ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (คลิปข่าว) ระบบอุปถัมภ์ในการปกครองคณะสงฆ์ ...ต้นตอทุจริต?
    เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV 23 เมษายน 2561 19:10

    ปัญหาการทุจริตงบอุดหนุนวัด นับตั้งแต่กรณี "เงินทอน" อันลือลั่น จากงบบูรณะปฏิสังขรณ์วัดปีละกว่า 500 ล้านบาท ลุกลามมาจนถึงการทุจริตงบอุดหนุนการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม ปีละกว่า 1,200 ล้านบาท และงบเผยแผ่พระพุทธศาสนา ปีละกว่า 600 ล้านบาทนั้น ทำให้เกิดคำถามสำคัญขึ้นในสังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมชาวพุทธว่า ต้นตอของปัญหาเกิดจากอะไรกันแน่


    640_ijhkd8bbb95bfb8jf67da.jpg

    ไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ในสภาปฏิรูปแห่งชาติ ชี้ว่า สาเหตุสำคัญมาจากรูปแบบการปกครองคณะสงฆ์ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ปี 2505 ที่รวมศูนย์อำนาจ ขาดการตรวจสอบถ่วงดุลที่ดี ทำให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

    640_bck7g8bbbbkigfkbhaadd.jpg

    ไพบูลย์ ยกตัวอย่างการตั้ง "เจ้าคณะภาค" เพื่อปกครองคณะสงฆ์ในส่วนภูมิภาค ปรากฏว่าการแต่งตั้งเป็นอำนาจของกรรมการมหาเถรสมาคม ทำให้มหาเถรฯเห็นชอบให้พระภิกษุในสายของตนเองไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค จะเห็นได้ว่ากรรมการ มส.หลายรูป ก็มีตำแหน่งเจ้าคณะภาคพ่วงอยู่ด้วย ขณะที่เจ้าคณะภาคเองก็มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะจังหวัดก็มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าคณะอำเภอ เรื่อยลงไปจนถึงเจ้าคณะตำบล จนกลายเป็นการผูกขาดอำนาจการปกครองสงฆ์ทั้งประเทศ

    ที่สำคัญที่สุดในความเห็นของไพบูลย์ ก็คือการที่กรรมการมหาเถรสมาคม ยังดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสเองด้วย ฉะนั้นเมื่อจะต้องออกกฎกติกาเพื่อควบคุมดูแลวัด อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่มีการเสนอให้ออกกฎ "ควบคุมบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด" ทางมหาเถรฯ ก็ไม่ขยับทำตามข้อเสนอ ทำให้สังคมข้องใจเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

    640_agc88ghkjgjj8d8jc9ib6.jpg

    ส่วนการแต่งตั้งเจ้าคณะปกครองระดับต่างๆ ก็ไม่มีการกำหนดคุณสมบัติที่ชัดเจน จึงมีการตั้งในลักษณะที่ถูกตั้งคำถามว่าเป็นการ "ตั้งตามอำเภอใจ" หรือไม่ เพราะเจ้าคณะภาคในภูมิภาคต่างๆ หลายๆ รูปก็เป็นพระในกรุงเทพฯ และเป็นเจ้าอาวาสวัดในกรุงเทพฯนี่เอง แต่กลับได้รับแต่งตั้งให้ไปปกครองคณะสงฆ์ในต่างจังหวัด

    ไพบูลย์ สรุปว่า รูปแบบการปกครองคณะสงฆ์แบบนี้ ทำให้เกิด "เครือข่ายอุปถัมป์ขนาดใหญ่" ซ้ำยังรวบอำนาจ ขาดกลไกตรวจสอบถ่วงดุล เปรียบเหมือนการตั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจไปเป็นรัฐมนตรีที่คุมรัฐวิสาหกิจนั้นเสียเอง แล้วรัฐมนตรีจะออกกติกาควบคุมรัฐวิสาหกิจแห่งนั้นหรือไม่

    640_6ikdh9bgfb9edkhj999c5.jpg

    ความเห็นของอดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาอย่างไพบูลย์ นิติตะวัน สอดคล้องกับทัศนะของ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" หรือ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ที่บอกว่า ปัจจุบันโครงสร้างการปกครองสงฆ์ที่มีมหาเถรสมาคมเป็นศูนย์กลางนั้น มีลักษณะรวมศูนย์อำนาจ ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ คือ ออกกฎระเบียบต่างๆ อำนาจบริหาร คืออำนาจการปกครองคณะสงฆ์ การแต่งตั้งพระภิกษุไปเป็นเจ้าคณะปกครอง และอำนาจตุลาการ คือพิจารณาตัดสินอธิกรณ์ของพระที่ถูกกล่าวหา

    640_588ic85k79ec65ki5666k.jpg

    แต่ไม่เฉพาะอำนาจของมหาเถรสมาคมเท่านั้นที่มีการรวมศูนย์ เพราะพระเถระที่ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรฯเอง ก็ยังกระจุกตัวอยู่เฉพาะวัดใหญ่ๆ ดังๆ ในกรุงเทพฯเท่านั้น อย่างวัดใหญ่บางวัด เป็นกรรมการมหาเถรฯถึง 3 รูปจาก 20 รูป ทั้งๆ ที่ทั่วประเทศไทยมีวัดเป็นแสนๆ วัด

    แนวทางการแก้ไขปัญหานี้ ทั้งหลวงปู่พุทธะอิสร และ ไพบูลย์ นิติตะวัน เห็นตรงกันว่า จะต้องแก้ไขพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ เพื่อรื้อโครงสร้างที่รวมศูนย์อำนาจและทำให้เกิดเครือข่ายอุปถัมภ์ขนาดใหญ่ในวงการผ้าเหลือง

    http://www.nationtv.tv/main/program/378620281/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (คลิปข่าว) ข่าวโกงเงินวัด... ปราบทุจริตหรือดิสเครดิตคณะสงฆ์?
    เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV 19 เมษายน 2561 19:25

    ข่าวใหญ่ส่งท้ายสงกรานต์ว่าด้วยการแจ้งความดำเนินคดีพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปจากวัดดังในกรุงเทพฯ 3 วัด โดยพระ 3 จาก 5 รูปเป็นพระราชาคณะ และยังเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมด้วย ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงเส้นทางการตรวจสอบทุจริตในวงการผ้าเหลือง เพราะกระแสข่าวจากบางฟากฝั่งก็มองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ "เล่นงาน" เฉพาะพระผู้ใหญ่จากบางขั้วบางปีกเท่านั้น โดยเฉพาะพระที่มีบทบาทสนับสนุนวัดพระธรรมกาย

    640_i8kee8ikbkehh58gbkbcc.jpg

    แต่ผู้บังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการ หรือผู้การ ปปป. ยืนยันกับล่าความจริงว่า การตรวจทุจริตหนนี้อยู่ใน "เฟส 3" ต่อเนื่องจาก 2 เฟสแรกที่มุ่งตรวจสอบ "เงินทอนวัด" จากงบอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัดเท่านั้น แต่เฟส 3 นี้ ได้ขยายผลไปถึงเงินอุดหนุนการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม และเงินอุดหนุนเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ที่มีการเบิกจ่ายรวมๆ แล้ว 2,300 ล้านบาทต่อปี โดยตรวจสอบย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ปี 2555 และพบว่าวัดดัง 3 แห่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยมีความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 70 ล้านบาท และยังเตรียมตรวจสอบเพิ่มเติมอีก 7 วัด

    แผนประทุษกรรมการทุจริตของงบแต่ละส่วนแต่ละก้อน มีพฤติการณ์แตกต่างกันไป โดยส่วนแรก งบอุดหนุนเพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัด / งบส่วนนี้ ข้าราชการในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะจัดส่งไปที่วัด โดยโอนเข้าบัญชีวัดหรือบัญชีเจ้าอาวาส จากนั้นก็จะมี "คนในเครือข่าย" ไปติดต่อเพื่อขอเงินคืน เรียกว่า "เงินทอน" โดยอ้างว่าต้องนำเงินไปพัฒนาวัดอื่นด้วย การตรวจสอบการทุจริตในส่วนนี้ ผ่านไปแล้ว 2 เฟส และวัด พระ และฆราวาส ตลอดจนอดีตข้าราชการระดับสูงในสำนักพุทธฯ เกี่ยวของเป็นจำนวนมาก

    ส่วนที่ 2 คืองบอุดหนุนการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม วิธีการทุจริตเริ่มจากสำนักพุทธฯ จัดงบอุดหนุนให้พระและฆราวาสที่สนใจศึกษาพระธรรมวินัย และหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนา โดยทางวัดจะเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรมขึ้นมา และแจ้งยอดผู้เรียนไปยังสำนักพุทธฯเพื่อเบิกงบอุดหนุน แต่ข้อมูลที่ตำรวจ ปปป.ตรวจพบ คือมีการแจ้งยอดผู้เรียนเกินจริง ขณะที่บางวัดไม่มีแม้แต่โรงเรียนพระปริยัติธรรมด้วยซ้ำ แต่กลับขอเบิกงบอุดหนุน

    ส่วนที่ 3 คืองบเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นการทุจริตในรูปแบบการจัดอบรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา แต่มีการจัดโครงการซ้ำซ้อน เพื่อเบิกเงินจำนวนมากขึ้น บางวัดมีการจัดอบรมและบรรยายในหัวข้อต่างๆ โดยเบิกค่าวิทยากรถึงชั่วโมงละ 30,000 บาท และยังมีการจัดโครงการเดินทางไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วย

    640_99e8cjcga8686fhhe8gbh.jpg

    แนวทางการทำคดีของตำรวจ ปปป. มุ่งไปที่ข้าราชการระดับต่างๆ ในสำนักพุทธฯเป็นหลัก เพราะการเบิกจ่ายงบแต่ละก้อนแต่ในแต่ละปี ตามระเบียบปฏิบัติแล้ว ทางวัดต้องเขียนโครงการเสนอไปยังสำนักพุทธฯ เพื่อของบประมาณ โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณา แล้วจึงอนุมัติงบลงมา แต่ที่ผ่านมาข้าราชการในสำนักพุทธฯ กลับเบิกจ่ายเงินให้กับวัดโดยตรง โดยไม่มีรายละเอียดการอนุมัติว่าให้นำเงินไปอุดหนุนในส่วนใด

    สอดคล้องกับข้อมูลเชิงลึกที่ "ล่าความจริง" ได้รับจากพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ที่บอกว่า ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา อดีตผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ จะใช้วิธีให้ลูกน้องติดต่อประสานงานมายังวัด เพื่อโอนงบประมาณให้โดยไม่ต้องทำเรื่องเสนอของบประมาณขึ้นไป จากนั้นก็ให้ "ไวยาวัจกร" บริหารจัดการเงินอุดหนุนกันเอง โดยแบ่งเป็น 6 ด้านตามกิจของสงฆ์ และแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา คือ ด้านการปกครอง ด้านการศาสนศึกษา ด้านการเผยแผ่ ด้านการสาธารณูปการ ด้านการศึกษาสงเคราะห์ และด้านการสาธารณสงเคราะห์ โดยรูปแบบการจ่ายเงิน จะจ่ายผ่านเช็คเงินสด เพื่อเข้าบัญชีของทางวัด

