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ให้ใช้คลื่นความถี่ และให้สั่ง กสทช.คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพจำนวน 16 ฉบับ

    รวมทั้งคืนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ที่บริษัทฯ ได้ชำระไปแล้วเป็นเงิน 365,512,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 บาทต่อปี นับแต่วันฟ้องจนชำระเสร็จสิ้นและค่าเสียหายจากการกระทำของ กสทช.จำนวน 713,828,282.94 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

    โดยศาลปกครองกลางพิพากษาว่า กสทช.กระทำผิดสัญญาที่ได้ประกาศชี้ชวนไว้กับบริษัท ไทยทีวี จำกัด จริง บริษัท ไทยทีวี จำกัด จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา

    แต่วันบอกเลิกสัญญาพ้นกำหนดการจ่ายค่าใบอนุญาตงวดที่ 2 ที่บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการกิจการทีวีดิจิตอลไปแล้วจึงต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตงวดที่ 2 จำนวน 258 ล้านบาท ส่วนหนังสือค้ำประกันธนาคารกรุงเทพ จำนวน 16 ฉบับ ซึ่งเป็นค่างวด ตั้งแต่งวดที่ 3 เป็นต้นไปให้ กสทช.คืนให้แก่บริษัท แต่ถ้าไม่สามารถคืนไม่ได้ก็ให้ชดใช้เป็นเงินแทน อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองกลางไม่ได้ให้ กสทช.ชดใช้ค่าเสียหายตามที่บริษัทเรียกร้อง เพราะภาวะการขาดทุนเกิดจากการดำเนินธุรกิจตามปกติ

    1_open_tim.png

    พันธุ์ทิพา พอใจที่ศาลชี้ว่า กสทช.ทำผิดจริง โดยศาลให้ กสทช.คืนแบงก์การันตีให้บริษัท ไทยทีวี ในงวดที่ 3, 4, 5 และ 6 มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท แต่ศาลไม่ได้ให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 700 ล้านบาทตามที่ขอไป จึงจะยื่นอุทธรณ์เพิ่มเติมในส่วนนี้ โดยมั่นใจว่ามีเอกสารที่ชี้ให้เห็นว่า กสทช.ทำผิดสัญญาจนทำให้เกิดความเสียหาย

    “เรา ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ หรือไม่มีสายป่าน ขาดทุนแล้วจึงเลิก เราเป็นคนเก่ง เป็นคนมีความสามารถ เพียงแต่สิ่งที่ กสทช.ทำไม่ได้เอื้อ และเป็นอุปสรรคจนทำให้เกิดความเสียหาย ทำธุรกิจเกือบ 40 ปีไม่เคยขาดทุนแม้แต่บาทเดียว ทำไมเราจึงจะมาโง่วันนี้ กลายเป็นคนมองธุรกิจไม่เป็น อ่อนแอ เป็นเรื่องที่กระทบภาพลักษณ์มาก ตอนนี้ช่องอื่นๆ ก็ลำบากหมด บางคนครอบครัวแตกแยก ถึงขนาดเกือบฆ่าตัวตาย ล้วนเกิดจากการกระทำของ กสทช.ทั้งสิ้น แม้ว่า กสทช.ชุดที่อนุมัติเรื่องทีวีดิจิตอลจะพ้นตำแหน่งไปแล้ว แต่ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น” พันธุ์ทิพากล่าว

    ด้าน สมบัติ ลีลาพตะ ผอ.สำนักกฎหมาย กสทช.กล่าวว่า ทาง กสทช.จะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน เนื่องจากเห็นว่าศาลยังไม่ได้นำข้อเท็จจริงบางส่วนมาประกอบการพิจารณา เช่น รายละเอียดในหนังสือชี้ชวน ที่กำหนดว่าโครงข่ายจะมีการขยายได้ปีละเท่าใดและกรณีที่บริษัท ไทยทีวี อ้างว่าโครงข่ายของกรมประชาสัมพันธ์มีปัญหา แต่จริงๆ ทางไทยทีวีใช้โครงข่ายของผู้ประกอบการรายอื่น

    สำหรับช่องทีวีดิจิทัล อย่าง นวมินทร์ ประสพเนตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมโน บรอดคาซท์ จำกัด ในเครือโมโน กรุ๊ป ให้ความเห็นถึงกรณีนี้ว่า ว่า กสทช.กระทำผิดสัญญาที่ได้ประกาศชี้ชวนไว้กับบริษัท ไทยทีวี จำกัด จริง ทำให้ไทยทีวี จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา โดยคำตัดสินของศาลที่ออกมาในวันนี้ ถือเป็นบรรทัดฐานสำคัญ สำหรับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลในอนาคตได้เลย

    โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องดีที่สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้สามารถคืนสัญญาหรือคืนช่องได้ เพราะเมื่อทำต่อไม่ไหวด้วยปัจจัยหลายด้าน ก็ควรมีทางออกให้กับผู้ประกอบการได้เลือกตัดสินใจ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนมือเป็นผู้เล่นหน้าใหม่มาทำแทนเลย หรือจะเป็นหน้าเก่าที่มีช่องในมืออยู่แล้วและมีศักยภาพในการทำช่องก็สามารถมาทำได้

    รวมถึงการเปิดโอกาสให้ช่องสามารถปรับส่งสัญญาณภาพจากหมวดหมู่ความคมชัดปกติเป็นความคมชัดสูงได้ หรือการเยียวยาวอย่างอื่นที่เห็นผลชัดเจนมากกว่านี้ ก็จะดีต่อผู้ประกอบโดยรวมอย่างมาก

    ทางด้านสุวิทย์ มิ่งมล ประธานสหภาพ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวให้ความเห็นกรณีที่ศาลปกครองกลางพิพากษา ว่า กสทช.กระทำผิดสัญญาที่ได้ประกาศชี้ชวนไว้กับบริษัท ไทยทีวี จำกัด จริง บริษัท ไทยทีวี จำกัด จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา ว่า กรณีนี้คาดว่าจะเป็นตัวอย่างและจะมีทีวีดิจิทัลอีกหลายช่องมองเป็นตัวอย่างได้เพราว่ามีหลายช่องก็แบกรับภาระต้นทุนที่สูงไม่ไหว

