ติดตามสถานะการณ์

พ่อแม่นักประดาน้ำอังกฤษ'ภาคภูมิใจ'ลูกชายถูกยกเป็น'ฮีโร่'ร่วมช่วยชีวิต'13ทีมหมูป่า' เผยแพร่: 12 ก.ค. 2561 04:01 โดย: MGR Online


(ภาพจากทวิตเตอร์) เจสัน มัลลิสัน
เมโทร - คุณแม่ของหนึ่งในนักประดาน้ำชาวอังกฤษ เปิดใจรู้สึกภูมิใจอย่างมาก หลังลูกชายได้รับการเชิดชูจากความกล้าหาญ มีส่วนสำคัญในภารกิจโหดช่วย 12 นักเตะเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าออกจากถ้ำที่แสนอันตรายในไทย

ปฏิบัติการช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก และภารกิจดังกล่าวประกอบไปด้วยนักประดาน้ำ 90 คนจากทั่วโลก รวมถึงคณะทำงานด้านกู้ภัยหลายร้อยชีวิต

ในท้ายที่สุดแล้วภารกิจนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ โดยเด็กทั้ง 12 คนและโค้ชได้รับความช่วยเหลือออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย อย่างปลอดภัย

เจสัน มัลลิสัน คุณพ่อลูกหนึ่ง เป็นหนึ่งในทีมประดาน้ำ ทำหน้าที่นำทางเข้าและออกจากอุโมงค์ที่ใช้เวลาราวๆ 11 ชั่วโมง จนกระทั่งช่วยพาตัวเด็กๆออกมาได้สำเร็จ

เรย์และแอนน์ มัลลิสัน พ่อแม่วัย 50 ปีของ เจสัน ระบุในคำแถลงว่า "เรารู้สึกภูมิใจในตัวของเจสันมาก เขาเดินทางไปเมื่อวันพุธ(4ก.ค.) พร้อมกับเครื่องมือราวๆครึ่งตัน เรารู้ว่าเขาเป็นหนึ่งในทีมประดาน้ำที่นำโดยชาวอังกฤษ 4 คนที่พาตัวเด็กๆออกมา ทั้งครอบครัวรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขา"

ปฏิบัติการดำน้ำที่ มัลลิสันและนักประดาน้ำคนอื่นๆต้องเผชิญนั้น นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง โดยสามารถยืนยันได้จากเหตุเสียชีวิตของจ่าเอกสมาน กุนัน อดีตนาวีซีลของไทย ซึ่งเสียชีวิตจากการขาดออกซิเจนเมื่อวันศุกร์(6ก.ค.)

เส้นทางในอุโมงค์จนไปถึงจุดที่พบตัวเด็กๆนั้นแคบมาก จนบางช่วงต้องถอดถังอากาศแล้วคลานลอดไป ในสภาพที่หน้าอกและหลังครูดไปตามช่องทางแคบๆนั้น

แอนน์ มัลลิสัน กล่าวว่า "เราเพิ่งรู้ในวันอังคาร ก่อนที่เขาจะบินไปที่นั่น เราไม่ค่อยได้ติดต่อกับเขาเท่าไหร่นัก แต่เรารู้ว่าเขาดำน้ำ 3 เที่ยวในการพาตัวเด็กๆออกมา นักประดาน้ำกู้ภัยทุกคนล้วนเป็นคนถ่อมเนื้อถ่อมตัว พวกเขาไม่ต้องการเงินรางวัลตอบแทนใดๆ พวกเขารักงานของพวกเขาและพร้อมที่จะเสี่ยงแม้รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน"

นอกจากนี้แล้วเธอยังเรียกร้องให้เชิดชูเกียรติแก่นักประดาน้ำอังกฤษทุกคนที่มีส่วนร่วมปฏิบัติการกู้ภัยครั้งนี้

ริค สแตนตัน และ จอห์น โวแลนเทน อีก 2 นักประดาน้ำชาวอังกฤษ คือ2คนแรกที่พบตัวเด็กๆ หลังจากนักเตะเยาวชนและโค้ชหายตัวไปภายในถ้ำที่ถูกน้ำท่วมหลังมีฝนตกลงมาอย่างหนัก

https://mgronline.com/around/detail/9610000069267

 

ทีมประดาน้ำออสซี่เผยเจอเหตุระทึกในถ้ำหลวง เครื่องสูบน้ำขัดข้องหลังช่วย'13ทีมหมูป่า' เผยแพร่: 11 ก.ค. 2561 22:16 โดย: MGR Online


เทเลกราฟ - สื่อต่างประเทศเผยคำบอกเล่าทีมประดาน้ำออสเตรเลีย ระบุภารกิจเสี่ยงตายช่วยชีวิตนักเตะเยาวชนทีมหมูป่า ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เกือบจบลงด้วยโศกนาฏกรรม หลังเครื่องสูบน้ำเกิดเสียขึ้นมากะทันหัน ตอนที่ทีมกู้ภัยยังอยู่ภายในถ้ำ หลังจากเด็กๆและโค้ชรวม 13 คน ได้รับการอพยพออกมาเรียบร้อยแล้ว

หนังสือพิมพ์ดิออสเตรเลีย อ้างคำสัมภาษณ์ของคณะนักประดาน้ำออสเตรเลียที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการดังกล่าว เล่าว่าระหว่างที่ทีมกู้ภัยยังคงเหน็ดเหนื่อยอยู่ลึกภายในถ้ำราว 1 ไมล์(ประมาณ 1.6 กิโลเมตร) ระหว่างกองบัญชาการบริเวณโถง 3 กับปากทางเข้าถ้ำ ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากเครื่องสูบน้ำเกิดขัดข้อง เนื่องจากเครื่องสูบน้ำไฮเทคเหล่านั้นถูกใช้งานอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมง

ในตอนนั้นทีมนักประดาน้ำอยู่ในอารมณ์เฉลิมฉลองและกำลังเฮฮาอยู่ภายในถ้ำ หลังจากฝ่าสภาพแวดล้อมที่แสนอันตรายพาตัวเด็กๆ 12 คนอายุระหว่าง 11-16 ปีและโค้ชวัย 25 ปี ดำน้ำออกจากถ้ำที่คดเคี้ยว คับแคบ ขรุขระและจมอยู่ใต้น้ำได้สำเร็จ

แต่อารมณ์แห่งความยินดีปรีดามีแค่ช่วงสั้นๆ โดยขณะกำลังช่วยกันเก็บกวาด ทีมนักประดาน้ำเห็นไฟคาดศรีษะจากหมวกนิรภัยหลายร้อยส่องมาที่พวกเขา "ทุกคนกำลังช่วยกันเก็บกวาด ระหว่างนั้นก็เห็นไฟคาดศีรษะเริ่มข้ามเนินเข้ามา มีทีมกู้ภัย 100 คนวิ่งลงเนินมา "เครื่องสูบน้ำขัดข้องและระดับน้ำในถ้ำเริ่มสูงขึ้น" นักประดาน้ำคนหนึ่งเล่า เคราะห์ดีที่ทุกคนออกมาได้ทันเวลา

ดิออสเตรเลีย ระบุว่าทีมช่วยเหลือหวิดเกิดความสูญเสียอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้จ.อ.สมาน กุนัน นักประดาน้ำอดีตนาวีซีลต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ขาดอากาศหายใจระหว่างดำน้ำติดตั้งถังอากาศตามเส้นทางหลบหนีเมื่อวันศุกร์(6ก.ค.)




นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (ศอร.) ยกย่องจ.อ.สมาน ในฐานะ "วีรบุรุษที่แท้จริงของถ้ำหลวง" และในวันพุธ(11ก.ค.) มีคำแถลงจะสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาบริเวณด้านนอกถ้ำ

นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ชาวเยอรมนีรายหนึ่งที่ทำงานร่วมกับทีมประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นหัวหอกของภารกิจนี้และเป็นผู้พบตัวเด็กชายเป็นคนแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม ได้เล่าถึงความทุกข์ยากที่ทีมกู้ภัยต้องเผชิญกับเว็บไซต์ข่าวเทเลกราฟ ว่า "มันยากขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อมีสมาชิกในทีมของเราเสียชีวิต ระดับน้ำขึ้นๆลงๆ เราจำเป็นต้องดำน้ำและต้องปีนป่าย มันไม่น่าเชื่อจริงๆ ตอนที่คนสุดท้ายออกจากถ้ำ ผมถึงกับร้องไห้ เรามาอยู่ที่นี่ 10 วันและมีโอกาสได้พักแค่วันเดียว"

เกล็น แม็คอีวาน ผู้บัญชาการตำรวจกลางออสเตรเลีย เล่าข้อมูลเจาะลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับปฏิบัติการกู้ภัย รวมถึงความอดทนอดกลั้นของเหล่าทีมช่วยเหลือ โดยบอกว่านักประดาน้ำออสเตรเลีย 7 คน เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์แก่ทีมนำที่ต้องขนอุปกรณ์หนักรวมกว่า 20 ตัน ทั้งเครื่องสูบน้ำ, อุปกรณ์ทางการแพทย์และอาหาร ผ่านเส้นทางที่จมอยู่ใต้น้ำ

"มันเป็นปฏิบัติการที่ซับซ้อน ขนานใหญ่และเสี่ยงอย่างที่เคยไม่พบเจอมาก่อน" เขากล่าว พร้อมยกย่องความพยายามนานาชาติที่นำโดยฝ่ายไทย "สิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้น่าทึ่งมาก ผู้คนที่พิเศษได้ร่วมทำในสิ่งที่พิเศษ เมื่อคุณมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน โดยเฉพาะมันคือพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ทุกคนต่างลุกขึ้นทำมันด้วยกัน"

ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์ ชาวออสเตรเลีย ที่มาร่วมปฏิภารกิจในครั้งนี้ ที่ได้รับข่าวสะเทือนใจ ว่าคุณพ่อเสียชีวิต เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลัง เสร็จสิ้นภารกิจถ้ำหลวง

ในเรื่องนี้ อเล็ก รูบิน จากกองกำลังป้องกันตนเองออสเตรเลีย กล่าวสรรเสริญดอคเตอร์ ริชาร์ด แฮร์ริส ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของเด็กๆตอนที่ติดอยู่ภายในถ้ำ

https://mgronline.com/around/detail/9610000069241

 

ทัพอิสราเอลเผยยิงขีปนาวุธสอยโดรนซีเรียร่วง
เผยแพร่: 11 ก.ค. 2561 22:03 โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - อิสราเอลได้สอยโดรนลำหนึ่งที่บินมาจากฝั่งซีเรียในวันพุธ (11 ก.ค.) จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อิสราเอล ขณะที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ก็ได้บินไปมอสโกเพื่อพูดคุยกับมิตรรายใหญ่ของอัสซาด เรื่องการเคลื่อนกำลังพลของทัพซีเรีย

กองทัพอิสราเอลระบุในคำแถลงว่า สัญญาณเตือนภัยทางอากาศได้ดังขึ้นบริเวณที่ราบสูงโกลันฝั่งอิสราเอล ใกล้ชายแดนจอร์แดน หลังจากมีโดรนบินมาจากฝั่งซีเรีย จึงได้ทำการยิงขีปนาวุธ Patriot หนึ่งลูกเข้าสกัดโดรนลำดังกล่าว นับเป็นครั้งที่สองในรอบหลายเดือน ที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

"โดรนลำดังกล่าวได้บินมาจากซีเรียและรุกล้ำชายแดนอิสราเอล" คำแถลงของกองกทัพอิสราเอลระบุ โดยที่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าการสอยโดรนเกิดขึ้นบริเวณเหนือที่ราบสูงโกลันหรือไม่

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิสราเอลรายหนึ่งเปิดเผยว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบบริเวณ "ทะเลกาลิลี" ซึ่งเป็นทะเลสาปแถวโกลัน ทางเหนือของอิสราเอล เผื่อจะเจอซากของโดรน

อิสราเอลนั้นมีการเตือนภัยระดับสูง ขณะกองกำลังของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด เข้าโจมตีพวกกบฏใกล้โกลันและจอร์แดน โดยทางอิสราเอลนั้นกังวลว่า อัสซาดอาจส่งทหาร หรือไม่ก็ปล่อยให้พวกอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์เข้าใกล้ชายแดนอิสราเอล

ด้านนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้เดินทางไปกรุงมอสโกในวันพุธ เพื่อพูดคุยกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้ซึ่งมักทำเป็นมองไม่เห็นเวลาอิสราเอลโจมตีพวกอิหร่านหรือฮิซบอลเลาะห์ในซีเรีย แต่เขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ารัสเซียไม่ต้องการให้รัฐบาลอัสซาดมีภัย


https://mgronline.com/around/detail/9610000069230

 

นาโตอึ้ง!ทรัมป์ร้องสมาชิกสมทบทุนค่าป้องกันประเทศเพิ่มเป็น4%ของจีดีพี เผยแพร่: 12 ก.ค. 2561 02:30 โดย: MGR Online


เอเอฟพี -ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าพันธมิตร ณ ที่ประชุมนาโตในวันพุธ(11ก.ค.) ด้วยการเรียกร้องอย่างกะทันหันให้บรรดาชาติสมาชิกเพิ่มสมทบทุนตามพันธสัญญาการใช้จ่ายด้านการป้องกันอีกเท่าตัวเป็น 4%ของจีดีพี

ข้อเรียกร้องที่สร้างความประหลาดใจนี้ยังมีขึ้นหลังจากที่เขาเพิ่งกระทบกระทั่งกับ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โดยเรียกเยอรมนีว่าเป็นเชลยของรัสเซีย สืบเนื่องจากข้อตกลงส่งมอบก๊าซ และชี้ว่าเบอร์ลินใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศไม่มากพอและหาผลประโยชน์จากการสนับสนุนของสหรัฐฯ

การประชุมในกรุงบรัสเซลส์ครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่พันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือกำลังเผชิญปัญหาครั้งยุ่งยากที่สุดในรอบหลายปี โดยความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกตกอยู่ในความตึงเครียดจากประเด็นต่างๆนานา ไล่ตั้งแต่เรื่องการค้า พลังงาน ไปจนถึงการป้องกันประเทศ

เหล่าพันธมิตรนาโตเคยเห็นพ้องระหว่างการประชุมซัมมิตที่เวลส์ในปี 2014 ในความพยายาม จะสมทบเงิน 2% จากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เป็นค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศภายในปี 2024 แต่ทำเนียบขาวในวันพุธ(11ก.ค.) ระบุว่าทรัมป์รู้สึกว่ามันไม่มากพอ




"ระหว่างคำแถลงของท่านประธานาธิบดี ณ ที่ประชุมนาโต้ในวันนี้ ท่านบ่งชี้ว่าประเทศต่างๆไม่เพียงแค่ต้องทำตามคำสัญญาจะสมทบเงิน 2% เป็นค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ แต่พวกเขาควรเพิ่มเป็น 4%ด้วย" ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวระบุ

"ท่านประธานาธิบดีเคยหยิบยกประเด็นเดียวกันนี้ขึ้นมาตอนที่เขาร่วมประชุมนาโตเมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการเห็นพันธมิตรแบ่งปันภาระมากขึ้น หรืออย่างน้อยๆก็ควรทำตามคำสัญญาที่พวกเขาเคยย้ำ" แซนเดอร์สระบุ

ข้อมูลใหม่ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (10) พบว่ามีสมาชิกนาโตในยุโรปเพียง 7 ประเทศที่จะบรรลุเป้าหมายในการสมทบทุน 2% ของจีดีพีภายในปีนี้ ซ้ำร้ายรายชื่อเหล่านี้ยังไม่มีเยอรมนี ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรปและเป็นเป้าหมายการโจมตีอย่างรุนแรงของทรัมป์ เนื่องจากเมืองเบียร์ยังอุดหนุนงบเพียง1.24% เท่านั้น

ทั้งนี้พวกผู้นำนาโต 29 ชาติ ในนั้นรวมถึงทรัมป์ ต่างยกมือสนับสนุนถ้อยแถลงร่วมที่ให้สัญญากับตัวเองว่าจะร่วมแบ่งเบาภาระกันมากขึ้น และย้ำถึงคำสัญญาเมื่อครั้งก่อตั้งพันธมิตร ที่บอกว่าการโจมตีที่เกิดในชาติสมาชิกแห่งหนึ่งจะเท่ากับเป็นการโจมตีสมาชิกนาโตทั้งหมด แต่ไม่มีการพาดพิงถึงกรณีสมทบทุน 4% ของจีดีพีแต่อย่างใด

https://mgronline.com/around/detail/9610000069261

 

