ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    RTNI



    เมื่อตกน้ำ/ตกทะเล ทางรอดคือลอยตัวให้ได้นานที่สุด ไม่ใช่การว่ายน้ำเข้าฝั่ง เพราะอาจเหนื่อย หมดแรง จนจมน้ำ...ตาย
    #วิธีใช้กางเกงเป็นชูชีพ

    Source internet
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี

    รายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหว วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.08 น. เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 3.4 ที่ระดับความลึก 1 กม. ศูนย์กลางบริเวณอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ประชาชนในพื้นที่ อำเภอวังสะพุง สามารถรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว และไม่มีรายงานความเสียหาย

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thirachai Phuvanatnaranubala

    "โรงกลั่นมีกำไรจากค่าขนส่งเทียมมากไหม?"
    mSQWlZdCq5b6ZLkmyCQCFQB2AzWL0mKz.jpg oooohbjghhA06xnu4VT-o.jpg
    @Raitium Atjivanantha มาโพสต์ในเพจของผมว่า

    "ข้อความข้างล่างนี้ นำมาจากเฟซบุ๊กของบุคคลที่กล่าวว่า ข้อมูลมาจากบอร์ดของ ปตท. ครับ

    ไม่ต้องสมมุติค่าขนส่งแล้ว ... ได้ตัวเลขจริงมาดูกันครับ

    แต่ละปี สมาคมเรือขนส่งน้ำมันจะประกาศตารางค่าขนส่งของทุกเส้นทางในโลก ผู้จ้างจะต่อรองค่าขนส่งกับเจ้าของเรือโดยคุยกันเป็น % ของค่าขนส่งที่ประกาศ

    ผู้บริหารที่ ปตท น่ารักมาก ขอกลางดึกก็ตอบทันที

    สรุปว่า ค่าขนส่งจากซาอุไปสิงคโปร์คือ $10.09/ตัน ค่าขนส่งจากซาอุมาระยองคือ $12/ตัน ตลาดเรือปัจจุบันอยู่ที่ 45% ถึง 50% ของค่าขนส่งที่ประกาศ

    คิดออกมาเป็น 14.7 สตางค์/ลิตรถึงสิงคโปร์และ 17.3 สตางค์/ลิตรถึงระยองบนเรือขนาดสองแสนเจ็ดหมื่นตัน ส่วนต่างคือต้นทุนจริงที่เกิดขึ้นจริงจากสิงคโปร์มาไทย

    แต่สาวกควรเชื่อผู้เชี่ยวชาญเทียม ว่าเป็นค่าขนส่งเทียม จะได้มีเรื่องอวดฉลาดต่อไปครับ"

    ผมวิจารณ์:-

    ส่วนต่างระหว่างค่าขนส่ง *น้ำมันดิบ* จากตะวันออกกลางถึงสิงคโปร์ กับ จากตะวันออกกลางถึงระยอง คือลิตรละ 2.6 สตางค์ (17.3-14.7)

    หรือ 0.026 บาทต่อลิตร! พูดง่ายๆ เป็นเลขกลมๆ แต่ละลิตร ไม่ถึง 3 สตางค์

    และถ้าโรงกลั่นในไทย จะอ้างว่ามีค่าขนส่ง *น้ำมันดิบ* สูงกว่าโรงกลั่นสิงคโปร์ ก็คือ เพียงลิตรละ ไม่ถึง 3 สตางค์ ดังที่แสดงนั่นเอง

    การที่โรงกลั่นในไทย จะอ้างภาระ ส่วนต่างต้นทุนจริงค่าขนส่ง *น้ำมันดิบ* ที่สูงกว่าสิงคโปร์ จึงไม่สามารถอ้างได้ เกินลิตรละ 3 สตางค์!!!

    ถามว่า ค่าขนส่งเทียม *น้ำมันสุก* คือน้ำมันสำเร็จรูป จากสิงคโปร์มาไทย ที่บวกให้โรงกลั่น เป็นเท่าไหร่?

    ในบทความ กลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีผู้บริหารบริษัทพลังงานอยู่ด้วยหลายคน

    [ค่าขนส่งเทียม *น้ำมันสุก*] จากสิงคโปร์มาไทย คือ ลิตรละ 20 สตางค์ ถึง 30 สตางค์!!!

    จะเห็นได้ว่า [ค่าขนส่งเทียม *น้ำมันสุก*] ที่รัฐอนุญาตให้โรงกลั่นบวก สูงกว่า [ส่วนต่างต้นทุนจริงค่าขนส่ง *น้ำมันดิบ*] เกือบ 10 เท่า

    ดังนั้น ถ้าข้อมูลเหล่านี้ถูกต้อง ...

    โรงกลั่นได้กำไรไปฟรีๆ ลิตรละ 17 สตางค์ ถึง 27 สตางค์!

    และนอกจาก [ค่าขนส่งเทียม *น้ำมันสุก*] แล้ว โรงกลั่นยังได้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการนำเข้าอีกด้วย เช่น ค่าประกันภัย ค่าสูญเสีย เป็นต้น

    เป็นอันว่า กติกาของรัฐ ให้ประโยชน์แก่โรงกลั่น น่าจะไม่น้อยกว่า ลิตรละ 20 สตางค์ ถึง 30 สตางค์

    ถามว่า ประโยชน์ที่โรงกลั่นได้ ลิตรละ 20 - 30 สตางค์ สำคัญอย่างไรต่อโรงกลั่น?

    บทความดังกล่าว ระบุว่า โรงกลั่นในไทยมีกำไรมีค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 1.00 - 1.20 บาทต่อลิตร

    และเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว กำไรสุทธิอยู่ที่ลิตรละ 20 สตางค์ ถึง 40 สตางค์ เท่านั้น!

    ดังนั้น กติกาของรัฐ ที่ให้ประโยชน์แก่โรงกลั่น ซึ่งน่าจะไม่น้อยกว่า ลิตรละ 20 สตางค์ ถึง 30 สตางค์ จึงเป็นผลประโยชน์ที่มีนัยสำคัญอย่างมาก!!!

    ค่าใช้จ่ายนำเข้าเทียมดังกล่าว ถึงขั้นทำให้กำไรสุทธิของโรงกลั่นในไทย เกือบจะดับเบิ้ล เลยหรือนี่?

    ถ้าตัวเลขถูกต้อง นับว่ารัฐใจดีอย่างไม่น่าเชื่อ!

    ทั้งนี้ ผู้ที่เห็นใจโรงกลั่น ก็ชี้แจงว่า โรงกลั่นในไทยจำเป็นต้องได้ ค่าใช้จ่ายนำเข้าเทียมดังกล่าว

    โรงกลั่นในไทยจะอ้างว่า สิงคโปร์มีขนาดกำลังกลั่นใหญ่กว่า ทำให้ต้นทุนต่ำกว่า

    แต่ผมขอแย้งว่า เนื่องจากกำลังผลิตในไทยเกินระดับ minimum optimal capacity แล้ว ต้นทุนต่อหน่วยจึงจะไม่แตกต่างจากสิงคโปร์เท่าใดนัก

    ผมคิดตามทฤษฎีวิศวการกำลังผลิตทั่วไปว่า ถ้าจะแตกต่าง ก็น่าจะอยู่ในระดับต่อลิตร เพียงไม่ถึงหนึ่งหรือสองสตางค์

    แต่ค่าแรง เงินเดือน และค่าใช้จ่ายจาก supplier ในไทย ก็ย่อมเยากว่าสิงคโปร์

    ดังนั้น ในความเห็นของผม ถ้าเพียงโรงกลั่นในไทย ซื้อน้ำมันดิบอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีบวก ไม่มีลบ ...

    ย้ำ *** อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีบวก ไม่มีลบ ...