    ปัจจุบันนี้ทีวีดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตมา 24 ช่อง มีเพียง 22 ช่องที่ดำเนินการอยู่ นอกจากช่องของเจ๊ติ๋ม 2 ช่องที่หยุดดำเนินการไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ซึ่ง 22 ช่องที่เหลือ ก็มีแนวโน้มว่า จากนี้ไปอาจจะเหลืออีกไม่ถึง 10 ช่องเท่านั้น และที่ผ่านมาหลายช่องก็มีการเปลี่ยนแปลงนายทุนเปลี่ยนแปลงเจ้าของไปหลายช่องแล้ว เพราะว่าไปไม่รอด

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ กสทช. น่าจะดำเนินการจากนี้ คือการยอมรับความจริงและข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ด้วยการแก้ไขเงื่อนไขสัมปทานหรือกฎหมายที่ออกมาก่อนหน้านี้ เช่น ใบอนุญาตสัมปทาน 15 ปีที่ให้เอกชนไปนั้น ในเรื่องของการจ่ายค่างวดสัมปทานควรจะมีการปรับเปลี่ยนแปลงอย่างไรได้บ้าง หรือการจ่ายค่าMUGสัญญาณ จะลดลงอย่างไรได้บ้าง

    กสทช. ผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว ที่เปิดประมูลรวดเดียว 24 ช่อง ซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำกัน ควรจะเปิดเป็นระดับขั้นตอนไป ไม่ใช่เปิดครั้งเดียว การเปลี่ยนถ่ายจากระบบอะนาล็อกต้องค่อยเป็นค่อยไป ทั้งการแจกคูปองแลกอล่องที่ล่าช้า ไม่มีแผนการเรียงช่องที่ชัดเจน ไม่มีการให้ความรู้และการเตรียมพร้อมในการเปลี่ยนถ่าย การนำสัญญานดิจิทัลภาคพื้นดินไปออกอากาศผ่านดาวเทียม เป็นต้นและอีกหลายอ่าง

    “ที่ผ่านมา คนในวงการทีวีดิจิทัล ต้องถูกปลดหรือออกจากงานไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 คน เพราะการที่ผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนไม่ไหวของทีวีดิจิทัลหลายช่อง เพราะต้นทุนการประมูลสูงมาก”.
    https://positioningmag.com/1161480
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149


    นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีมีการโอนเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ศธ. ไปยังบัญชีของบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องระหว่างปี 2551- 2561 เป็นเงินรวมกว่า 88 ล้านบาท โดยหลังจากที่แจ้งความแล้ว ในวันที่ 15 มีนาคมนี้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะเดินทางมาที่ศธ. เพื่อขอข้อมูลความเป็นมาของโครงการ ตลอดจนกระบวนการเบิกจ่ายเงินทั้งหมด เพื่อดำเนินการอายัดเงินบัญชีผู้รับโอนเงินทั้ง 22 บัญชีต่อไป

    มติชนออนไลน์
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โลกสูญเสีย 'สตีเฟน ฮอว์คิง' ปราชญ์ฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยาผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโรค ALS มานานกว่า 55 ปี Last updated: 14 มีนาคม 2561 | 13:01



    โลกสูญเสียศาสตราจารย์ 'สตีเฟน ฮอว์คิง' นักฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยา ผู้ไขความลับแห่งจักรวาลเกี่ยวกับหลุมดำ ถึงแก่กรรมขณะอายุ 76 ปีหลังจากต่อสู้กับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALSมานานกว่า 55 ปี ศ.ฮอว์คิงเคยให้สัมภาษณ์ว่าการกระทำของทรัมป์เป็นการนำโลกสู่วิกฤต โลกจะกลายเป็นเหมือนดาวศุกร์ อุณหภูมิสูง 250 องศา ฝนจะตกเป็นกรดกำมะถัน ทำลายสิ่งแวดล้อมและมนุษย์

    เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2561 รายงานข่าวต่างประเทศแจ้งข่าวมรณกรรมของ สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์และผู้ไขความลับแห่งจักรวาล ผู้จากไปอย่างสงบที่บ้านพักของเขาในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น ตามแถลงการณ์ของครอบครัว

    สตีเฟน ฮอว์คิง เป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเป็นที่รู้จักจากการทำนายเชิงทฤษฎีที่ว่าหลุมดำควรปล่อยรังสี ซึ่งปัจจุบันมีชื่อว่า รังสีฮอว์คิง และเขายังเป็นผู้เขียนหนังสือ A Brief History of Time ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดี นอกจากนี้เขายังเป็นที่รู้จักทั้งในแง่วิชาการ และความมีอารมณ์ขันอีกด้วย

    ที่ผ่านมา ฮอว์คิง ต้องต่อสู้กับโรคภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS ตั้งแต่อายุได้ 21 ปี และต้องสื่อสารด้วยอุปกรณ์สังเคราะห์เสียงพูดมาตลอด แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการถ่ายทอดความรู้ในฐานะนักฟิสิกส์และนักจักรวาลวิทยา เขายังคงเดินหน้าอภิปรายทฤษฎีของเขาและจักรวาลวิทยา และทำให้เขาเป็นผู้ป่วยโรค Lou Gehrig’s disease ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกด้วย

    เรื่องราวของสตีเฟน ฮอว์คิง เคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ The Theory of Everything ซึ่งขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์เข้าชิงรางวัลออสการ์อีกด้วย