หน้ามรสุมอินเดียดุ! แค่วันเดียวชาวภารตะดับร่วม 15 จากน้ำท่วมฉับพลัน-ดินถล่ม เผยแพร่: 11 ก.ค. 2561 21:57 โดย: MGR Online


เอเอฟพี – เจ้าหน้าที่อินเดียแถลง จากเหตุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มทำให้มีคนไม่ต่ำกว่า 15 คนเสียชีวิตในวันนี้(11 ก.ค) ส่งผลทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากฤดูมรสุมอินเดียล่าสุดเกือบ 200 ราย

เอเอฟพีรายงานวันนี้(11 ก.ค)ว่า ดินถล่มได้กวาดร่างคนจำนวน 9 รายเป็นอย่างน้อยมาสู่ความตายในรัฐมณีปุระ โดยมุขมนตรีประจำรัฐ นองธมบัม พิเรน(Nongthombam Biren) กล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ว่า

“ผมรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากต่อการเสียชีวิต 9 รายเนื่องมาจากดินถล่มจาก 3 พื้นที่ใน Tamenglong headquarter”

ทั้งนี้พบว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กถึง 8 ราย ที่มีจำนวนหนึ่งมาจากครอบครัวเดียวกัน สื่อท้องถิ่นชี้

นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เสียชีวิต 6 คนในเหตุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มที่รัฐอุตตราขัณฑ์ อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ประจำรัฐในวันพุธ(11)

สมาชิก 4 คนของครอบครัวถูกพัดหายไปจากดินถล่ม และอีก 2 รายเสียชีวิตในแม่น้ำที่เอ่อล้นเนื่องมาจากฝนที่ตกหนัก พิยุช กุมาร์(Piyush Kumar)เจ้าหน้าที่แผนกฉุกเฉินประจำรัฐให้สัมภาษกับเอเอฟพี

หน้ามรสุมของอินเดียที่เริ่มมาตั้งแต่มิถุนายนไปจนถึงไปจนถึงเดือนกันยายน ในปีนี้ล่าสุดพบ มีคนจำนวน 34 คนเสียชีวิตไปแล้วที่รัฐอัสสัมนับตั้งแต่พฤษภาคมที่ผ่านมา และประชาชนเกือบ 2,000 คนต้องถูกสั่งให้อพยพออกเนื่องมาจากน้ำท่วม

ส่วนรัฐมหาราษฏระ มีผู้เสียชีวิต 62 รายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มนับตั้งแต่มิถุนายน รัฐมนตรีกระทรวงจัดเก็บรายได้ประจำรัฐ ชานดราคานต์ ปาทิล(Chandrakant Patil) แถลง

เอเอฟพีรายงานว่า การเสียชีวิตเกือบ 60 รายเกิดขึ้นที่รัฐเกรละนับตั้งแต่เกิดหน้ามรสุม เจ้าหน้าที่ประจำรัฐให้ความเห็น ส่วนที่รัฐคุชราตมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 6 รายในสัปดาหนี้ เกิดขึ้นหลังจากฝนตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันนานหลายวัน

ในขณะที่เมืองมุมไบ ซิลิคอนแวลลีย์ของอินเดียต้องพบกับสภาพน้ำท่วมฉับพลัน ปัญหาติดขัดทางคมนาคม และมัคนจำนวนมากติดอยู่นับตั้งแต่ฝนหน้ามรสุมตกลงตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์

https://mgronline.com/around/detail/9610000069225

 

โซเชี่ยลฯปั่นดราม่า “อีลอน มัสก์”ฉะ “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”ตามรอยหนัง “ดิ อเวนเจอร์” **รับขวัญผู้บริหารใหม่!! “การบินไทย”เอาแน่ เครื่องบินใหม่ 23 ลำ งบฯแสนล้าน **ตายหมู่หรือตายเดี่ยว!! ถึงคิว สนช. โหวต “7 ว่าที่ กกต.” งวดนี้ “ไฟต์บังคับ”ล่มไม่ได้
เผยแพร่: 12 ก.ค. 2561 05:47 โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ขาเสี้ยมแยกย้าย!! โซเชี่ยลฯปั่นดราม่า “อีลอน มัสก์”ฉะ “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”ตามรอยหนัง “ดิ อเวนเจอร์”ที่เขียนบทให้ตัวเอกตีกันเอง ก่อนจะเคลียร์คัต “ซีอีโอ เทสลา”แค่แย้งข่าว “เว็บไซต์บีบีซี”คลาดเคลื่อน พร้อมยัน นวัตกรรมใหม่ “เรือดำน้ำจิ๋ว”ใช้การได้แน่นอน แค่“ไม่เหมาะสำหรับภารกิจ”ช่วงสุดท้าย ที่ “ทีมกู้ภัย”บุกถ้ำช่วย “ทีมหมูป่า”จนออกมาได้ปลอดภัยทั้งหมด


ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร และ อีลอน มัสก์
ดราม่ากันจนหยดสุดท้าย .. ท่ามกลางความยินดีปรีดากับภารกิจประวัติศาสตร์ที่ “ถ้ำหลวง”ก็เกิด “ดราม่า”ขึ้นอีกระลอก .. เมื่อ “พ่อมดเทคโนโลยีโลก” อีลอน มัสก์ ซีอีโอ จากเทสลา ที่เดินทางมายัง “ถ้ำหลวง”พร้อมนวัตกรรมใหม่ “เรือดำน้ำจิ๋ว”ที่มีชื่อว่า “หมูป่า”เข้ามาช่วยในปฏิบัติการช่วยเหลือ ทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สาย .. ออกมาตอบโต้ “เว็บไซต์บีบีซี” สำนักข่าวชื่อดัง ที่นำเสนอข่าว อ้างว่า“ผู้ว่าฯหนึ่ง” ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย (ผบ.ศอร.) ปฏิเสธไม่ใช้ “เรือดำน้ำจิ๋ว”เพราะ ไม่เหมาะกับภารกิจ .. จนมีการมาตีข่าวต่อว่า “อีลอน มัสก์”ไม่พอใจ “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์”อย่างรุนแรง ราวกับบทหนังฮีโร่ชื่อดัง “ดิ อเวนเจอร์”ที่เขียนบทให้ “กัปตันอเมริกา”ต้องตบตีกับคู่หูอย่าง “ไอรอน แมน” อย่างไรอย่างนั้น ..




พอฝุ่นควันจางลง ก็มีการทำความเข้าใจกันใหม่ว่า แท้ที่จริง “โทนี่ สตาร์ค แห่งโลกความจริง”ไม่พอใจ “เนื้อหาข่าว”มากกว่า .. โดยมีการลงข้อมูลแย้งไปถึง “สำนักข่าวต้นทาง”ว่า ได้มีการประสานกับ “ทีมกู้ภัย”ผ่าน ริชาร์ค สแตนตัน นักดำน้ำชาวอังกฤษ เพื่อยืนยันว่า นวัตกรรมใหม่ ที่ใช้เวลาคิดค้นเพื่อไม่กี่ชั่วโมงนั่น “ใช้งานได้จริง” ..อีกทั้งก่อนเดินทางมาเมืองไทย “อีลอน”ก็รับทราบถึงแผนการนำตัว “ทีมหมูป่า” ออกมาโดยการดำน้ำอยู่แล้ว และก็ได้ทวีตข้อความ ถึงไม่ได้ใช้อุปกรณ์ของเขา ก็จะนำมามอบให้อยู่ดี เผื่อมีประโยชน์ในภายภาคหน้า .. และแม้ในความเป็นจริง “ผู้ว่าฯณรงค์ศักดิ์” จะพูดถึง “กระสวยหมูป่า”ว่า “ไม่เหมาะสำหรับภารกิจของเรา”ก็ตาม .. แต่ก็เป็นการให้ข้อมูลในสถานการณ์ ที่ได้เริ่มส่ง “ทีมกู้ภัย” เข้าไปช่วยเหลือเด็กตามแผนเดิม และ “ประสบความสำเร็จ”เป็นที่น่าพอใจ .. จึงต้องถือว่าเป็นการปฏิเสธ “อย่างสุภาพนอบน้อม” พร้อมยังขอบคุณในความกรุณาของ “อีลอน มัสก์”อีกด้วย .. คำว่า “ไม่เหมาะสำหรับภารกิจของเรา”ก็เคยมีประเด็นมาแล้ว ในช่วงต้นของภารกิจ กรณี “ทีมสูบน้ำซิ่ง”ที่ยกพลไปจาก จ.นครปฐม แต่ต้องนอนเฝ้าหน้าถ้ำอยู่ 2 วันเต็มๆ .. เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็ถูกร้องขอให้เข้าไปช่วยในการสูบน้ำ และผลการทำงาน ก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ไม่มีการดราม่า น้อยอกน้อยใจให้มากความ .. ต่างก็เพียงกรณีของ “อีลอน มัสก์”กับ “เรือดำน้ำจิ๋ว”นั้นมาเมื่อตอนภารกิจใกล้จะจบแล้วเท่านั้นเอง .. สรุปแล้วก็ จบข่าว “ขบวนการเสี้ยม”แยกย้ายได้

