ติดตามสถานะการณ์

พระศรีอริยเมตไตรย บังเกิดแล้ว! ท้าใครไม่เชื่อ อำเภอไหน จังหวัดไหนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ไปปัสสาวะ รับรองไม่เกิดอาเพศอะไรกับตนแน่นอน

 

นี่คือบุคคลที่บอกว่าตนคือ พศรีอาริยเมตตรัย ทำให้อริยเมตไตร พุทธบารมี กลายเป็นเรื่องตลกโปรกฮาไปเลย ถ้าการลงโทษมนุษย์ ตามพุทธทำนายไม่เกิดในเวลาอีกไม่นานจากนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่บังควร

 

MOREMOVE


#มอร์มูฟเป็นข่าว จีนอ้าแขนช่วยอาหรับปลูกข้าวกินเองกลางทะเลทราย #ใช้น้ำทะเลปลูกแทนน้ำจืดอ่านแล้วเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่สุดท้ายคือเป็นไปได้นะเธอ ทดลองแล้วได้ผลดีเกินคาด ผลผลิตเพียบกว่า 1,200 กิโลกรัมต่อไร่ เปรยเบาๆ อยากปลูกข้าวให้ได้ 10% ของพื้นที่ประเทศ คำนวณคร่าวๆ 5.2 ล้านไร่เท่านั้นเอง!! #ยุคนี้อะไรก็เป็นไปได้หากมีนวัตกรรม

โดยเรื่องนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เดี๋ยวนี้กลางทะเลทรายของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่ได้มีแค่ทะเลทรายเท่านั้นนะ เพราะตอนนี้มีแปลงนาข้าวเกิดขึ้นด้วย ปลูกข้าวกลางทะเลทรายว่าแปลกแล้วเพราะไม่มีใครเขา (คิด) ทำกัน ยังใช้น้ำทะเลมาหล่อเลี้ยงต้นข้าวไปอีก แต่ทุกสิ่งเป็นไปได้และเป็นไปแล้ว โดยความสำเร็จนี้เกิดจากความร่วมมือของเจ้าของประเทศและบริษัทในจีนซึ่งซุ่มพัฒนา#ข้าวพันธุ์น้ำทะเล ที่พัฒนาโดย Yuan Longping นักวิทยาศาสตร์จีน #ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งพันธุ์ข้าวลูกผสมของจีน

อย่างไรก็ตาม หลังจากพัฒนาวิธีการปลูกข้าวในทะเลทรายอยู่นานหลายปี ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ ทะเลทรายซึ่งไม่มีใครคิดว่าจะปลูกอะไรขึ้นสามารถปลูกข้าวจนได้ผลผลิตมากถึง 1,200 กิโลกรัมต่อไร่ จากความสำเร็จนี้ต่อยอด-วางแผนปลูกข้าวล็อตแรกเพื่อทดสอบตลาด 600 ไร่

ทั้งนี้ เชคมูฮัมหมัด (Mohammed bin Rashid Al Maktoum) เจ้าผู้ครองนครดูไบ แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวว่า เขาจะขยายการปลูกข้าวให้ได้ 10% ของพื้นที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งนั่นก็หมายถึง จะมีพื้นที่เขียวๆ กลางทะเลทรายที่ปลูกข้าวมากถึง 5.2 ล้านไร่ หรือในราว 83,600 ตารางกิโลเมตร

อนึ่ง ปัจจุบันพื้นที่เพาะปลูกข้าวไฮบริดในประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นถึง 13.3 ล้านเฮกเตอร์ ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกรวมในต่างประเทศอยู่ที่ 5.3 ล้านเฮกเตอร์

#เกร็ดน่ารู้ จากประเทศที่เคยขาดแคลนอาหาร ประชากรอดอยาก ผลิตข้าวไม่พอกิน จนต้องอพยพไปแสวงหาโอกาสชีวิตในต่างแดน ปัจจุบัน #จีนกลายเป็นประเทศที่ผลิตข้าวได้มากเป็นอันดับ1ของโลก และก่อนหน้านี้ ในปี 2552 องค์กร ActionAid ได้จัดอันดับให้จีนเป็นประเทศที่สามารถลดการขาดแคลนอาหารได้มากเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยสามารถลดจำนวนผู้ขาดแคลนอาหารได้ถึง 58 ล้านคน ภายในเวลาเพียง 10 ปี.
-----------------------------------------------
Source+Photo : http://www.iflscience.com/environment/scientists-to-grow-rice-in-the-middle-of-the-desert-using-seawater/ //http://www.scmp.com/news/china/society/article/2148684/coming-plate-near-you-soon-rice-grown-chinese-scientists-using

 

MOREMOVE

#มอร์มูฟเป็นข่าว เอสโตเนียเตรียมเป็นชาติแรกในโลก เปิดให้ใช้ขนส่งสาธารณะฟรีทั่วประเทศ เริ่มต้นเดือนหน้านี้!!

Source : ispacethailand -https://bit.ly/2MtbSbo

ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 นี้ #ประเทศเอสโตเนียจะเริ่มใช้ระบบขนส่งสาธารณะฟรีทั่วประเทศ #ถือเป็นครั้งแรกของโลก #ใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะฟรีในเขตพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งประเทศ

ทั้งนี้ เอสโตเนียเป็นประเทศผู้นำด้านขนส่งสาธารณะมาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว โดยมีขนส่งสาธารณะที่ให้บริการฟรีในเมืองทาลลิน ซึ่งเป็นเมืองหลวง โดยประชาชนในเมืองทาลลินสามารถใช้ระบบขนส่งสาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย#ยกเว้นนักท่องเที่ยวและผู้ที่ไม่ใช่ชาวเมืองทาลลินแต่นโยบายใหม่นี้จะขยายครอบคลุมไปทั่วประเทศเลยทีเดียวโดยรถบัสที่วิ่งระหว่างเมืองในประเทศก็จะฟรีและรถบัสระหว่างเมืองหลวงไปยังเขตอื่นๆ ก็จะฟรีเช่นเดียวกัน

แม้ว่านโยบายนี้ไม่ได้ทำให้รถบัสที่วิ่งในเมืองฟรีเหมือนอย่างในเมืองหลวงทาลลิน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นนโยบายขนส่งมวลชนฟรีในระดับที่ใหญ่ที่สุด #ในขณะที่ประเทศเวลส์และสหราชอาณาจักร มีนโยบายรถบัสฟรีในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่มีประเทศไหนในโลกที่กล้าออกนโยบายรถบัสฟรีทุกวันแบบนี้

#การมีระบบขนส่งสาธารณะฟรีของเอสโตเนียนี้จะช่วยให้เกิดการเคลื่อนตัวของประชากรอย่างเป็นประชาธิปไตย โดยชาวเอสโตเนียจะไม่ต้องเสียเงินไปกับค่าใช้จ่ายในระบบขนส่งสาธารณะในทุกๆ เดือนอีกแล้ว หลายคนอาจจะคิดว่านโยบายนี้ต้องใช้เงินมหาศาล แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้แพงอย่างที่คิดเลย เพราะขนส่งสาธารณะของเอสโตเนียได้เงินอุดหนุนที่สูงพอสมควร เช่นในปีหน้า การทางรถไฟของประเทศจะได้เงินอุดหนุนถึง 31 ล้านยูโรจากภาษี รถบัสระหว่างเมืองจะได้เงินอุดหนุนถึง 80% ของค่าใช้จ่ายจริง.

 

In Pics: แผ่นดินไหว 5.3 เขย่า “โอซากา” ทำไฟฟ้าดับ-รถไฟชินคันเซนหยุดวิ่ง เด็ก 9 ขวบถูกกำแพงถล่มทับเสียชีวิต
เผยแพร่: 18 มิ.ย. 2561 10:03 โดย: MGR Online


ป้ายไฟอิเล็กทรอนิกส์ของสถานีรถไฟ อิบารากิ-ชิ ในเมืองอิบารากิ ทางตอนเหนือของจังหวัดโอซากา หักร่วงลงมาเพราะแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวขนาด 5.3 เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (18 มิ.ย.)
เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 เขย่านครโอกาซา เมืองใหญ่อันดับ 2 ทางภาคตะวันตกของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าตรู่วันนี้ (18 มิ.ย.) ทำให้รถไฟหัวกระสุน “ชินคันเซน” ต้องหยุดให้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วน และมีรายงานเด็กหญิงวัย 9 ขวบถูกกำแพงโรงเรียนถล่มลงมาทับเสียชีวิต

ล่าสุด ยังไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งปลูกสร้าง และไม่มีประกาศเตือนคลื่นสึนามิ ทว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้โดยสารรถไฟตกค้างจำนวนมาก และบ้านเรือนนับแสนหลังประสบปัญหาไฟฟ้าดับ

ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเด็กหญิงวัย 9 ขวบเสียชีวิตที่เมืองทาคาสึกิ (Takatsuki) ทางตอนเหนือของโอซากา โดยสื่อรายงานว่าหนูน้อยติดอยู่ใต้ซากกำแพงที่ถล่มลงมาทับเธอในโรงเรียนแห่งหนึ่ง

ด้านสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานว่า มีชายชราวัย 80 ปี เสียชีวิตจากเหตุกำแพงถล่มเช่นเดียวกัน

นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนวันนี้ (18) ว่าหน่วยงานของรัฐ “ทำงานสอดประสานกันอย่างดี โดยมุ่งรักษาชีวิตประชาชนเป็นอันดับแรก”