    640_5gkgcb6cb7g6gb85bc568.jpg

    จากข้อมูลชุดเดียวกันนี้ ในมุมมองของพระลูกวัดที่รู้เห็นปัญหา มองว่า การทุจริตที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับพระผู้ใหญ่ เพราะเงินไม่ได้ผ่านบัญชีพระ แต่เป็นการประสานงานกันระหว่างข้าราชการสำนักพุทธฯ กับไวยาวัจกร ฉะนั้นข่าวการทุจริตเงินอุดหนุนพระพุทธศาสนาในหมวดต่างๆ ที่ออกมาเป็นข่าวใหญ่ในช่วงนี้ จึงน่าเชื่อว่าเป็นการดิสเครดิตมหาเถรสมาคมและองค์กรปกครองคณะสงฆ์มากกว่า รวมทั้งเป็นการพยายามทำลายชื่อเสียงพระผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป และมีส่วนเชื่อมโยงกับความพยายามจัดการวัดพระธรรมกาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักพุทธฯ และตำรวจ ปปป.ไม่เคยมาตรวจสอบข้อมูลกับทางวัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับมีหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจได้

    ข้อมูลทางฝั่งสงฆ์ยังระบุด้วยว่า ไม่เพียงพระผู้ใหญ่จาก 3 วัดนี้เท่านั้นที่อยู่ในเป้าหมาย เพราะยังมีพระชั้นผู้ใหญ่ที่เข้าคิวถูกแจ้งความดำเนินคดีอีก 7 จังหวัด จึงน่าเชื่อว่านี่เป็นการพยายามทำลายองค์กรปกครองคณะสงฆ์มากกว่าการตรวจสอบทุจริตอย่างแท้จริง


    http://www.nationtv.tv/main/program/378619437/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "อัจฉริยะ" แฉปมทุจริต วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า
    เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV 23 เมษายน 2561 11:43

    หลังจากที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินหน้าตรวจสอบการทุจริตการจัดซื้อวัคซีนพิษสุนัขบ้าที่ไม่มีคุณภาพ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกันรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯก็ได้ตั้งกรรมการสอบ ประเด็นทุจริตการจัดซื้อวัคซีนพิษสุนัขบ้าและวัคซีนที่ไม่ได้คุณภาพ ให้ได้ผลสรุปภายใน 30 วัน ล่าสุดนายอัจฉริยะ เตรียมเคลื่อนไหวเรื่้องนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดโปงขบวนการทุจริตการจัดซื้อวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า

    1024_fdggk8h5d57keggb9dhf5.jpg


    640_b9jegghae865bbc7h7fkk.jpg


    640_7c6adjbj66iida6h8daa7.jpg

    http://www.nationtv.tv/main/content/378620188/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    "สมเด็จพระสังฆราช" ทรงห่วงคดีโกงเงินวัด
    เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV 23 มิถุนายน 2560 12:03

    นายรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยัน จะทำคดีโกงเงินวัด ให้ดีที่สุด ไม่ให้กระทบกระเทือนพระพุทธศาสนา หลังสมเด็จพระสังฆราช รับสั่งว่า ห่วงใย คดีที่เกิดขึ้น

    1024_898b7bhgg7gffjbk96i5a.jpg

    รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออมสิน ชีวะพฤกษ์ บอกว่า ได้ไปกราบสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งทรงมีรับสั่ง ว่า มีความเป็นห่วงเรื่อง จึงกราบทูลฯไปว่า ไปว่าได้ทำอะไรอย่างไรไปแล้ว โดยจะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ให้กระทบกระเทือนพระพุทธศาสนา ทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่อาจจะเกิดจากฝ่ายฆราวาส ผู้บริหารวัด
    และขณะนี้ กำลังขอสำนวน การสอบสวนสำนวนการทุจริตเงินอุดหนุบูรณปฏิสังขรณ์ 12 คดี จาก ป.ป.ช.มาดู ว่า มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของฆราวาส นอกจากนี้ยังมีอีก 60 คดีมี่เกี่ยวข้องกันด้วย มาตรวจสอบ

    http://www.nationtv.tv/main/content/378553502/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ระบบตรวจสอบไม่ทำงาน ...วิกฤติธรรมาภิบาลมหาลัย!
    เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV 23 เมษายน 2561 19:14

    เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว "ล่าความจริง" ได้นำเสนอรายงานพิเศษ เป็นสถานการณ์ภาพรวมการตรวจสอบทุจริตและข้อร้องเรียนต่างๆ ที่เกี่ยวกับ "ธรรมาภิบาลในรั้วมหาวิทยาลัย" เรื่องนี้เป็นหนึ่งในวิกฤติของระบบการศึกษาไทยจริงๆ ถึงขนาดที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ต้องใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 39/2559 เข้าไปจัดการปัญหา แต่ผ่านมาร่วม 2 ปี / ปัญหาก็ยังอยู่ที่เดิม

    640_eh8i9jgjeid9g9ceb65d8.jpg

    เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว "ล่าความจริง" ได้นำเสนอรายงานพิเศษ สรุปบทเรียนของ คณะอนุกรรมาธิการศึกษาและเสนอแนะมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่จัดทำเป็นรายงานเสนอนายกรัฐมนตรี พบว่ามี 3 ปัจจัยหลักๆ ที่เอื้อให้การแก้ไขปัญหาธรรมาภิบาลในสถาบันอุดมศึกษาไม่ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย

    640_hd7ah98bbab95hbb5ieba.jpg

    หนึ่ง การที่มหาวิทยาลัยของรัฐมีกฎหมายเป็นของตัวเอง ซึ่งแม้จะทำให้การบริหารงานคล่องตัว แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการ "เปิดช่อง" ให้ผู้ที่ยึดกุมอำนาจการบริหาร สามารถเอื้อประโยชน์กับฝ่ายกำกับตรวจสอบ ทำให้เกิดการสมรู้ร่วมคิดกัน เรียกว่า "สภาเกาหลัง"

    640_if5jj7cb8gghage7cbeaa.jpg

    สอง การที่ฝ่ายบริหาร และฝ่ายกำกับควบคุม อยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนาน อย่างเช่น อธิการบดี และนายกสภามหาวิทยาลัยหลายๆ แห่ง บางคนอยู่ในตำแหน่งมานานถึง 20 ปี จนสร้างอิทธิพลครอบงำสถาบัน

    640_jdhi5k87j6c6gababa7fh.jpg

    และสาม ปัญหาขององค์กรตรวจสอบเอง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ , ป.ป.ท. , ป.ป.ช. หรือแม้แต่ สตง. มีขั้นตอนการไต่สวนข้อมูลข้อเท็จจริงยาวมาก จึงใช้เวลาตรวจสอบนาน ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีทั้งเงินและอำนาจ สามารถเตะถ่วงกระบวนการตรวจสอบ หรือยื้อเรื่องจนขาดอายุความได้ บางกรณีกว่าจะชี้มูล ผู้ถูกกล่าวหาก็พ้นจากตำแหน่ง หรือหมดวาระไปแล้ว

    จะเห็นได้ว่า ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ ปัจจัยที่ก่อปัญหามากที่สุด ก็คือกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลในมหาวิทยาลัยเองที่พิกลพิการ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้จริง แต่กลับเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันแทน ซึ่ง "ล่าความจริง" มีตัวอย่างมานำเสนอให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

    640_b85da5ececa7jgfgbb85c.jpg

    นี่คือหนังสือตอบจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในภาคเหนือ กล่าวหาว่าผู้บริหารของมหาวิทยาลัยบางคน นำทรัพย์สินของทางราชการไปใช้ส่วนตัว คือการทอดผ้าป่าเสริมบารมีตัวเอง ฝ่ายผู้บริหารมหาวิทยาลัยอ้างว่า ป.ป.ช.ตรวจสอบแล้วสรุปว่าไม่มีมูลเพียงพอ จึงส่งเรื่องกลับไปให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบ จากนั้นสภามหาวิทยาลัยก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และลงความเห็นว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล นี่คือข้ออ้างของฝ่ายผู้บริหารมหาวิทยาลัย

    แต่คุณผู้ชมลองดูเอกสารที่ ป.ป.ช.ทำถึงมหาวิทยาลัย ใช้คำว่า "ป.ป.ช.มีมติให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ดำเนินการทางวินัยหรือดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา" คำถามก็คือ ถ้อยคำแบบนี้ ป.ป.ช.เขาชี้ว่าข้อกล่าวหามีมูล หรือไม่มีมูลกันแน่

    มหาวิทยาลัยชื่อดังอีกแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ถูกคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ คตง. ชี้มูลความผิดในโครงการเดินทางไป "ทัวร์ต่างประเทศ" โดยอ้างว่าเป็น "การศึกษาดูงาน" แต่ไม่ได้ไปดูงานจริง เพราะใช้ชื่อว่า "ทัวร์ยุโรปเมืองโรแมนติกในฝัน" ใช้งบประมาณสูงถึง 6 ล้านบาทเศษ มีผู้บริหาร กรรมการสภามหาวิทยาลัย และอาจารย์ร่วมคณะถึง 40 คน แถมยังไม่มีการประกวดราคาตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งๆ ที่มูลค่าโครงการสูงถึง 6 ล้านบาท

    กรณีนี้ คตง.ชี้มูลตั้งแต่ปีที่แล้ว ให้ถอดถอนผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดทัวร์ แต่จนถึงป่านนี้ สภามหาวิทยาลัยก็ยังไม่มีมติให้ถอดถอน แถมยังเสนอเรื่องขอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิการบดี ซึ่งเป็นคนที่ถูก คตง.ชี้มูลด้วย จนมีหนังสือตีกลับจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ สกอ. แต่ทางสภามหาวิทยาลัยก็ไม่ขยับทำอะไรต่อ

    ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะมหาวิทยาลัยในต่างจังหวัด แต่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯก็ยังมีปัญหาคล้ายๆ กัน อย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนฯ ที่สร้างอาคารสูง 15 ชั้่นมานานกว่า 10 ปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ จนถูกขนานนามว่า "มหาวิทยาลัยตึกร้าง" ปรากฏว่ามีคณาจารย์ทำเรื่องร้องเรียนปัญหาการทุจริตและความไร้ธรรมาภิบาลของผู้บริหารมหาวิทยาลัยไปยังองค์กรตรวจสอบต่างๆ ถึง 9 เรื่อง แต่ผ่านมาหลายปี กลับไม่มีอะไรคืบหน้า

    นี่คือเอกสารสรุปที่กลุ่มคณาจารย์ทำถึงองค์กรตรวจสอบต่างๆ ทั้ง สตง. และ ป.ป.ช. ซึ่งล้วนเป็นเรื่องเก่าที่เคยร้องเรียนเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งสิ้น เช่น กรณีการก่อสร้างอาคารเรียนสูง 15 ชั้น ซึ่งสร้างมานานกว่า 1 ทศวรรษแล้วยังไม่เสร็จเสียที มีการบอกเลิกสัญญากับผู้รับเหมาไปแล้ว 2 ราย แถมยังมีการของบประมาณเพิ่มเพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ทั้งๆ ที่อาคารยังสร้างไม่เสร็จอีกด้วย

    อีกกรณีหนึ่ง คือการทำหลักฐานเท็จเบิกจ่ายงบจัดสัมมนาของมหาวิทยาลัย โดยใช้ชื่อนักเรียนโรงเรียนในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นเอกสารทั่วไปในอินเทอร์เน็ต มาแอบอ้างเป็นผู้เข้าร่วมการสัมนา บางคนเสียชีวิตไปแล้วก็มี แต่กลับมีชื่อมาร่วมสัมมนา แม้กรณีนี้มหาวิทยาลัยจะตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่ปรากฏว่าผลการสอบสวนให้ลงโทษแค่ตักเตือน ภายหลังมีผู้นำเรื่องไปร้องต่อ ป.ป.ช. และ ป.ป.ช.ส่งหนังสือเร่งรัดให้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด จึงเพิ่งมีการส่งนิติกรไปแจ้งความ