**รับขวัญผู้บริหารใหม่!! “การบินไทย”เอาแน่ เครื่องบินใหม่ 23 ลำ งบฯแสนล้าน ต้อนรับ “ประธานบอร์ด - ดีดี”คนใหม่ หวังขยายเส้นทางภาคพื้นยุโรป เสริมศักยภาพ “สายการบินแห่งชาติ” ให้โดดเด่นเป็นสง่า แต่จัดซื้อต้องโปร่งใส อย่าให้เหม็นโฉ่ เหมือน “สินบนโรลส์รอยซ์”หรือวนเวียนเข้า “วงจรอุบาทว์” เมื่อคราว “รัฐบาลทักษิณ”เจ๊งยับเส้นทางบินตรงอเมริกา จอดทิ้งเครื่องบินไว้เป็น “มรดกบาป”ก่อนเลหลังขายเป็นเศษเหล็ก



เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

ตั้งลำอยู่นาน .. ซื้อเครื่องบินใหม่ 23 ลำของ “การบินไทย”ด้วยงบประมาณมากถึง 1 แสนล้านบาท ก็ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาอีกครั้ง .. หลัง “ติดหล่ม” มาร่วมปี คราวนี้ “รุกฆาต” ว่า กำลังให้ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา และเตรียมทำแผนเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ในอีก 2-3 เดือนนี้ .. เครื่องบินใหม่ 23 ลำ ที่จะเป็นการลงทุนในระยะ 5 ปี เสมือนเป็น “ของขวัญ” ต้อนรับ “ผู้บริหารใหม่” พอดิบพอดี .. หลังมีการยืนยันแล้วว่า “ดร.เอก” เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กำลังจะได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทยคน ใหม่ .. ก่อนหน้านี้ได้ตัว “กัปตันถั่ว” สุเมธ ดำรงชัยธรรม หลานอากู๋ แกรมมี่ ที่จับจองเก้าอี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือ “ดีดีการบินไทย” เหลือการต่อรองรายละเอียดค่าจ้างเท่านั้น ..

เหมือนเป็น “ลูปบังคับ”ว่าเมื่อผลัดใบผู้บริหารเมื่อใด ก็จำเป็นต้องมีการชงแผนขอซื้อเครื่องบินใหม่แทบทุกที .. ด้วยเหตุผลเดิมๆ ที่ว่า ต้องขยายการบริหารเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร โดยคราวนี้ล็อกเป้าไปที่ “เส้นทางยุโรป”เป็นหลัก .. จะซื้อจะหาไม่กระไร แต่อย่าลืมว่า “แผลเก่า”ที่สร้างความบอบช้ำให้ “เจ้าจำปี”แทบล้มทั้งยืน ยังไม่สมานดี .. ตั้งแต่ยุค “รัฐบาลทักษิณ” ที่รัฐมนตรีคมนาคม ชื่อ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ใจใหญ่ ซื้อเครื่องบินเพียบไปหมด แล้วต้องเจ๊งย่อยยับกับเส้นทาง “กรุงเทพฯ-นิวยอร์ค” - “กรุงเทพฯ-แอลเอ”จนแทบปิดตำนาน “เจ้าจำปี” นั่นประไร .. ที่สุดไปไม่รอด กลายเป็น “มรดกบาป”จอดทิ้งไว้เฉยๆ เสียค่าจอด ค่าบำรุงรักษาสารพัด จนต้องมาเลหลังขายทิ้งกันแบบขาดทุนยับเยิน .. ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีกระบวนการจัดซื้อที่ “ส่งกลิ่น”อย่างกรณี “สินบนโรลส์รอยซ์”ในยุคเดียวกัน ที่เมืองนอกเอาเรื่องกันไปแล้ว แต่เมืองไทย ยังอยู่ในมือ ป.ป.ช. ที่เงียบสงัด ทั้งที่มีชื่อเสียงเรียงนามผู้ที่เกี่ยวข้องครบถ้วน .. แผนการเลิศหรูเสริมศักยภาพ “สายการบินแห่งชาติ” ให้โดดเด่นเป็นสง่า ก็ขอโมทนาสาธุ ยกมือท่วมหัว .. ระวังก็แต่จะวนเวียนเป็น “วงจรอุบาทว์”ทิ้งเป็น “มรดกบาป” หรือ “ค่าโง่” แล้วหาคนรับผิดชอบไม่ได้ มากกว่าน่ะสิ

** ตายหมู่หรือตายเดี่ยว!! ถึงคิว สนช. โหวต “7 ว่าที่ กกต.” อีกหน งวดนี้ “ไฟต์บังคับ”ล่มไม่ได้ เลี่ยงครหา “ใบสั่งผู้มีอำนาจ”สองคีย์แมน สนช.-รบ. หลุดปาก ไม่ครบ 7 คนก็ทำงานได้ ย้ำกระแสข่าวหนาหู “สมชาย”อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร หลุดโค้งสุดท้าย เหตุถูกโยงคดีโกงสหกรณ์คลองจั่น ทำ “แต้มบุญ”หด ไม่ถึงฝั่นฝัน ลุ้นแค่ว่าจะมีใครถูกตีตกลงเหวไปด้วยหรือเปล่าเท่านั้น



สมชาย ชาญณรงค์กุล, สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และ ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย

พูดเหมือนเป็นลาง .. ตามคิวที่วันนี้ (12 ก.ค.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต้องโหวตรับรอง ว่าที่ 7 เสือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ อีกครั้ง .. แต่ก็มีน้ำเสียงแปร่งๆ จาก “คีย์แมน” ทั้งสาย สนช. อย่างรองประธานฯ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ที่แม้มั่นใจว่ารอบนี้ “ไม่ล่มปากอ่าว” แต่ก็หลุดปากออกมาว่า เลือกผ่านแค่ 5 คนก็ทำหน้าที่ได้ .. สอดคล้องกับบิ๊กเนมฝ่ายบริหาร วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่โพล่งออกมาว่า ไม่ครบ 7 คนก็ทำงานได้ .. เสมือนหนึ่งยืนยันกลายๆ ว่า “งวดนี้ไม่ล่ม แต่บางคนร่วง” ด้วยเป็น “ไฟต์บังคับ” ว่างานนี้ออกหน้าเดิมไม่ได้ หลัง สนช. “ทอปฟอร์ม” โหวตคว่ำมาสารพัดหน่วยงาน .. ทั้งคิวหวด “ว่าที่ 7 เสือ กกต.” ยกกระบิ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หรือรายของ “กสทช.-ผู้ตรวจการแผ่นดิน” ก็ไม่รอดน้ำมือ “สภาฝักถั่ว”มาแล้วทั้งสิ้น ..ท่ามกลางกระแสข่าว “ใบสั่งผู้มีอำนาจ”หรือประโยคเด็ด “นายกฯไม่แฮปปี้” กลายเป็น “ชนัก”ที่สะท้อนว่ามีการแทรกแซงการสรรหาบุคคลในองค์กรสำคัญๆ มาตลอด .. ดังนั้นกระบวนการสรรหา กกต. จึงห้ามมีอันเป็นไปอีกเด็ดขาด แม้ว่า “7ว่าที่ กกต.” จะโดนค่อนแคะว่า “เกรดบี-เกรดซี” ที่สำคัญไร้ประสบการณ์คุมการเลือกตั้งก็ตาม ..