อาเบะ ยังได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ “รวบรวมข้อมูลความเสียหายต่างๆ อย่างฉับไว ช่วยเหลือและรักษาชีวิตผู้คนให้ได้มากที่สุด และเผยแพร่ข้อมูลให้สาธารณชนทราบอย่างเหมาะสมและทันท่วงที”

สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนขนาด 5.3 ตามมาตราแมกนิจูดเกิดขึ้นเมื่อเวลา 7.58 น. ตามเวลาท้องถิ่น (5.58 น. ตามเวลาในไทย) โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ความลึก 15.4 กิโลเมตร ใกล้ๆ กับเมืองโอซากา

ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นวัดความแรงของแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้ถึง 5.9 แมกนิจูด และพบว่าศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปเพียง 10 กิโลเมตร แต่ไม่มีความเสี่ยงเกิดคลื่นสึนามิ

สำนักงานกำกับดูแลพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นก็ยืนยันว่า ไม่พบสัญญาณความผิดปกติตามโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ภายหลังเกิดแผ่นดินไหวที่โอซากา ขณะที่บริษัท คันไซ อิเล็กทริก แถลงผ่านเว็บไซต์ว่า มีบ้านเรือนราวๆ 170,000 หลังในนครโอซากาและปริมณฑลที่เผชิญปัญหาไฟฟ้าดับ

ทีวีอาซาฮีได้เผยแพร่ภาพขณะที่หน่วยดับเพลิงญี่ปุ่นเข้าตอบสนองเหตุเพลิงไหม้บ้านหลังหนึ่งทางตอนเหนือของโอซากา ซึ่งเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวเมื่อช่วงเช้า (18) รวมถึงภาพผู้โดยสารกำลังเดินลงจากรถไฟชินคันเซนที่จอดแน่นิ่งอยู่บนราง และภาพท่อประปาแตกจนทำให้น้ำไหลทะลักสู่ผิวถนน

ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพถ่ายป้ายไฟอิเล็กทรอนิกส์ของสถานีรถไฟแห่งหนึ่งหักร่วงลงมาบนชานชาลา และกระจกห้องจำหน่ายตั๋วแตกร้าวเพราะแรงแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวครั้งนี้ก่อให้เกิดแรงสั่นไหว 6 ชินโดะ (Shindo) ตามมาตรวัดแรงสั่นสะเทือนของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ซึ่งแรงพอที่จะทำให้ผู้คนยืนแทบไม่อยู่ ทั้งยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอก

โทชิยูกิ มัตสึโมริ เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์แผ่นดินไหวจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น เตือนประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวให้ระวังอันตรายจากเหตุบ้านเรือนพังถล่มหรือดินสไลด์ที่อาจขึ้นเกิดตามมาอีก

“กรุณาติดตามประกาศแจ้งเตือนแผ่นดินไหวและข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณฝน และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง” เขากล่าว


















https://mgronline.com/around/detail/9610000060292

 

คอลัมน์นอกหน้าต่าง: ‘ทรัมป์’ทำตามสัญญาช่วงหาเสียง ด้วยการเปิด‘สงครามการค้า’กับจีนและชาติพันธมิตร
เผยแพร่: 17 มิ.ย. 2561 20:18 โดย: MGR Online


ด้วยการประกาศขึ้นอัตราภาษีศุลกากรซึ่งเก็บจากเหล็กกล้าและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากเหล่าชาติพันธมิตรของอเมริกา แล้วจากนั้นตามมาด้วยการเพิ่มภาษีจากสินค้าเข้ามูลค่าราว 50,000 ล้านดอลลาร์ของจีน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก็ได้เดินหมากเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อเติมเต็มคำมั่นสัญญาอันแข็งกร้าวที่เขาให้ไว้ระหว่างรณรงค์หาเสียงในเรื่องเกี่ยวกับการค้า

ในช่วงปีแรกที่เข้าดำรงตำแหน่ง ทรัมป์และพวกผู้ช่วยระดับท็อปทางด้านเศรษฐกิจของเขา ได้ออกมาข่มขู่ซ้ำแล้วซ้ำอีก รวมทั้งเตือนว่ากำลังเริ่มเปิดการสอบสวนเบื้องต้นว่าสินค้าเข้าบางอย่างบางรายการจากบางประเทศที่น่าสงสัยนั้นได้รับการอุดหนุนช่วยเหลืออย่างไม่เป็นธรรมหรือเปล่า ทว่ายังไม่มีก้าวเดินที่เป็นรูปธรรมจริงๆ ออกมา

แต่ทั้งหลายทั้งปวงได้เปลี่ยนไปหมดอย่างสิ้นเชิงในเดือนมีนาคมปีนี้ เมื่อประธานาธิบดี “อเมริกา เฟิร์สต์” ผู้นี้ เดินหน้าทำการรุกใหญ่

“สิ่งที่เกิดขึ้นมาอยู่ชั่วระยะหนึ่งก่อนหน้านี้ ก็คือการที่ประธานาธิบดีผู้นี้ถูกกีดขวางมัดมือจากสมาชิกหลายต่อหลายคน” ในคณะบริหารของเขาเอง เอดเวิร์ด แอลเดน ผู้ชำนาญการพิเศษด้านความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แห่ง เคาน์ซิล ออน ฟอเรนจ์ รีเลชั่นส์ คลังสมองด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชื่อดัง อธิบาย

“แต่ประธานาธิบดีผู้นี้มีความมั่นอกมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในการวินิจฉัยของตัวเขาเองเกี่ยวกับประเด็นปัญหาเหล่านี้ ... เขาจึงกำลังปรารถนาที่จะทำสิ่งต่างๆ อย่างรุนแรง ตามที่เขาให้สัญญาไว้ระหว่างการหาเสียง หรือกระทั่งหลายๆ ปีก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ”

ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของคณะบริหารทรัมป์ก็คือ การที่ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันศุกร์ (15 มิ.ย.) ที่จะเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 25% จากสินค้าเข้าของจีน ซึ่งปรากฏว่าปักกิ่งได้ประกาศตอบโต้อย่างทันทีทันควัน

การเดินหมากคราวนี้ ซึ่งทรัมป์อ้างเหตุผลความชอบธรรมว่าเพื่อเป็นการชดเชยเอาคืนต่อการที่แดนมังกรขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีของอเมริกัน จึงทำให้การทะเลาะเบาะแว้งทางการค้า ระหว่างประเทศเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 ของโลก ซึ่งสงบลงมาระยะหนึ่ง กลับพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งทำให้ตลาดปั่นป่วนผันผวน และพวกผู้นำภาคธุรกิจก็พากันวิตกกังวล

นี่เป็นการเพิ่มเติมจากการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่จัดเก็บจากเหล็กกล้าและอลูมิเนียมนำเข้า ซึ่งสหรัฐฯประกาศใช้เมื่อปลายเดือนมีนาคม โดยที่สินค้าประเภทเหล่านี้ของจีนที่นำเข้าอเมริกา ก็ถูกเล่นงานด้วยเช่นกัน และปักกิ่งก็ได้แก้เผ็ดด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรเอากับสินค้าสหรัฐฯที่นำเข้าจีนจำนวน 128 รายการ ในจำนวนนี้รวมถึงพวกเนื้อหมู, ไวน์, และผลิตภัณฑ์ท่อบางชนิด

ทั้งนี้ในกรณีของเหล็กกล้าและอลูมิเนียมนี้ แม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าสหรัฐฯจากพวกชาติพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นสหภาพยุโรป, แคนาดา, หรือเม็กซิโก ก็ถูกจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25% และ 10% ตามลำดับ นับแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นมา

ทรัมป์นั้นดูเหมือนจะเดินหน้าไปตาม “กึ๊น” ของตัวเอง โดยบางครั้งก็ไม่รับฟังเสียงคัดค้านของพวกผู้ช่วยใกล้ชิดของเขาด้วยซ้ำ

อย่างเรื่องการขึ้นภาษีเหล็กกล้าและอลูมิเนียม เขาเพิกเฉยไม่ฟังคำเตือนของ แกรี โคเฮน ซึ่งเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของเขาในตอนนั้น ที่คัดค้านการเดินหมากเช่นนี้ จนทำให้โคเฮนประกาศลาออกจากตำแหน่งไป

หรือในกรณีของสหรัฐฯกับจีน อันที่จริงแล้วทั้งสองประเทศดูเหมือนบรรลุ “ฉันทามติ” ณ การเจรจาต่อรองทางการค้าระดับสูงหลายรอบเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยที่หัวหน้าคณะผู้เจรจาของฝ่ายสหรัฐฯคือ รัฐมนตรีคลังสตีเวน มนูชิน ทว่าปรากฏว่าทรัมป์ไม่ได้ลังเลใจเลยที่จะโยนดีลที่ตกลงกันได้นี้ทิ้งไป

จีนนั้นได้เสนอเพิ่มการซื้อสินค้าอเมริกันขึ้นอีก 70,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยลดทอนการขาดดุลการค้าอย่างมหาศาลของสหรัฐฯลงมา ขณะที่ทรัมป์เรียกร้องต้องการให้ลดการขาดดุลลงให้ได้โดยเร็ว 200,000 ล้านดอลลาร์

เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ เขาก็เดินหน้าทำตามคำขู่ในเรื่องการขึ้นภาษีศุลกากรต่อสินค้าเข้าจีน ถึงแม้มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากแจกแจงว่าข้อเรียกร้องของทรัมป์นั้นไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง

“มันเป็นยุทธศาสตร์ที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งและมุ่งที่จะยั่วยุท้าทาย” แอลเดน กล่าวให้ความเห็น

“บาดเจ็บเสียหายเพราะพลอยถูกลูกหลง”

ทรัมป์กับพวกที่ปรึกษาฮาร์ดไลน์สุดโต่งที่สุดของเขา –นำโดย ปีเตอร์ นาวาร์โร ผู้ซึ่งแสดงความเป็นปรปักษ์กับจีนอย่างเปิดเผยมาช้านาน— มีความเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯจะเป็นผู้ชนะในสงครามการค้าที่เกิดขึ้นมา

เหตุผลที่ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นเช่นนี้ก็คือ พวกคู่ค้าของวอชิงตัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปักกิ่ง มีอะไรที่ต้องเสียเยอะแยะมากมายกว่าทางสหรัฐฯ เมื่อพิจารณาจากการที่พวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยการขายสินค้าของพวกเขาในตลาดสหรัฐฯ

ในวันศุกร์ (15) ทรัมป์ได้พูดเน้นย้ำว่าเขาไม่มีความหวาดกลัวที่จะทำสงครามการค้าเลย เพราะสำหรับเขาแล้ว สหรัฐฯประสบความพ่ายแพ้ในสงครามนี้อยู่แล้ว เมื่อต้องประสบการขาดดุลการค้าอย่างมโหฬาร จนมันไม่สามารถเลวร้ายไปกว่านี้ได้แล้ว

ทั้งนี้ตามตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์อเมริกัน เมื่อปี 2017 สหรัฐฯส่งออกสินค้าต่างๆ ไปยังจีนเป็นมูลค่า 130,400 ล้านดอลลาร์ ขณะที่นำเข้าสินค้าแดนมังกรเป็นมูลค่าถึง 505,600 ล้านดอลลาร์

เอสวาร์ ปราสาด ผู้ชำนาญการเรื่องจีนและศาสตราจารย์ด้านนโยบายการค้าของมหาวิทยาลัยคอร์แนล กล่าวให้ความเห็นว่า ขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศโดยองค์รวมจากการเปิดสงครามการค้าขึ้นเช่นนี้ “น่าที่จะอยู่ในระดับแค่พอประมาณ แต่อาจสร้างความเสียหายอย่างสำคัญให้แก่พวกกิจการและพวกอุตสาหกรรมที่มุ่งส่งออกโดยเฉพาะ ซึ่งต้องติดแหง็กอยู่ในสมรภูมิ”

เขากล่าวอีกว่า หลายภาคส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตั้งแต่การเกษตรไปจนถึงโรงงานผลิตเครื่องบิน “อาจต้องประสบความเสียหายแบบเจอลูกหลงอย่างหนักหน่วงทีเดียว” จากสงครามการค้า

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา คริสทีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ออกคำเตือนประเทศต่างๆ ให้ระวังไม่นำเอาลัทธิกีดกันการค้ามาใช้

ลาการ์ดยังกล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวว่า ถ้าหากพวกชาติคู่ค้าทำการตอบโต้สหรัฐฯแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อย่างที่พวกเขาข่มขู่เอาไว้แล้ว “ทั้งสองฝ่ายต่างก็จะเป็นผู้แพ้”

ไอเอ็มเอฟได้ทำนายมาหลายเดือนแล้วว่า หากเกิดสงครามการค้าขนาดกว้างขวางขึ้นมาก็จะสร้างความเสียหายหนักให้แก่การเติบโตขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งตกอยู่ในอาการดิ้นรนอย่างหนักหน่วงภายหลังวิกฤตภาคการเงินปี 2008 หรือที่รู้จักเรียกขานกันในเมืองไทยว่า “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์” และเวลานี้เพิ่งค่อยๆ กลับเฟื่องฟูขึ้นมาจากการแลกเปลี่ยนการค้าและบริการของทั่วโลก

(เก็บความจากเรื่อง Trump keeps his promises on trade ของสำนักข่าวเอเอฟพี)

https://mgronline.com/around/detail/9610000060182

 

InPics: “ซาอุฯ”นำกำลังรบดุเดือด ยึด “สนามบินเมืองโฮเดดา” คืนจากกบฏฮูตี ดับไม่ต่ำกว่า 280 ยูเอ็นส่งทูตเข้าซานาด่วน
เผยแพร่: 17 มิ.ย. 2561 13:45 โดย: MGR Online

เอพี/เอเจนซีส์ – ซาอุดีอาระเบียนำกองกำลังชาติพันธมิตรเข้ายึดท่าอากาศยานนานาชาติเมืองโฮเดดา(Hodeida)เมืองท่าสำคัญของเยเมน ที่อยู่ภายใต้การยึดของของกลุ่มกบฎฮูตีได้สำเร็จ พบวันเสาร์(16 มิ.ย)มีการสู้รบอย่างดุเดือดรอบบริเวณสนามบิน ดับ 4 วันร่วม 280 คน ด้านทูตพิเศษยูเอ็นเดินทางถึงกรุงซานาแล้ว ต้องการทำให้สัญญาหยุดยิงเกิดขึ้นโดยทันที

เอพีรายงานวันนี้(17 มิ.ย)ว่า มีการต่อสู้อย่างดุเดือดบริเวณด้านทิศใต้ของท่าอากาศยานนานาชาติเมืองโฮเดดา(Hodeida) กองทัพรัฐบาลเยเมนพลัดถิ่นแถลง พร้อมยืนยันว่า ทางกองกำลังสามารถเข้ายึดที่ตั้งได้ทั้งหมด และในเวลานี้ทางหน่วยทหารช่างกำลังอยู่ในระหว่างการเปิดทางด้วยการนำระเบิดสนามจากพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งอยู่ทางใต้ของเมืองที่ติดทะเลแดงมีคนอาศัยจำนวน 600,000 คน

“กองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังพันธมิตรอาหรับสามารถปลดปล่อยท่าอากาศยานนานาชาติเมืองโฮเดดาให้เป็นอิสระได้สำเร็จจากกลุ่มติดอาวุธฮูตี และทีมทหารช่างกำลังเริ่มต้นเข้าเคลียร์พื้นที่สนามบินและบริเวณโดยรอบจากทุ่นระเบิดและระเบิดต่างๆ” กองทัพเยเมนกล่าวผ่านแถลงการณ์ทางทวิตเตอร์

ในขณะที่ซาเด็ค ดาวาด( Sadek Dawad)โฆษกกองกำลังรีพับลิกันการ์ดส(Republican Guards) ที่จงรักภักดีต่อกองกำลังพันธมิตรอาหรับแถลงว่า กองกำลังรัฐบาลเยเมนกำลังอยู่ในระหว่างการสู้รบเพื่อเปิดทางเข้าไปสู่พื้นที่สนามบิน

และดาวาดแถลงว่าประตูด้านใต้ของเมืองโฮเดดานั้นในเวลานี้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังที่สนับสนุนกองกำลังพันธมิตร

“ปฎิบัติการทางทหารเพื่อปลดปล่อยเมืองโฮเดดาจะไม่หยุดจนกว่าเราจะสามารถควบคุมไว้ได้ทั้งเมืองและท่าทางยุทธศาสตร์ และนั่นจะไม่ใช้เวลานาน” โฆษกกองกำลังรีพับลิกันการ์ดสกล่าวให้สัมภาษณ์กับเอพี

อย่างไรก็ตาม เอพีชี้ว่า เจ้าหน้าที่การบินพลเรือนเยเมนที่เกี่ยวข้องกับกบฏฮูตีออกมาปฎิเสธที่มีรายงานว่า กองกำลังฝ่ายตรงกันข้ามซึ่งเป็นกองกำลังพันธมิตรและกองกำลังรัฐบาลเยเมนสามารถควบคุมสนามบินเมืองโฮเดดาได้แล้ว

ซึ่งแถลงการณ์ที่ออกมาจากกลุ่มกบฎฮูตีและถูกโพสต์วันเสาร์(16) บนเว็บไซต์สำนักข่าวทางการ ซาบา (Saba)ของกลุ่มกบฏ ได้อ้างคำพูด อาห์เหม็ด ตาเรช(Ahmed Taresh) หัวหน้าสนามบินเมืองโฮเดดา พร้อมเสริมว่า การโจมตีทางอากาศส่งผลทำลายสนามบินทั้งหมด

ส่วนสถานีข่าวดาวเทียมของกบฎฮูตี อัล มาซิราห์(Al Masirah)ได้ทำการรายงานภาพข่าวที่ชี้ว่าเกิดไม่ห่างจากสนามบิน เป็นภาพรถบรรทุกที่กำลังลุกไหม้พร้อมกับร่างสมาชิกนักสู้กองกำลังไม่ปกติ และสภาพความเสียหายยานยนต์หุ้มเกราะ เอมิราติ(Emirati) ในขณะที่กองกำลังที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านยิงปืนไรเฟิลออกมาจากรถก่อนที่จะตะโกนคำขวัญ “ความตายจงสู่อเมริกา ความตายจงสู่อิสราเอล นรกพวกยิว ชัยชนะต่ออิสลาม”