    นอกจากนั้นยังมีกรณีการรื้อถนนในมหาวิทยาลัยที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จไม่นาน เพื่อของบประมาณก้อนใหม่ รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการนิทรรศการถวายความอาลัย ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีลักษณะของการจัดซื้อจัดจ้างในราคาสูงเกินจริง โดยเฉพาะป้ายไวนิล และสติ๊กเกอร์ติดบอร์ดเรื่องทั้งหมดนี้มีการร้องเรียนไปยังองค์กรตรวจสอบต่างๆ แต่กลับพบปัญหากระบวนการไต่สวนล่าช้า หรือบางกรณีแม้ไม่ล่าช้า แต่เมื่อมีการชี้มูลความผิดจากองค์กรตรวจสอบ แล้วส่งเรื่องกลับมายังมหาวิทยาลัย ปรากฏว่าไม่มีการดำเนินการใดๆ แถมเก็บเรื่องเงียบไว้ในลิ้นชัก

    นี่คือปัญหาธรรมาภิบาลในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งการตรวจสอบไม่มีความคืบหน้า แถมยังมีการกลั่นแกล้งกลุ่มอาจารย์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอีกด้วย ดังที่เอกสารสรุปข้อร้องเรียนฉบับนี้เขียนไว้ในย่อหน้าสุดท้ายที่ว่า การตรวจสอบทุจริตในสถาบันอุดมศึกษา เหมือนไม่สามารถเอาผิดใครได้ นี่จึงเป็นโจทย์ข้อใหญ่อีกข้อหนึ่งของ คสช. ในฐานะที่เคยประกาศว่าเป็นรัฐบาลปราบโกง ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร

    http://www.nationtv.tv/main/program/378620330/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไต้หวันเตรียมจัดซ้อมรบขับไล่ “การรุกราน” ขณะตึงเครียดกับจีน
    เผยแพร่: 24 เม.ย. 2561 13:05: โดย: MGR Online
    561000004205001.jpg

    รอยเตอร์ – ไต้หวันจะจำลองการขับไล่กองกำลังผู้รุกราน การซ่อมแซมฐานทัพอากาศฉุกเฉิน และการใช้โดรนพลเรือนในฐานะส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมทางทหารในสัปดาห์หน้า กระทรวงกลาโหม ระบุในวันนี้ (24) ท่ามกลางความตึงเครียดมากขึ้นกับจีน

    ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา จีนยกระดับการฝึกซ้อมทางทหารรอบไต้หวันที่ปกครองตนเองด้วยระบอบประชาธิปไตย รวมถึงส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินทางทหารอื่นๆ บินรอบเกาะแห่งนี้

    จีนอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของพวกเขา และความเป็นปฏิปักษ์ต่อเกาะแห่งนี้เพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ประธานาธิบดี ไช่อิงเหวิน จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่ฝักใฝ่เอกราชชนะการเลือกตั้งในปี 2016

    จีนออกคำเตือนต่อไต้หวันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้เคารพกฎเกณฑ์ดังกล่าว ในขณะที่ไช่รับปากว่าจะคงไว้ซึ่งสถานะเดิมและรักษาสันติภาพ

    การซ้อมรบฮานกวงประจำปีของไต้หวันซึ่งเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าด้วยการฝึกซ้อมของกองบัญชาการโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยเหลือ ไม่ได้เอ่ยถึงจีนอย่างเปิดเผย แต่ใช้คำว่า “กองกำลังผู้รุกรานไต้หวัน” แทน

    ส่วนสำคัญของการซ้อมรบครั้งนี้จะเป็นการฝึกซ้อมภาคสนามด้วยกระสุนจริงตั้งแต่วันที่ 4-8 มิถุนายน รวมถึง “การกำจัดศัตรูบริเวณชายหาด” กระทรวงฯ ระบุ
    561000004205002.jpg
    “ทรัพยากรพลเรือนก็จะถูกรวมอยู่ในการฝึกซ้อมนี้ด้วยเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการทางทหาร” กระทรวงฯ ระบุเสริม

    บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ จะเสนอความช่วยเหลือด้วยโดรนเพื่อกำหนดเป้าหมายและทำการตรวจตราในสมรภูมิ และบรรดาบริษัทก่อสร้างจะช่วยเหลือด้วยการซ่อมแซมรันเวย์ฉุกเฉินของฐานทัพอากาศชิงฉวนกังในตอนกลางของไต้หวัน กระทรวงฯ กล่าว

    กองบัญชาการการสู้รบทางอากาศจะออกคำเตือนการจู่โจมทางอากาศด้วย “ระบบเตือนภัยทางอากาศ” ในระหว่างการซ้อมป้องกันภัยทางอากาศ และหน่วยยามชายแดนจะเข้าร่วมการฝึกซ้อมกับกองทัพเรือ กระทรวงฯ ระบุเสริม

    ไต้หวันใช้ยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด และกำลังกดดันให้วอชิงตันขายอาวุธขั้นสูงกว่านี้ให้กับพวกเขารวมถึงเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถต้านทานเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ได้มากขึ้น

    ผู้เชี่ยวชาญทางทหาร ระบุว่า สมดุลอำนาจระหว่างไต้หวันและจีนเอนเอียงไปในทิศทางของจีนอย่างชัดเจน และจีนอาจเข้าครอบงำเกาะแห่งนี้หากกองกำลังสหรัฐฯไม่ให้ความช่วยเหลือแก่ไต้หวันโดยเร็ว

    สหรัฐฯมีข้อผูกมัดทางกฎหมายที่จะต้องให้ความช่วยเหลือไต้หวันในการป้องกันตนเอง แต่มันไม่แน่ชัดว่าวอชิงตันจะต้องการถูกดึงเข้าสู่สิ่งที่อาจจะกลายเป็นสงครามทำลายล้างกับจีนเพราะเกาะแห่งนี้หรือไม่

    https://mgronline.com/around/detail/9610000040332
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    InPics:“ปธน.มาครง” เดินทางถึงสหรัฐฯแล้ว หวังกล่อมทรัมป์ให้เปลี่ยนใจไม่ล้ม “ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน”
    เผยแพร่: 24 เม.ย. 2561 13:01: โดย: MGR Online
    561000004199201.jpg

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(23 เม.ย) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครง และสุภาพสตรีหมายเลข 1 ฝรั่งเศส บริจิตต์ (Brigitte) เดินทางมาถึงสหรัฐฯ ในระหว่างการเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความแตกต่างระหว่างมาครงและผู้นำสหรัฐฯ ตั้งแต่นโยบายทางการค้าไปจนถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่ฝรั่งเศสได้ร่วมลงนาม มีการคาดหวังว่าผู้นำแดนน้ำหอมจะสามารถเปลี่ยนใจประธานาธิบดีสหรัฐฯได้สำเร็จไม่ให้ถอนสหรัฐฯออกมา

    รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(23 เม.ย)ว่า ในขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครง มุ่งหน้ามาสหรัฐฯ เตหะรานออกมาเรียกร้องให้ผู้นำชาติยุโรปให้เข้ามาแทรกแซง ไม่ให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทำลายข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านและอีก 6 ชาติผู้นำนปี 2015 ทิ้ง

    ซึ่งในวันอาทิตย์(22) มาครงกล่าวถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านว่า “ไม่มีแผนบี” สำหรับข้อตกลงที่ว่านี้ และยังกล่าวไปถึงแผนช่วยชีวิตเร่งด่วนที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า แผนปฎิบัติการร่วมอย่างครอบคลุม JCPOA (Joint Comprehensive Plan of Action) ที่ผู้นำสหรัฐฯก่อนหน้าประกาศว่า เขาจะยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 หากว่าพันธมิตรชาติตะวันตกยังไม่แก้ไขข้อผิดพลาดของข้อตกลงนี้ได้ทันภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้

    “การมาเยือนครั้งนี้สำคัญมาก ในสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเรา ที่มีความไม่แน่นอนอยู่สูง ปัญหา และภัยคุกคามที่มาตามกำหนดเวลา” มาครงกล่าวในขณะเดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี

    ในขณะเดียวกันรัฐมตรีต่างประเทศอิหร่าน โมฮัมเหม็ด จาวาด ซารีฟ(Mohammad Javad Zarif ) กล่าวเรียกร้องให้บรรดาผู้นำชาติยุโรปให้ออกมาแทรกแซงเพื่อปกป้องข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยเขากล่าวผ่านแถลงการณ์บนทวิตเตอร์ว่า

    “มันจะต้องทั้งหมดหรือไม่ก็ศูนย์ไปเลย ผู้นำชาติยุโรปสมควรต้องหว่านล้อมทรัมป์ว่า แม่แค่เพียงที่จะต้องยังคงอยู่ในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านต่อไป แต่ต้องทำให้เกิดขึ้นในส่วนข้อตลกลงของเขาด้วยความคิดในแง่บวก”

    รอยเตอร์ชี้ว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านปี 2015 ถูกลงนามรับรองโดย 6 ชาติผู้นำที่ต่างมีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครองยกเว้นเยอรมัน โดยเตหะรานยอมที่จะต้องจำกัดการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์เพื่อแลกเปลี่ยนการลดการถูกคว่ำบาตร

    อย่างไรก็ตาม ไม่กี่นานทีหลังเครื่องบินของผู้นำฝรั่งเศสและสุภาพสตรีหมายเลข 1 ฝรั่งเศส บริจิตต์(Brigitte) แตะพื้นท่าอากาศยานในสหรัฐฯ โฆษกทำเนียบขาว ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส ประกาศว่า จะไม่มีการประกาศถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และเสริมต่อว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า เขาคิดว่าข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงที่เลวร้าย ซึ่งความแน่นอนนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง”

    แต่ทว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ 1 วันก่อนเดินทางถึงสหรัฐฯว่า เป็นการดีกว่าที่สมควรต้องปกป้องข้อตกลงนี้มากกว่าที่จะฉีกทิ้งไป

    “นี่ถือเป็นข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบ และแผนปฎิบัติร่วมอย่างครอบคลุม JCPOA นี้ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความสำพันธ์ของเรากับอิหร่านหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่” แต่สำหรับอาวุธนิวเคลียร์แล้ว คุณมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้วหรือ แต่ผมไม่เห็นว่าจะมี” ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุแอล มาครงกล่าว

    รอยเตอร์ชี้ว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทรัมป์จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับการเยือนของผู้นำฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในปี 2017 ซึ่งสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ เมลาเนีย ทรัมป์ จะเป็นแม่งานจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับมาครงและภรรยาอย่างเป็นทางการด้วยตำหรับอาหารสุดพิเศษของเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ซึ่งก่อตั้งโดยชาวฝรั่งเศสเมื่อยุคอเมริกาสร้างชาติ

    อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ ทำเนียบขาวแถลงถึงเมนูกาล่าดินเนอร์ต้อนรับมาครงในคืนวันอังคาร(24) ประกอบไปด้วย แกะฤดูใบไม้ผลิและแจมบาลายา( jambalaya) ข้าวทองมหัศจรรย์รัฐแคโลไรนา ที่ได้รับการปรุงด้วยกรรมวิธีดั้งเดิมตามแบบนิวออร์ลีนส์โบราณอย่างเคร่งครัด และเติมแต่งรสชาติด้วยวัฒนธรรมการกินของชาวลุยเซียนาที่เรียกว่า สไตล์เคจุน (Cajun)หรือ อาคาเดียน Acadian) ซึ่งถูกเรียกตามชื่อของกลุ่มชนชาวฝรั่งเศสโบราณที่เข้ามาตั้งรกรากในรัฐลุยเซียนานเวลานั้น ซึ่งต้องใช้ทั้งเซเลอรี พริกไทย และหัวหอมและตามด้วยสมุนไพรจากสวนด้านทิศใต้ของทำเนียบขาวที่ริเริ่มในสมัยของอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 มิเชล โอบามา