แต่ปัญหายังไม่หมด เมื่อ “ผู้ผ่านเข้ารอบ”ทั้ง 7 รายถูก “ตั้งแง่”ตั้งแต่ต้นแล้วว่า มี “ตำหนิ” อยู่ไม่น้อย .. โดยเฉพาะประเด็น “จริยธรรม” ที่หากว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วก็หลายรายดูมีปัญหา ภาพลักษณ์ออกไปในทาง "ขมุกขมัว" ไม่น่าเหมาะกับการทำหน้าที่ "กรรมการ" เท่าไร .. จนมีข่าวว่า มีอย่างน้อยๆ 1 ราย ที่ต้องตกลู่ไปในโค้งสุดท้าย ชี้เป้ากันไปที่ สมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร .. ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และมีคดีความถูกฟ้องร้องค้างอยู่ในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง .. กรณีเป็น “นายทะเบียนสหกรณ์”ขณะที่ดำรงตำแห่งเป็นอธิบดีกรมส่งเสริม สหกรณ์ "ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่" จนมีส่วนสร้างความเสียหายแก่ “สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น” .. โดยในชั้นคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ที่ พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ เป็นประธาน แสดงความเป็นห่วงว่า หากมีคดีความติดตัว ก็จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ กกต. อีกทั้งอาจต้องเสียเวลาไปในการต่อสู้ชั้นศาลจนเบียดบังการทำหน้าที่ได้ .. ที่ต้องลุ้นต่อว่า “สมชาย”จะฉุดเพื่อนคนไหนไปร่วมชะตากรรมเดียวกันหรือไม่ เพราะรายอื่นๆ ก็ใช่ย่อย .. อย่าง ธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตผู้ว่าฯ หลายจังหวัด มีคดีถูกฟ้องร้องเป็นจำเลยมากกว่า 10 คดี โดยที่เจ้าตัวแก้ต่างว่า ไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน .. ก็ต้องจับตาว่า “ผู้มีอำนาจ”จะกดรีโมทแบบไหน จะพลิกล็อก ผ่านกันยกพวง หรือ “ตายเดี่ยว”อย่างที่คาด แล้วอาจจูงเพื่อนคนไหนตกเหวไปด้วยหรือเปล่าเท่านั้น.

ช.ชฎา

https://mgronline.com/politics/detail/9610000069269

 

ชมรมstrong-จิตพอเพียงต้านทุจริต จังหวัดสุราษฎร์ธานี




ภาพความสำเร็จที่เหลือจากโครงการ9101 ของ ต.บางเดือน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจัดทำโครงการปุ๋ยมูลสัตว์โบกาฉิ ดำเนินการช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2560

สภาพล่าสุดของชุมชนที่ 6ซุกทิ้งไว้ในโรงอาหารของโรงเรียนร้าง
บ้านแท่นแก้ว ม.3 ต.บางเดือน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี

 

ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน

ปุ๋ย 9101 สุราษฎร์ เน่าคาโรงเรียนร้าง

เมื่อปี 2560 ภาครัฐเร่งรีบให้มีการจัดทำโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี อ้างฟื้นฟูอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรผู้ประสบอุทกภัยและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน การดำเนินการในระดับพื้นที่มักทำโครงการเหมือน ๆ กันเป็นแพ็กเกจเดียวกันทั้งตำบล ซึ่งมักจะมีการทุจริตในขั้นตอนการดำเนินการหรือไม่ได้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

อย่างในตำบลบางเดือน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำปุ๋ยโบกาฉิ มูลสัตว์ขายเหมือนกันทั้งหมด 5 หมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านใช้งบราว 200,000 บาท เริ่มดำเนินการช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2560 โครงการของชุมชนที่ 6 หมู่ 3 ทำปุ๋ยเสร็จจำหน่ายราคากระสอบละ 70 บาท แต่ไม่มีคนซื้อและไม่มีใครสนใจจะซื้อแม้ลดราคาเหลือ 40 บาท แล้วก็ตาม ปุ๋ยนี้ผลิตและเก็บไว้ทีโรงอาหารภายในโรงเรียนบ้านแท่นแก้วซึ่งเป็นโรงเรียนร้าง

ปัจจุบันผ่านมาครึ่งปี ปุ๋ยเกือบพันกระสอบถูกกองทิ้ง ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่วโรงเรียน โดยเฉพาะช่วงฝนตก ปกติปุ๋ยชนิดนี้กลิ่นเหมือนดินหมัก แต่กลิ่นไข่เน่าที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการที่ไม่ได้ใช้หัวเชื้อของแท้ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะมีความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อวัตถุดิบ

#ตำบลบางเดือน #พุนพิน #สุราษฎร์ธานี #9101#ปุ๋ยโบกาฉิ #ปุ๋ยเน่า #ขายไม่ออก #ปล่อยทิ้ง #ส่งกลิ่นเหม็น #ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน 61-06-011

--------------------------
ติดตาม Line@ และ IG หมาเฝ้าบ้าน: ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน

 

ยอดคนตกงานเดือน มิ.ย.61 ทะลุ 4.26 แสนคน
เขียนวันที่ วันพุธ ที่ 11 กรกฎาคม 2561 เวลา 17:45 น. เขียนโดย ไทยรัฐ หมวดหมู่ เกาะประเด็น

ยังว่างงานเพิ่ม สำนักงานสถิติฯ เผยเดือน มิ.ย. ตัวเลขพุ่งเป็น 4.26 แสนคน ปริญญาตรียังแชมป์ ส่องทางรอด อาชีพ 5 อันดับแรกที่มีแรงงานมากที่สุด

หลังจากตัวเลขคนว่างงานมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเดือน พ.ค. 2561 มีคนว่างงาน 402,000 คน ล่าสุดสำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานตัวเลขการว่างงานของเดือน มิ.ย.2561 พบว่า มีคนว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 426,000 คน คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 1.1 ของจำนวนแรงงานทั้งหมด 38.86 ล้านคน

คนว่างงานเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.2560 จำนวน 11,000 คน และหากเทียบกับเดือน พ.ค.2561 เพิ่มขึ้น 24,000 คน โดยกลุ่มระดับการศึกษาปริญญตรี ยังเป็นกลุ่มว่างงานมากที่สุด มีจำนวน 170,100 คน

กลุ่มอาชีพที่ว่างงาน ที่เคยทำงานในภาคธุรกิจ 3 กลุ่มนั้น มาจากกลุ่มภาคบริการและการค้า 85,300 คน, ภาคการผลิต 69,400 คน และภาคเกษตรกรรม 27,200 คน

อีกด้านหนึ่ง สำหรับตัวเลขคนมีงานทำที่มีจำนวน 38.36 ล้านคนนั้น อาชีพที่มีจำนวนคนทำงานมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ

1.ผู้ปฏิบัติงานที่มีฝีมือด้านการเกษตร และการประมง 12.44 ล้านคน

2.พนักงานบริการ และพนักงานในร้านค้าและตลาด 7.29 ล้านคน

3.ผู้ปฏิบัติงานด้านความสามารถทางฝีมือ และธุรกิจการค้าที่เกี่ยวข้อง 4.16 ล้านคน

4.อาชีพขั้นพื้นฐานต่างๆ ในการขาย และการให้บริการ 3.94 ล้านคน

5.ผู้ปฏิบัติการโรงงาน เครื่องจักร และผู้ปฏิบัติงานด้านการประกอบ 3.61 ล้านคน

ที่มา : https://www.thairath.co.th/content/1332478


https://www.isranews.org/isranews-other-news/67682-thairath_67682.html

 

คลังปิ้งไอเดีย “คืนแวต” อุ้มคนจน
เขียนวันที่ วันพุธ ที่ 11 กรกฎาคม 2561 เวลา 17:39 น. เขียนโดย ไทยโพสต์ หมวดหมู่ เกาะประเด็น

คลังปิ้งไอเดีย “คืนภาษีแวต” อุ้มผู้มีรายได้น้อย ตีกรอบ 3 เดือน คนจนเติมเงินบัตรสวัสดิการซื้อสินค้า สามารถนำมาขอคืนภาษีได้ที่สรรพากร ยันไม่กระทบโครงสร้างจัดเก็บ เหตุตั้งงบประมาณรองรับโดยเฉพาะ แตะเบรก “ช้อปช่วยชาติ” หลังกำลังซื้อในประเทศสดใส