ทั้งนี้พบว่า เจ้าหน้าที่เยเมนและพยานต่างกล่าวว่า กองพันอมาเลคา(Amaleqa)ที่ได้รับการหนุนหลังจากกองกำลังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รับการสนับสนุนการโจมตีทางอากาศจากกองกำลังพันธมิตรอาหรับที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำ กำลังมุ่งหน้าสู่จ.โฮเดดาทางตะวันออก ในความพยายามเพื่อที่จะตัดเส้นทางถนนหลักที่เชื่อมเข้าสู่เมืองหลวงเยเมน กรุงซานา

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า หากว่าประสบความสำเร็จ กองกำลังรัฐบาลสามารถยึดถนน 16 กิโล(Kilo 16 Road)ได้แล้ว พวกเขาจะสามารถขังให้กองกำลังกบฎอยู่แต่ภายในเมืองโฮเดดาและชายฝั่งตะวันตกได้ และสามารถปิดกั้นไม่ให้คนเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนด้านยุทธปัจจัยจากกรุงซานาที่กลุ่มกบ

ฎฮูตีควบคุม

เอพีชี้ว่า เป็นที่คาดว่ากลุ่มกบฎคงไม่มีทางเลือกนอกจากที่จะมุ้งหน้าไปยังจ. ฮัจจาห์(Hajjah)ทางเหนือของเยเมน

ทั้งนี้ซาอุฯเริ่มต้นโจมตีเมืองโฮเดดามาตั้งแต่วันพุธ(13)ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดมาจนถึงวัยเสาร์(16) อ้างอิงจากเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ จำนวนไม่ต่ำกว่า 280 คน

ซึ่งเมืองท่าแห่งนี้เป็นปากทางเข้าออกสำหรับอาหารและสิ่งจำเป็นต่อเยเมนจากต่างประเทศ ในเวลานี้เยเมนเข้าใกล้วิกฤตอดอาหารครั้งร้ายแรง ซึ่งกองกำลังยูเออีนำการบุกกองกำลังผสมทางภาคพื้นที่เป็นหน่วยผสมระหว่างกองกำลังของตัวเอง กองกำลังไม่ปกติ และทหารที่สนับสนุนรัฐบาลพลัดถิ่นเยเมนที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ ในขณะที่ซาอุฯซึ่งเป็นชาติผู้นำทำการโจมตีทางอากาศ ซึ่งมีการชี้เป้าหมาย และการเติมเชื้อเพลิงด้วยความสนับสนุนจากสหรัฐฯ

และในเวลานี้พบว่า ทูตพิเศษยูเอ็น มาร์ติน กริฟฟิธส์(Martin Griffiths) เดินทางมาถึงกรุงซานาแล้ว เพื่อพยายามที่จะหาทางให้มีข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้น

ซึ่งแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่และพยานต่างกล่าวว่า วันเสาร์(16) สมาชิกกลุ่มกบฎฮูตีได้เข้าโจมตีกองกำลังรัฐบาลเยเมนในเมืองอัล-ฟาซา( al-Faza) และเมืองอัล-กาห์( al-Gah) ทางชายฝั่งตะวันตกในช่วง 2 วันล่าสุด สังหารทหารไปอย่างน้อย 16 นาย และทำให้มีทหารได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 13 นาย และทำการปิดถนนที่เชื่อมระหว่างเมืองอัล-กาห์และเขตอัด-ดูเรย์ฮิมี( ad-Durayhimi) ราว 20 ก.ม ทางใต้ของสนามบินเมืองโฮเดดา




















https://mgronline.com/around/detail/9610000060068

 

InClips:“อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงทรัมป์” ถูกส่งตัวเข้าคุกรัฐเวอร์จิเนีย หลังผู้พิพากษาถอนประกันเหตุยุ่งพยาน
เผยแพร่: 17 มิ.ย. 2561 15:50 โดย: MGR Online

เอเจนซีส์ – พอล มานาฟอร์ต(Paul Manafort) อดีตผู้จัดการหาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำรัฐเวอร์จิเนียคืนวันศุกร์(15 มิ.ย) หลังจากผู้พิพากษารัฐบาลกลางสหรัฐฯประกาศต่อหน้าก่อนออกคำสั่งถอนประกาศ “ไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อีกต่อไปในกรณีนี้”

NBC NEWS สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(16 มิ.ย)ว่า ฐานข้อมูลนักโทษแสดงให้เห็นว่าอดีตผู้จัดการหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ถูกส่งตัวเข้าสู่เรือนจำระดับภูมิภาค นอร์เทิร์น เน็ต( Northern Neck Regional Jail) ในเมืองวอร์ซอว์(Warsaw) รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อเวลา 20.40 น.ของวันศุกร์(15)

ซึ่งฐานข้อมูลเรือนจำระบุห้องขังที่เขาอยู่เป็นประเภท “วีไอพี-1”

สื่อสหรัฐฯชี้ว่า มานาฟอร์ตถูกสั่งถอนประกันหลังจากอัยการที่ทำงานให้กับทีมอัยการพิเศษสหรัฐฯโรเบิร์ต มุลเลอร์ สามารถหว่านล้อมให้กับทางเอมี เบอร์แมน แจ็คสัน(Amy Berman Jackson)ผู้พิพากษาของคดีในศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯเห็นคล้อยตามที่ว่า มานาฟอร์ตไม่อาจเชื่อใจได้จากการต้องถูกกักบริเวณอยู่แต่ภายในที่พักได้อีกต่อไป

“ดิฉันไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อีกต่อไปในกรณีนี้” แจ็คสันประกาศต่อหน้ามานาฟอร์ตในช่วงการพิจารณาภาคเช้าของวันศุกร์(15)ภายในศาลที่วอชิงตัน

นอกจากนี้ทางผู้พิพากษายังอธิบายเพิ่มเติมว่า เธอไม่สามารถปล่อยตัวมานาฟอร์ตที่มีข้อกล่าวหามากขึ้นหลังจากที่เขาถูกตั้งข้อกล่าวหาเป็นตัวขัดขวางกระบวนการทางยุติธรรมหลังพบว่า อดีตผู้จัดการหาเสียงของทรัมป์ได้เข้าถึงตัวพยานคนสำคัญในคดีของตัวเอง

“นี่ไม่ใช่โรงเรียนมัธยมต้น ฉันไม่สามารถรับโทรศัพท์ของคุณได้” ผู้พิพากษาแจ็คสันกล่าว

อย่างไรก็ตาม มานาฟอร์ตในวัย 69 ปีไม่มีปฎิกริยาต่อคำตัดสินของผู้พิพากษานอกเหนือไปจากหันไปพยักหน้าให้กับทนายความของตัวเอง และพบว่าเขาโบกมือเป็นช่วงเวลาสั้นๆให้กับภรรยาในขณะที่ถูกนำตัวออกจากห้องพิจารณาคดีเพื่อนำไปสู่เรือนจำต่อไป

พบว่ามานาฟอร์ตจะยังคงถูกควบคุมตัวก่อนการไต่สวนจนกระทั่งกำหนดการไต่สวนที่จะมีขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้จากข้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงทางธุรกิจส่วนตัว รวมไปถึงคดีสมรู้ร่วมคิดและการฟอกเงิน นอกจากนี้ยังพบว่ามานาฟอร์ตมีกำหนดต้องขึ้นไต่สวนในคดีอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องในรัฐเวอร์จิเนีย

การเดินหน้านำอดีตผู้จัดการหาเสียงทรัมป์เข้าคุกเกิดขึ้นในระหว่างที่มุลเลอร์ยังคงสอบสวนว่าคนทั้ง 3 นั้นสมรู้ร่วมคิดระหว่างทีมหาเสียงของทรัมป์และรัสเซีย เพื่อจุดประสงค์ในความพยายามต้องการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2016 หรือไม่ ในขณะที่อดีตเพื่อนร่วมลงทุนทางธุรกิจของมานาฟอร์ต ริค เกตส์(Rick Gates)ที่ถูกสั่งฟ้องพร้อมกับตัวเขาเมื่อตุลาคม นั้นได้ยอมรับในความผิดและตกลงที่จะให้ความร่วมมือแล้ว

ซึ่งหลังจากที่การพิพากษาของแจ็คสันออกมา ทรัมป์ได้ทวีตแสดงความเห็นว่า มาราฟอร์ตถูกลงโทษหนัก ถึงแม้ว่าการตัดสินจำคุกเขานั้นไม่ใช่เพื่อสิ่งใดเลย และทางทรัมป์พยายามจะหลบเลี่ยงไม่กล่าวถึงความข้องเกี่ยวตัวเขาและทีมหาเสียงของตัวเอง สื่อสหรัฐฯชี้

“อย่างเช่นมานาฟอร์ต ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับทีมหาเสียงของเรา” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับนักข่าวที่ทำเนียบขาวก่อนผลคำพิพากษาจะออกมา และกล่าวต่อว่า “พวกคุณรู้ไหม พอล มานาฟอร์ต ทำงานให้กับผมเป็นเวลาที่สั้นมาก เขาเคยทำงานให้กับอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เขาเคยทำงานให้กับสว.บ็อบ โดล(Bob Dole) ทำให้กับสว.จอห์น แม็คเคน หรือบริษัทของเขาที่ทำให้ เขาทำงานให้กับพวกรีพับลิกันหลายคน เขาทำงานให้กับผม ราว 49 วันหรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สั้นมากๆ”