    ซึ่งตามธรรมเนียมการเลี้ยงต้อนรับอาหารค่ำอย่างเป็นทางการแล้ว จะไม่มีการเชิญตัวแทนจากพรรคฝ่ายตรงข้ามร่วมเด็ดขาด แต่ทว่าในครั้งนี้ ผู้นำสหรัฐฯได้เชิญผู้ว่าการรัฐลุยเซียนาจากพรรคเดโมแครตเข้าร่วม แต่สื่อมวลชนถูกสังห้ามร่วมงานโดยเด็ดขาด อ้างอิงจากสถานีโทรทัศน์ MSNBC

    รอยเตอร์ชี้ว่า ในทันทีที่ผู้นำฝรั่งเศสและภริยามาถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี แล้ว คนทั้งคู่ได้ถือโอกาสเดินเล่นตามถนนสายต่างๆในกรุงวอชิงตัน ดีซี รวมไปถึงได้เดินผ่านด้านหน้าทำเนียบขาว และทำการทักทายบรรดานักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเอง

    สื่อสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า การมาเยือนสหรัฐฯครั้งนี้มาครงไม่ได้มามือเปล่า แต่นำต้นโอ๊กที่มีอายุราว 10 ปีมาจากสมรภูมิรบในฝรั่งเศส โบโล วูดส์(Belleau Woods) หนึ่งในสมรภูมิรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีทหารสหรัฐฯจำนวน 9,000 นายต้องสละชีวิต เพื่อมาปลูกเป็นสัญลักษณ์ในมิตรภาพของทั้ง 2 ชาติภายในทำเนียบขาวที่มีข่าวว่าสุภาพสตรีหมายเลข 1 สหรัฐฯ นางทรัมป์ชื่นชอบในของขวัญชิ้นนี้มาก ซึ่งผู้นำทั้ง 2 ชาติเป็นผู้ลงมือขุดดินด้วยต้นเองเพื่อนำต้นโอ๊กที่ไร้ใบนี้ลงหลุมเพื่อปลูกภายในทำเนียบขาว


    561000004199202.jpg


    561000004199203.jpg


    561000004199204.jpg


    561000004199205.jpg


    561000004199206.jpg


    561000004199207.jpg


    561000004199208.jpg


    561000004199209.jpg


    561000004199210.jpg


    561000004199211.jpg


    561000004199212.jpg


    561000004199213.jpg


    561000004199214.jpg


    561000004199215.jpg


    561000004199216.jpg


    https://mgronline.com/around/detail/9610000040328
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “จอร์จ บุช” ผู้พ่อล้มป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด หลังพิธีศพภริยา “บาร์บารา บุช” เผยแพร่: 24 เม.ย. 2561 11:33: โดย: MGR Online
    561000004202801.jpg

    จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 41 (แฟ้มภาพ)
    รอยเตอร์ - อดีตประธานาธิบดี จอร์จ เอช. ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐฯ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดเมื่อวันอาทิตย์ (22 เม.ย.) หรือเพียง 1 วันหลังพิธีศพของนาง บาร์บารา บุช ภริยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานถึง 73 ปี

    จิม แมคกราธ โฆษกของครอบครัวบุช แถลงเมื่อวันจันทร์ (23) ว่า บุช ในวัย 93 ปี ถูกนำส่งโรงพยาบาล ฮิวส์ตัน เมโธดิสต์ ในวันอาทิตย์ (22) หลังเสร็จสิ้นพิธีฝังศพภริยาที่โบสถ์ เซนต์ มาร์ติน (St. Martin’s Episcopal Church) เมื่อวันเสาร์ (18)

    “ท่านตอบสนองต่อการรักษา และดูเหมือนจะมีอาการดีขึ้น” แมคกราธ ระบุ

    บุช ซึ่งเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 41 ในช่วงปี 1989-1993 และยังเป็นอดีตประธานาธิบดีที่อายุยืนยาวที่สุด เคยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งเดียวกันนี้เมื่อ 1 ปีก่อนด้วยอาการไอ ซึ่งต่อมาแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นสัญญาณของโรคปอดบวมอย่างอ่อนๆ

    เขาเป็นบิดาของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช ซึ่งดำรงตำแหน่ง 2 สมัยในช่วงปี 2001-2009 ส่วนบุตรชายคนรอง เจบ บุช นั้นเป็นอดีต ส.ว.รัฐฟลอริดาที่พลาดหวังจากการชิงตำแหน่งผู้แทนพรรครีพับลิกันในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016

    ระหว่างที่อ่านถ้อยคำไว้อาลัยแก่มารดาเมื่อวันเสาร์ (21) เจบ บุช ระบุว่า บิดาจะเขียนจดหมาย 1 ฉบับส่งถึงแม่ในวันครบรอบแต่งงานทุกปี และได้นำจดหมายที่ บุช เขียนเมื่อปี 1994 หรือ 1 ปีหลังจากที่เขาพ้นตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ออกมาอ่านให้ผู้ร่วมพิธีได้ฟัง

    “วันนั้นในปี 1945 ผมมีความสุขมาก แต่วันนี้มีความสุขยิ่งกว่า... คุณได้มอบความสุขแก่ผมซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายน้อยคนจะได้รับรู้ ผมอาจจะเคยปีนภูเขาสูงที่สุดในโลกมาแล้ว แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับการได้เป็นสามีของ บาร์บารา” ข้อความในจดหมายระบุ

    แมคกราธ เผยด้วยว่า บุช ผู้พ่อเลือกสวมถุงเท้าลายหนังสือไปร่วมงานศพภริยา เพื่อยกย่องงานของเธอซึ่งมุ่งส่งเสริมให้ชาวอเมริกันอ่านออกเขียนได้

    561000004202802.jpg


    561000004202803.jpg


    https://mgronline.com/around/detail/9610000040289
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แนชวิลล์ไล่ล่า'มือปืนนู้ด'ยิงเหยื่อ4ศพ เผยประวัติเคยพกปืน4กระบอกดักรอทรัมป์ เผยแพร่: 23 เม.ย. 2561 21:49: โดย: MGR Online
    561000004191001.jpg

    เจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนไรเฟิลจู่โจมกราดยิงที่ร้าน “วาฟเฟิล เฮาส์” ในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี เมือวันอาทิตย์ (22 เม.ย.) ซึ่งมีผู้ถูกสังหารไป 4 คน บาดเจ็บสาหัส 2 คน ก่อนที่จะมีลูกค้ารายหนึ่งเป็น “ฮีโร่” แย่งปืนจากมือคนร้ายได้สำเร็จ

    เอเจนซีส์ – ตำรวจระบุชื่อมือปืนชายเปลือยใส่แจ๊กเก็ตตัวเดียว ที่ใช้ไรเฟิลจู่โจมบุกยิงคนเสียชีวิตที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี เมื่อวันอาทิตย์ (22 เม.ย.)) แล้ว และกำลังเร่งติดตามจับกุม โดยมีรายงานว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกจับเมื่อปีที่แล้วพร้อมอาวุธปืนขณะไปด้อมๆ มองๆ ดักรอประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเขตหวงห้ามใกล้ทำเนียบขาว ขณะเดียวกัน ทางด้าน “ฮีโร่” ที่แย่งปืนจากคนร้ายในเหตุการณ์นี้เปิดอกที่ทำไปเพราะยังอยากมีชีวิตอยู่เท่านั้น

    สำนักงานตำรวจนครบาลแนชวิลล์ บอกว่า ได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัยรายนี้ที่ชื่อว่า แทรวิส เรนคิง วัย 29 ปี แล้วในข้อหาฆ่าคนตาย และเสริมว่า มือปืนรายนี้อาจมีปัญหาทางจิต

    ดอน แอรอน โฆษกสำนักงานตำรวจแนชวิลล์แถลงเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ว่า เรนคิง ซึ่งเป็นชาวเมืองมอร์ตัน รัฐอิลลินอยส์ อาศัยอยู่ใกล้ร้านอาหาร “วาฟเฟิลเฮาส์” ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุและพบรถของเขาจอดทิ้งอยู่

    ตำรวจคาดว่า เรนคิงวิ่งหนีไปที่อพาร์ตเมนต์ คว้ากางเกงใส่ก่อนหนีไป โดยมีผู้แจ้งว่า พบชายไม่สวมเสื้อและรองเท้าในป่าละแวกนั้น

    เหตุการณ์ระทึกขวัญนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาก่อน 3.30 น. วันอาทิตย์เล็กน้อย โดยมือปืนที่สวมแจ็คเก็ตสีเขียวตัวเดียวและท่อนล่างเปลือยเปล่า ยิงใส่เหยื่อ 2 คนเสียชีวิตในบริเวณที่จอดรถของร้านวาฟเฟิลเฮาส์ที่ตั้งอยู่ในย่านแอนติอ็อกทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแนชวิลล์

    จากนั้นมือปืนบุกเข้าไปกราดยิงในร้าน ทำให้ลูกค้าคนหนึ่งเสียชีวิตทันทีและอีกคนได้รับบาดเจ็บแล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน

    561000004191002.jpg

    เจมส์ ชอว์ (ซ้าย) ชายวัย 29 ปีที่เป็นลูกค้าคนหนึ่งในร้านอาหาร “วาฟเฟล เฮาส์” ได้รับยกย่องเป็น “ฮีโร่” จากการที่เขาโดดแย่งปืนไรเฟิลจู่โจมจากคนร้าย แต่ตัวเขาเองบอกอย่างถ่อมตนว่าที่ทำไปเพียงเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น สำหรับเหตุผลที่เขาไม่ได้ไล่ตามภายหลังคนร้ายหลบหนี ก็เพราะไม่แน่ใจว่าคนร้ายยังมีปืนซุกซ่อนอยู่อีกหรือไม่

    เจมส์ ชอว์ วัย 29 ปี ที่อยู่ในร้านดังกล่าวขณะเกิดเหตุและหลบอยู่ใกล้ห้องน้ำ ตัดสินใจฉวยจังหวะที่มือปืนกำลังบรรจุกระสุนใหม่หรืออาจเป็นไปได้ว่ากระสุนค้างในลำกล้อง พุ่งเข้าใส่และใช้บานประตูหมุนกระแทก และต่อสู้กระทั่งแย่งปืนจากคนร้ายสำเร็จ โดยที่ชอว์กล่าวเปิดใจระหว่างแถลงข่าวในเวลาต่อมาว่า ความคิดขณะนั้นคือเขายังอยากมีชีวิตอยู่ และที่ทำแบบนั้นก็เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น ส่วนที่ไม่ได้วิ่งตามไปก็เพราะกลัวว่า มือปืนอาจมีปืนซุกซ่อนอยู่อีก

    ชอว์ ซึ่งได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษที่ช่วยปกป้องชีวิตคนอีกหลายคน ไม่ได้รับบาดเจ็บที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตใดๆ นอกจากบาดเจ็บที่ข้อศอก นอกจากนั้นยังมีลูกค้าบางคนถูกแก้วแตกบาดที่หน้า

    ตำรวจเสริมว่า ขณะหนี มือปืนได้ถอดแจ็คเก็ตทิ้งไว้ ซึ่งพบกระสุนจำนวนหนึ่งในกระเป๋า นอกจากนั้นยังพบปืนไรเฟิลจู่โจมแบบเออาร์-15 และอาวุธอื่นในอพาร์ตเมนต์ของมือปืนผู้นี้ รวมทั้งสงสัยว่า เขาอาจมีปืนอีกสองกระบอกติดตัวอยู่และยังคงถือว่าเป็นบุคคลอันตราย

    561000004191003.jpg

    แทรวิส เรนคิง วัย 29 ปี ซึ่งกำลังตำรวจตามล่าในฐานะผู้ต้องสงสัยเป็นมือปืนชายเปลือย