    สตีเฟน วิลเลียม ฮอว์คิง ชาวอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 1942 เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยา ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ หนังสือวิทยาศาสตร์ของเขาและการปรากฏตัวต่อสาธารณะได้ทำให้เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงด้านวิชาการ ผลงานวิทยาศาสตร์สำคัญของเขาจนถึงปัจจุบันมีการบัญญัติทฤษฎีบทเกี่ยวกับภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วงในกรอบของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ร่วมกับโรเจอร์ เพนโรส และการทำนายเชิงทฤษฎีที่ว่าหลุมดำควรปล่อยรังสี ซึ่งปัจจุบันมีชื่อว่า รังสีฮอว์คิง (บางครั้งเรียก รังสีเบเคนสไตน์-ฮอว์คิง)

    ฮอว์คิงป่วยจากโรคอะไมโอโทรฟิก แลเทอรัล สเกลอโรซิส (ALS) ชนิดหายาก ซึ่งเริ่มมีอาการเร็ว แต่ดำเนินโรคช้า ทำให้เขามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงเรื่อยๆ เป็นเวลากว่า 50 ปี ปัจจุบันต้องสื่อสารโดยใช้อุปกรณ์สังเคราะห์เสียงพูด ควบคุมผ่านกล้ามเนื้อมัดเดียวในแก้ม เขาแต่งงานสองครั้งและมีลูกสามคน ฮอว์คิงประสบความสำเร็จกับผลงานวิทยาศาสตร์สำหรับบุคคลทั่วไป (popular science) ซึ่งเขาอภิปรายทฤษฎีของเขาและจักรวาลวิทยาโดยรวม ซึ่งมีประวัติย่อของกาลเวลา (A Brief History of Time) และจักรวาลในเปลือกนัท (The Universe in a Nutshell) ซึ่งอยู่ในรายการขายดีที่สุดของบริติชซันเดย์ไทมส์ทำลายสถิตินานถึง 237 สัปดาห์

    ในวันเกิดครบ 75ปีของเขาเมื่อปีที่แล้ว ศ. ฮอว์คิง เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี ในกรณีการตัดสินใจถอนตัวออกจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงต่อโลกที่ไม่อาจแก้ไขได้

    "เรากำลังจะมาถึงจุดที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขปัญหาโลกร้อนได้แล้ว การกระทำของทรัมป์เป็นการนำโลกสู่วิกฤต โลกจะกลายเป็นเหมือนดาวศุกร์ อุณหภูมิสูง 250 องศา ฝนจะตกเป็นกรดกำมะถัน," ศ.ฮอว์คิง ระบุ

    ศ.ฮอว์คิง บอกว่ามนุษยชาติเหลือเวลาบนโลกนี้น้อยลงเต็มที เขาไม่มีความหวังนักว่ามนุษย์จะสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือความขัดแย้งระหว่างกันเองได้

    "ผมเกรงว่าวิวัฒนาการของมนุษย์ได้นำความโลภและความก้าวร้าวไปฝังอยู่ในพันธุกรรมมนุษย์ ไม่มีทีท่าว่าปัญหาความขัดแย้งจะน้อยลง และการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารและอาวุธทำลายล้างจะยิ่งนำไปสู่หายนะ ความหวังเดียวของมนุษยชาติอาจจะเป็นอาณานิคมอื่นในอวกาศ"

    First posted: 14 มีนาคม 2561 | 12:32

    http://www.thaitribune.org/contents/detail/306?content_id=31660&rand=1521026676
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แรงชีวิต แรงบันดาลใจ : ตอนที่ 4 ‘สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง’ อัจฉริยะในร่างพิการจากมุมมองของ ‘คู่ชีวิต’
    เขียนโดย webmaster, วันที่ 13 สิงหาคม 2557
    StephenHawking01.jpg

    ความรักเกิดขึ้นได้กับคนทุกสภาพร่างกาย แม้แต่ร่างกายนั้นจะเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและรอเวลาเพียงเพื่อการดับสูญ ดังเช่นเรื่องราวของนักฟิสิกส์ผู้มีผลงานเอกอุจนเป็นที่ประจักษ์ของคนทั่วโลก

    สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง นักวิทยาศาสตร์ เจ้าของผลงาน ‘ประวัติย่อของกาลเวลา’ ผู้ใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นมานานเกือบ 50 ปี เขาต้องเผชิญกับโรค Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS) เมื่อวัยเพียง 20 ต้นๆ เท่านั้น ความรุนแรงของโรคนี้ได้พรากระบบสั่งการเพื่อการเคลื่อนไหวไปทีละนิด ตั้งแต่ส่วนขา ทำให้เดินเซและหกล้มง่าย จากนั้นก็ลามขึ้นไปอย่างช้าๆ จนถึงบริเวณทรวงอก ทำให้หายใจแบบคนปกติไม่ได้ เพราะกล้ามเนื้อส่วนที่ควบคุมอยู่นั้นยกไม่ขึ้น ก่อนที่จะขึ้นไปที่ส่วนคอทำให้คอพับเพราะสมองไม่สั่งการให้คนตั้งตรง และร่างกายจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นอัมพาตไปในที่สุด

    ในครั้งนั้นแพทย์วินิจฉัยว่า ฮอว์กิ้งจะมีชีวิตได้อยู่อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น หากแต่ดูเหมือนว่าแพทย์จะคะเนผิดไปถนัด เพราะเขายังคงมีชีวิตจนเลยวัยเกษียณมาหลายปี เหตุผลหนึ่งคงเป็นข้างกายของเขามีหญิงสาวผู้หนึ่งอยู่เคียงคู่เสมอมา แม้สุดท้ายทั้งคู่จะเปลี่ยนสถานะจากสามีภรรยามาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ตาม

    เจน ไวลด์ เป็นรุ่นน้องมัธยมของฮอว์กิ้ง ทั้งคู่อายุห่าง 2 ปี แต่ถึงจะเรียนอยู่ที่เดียวกัน พวกเขากลับไม่รู้จักกันเลย จนกระทั่งฮอว์กิ้งอายุได้ 20 ปี ทั้งคู่ก็ได้พบกันในงานของโรงเรียนงานหนึ่ง แต่ละฝ่ายต่างรู้สึกชอบพอกันทันที จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะบ่มเพาะความรักขึ้นมาเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไป 3 ปีทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน

    เจนเขียนเล่าไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่า เธอตัดสินใจแต่งงานกับฮอว์กิ้ง ด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ประการง่ายๆ คือ หนึ่ง-เพราะเธอรักเขาและเขาก็รักเธอ สอง-แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มพิการและเขาจะอายุสั้น แต่เธอก็ไม่เปลี่ยนใจ และเมื่อแต่งงานไปแล้ว เธอก็อยากจะเป็นผู้ดูแลเขา นับเป็นความรักที่บริสุทธิ์และสูงส่งอย่างแท้จริง

    ซึ่งนี่อาจจะเป็นบทเรียนชีวิตอย่างหนึ่งที่เธอซึมซับมารดาของเธอ เพราะแม่ก็ตัดสินใจกับพ่อ แม้จะรู้ว่าพ่อจะต้องไปรบในสงครามและอาจจะเกิดบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตได้ คำพูดหนึ่งที่ยังก้องอยู่ในใจเสมอก็คือ “ถ้าหากพ่อบาดเจ็บ ท่านจะเป็นผู้ดูแลเอง” เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่เคยรู้สึกกลัวที่จะต้องดูแลชายหนุ่มพิการผู้นี้ เธอเคยพูดเรื่องนี้กับเพื่อนนานาชาติระหว่างไปทัศนศึกษาที่สเปนว่า “ความป่วยไข้ของเขา ทำให้ทุกความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเขาย่อมถูกผูกตรึงเข้าสู่ความหล่อแหลม เพราะมันย่อมเป็นความสัมพันธ์ที่มีอายุสั้น และทำให้หัวใจแตกสลาย ฉันจะสามารถช่วยให้เขาเติมเต็มตัวเอง และพบกับความสุขที่แม้จะแสนสั้นนั้นได้บ้างไหม”

    ทว่าโลกความฝันกับโลกความจริงนั้นต่างกันมาก เพราะเมื่อแต่งงานไปเจนพบปัญหามากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อ อย่างการที่ฮอว์กิ้งมาจากครอบครัวใหญ่มากๆ และไม่เชื่อในศาสนาเลย ขณะที่เธอมาจากครอบครัวเล็กๆ ที่มีศรัทธาในพระคริสต์สุดหัวใจ หรือความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้องของฝ่ายชาย เช่น ฟิลิปป้า น้องสาวของสตีเฟ่นก็ตั้งข้อรังเกียจเธอตั้งแต่แรกเห็น หลังหมั้นหมายทั้งคู่ตัดสินใจอยู่ด้วยกัน และก่อนวันแต่งงานในช่วงคริสต์มาส ฟิลิปป้ากระแทกเท้าอย่างแรงแล้วพูดกับพี่ชายว่า “แล้วตอนนี้พี่รู้สึกว่าศีลธรรมสูงขึ้นไหม” ซึ่งสตีเฟ่นกับแม่ของเขาเพียงแค่หัวเราะและตอบกลับไปว่า “ยังไงซะ พี่เขาก็ต้องมีศีลธรรมสูงกว่าเธอแน่ๆ เพราะตอนนี้เขาตกอยู่ใต้อิทธิพลของหญิงสาวที่ดี”

    ไม่เพียงแค่นั้นเจนยังกล่าวหาสตีเฟ่นอีกว่าเป็นพวกเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อย่างครั้งหนึ่งที่เธอประสบอุบัติเหตุข้อมือหักต้องเข้าเฝือก แต่ชายหนุ่มก็พยายามจะให้เธอพิมพ์ใบสมัครงานให้เขาอยู่นั่นแหละ และไม่มีท่าทีจะสนใจหรือสงสารเธอแม้แต่นิด และที่สำคัญสุดคือ เธอมีความใฝ่ฝัน (และยังถูกพ่อบังคับ) ว่าต้องเรียนให้จบปริญญาตรีให้ได้ ถึงจะแต่งงานแล้วก็ตาม ทำให้เธอต้องรับภาระหนักทั้งด้านการเรียนและการดูแลคนพิการ แต่ถึงจะยากลำบากเพียงใด เจนก็ไม่เคยเปลี่ยนใจมากเขาแม้แต่น้อย

    “ด้วยวัยไร้เดียงสาของวัย 21 ปี ฉันก็เชื่อว่าสตีเฟ่นจะทะนุถนอม และสนับสนุนฉันให้เติมเต็มความฝันของตัวเอง ฉันเองก็เชื่อในคำสัญญาที่เขาให้กับพ่อแม่ฉัน คำมั่นที่ว่าเขาจะไม่เรียกร้องอะไรจากฉันมากเกินกว่าที่ฉันจะทำได้ และเขาจะไม่ยอมให้ตนเองกลายเป็นภาระในชีวิตของฉัน” เจนรำลึกถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับสตีเฟ่น

    StephenHawking02.jpg

    หลังจากชีวิตคู่ด้วยกันมาระยะหนึ่ง อาการของสตีเฟ่นรุนแรงขึ้น เขาเริ่มผูกเชือกรองเท้าเองไม่ได้ ล้มง่าย บางครั้งล้มจนฟันหัก ทำให้ต้องนั่งรถเข็นแทน บางครั้งก็หายใจไม่ออก เจนสารภาพตามตรงว่า อาการป่วยเหล่านี้เปรียบได้กับมือที่สาม ซึ่งเข้ามาบ่อนทำลายความสุขของครอบครัว แถมด้วยความที่สามีเป็นนักฟิสิกส์ชั้นสูง ขณะที่เธอไม่สามารถยกระดับความรู้ขึ้นมาได้ ทำให้ไม่สามารถสนทนาวิสาสะกันได้อย่างที่ควรจะเป็น วิชาฟิสิกส์จึงกลายเป็นมือที่สี่ที่เสมือนกำแพงกั้นชีวิตของทั้งคู่โดยปริยาย