อย่างไรก็ตาม NBC NEWS ชี้ว่า ในความเป็นจริงแล้ว มานาฟอร์ตทำงานให้กับทรัมป์ราว 144 วัน ซึ่งพบว่าเขาเริ่มเข้าร่วมกับทีมหาเสียงทรัมป์เมื่อมีนาคม 2016 ก่อนที่จะเป็นประธานในเดือนพฤษภาคมในปีเดียวกัน และลาออกไปในเดือนสิงหาคม 2016

ซึ่งก่อนหน้าการพิพากษาวันศุกร์(15) มานาฟอร์ตถูกกักบริเวณแต่ภายในที่พัก และสวมกำไลอิเล็กทรอนิกติดตามตัวด้วยระบบ GPS 2 อัน เพื่อรอการขึ้นศาลที่จะเริ่มในช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง

แต่ทีมอัยการพบหลักฐานที่จะนำตัวมานาฟอร์ตเข้าคุกสำเร็จหลังพบว่า ***ชายผู้นี้และคนให้ชิดชาวรัสเซีย คอนสแตนติน คิลิมนิค(Konstantin Kilimnik) แอบใช้ข้อความลับเพื่อที่จะเข้าถึงพยานสำคัญ 2 คนในคดี***

ซึ่งทีมมุลเลอร์ชี้ว่า มานาฟอร์ตต้องการให้พยานรับรองคำกล่าวอ้างของเขาที่ว่า ชาวยุโรปที่มีชื่อเสียงที่เขาว่าจ้างไม่ได้เพื่อสำหรับการล็อบบี้ให้กับยูเครนในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งหนึ่งในพยานมีความรู้สึกว่า ความพยายามดังกล่าวนั้นเป็น เสมือนการชักชวนเพื่อให้กล่าวเท็จ

ในหนังสือคำฟ้องศาล ทนายฝ่ายจำเลยกล่าวหาสำนักงานของมุลเลอร์ใช้แทคติกและยุทธวิธีอย่างมากมายเพื่อที่จะให้ได้ชัยชนะ และโต้เถียงเกี่ยวกับข้อความอักษรและการพูดคุยโทรศัพท์ที่มีระยะเวลา 84 วินาทีนั้นเป็นหลักฐานที่อ่อนมาก แต่อย่างไรก็ตาม ทนายฝ่ายจำเลยของมานาฟอร์ตไม่สามารถโน้มน้าวผู้พิพากษาแจ็คสันให้เห็นคล้อยตามได้

ซึ่งผู้พิพากษากล่าวว่า เธอไม่ได้สั่งถอนการประกันตัวเพื่อเป็นการลงโทษ แต่เป็นเพราะตัวเขาพยายามที่จะติดต่อกับพยาน ส่งผลร้ายต่อความเที่ยงตรงของศาล และก่อนที่คำพิพากษาถอนการประกันจะออกมา NBC NEWS รายงานว่า มานาฟอร์ตถูกกำหนดให้ขึ้นรับฟังข้อหาขัดขวางกระบวนการทางยุติธรรม 2 ข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับความพยายามในการเข้ายุ่งเกี่ยวกับพยาน ซึ่งพบว่ามานาฟอร์ตปฎิเสธไม่รับผิดทั้ง 2 ข้อ ส่วนคิลิมนิค ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเดียวกันนี้ไม่มาปรากฏตัวในการรับฟังคดี

สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ข้อกล่าวหาการขัดขวางกระบวนการทางยุติธรรมอยู่ในการยื่นสั่งฟ้องครั้งที่ 3 ของมุลเลอร์เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า








https://mgronline.com/around/detail/9610000060099

 

เซอร์ไพรซ์ที่อิรัก! ‘ซาดร์’ซึ่งเป็นพวกชาตินิยม ตกลงเป็นพันธมิตรตั้งรัฐบาลกับกลุ่มโปรอิหร่าน เผยแพร่: 17 มิ.ย. 2561 22:52 โดย: กองบรรณาธิการเอเชียไทมส์


นักการศาสนานิกายชีอะห์ชาวอิรักคนสำคัญ มอกตอดา อัล-ซาดร์ (ซ้าย) ขณะแถลงข่าวร่วมกับ ฮาดี อัล-อามิรี หัวหน้าของกองกำลังอาวุธท้องถิ่นชาวชีอะห์ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน เพื่อประกาศการรวมตัวเป็นกลุ่มพันธมิตรในการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ของอิรัก ที่เมืองนาจาฟ ประเทศอิรัก ในวันอังคารที่ 12 มิ.ย.
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

Iraq’s Sadr forms unexpected alliance with pro-Iran bloc
By Asia Times staff
13/06/2018

มุกตอดา อัล-ซาดร์ นักการศาสนาชาวอิรักที่ยึดแนวทางชาตินิยม และคัดค้านอิทธิพลของอิหร่านอย่างแข็งขัน สร้างเซอร์ไพรซ์ด้วยการประกาศจับมือกับกลุ่มการเมืองฝักใฝ่เตหะราน เพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ของอิรัก

มุกตอดา อัล-ซาดร์ (Muqtada al-Sadr) นักการศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ชาวอิรัก ซึ่งกลุ่มการเมืองของเขาได้รับชัยชนะแบบเซอร์ไพรซ์ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาทั่วประเทศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้สร้างความประหลาดใจทางการเมืองสำหรับภูมิภาคแถบนี้ขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง ถึงแม้กลุ่มผู้สมัครรับเลือกตั้งในความอุปถัมภ์ของเขามีลักษณะเป็นขบวนการการเมืองแนวทางชาตินิยมซึ่งเรียกร้องต้องการให้ยุติอิทธิพลของอิหร่านที่มีอยู่ในกิจการต่างๆ ของอิรัก แต่ในสัปดาห์นี้ซาดร์กลับประกาศจะรวมพลังกับกลุ่มการเมืองซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของอิหร่าน

กลุ่มผู้สมัครรับเลือกตั้งของ ฮาดี อัล-อามิรี (Hadi al-Amiri) หัวหน้ากองกำลังอาวุธท้องถิ่นชาวชีอะห์อิรัก ที่ฝักใฝ่นิยมชมชื่นอิหร่านอย่างเปิดเผย ชนะคว้าคะแนนเสียงมากเป็นอันดับ 2 ในการเลือกตั้งคราวนี้ จึงทำให้การผูกพันธมิตรกับเขาถือเป็นกุญแจสำคัญซึ่งจะทำให้ซาดร์มีโอกาสประสบความสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่ยึดครองที่นั่งเกินครึ่งหนึ่งในรัฐสภา

ตามรายงานของวิทยุ เรดิโอ ฟรี ยุโรป (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.rferl.org/a/shiite-lead...ted-pro-iran-political-alliance/29287791.html) ซาดร์ได้ออกมาแถลงข่าวร่วมกับอามิรีเมื่อวันอังคาร (12 มิ.ย.) โดยเขากล่าวว่าการเป็นหุ้นส่วนกันเช่นนี้ เป็นตัวแทนของ “การจับมือเป็นพันธมิตรกันอย่างแท้จริง เพื่อเร่งรัดการจัดตั้งคณะรัฐบาลแห่งชาติที่ปลอดพ้นจากลัทธิเคร่งคัมภีร์ใดๆ ขึ้นมา”

“การพบปะหารือของเราเป็นไปในทางบวกเอามากๆ เราพบกันเพื่อยุติความเจ็บปวดเดือดร้อนของประเทศชาติแห่งนี้และของประชาชน กลุ่มพันธมิตรใหม่ของเราคือพันธมิตรแบบนักชาตินิยม” ซาดร์บอก

ก่อนหน้าการเลือกตั้ง กลุ่มผู้สมัครของอามิรีได้รับการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะเป็นผู้มีชัยคว้าอันดับหนึ่ง แต่เมื่อกลุ่มของซาดร์กลับเป็นผู้ชนะตัวจริง จึงได้รับการจับตามองจากพวกผู้สังเกตการณ์จำนวนมากว่านี่เป็นความเพลี่ยงพล้ำครั้งใหญ่ของอิหร่าน ถึงแม้ตัวซาดร์เองมีภูมิหลังที่เป็นแบบชีอะห์อย่างเข้มข้น แต่ซาดร์กลับกำลังส่งเสียงดังก้องคัดค้านการที่อิหร่านเข้ามายุ่มย่ามในกิจการทางด้านเมืองของอิรัก รวมทั้งแสดงตนต่อสาธารณชนว่าควรต้องพยายามบ่มเพาะสายสัมพันธ์กับคณะผู้นำของศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ซึ่งนำโดยซาอุดีอาระเบีย

https://mgronline.com/around/detail/9610000060230

 

‘ปลัดทส.’ ตั้งกก.สอบ ‘อธิบดีอุทยานฯ’ เพาะกล้าไม้ฉาว! เจ้าตัวอ้างเป็นนโยบายรัฐ วันที่ 18 มิถุนายน 2561 - 10:41 น.