    เจ้าหน้าที่เผยว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เรนคิงเคยถูกเจ้าหน้าที่อารักขาบุคคลสำคัญ (ซีเคร็ต เซอร์วิส) จับกุมได้ในเขตหวงห้ามใกล้ทำเนียบขาว พร้อมอาวุธปืนทั้ง 4 กระบอกดังกล่าว ซึ่งรวมถึงไรเฟิลจู่โจมและปืนสั้น ซึ่งตามรายงานระบุว่า เขาไปที่นั่นเพราะหวังว่า จะได้พบประธานาธิบดีทรัมป์

    หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ส่งอาวุธทั้งหมดคืนให้พ่อของเรนคิงที่บ้านในเทศมณฑลเทซเวลล์ รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งต่อมา ผู้เป็นพ่อได้คืนปืนให้ลูกชาย

    ตำรวจยังให้ข้อมูลอีกว่า เรนคิงย้ายไปยังแนชวิลล์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่แล้ว และทำงานก่อสร้าง แต่เพิ่งถูกไล่ออกเมื่อสามสัปดาห์ก่อน และสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งออกจากอีกงานหนึ่งหลังจากทำได้แค่วันเดียว

    สตีฟ แอนเดอร์สัน ผู้บัญชาการตำรวจแนชวิลล์เผยว่า ตำรวจกำลังตรวจค้นพื้นที่อย่างละเอียดเพื่อไล่ล่ามือปืนรายนี้

    ย่านแอนติอ็อกเคยเกิดเหตุสังหารหมู่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยมือปืนสวมหน้ากากวัย 25 ปี ยิงผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตหน้าโบสถ์เบอร์เน็ตต์ ชาเปล เชิร์ช ออฟ ไครสต์ ก่อนบุกเข้าไปกราดยิงในโบสถ์ ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 6 คนระหว่างการทำพิธีในวันอาทิตย์

    ขณะเดียวกัน กระแสเรียกร้องให้ควบคุมการขายปืนในอเมริกาดังขึ้นเรื่อยๆ นับจากเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมที่ฟลอริดาเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่มีผู้เสียชีวิตถึง 17 คน และเป็นที่มาของกลุ่มเคลื่อนไหวของเยาวชน

    เดวิด บริเลย์ นายกเทศมนตรีแนชวิลล์ กล่าวว่า โศกนาฏกรรมแบบที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นการกราดยิงครั้งที่ 2 ในรอบ 7 เดือนในแนชวิลล์ ต้องไม่เกิดขึ้นอีก พร้อมเรียกร้องการปฏิรูปการควบคุมอาวุธปืนที่ครอบคลุมมากขึ้น และป้องกันไม่ให้มีการใช้อาวุธสงครามบนถนน

    ทั้งนี้ ปืนไรเฟิลจู่โจมเออาร์-15 ที่ใช้ก่อเหตุในโศกนาฏกรรมครั้งล่าสุด เป็นอาวุธที่มือปืนมักใช้ในการกราดยิงสังหารหมู่ในอเมริกาที่เกิดขึ้นเฉลี่ยปีละกว่า 30,000 ครั้ง

    https://mgronline.com/around/detail/9610000040184
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปฏิบัติกับจีนในฐานะศัตรู ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ของอเมริกา
    เผยแพร่: 20 เม.ย. 2561 23:05: โดย: จอร์จ คู
    561000004096401.jpg

    เรือสินค้าจำนวนมากจอดเทียบท่าที่เมืองเซี่ยงไฮ้, ประเทศจีน ในภาพซึ่งถ่ายเมื่อ 29 มี.ค. 2018 ภาพนี้ ทั้งนี้กำลังเป็นที่วิตกว่าสงครามการค้าที่อาจระเบิดขึ้นมาระหว่างสหรัฐฯกับจีน จะส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศทั้งสองและของทั่วโลก

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    Treating China as an adversary is not in America’s interest
    By George Koo
    17/04/2018

    พวกนักการเมืองในกรุงวอชิงตันดูเหมือนพร้อมที่จะเปล่งถ้อยคำโจมตีเล่นงานจีน โดยมองว่ามันคือเกียรติประวัติ ขณะเดียวกันก็มีพวกที่อ้างตนเป็นบัณฑิตผู้รู้ซึ่งทำมาหากินกับการใส่สีตีไข่ให้ร้ายจีน แต่มาถึงเวลานี้เมื่อเรากำลังเผชิญภัยคุกคามที่จะขัดขวางทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักกันโดยทั่วหน้าสืบเนื่องจากสงครามการค้า มันจึงถึงเวลาที่จะพิจารณาถึงผลดีผลเสียของการปฏิบัติต่อจีนในฐานะเป็นศัตรู โดยอิงอยู่กับข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง

    ผลโพลของสำนัก “แกลลัพ” เมื่อเร็วๆ นี้เปิดเผยให้ทราบว่า สาธารณชนชาวอเมริกันที่มีความคิดเห็นต่อจีนในทางชื่นชม ในที่สุดก็ไต่ข้ามระดับ 50% ได้เสียทีถึงแม้เลยไปเพียงนิดเดียวก็ตาม เรื่องนี้ถือเป็นพัฒนาการที่น่าจับตามองโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่ายังคงมีการโจมตีเล่นงานแบบระเบิดอารมณ์ในเชิงลบอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนจากพวกนักการเมืองอเมริกันและพวกบัณฑิตผู้รู้ชาวอเมริกัน

    พวกนักการเมืองสหรัฐฯที่มีความใฝ่ฝันทะเยอทะยานในระดับชาติ ดูเหมือนจะต้องทำให้มีเรื่องการโจมตีเล่นงานจีนปรากฏเป็นส่วนหนึ่งอยู่ในประวัติผลงานของพวกเขา ตัวอย่างล่าสุดของเรื่องนี้ คือ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เอลิซาเบธ วอร์เรน (Elizabeth Warren) การเดินทางไปยังจีนของเธอเมื่อเร็วๆ นี้แทบจะเพียงเพื่อให้สามารถบันทึกเอาไว้ว่าเธอได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์การไม่เคารพสิทธิมนุษยชนของแดนมังกร –และเพื่อให้ได้โบว์เกียรติคุณยืนยันว่าเธอก็มีผลงานทางด้านกิจการต่างประเทศกับเขาเหมือนกัน

    เนื่องจากเป็นที่สันนิษฐานกันว่าเธอจะกลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่มีแนวความคิดแบบก้าวหน้าสำหรับให้ประชาชนชาวอเมริกันเลือกในสมัยต่อไป ดังนั้นในทางเป็นจริงแล้วเธอน่าจะสามารถใช้ช่วงเวลาในการเยือนของเธอเพื่อเรียนรู้ว่าจีนทำอย่างไรจึงสามารถนำพาเอาประชาชนหลายร้อยล้านคนให้หลุดออกมาจากความยากจน และขบคิดว่ามีเทคนิคอะไรของจีนหรือไม่ที่อาจก็อบปี้นำมาช่วยเหลือนำพาชาวอเมริกันให้หลุดพ้นความยากจนบ้าง –ซึ่งเรื่องนี้กำลังเป็นความท้าทายภายในประเทศประเด็นหนึ่งที่จำเป็นต้องแก้ไขหาทางออกกันอย่างจริงจัง

    ความบกพร่องล้มเหลวร่วมกันประการหนึ่งในหมู่ผู้นำทางการเมืองในวอชิงตันก็คือ พวกเขากำลังแสดงท่าทีรวดเร็วเหลือเกินในเวลาวิพากษ์วิจารณ์จีน ขณะที่ทำมึนไม่รู้ไม่เห็นกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างโจ๋งครึ่มภายในอเมริกาเอง

    แล้วนอกจากนั้นยังมีพวกบัณฑิตผู้รู้ซึ่งกำลังทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการระบายสีใส่ไข่ให้จีนกลายเป็นปีศาจร้าย บุคคลที่โดดเด่นเตะตาคนหนึ่งในเรื่องเช่นนี้ก็คือ กอร์ดอน ชาง (Gordon Chang) ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “The Coming Collapse of China” (การล่มสลายที่กำลังจะเกิดขึ้นของจีน) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2001 ในสหรัฐฯนั้นเขายังคงได้รับคำเชื้อเชิญให้ออกเทศนาสั่งสอนสาธารณชน ทว่าภายนอกประเทศแล้ว คำทำนายของเขาเกี่ยวกับการล่มสลายของจีน ถูกมองว่านี่ต่างหากคือความล่มสลายที่แท้จริง

    ทางด้าน ปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) ก็ออกโรงอย่างปั่นป่วนวุ่นวายโดยใช้แผนการสูตรการเล่นของชางนั่นเอง และได้ผลิตหนังสือและภาพยนตร์สารคดีที่บิดเบือนให้ร้ายจีนตลอดจนนโยบายการค้าของแดนมังกร ด้วยวิธีพูดใส่สีตีไข่ให้เกินเลยความเป็นจริงไปมากมาย และกระทั่งเสกสรรปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาเลยก็มี

    พวกเพื่อนร่วมงานของนาวาร์โร ณ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์ไวน์ (University of California at Irvine) สามารถพิสูจน์ให้เห็นความจริงที่ว่าเขาไม่ได้มีภูมิหลังใดๆ หรือความเชี่ยวชาญใดๆ ในเรื่องจีนหรอก พวกนักเศรษฐศาสตร์ที่ผ่านการฝึกอบรมแบบมืออาชีพทั่วทั้งโลกต่างพากันมองพวกข้อเขียนแบบมือสมัครเล่นเกี่ยวกับจีนของเขาอย่างดูถูกดูแคลน กระนั้นก็ตาม นาวาร์โรก็ยังสามารถพึ่งพาอาศัยถ้อยคำโวหารกระหน่ำโจมตีจีนแหลกลาญของเขา จนกระทั่งเข้าสู่ระดับวงในของทำเนียบขาว

    เวลานี้เมื่อเรากำลังเผชิญกับภัยคุกคามที่จะขัดขวางทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักกันโดยทั่วหน้าสืบเนื่องจากสงครามการค้า มันจึงถึงเวลาแล้วที่จะพิจารณาชั่งน้ำหนักดูถึงผลดีผลเสียของการปฏิบัติต่อจีนในฐานะเป็นศัตรู โดยอิงอยู่กับข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงแทนที่จะอาศัยเพียงการพูดโวยวายโผงผางและการทวิตอย่างเกินความเป็นจริง

    https://mgronline.com/around/detail/9610000039266
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อุดมคติประชาธิปไตยแบบบกพร่องผิดพลาดของอเมริกา กำลังถูกดูหมิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ เผยแพร่: 20 เม.ย. 2561 20:10: โดย: คริสตินา ลิน
    561000004093201.jpg

    (เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

    Growing disdain for America’s false democratic ideals
    By Christina Lin
    10/04/2018

    สหรัฐฯกำลังถูกดูถูกดูหมิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ จากการป่าวร้องชี้นิ้วใส่ประเทศอื่นๆ ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งเอาประเด็นสิทธิมนุษยชนมาเป็นอาวุธในเรื่องนี้ด้วย แต่จากการที่อเมริกานิยมใช้อำนาจบาตรใหญ่ในระบบระหว่างประเทศ รวมทั้งการเข้าโค่นล้มระบอบปกครองเผด็จการที่ตนเองไม่ชอบ ทว่าวางเฉยต่อเผด็จการที่เป็นเพื่อนมิตร ทำให้เวลานี้สหรัฐฯถูกผู้คนตราหน้าว่า เป็น “ประชาธิปไตยบกพร่องล้มเหลว” และเป็น “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” เท่านั้น