    และเพียงจ่ายเงินเดือน โบนัส แต่พองาม

    และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ประเภทพาผู้สื่อข่าวไปดูงานกึ่งเที่ยวในต่างประเทศ เป็นต้น

    โรงกลั่นในไทย ก็น่าจะสามารถคุมต้นทุนให้ต่ำกว่าสิงคโปร์ได้ไม่ยาก

    วันที่ 11 มิถุนายน 2561
    ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
    Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายกฯ มาเลย์ร้องเจรจา TPP ใหม่ ชี้ประเทศเล็กต้องได้สิทธิพิเศษ
    เผยแพร่: 11 มิ.ย. 2561 13:58: ปรับปรุง: 11 มิ.ย. 2561 15:04: โดย: MGR Online
    561000006017701.jpg

    เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซียเรียกร้องในวันนี้ (11 มิ.ย.) ให้มีการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership หรือ ทีพีพี) กันใหม่อีกครั้ง และร้องขอความคุ้มครองให้กับประเทศเล็กๆ ในการค้าระหว่างประเทศ

    มาเลเซียร่วมกับอีก 10 ประเทศผลักดันข้อตกลงทีพีพีในเดือนมีนาคม ถึงแม้ว่าทรัมป์จะถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงการค้าหลายใหญ่ขนาดใหญ่นี้แล้วก็ตาม

    อย่างไรก็ตาม มหาเธร์ โมฮัมหมัด บอกกับที่ประชุมในกรุงโตเกียวว่า เขาไม่ชอบข้อตกลงนี้เอามากๆ

    “เราต้องการให้มีการเจรจาทีพีพีใหม่” เขากล่าวในการปราศรัยต่อที่ประชุม Future of Asia

    “เราต้องยอมรับ มีอุตสาหกรรมเกิดใหม่ ประเทศเกิดใหม่ และประเทศที่เพิ่งจะเริ่มเติบโตเท่านั้น” เขากล่าว

    “ประเทศเหล่านี้ต้องการสิทธิพิเศษ สิ่งที่คุ้มครองพวกเขา เนื่องจากพวกเขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะแข่งขันกับประเทศการค้ายักษ์ใหญ่ ประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ของโลก”

    เจ็ดประเทศรอบมหาสมุทรแปซิฟิกลงนามข้อตกลงทีพีพีฉบับแก้ไขในเดือนมีนาคม เลือกที่จะรักษาข้อตกลงนี้หลังจากมันถูกทิ้งให้เป็นหมันเมื่อทรัมป์ถอนตัวเพื่อทำตามนโยบาย “อเมริกามาก่อน” ของเขา

    561000006017702.jpg

    หลังจากนั้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดสงครามการค้าด้วยการออกมาตรการเพิ่มภาษีและประณามพฤติกรรมการค้าที่ไม่ยุติธรรม กระทั่งไม่ยอมรับแถลงการณ์ร่วมในการประชุมซัมมิทจี 7 เกี่ยวกับความไม่เห็นพ้องทางการค้า

    ในระหว่างการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของเขานับตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งอย่างเหนือความคาดหมายเมื่อเดือนที่แล้ว มหาเธร์ กล่าวว่า หลายประเทศอย่างมาเลเซียต้องการความช่วยเหลือในการค้าระหว่างประเทศ

    “ประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขันน้อยต้องได้รับค่าตอบแทนอันเหมาะสม มันคล้ายกับการตีกอล์ฟ คนที่อ่อนแอที่สุดจะได้รับแต้มต่อมากที่สุด นั่นจะทำให้การแข่งขันยุติธรรมมากขึ้น” เขากล่าว

    ประเทศคู่สัญญาทีพีพีมีสัดส่วนเท่ากับ 13.5 เปอร์เซ็นต์ของเศรษฐกิจโลกและเป็นตลาดของประชากร 500 ล้านคน

    ข้อตกลงนี้ถูกผลักดันโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ในฐานะหนึ่งในวิธีการตอบโต้อิทธิพลทางการค้าของจีน

    ข้อตกลงนี้ปรับลดภาษีและกำหนดให้สมาชิดปฏิบัติตามมาตรฐานควบคุมขั้นสูงในด้านต่างๆ กฎหมายแรงงานและการปกป้องสิ่งแวดล้อม

    https://mgronline.com/around/detail/9610000057837
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    344540.jpg
    เซ่นโกงเด็ก!สรุปให้ออกจากราชการ‘ผอ.ขนมจีนคลุกน้ำปลา’
    วันจันทร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561, 12.54 น.

    ความคืบหน้ากรณีมีผู้เผยแพร่คลิปโรงเรียนบ้านท่าใหม่ หมู่ 17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ให้เด็กนักเรียนอนุบาลกิน “ขนมจีนคลุกน้ำปลา” ในถาดหลุม พร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง ต่อมาได้มีคำสั่งย้ายนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว ออกจากพื้นที่ ไปช่วยราชการประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต2 (สพป.สฎ เขต 2 ) นอกจากนี้คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนให้ตรวจสอบความผิดของ ผอ.โรงเรียนจำนวน 10 ข้อ ซึ่งผลสรุปชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงจำนวน 5 ข้อ 1.เรื่องโครงการอาหารกลางวันไม่ได้คุณภาพ 2.ทุจริตโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตภายในโรงเรียน 3.ขายน้ำอัดลมให้เด็ก 4.ขายปาล์มน้ำมันโรงเรียนนำเงินไปใช้ส่วนตัว 5.ทุจริตโครงการปักเสาไฟฟ้า มีโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ

    ล่าสุดวันนี้(11 มิ.ย.61) มีรายงานว่า นายสมเชาว์ ได้เดินทางเข้ามารายงานต่อนายประทีป ทองด้วง ผอ.สพป.สฎ เขต 2 ที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี แล้ว หลังครบกำหนดลากิจ 5 วัน และได้ยื่นลากิจต่ออีก 5 วันนี้ตามสิทธิ

    ด้านนายจักรรินทร์ อภิสมัย รอง ผอ.สพป.สฎ เขต 2 ในฐานะประธานการสอบสวน กล่าวว่าวันนี้นายสมเชาว์ ได้เดินทางมาที่สำนักงานเขต ตั้งแต่เช้าและได้ยื่นหนังสือลากิจอีก 5 วันตามสิทธิต่อฝ่ายบริหารงานบุคคลจากนั้นก็เดินทางกลับทันที ส่วน ผอ.เขตฯจะอนุมัติให้ลาหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของ ผอ.เขตฯ หากไม่อนุมัติก็จะเรียกตัวกลับมา

    “เบื้องต้นในส่วนของเขตทำสำนวนสอบสวนเสร็จแล้ว 586 หน้า เสนอให้ออกจากราชการไว้ก่อน นำเสนอศึกษาธิการจังหวัดดำเนินการต่อไป ซึ่งการสอบสวนมีบางส่วนที่รับตรง บางส่วนก็ปฏิเสธ” นายจักรรินทร์ กล่าว

    http://www.naewna.com/local/344540
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    344543.jpg
    ทนายบุกจี้ดีเอสไอ แจ้งข้อหา 'อุตตม-ชัยณรงค์' ฟอกเงินกรุงไทยก่อนหมดอายุความ วันจันทร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561, 13.14 น.

    วันที่ 11 มิถุนายน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวันชัย บุนนาค ทนายความอิสระ ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ ผ่าน ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีได้ยื่นเรื่องกล่าวโทษดำเนินคดีผู้กระทำความผิดฟอกเงิน ในคดีปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษฎามหานคร เนื่องจากเป็นคดีตั้งแต่ปี 2546 และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตาม ม.157 ไปแล้ว ส่วนคดีฟอกเงินเป็นคดีที่ต่อเนื่องมา ซึ่งขณะนี้ใกล้จะขาดอายุความในเดือนธันาวาคมนี้

    นายวันชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มายื่นเรื่องต่อดีเอสไอไปแล้วหลายครั้ง ถึงที่มาที่ไปของเงิน 3,000 กว่าล้าน ซึ่งถูกกระจายไปตามที่ต่างๆที่ไม่ถูกวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมเงิน แต่ยังไม่มีความคืบหน้า วันนี้จึงมาติดตามทวงถามอีกครั้ง โดย นายวันชัย กล่าวว่า คดีทุจริตปล่อยสินเชื่อธนาคารกรุงไทยนั้น มีผู้บริหารธนาคาร 2 ใน 5 ราย คือ นายอุตตม สาวนายน ซึ่งเป็น รมว.อุตสาหกรรม ในปัจจุบัน กับ นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ ที่มีอำนาจลงนามอนุมัติสินเชื่อให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร วงเงิน 9,900 ล้านบาท และมีลายมือชื่อหลักฐานชัดเจน แต่เมื่อมีการพิจารณาคดีฟอกเงิน แต่กลับไม่ถูกแจ้งข้อหา อ้างว่ากันไว้เป็นพยาน จึงอยากให้ดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่อย่างเท่าเทียมกันกับคนทุกกลุ่ม และมีการดำเนินคดีกับ2คนนี้ เพื่อให้เกิดความศรัทธากับประชาชน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุใดคดีถึงถูกระงับไป และมีการสอบสวนหรือไม่

    นายวันชัย ยังเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บริหารธนาคารกรุงเทพด้วย ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทในเครือกฤษดามหานครเพราะมีการตัดลดยอดหนี้ ให้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานครจาก7,800 ล้านบาทเหลือเพียง 4,500 ล้านบาท อันเป็นต้นเหตุของการนำเงินส่วนต่าง กว่า 3,000 ล้านบาท ที่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานครกู้ยืมจากธนาคารกรุงไทยกระจายสู่บัญชีต่างๆซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีฟอกเงินจากกรณีทุจริตปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทยดังกล่าว ดีเอสไอ ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ นายทักษิณ ชินวัตร และพวกจำนวน 4 คน เป็นผู้ต้องหา

    http://www.naewna.com/politic/344543
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    344562.jpg
    เปิดเซฟเฮ้าส์เค้น‘พิสิฐชัย’ แฉพิรุธเคยโพสต์จับ‘เงินทอนวัด’ลอต3
    วันจันทร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561, 14.25 น.