สั่งสอบอธิบดีอุทยานฯ ปมเพาะกล้าไม้ฉาว
ปลัด ทส. ตั้งกรรมการสอบอธิบดีกรมอุทยานฯ ฐานปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณบุคลากร กว่า 108 ล้านบาท ไปเพาะชำ 53 ล้านกล้าไม้ ขณะดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ สั่งกรมป่าไม้ สอบละเอียด

นายวิจารณ์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) สั่งสอบอธิบดีกรมอุทยานฯ
ปลัด ทส. / เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นายวิจารณ์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ตนได้ทำหนังสือถึง น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวีวรรณ รักษาการอธิบดีกรมป่าไม้ ให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต โดยสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ได้รับหนังสือร้องเรียนว่านายธัญญา ปฏิลบัติหรือละเว้นการปฏิบัติบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต

นายวิจารณ์ กล่าวต่อว่า กรณีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณบุคลากรไปเพาะชำกล้าไม้ ขณะดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ ในปีงบประมาณ 2553 ประมาณเดือน ส.ค. กรมป่าไม้ ได้มีงบประมาณเหลือจ่ายของสำนักบริหารกลาง วงเงิน 108,375,100 บาท สำนักส่งเสริมการปลูกป่า ซึ่งในขณะนั้นมีนายธัญญา เป็น ผอ.สำนักฯ ได้ขอเงินเหลือจ่ายดังกล่าว ไปดำเนินการเพาะพันธุ์กล้าไม้ เพื่อแจกจ่ายประชาชนทั่วไป หน่วยงานภาครัฐและเอกชน

“แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว กล้าไม้ดังกล่าวไม่สามารถเพาะชำได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน เนื่องจากต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.2553 และได้มีการเรียกเปอร์เซ็นต์เงินทอนประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้ร้องเห็นว่าไม่มีการแจกจ่ายกล้าไม้ดังกล่าวจริง และมีการแจกจ่ายกล้าไม้เท็จ” นายวิจารณ์ กล่าว

ปลัด ทส. กล่าวว่า สาเหตุ เพราะช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. เป็นช่วงฤดูฝน การเพาะชำกล้าไม้ จะทำกันในช่วงฤดูแล้ง คือ เดือน มี.ค.- เม.ย. เพราะหากมีฝนตกเมล็ดที่เพาะจะเป็นเชื้อราและรากเน่า ดินที่เพาะจะยุบ เมล็ดจะไหลไปรวมตัวกันเป็นกระจุก ช่วงที่เมล็ดงอกนั้น ต้องการความร้อนเป็นตัวเร่ง นอกจากนั้น ในช่วงฤดูฝนไม่สามารถหาเมล็ดไม้ป่ามาเพาะได้ เพราะเมล็ดไม้จะแก่พร้อมที่จะใช้เพาะเป็นช่วงฤดูแล้งเท่านั้น และบางชนิดมีระยะเวลาที่แก่พร้อมเพาะชำแค่ 7-15 วันเท่านั้น หากไม่นำมาเพาะเมล็ดจะเสื่อมคุณภาพ เช่น ไม้ยางนา ไม้ตะเคียนต่างๆ ไม้สะเดา จะมีอายุเมล็ดไม้ที่ใช้เพาะชำไม่เกิน 15 วัน หลังจากร่วงลงมาจากต้นแม่แล้ว



นายวิจารณ์ กล่าวต่อว่า แต่ในบัญชีกล้าไม้ที่รายงาน กลับมีพวกกล้าไม้เหล่านี้อยู่ในรายงาน ที่สำคัญ การเก็บหาเมล็ดต้องใช้เมล็ดไม้เกินกว่า 53 ล้านเมล็ด ภายในระยะเวลา 1 เดือนจึงไม่สามารถหาเมล็ดไม้ป่าได้ทันและเป็นไปไม่ได้ที่จะเพาะชำกล้าไม้ 53 ล้านกล้า และนำไปแจกจ่ายให้เสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือน ขณะที่การกรอกดินใส่ถุงในช่วงฤดูฝน ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากดินจะเปียกแฉะ ค่าแรงงานเหมาจะสูงมาก เพราะปกติจ้างเหมา 2,000 ถุงต่อ 200 บาท จะกลายเป็น 200 ถุงต่อ 200 บาท เป็นต้น

นายวิจารณ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้น อธิบดีกรมป่าไม้ จะต้องไปตรวจสอบบัญชีกล้าไม้ ชนิด จำนวน ระยะเวลาดำเนินการเพาะชำกล้าไม้ บัญชีรายชื่อผู้ขอกล้าไม้และสถานที่ที่จะนำกล้าไม้ไปปลูก บัญชีคนงานและการเบิกจ่ายงบประมาณเพาะชำกล้าไม้รวมทั้งหลายหน่วยงานไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรได้งบประมาณมากน้อยไม่เท่ากัน ใช้อะไรพิจารณา และถึงปัจจุบัน ถ้ามีกล้าไม้ครบถ้วนถูกต้องจริง ประมาณ 53 ล้านกล้า กล้าเหล่านั้น จะกลายเป็นต้นไม้มีอายุประมาณ 7 ปี กำลังโต ตรวจสอบได้ง่ายๆ ว่ามีจริงหรือไม่ จากนั้น ให้เมื่อได้ข้อมูลจากกรมป่าไม้แล้ว จะต้องหารือกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทส. ว่ามีมูลตามที่กล่าวหาหรือไม่ เพราะผู้ที่ร้องเรียนมีชื่อและตัวตนจริง จากนั้นจึงจะตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและวินัยต่อไป


นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ถูกตั้งกรรมการสอบปมเพาะกล้าฉาว
ด้าน นายธัญญา กล่าวว่า การร้องเรียนดังกล่าวชี้แจงได้ เพราะช่วงปี 2553 เป็นนโยบายรัฐบาลที่ต้องการปลูกป่ามาก มีการเพาะกล้าไม้ และไม่ใช่แค่สำนักส่งเสริมการปลูกป่า สำนักเดียวกัน แต่มีอีก 2-3 สำนักในกรมป่าไม้ ที่แปรงบประมาณไปเพาะกล้าไม้และปลูกป่าเช่นกัน การแปรงบประมาณไปเพาะชำกล้าไม้ ตนในฐานะ ผอ.สำนัก ก็สามารถทำได้ลำพัง เป็นเรื่องของอธิบดีและรัฐมนตรีด้วย เพราะเป็นนโยบาย ส่วนกล้าไม้ ที่นำไปปลูกก็เป็นเรื่องของหน่วยงานภาคสนามว่าระยะเวลา 1 เดือนสามารถทำได้หรือไม่ เพราะกล้าไม้ที่นำไปปลูกก็มีทั้งที่ตายและรอด ไม่อย่างนั้น เราคงไม่ปลูกป่ากันมาถึงทุกวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรจสอบดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2561 ที่ระบุว่า กรณีมีเรื่องร้องเรียนทุจริต ให้กระทรวงดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จภายใน 7 วัน จากนั้นพิจารณาดำเนินการทางวินัยหรือทางอาญาโดยเร็วซึ่งจะต้องแล้วเสร็จภายใน 30 วัน กรณีที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ามีเหตุน่าเชื่อถือและเป็นกรณีที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการหรือทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิดให้พิจารณาปรับย้ายข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องไปดำรงตำแหน่งอื่นเป็นการชั่วคราวเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบหรือเสนอให้มีการย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในอัตราชั่วคราวเป็นกรณีในสำนักนายกรัฐมนตรี


https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1230005

 

NewsClear



สุดเจ๋ง!! อีกหนึ่งรูปแบบจัดการขยะในประเทศไทย โดย "อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส" เปลี่ยนขยะเป็นไฟฟ้า
#newsclearvdo #โรงไฟฟ้าขยะ

 

สะพายกล้องเที่ยวแจแปน by Goy ได้เพิ่ม รูปภาพ 2 ภาพและวิดีโอ 2 ไฟล์ ลงในอัลบั้ม: จิปาถะ





❗️ ❗️ ❗️ Breaking news: 7.58น. แผ่นดินไหวที่โอซาก้า M6.1(ปรับจาก5.9) ขอให้ระวังและเตรียมตัวนะคะ (อัพเดทภาพข่าวตลอดทั้งวันในคอมเมนท์ เลื่อนดูเลยนะคะ)

ครั้งนี้ เรียกว่าแผ่นดินไหวรุนแรงนะคะ เพราะปกติถ้าเกิน m5 ต้องไปรับเด็กๆที่โรงเรียนกันแล้วนะคะ แล้วเกิดกลางเมืองด้วย

รายละเอียด
M 6.1 (ปรับจาก 5.9)
แรงไหว ชินโด 6- (6 อ่อน)
ความลึก 13 กม.
ศูนย์กลาง โอซาก้า ไม่มีสึนามิ
❗️เฝ้าระวัง จะไหวรุนแรงอีกครั้ง

เตือนประชาชน
เปิดหน้าต่าง เปิดประตู ปิดแก๊ส เช็คความเรียบร้อย นัดกับครอบครัวด้วย

ความไหว ชินโด 6- คือ รุนแรงที่สามารถทำให้สิ่งของตกลงมาได้นะคะ ทำให้โครงสร้างบ้านผิดปกติได้

ตอนนี้ข่าวที่โอซาก้าก็วุ่นวายมากค่ะ ประชาชนบางส่วนก็ไปทำงานปกตินะคะ แต่ให้ระวังการเดินทางด้วยรถไฟจะหยุด ใครวางแพลนให้ระวังค่ะ แผ่นดินไหวแบบนี้ กระทบไม่มากก็น้อยค่ะ