    ในปี 2017 อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit หรือ EIU) ธุรกิจหนึ่งในเครือนิตยสารอีโคโนมิสต์ ที่เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและการให้คำปรึกษาทางด้านธุรกิจ ได้ลดอันดับที่ให้แก่ระบบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ อีไอยูนั้นมีการจัดทำดัชนีประชาธิปไตยประจำปี ซึ่งให้ภาพสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับประชาธิปไตยในทั่วโลก ด้วยการให้เรตติ้งประเทศต่างๆ ใน 5 ด้านด้วยกัน ได้แก่ กระบวนการเลือกตั้งและคุณสมบัติด้านพหุนิยม, สิทธิเสรีภาพของประชาชน, การทำงานตามบทบาทหน้าที่ของรัฐบาล, การเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน, และวัฒนธรรมทางการเมือง จากนั้นพวกเขาก็นำมาเอาคะแนนที่แต่ละประเทศได้รับในแต่ละด้านมาจำแนกจัดประเภทออกเป็นรัฐบาล 4 แบบด้วยกัน ซึ่งก็คือ รัฐบาลที่มีประชาธิปไตยอย่างเต็มที่, ประชาธิปไตยแบบบกพร่องผิดพลาด, ระบอบการปกครองลูกผสม, และระบอบการปกครองแบบเผด็จการรวบอำนาจ

    สหรัฐฯนั้นถูกจัดเรตติ้งให้อยู่ในกลุ่มประชาธิปไตยแบบบกพร่องผิดพลาด –กล่าวคือเป็นประเทศที่มีการเลือกตั้งอย่างเสรีทว่าถูกถ่วงน้ำหนักให้ย่ำแย่ด้วยธรรมาภิบาลที่อ่อนแอ, มีวัฒนธรรมทางการเมืองที่ด้อยพัฒนา, และมีการเข้าร่วมทางการเมืองของประชาชนในระดับต่ำ นอกจากนั้นยังมีผลโพลของสำนักต่างๆ อย่าง พิว (Pew), แกลลัพ (Gallup), ตลอดจนสำนักหยั่งเสียงสำรวจความคิดเห็นรายอื่นๆ ซึ่งระบุว่า ระหว่างประชาชนกับรัฐบาลอเมริกันนั้นมีความบกพร่องขาดเขินความไว้วางใจระหว่างกัน ซึ่งมีผลในทางกัดกร่อนการทำงานไปตามบทบาทหน้าที่ของระบบประชาธิปไตย

    นอกจากนั้นแล้วยังมีความบกพร่องขาดความไว้วางใจกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างพวกมหาอำนาจที่กำลังก้าวผงาดขึ้นมาในประชาคมระหว่างประเทศ กับสหรัฐฯ และอันที่จริงแล้ว อีไอยูไม่ได้เป็นเพียงหน่วยงานเดียวหรอกซึ่งได้ลดเรตติ้งระบบประชาธิปไตยสหรัฐฯ ยังมีตัวแสดงอีกรายหนึ่งซึ่งถือได้ว่าเซอร์ไพรซ์ทีเดียว ก็ได้ดาวน์เกรดประชาธิปไตยของสหรัฐฯด้วยเช่นกัน ตัวแสดงดังกล่าวนี้คือ ประเทศจีน

    สหรัฐฯเป็นประชาธิปไตยบางส่วน แต่ก็เป็นเผด็จการบางส่วนใช่หรือไม่ ?

    ในหนังสือที่ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อปี 2010 ของเขาซึ่งใช้ชื่อเรื่องว่า “The China Dream” (ความฝันของประเทศจีน) พันเอก (ปลดเกษียณ) ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนนามว่า หลิว หมิงฝู (Liu Mingfu) ซึ่งสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยป้องกันประเทศของจีน (China’s National Defense University) ได้ท้าทายวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯที่มีต่อบรรดาชาติที่ไม่ใช่ฝ่ายตะวันตก

    เขาชี้ว่า บ่อยครั้งที่สหรัฐฯมองข้ามไม่สนใจที่จะผลักดันให้เกิดฉันทามติระหว่างประเทศขึ้นมา แถมยังใช้แสนยานุภาพทางทหารของตนไปในการโค่นล้มพวกผู้เผด็จการที่ตนเองไม่ชอบและตราหน้าว่าเป็น “พวกที่ไม่เป็นประชาธิปไตย” และ “พวกที่ไม่มีความถูกต้องชอบธรรม” (ตัวอย่างเช่น ในอิรัก, ลิเบีย, และซีเรีย) ขณะเดียวกันกลับกำลังแสดงความสนับสนุนพวกผู้เผด็จการ “ที่ถูกต้องชอบธรรม” ซึ่งเป็นเพื่อนมิตรกับสหรัฐฯ (ตัวอย่างเช่น ในกาตาร์ และซาอุดีอาระเบีย) หลิวเน้นย้ำว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของสหรัฐฯคือความล้มเหลวไม่สามารถผ่านการทดสอบความเป็นมหาอำนาจ “ประชาธิปไตย” อย่างแท้จริงได้

    เขาหยิบยกเหตุผลขึ้นมาสาธยายว่า สหรัฐฯไม่ได้เป็นมาตรฐานทองคำสำหรับ “ประชาธิปไตย” หรือเป็นตัวแสดงที่ “ถูกต้องชอบธรรม” รายหนึ่งในระบบระหว่างประเทศแต่อย่างใด พร้อมกับประณามตำหนิอเมริกันที่ชื่นชอบในการโค่นล้มรัฐบาลต่างประเทศทั้งหลายซึ่งกล้าท้าทายวอชิงตัน

    หลิวถึงขนาดประกาศอย่างชวนให้ตกตะลึงว่า สหรัฐฯนั้นเป็นเพียงพวกประชาธิปไตยครึ่งใบ –มีระบบประชาธิปไตยภายในบ้าน แต่กลายเป็นมหาอำนาจเผด็จการรวบอำนาจและมุ่งทำตัวเป็นเจ้าเมื่ออยู่ต่างแดน เขากล่าวว่า “คุณสมบัติที่ถือเป็นสาระสำคัญของประเทศประชาธิปไตยรายหนึ่งๆ นั้นต้องมี 2 ด้านด้วยกัน ด้านแรกคือมีนโยบายประชาธิปไตยภายในประเทศอย่างชนิดที่ปราศจากลัทธิเผด็จการรวบอำนาจในสังคมภายในประเทศ ส่วนด้านที่สองคือมีนโยบายระหว่างประเทศที่เป็นประชาธิปไตย โดยปราศจากการวางตัวเองเป็นเจ้าใหญ่นายโตในประชาคมระหว่างประเทศ”

    เขากล่าวต่อไปว่า “ในการวินิจฉัยตัดสินว่าประเทศหนึ่งๆ เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ เราจำเป็นที่จะต้องพิจารณาว่าประเทศนั้นได้นำเอาระบบประชาธิปไตยมาใช้ทั้งภายในบ้านและในทางการทูตระหว่างประเทศหรือไม่” เนื่องจากสหรัฐฯล้มเหลวไม่ผ่านการทดสอบ “ความเป็นประชาธิปไตย” ในระบบระหว่างประเทศ หลิวจึงเห็นว่าสหรัฐฯเป็นเพียงประเทศ “ประชาธิปไตยครึ่งใบ” และด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรทำตัวคอยกวัดแกว่งชี้นิ้วไปที่ชาติอื่นๆ ด้วยข้อหาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย หรือกระทั่งพยายามโค่นล้มรัฐบาลของชาติเหล่านั้น

    อารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้มีอยู่ในบุคคลจำนวนน้อยภายในหมู่ชนชั้นนำของสหรัฐฯอีกด้วย ในบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร “ฟอเรนจ์ โพลิซี” (Foreign Policy) เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2015 เลสซี เกล์บ (Leslie Gelb) ประธานบริหารของสภาว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations), พลโท (ปลดเกษียณ) โรเบิร์ต การ์ด (Robert Gard) ประธานเกียรติคุณของศูนย์กลางเพื่อการควบคุมอาวุธและการไม่แพร่กระจายอาวุธ (Center for Arms Control and Nonproliferation), และ พลจัตวา (ปลดเกษียณ) จอห์น เอช จอห์นส์ (John H Johns) ศาสตราจารย์เกียรติคุณของมหาวิทยาลัยป้องกันประเทศสหรัฐฯ (US National Defense University) ได้ร่วมกันเรียกร้องให้สหรัฐฯกับรัสเซียร่วมมือกันในซีเรีย และให้สหรัฐฯยุติความหลงใหลต่อเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

    ผู้เขียนคณะนี้กล่าวว่า “ในอดีตที่ผ่านมา วอชิงตันได้เคยพยายามบีบบังคับให้พวกผู้เผด็จการอย่าง อัสซาดแห่งซีเรีย, มูอัมมาร์ อัล-กัดดาฟี ในลิเบีย, และ ซัดดัม ฮุสเซน ในอิรัก ต้องถอยออกจากเวทีไป เราได้เชิดชูผลักดันบรรทัดฐานแบบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศเหล่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับกลายเป็นว่า มีความโกลาหลปั่นป่วยเพิ่มมากขึ้นและการทำลายล้างสูงยิ่งขึ้น แทนที่จะมีการปรับเปลี่ยนไปสู่บรรทัดฐานและความมุ่งมาดปรารถนาเพื่อการปฏิวัติทางประชาธิปไตย”

    ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่สหรัฐฯนำเอาประเด็นทางด้านสิทธิมนุษยชนมาเป็นอาวุธเพื่อรับใช้ผลประโยชน์ทางด้านยุทธศาสตร์ของตนก็มีความเสี่ยงที่จะกัดกร่อนบรรทัดฐานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ตลอดจนความน่าเชื่อถือและความซื่อสัตย์ของพวกองค์การด้านสิทธิมนุษยชนทั้งหลาย

    https://mgronline.com/around/detail/9610000039241
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Wudhichai Maitreesophone

    561000003151301.JPEG

    Roger Waters บอกแฟนเพลงใน Bacelona ของเขาว่า พวก White Helmets คือ องค์กรตอแหล International

    Roger Waters นักร้องเพลงร็อค ผู้ก่อตั้งวง Pink Floyd ชาวอังกฤษ เกิดที่เมือง Great Bookham Surry England

    เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมา เขาไปเปิดคอนเสิร์ตที่เมือง Bacelona ประเทศสเปน เขาได้บอกกับแฟนเพลงของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรียว่า องค์กรเอกชน NGO กลุ่ม White Helmets เป็น Fake Organization/องค์กรโกหกตอแหล ที่โฆษณาชวนเชื่อเพื่อกล่ม จีฮัดดิส และผู้ก่อการร้าย เท่านั้น ถ้าหากเราเชื่อคำโกหกตอแหลของพวก White Helmets เราก็ต้องสนับสนุนให้รัฐบาลของเรา เอาลูกระเบิดไปทิ้งใส่ชาวเซียอยู่ตลอดเวลา และนั่นคือความผิดพลาด
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Wudhichai Maitreesophone



    เฮ้ย ทำไมเงียบเชียบเชียว....
    ซาอุดิอาระเบียเกิดการรัฐประหาร ทหารสหรัฐช่วยกษัตริย์ และมกุฎราชกุมาร ไว้ได้ แต่ยังไม่เห็นข่าวจากสำนักข่าวในตะวันออกกลางเลย
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    334757.jpg
    ป.ป.ท.ชงบอร์ดไต่สวนเพิ่ม23แห่ง‘เขมือบเงินคนจน’
    วันอังคาร ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561, 13.53 น.