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2561- นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 11.4 ล้านคน สำหรับเงินที่นำไปซื้อของใช้จ่ายในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งต้องซื้อของผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยนำเงินสดของตัวเองไปเติมใส่บัตรและนำไปซื้อสินค้ากับร้านค้าที่มีเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) ซึ่งข้อมูลการซื้อสินค้าทั้งหมดจะเชื่อมกับกรมสรรพากรอยู่แล้วว่าจะได้คืนภาษีแวตเท่าไหร่ ผู้มีรายได้น้อยก็สามารถมาขอคืนภาษีกับกรมสรรพากรได้ตอนสิ้นปี

"กระทรวงการคลังคิดว่าแนวทางการคืนภาษีแวตดังกล่าวจะช่วยผู้มีรายได้น้อยได้มากขึ้น สำหรับวงเงินซื้อสินค้าและเพดานการขอคืนภาษีแวตยังไม่ได้กำหนด และการดำเนินการนี้ไม่ได้ทำให้โครงการสร้างภาษีแวตของกรมสรรพากรเสียหาย เพราะรัฐบาลจะตั้งงบประมาณมาคืนเท่ากับภาษีแวตที่กรมสรรพากรจ่ายคืนให้กับผู้มีรายได้น้อยที่มาขอคืนภาษี" นายอภิศักดิ์ กล่าว

สำหรับสินค้าที่ซื้อและนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ จะเปิดกว้าง ไม่มีการจำกัดเพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยาก เช่น เสื้อผ้า ของใช้ รวมถึงโทรศัพท์มือถือก็จะไม่ห้ามเพราะประเทศเข้าสู่ยุคดิจิทัล แต่จะยกเว้นสินค้าอบายมุข อาทิ สุรา เบียร์ บุหรี่ เท่านั้น

รมว.การคลัง กล่าวยืนยันว่า การยกเว้นภาษีแวตให้กับผู้มีรายได้น้อย เป็นแนวทางเดียวกันกับโครงการช้อปช่วยชาติ ที่สามารถนำรายได้จากการซื้อสินค้ามาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ที่ได้ดำเนินการมา 3 ปี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศ แต่ในปีนี้อาจไม่มีการดำเนินการอีก เนื่องจากประชาชนมีกำลังซื้อ และความสามารถในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

“ตอนที่ทำโครงการเมื่อ 3 ปีก่อน เพราะคนไทยมีกำลังซื้อดี แต่ไปใช้จ่ายต่างประเทศมาก จนขึ้นเป็นอันดับ 2 จากการขอคืนภาษีจากการซื้อสินค้าในประเทศยุโรป แต่ปีนี้รัฐบาลจะไม่ทำในส่วนนี้ แต่จะมาทำกับผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนรับสวัสดิการจากภาครัฐแทน” นายอภิศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้สั่งการไปยังกรมสรรพากร ให้หาแนวทางลดภาระผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะการเสียภาษีทางอ้อม ซึ่งกรมสรรพกากรกำลังเร่งศึกษา

ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/13212


https://www.isranews.org/isranews-other-news/67680-thaipost_67680.html

 

วิทยุและโทรทัศน์ รัฐสภา

งานวิจัยล่าสุด พบความเชื่อมโยงระหว่างการนั่งนานๆ กับภาวะหัวใจล้มเหลว เรียกได้ว่า การนั่งนานเกินไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ออกกำลังกายหรือกินอาหารคลีนมากแค่ไหน
.
นอกจากเบาหวาน โรคหัวใจ และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ผู้เชี่ยวชาญรับรู้มานานแล้วว่า การนั่งนานเกินไปเกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจล้มเหลว แต่สิ่งที่พวกเขายังไม่รู้ก็คือ เพราะอะไร การนั่งจึงทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ อย่างเพียงพอ
.
ก่อนหน้านี้ เท่าที่ผู้เชี่ยวชาญรู้ ก็คือ เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจได้รับความเสียหายหรือกำลังจะตาย เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจจะผลิตโปรตีนโทรโปนินเข้าสู่กระแสเลือด ระดับของโทรโปนินที่สูงขึ้นจึงบ่งชี้ได้ว่า กำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อหัวใจ
.
ในงานวิจัยชิ้นล่าสุด เรื่อง ‘Sedentary Behavior and Subclinical Cardiac Injury: Results From the Dallas Heart Study’ ซึ่งศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหัวใจและสุขภาพของผู้คนมากกว่า 1,700 คน พบว่า คนที่เคลื่อนไหวร่างกายมาก มีแนวโน้มที่จะมีระดับโทรโปนินในกระแสเลือดน้อยกว่าคนที่เคลื่อนไหวร่างกายน้อย นอกจากนี้ คนที่นั่งวันละ 10 ชั่วโมงหรือมากกว่า มีแนวโน้มที่จะมีโทรโปนินสูงกว่าค่าเฉลี่ย
.
โดยสรุปก็คือ งานวิจัยชิ้นนี้พบว่า การนั่งมีส่วนอย่างมากกับระดับโทรโปนินที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม งานชิ้นนี้ยังหาคำอธิบายไม่ได้ว่า เหตุใดการนั่งนานขยับตัวน้อย จึงส่งผลร้ายต่อกล้ามเนื้อหัวใจ
.
กระนั้นก็ตาม ข้อมูลที่ยืนยันได้ในเวลานี้ก็คือ การนั่งอยู่กับที่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ภาวะดื้อต่ออินสุลิน และการสะสมของไขมันในหัวใจ ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่ความเสียหายของหัวใจได้
.
นายแพทย์เจมส์ เดอ เลมอส แพทย์โรคหัวใจจาก University of Texas Southwestern Medical Center ผู้ตรวจสอบงานวิจัยชิ้นนี้ กล่าวว่างานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับระบบหัวใจหลอดเลือดเกือบทั้งหมดบ่งชี้ว่าการออกกำลังกายและการไม่นั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน คือสิ่งที่คนเราควรให้ความสำคัญ

สำหรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง นายแพทย์เดอ เลมอส ให้คำแนะนำไว้ว่า “เราควรตระหนักว่าการลดพฤติกรรมอยู่นิ่ง คือส่วนสำคัญของการมีสุขภาพดี”
.

สำหรับข้อมูลที่มีงานวิจัยรองรับ การนั่งคือที่มาของสิ่งเหล่านี้
- บั้นท้ายใหญ่ขึ้น

- การนั่งนานกว่าวันละ 6 ชั่วโมง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

- ทันที่ที่นั่ง การเผาผลาญแคลอรีจะลดลงเหลือ 1 แคลอรีต่อนาที และการผลิตเอนไซม์ที่ช่วยให้ไขมันแตกตัวลดลง 90%

- หลังจากนั่ง 2 ชั่วโมง คอเลสเตอรอลดีจะลดลง 20%

- การออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง ไม่อาจทดแทนการนั่ง 22 ชั่วโมงได้

- คนที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์มากกว่าวันละ 4 ชั่วโมง มีแนวโน้มเป็นโรคหัวใจมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่นั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์น้อยกว่าวันละ 2 ชั่วโมง

- หลังจากอายุ 25 ปี การนั่งดูโทรทัศน์ 1 ชั่วโมง ลดอายุคาดเฉลี่ยของผู้ดู 22 ปี (บุหรี่ 1 มวน ลดอายุคาดเฉลี่ยของผู้สูบ 11 ปี)

- คนที่ดูโทรทัศน์วันละ 6 ชั่วโมง มีแนวโน้มจะอายุสั้นกว่าคนที่ไม่ดูโทรทัศน์ประมาณ 5 ปี

cr.กรมอนามัย

 

Thai NavySEAL



ปฏิบัติการที่โลกต้องจดจำ

The operation the world never forgets.