☎️ รถไฟหยุดวิ่งบางส่วน สนามบินด้วย ตรวจสอบกันนะคะ เป็นไปได้ อย่าเดินทางไกลจากที่พัก

☝️ใครอยู่โรงแรม แมนชั่น ลิฟต์ค้างนะคะ ขอให้อยู่นิ่งๆอย่าขยับมาก ออกซิเจนจะอยู่ต่ำ นั่งลงค่ะ อย่าตกใจ เค้ามีแผนช่วยเหลือตอนแผ่นดินไหวค่ะ
☝️ใครจะเดินทางไปสนามบิน ถ้ามั่นใจว่ารถไฟหยุดเตรียมแผน 2 รถบัสเลยค่ะ
☝️ ญี่ปุ่นนับแรงสั่นไหวเป็น ชินโด นะคะ มีถึงแค่ระดับ 7 (เคยเกิดที่ โทโฮขุ และนีกาตะ) ถ้าไหวแรงกว่านี้ก็นับแค่ 7 ค่ะ ‍♀️(จัดไว้ 10 คลาสก็จริง) ซึ่งนับเป็นแรงไหวที่เกินจะวัดค่ะ (คนละอย่างกับ แมกนิจูด - พลังงานของการเกิดแผ่นดินไหว)

รายละเอียดแรงไหว

ชินโด6 และ 6- :โอซาก้า Kita-ku, Takatsuki-shi, Hiraku-shi, Ibaraki-shi, Mino

ชินโด 5 : เกียวโต และโอซาก้าบางส่วน เช่น Higashi Yodogawa Seto Shimamoto cho

ชินโด 5- : จ.ชิกะ, เกียวโตบางส่วน ,โอซาก้าบางส่วน , จ.เฮียวโกะ

สถานกงสุลไทยในโอซาก้า
http://www.thaiconsulate.jp/th/contact_us/

คลิป ระดับชินโด 7 (แรงที่สุดที่ญี่ปุ่นจัดระดับไว้) ที่เคยเกิดที่นีกาตะ ปี2004 ก้อยไปซ้อมที่หน่วยงานบรรเทาภัยพิบัติมาค่ะ ให้ดูความแรงและการหลบใต้โต๊ะ นะคะ
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1338008639652208&id=1331105113675894

 

แผ่นดินไหว ขนาด 5.2 วันที่ 17 มิถุนายน 2561 เวลา 20:21:31 น. (ไทย) ประเทศพม่า
ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 190 กม.

http://www.earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=5205

 

ลาวาหมู่เกาะกาลาปากอสเดือด ภูเขาไฟปะทุกระทบสิ่งมีชีวิตล้ำค่า
17 มิ.ย. 2018 / 12:56 น.

เกิดภูเขาไฟระเบิด ในหมู่เกาะกาลาปากอสของเอกวาดอร์ ส่งแก๊ส ควัน และลาวาเดือดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงหลายร้อยเมตร ซึ่งอาจกระทบต่อสิ่งมีชีวิต ทั้งบนบกและในทะเลที่ล้ำค่าได้
ภาพอันน่าระทึกใจที่เห็นอยู่นี้ เผยแพร่โดยอุทยานแห่งชาติกาลาปากอสของเอกวาดอร์ แสดงให้เห็นการปะทุของภูเขาไฟ“ลากุมเบร”ครั้งใหญ่ ที่ส่งแก๊ส ควัน และลาวาร้อน ขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงหลายร้อยเมตร


แม้ว่าเกาะเฟอร์นานดินาที่ภูเขาไฟลากุมเบรตั้งอยู่ จะเป็นเกาะที่ไร้มนุษย์อยู่อาศัย แต่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกาลาปากอสระบุว่า การปะทุหนักครั้งนี้ อาจเป็นภัยต่อสัตว์ป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นอิกัวนา งู เพนกวิน และสัตว์น้ำอื่นๆ ได้ เพราะสถาบันทางธรณีวิทยา รายงานว่า แก๊สที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟลากุมเบรครั้งนี้ พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า 2 ถึง 3 กิโลเมตร ก่อนที่ลมจะพัดพาแก๊สที่มีอันตรายเหล่านี้ ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของหมู่เกาะกาลาปากอส

สำหรับหมู่เกาะกาลาปากอสนั้น ตั้งอยู่ในเอกวาดอร์ และอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ประมาณ 1 พันกิโลเมตร ถือเป็นแหล่งชีววิทยาที่อุดมสมบูรณ์ และมีสัตว์หายากอาศัยอยู่มาก

https://www.springnews.co.th/view/287717

 

วิทยุและโทรทัศน์ รัฐสภา

กระทรวงต่างประเทศ แจ้ง ยังไม่มีรายงานคนไทยได้รับบาดเจ็บ-เสียชีวิต จากเหตุแผ่นดินไหวที่โอซากา เมื่อเช้านี้ พร้อมแจ้งคนไทยเกิดเหตุฉุกเฉินติดต่อ สกญ. +819074885671 +819018950987#แผ่นดินไหว #โอซากา #วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

 

เสมา ขุนศึกรักสถาบัน



คลิปการไหลของลาวาจาก ภูเขาไฟ Kilauea ในฮาวาย เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2018 สองวันที่ผ่านมา

Credits: Ken Boyer

 

The MATTER

BRIEF: เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่โอซาก้า รถไฟหยุดวิ่งชั่วคราว บ้านเรือนเสียหาย เริ่มมีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้ว
.
เช้านี้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในพื้นที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยรายงานที่ออกมานั้น ได้ระบุถึงขนาดของแผ่นดินไหวระหว่าง 6 ถึง 7 ขณะที่สำนักงานธรณีวิทยาของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า พื้นที่ที่เกิดรุนแรงที่สุดคือบริเวณตอนเหนือของโอซาก้า
.
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน รวมถึงการให้บริการต่างๆ โดยเฉพาะรถไฟที่ต้องหยุดวิ่งชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ขณะที่รายงานล่าสุดเวลา 10.45 (ตามเวลาท้องถิ่น) ได้เริ่มพบจำนวนผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วอย่างน้อย 41 ราย และดูเหมือนว่าจะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 รายเป็นเด็กนักเรียนวัย 9 ขวบ อย่างไรก็ดี ในกรณีของผู้เสียชีวิตจำเป็นต้องได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลก่อน
.
Japantimes รายงานว่า นี่เป็นแผ่นดินไหวที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในรอบ 10 ปีของญี่ปุ่นเลยทีเดียว
.
ส่วนใครที่ต้องการข้อมูลหรือความช่วยเหลือเพิ่มต่างๆ สามารถเข้าไปดูข้อมูลการติดต่อเบื้องต้นได้ที่เว็บไซต์เหล่านี้
.
-Osaka Convention and Tourism Bureau :https://osaka-info.jp/en/page/emergency
.
-NTT East disaster emergency dial : https://www.ntt-east.co.jp/en/saigai/voice171/
.
ตรวจสอบสถานะการวิ่งรถไฟในโอซาก้าได้ที่
-Osaka Metro : http://www.osakametro.co.jp/foreign/english/
-JR West : http://global.trafficinfo.westjr.co.jp/en/kinki
.
.
อ้างอิงจาก

https://www.japantimes.co.jp/news/2...rthquake-useful-links-resources/#.WycVzxL7Su4

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/osaka-earthquake-japan-10441872

https://www.washingtonpost.com/world/asia_pacific/the-latest-2-feared-dead-in-japan-earthquake-41-injured/2018/06/17/27d13b72-729d-11e8-bda1-18e53a448a14_story.html?utm_term=.1a9c93aa9b59

https://www.washingtonpost.com/worl...8e53a448a14_story.html?utm_term=.205b003f5085
.
อนึ่ง ในรูปมีการพิมพ์ผิดพลาด คำว่า "รายงาน" ขออภัย มา ณ ที่นี้ครับ
.
#Brief #TheMATTER

 