    และในขณะที่ต้องแบกรับภาระเรื่องต่างๆ เจนก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ โรเบิร์ต ลูกชายคนแรก ทำให้ร่างกายของเธอยิ่งอ่อนแรงลงไปมาก เพราะนอกจากเธอต้องเดินทางตามสามีไปร่วมประชุมตามที่ต่างๆ แล้วยังต้องรับมือกับเจ้าตัวน้อยที่มักจะตื่นขึ้นมากลางดึก แถมเขายังเป็นเด็กที่ซนสุดๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยหาที่ต่อขาขึ้นไปหยิบขวดยาบนตู้เย็นแล้วก็กินจนหมดทุกขวด ผลก็คือเขาหลับลึกและเข้าสู่อาการโคม่า ต้องรีบเข้าโรงพยาบาลล้างท้องเป็นการด่วน

    เจนเล่าถึงสิ่งที่ทำให้ผ่านชีวิตช่วงนั้นมาได้ นั่นคือการมองโลกในแง่ดี การมีอารมณ์ขัน และการมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน เธอเขียนในบันทึกว่า“หลักการของชีวิตก็คือว่า มีชีวิตแต่วันอย่างที่มันเป็นจริง แทนที่จะคาดหวังถึงภาพลวงตาในอนาคตอันห่างไกล” แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ลูกชายเกือบเสียชีวิตครั้งนั้นได้ทำลายบางส่วนในชีวิตของเธอไป“แม้โรเบิร์ตจะรอดชีวิตในวันนั้น แต่บางเสี้ยวชีวิตของฉันกลับตายจากไป บางเสี้ยวเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด บางเสี้ยวของการมองโลกในแง่ดีเหลือล้นตามแบบคนหนุ่มสาว ซึ่งเคยเป็นไฟกระตุ้นให้ฉันมีความกระตือรือร้นอย่างมากมาย ตอนนี้มันถูกฝังลงไปภายใต้ภาระหนักหน่วงของความกังวล เป็นเงื่อนปมที่ไม่มีทางขจัดออกไปจากจิตใจ”

    แต่แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดก็แปรเปลี่ยนไป เจนกับสตีเฟ่นมีลูกกันอีกคน เธอเรียนจบตามเป้าหมาย แม้จะต้องใช้เวลานานถึง 13 ปี และอาการของสามีก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เสียงจากคนรอบข้างต่างพูดถึงชีวิตสมรสนี้ในทางลบ เช่นครั้งหนึ่งเธอได้ยินพนักงานโรงแรมนินทาสตีเฟ่นว่า ท่าทางอาการจะหนัก ใกล้ๆ จะหลุดเป็นชิ้นๆ แล้ว แค่จะประคับประคองหัวตัวก็คงไม่ไหวแล้ว หรือแม้แต่ฟิลิปป้ายังเอ่ยกับเจนว่าคงถึงเวลาที่ทั้งคู่จะต้องแยกจากกัน

    จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีชายอีกคนเข้ามาในชีวิต เขาเป็นครูสอนดนตรีที่เข้าใจและเห็นใจเธออย่างยิ่ง และเธอก็มีใจกับเขา เพราะต้องการทั้งคนที่จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ บวกกับไฟปรารถนาที่เผาลนอยู่ในสัญชาตญาณของตัวเอง แต่เธอก็ต้องระงับความต้องการนั่นเพราะต้องการมั่นคงกับคำสัญญาที่จะซื่อสัตย์กับสตีเฟ่น และต้องการจะรักษาครอบครัวเอาไว้ ทว่าสตีเฟ่นกลับไม่คิดแบบนั้น เขาหึงและโกรธอย่างรุนแรง และช่วงนั้นเองที่เจนท้องลูกคนที่ 3 แม่ของสตีเฟ่นถามเจนว่า จริงๆ แล้วทิโมธีเป็นลูกของสตีเฟ่นหรือโจนาทาน ครูสอนดนตรี ทั้งที่รู้ว่าเขาต้องหลานแท้ๆ ของเธอแน่นอน

    ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรัก ความชัง ความหวาน และความขมขื่น บวกกับภารของชีวิตที่ดูจะเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะค่ารักษาที่มากขึ้นเพราะสตีเฟ่นเริ่มหายใจเองไม่ได้ต้องเจาะคอ แถมยังต้องการจ้างพยาบาลดูแลตลอด 24 ชั่วโมง สุดท้ายก็ต้องปิดฉากลงชีวิตคู่นาน 25 ปีลง เมื่อฝ่ายชายมีรักครั้งใหม่กับพยาบาลของตัวเอง

    หลังจากแยกกันร่วมปี การหย่าขาดก็มีผลสมบูรณ์ สตีเฟ่นแต่งงานกับพยาบาลคนนั้น แต่อยู่ด้วยกันไม่นานก็เลิกรากันไป ขณะที่เจนแต่งงานกับโจนาทานและมีชีวิตที่เป็นสุขจนถึงปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังรักษาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนเอาไว้ เพราะต้องดูแลลูกชายคนเล็กด้วยกัน

    StephenHawking03.jpg

    แม้หนังสือของเจนจะเป็นเรื่องราวของความล่มสลายของชีวิตครอบครัวของตัวเอง หากแต่มันยังเป็นการสะท้อนภาพความยากลำบากของครอบครัวที่ต้องดูแลคนพิการ และยังสะท้อนระบบบริการของรัฐที่น่าจะเป็นที่พอใจมากกว่านี้ เพราะถึงอังกฤษจะสร้างระบบบริการสุขภาพแห่งชาติมานานกว่า 6 ทศวรรษ แต่เพราะการเขียนยังตรงไปตรงมาเช่นนี้เอง ก็ทำให้เห็นว่ายังมีความพิการอยู่ในระบบไม่น้อย เรื่องราวทั้งหมดนี้ควรเป็นกรณีศึกษาที่ดียิ่งสำหรับประเทศไทย ทั้งในเรื่องความรู้ความเข้าใจต่อคนพิการ และครอบครัวของคนพิการ ตลอดจนระบบบริการที่ประเทศและสังคมไทยควรสร้างสรรค์และพัฒนาขึ้น