18 วัน ที่ผู้คนทั้งโลกรวมใจมาอยู่ด้วยกัน รวมพลังช่วยกันพานักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี 12 คนและโค้ช กลับบ้าน

และเราจะจดจำความเสียสละ ความงดงามในจิตใจของเรือโทสมาน กุนัน ตลอดไป

“ภารกิจไม่สำเร็จ ไม่พบเราไม่เลิก”

Hooyah Hooyah Hooyah

 

ผมว่าโค้ชนี่เก่ง !?!! “ผบ.หน่วยซีล” ออกปาก “โค้ชเอก” ใช้หินขุดอุโมงค์เข้าไป5เมตรป้องกันความหนาวให้น้องๆ
Publish 2018-07-12 08:42:11
ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ศอร.) วานนี้ 11 กรกฎาคม 2561 เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการหลังจากที่สามารถจบภารกิจช่วยเหลือทีมเยาวชนหมูป่าและผู้ฝึกสอนรวม 13 ชีวิต

นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายการปฏิบัติงานที่สำเร็จลุล่วงนั้นมีคีย์แมน สำคัญ คือความสามัคคีที่ได้รับจากทั้งในและต่างประเทศ ที่สนับสนุนอุปกรณ์ ความรู้ เทคโนโลยี มาช่วยในการกู้ภัย และกู้ชีพ ทั้ง 13 ชีวิต ทีมหมูป่า จนบรรลุเป้าหมายเดียวกันในการสืบค้น ค้นหา จนกู้ภัยทั้งหมดออกมาได้ แต่ภารกิจยังไม่สิ้นสุด คือเรื่องการส่งทั้ง 13 ชีวิต กลับบ้าน รวมไปถึงการส่งคืนพื้นที่วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน คืนให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ไปฟื้นฟูสภาพเพื่อกลับมาดังเดิม





สำหรับขบวนการนำเด็กออกมาจากถ้ำ เป็นกระบวนการของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศดำเนินการ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่เป็นตามมาตรฐานสากล เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตระหนกหรือเป็นอันตรายระหว่างการลำเลียง และ ทุกระยะมีการตรวจร่างกายระดับความดัน การนำน้องออกมานั้นได้ให้น้องสวม ฟลู เฟลแมส (หน้ากากเต็มหน้า) ให้กับน้องๆ แล้วนอนดำน้ำออกมา โดยให้เจ้าหน้าที่ชุดช่วยเหลือลำเลียงออกมาอีกที ทั้งนี้ระยะทางที่มีการดำนำคิดเป็นร้อยละ 40 ของระยะทางจากเนินนำสาวออกจากถ้ำ ซึ่งการเลือกลำดับให้น้องออกมาจากถ้ำนั้น เป็นการเลือกของโค้ชเอก ขณะนี้ยังไม่ทราบเหตุผลของการเรียงลำดับออกมา



ภาพประกอบ

นอกจากนี้สำนักข่าวบีบีซี ประเทศอังกฤษ เปิดเผยการให้สัมภาษณ์ของ พล.ร.ต.อาภากรระบุว่า "ต้องยอมรับว่าน้องๆ เก่ง ผมคิดว่าโค้ชนี่เก่งมาก อยู่ในสภาพที่ดีมาก เท่าที่ฟังดูเขาได้มีการขุดเป็นอุโมงค์เข้าไปประมาณ 5 เมตร โดยใช้หิน ขุดเป็นอุโมงค์เพื่อป้องกันความหนาว แล้วเท่าที่ทราบโค้ชเขาบวชมา เขารู้เรื่องการทำสมาธิ ทำให้น้องๆ มีสมาธิ แล้วก็คงจะใช้อากาศน้อยๆ ผมคิดว่าอาหารเขาคงมีการแบ่งปันกัน"



ภาพประกอบ



ภาพประกอบ



ภาพประกอบ



โค้ชเอก นายเอกพล จันทะวงษ์



โค้ชเอก นายเอกพล จันทะวงษ์

อ้างอิง ศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย ในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน และ สำนักข่าวบีบีซี ประเทศอังกฤษ


http://www.tnews.co.th/contents/bg/470388

 

ทันข่าวเมืองแพร่/T-News Phrae ได้แชร์วิดีโอ

บรรยากาศน้องๆหมูป่าทั้ง13คน

 

มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน

ปากีสถานพร้อมร่วมมือกับอีหร่านในการสร้างท่อส่งก๊าซ

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

รองประธานวุฒิสภาของประเทศปากีสถาน Saleem Mandviwalla กล่าวว่าประเทศปากีสถานของเขามีความกระตือรือร้นในโครงการท่อส่งก๊าซที่รอคอยมานานกับอิหร่าน
ในระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่ของปากีสถานได้แสดงความหวังว่าโครงการสำคัญนี้ จะเห็นความสดใสในอนาคตอันใกล้นี้

ย้อนหลังไปเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2559 ประธานาธิบดีอิหร่านฮัสซันรูฮานี ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงอิสลามาบัดว่าท่อส่งก๊าซได้เสร็จสิ้นแล้วที่ฝั่งอิหร่าน

โครงการร่วมเปิดตัวร่วมกัน มีเป้าหมายเพื่อก่อสร้างท่อส่งก๊าซจากอิหร่านไปปากีสถานระยะทาง 1,800 กิโลเมตร ซึ่งอิหร่านได้ลงทุนไปแล้วกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในโครงการ

Mandviwalla ยังเน้นย้ำความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มปริมาณธุรกรรมทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศเรียกร้องให้มีการเริ่มดำเนินกิจกรรมของ บริษัท การลงทุนร่วมอิหร่าน - ปากีสถานอีกครั้ง"การร่วมมือดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่ายและเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพในการร่วมค้าและการลงทุน" เขากล่าวเสริม

เจ้าหน้าที่รัฐสภาปากีสถานยืนยันอีกว่ากรุงเตหะรานและกรุงอิสลามาบัดมีมุมมองร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศโดยเน้นว่าโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีได้

BY>>>>>Giant Khan<<<<<

https://en.mehrnews.com/news/135594/Pakistan-voices-readiness-to-complete-gas-pipeline-with-Iran

 

Workpoint News - ข่าวเวิร์คพอยท์

"เราจะรับซักจนถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจเสร็จจนกลับบ้าน ก็คือว่าเสื้อผ้ากลับบ้านคุณรับรองไม่มีเปื้อนโคลน ไม่มีเปียกน้ำเราทำให้สะอาดก่อนกลับบ้านค่ะ"
คุณรวินท์มาศ ลือเลิศ
.
#WorkpointNews #WorkpointSHORTs

 

เด้งนายอำเภอโนนสุวรรณเข้ากรุ หลังถูกร้องอมเงินค่าอาหารไทยนิยมยั่งยืน 12 กรกฎาคม 2018



กรมการปกครองสั่งย้ายนายอำเภอโนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ช่วยราชการที่กรมฯ หลังตัวแทนชาวบ้านและ ผญบ. บุกร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ตรวจสอบเอาผิด พบมีพฤติกรรมหักหัวคิวงบค่าอาหารโครงการไทยยั่งยืนหมู่บ้านละ 2,000 บาท ด้านนายอำเภอที่ถูกกล่าวหาเข้ารายงานตัวแล้ว แต่ยังไม่ขอให้ข้อมูล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (11 ก.ค. 61) จากกรณีที่ตัวแทนชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านอำเภอโนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ให้ตรวจสอบเอาผิดนายอำเภอโนนสุวรรณคนปัจจุบัน



โดยกล่าวหาว่านายอำเภอคนดังกล่าวมีพฤติกรรมทุจริตเงินงบประมาณโครงการไทยนิยมยั่งยืน หมู่บ้านละ 200,000 บาท โดยตัวแทนชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านที่เข้าร้องเรียนระบุว่า นายอำเภอได้หักหัวคิวค่าอาหารในการจัดเวทีประชาคมของแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งจะได้รับงบค่าอาหารเวทีละ 4,000 บาท โดยมีการลงในใบเสร็จรับเงิน 4,000 บาท แต่กลับได้รับยอดเงินค่าอาหารจริงเพียง 3,500 บาท ถูกหักหัวคิวครั้งละ 500 บาท

ซึ่งจากการสอบถามพบว่าทั้ง 56 หมู่บ้านใน อ.โนนสุวรรณ ถูกหักหัวคิวค่าอาหารในโครงการไทยนิยมยั่งยืนไปหมู่บ้านละ 2,000 บาท รวม 56 หมู่บ้านเป็นเงิน 112,000 บาท ทั้งนี้ชาวบ้านยังได้ร้องเรียนกล่าวหาว่านายอำเภอมีพฤติกรรมทุจริตเงินจากการจัดงานประเพณีของดีโนนสุวรรณอีกด้วย จึงได้เข้ามาร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำทุจริตจริงก็อยากให้เอาผิดทั้งวินัยและกฎหมาย



ล่าสุดผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอโนนสุวรรณ เพื่อขอสัมภาษณ์นายอำเภอ ให้ชี้แจงกรณีที่ถูกร้องเรียนกล่าวหา แต่ก็ไม่พบนายอำเภอคนดังกล่าว จึงได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ซึ่งให้ข้อมูลเพียงว่านายอำเภอเดินทางไปรายงานตัวที่กรมการปกครอง ภายหลังได้รับหนังสือคำสั่งให้ย้ายไปช่วยราชการที่กรมฯ เป็นการชั่วคราว มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ส่วนรายละเอียดไม่ทราบ