    ความคืบหน้ากรณี นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมเจ้าอาวาส 4 วัดดังทุจริตคดีเงินทอนวัด

    ล่าสุดวันนี้(11 มิ.ย.61) มีรายงานว่าตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ได้เชิญตัวนายพิสิฐชัยไปสอบปากคำถึงกรณีดังกล่าวในสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ไม่ใช่กองปราบปราม เนื่องจากเกรงว่าสื่อมวลชนจะทำให้นายพิสิฐชัยตกใจ และไม่ให้ข้อมูล เบื้องต้นจากการพูดคุยนายพิสิฐชัยให้ความร่วมมืออย่างดี โดยรับสารภาพว่าเป็นการโพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยตัวเองจริง เพราะต้องการให้สื่อมวลชนและประชาชนรับทราบ

    นอกจากนี้ นายพิสิฐชัยยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งพบว่าก่อนหน้านี้นายพิสิฐชัยได้เคยโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจับกุมคดีเงินทอนวัดลอต 3 ด้วย ซึ่งขณะนี้ต้องรอให้มีผู้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายพิสิฐชัยก่อน จึงจะสามารถแจ้งข้อหากับนายพิสิฐชัยได้

    เบื้องต้น มีรายงานอีกว่าทางดีเอสไอ จะเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ในกรณีดังกล่าวเอง เนื่องจากเป็นการตรวจพบมูลฐานการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของตนเอง และในวันพรุ่งนี้(12 มิ.ย.61) จะนำตัวนายพิสิฐชัย มารับทราบข้อกล่าวหาที่กองปราบปรามเอง ในข้อหาความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

    http://www.naewna.com/local/344562
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    344552.jpg
    ขีดเส้น3วัน!สั่งเช็คปมฉาว‘อาหารกลางวันเด็ก’ทุกโรงเรียน
    วันจันทร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561, 13.55 น.

    11 มิ.ย.61 นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ.) เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้นายสนิท แย้มเกษร ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กพฐ. ส่งหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) ทุกเขต เพื่อซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินงานโครงการอาหารกลางวัน และรายงานข้อมูลต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และเลขาธิการ กพฐ.ภายในวันพุธที่ 13 มิ.ย.นี้

    สำหรับข้อสั่งการ ประกอบด้วย 1.สำรวจการโอนเงินงบประมาณค่าอาหารกลางวันจากทุกโรงเรียนเฉพาะภาคเรียนที่1/2561 ดังนี้

    1.1 โรงเรียนได้รับโอนเงินงบประมาณจัดสรรค่าอาหารกลางวันสำหรับภาคเรียนที่ 1 /2561หรือยัง กรณีที่ได้รับช้ากว่าวันเปิดภาคเรียนได้รับเมื่อใด หรือถ้ายังไม่ได้รับการโอนเงินงบประมาณ โรงเรียนดำเนินการอย่างไร กรณีที่ได้รับงบประมาณช้าหรือยังไม่ได้รับโอนเงินงบประมาณ ให้ระบุด้วยว่าโรงเรียนนั้นๆอยู่ในพื้นที่ที่ต้องได้รับจัดสรรและโอนงบประมาณจากหน่วยงานใด ระบุอำเภอและจังหวัดด้วย

    1.2 กรณีงบประมาณโอนช้าหรือยังไม่ได้รับการโอนงบประมาณ โรงเรียนได้จัดอาหารกลางวันให้นักเรียนหรือไม่ ถ้าจัดอาหารกลางวันมีวิธีการในการบริหารหรือจัดหางบประมาณมาดำเนินการอย่างไร

    1.3 ให้รายงานข้อมูลตามข้อ 1.1 และ 1.2 โดยให้ทุกเขตพื้นที่และสายงานการศึกษาพิเศษรวบรวมข้อมูลส่งที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม(สพป.) เขต1 ของทุกจังหวัด และให้ ผอ.สพป.เขต 1 รายงานข้อมูล ผวจ. และเลขาธิการ กพฐ. ภายในวันที่13 มิ.ย.นี้ ซึ่งสพฐ.จะรวบรวมข้อมูลรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร็ว

    เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ข้อ 2.ให้ ผอ.สพท.และผู้บริหารสายงานการศึกษาพิเศษ รายงานการสำรวจสภาพการดำเนินการอาหารกลางวันที่ สพฐ.ได้สั่งการแล้ว ให้ติดตาม ตรวจสอบทุกโรงเรียน ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. โดยให้รายงานภายในวันที่ 13 มิ.ย.เช่นเดียวกัน โดยประเด็นการรายงาน ดังนี้

    2.1 จำนวนโรงเรียนในเขตพื้นที่

    2.2 จำนวนโรงเรียนที่ได้รับจัดสรรงบประมาณค่าอาหารกลางวัน

    2.3 จำนวนโรงเรียนที่ได้รับการโอนเงินงบประมาณค่าอาหารกลางวัน ก่อนวันที่ 16 พ.ค.

    2.4 จำนวนโรงเรียนที่ ได้รับการโอนเงินงบประมาณค่าอาหารกลางวันแล้วแต่หลังวันที่ 16 พ.ค.

    2.5 จำนวนโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับการโอนเงิน ณ วันที่ 11 มิ.ย.

    2.6 จำนวนโรงเรียนที่ถูกร้องเรียนและปรากฏข่าวในสื่อมวลชน และผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีมูลหรือไม่มีมูล

    2.7 จำนวนโรงเรียนที่ตรวจสอบแล้ว มีปัญหาการดำเนินการกี่โรงเรียน สพท.ได้แก้ปัญหาอย่างไร.

    2.8 จำนวนโรงเรียนที่ดำเนินการได้ดีสมควรยกย่องชื่นชมให้เป็นต้นแบบ พร้อมแนวทางที่เป็นความสำเร็จของแต่ละโรงเรียน

    3.ข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการอาหารกลางวันจากโรงเรียน และชุมชนที่เกี่ยวข้อง

    “ให้ทุกโรงเรียนตรวจสอบงบประมาณอาหารกลางวัน ภายใน 3 วัน ซึ่งต้องการรู้ว่าได้ก่อนเปิดเทอม หลังเปิดเทอมถึงตอนนี้มีอยู่เท่าไหร่ โดยที่ให้ตรวจสอบตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าพบโรงเรียนมีปัญหากี่โรง สภาพปัญหาเป็นอย่างไร โรงเรียนดีเด่นเหมาะเป็นต้นแบบมีกี่โรง เพราะตอนนี้มีข้อมูลร้องเรียนเข้ามามาก บางเรื่องจริง บางเรื่องไม่จริง ในไลน์มีครูตัดพ้อว่าที่ผ่านมาเขาพยายามทำเต็มที่ บางทีเปิดเทอมยังไม่ได้เงินก็แก้ปัญหาไปก่อน ดังนั้น สพฐ.ต้องการตรวจสอบให้ได้ข้อมูลแท้จริง แล้วจะได้แก้ไขต่อไป” นายบุญรักษ์ กล่าว

    http://www.naewna.com/local/344552
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    344546.jpg
    กราบหัวใจเธอ!สาวตาบอดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้รพ. เชื่อผลบุญช่วยกลับมามองเห็น วันจันทร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561, 13.32 น.

    11 มิ.ย.61 หลังจากที่มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตที่น่าหดหู่ใจของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือ “น้องยุ้ย” อายุ 26 ปี ชาว ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้างมานานกว่า 7 ปี เพราะผลข้างเคียงจากการทำงานโรงงานหลอมเหล็ก อีกทั้งสามียังหนีไปบวช ทิ้งให้เลี้ยงลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือนตามลำพัง อาศัยเพิงเล็กๆที่ล้อมรอบและมุงด้วยสังกะสีเก่าผุพังเป็นที่ซุกหัวนอน ปัจจุบันมีเพียงเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเดือนละ 300 บาท ใช้ซื้อข้าวและอาหารกินประทังชีวิต อดมื้อกินมื้อ บางครั้งไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน กระทั่งมีผู้ใจบุญทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้มีจิตศรัทธา นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงบริจาคเงินเข้าบัญชีเพื่อช่วยเหลือน้องยุ้ย อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มียอดเงินบริจาคแล้วกว่า 1.5 ล้านบาท

    ล่าสุดวันนี้ “น้องยุ้ย” พร้อมญาติๆ เดินทางไปยังโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพื่อนำเงินจากที่ได้รับบริจาคจำนวน 50,000 บาท ไปบริจาคต่อให้กับโรงพยาบาลบุรีรัมย์ เพื่อใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ หรือเวชภัณฑ์ยาตามที่ตั้งใจ แต่ทางโรงพยาบาล แจ้งว่า ไม่สามารถรับเงินสดที่นำมาบริจาคให้ได้ เนื่องจากเป็นเงินที่ผู้ใจบุญจากทั่วประเทศตั้งใจบริจาคช่วยเหลือ “น้องยุ้ย”