    เรื่อง : เด็กฝึกงานมือวางอันดับ 0

    เรียบเรียงจากหนังสือ 10 ชีวิต 10 แรงบันดาลใจ โดยนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน

    http://www.bluerollingdot.org/articles/inspiration/246
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แรงชีวิต แรงบันดาลใจ : ตอนที่ 5 ‘คริสโตเฟอร์ รีฟ’ ยอดซูเปอร์แมน
    เขียนโดย webmaster, วันที่ 10 กันยายน 2557
    ChristopherReeve1.jpg

    หากถามถึงนักแสดงผู้เคยรับบทยอดมนุษย์ที่โด่งดังที่สุด อย่าง ซูเปอร์แมน ชื่อของ คริสโตเฟอร์ รีฟ คงจะเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง เพราะด้วยบทบาทที่โดดเด่น บวกกับรูปร่างหน้าตาที่หลายคนยืนยันว่า เขาคือซูเปอร์แมนที่ตรงกับภาพจินตนาการ ทำให้ภาพยนตร์ที่เขานำแสดงนั้นประสบความสำเร็จได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่อง

    แต่ด้วยอุบัติเหตุเพียงครั้งเดียวทำให้ชีวิตของซูเปอร์สตาร์หนุ่มผู้นี้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต หากแต่เรื่องราวดีๆ ของเขากลับไม่เคยจางหายไปเลย

    และต่อไปนี้คือเรื่องของ ซูเปอร์แมนตัวจริง ทั้งนอกจอและในจอ ‘คริสโตเฟอร์ รีฟ’

    คริสโตเฟอร์ รีฟ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2495 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เขาอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะและตระกูลดี แม่เป็นนักหนังสือพิมพ์ ส่วนพ่อเป็นครู นักประพันธ์ กวีและนักปราชญ์ แต่ทว่าพออายุได้ 4 ขวบ พ่อกับแม่ก็หย่าขาดกัน คริสโตเฟอร์และน้องชายอยู่กับแม่ ซึ่งแต่งงานใหม่กับนักค้าหุ้น พร้อมกับเข้าเรียนในโรงเรียนปรินสตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนของคนชั้นสูง เขาเป็นเรียนเก่งทั้งตำราและกิจกรรม เขาเป็นนักฮอกกี้ระดับรางวัลเกียรติยศ

    เมื่ออายุได้ 9 ขวบก็ได้รับคัดเลือกให้เล่นละครของโรงเรียน จุดนั้นเองที่เขาพบว่าเขาชอบการแสดง ทำให้เมื่ออายุได้ 15 ปี เขาก็หันมาเรียนการแสดงโดยตรง จนได้กลายเป็นนักแสดงอาชีพ เขาร่วมแสดงละครเวทีกับคณะดังๆ มากมาย แถมยังได้รับการผลักดันจากนักปั้นมือทองที่มีชื่อเสียง อย่างสตาร์ค เฮลเซลไทน์ ให้เข้าไปรับการคัดเลือกดารากับผู้สร้างละคร จนได้เข้ามาร่วมแสดงละครเรื่อง Forty Carats

    ชีวิตสายมายาของคริสโตเฟอร์ดูจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะไม่ว่าเขาจะจับงานใดๆ ก็ดูจะประสบความสำเร็จอย่างมาก จนปี พ.ศ. 2521 เขาก็ก้าวข้ามไปอีกขั้นด้วยการเข้าสู่ฮอลิวูด แม้ช่วงแรกจะเป็นเพียงนักแสดงประกอบเท่านั้น แต่เพราะความโดดเด่นทางด้านหน้าตาที่หล่อเหลา ดวงตาสีฟ้า สูง 190 เซนติเมตร ตลอดจนพรสวรรค์อันเปี่ยมล้น เขาก็ได้รับการคัดเลือกให้แสดงหนังฟอร์มใหญ่เรื่อง ‘ซูเปอร์แมน’

    แม้จะไม่ใช่แฟนของซูเปอร์ฮีโร่ผู้นี้มาก่อน แต่เขาก็เคยดูซูเปอร์แมนภาคก่อนที่ จอร์จ รีฟนำแสดง ซึ่งเขาก็ประทับใจมาก บวกกับความท้าทายที่ต้องแสดง 2 บทบาทพร้อมๆ กันคือ ซูเปอร์แมนกับคลาร์ค เค้นท์ ซึ่งเป็นร่างคนปกติของซูเปอร์แมน ทำให้เขาแสดงออกมาได้อย่างมีพลัง จนหนังกวาดรายได้ไปมากถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งนับว่าสูงมากในเวลานั้น บวกกับเสียงชื่นชมอันเซ็งแซ่ของนักวิจารณ์ คริสโตเฟอร์กลายเป็นดาราก้องโลกเป็นที่เรียบร้อย

    ไม่เพียงแค่นั้น เขายังใช้ชื่อเสียงของตนทำงานการกุศลอีกหลายแห่ง เช่นร่วมกับ Make-a-Wish Foundation ไปเยี่ยมเด็กที่ป่วยระยะสุดท้าย หรือเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารกองทุนช่วยเหลือเด็ก พร้อมกับเป็นโค้ชกีฬาลู่และลานในการแข่งขันโอลิมปิกเพื่อคนพิการ