และเมื่อโทรศัพท์สอบถามไปยังนายอำเภอ ก็ให้คำตอบเพียงสั้นๆ ว่า กำลังเดินทางไปรายงานตัวที่กรมการปกครอง ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาจริง ส่วนเรื่องที่มีการร้องเรียนกล่าวหาตนเองนั้น ยังไม่ขอให้ข้อมูลหรือรายละเอียดใดๆ ตอนนี้ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน หากพร้อมหรือสะดวกก็จะให้ข้อมูลในภายหลัง


https://workpointnews.com/2018/07/12/เด้งนายอำเภอโนนสุวรรณเ/

 

ตลาดข่าว Workpoint ได้แพร่ภาพสด




Facebook Live ตลาดข่าว วันนี้ติดตามประเด็น

-ผบ.ศอร.แถลงปิดศูนย์อำนวยการร่วมฯ โต้เรื่องยาสลบ
-ภาพที่รอคอย! 13 หมูป่าปลอดภัย ชู 2 นิ้วทำไอเลิฟยู
-นายกฯ แถลงผลสำเร็จปฏิบัติการช่วย 13 หมูป่า

#ตลาดข่าว #ข่าวเวิร์คพอยท์

 

กรมอุทยานฯ ประกาศปิดถ้ำหลวง 6 เดือน ฟื้นฟูระบบนิเวศ
11 กรกฎาคม 2018



กรมอุทยานฯ เตรียมฟื้นฟูระบบนิเวศถ้ำหลวงหลังเสร็จสิ้นภารกิจพาทีมหมูป่าออกจากถ้ำ พร้อมกำหนดพื้นที่ต้องห้าม คาดใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี

วันที่ 11 ก.ค. 2561 นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ปิดถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ชั่วคราวอย่างน้อย 6 เดือน ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปโดยเด็ดขาด เพื่อเร่งฟื้นฟูคืนสภาพให้กลับมาเป็นปกติ โดยเจ้าหน้าที่เริ่มทยอยขนอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากถ้ำหลวงแล้ว และบางส่วนที่ยังไม่สามารถขนออกได้ เนื่องจากระดับน้ำภายในถ้ำจะกลับมาสูงในช่วงน้ำหลาก และต้องเก็บไว้และรอจนน้ำแห้งก่อน



ส่วนแผนฟื้นฟูและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีทั้งแผนงานเร่งด่วน และแผนระยะยาวที่อาจต้องใช้ระยะเวลา 6 เดือน – 1 ปี โดยขณะนี้มีการทำแผนเสนอให้กับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว และการทำงานต้องมีผู้เชี่ยวชาญจากกรมทรัพยากรธรณี, กรมทรพยากรน้ำบาดาลและนักวิชาการด้านถ้ำ มาร่วมในการชี้แนะแผนถ้ำหลวง



นายจงคล้าย กล่าวว่า สิ่งที่ทำได้ทันทีคือ ระบบฝายที่นำท่อต่อทางน้ำจะต้องรื้อท่อออกทั้งหมด ส่วนโพรงที่สำรวจเป็น 100 โพรง มีแค่ 3 โพรงขนาดใหญ่ที่มีการเจาะสำรวจ หลังจากนี้ต้องอุดกลับไปสู่สภาพเดิม แต่ต้องให้กรมทรัพยากรธรณี มาช่วยดำเนินการ เพื่อให้สภาพด้านนอกของถ้ำคืนสู่สภาพเดิม รวมทั้งต้องเร่งกำหนดโซนนิ่งถ้ำ และเขตบริการนอกถ้ำให้ชัดเจน กำหนดการเข้า-ออก การติดตั้งระบบตรวจวัดระดับน้ำ การเตือนภัย

Posted by สุพจน์ บูรณประภาพงศ์ on Tuesday, June 26, 2018

ขอบคุณภาพจาก FB สุพจน์ บูรณประภาพงศ์

 

ชุมชนคนท้องถิ่น

นายช่าง อบต. โพสต์รำพัน
หลังรับราชการมาเกือบ 17 ปี
ตัดสินใจลาออก เหตุเพราะ...

สวัสดีครับ…. เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ...ช่าง ท้องถิ่น..ทุกคน
วันนี้ผมจะมาลา...ทุกคนครับ …
ซึ่ง..ผมได้ลาออกแล้ว...น่าจะมีผลสิ้นเดือนนี้
ก็คือเข้า ก. เดือนนี้..ผมยื่นใบลาออกตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมา
ตลอดเวลา 16 เกือบ17 ปี
ที่ผมได้อยู่ในสังคมช่าง...ในสังคมท้องถิ่น
ได้เห็นการเปลี่ยนแปลง...อย่างมากมาย
ได้เห็นตั้งแต่อบต.มีเจ้าหน้าที่ แค่ 3 คน
จนถึงวันนี้..วันที่ อปท. มีเจ้าหน้าที่มากมาย
วันที่... พนักงานจ้าง เงินเดือน มากกว่าข้าราชการ
วันที่...มีหน่วยตรวจ..เอาเป็นเอาตาย กับเจ้าหน้าที่
วันที่...ช่างทุกคนต้องทำตัวเหมือนนิติกร...เพื่อเอาตัวรอด
วันที่...เราไม่รู้ว่า...ต้องกดลูกปูนกี่วัน
วันที่...ช่างไม่สามารถ...เขียนแบบถนนลูกรังได้
วันที่...สร้างถนนเสร็จ 7 วันแล้วตรวจงาน..แล้วช่างมีความผิด
วันที่... ช่างต้องใช้เวลาอ่านกฎหมาย 7 ชั่วโมง..และมีเวลาศึกษาเทคนิคการเขียนแบบ เทคนิคการก่อสร้างใหม่ๆ แค่ 1 ชั่วโมงต่อวัน
วันที่...ช่างอปท. ต้องทำทุกอย่าง...แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจแม้แต่เรื่องเดียว
.

.
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา...ผมไม่เคยรับเหมา
ผมไม่เคยเตรียมธุรกิจสำรอง.. เอาไว้
แต่ที่ผมลาออก...เพราะรับกับระบบ... ไม่ได้
แม้ผมจะมีหนี้เป็น..ล้าน และยังไม่รู้ว่าจะใช้ หนี้ยังไง
มีหลายคนบอก...ผมว่ามันคือ การ “ฆ่าตัวตาย “
แต่ผมก็พร้อมที่จะเสี่ยง
และอีกปัจจัย..หนึ่ง ที่ทำให้ผมตัดสินใจ คือ ปลัดตงฉิน ท่านหนึ่ง ถูกไล่ออก(และน่าจะเป็นคนตงฉินที่สุดที่ผมเคยเจอมาตลอดชีวิต)
ที่ต้องเสี่ยงเพราะ...ผมต้องการ..ให้ชีวิต ที่เหลือมีความสุขมากกว่านี้
.แม้ว่าผมจะรัก อาชีพ ช่างท้องถิ่น มากเพียงใดก็ตาม
เพราะสังคมช่าง..มีความพิเศษ...เรารักกันและแวะดื่มกินกันได้ตลอดเวลา
มีความเป็นพี่เป็นน้องกัน...มากกว่าสังคมใดๆในท้องถิ่น
และผมจะจารึกในหัวใจเสมอ..ว่าครั้งหนึ่ง ผมเคยเป็นช่างท้องถิ่น..มาค่อนชีวิต
.
สุดท้ายนี้..สุดท้ายนี้ผมขอให้เราชาวช่างรักใคร่ สมัคร สมาน สามัคคีกัน เคารพรุ่นพี่รุ่นน้อง
เพราะนี้คือหัวใจของช่าง..ที่แตกต่างจาก ตำแหน่ง อื่นๆ(เพราะไม่มีแล้วครับที่ระบบข้าราชการที่จะช่วยกันยกเว้นพวกเราจะช่วยกันเอง)
...ผมต้องขออนุญาติ..ออกจากกลุ่ม นะคร้บ **สวัสดี**

cr. นายช่างเฉลิมพร วศ.วิศวกร เพื่อชาติ วิชคุณ เกษมสรรพกิจ