The MATTER

BRIEF: อปป้าสุดฮอต ใครๆ ก็อยากเจอ นายกฯ ญี่ปุ่นประกาศตัวขอร่วมงานจับมือ คิม จอง อึน บ้าง
.
เวลานี้ไม่มีผู้นำคนไหนจะฮอตเท่ากับ ‘คิม จอง อึน’ หลังจากได้เข้าร่วมงานจับมือครั้งประวัติศาสตร์กับผู้นำโลกระดับท็อป ทั้ง เกาหลีใต้ จีน สิงคโปร์ และล่าสุดอย่างสหรัฐฯ ตอนนี้ ผู้นำญี่ปุ่นก็ไม่ขอน้อยหน้า ประกาศตัวชัดเจนว่าจะขอพบบ้าง
.
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซะ อาเบะ ได้ประกาศผ่านสื่อว่า รัฐบาลของเขาได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือหลากหลายช่องทาง เพื่อจัดงานจับมือและพบปะพูดคุยร่วมกัน ซึ่งถ้างานนี้เกิดขึ้นได้จริง มันก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ
.
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่นายกฯ ญี่ปุ่นอยากหยิบไปพูดคุยด้วยคือ ปัญหาที่พลเมืองญี่ปุ่นเคยถูกเกาหลีเหนือลักพาตัวไป ซึ่งอาเบะก็ย้ำจริงๆ ว่าอยากให้ปัญหานี้มันคลี่คลายลงไปสักที หลังจากกระทบต่อความสัมพันธ์มายาวนานนับสิบกว่าปีแล้ว
.
“ผมอยากก้าวไปข้างหน้าและคลี่คลายประเด็นการลักพาตัว หลังจากที่พวกเราทำลายความไม่ไว้วางใจระหว่างกันลงไปแล้ว” นายกฯ ญี่ปุ่น กล่าว
.
อาเบะก็เคยออกตัวไว้ว่า ญี่ปุ่นก็อยากมีส่วนช่วยเกาหลีเหนือปลดนิวเคลียร์ด้วยเหมือนกันนะ แถมยังเสนอไว้ด้วยว่า พร้อมจะช่วยเหลือทางการเงินกับเกาหลีส่วนหนึ่ง เพื่อปลดอาวุธอันสั่นสะเทือนจิตใจผู้คนให้ได้ เพราะอย่าลืมว่า นอกจากเกาหลีใต้แล้ว ก็เป็นญี่ปุ่นนี่แหละที่ต้องนั่งหวั่นใจที่สุดกับการยิงขีปนาวุธแทบทุกครั้ง
.
ถ้าการพบกันระหว่างทั้งสองผู้นำเกิดขึ้นจริง แม้ว่ารายละเอียดที่พูดคุยกันอาจตึงเครียดและนำไปสู่ความไม่ลงรอยกันอีกได้ แต่มันก็ถือว่าเป็นภาพลักษณ์อันสำคัญว่า เกาหลีเหนือและผู้นำโลกอยากให้การเจรจาเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะสลายความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
.
ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไม่มีรายงานว่ารัฐบาลไทย กำลังสนใจไปร่วมงานจับมือกับคิม จอง อึน ด้วยหรือไม่ แต่นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยพูดถึงการพบกันระหว่าง คิม จอง อึน กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าขอเป็นกำลังใจให้ และคิดว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อสันติภาพของโลก
.
.
อ้างอิงจาก

https://nypost.com/2018/06/16/shinzo-abe-now-wants-to-meet-with-kim-jong-un-too/

https://www.japantimes.co.jp/news/2...ue-abductions-japanese-resolved/#.WyXynRL7Su4

https://www.thairath.co.th/content/1306174

#Brief #TheMATTER

 

The MATTER

BRIEF: บริษัทระดับโลกปรับลดบุคลากร ล่าสุด ‘โรลส์ รอยซ์’ ปลดพนักงาน 4.6 พันคน ระบุเป็นเรื่องลำบากใจ แต่จำเป็น
.
นักวิเคราะห์หลายสำนักจะประเมินตรงว่า ปีนี้เศรษฐกิจโลกจะสดใส โดยในรอบ 1 เดือนที่ผ่าน บริษัทระดับโลกหลายแห่งได้ประกาศเป้าหมายใหม่ แต่ไม่ใช่เรื่องการเพิ่มกำไรหรือยอดขาย แต่กลับเป็นเรื่องการลดจำนวนพนักงานลง
.
โรลส์ รอยซ์ ผู้ผลิตเครื่องยนต์รายใหญ่ เป็นบริษัทล่าสุดที่ประกาศเป้าหมายจะลดพนักงาน 4,600 ตำแหน่ง จากทั้งหมด 5.5 หมื่นคนทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นการลดพนักงานด้านบริหาร รวมถึงวิศวกรที่ทำงานออกแบบเบื้องต้น โดยโรลส์ รอยซ์ ให้เหตุผลเรื่องการลดความซับซ้อนและขนาดขององค์กร
.
“มันเป็นการตัดสินในที่ยากลำบาก แต่การลดพนักงานเป็นเรื่องจำเป็น ถ้าเราอยากอยู่รอดไปถึง 100 ปีข้างหน้า” Warren East ผู้บริหารโรลส์ รอยซ์กล่าว
.
การปลดพนักงานของโรลส์ รอยซ์ ราว 3,000 ตำแหน่งจะเกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ซึ่ง Unite สหภาพแรงงานใหญ่ที่สุดบนเกาะอังกฤษ เตือนว่ามันเป็นการตัดสินใจที่เร็วเกินไป และบางฝ่ายระบุว่า การปลดพนักงานครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อพนักงาน ครอบครัว และอาจรวมถึงเศรษฐกิจท้องถิ่น
.
ในรอบเดือนที่ผ่านมา องค์กรระดับโลกหลายแห่งก็ประกาศลดจำนวนพนักงานเช่นกัน เทสล่า ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จะตัดลดพนักงานลง 9% หรือราว 3,400 คน จากทั้งหมด 3.7 หมื่นคน เพื่อลดค่าใช้จ่ายและทำให้องค์กรมีกำไร โดยจะลดพนักงานที่มีตำแหน่งซ้ำซ้อนและไม่เกี่ยวกับสายการผลิต
.
ดอยซ์แบงก์ ธนาคารยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน ประกาศจะตัดลดพนักงานลง 7,000 ตำแหน่งเพื่อลดค่าใช้จ่าย ไม่ต่างจาก เอชพี ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอุปกรณ์ไอที วางแผนจะตัดลดพนักงานลง 4,500-5,000 คน จากทั้งหมด 4.9 หมื่นคน ภายในปีงบประมาณ 2562 เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร
.
บริษัททุกแห่งกล่าวตรงว่า การปลดพนักงานเป็นเรื่องลำบากใจ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด แสดงให้เห็นว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในขาขึ้น แต่อาชีพพนักงานประจำ ในบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ก็อาจไม่ได้สวยหรูและเป็นเรื่องง่ายเหมือนในอดีต โดยเฉพาะปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้า และกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์
.
.
อ้างอิงจาก

https://www.theguardian.com/business/2018/jun/14/rolls-royce-cut-jobs-britain

https://www.ft.com/content/85f61f5a-6e6b-11e8-92d3-6c13e5c92914

http://money.cnn.com/2018/05/24/investing/deutsche-bank-job-cuts/index.html

https://www.reuters.com/article/us-...s-as-part-of-restructuring-plan-idUSKCN1J12YJ

#Brief #TheMATTER

 

The MATTER

BRIEF: เรียนรู้จาก ‘เซินเจิ้น’ จากเมืองที่คนไปซื้อของเลียนแบบ กลายเป็นเมืองที่มีของดี น่าเลียนแบบ
.
ราว 2-3 ทศวรรษก่อน ‘เซินเจิ้น’ เขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองแรกของจีน ยังเต็มไปด้วยฝุ่นควันและมลพิษจากโรงงาน จนกว่ากันว่า หากไม่มีธุระจำเป็นจริงๆ เช่น ไปคุยตกลงธุรกิจหรือซื้อของเลียนแบบ นี่คือเมืองที่ถ้าเลี่ยงจะไปได้ ก็ควรจะเลี่ยง แต่ทุกวันนี้ เซินเจิ้นกลับกลายเป็นเมืองต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่องค์กรระหว่างประเทศหลายๆ แห่งยกย่อง
.
นสพ.ชื่อดังของฮ่องกง The South China Morning Post ถึงกับยกมาเปรียบเทียบกับ ‘ฮ่องกง’ ในฐานะเมืองบ้านใกล้เรือนเคียง ว่าเหตุใดเซินเจิ้นถึงจะไม่ใช่ dirty cousin = ลูกพี่ลูกน้องผู้มอมแมม ของฮ่องกงอีกต่อไป?
.
นับแต่เริ่มปล่อยฝูงรถเมล์ใช้พลังงานไฟฟ้าในปี 2009 ปัจจุบัน เซินเจิ้นมีจำนวนรถเมล์ไฟฟ้ามากกว่ามหานครในสหรัฐฯ เช่น นิวยอร์ก (3 เท่าตัว) และลอสแองเจลิส (8 เท่าตัว) ไม่เพียงเท่านี้ ผู้บริหารเมืองยังพยายามสร้างแรงจูงใจให้รถแท็กซี่ทั้งหมดหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าแทนพลังงานฟอสซิล จากที่ปัจจุบันใช้อยู่ราว 63% (และตั้งเป้าให้เป็น 100% ในปี 2020) และยังทุ่มเงินกว่า 3.3 พันล้านหยวน (ราว 1.65 หมื่นล้านบาท) สร้างสาธารณูปโภคที่เอื้อต่อยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าไปทั่วเมือง
.
ขณะเดียวกัน เซินเจิ้นยังลงทุนขยายโครงข่ายรถไฟใต้ดินให้ครอบคลุมมากขึ้น และให้ทุกๆ อาคารที่สร้างใหม่ต้องผ่านมาตรฐานการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green-certified)
.
Edwin Lau Che-feng ผู้ก่อตั้งกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในฮ่องกง ระบุว่า “เซินเจิ้นกำลังก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่งในการเป็นเมืองที่พัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว จนนักการฮ่องกงต้องข้ามไปดูงาน แต่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมถึงเขาถึงไม่หยิบตัวอย่างที่ดีๆ มาใช้ จนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในฮ่องกงมันเดินหน้าไปอย่างช้ามากๆ”
.
จากเมืองที่คนทั่วไปติดภาพว่ามีแต่ของก๊อป ในปัจจุบันหลายๆ เมืองกลับถูกแนะนำให้ก๊อปวิธีพัฒนาเมืองจากเซินเจิ้น
.
.
ที่มา

http://www.scmp.com/business/articl...-shenzhens-green-quest-leaves-hong-kong-miles

#Brief #TheMATTER