    YRR03.jpg

    อย่างไรก็ตาม หาก “น้องยุ้ย” มีความประสงค์จะบริจาคจริง ก็แนะนำว่าให้มอบเป็นอุปกรณ์การแพทย์มากกว่า เช่น เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่ทางโรงพยาบาลมีความจำเป็นต้องใช้และขณะนี้ยังไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้บริจาค ซึ่งทันทีที่ น้องยุ้ย ได้รับทราบเหตุผล ก็ตอบรับ และแจ้งความจำนงว่าจะแบ่งปันเงินที่ได้รับบริจาค ซื้อเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจไฟฟ้าเพื่อมอบให้กับแผนกผู้ป่วยโรคตาทันที

    ด้าน นพ.จรัญ ทองทับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า เครื่องตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้า เป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการตรวจคลื่นหัวใจผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจรักษา ซึ่งขณะนี้ในส่วนของโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ยังมีความต้องการเครื่องดังกล่าวอยู่จำนวนมาก หากเทียบกับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารับการตรวจรักษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าการที่ได้รับบริจาคในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วย

    ส่วนการดูแลรักษา “น้องยุ้ย” ทางโรงพยาบาลก็ยังคงดูแลรักษาต่อเนื่อง แต่ในส่วนไหนที่เกินขีดความสามารถก็ต้องส่งไปรักษายังโรงพยาบาลที่มีขีดความสามารถสูงกว่า ร่วมในการดูแลรักษาในอีกทางหนึ่ง ขอขอบคุณน้องยุ้ย และครอบครัว ที่เห็นความสำคัญและตั้งใจบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ให้ในครั้งนี้ด้วย

    YRR02.jpg

    ด้าน “น้องยุ้ย” กล่าวว่า ตอนแรกตั้งใจจะนำเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญ มามอบให้กับโรงพยาบาลจำนวน 50,000 บาท เพื่อให้นำไปซื้อเครื่องแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาผู้ป่วย แต่พอทางโรงพยาบาลแจ้งเหตุผลให้ฟังว่าไม่สามารถรับเป็นเงินสดได้ และแนะให้บริจาคเป็นเครื่องมือแพทย์แพทย์ ก็ตัดสินใจแจ้งความจำนงจะซื้อเครื่องตรวจคลื่นหัวใจมอบให้กับทางโรงพยาบาลทันทีตามความตั้งใจ เพราะเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับผู้ป่วยคนอื่น และเชื่อว่าผลบุญที่ตนเองทำสักวันอาจจะเกิดปาฏิหาริย์ ทำให้กลับมามองเห็นแสงสว่างได้อีกครั้ง


    http://www.naewna.com/local/344546
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    344519.jpg
    เด้งด่วน!!! ดีเอสไอสั่งฟัน'พิสิฐชัย'พ้นเก้าอี้ เซ่นปล่อยข่าวจับเงินทอนวัดดัง วันจันทร์ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561, 11.42 น.

    ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีคำสั่งให้ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ้นหน้าที่จากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ โดยมีผลทันที

    ทั้งนี้สืบเนื่องจาก นายพิสิฐชัย ได้โพสต์ข้อความลงใน Facebook ส่วนตัว ระบุว่า จะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดใน กทม. เพิ่มเติม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างหนัก

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในคำสั่งดังกล่าว ยังได้มอบหมายให้ กองภาษีอากรเชิญผู้แทน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าเป็นความผิดทางวินัยหรือทางอาญาหรือไม่แล้วรายงานให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษทราบโดยเร็ว

    http://www.naewna.com/local/344519
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ย่อโลก

    #สื่อเกาหลีเหนือเผยประเด็นหารือทรัมป์คิม
    #คุยปรับความสัมพันธ์ใหม่
    #เจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี

    ก่อนการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือจะมีขึ้นพรุ่งนี้ หนังสือพิมพ์โรดอง ซินมุน สื่อของพรรคแรงงานเกาหลีได้ตีพิมพ์บทบรรณาธิการที่ชี้ว่าอาจมีการฟื้นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ โดยระบุว่า ในการเดินทางเยือนสิงคโปร์ของนายคิมเพื่อพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ เกาหลีเหนือต้องการสถาปนาความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างกันเพื่อให้สอดรับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เช่นเดียวกับที่จะพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาบนคาบสมุทรเกาหลีที่เป็นความกังวลร่วมกันซึ่งรวมถึประเด็นการลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
    .
    .
    เช่นเดียวกับสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของรัฐบาลเกาหลีเหนือที่ระบุว่า ประเด็นในการหารือระหว่างสองผู้นำ จะมีทั้งการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ รวมถึงการสร้างกลไกรักษาสันติภาพอย่างมั่นคงถาวรบนคาบสมุทรเกาหลี และประเด็นการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งรายงานของสื่อเกาหลีเหนือที่มีขึ้นก่อนการประชุมเพียงวันเดียว แสดงให้เห็นชัดถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเกาหลีเหนือหลังจากที่แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯมายาวนานหลายทศวรรษ
    .
    .
    การปลดอาวุธนิวเคลียร์ถูกมองว่าเป็นหัวใจของการประชุมครั้งนี้ ที่ผ่านมาสหรัฐฯแสดงความต้องการมาตลอดให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่หลายฝ่ายก็คาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือจะยืนยันต่อต้านและยังไม่ชัดเจนว่าต้องการข้อตกลงใดแลกเปลี่ยน โดยทั้งผู้นำเกาหลีเหนือและสหรัฐฯเดินทางถึงสิงคโปร์แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ก่อนพรุ่งนี้จะพบกันที่โรงแรมบนเกาะเซนโตซา ขณะที่สำนักข่าวยอัปของเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงของสหรัฐฯและเกาหลีเหนือกำลังประชุมกันในวันนี้เพื่อร่างข้อตกลงเสนอผู้นำของทั้งสองประเทศ

    #ย่อโลก

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    THL หุ้นผีดิบสีกา “จุ๋ม” / สุนันท์ ศรีจันทรา
    เผยแพร่: 11 มิ.ย. 2561 13:49: โดย: MGR Online
    561000006024301.jpg

    หุ้นบริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด(มหาชน)หรือTHL ซึ่งตกอยู่ในสภาพตายซาก ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง หลังจากมีชื่อนางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล หรือสีกาจุ๋ม เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 จำนวน 600.02 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.93%

    สีกาจุ๋มเป็นสาวคนสนิท อดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ และเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่พาอดีตพระพรหมเมธีหนีคดีเงินทอนวัดไปเยอรมนี

    การตกเป็นข่าวดังนำไปสู่การสืบสาวประวัตินางศศิร์อร โดยเฉพาะพฤติกรรมในตลาดหุ้น ซึ่งนางศศิร์อรเป็นนักลงทุนรายใหญ่คนหนึ่ง ถือหุ้นอยู่หลายบริษัท ส่วนใหญ่เป็นหุ้นร้อน รวมทั้งหุ้น THL

    เบื้องหลังของหุ้น THL มีความน่าสนใจ ไม่น้อยไปกว่าพฤติกรรมส่วนตัวของ นางศศิร์อร เหมือนกัน เพราะหุ้นตัวนี้ สร้างความเสียหายให้นักลงทุนมาแล้วถึง 3 รอบ โดยปัจจุบันถูกพักการซื้อขาย และอยู่ระหว่างฟื้นฟูการดำเนินงาน

    โดยมีนักลงทุนได้รับความเสียหายกว่า 4,000 ราย

    THL เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2524 ดำเนินธุรกิจด้านทรัพยากรและเหมืองแร่ โดยยุคแรก บริษัท นิว ไชน่า รีซอร์สเซส จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 25.50 % ของทุนจดทะเบียน

    สำนักงานทรัพย์สิน ฯ ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ในสัดส่วน 10.34 % ธนาคารไทยพาณิชย์ ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ในสัดส่วน 9.47 % และกระทรวงการคลังถือหุ้น 5 %

    แต่หลังปี 2540 ประสบปัญหาด้านฐานะทางการเงิน ถูกขึ้นเครื่องหมายเอสพี พักการซื้อขาย และย้ายเข้ากลุ่มฟื้นฟูกิจการ โดยใช้เวลาปรับโครงสร้างหนี้อยู่หลายปี รวมทั้งการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ ก่อนหุ้นได้รับอนุมัติให้กลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้ง

    โครงสร้างผุ้ถือหุ้นใหญ่ THL ยุคที่ 2 ประกอบด้วย บริษัท สินธนา โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 15.76 % ของทุนจดทะเบียน พารอน รีซอสเซสส์ อินค์ ถือหุ้น 8.47% นายแทน ลัง หัว ถือหุ้น 7.45 % และธนาคารไทยพาณิชย์ถือหุ้น 5 %