    24 เม.ย.61 พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ทาง ป.ป.ท.ยังมีการประชุมบอร์ดเป็นปกติ มีการพิจารณาในหลายเรื่อง หลายสำนวน แต่ยังไม่มีการพิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติมในกรณีการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปี 2560 ประเภทเงินอุดหนุน เงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่งของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ซึ่งจะมีการบรรจุวาระการพิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนในวันที่ 26 เม.ย.นี้

    “จะเสนอตั้งอนุกรรมการไต่สวนเพิ่มเติมเข้าไปอีก 23 แห่ง จากเดิมที่คณะกรรมการบอร์ด มีมติแต่งตั้งไปแล้ว 33 แห่ง 33 จังหวัด โดยขณะนี้จำนวนพื้นที่ในการตรวจสอบ แล้วพบพฤติกรรมการเบิกจ่ายงบประมาณที่ไม่ถูกต้องนั้นยังอยู่ ที่ 56 แห่ง ส่วนจังหวัดที่เหลืออีก 17 จังหวัด จะเร่งทำการตรวจสอบให้แล้วเสร็จ ยืนยันว่าจะตรวจสอบได้ครบทั้ง 76 จังหวัดได้ในวันที่ 30 เม.ย.61 อย่างแน่นอน” พ.ท.กรทิพย์ กล่าว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 17 จังหวัดที่เหลือ คือ จ.ชัยนาท , ปทุมธานี , สมุทรปราการ , นนทบุรี , ฉะเชิงเทรา , นครนายก , สมุทรสาคร , กาญจนบุรี , สุพรรณบุรี , เพชรบุรี , ประจวบคีรีขันธ์ , ระยอง , แพร่ , พะเยา , นครสวรรค์ , สุโขทัย และอุตรดิตถ์


    http://www.naewna.com/local/334757
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    334752.jpg
    ประจานคสช.! 'มานะ'แฉ8เดือนไม่เคยประชุมคตช. จี้ถามยังจะปราบโกงอยู่มั้ย วันอังคาร ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561, 13.38 น.

    24 เม.ย. 61 ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) โพสต์เฟชบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า นานกว่า 8 เดือนแล้วที่ไม่มีการประชุม "คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ" (คตช.)

    นี่เป็นอีกตัวอย่างที่ทำให้สังคมต้องตั้งคำถามว่า รัฐบาลยังเอาจริงเรื่องปราบคอร์รัปชันอยู่หรือเปล่า

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ดร.มานะ เคยออกมาโพสต์แสดงความห่วงในเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันหลายครั้งในยุค คสช.ยังไม่ปรากฎผลสำเร็จให้เห็นชัดเจน รวมทั้งกรณีปมนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ซึ่ง ดร.มานะ ออกมาเตือนว่าหากรัฐบาลยังนิ่งเฉยย่อมส่งผลให้ความนิยมเสื่อมถอย กระทบต่อความหวังและความศรัทธาของประชาชนด้วย

    67316.jpg

    http://www.naewna.com/politic/334752/preview
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    334736.jpg
    ‘ม็อบผ้าเหลือง’เดินสายร้องเอาผิด‘พงศ์พร’ โวยมีหน้าที่‘รับใช้’ไม่ใช่จับพระ วันอังคาร ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561, 12.21 น.

    เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 24 เม.ย.61 ที่กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ พร้อมด้วย น.อ.วินัย เสวกวิ ตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน นำหลักฐานการยื่นแจ้งความของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(ผอ.พศ.) ที่แจ้งความเอาผิดกับพระสงฆ์ 5 รูป ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด ล็อต3 มามอบให้ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.พงศ์พร ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157

    นายจรูญ กล่าวว่า วันนี้มาร้องเรียนต่อ ปปป. กรณี พ.ต.ท.พงศ์พร หลังจากปฏิบัติหน้าที่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง ผอ.พศ. ซึ่งกฎหมายมิได้มอบอำนาจไว้ มีเจตนาทำให้วงการคณะสงฆ์เกิดความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยามจากประชาชนทั่วไป เป็นเหตุให้เกิดวิกฤติศรัทธาขึ้นต่อพระสงฆ์ และอันตรายต่อความมั่นคงต่อสถาบันศาสนา

    นายจรูญ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบทุจริตนั้น มี สตง.ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งคณะสงฆ์มีธรรมวินัยเพื่อดำเนินการตรวจสอบพระสงฆ์ด้วยกันเอง และฆราวาสไม่มีสิทธิกล่าวโทษหรือวินิจฉัยแทน โดยทาง พศ. เป็นหน่วยงานสนองงานเพื่อพระพุทธศาสนา ไม่ใช่มาตรวจสอบว่าถูกหรือผิดเสียเอง หาก ผอ.พศ. จะร้องทุกข์กล่าวโทษก็ควรถอดเครื่องแบบราชการออก และมาในฐานะประชาชนธรรมดาจะดีกว่า

    ส่วน น.อ.วินัย กล่าวว่า ศาสนาเป็น 1 ใน 3 สถาบันหลักของชาติ และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยเรื่องเงินทอนนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำเงินมาถวายพระ และนำเงินกลับไป แต่สุดท้ายมาโยนความผิดให้พระสงฆ์ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ผอ.พศ. และพระสงฆ์ ควรเป็นโจทก์ยื่นฟ้องหาผู้กระทำความผิดมากกว่า ไม่ใช่มาดำเนินคดีกับพระสงฆ์

    ด้าน พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้ตรวจสอบ และให้พนักงานสอบสวน ปปป. ดำเนินการสอบคำให้การผู้ร้องทุกข์ ก่อนพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันนี้ กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน จะเดินทางไปสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ปลด พ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่ง ผอ.พศ. เพราะขาดคุณสมบัติในตำแหน่ง หากอยู่ต่อไปยิ่งทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในคณะสงฆ์ และหากภายใน 1 เดือน ไม่มีคำสั่งปลด หรือความคืบหน้า ก็จะออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง

    PHS02.jpg

    วันเดียวกัน ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายฐนภณ ธนวชิรนนท์ เจ้าหน้าที่สอบสวนอาวุโสระดับสูง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบ พ.ต.ท.พงศ์พร ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือกฎหมายหรือไม่

    ทั้งนี้ ทางองค์กรเห็นว่าการกระทำของ พ.ต.ท.พงศ์พร ขัดต่อกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนงานสำนักพระพุทธศาสนา ฉบับที่ 2 ที่ให้ ผอ.พศ. มีหน้าที่สร้างประโยชน์ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หรือเรียกง่ายๆว่ารับใช้งานของพระสงฆ์ แต่ไม่ควรนำพระสงฆ์มาล้อเล่นและเป็นเครื่องมือ แต่หน้าที่ตรวจสอบหรือดำเนินการเรื่องนี้เป็นของ สตง.ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ผอ.พศ. ควรจะเป็นผู้ที่ช่วยพระในการเอาผิดคนที่เอาเงินทอนวัดไป ไม่ใช่เป็นดำเนินคดีกับพระ พระควรเป็นโจทก์ ไม่ใช่จำเลย ทำอย่างนี้ทำให้กลับตาลปัตร เป็นการทำที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควรเชิงมารยาท เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เจตนาหวังผลสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นภัยต่อความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดความเสียหายแก่คณะสงฆ์โดยรวม ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งหลังจากยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ทางกลุ่มฯจะได้เดินทางไปยื่นต่อ ป.ป.ช. และนายกรัฐมนตรี ต่อไป

    http://www.naewna.com/local/334736
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อิสราเอลอยู่ในวงแขน (ตัวแทน) ทางทหารของอิหร่าน หากเกิดสงครามขึ้นระบอบไซออนิสต์จะถูกบดขยี้ Published: Tuesday, 24 April 2018 07:00 | Written by Admin_taem |

    Israel-iran-war1.jpg

    หนังสือพิมพ์เราะยุลเยาม์เขียนว่า ในกรณีที่เกิดสงครามใดๆ ก็ตาม ระบอบไซออนิสต์จะถูกบดขยี้ในท่ามกลางอ้อมแขน (ตัวแทน) ทางทหารของอิหร่านซึ่งได้ปิดล้อมมันไว้ทุกด้านแล้ว

    อับดุลบารี อัฏวาน นักวิเคราะห์ปัญหาตะวันออกกลางได้เขียนในเราะยุลเยาม์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า "นิ้วอยู่ที่ไกปืน" เป็นสำนวนคำพูดที่บรรดาผู้บัญชาการอิหร่านและอิสราเอลได้ใช้ในช่วงเวลานี้ ด้วยเหตุนี้โอกาสที่จะการเกิดสงครามในรอบๆ ซีเรียจึงเพิ่มมากขึ้น

    "ฮุเซน ซะลามี" รองผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) ในคำพูดก่อนการนมาซวันศุกร์ของเขาในกรุงเตหะราน ได้เตือนอย่างรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการต่อ "อิสราเอล" โดยกล่าวว่า : "พวกท่านจงฟังไว้ สงครามใดๆ ก็ตามที่จะเกิดขึ้นนั้น จะนำไปสู่การถูกลบทำลายของพวกท่าน เป้าหมายที่เล็กที่สุดนั้น คือการลบการดำรงอยู่ของพวกท่าน และไม่มีเป้าหมายใดที่เล็กไปกว่านี้แล้ว แต่พวกท่านจงจำไว้ว่า พวกท่านไม่สามารถที่จะทนทานต่อพลังการล้มของโดมิโนแห่งการยึดครองดินแดนได้ เมื่อประชาชนหรือบรรดาทหารของพวกท่านจะวิ่งหนี (จากสงคราม) พวกท่านจะไม่มีหนทางหลบหนีนอกจากจะกระจัดกระจายลงไปในทะเล พวกท่านอย่าได้วางใจต่อฐานทัพอากาศของพวกท่าน เพราะมันจะใช้งานไม่ได้อย่างรวดเร็ว

    และพวกท่านก็อย่าได้ผูกหัวใจไว้กับอเมริกา, ฝรั่งเศสและอังกฤษ เพราะเมื่อพวกเขามาถึง พวกท่านก็ไม่อยู่แล้ว เหมือนกับการมาถึงของรถพยาบาล คนเจ็บนั้นได้ตายไปแล้ว พวกเขาจะทำได้แค่เพียงนำพาพวกท่านไปยังสุสานเท่านั้น"

    อัฎวานได้ประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของสงครามไว้หลายกรณี :

    กรณีแรก : เริ่มด้วยการที่เครื่องบินรบของอิสราเอลจะโจมตีฐานทัพทหารแห่งหนึ่งของอิหร่านในซีเรีย และติดตามมาด้วยการที่อิหร่านจะตอบโต้อย่างหนักหน่วงในขั้นแรกต่อการโจมตีนี้ จากซีเรียหรือจากทางใต้ของเลบานอน

    กรณีที่สอง : กองทัพของระบอบไซออนิสต์จะเริ่มต้นการโจมตีครอบคลุมตำแหน่งต่างๆ ของอิหร่านในซีเรีย เนื่องจากบรรดาผู้บัญชาการทหารของอิสราเอลเชื่อว่าการโจมตีด้วยขีปนาวุธในวงจำกัดต่อเป้าหมายต่างๆ ของอิหร่าน อย่างเช่นการโจมตีฐานทัพอากาศ T-4 นั้นไม่เพียงพอ

    กรณีที่สาม : หากอิหร่านจะแก้แค้นให้กับทหารเจ็ดคนของตนที่เป็นชะฮีด (เสียชีวิต) จากการโจมตีฐานทัพอากาศT-4 โดยอิสราเอลนั้น จะดำเนินการโจมตีในวงจำกัดยังเป้าหมายต่างๆ ภายในหรือนอกประเทศ "อิสราเอล"

    นักวิเคราะห์ผู้นี้ได้เขียนว่า : การที่จะให้น้ำหนักต่อกรณีใดจากทั้งสามเหล่านี้มากกว่ากันเป็นเรื่องยาก และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจากทั้งสองก่อนวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน

    คำข่มขู่ต่างๆ ของอิหร่านเกี่ยวกับชะตากรรมของ "อิสราเอล" นั้นเป็นที่น่าเชื่อได้มากกว่า เนื่องจากส่วนมากสงครามของอิหร่านและพันธมิตรของอิหร่านในตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมานั้นได้ดำเนินไปอย่างประสบความสำเร็จ แต่เทลอาวีฟนั้นทุกสงครามที่กระทำในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาไม่ว่าจะในเลบานอนหรือในฉนวนกาซาและล่าสุดในซีเรียได้ประสบกับความปราชัย และในการโจมตีล่าสุดของระบอบไซออนิสต์ไปยังฐานทัพอากาศ T-4 ในจังหวัดฮ็อมส์ ส่วนใหญ่ของขีปนาวุธนั้นได้ถูกทำลายโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรีย

    อัฏวานได้ชี้ในบทความของตนเช่นนี้ว่า Sergey Lavrov รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซียก็ได้ประกาศว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐอเมริกา, อังกฤษและฝรั่งเศสเป็นเหตุผอันชอบธรรมถึงความจำเป็นในการจัดเตรียมระบบ S-300 ให้กับซีเรีย ในความเป็นจริง สำหรับการใช้งานระบบป้องกันที่ถูกติดตั้งในซีเรียนี้ได้ถูกเปิดไฟเขียวแล้ว

    ที่มา : อัล-อาลัม
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม


    http://www.islamicstudiesth.com/ind...-analysis-of-world/1390-iran-israel-war-syria
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    แผนลอบสังหารประมุขกาตาร์ของบินซัลมาน ความลับที่ไม่เข้าร่วมประชุมดาห์รานของเชคตะมีม Created: Wednesday, 18 April 2018 18:00 | Published: Wednesday, 18 April 2018 18:00 | Written by Admin_taem |

    Qatar-fighter-Salman-1.jpg

    หนังสือพิมพ์ “Daily Mirror” ของอังกฤษและสื่อภาษาอาหรับอย่างเช่น “Al-Daryar” กล่าวว่า ประมุขกาตาร์ สืบเนื่องจากข่าวกรองที่ได้รับเกี่ยวกับแผนของมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียที่จะลอบสังหารตน ในช่วงเวลาสุดท้ายจึงได้ล้มเลิกที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดสันนิบาตอาหรับในเมืองดาห์ราน (ซาอุดิอาระเบีย) ตามการข่าวหลังจากการลอบสังหารเชคตะมีม (ประมุขกาตาร์) แล้ว กลุ่มไอซิสจะรับผิดชอบในการลอบสังหารครั้งนี้!

    การประชุมสุดยอดผู้นำอาหรับครั้งที่ 29 ได้ถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์ (16/4/2561) ในซาอุดีอาระเบียซึ่งใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมงครึ่ง จากบรรดาผู้นำของห้าประเทศอาหรับ ยกเว้นประมุขกาตาร์ไม่ได้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ การประชุมครั้งนี้ยังมีการต่อต้านอิหร่านอย่างรุนแรง และในที่ประชุมนี้ “ซัยฟ์ บินมุก็อดดัม อัล-บูอัยนัยน์” ซึ่งเป็นตัวแทนถาวรของกาตาร์ในสันนิบาตรอาหรับไม่ค่อยได้รับความสนใจอย่างมากนัก ซึ่งการเผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่ออกมาในเชิงดูถูกเขา โดยที่สามผู้นำประเทศ ซาอุดิอาระเบีย อียิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เผชิญกับปฏิกิริยาสะท้อนอย่างมากในสื่อต่างๆ ขณะนี้

    แต่ข่าวที่สำคัญยิ่งเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแต่ไร้ผลนี้ คือ การรายงานของหนังสือพิมพ์ “Al-Daryar” ของเลบานอน และหนังสือพิมพ์ “Daily Mirror” ของอังกฤษ ซึ่งเขียนว่า ประมุขของกาตาร์ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการไปยังซาอุดิอาระเบียเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาหรับ และเขาได้แจ้งไปยังกรุงริยาดว่าจะเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วยตัวเอง แต่เหลือเวลาเพียงอีกหนึ่งชั่วโมงกับสิบห้านาทีก่อนที่จะเริ่มการประชุม เขาได้ยกเลิกการเดินทางของตนไปยังซาอุดีอาระเบียเพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาหรับ

    Qatar-fighter-Salman-2.jpg

    ตามรายงานนี้ หน่วยข่าวกรองของกาตาร์จะได้รับข้อมูลที่มีความเป็นไปได้ว่ามกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบียจะมีส่วนร่วมในปฏิบัติการลอบสังหารประมุขของกาตาร์และไอซิสจะเป็นผู้แสดงความรับผิดชอบในปฏิบัติการนี้ ดังนั้นประมุขกาตาร์ซึ่งเหลือเวลาเพียงไม่นานที่จะต้องออกเดินทางจากพระราชวังไปยังสนามบินจึงได้ยกเลิกการเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบีย

    ตามข้อเขียนของหนังสือพิมพ์ “Daily Mirror” ในขณะเดียวกันมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียเชื่อว่าหากประมุขของกาตาร์ถูกลอบสังหารจะมีการทำรัฐประหารเกิดขึ้นในประเทศกาตาร์ และบรรดาเจ้าหน้าที่มีความโน้มเอียงมาทางซาอุดิอาระเบียจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในประเทศที่ร่ำรวยนี้ได้โดยอาศัยการติดต่อสัมพันธ์กับหน่วยข่าวกรองของซาอุดีอาระเบีย ตามการรายงานของแหล่งข่าวนี้ “บินซัลมาน” เชื่อว่าวิธีเดียวที่จะกำหนดเงื่อนไขต่างๆ ของซาอุดีอาระเบียเหนือกาตาร์ได้ คือการสังหารประมุขของประเทศนี้และผู้ที่จะเข้ายึดอำนาจหลังจากเขานั้นจะยอมจำนนต่อเงื่อนไขต่างๆ ของซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

    นอกจากนี้หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ "Hespress" (ของโมร็อกโก) ก็ได้กล่าวเช่นกันว่า ในช่วงเวลาเดียวกับการประชุมสันนิบาตรอาหรับครั้งที่ 29 ในเมืองดาห์รานนี้ กษัตริย์แห่งโมร็อกโก ได้อยู่ในซาอุดิอาระเบียเพื่อทำพิธีอุมเราะฮ์ แต่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมสุดยอดดังกล่าว กษัตริย์มุฮัมมัดที่ 6 (ของโมร็อกโก) ผู้ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการประชุมสันนิบาตอาหรับมาตั้งแต่ปี 2005 แล้วนั้น พระองค์ทรงเชื่อว่าการประชุมเหล่านี้ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ของโลกอาหรับ และยังกล่าวว่า ความแตกแยกและความร้าวฉานในโลกอาหรับ เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่พระองค์หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมการประชุมเหล่านี้

    ที่มา : หนังสือพิมพ์กัยฮาน
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม


    http://www.islamicstudiesth.com/ind...-news_articles/1381-assassination-plans-qatar
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    พลเมืองตะวันตกเสียชีวิต 5คน ในเหตุการณ์ยิงโดรนบินรุกล้ำพระราชวังกษัตริย์ซัลมาน
    Created: Sunday, 22 April 2018 16:00 | Published: Sunday, 22 April 2018 16:00 | Written by Admin_taem |
    Drone-Saudi1.jpg

    ซูมารียะฮ์นิวส์ (Sumeria News) ได้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 6 คนซึ่งได้แก่ชาวอเมริกันสองคน ชาวอังกฤษสองคน ชาวออสเตรเลียหนึ่งคนและชาวซาอุดิอาระเบียหนึ่งคนในเหตุการณ์ทหารยิงเครืองบินไร้คนขับที่เกิดขึ้นในกรุงริยาด

    เว็บไซต์ข่าวซูมารียะฮ์นิวส์ของอิรักรายงานว่า : ข่าวต่างๆ ได้ถูกตีพิมพ์เผยแพร่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของ 6 คนซึ่งได้แก่ชาวอเมริกันสองคน ชาวอังกฤษสองคน ชาวออสเตรเลียหนึ่งคนและชาวซาอุดิอาระเบียหนึ่งคนในเหตุการยิงที่เกิดขึ้นในกรุงริยาดเมืองหลวงของซาอุดิอาระเบีย

    สิ่งที่ควรกล่าวถึงก็คือว่า จนถึงขณะนี้แหล่งข่าวอื่นๆ ยังไม่ได้รายงานข่าวนี้

    เมื่อคืนนี้ (เสาร์ที่21 เมษายน) รายงานข่าวต่างๆ ที่ไม่เป็นทางการได้ถูกตีพิมพ์เกี่ยวกับการระเบิดและการยิงที่เกิดขึ้นในริยาดเมืองหลวงของซาอุดิอาระเบียใกล้กับพระราชวังที่กษัตริย์ซัลมาน หลายแหล่งข่าวได้เผยแพร่ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ลงในข้อความต่างๆ ในหน้าทวิตเตอร์ และกล่าวว่าการยิงปืนเหล่านี้เป็นความพยายามที่จะทำรัฐประหาร บางแหล่งบอกว่าเหตุผลของการยิงปืนเหล่านี้ เนื่องมาจากการล่วงล้ำเข้ามาในขตพระราชวังของโดรน (UAV) ลำหนึ่ง และบางรายงานที่ไม่เป็นทางการก็ได้ระบุถึงความเป็นไปได้ว่าเกิดจากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย

    ที่มา : Young Journalist Club (yjc.ir)
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม


    http://www.islamicstudiesth.com/index.php/news_articles/18-news_articles/1385-drone-shot-down-riyad
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,069
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กลาโหมเยเมน พร้อมตอบโต้อาชญากรที่ลอบสังหาร “ซอและห์ อัล-ซอมาด"
    Created: Tuesday, 24 April 2018 01:10 | Published: Tuesday, 24 April 2018 01:10 | Written by Admin_taem |
    Saheed-Saleh-Somad1.jpg

    กระทรวงกลาโหมเยเมนกล่าวในการแถลงการณ์ว่า การลอบสังหาร"ซอและห์ อัล-ซอมาด" ประธานสภาสูงทางการเมืองของเยเมนเป็นอาชญากรรมที่จะต้องได้รับการตอบโต้ที่หนักหน่วงอย่างแน่นอน

    กระทรวงกลาโหมเยเมนประกาศว่า กองทัพเยเมนจะไม่นิ่งเฉยต่ออาชญากรรมนี้และมีสิทธิ์ที่จะกำหนดเป้าหมายไปที่ทุกฐานทัพของบรรดาประเทศที่รุกรานทั้งหลาย

    กระทรวงกลาโหมเยเมนและเสนาธิการร่วมของกองทัพของเยเมนกล่าวว่า บรรดาผู้รุกรานทั้งหลายจงเตรียมตัวรับขีปนาวุธของเรา ที่จะส่งไปทำลายอาคารสาธารณะทั้งหมดของพวกเขา

    กระทรวงกลาโหมของประเทศเยเมนได้เน้นย้ำว่า ประเทศทั้งหลายที่รุกรานดินแดนเยเมน และบรรดาผู้นำปรเทศเหล่านั้นที่ได้ล้ำเส้นสีแดงทั้งหมดด้วยการปฏิบัติการที่ป่าเถื่อนทุกๆ รูปแบบนั้นจงรอคอย

    กระทรวงกลาโหมของประเทศเยเมนประกาศว่า บรรดาผู้รุกรานและผู้สนับสนุนจงรอคอยทุกการโจมตีที่หนักหน่วงในการตอบโต้ต่อการกระทำที่เป็นอาชญากรรมของพวกเขา

    ที่มา : อัล-อาลัม
    ศูนย์สารสนเทศอิสลาม สถาบันส่งเสริมการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับอิสลาม


    http://www.islamicstudiesth.com/ind...news_articles/1389-yemen-saheed-soleh-alsomad
     

แชร์หน้านี้

Loading...