    ทว่าหลังจากยืนหยัดเป็นซูเปอร์สตาร์มาได้ร่วมสิบกว่าปี ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เพราะระหว่างที่นำแสดงภาพยนตร์เรื่อง แอนนา คาเรนนินา ซึ่งมีฉากที่เขาต้องขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวาง ม้าเกิดหยุดกะทันหันทำให้เขาตกจากหลังม้าทันที โชคดีที่หมวกนิรภัยป้องกันสมองของเขาไม่ให้กระทบกระเทือนได้ แต่โชคร้ายที่น้ำหนักตัว 98 กิโลกรัมทำให้กระดูกต้นคอข้อที่ 1 และ 2 แตกจนแหลก เบียดเอาไขสันหลังบริเวณแหลกเหลวจนแทบไม่มีชิ้นดี เขาหมดสติและหยุดหายใจไป 3 นาที เคราะห์ดีที่หน่วยปฐมพยาบาลเข้ามาช่วยเหลืออย่างถูกต้องและทันการณ์ สมองของเขาเลยรอดพ้นจากภาวะขาดออกซิเจนมาได้อย่างเฉียวฉิวฃ

    ChristopherReeve02.jpg

    สภาพร่างกายอันแสนน่าเวทนานั้น เมื่อแม่ของเขาเข้าไปเยี่ยม เธอร้องไห้และวิงวอนให้เขาตัดสินใจตายเสียดีกว่า เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะไม่อยากทนทุกข์ทรมานและเป็นภาระของคนรอบข้าง แต่ทว่า ‘ดานา’ ภรรยาของเขาพูดด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ฉันขอบอกกับเธอว่า ฉันจะขอสนับสนุนการตัดสินใจของเธอทุกอย่างไม่ว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไร เพราะมันเป็นชีวิตของเธอ แต่ฉันต้องการให้เธอรู้ว่าฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอยังคงเป็นเธอและฉันรักเธอ” คำพูดนั้นเองทำให้เขาเปลี่ยนใจและพยายามจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้

    ด้วยพลังใจที่แข็งแกร่ง บวกกับความสามารถของทีมแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัดและเหนืออื่นใดคือด้วยการสนับสนุนอย่างอบอุ่นไม่เสื่อมคลายจากภรรยา คริสโตเฟอร์เริ่มฟื้นร่างกายขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นเดือนเศษๆ เขาย้ายจากโรงพยาบาลไปอยู่ศูนย์ฟื้นฟู ที่นั่นเขาต้องเผชิญกับภาวการณ์มากมาย ไม่ว่าการพยายามหายใจให้ได้ด้วยตัวเอง เพราะโดยปกติปอดคนเราต้องจุอากาศ 750 ซีซี ขณะที่คริสโตเฟอร์มีความจุปอด เมื่อเริ่มฝึกเป็น 0 แต่ยังโชคดีไขสันหลังส่วนตรงกระดูกสันหลังคอข้อที่ 1 และ 2 มิได้ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ทำให้เขายังมีกำลังเหลือในการยกกระบังลมขึ้นมาได้บ้าง เขาค่อยๆ ฝึกเช่นนี้จนลมเข้าสู่ปอดได้มากขึ้นเรื่อย จาก 50 ซีซีเป็น 450 เป็น 560 และสุดท้ายเขาก็หายใจเองได้ 30 นาที หลังจากอุบัติเหตุผ่านไปได้ครึ่งปี การหายใจเองทำให้เขาสามารถฝึกกลับมาพูดได้ใหม่ แม้จะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เพราะหลอดลมเคยถูกเจาะไปแล้ว

    และในปี 2539 เขาก็เริ่มออกงาน โดยการไปปรากฏตัวในงานมอบรางวัลตุ๊กตาทอง แล้วเขายังเดินสายปราศรัยภารกิจของฮอลิวูดในการสร้างภาพยนตร์เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับโลก เขาเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพการแข่งขันพาราลิมปิกที่แอตแลนตา จนนิตยสารไทม์นำรูปถ่ายของเขาไปขึ้นปก และในปีเดียวกันนั้น เขาเริ่มทำงานด้านภาพยนตร์เป็นผู้บรรยายเสียงเรื่อง Without Pity: A Film about Abilities นอกจากนี้เขายังได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานสมาคมคนอัมพาตอเมริกัน และรองประธานองค์การคนพิการแห่งชาติ รวมไปถึงจัดหาทุนเพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องความพิการอีกนับไม่ถ้วน และสร้างภาพยนตร์และแอนิเมชันที่เกี่ยวข้องกับความพิการหลายเรื่อง

    คริสโตเฟอร์ รีฟ เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวาย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2547 รวมอายุได้ 52 ปี ดานา ภรรยาของเขารับหน้าที่สืบสานเจตนารมณ์ต่อมา จนกระทั่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดและเสียชีวิตในอีกปีครึ่งถัดมา

    แม้ชายผู้นี้จะมีชีวิตวัยเยาว์ที่รุ่งโรจน์และเมื่อวันหนึ่งที่ชีวิตต้องพลิกผันกลายมาเป็นคนพิการ เขาก็ไม่ยอมจำนนต่อเหตุการณ์นั้น และต่อสู้จนสามารถอุทิศชีวิตเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติได้นานกว่า 9 ปี เพราะฉะนั้นคงไม่ผิดหากจะบอกว่าเขาคือบุคคลผู้ดำรงตนเป็นซูเปอร์แมนทั้งในจอและชีวิตจริง จวบจนวาระสุดท้าย

    เรื่อง : เด็กฝึกงานมือวางอันดับ 0

    เรียบเรียงจากหนังสือ 10 ชีวิต 10 แรงบันดาลใจ โดยนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน
    http://www.bluerollingdot.org/articles/inspiration/264
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    326699.jpg
    กรรมติดจรวด!สั่งเด้งกราวรูด16หน.ศูนย์ฯเอี่ยวโกงเงินคนจนจ่อสอบซ้ำวินัยร้ายแรง
    วันพุธ ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2561, 15.51 น.