    กลับมาซื้อขายได้ไม่กี่ปี THL ก็ประสบปัญหาเดิมอีก มีปัญหาด้านฐานะการเงิน จนถูกขึ้นเครื่องหมายเอสพีซ้ำสอง หุ้นถูกพักการซื้อขาย นักลงทุนได้รับความเสียหายอีกครั้ง และใช้เวลาฟื้นฟูกิจการหลายปี จนหุ้นได้รับอนุมัติให้กลับเข้ามาซื้อขายใหม่

    โครงสร้างผู้ถือหุ้น THL ล่าสุด กลุ่มเจียมวิจิตรกุล เป็นผู้ถือใหญ่ โดยนายวิจิตร เจียมวิจิตรกุล สามีนางศศิร์อร ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 จำนวน 1,901.29 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 9.20 % ของทุนจดทะเบียน

    THL ถูกตลาดหลักทรัพย์ จับเข้ากลุ่มฟื้นฟูการดำเนินงาน โดยหุ้นถูกพักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2556 ราคาปิดครั้งสุดท้าย 46 สตางค์/หุ้น

    หุ้น THL ถูกตั้งสมญาในหมู่นักลงทุนว่า หุ้น “คาทุ่ง” เพราะเป็นหุ้นเก็งกำไรที่ร้อนแรง มีการปล่อยข่าวลือกระตุ้นแทบทุกรอบที่กลับเข้ามาซื้อขาย ราคาเคลื่อนไหวอย่างหวือหวา แต่รายย่อยที่แห่เข้าไปซื้อขาย มักเจ็บเนื้อเจ็บตัว

    ใครที่หนีไม่ทัน จะได้รับความเสียหายหนัก เมื่อหุ้นถูกแขวนเอสพี

    THL อยู่ในสภาพผีดิบที่รอคืนชีพใหม่ โดยผู้บริหารบริษัท ฯ เคยประกาศไว้ ภายในปี 2561 จะนำหุ้นกลับมาซื้อขายอีกครั้ง หลังจากสร้างความเสียหายให้นักลงทุนมาแล้ว 3 รอบ

    และไม่มีหลักประกันว่า เมื่อกลับเข้ามาซื้อขายในรอบที่ 4 จะไม่สร้างความเสียหายให้นักลงทุนซ้ำอีก

    THL ไม่แตกต่างจากหุ้นอีกหลายตัว ที่มีปัญหาฐานะทางการเงิน ถูกจับเข้ากลุ่มฟื้นฟูกิจการ แต่หลังจากแต่งเนื้อแต่งตัวใหม่ ปรับโครงสร้างทางการเงินให้ดูดี เปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ จัดงบให้มีกำไร เมื่อได้รับอนุมัติให้ซื้อขายอีกครั้ง จะกลับมาสร้างความเสียหายให้นักลงทุนซ้ำซาก

    ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่เคยทบทวนหุ้นผีดิบคืนชีพเหล่านี้ บริษัทจดทะเบียนใด แต่งงบการเงินให้เข้าหลักเกณฑ์ ก็อนุมัติให้กลับมาซื้อขายได้ทันที แม้จะใช้เวลาฟื้นฟูกิจการนานกว่า 20 ปีก็ตาม โดยในรอบปีเศษ ตลาดหลักทรัพย์ปล่อยหุ้นผีดิบคืนชีพมาสร้างความเสียหายให้นักลงทุนแล้ว 3 บริษัท

    ไล่ตั้งแต่ บริษัท สยามเจนเนอรัล แฟคตอริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SGF หุ้นบริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) APEX และหุ้น บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ

    ล่าสุด กำลังจะปล่อยหุ้น บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน)หรือ NFC กลับเข้ามาซื้อขาย หลังจากใช้เวลาฟื้นฟูกิจการมานานกว่า 15 ปี

    หุ้น THL ของสีกาจุ๋ม หรือ กลุ่มเจียมวิจิตรกุล อยู่ระหว่างการแต่งตัว เพื่อกลับมาซื้อขายอีกครั้ง

    และตลาดหลักทรัพย์ คงพร้อมอ้าแขนรับ แม้จะกลับเข้ามาทำร้ายนักลงทุนในรอบที่ 4 ก็ตาม

    https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000057828
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จ่ายค่าไฟแพงเกินจริง 8 ปี แฉต้นทุนแฝงสำรองล้นหมื่นเมกะวัตต์ วันที่ 11 June 2018 - 08:00 น.
    p0101110661p1-728x345.jpg
    ตะลึงสำรองไฟฟ้าพุ่ง 10,000 เมกะวัตต์ ชำแหละแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า PDP ผิดพลาด โหมสร้างโรงไฟฟ้าใหม่เกินจำเป็น กกพ.สั่งโรงไฟฟ้า “กฟผ.- กัลฟ์-ไตรเอนเนอร์ยี่-บ่อวิน” หยุดเดินเครื่องแล้ว 10% นักวิชาการจี้รัฐเร่งเคลียร์ต้นทุนแฝง “ค่าไฟฟ้าพร้อมจ่าย” แนะปรับฐานค่าไฟลดลง อย่าให้ชาวบ้าน-ภาคธุรกิจแบกภาระค่าไฟเกินจริง


    แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการโรงไฟฟ้ารายใหญ่กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศ (Reserve Margin) อยู่ในระดับสูงมากกว่าร้อยละ 30 ส่งผลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องบริหารจัดการให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสอดคล้องกับปริมาณการผลิตไฟฟ้า ด้วยการสั่ง “หยุดเดินเครื่อง” โรงไฟฟ้าทั้งของรัฐ-เอกชนบางส่วน รวมถึงโรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP)

    จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีโรงไฟฟ้า IPP ที่ถูกสั่งหยุดเดินเครื่องบางส่วนไปแล้ว ได้แก่ โรงไฟฟ้าหนองแซง จังหวัดสระบุรี กำลังผลิต 1,600 เมกะวัตต์ (MW), โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ บริษัทโกรว์ กรุ๊ป จำกัด กำลังผลิต 700 MW จังหวัดระยอง, โรงไฟฟ้าไตรเอ็นเนอร์ยี่ กำลังผลิต 700 MW และโรงไฟฟ้าบ่อวิน คลีน เอนเนอจี คิดเป็นร้อยละ 10 ของกำลังผลิตติดตั้งรวม

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการสั่งหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเพื่อลดกำลังผลิตลงแล้วก็ตาม แต่ปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศก็ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพยากรณ์กำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ของประเทศ “ผิดพลาด” เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ได้ขยายตัวตามที่คาดการณ์เอาไว้ ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าจากระบบลดลงอย่างมาก ประกอบกับการขยายตัวของพลังงานทดแทนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปเป็นไปอย่าง “สับสน” จนทำให้มีการใช้ไฟฟ้าจากระบบลดลง รวมไปจนถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านสปป.ลาว มีการรับซื้อผลิตไฟฟ้าเข้าระบบมากขึ้น เช่น โครงการโรงไฟฟ้าหงสา กำลังผลิตถึง 1,878 MW

    ผงะไฟล้น 10,000 MW

    นายศุภกิจ นันทวรการ ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะ มูลนิธินโยบายสุขภาวะ กล่าวว่า ปริมาณสำรองไฟฟ้าที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 30 ได้สะท้อนภาพการวางแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ PDP (Power Development Plan) ที่ “ผิดพลาด” ขณะที่หน่วยงานเกี่ยวข้องกลับไม่มีการแก้ปัญหาและปล่อยให้ปริมาณสำรองไฟฟ้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี จากตัวเลขปริมาณสำรองไฟฟ้าที่ร้อยละ 30 คิดเป็นกำลังผลิตที่สูงถึง 10,000 MW ในขณะที่ค่ามาตรฐานกำหนดปริมาณสำรองไว้ที่ร้อยละ 15 หรือประมาณ 3,500 MW เท่านั้น และเมื่อพิจารณาเป็นรายภาคแล้วพบว่าภาคตะวันออกมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ “มากกว่า” ความต้องการใช้ถึงร้อยละ 400 หรือประมาณ 12,000-13,000 MW ขณะที่มีความต้องการใช้เพียง 3,000-4,000 MW เท่านั้น ส่วนในพื้นที่ภาคเหนือก่อนหน้านี้มีกำลังผลิตมากกว่าความต้องการใช้มาอย่างต่อเนื่อง เพิ่งมีความต้องการใช้และกำลังผลิตในพื้นที่เริ่มเข้าสู่จุดสมดุลในช่วงต้นปีที่ผ่านมา (ส่วนการผลิตไฟฟ้าในภาคใต้น้อยกว่าความต้องการใช้จริง)

    [​IMG]
    ดังนั้นกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “จำเป็น” ต้องชี้แจงให้ชัดเจนและนำไปปรับแก้ไขด้วยการ

    1) การสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าทั้งส่วนของ กฟผ.และโรงไฟฟ้า IPP เป็นอย่างไร เพราะเมื่อพิจารณาจากวิธีการบริหารจัดการโดยใช้วิธีสั่งหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าแล้ว ในทางปฏิบัติ กฟผ.ในฐานะผู้รับซื้อไฟฟ้าจะต้องจ่ายส่วนที่เรียกว่า “ค่าความพร้อมจ่าย” หรือค่า AP (Availability Payment) ให้กับโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ IPP “อธิบายง่าย ๆว่า สั่งหรือไม่สั่งเดินเครื่อง กฟผ.ก็ต้องจ่าย” จึงควรมีการเปิดเผยข้อมูลว่า อัตราจ่ายค่า AP ที่แท้จริงเป็นอย่างไรด้วยเพราะถือเป็นต้นทุนแฝงอย่างหนึ่งในค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟ

    2) ในเมื่อการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโรงไฟฟ้าและระบบสายส่งได้ถูกคำนวณรวมไว้ใน “ค่าไฟฟ้าฐาน” ทั้งหมดแล้ว ในเมื่อไม่ได้มีการใช้กำลังผลิตของโรงไฟฟ้าเต็มศักยภาพที่มีอยู่จึงมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ภาครัฐจะ “ปรับลด” ค่าไฟฟ้าฐานลดลงจากปัจจุบันที่เก็บจากผู้ใช้อยู่ที่ 3.75 บาท/หน่วย

    ทั้งนี้ ปัจจุบันค่าไฟฟ้าที่ประชาชนจ่ายจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ค่าไฟฟ้าฐานเรียกเก็บ 3.75 บาท กับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) ที่คำนวณตามความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง รวมปัจจุบันค่าไฟฟ้าเก็บอยู่ประมาณ 4 บาทกว่า หากตัดลดต้นทุนจากโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้สั่งให้เดินเครื่องลงไปได้บ้าง น่าจะทำให้ค่าไฟฐานลดลงจากที่เรียกเก็บอยู่ในปัจจุบัน

    3) ควรปรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ IPP ให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาการผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ควรเพิ่มรายละเอียดในกรณีที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามคาดและความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ให้รัฐสามารถ “ขยับเลื่อน” ระยะเวลาการผลิตเข้าระบบได้หรือไม่

    และ 4) ขอให้ภาครัฐหยุดแผนสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และให้ใช้วิธีพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมในพื้นที่มีปัญหาไฟฟ้าขาด เช่น ภาคใต้

    “ต้องยอมรับว่า ตามแผน PDP ฉบับนี้ ทำให้ภาพรวมไฟฟ้าของประเทศไทยมัน Over Investment มาก ๆ แล้วประชาชนทั้งประเทศก็ร่วมกันแบกค่าไฟฟ้าที่มันสูงเกินจริง ฉะนั้นตอนนี้ภาพของปัญหามันชัดแล้ว ภาครัฐก็ต้องแก้ไขสักที พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาและหวังว่า แผน PDP ฉบับใหม่ที่อยู่ในระหว่างแก้ไขจะสามารถแก้ปัญหาภาพรวมไฟฟ้าของประเทศได้”นายศุภกิจกล่าว

    กพพ.รับไฟฟ้าล้นอีก 8 ปี

    ด้านนายวีระพล จิรประดิษฐกุล คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า ปริมาณสำรองไฟฟ้าในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 38-39 เนื่องจาก 1) ความต้องการใช้ไฟฟ้าไม่เพิ่มขึ้นตามที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) นั้น “ไม่ได้เกิดขึ้นมา 2 ปีแล้ว” และยังทำให้ปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงถึง 200-300 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน

    2) การขยายตัวของพลังงานทดแทนเช่น โซลาร์รูฟท็อป และ 3) การรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีโครงการใหม่เริ่มผลิตไฟฟ้าเข้าระบบ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าในระบบของประเทศมี “มากกว่าความต้องการใช้” ส่วนวิธีการบริหารจัดการในขณะนี้ก็คือ การสั่งหยุดเดินเครื่องหรือเดินครื่องผลิตไฟฟ้าเพียงร้อยละ 50 ของกำลังผลิตติดตั้งรวมในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) อย่างเช่น โรงไฟฟ้าอุทัยของกลุ่มบริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงโรงไฟฟ้าอื่น ๆ ซึ่งรวมกำลังผลิตที่ถูกสั่งหยุดเดินเครื่องไม่ถึงร้อยละ 10 ของกำลังผลิตรวม

    นอกเหนือจากการสั่งหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้า IPP แล้วนั้น สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไปก็คือ ต้องปรับลดกำลังผลิตไฟฟ้าในส่วนของ กฟผ.ลงด้วย จากปัจจุบัน กฟผ.มีกำลังผลิตคิดเป็นร้อยละ 40 ของกำลังผลิตติดตั้งรวมทั้งหมด แต่มีการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจริงอยู่ที่ร้อยละ 27 เท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้า IPP ที่ต้องหยุดเดินเครื่องนั้น ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระบุไว้ชัดเจนว่า คู่สัญญา (กฟผ.) จะต้องจ่ายในส่วนที่เรียกว่า ค่าความพร้อมจ่ายอยู่ที่ราว 1 บาทกว่า/หน่วย ซึ่งในแต่ละปีมีการจ่ายในส่วนนี้ไม่มากนัก

    “ปริมาณสำรองไฟฟ้าที่สูงมากกว่า 30% จะถูกลากยาวไปจนถึงปี 2569 จากนั้นจะเริ่มทยอยลดระดับเหลือที่ค่าสำรองไฟฟ้ามาตรฐาน 15% ในช่วงท้ายแผน PDP โดยเฉพาะในปี 2566 เป็นต้นไป จะมีกำลังผลิตใหม่ของโรงไฟฟ้า IPP เข้าระบบอีก 5,000 MW ซึ่งหากมีการขยายตัวของพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นมาอีกก็จะส่งผลให้ปริมาณไฟฟ้าในประเทศเหลือในระบบมากขึ้นอีก” นายวีระพลกล่าว

    สร้างสมดุลผู้ผลิต-ผู้ใช้ไฟฟ้า

    ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) กล่าวว่า รัฐบาลควรวางนโยบายบริหารจัดการด้านพลังงานโดยให้เกิดความสมดุลกับทั้งผู้ผลิตไฟฟ้าและผู้ใช้ไฟโดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน ซึ่งจะต้องพิจารณาจากปัจจัยทุกด้าน ไม่ใช่เพียงเฉพาะต้นทุนทางตรงคือ ค่าไฟ ไม่ใช่จะต้องถูกที่สุด แต่ต้องอยู่ได้ทั้งสองฝ่าย และต้นทุนทางอ้อม ทั้งต้นทุนทางสังคม ต้นทุนสิ่งแวดล้อม การลดภาวะก๊าซเรือนกระจก และความมั่นคงทางพลังงาน เพื่อกำหนดแนวทางในการวางแผนด้านพลังงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

    “รัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักและให้ความสมดุลกับสองฝ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ใช่หมายถึง ราคาถูกสุด แต่ทุกฝ่ายต้องอยู่ได้เพราะหากไม่มีความมั่นคงทางพลังงาน ไทยต้องนำเข้าไฟจากต่างประเทศ หากเกิดปัญหาไฟฟ้าตกดับอย่างกรณีโรงไฟฟ้าหงสาที่เพิ่งดับไป 40-45 นาที ก็อาจเกิดความโกลาหลในภาคส่วนต่าง ๆ แต่อีกด้านหนึ่งการปรับนโยบายเรื่องพลังงานทดแทนที่รัฐบาลมีแนวคิดจะลดปริมาณการผลิตไฟในส่วนนี้เพราะมีต้นทุนสูง ก็ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตพลังงานทดแทนหลายร้อยโรงงานได้รับผลกระทบและไทยก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีปารีสคอนเวนชั่นในการลดปัญหาโลกร้อนและเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้ได้ตามเป้าหมาย 20-25% ของปริมาณความต้องการใช้ไฟในประเทศ” นายเกรียงไกรกล่าว
    https://www.prachachat.net/economy/news-172285
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อาทิตย์ที่แล้วผมได้นอนดูข่าวทีวีรายการพิเศษของสถานีโทรทัศน์ช่อง NHK เรื่อง ความเสียหายจากแผ่นดินไหวใหญ่แห่งทะเลใต้ ที่กำลังใกล้จะมาถึง
    ( 南海トラフ地震 ) แล้วเกิดความรู้สึกสยดสยองเกินกว่าที่จะเก็บไว้คนเดียว และข่าวนี้ถือเป็นข่าวเลวร้ายที่สุดในรอบศตวรรษสำหรับคนรักประเทศญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรหรอกครับ หลายๆคนอาจจะเคยอ่านข่าวที่ผมเคยแปลและเขียนลงเฟสบุ๊คมาบ้างแล้ว และถึงแม้ว่าคนไทยหลายๆคนในญี่ปุ่นก็น่าจะเคยดูข่าวทางทีวีมาบ้างแล้วก็ตามทีเถอะ 〜