    14 มี.ค.61 นางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและคนไร้ที่พึ่ง ว่า จากการที่ พส.ได้จัดทีมลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตเงินสงเคราะห์ฯ ของหน่วยงานในสังกัด พส.56 แห่ง พบผลการตรวจสอบแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

    1.กลุ่มที่ไม่พบการทุจริต ซึ่งสอดคล้องกับการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีจำนวน 4 แห่ง เป็นศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สมุทรสงคราม สิงห์บุรี ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช 2.กลุ่มที่อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ 31 แห่ง และ 3.กลุ่มที่ตรวจสอบพบมูลความผิด 21 แห่ง

    "ในจำนวนนี้ได้มีการสั่งย้ายหัวหน้าหน่วยงานออกจากพื้นที่มายังส่วนกลางแล้ว 16 แห่ง อาทิ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.บึงกาฬ สุราษฎรธานี พัทลุง ยะลา รวมถึงมีหัวหน้าหน่วยงานนิคมสร้างตนเองควนขนุน จ.พัทลุง นิคมฯ เทพา จ.สงขลา นิคมฯ ธารโต จ.ยะลา ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.เชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงได้ภายในสัปดาห์นี้ หรืออย่างช้าต้นสัปดาห์หน้า" นางนภา ระบุ

    ส่วนจังหวัดที่ชัดเจนและได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้ว คือ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น และ จ.เชียงใหม่ ในส่วนศูนย์ฯ จ.ขอนแก่น อยู่ระหว่างขยายเวลาให้ผู้ถูกกล่าวหานำข้อมูลหลักฐานมาหักล้าง คาดว่าภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้ จะทราบผลการพิจารณาฐานความผิด ส่วนที่ศูนย์ฯ จ.เชียงใหม่ ยังอยู่ระหว่างให้ผู้ถูกกล่าวหาส่งข้อมูลหลักฐานมาหักล้าง

    อย่างไรก็ตาม ในจำนวนหน่วยงานในสังกัดที่พบมูลความผิด เนื่องจากเป็นการดำเนินงานช่วงปีงบประมาณ 2560 พบ 2 แห่ง คือ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.สุราษฎรธานี และพัทลุง หัวหน้าหน่วยได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว และโครงการศูนย์หมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จ.เชียงใหม่ หัวหน้าหน่วยงานได้ลาออกไปแล้ว แต่ตามระเบียบราชการยังสามารถให้ต้นสังกัดดำเนินการสอบวินัยได้ภายในระยะเวลา 180 วัน ซึ่งขณะนี้ พส.ได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าตัวทราบแล้วว่าจะต้องถูกสอบวินัย

    นางนภา กล่าวอีกว่า พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พม.ได้ย้ำ พส.ถึงการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ทำงานควบคู่ไปกับ ป.ป.ท.ที่ตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าผิดหรือไม่ผิด และให้เกิดความรวดเร็วในการทำงาน ตนจึงได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการ ป.ป.ท.ขอความร่วมมือในการส่งข้อมูล หาก ป.ป.ท.ตรวจสอบพบพื้นที่ไหนอย่างไร ขอให้แจ้งมาที่ พส.ทันที เพื่อจะได้ทำงานคู่ขนานในการตรวจสอบได้รวดเร็วขึ้น หรือหาก ป.ป.ท.ตรวจสอบพบมูลความผิดที่ชัดเจน เมื่อส่งเรื่องมา พส.ก็จะสั่งย้ายผู้เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่และตั้งคณะกรรมการสอบวินัยทันที อย่างกรณีศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม หาก ป.ป.ท.พบมีมูลความผิดชัดเจนและส่งเรื่องมา ก็สามารถดำเนินการสั่งย้ายและสอบวินัยได้ทันที

    ส่วนกรณีก่อนหน้านี้ที่ พส.ระบุตรวจสอบไม่พบมูลความผิดของศูนย์ฯ จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.อ่างทอง ขัดแย้งกับที่ ป.ป.ท.ตรวจพบนั้น อาจเป็นเพราะการสุ่มตรวจกันคนละพื้นที่ แต่เมื่อ ป.ป.ท.ตรวจสอบพบ พส.ก็จะส่งทีมลงไปตรวจสอบซ้ำ

    http://www.naewna.com/local/326699/preview
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ญี่ปุ่น - จังหวัดฟุกุชิมะยังหวังจะส่งออกอาหารทะเลไปยังประเทศไทยมากขึ้น ถึงแม้จะเผชิญกับความกังวลของผู้บริโภคเรื่องการปนเปื้อนรังสี ทั้ง ๆ ที่ผลการตรวจสอบพบว่ามีความปลอดภัย

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    พม่า - รัฐบาลปฏิเสธรายงาน 2 ฉบับ ที่ถูกนำเสนอต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติว่าพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง และอาจเป็นการก่ออาชญากรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศในการปราบปรามชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่ม
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ญี่ปุ่น - นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ประกาศย้ำตนและภรรยาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อตกลงขายที่ดินของรัฐต่ำกว่าราคาตลาด ขณะที่ฝ่ายค้านยังคงรุมกดดันให้รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ทาโร อาโสะ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของ อาเบะ แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีอื้อฉาวนี้ด้วยการลาออก


    ญี่ปุ่น - แฉกระทรวงการคลังได้ลบชื่อของภริยานายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ออกจากเอกสารว่าด้วยการขายที่ดินของรัฐให้แก่คนสนิทของครอบครัวนายกฯ ซึ่งบ่งชี้ถึงความพยายามปกปิดพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดพบว่ากรณีอื้อฉาวนี้ส่งผลให้คะแนนนิยมของรัฐบาล อาเบะ ลดฮวบ
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    การประทุของภูเขาไฟชินโมดาเก๊ วันที่ 10 มีนาคม 2561

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วีดีโอแสดงพายุสุริยะทำให้เกิดแสงออโรร่า

     

แชร์หน้านี้

Loading...