    แต่ข่าวล่าสุดที่สมาคมวิศวกรรมโยธาของญี่ปุ่นออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนนั้น มันช่างน่ากลัวและน่าเป็นกังวลอย่างสุดแสนที่จะบรรยายได้เสียจริงๆ โดยหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบประเมินความเสียหายทางด้านสิ่งก่อสร้างที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานของชาติได้ออกมาเตือนรัฐบาลและประชาชนชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศให้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมมากที่สุด กับการรับมือกับภัยพิบัติ ครั้งที่อาจจะพูดได้ว่า รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติก็อาจจะเป็นได้เลยล่ะ 〜

    โดยรัฐบาลได้ยกระดับโอกาสที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตภายใน 30 ปีข้างหน้านี้ จาก 70% เป็น 80% ซึ่งถือเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก เพราะแค่โอกาส 50:50 มันก็น่าเป็นกังวลแล้วล่ะ รัฐบาลคาดว่าแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ขนาดความรุนแรงระดับ M9 ขึ้นไปจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดความสูงถึง 17-20 เมตรพัดถาโถมเข้าถล่มเมืองชายฝั่งไล่ตั้งแต่เกาะคิวชู ทอดยาวผ่านทุกภูมิภาคที่อยู่ติดทางด้านชายฝั่งทะเลทางด้านมหาสมุทรแปซิฟิก พูดได้เลยว่าราบเป็นหน้ากลองอย่างแน่นอน

    หลายพื้นที่ของเกาะคิวชู ฮอนชู ชิโกกุ คิงกิ โทไค ลากยาวมาจนถึงจังหวัดชิสึโอกะนั่นเลยทีเดียว โดยรัฐบาลประเมินว่าจะทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 320,000 คน บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่างๆจะเสียหายหลายนับล้านหลังคาเรือน

    สาธารณูปโภคพื้นฐานสารพัดอย่างจะเสียหายอย่างรุนแรงเกินกว่าที่จะประเมินค่าได้ และคาดว่าจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูถึง 20 ปีเป็นอย่างน้อย และนั่นจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเสียหายในระยะยาวคิดเป็นจำนวนเงินสูงถึงกว่า 1,410兆円 ผมไม่เก่งคณิตศาสตร์เลยไม่รู้จำนวนเงินบาทไทย แต่เอาง่ายๆเลยว่าเท่ากับเงินงบประมาณแผ่นดินประจำปีของญี่ปุ่นประมาณ 14 ปีนั่นเลยล่ะครับ

    ถ้าเศรษฐกิจจะเสียหายมากมายมหาศาลขนาดนั้นแล้วล่ะก็ ผมคิดว่าคนที่ตายไปก่อนน่าจะถือว่าโชคดีกว่าล่ะครับ
    คนที่รอดชีวิตจะได้รับผลกระทบอย่างมหาศาลทางด้านเศรษฐกิจในระยะยาว และจากคำพูดของผู้เชี่ยวชาญก็ทำให้ผมถึงกับขนลุกและหนาวไปถึงขั้วหัวใจเลยก็คือ 〜

    〜 ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องการเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจโลกหรอก ญี่ปุ่นจะกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกภายในระยะเวลาแค่ชั่วข้ามคืน 〜

    พี่น้องชาวไทยในญี่ปุ่นที่บอกว่ารักญี่ปุ่นกันเหลือเกิน ท่านได้เตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติทั้งทางธรรมชาติและทางเศรษฐกิจที่กำลังคืบคลานประชิดใกล้เข้ามากันแล้วหรือยังครับ จบข่าวร้ายภาคค่ำ 〜



    ★彡(>人<;)★彡★彡(*´ω`*)★彡

    #南海トラフ地震 #แผ่นดินไหวใหญ่แห่งทะเลใต้2018

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สพม. 16 สั่งย้าย ผอ.โรงเรียนดังสะเดา บริหารงานไม่โปร่งใส 11 มิ.ย. 2018 / 16:44 น.
    %E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A23.jpg
    สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 16 สั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลาหลังผู้ปกครองและนักเรียนประท้วงบริหารงานไม่โปร่งใส
    ความคืบหน้าหลังจาก ครู นักเรียน ของโรงเรียนสะเดาขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา รวมถึงศิษย์เก่า และ ผู้ปกครอง นับพันคน ร่วมกันแต่งชุดดำชุมนุม ขับไล่ นายประกอบ หาญณรงค์ ผู้อำนวยการโรงเรียน บริหารงานไม่โปร่งใส ส่อทุจริต อย่างน้อย 22 โครงการ

    %E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A21-1024x576.jpg %E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A22-1024x576.jpg

    ล่าสุดนายดลเดช พัฒนรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มอบหมายให้นายสุธี บุญญะถิติ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 16 เป็นตัวแทนเข้าเจรจากับแกนนำและกลุ่มผุ้ชุมนุม พร้อมยืนยันว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบพิรุธมีการทุจริตใน 22 โครงการจริง ได้สั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าวออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมงแล้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนเร่งตรวจสอบเชิงลึกงบประมาณและการบริหารงานทั้ง 22 โครงการด้วย

    https://www.springnews.co.th/view/282629?sp=
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผอ.ฉาวให้เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลาขอลากิจต่อ 5 วัน ยังแบ่งรับแบ่งสู้ อ้างมีพยานบุคคล เผยแพร่: 11 มิ.ย. 2561 11:22: ปรับปรุง: 11 มิ.ย. 2561 11:32: โดย: MGR Online
    561000006017501.jpg

    นายจักรรินทร์ อภิสมัย รองผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต2 (สพป.สฎ เขต 2 )
    สุราษฎร์ธานี - อดีต ผอ.โรงเรียนให้เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลา ย่องเงียบเข้ารายงานตัวพร้อมยื่นใบลากิจต่ออีก 5 วันตั้งแต่เช้าวันนี้ ด้านประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริง ส่งสำนวนให้ศึกษาธิการพิจารณาให้ออกจากราชราชการแล้ว พร้อมระบุ อดีต ผอ.ฉาว ให้การแบ่งรับแบ่งสู้ข้อกล่าวหาส่อทุจริตผิดวินัยร้ายแรงและประพฤติชั่ว อ้างพยานบุคคลแต่ไม่สามารถหักลบพยานหลักฐานด้านเอกสารและพยานบุคคลของคณะกรรมการได้

    ความคืบหน้า โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ม.17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ให้เด็กนักเรียนอนุบาลกิน ขนมจีนคลุกน้ำปลา จนมีคำสั่งย้ายนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว ออกจากพื้นที่ ไปช่วยราชการประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต2 (สพป.สฎ เขต 2 ) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 เป็นต้นมา และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนได้สรุปผลการตรวจสอบ ว่า อดีต ผอ.มีความผิดจริง มีโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการนั้น

    ล่าสุด เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (11 มิ.ย.) นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ได้เดินทางมารายงานตัวต่อนายประทีป ทองด้วง ผอ.สพป.สฎ เขต 2 ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี หลังครบกำหนดลากิจเป็นเวลา 5 วัน และได้ยื่นลากิจต่ออีก 5 วันนี้ตามสิทธิ ตั้งแต่เวลา 07.30 น.ของวันนี้ หลังจากนั้นได้เดินทางออกจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต 2 ทันที
    561000006017502.jpg
    นายจักรรินทร์ อภิสมัย รองผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต2 (สพป.สฎ เขต 2 ) ในฐานะประธานการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียน กล่าวว่า วันนี้นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ได้เดินทางมาที่รายงานตัวที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สุราษฎร์ธานี เขต 2 ตั้งแต่เช้าในเวลาประมาณ 07.30 น.พร้อมกับได้ยื่นหนังสือลากิจต่ออีก 5 วันตามสิทธิต่อฝ่ายบริหารงานบุคคล จากนั้นจึงได้เดินทางกลับในทันที ส่วน ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาฯ จะอนุมัติหรือไม่นั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาฯ หากไม่อนุมัติก็จะเรียกตัวกลับมาทันที

    นายจักรรินทร์ กล่าวต่อว่า ผลการสอบปาก คำนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ ในเบื้องต้นได้รับสารภาพบางข้อ และบางข้อแบ่งรับแบ่งสู้ โดยอ้างพยานบุคคล แต่ไม่สามารถหักลบกับพยานหลักฐานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่มีทั้งพยานเอกสารจำนวน 586 หน้า และพยานบุคคลจำนวนหนึ่ง ที่ปรากฏว่านายสมเชาว์ มีความผิด ส่อเจตนาทุจริตผิดวินัยร้ายแรง และประพฤติชั่ว มีโทษร้ายแรง ให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอการสอบสวนดำเนินการทางวินัยและดำเนินคดีอาญาต่อไป ซึ่งตนได้เซ็นสรุปสำนวนเอกสารทั้งหมดส่งให้ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พิจารณาดำเนินการต่อไปในวันนี้แล้ว

    https://mgronline.com/south/detail/9610000057744
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผมเป็นศิษย์หลายวัด!ส่องความคิด'พิสิฐชัย'ผ่านFB '3พระพรหมเงินทอน'เป็นพระดี ระบุคำเตือนลุกเป็นไฟ
    11 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 16:42 น.

    11 มิ.ย.61- พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร ชื่อนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังเจ้าตัวโพสต์ เฟซบุ๊ก เมื่อช่วงเย็นวันที่
    8 มิถุนายน ระบุข้อความว่า

    "เตรียมจับ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดคาดว่าวัดบวรฯครับ"

    มีคำถามคือ พิสิฐชัย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีภาษีอากร ดีเอสไอ มีเจตนาอย่างไรต่อการโพสต์ข้อความดังกล่าว

    เป็นการแจ้งข่าวให้ประชาชนทราบหรือ "ส่งซิก"ให้พระชั้นผู้ใหญ่รับทราบ

    image_big_5b1e40cda4e9f.jpg

    "พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร" ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างนัก แต่เขาแนะนำตัวเองผ่านการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2560 ว่า

    ....ผมเป็นลูกศิษย์พระหลายๆวัดครับ
    ที่เขียนไปแล้วก็มี
    1.หลวงปู่ดุลย์ อตุโร วัดบูรพาราม วัดสุรินทร์
    2. หลวงปู่พุทธทาส วัดสวนโมกข์
    3. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราขฯ วัดบวรนิเวศวิหาร
    4.สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ
    5. สมณะโพธิรักษ์ วัดสันติอโศก
    6. พระอริยมุนี (ศรี ฐิติพโล). วัดเทวราชกุญชร
    มีโอกาสจะเขียนให้อ่านอีกมีอีกหลายวัดครับ....

    ซึ่งแน่นอนว่า เขาเป็นศิษย์วัดสระเกศ

    เมื่อทวนเวลาย้อนไปดูข้อความที่ "พิสิฐชัย" โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก พบว่าเขารับรู้ประเด็น เงินทอนวัดมาโดยตลอด และรู้ถึงขั้นว่าจะมีการปรับองค์กรสงฆ์ครั้งใหญ่ ดังเช่นการโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2560

    ....ฤา องค์กรคณะสงฆ์ถึงคราวต้องปรับ (ยุบ) ครั้งใหญ่ปัญหาองค์กรมีมากครับ ตอนแรกกะว่าจะเขียนแต่เขียนแล้วกลับใจไม่เขียนดีกว่าฟันธงเลย ไม่รอดครับ ยุบแน่ จัดองค์กรใหม่ พระที่ทำผิดจริงๆจะถูกจับสึกมากครับ
    ง่ายๆสั้นๆ เข้าใจง่ายครับ....

    ทิศทางการมองปัญหาเงินทอนในคณะสงฆ์ของ "พิสิฐชัย" อาจสะท้อนสิ่งที่เขาโพสต์ ว่า ...เตรียมจับ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดคาดว่าวัดบวรฯ....

    image_big_5b1e40ad84fa1.jpg

    วันที่ 6 มกราคม 2561 เขาโพสต์ข้อความ ระบุว่าเป็น "คำเตือน"
    ·
    ...คำเตือน
    งานพุทธศาสนา อย่าแสวงหาความดัง
    จากซากศพ และความเสียหายของ
    พระหรือคนในวงการพุทธศาสนา
    เพราะนั้นคือความเลวระยำ อย่างที่สุด...


    เตือนใคร? หากพิจารณาจากประเด็นว่า "พิสิฐชัย" เคยมีชื่อเป็นแคนดิเดต ผอ.สำนักพุทธฯ ช่วงที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ถูกย้ายไปตบยุง เป็นผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะกลับมาใหม่เพื่อสร้างตำนานจับ 3 พระพรหมเงินทอน แล้ว คำเตือนนี้เหมือนว่า "พิสิฐชัย"จะส่งไปยัง "พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ "

    หลังโพสต์คำเตือนไม่นาน วันที่ 28 มกราคม "พิสิฐชัย" โพสต์ข้อความอีกครั้ง คราวนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า เขามีความคิดอย่างไรกรณี พระเงินทอน

    ...พุทธศาสนาเดือดร้อน ลุกเป็นไฟ กรรมนี้ใครก่อ หลวงพี่ หลวงพ่อต้องคดี ทุกข์เดือดร้อน ความเป็นธรรมหดหาย ทุกข์เศร้าหมอง คนพุทธตีกัน วุ่นวายไปหมด คนรับผิดชอบ ได้ดีเสวยสุข งานการทำไม่เป็น ได้เป็นใหญ่
    ฉิบหา..แน่ คราวนี้......

    ต่อมาวันที่ 18 กุมภาพันธ์ · เหมือนจะลงดีกรีลง "พิสิฐชัย" โพสต์ข้อความว่า

    ....คนมีทั้ง ดีและไม่ดี พระมีทั้งดีและไม่ดี การตรวจสอบพระที่ไม่ดีจึงเข้มข้น ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้สนับสนุน และเป็นอาหารอันโอชของฝ่ายตรวจสอบ ที่แสวงหาความดังและอื่นๆ

    หากเทียบก็เหมื่อนอาหารยังมีอีกหลายเมนู พระดังๆใหญ่ๆ ที่เป็นอลัชชีหรือไม่ดี ยังรอคิว ถูกเขาเชือดครับ
    แค่เริ่มต้นครับ ยังมีอีกมาก แต่ก็ขอสนับสนุนพระดีครับ...

    image_big_5b1e408b63226.jpg

    และแล้ววันที่ 18 เมษายน ความชัดเจนก็ปรากฎว่า "พิสิฐชัย" มีจุดยืนอย่างไร

    ....เรื่องพระผู้ใหญ่ที่เป็นข่าวใหญ่ตอนนี้ โดยมีผู้ไปแจ้งความว่าทำผิดเป็นถึงระดับพระรองสมเด็จ
    วัดสามพระยา วัดสระเกศ วัดสัมพันธวงศ์ เท่าที่อยู่ในวงการมาพระทั้ง 3 ท่านเป็นพระดีนะครับ

    ฟังดูถูกกล่าวหาเรื่องใช้เงินผิดประเภท เช่นเงินโรงเรียนพระ (สำนักพุทธตั้งเรื่องมา). แต่พระท่านไม่รู้นำไปสร้างวัด แบบนี้ฟังดูไม่น่าผิดอะไร ไม่ใช่เงินทอน ไม่มีการทุจริต หากเอาเรื่องแบบนี้ไปลงโทษท่าน ปลดจากตำแหน่งต่างๆก็แปลกดี

    แล้วเกิดพรุ่งนี้ มีคนไปแจ้งความพระระดับสมเด็จฯ เราไม่ต้องไปลงโทษสมเด็จฯด้วยหรือ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไปได้ซะด้วย คิดให้รอบคอบก่อนทำดีกว่าครับ เดี่ยวประเทศชาติจะไม่สงบครับ...

    ล่วงมาถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งนับว่าสำคัญที่สุดในการโพสต์ข้อความของ "พิสิฐชัย"

    image_big_5b1e40f6412b8.jpg

    8 มิถุนายน เวลา 17:38 น. กับข้อความ ....เตรียมจับ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดคาดว่าวัดบวรฯครับ....

    ตามด้วยเวลา 21:41 น.....ทำคดีเงินทอน เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ อีกวัดราชสิทธิครับ...

    image_big_5b1e420080523.jpg

    และสุดท้ายหลังเป็นข่าวครึกโครม ค่ำวันที่ 10 มิถุนายน คือโพสต์ "แก้ไข"

    ....แก้ไข

    ตามที่ข้าฯได้โพสต์เกี่ยวกับการดำเนินการวัดใหญ่ใน กรุงเทพฯ 4 วัด โดยข้าติดตามข่าวจากสื่อสารมวลชนต่างๆแล้วเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนจึงขอแก้ไขข่าวว่า ไม่มีการดำเนินการตามที่โพสต์แต่อย่างใด วัดที่โพสต์ไปมีวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ. วัดบวรฯ วัดราชสิทธิฯ

    จึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้....

    รุ่งขึ้นมีคำสั่งย้าย "พิสิฐชัย" พ้นจากกองคดีภาษีอากร ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ท่ามกลางข้อสัยว่า ทำไมเขาถึงโพสต์ข้อความ เตรียมจับ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ วัดพิชัยญาตฯ และวัดบวรฯ.

    https://www.thaipost.net/main/detail/11134
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เตือนภัยโซเชียล

    สรรพากร is watching you.
    FB_IMG_1528717985823.jpg
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ยิ่งคุ้ยยิ่งเจอ!! อดีต ผอ.โรงเรียนทุจริต? ไม่ได้มีแค่ขนมจีนน้ำปลา
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,989
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รู้แล้วจะอึ้ง! ‘พิสิฐชัย’ บิ๊ก DSI มือปูดข่าวจ่อจับสมภาร 4 วัดดัง คนนี้ไม่ธรรมดา
     

แชร์หน้านี้

Loading...