ติดตามสถานะการณ์

มูฮัมหมัดคาร ฮารุดีน

อิหร่าน รัสเซีย จีน ปากีสถาน ร่วมลงนามต่อต้าน ดาอิส

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

จ้าหน้าที่ข่าวกรองอาวุโสจากอิหร่าน รัสเซีย จีน และปากีสถาน ได้แถลงกราณ์ร่วมกันถึงข้อตกลงความร่วมมือในการปราบปรามกลุ่ม ดาอิส ในอัฟกานิสถาน เพื่อสร้างความมั่นใจในสันติภาพของภูมิภาคและเพื่อลดการก่อการร้ายจากภูมิภาคนี้

ที่ประชุมได้ข้อตกลงถึงวิธีการที่จะหยุดการมาถึงของผู้ก่อการร้าย ดาอิสตักฟีรี ที่หนีมาจากอิรักและซีเรียเพื่อเข้ามาใช้อัฟกานิสถานเป็นฐานที่มั่นต่อไป มีความร่วมมือกันในการแชร์ข่าวกรองของกันละกัน

ทางฝั่งรัสเซียอ้างถึงหน่วยข่าวกรองของตนว่ามีผู้ก่อการร้ายประมาณ 10,000 คนที่ทำงานอยู่ใน 9 จังหวัดในอัฟกานิสถานในขณะนี้

ฝ่ายอิหร่านรายงานถึงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ ดาอิส ในอัฟกานิสถาน และในภูมิถาคนี้

กลุ่มผู้ก่อการร้ายในอัฟกานิสถานเรียกว่ากลุ่มตนเองว่า ดาอิส-คูราซาน ซึ่งมีส่วนร่วมในการวางแผนการโจมตีฆ่าตัวตายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปากีสถาน

ล่าสุดกลุ่มดังกล่าวอ้างถึงความรับผิดชอบในการระเบิดซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 128 ราย ในจังหวัด บาลูซิสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถานเมื่อวันศุกร์นี้

อิหร่านเคยให้คำปรึกษาทางทหารแก่กองทัพอิรักและซีเรียในการเผชิญหน้ากับผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้และได้พ่ายแพ้ในหลายประเทศในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่วนที่เหลือของมันยังคงมีการโจมตีเป็นระยะ ๆ

กลุ่มนี้มีฐานที่มั่นใหญ่ในอัฟกานิสถานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัด กันดาฮา ทางทิศตะวันออกของอัฟกานิสถาน

BY>>>>>Giant Khan<<<<<

http://parstoday.com/en/news/iran-i89784-iran_russia_china_pakistan_agree_anti_daesh_bid_paper

 

ไม่น่าใช่ planet x

Visudhi Punya

เไมเคิ้ลซี นักดาราศาสตร์ชาวออสเตรเลีย
ได้ค้นพบดาวลึกลับดวงหนึ่ง
ที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัส

เขาคิดคำนวนเอาไว้ว่า
ดาวลึกลับนี้จะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้โลก
จนกล้องโทรทัศน์สังเกตได้
ราวๆกลางเดือนสิงหาคม ศกนี้

ลักษณะเด่นของดาวลึกลับดวงนี้ก็คือ
จะมีแสงวูบวาบสีเขียวทั้งๆที่ไม่มีหาง
เปล่งออกมาจากดาวปรากฏให้เห็นด้วย

นักดาราศาสตร์สมัครเล่นหลายคน
เชื่อกันว่าดาวเขียวลึกลับขนาดใหญ่ที่ว่านี้
อาจเป็น "Planet X" (ดาวเคราะห์ เอ็กซ์) ก็ได้

เนื่องจากการปรากฏตัวของดาวลึกลับนี้
จะเกิดขึ้นในช่วงจังหวะที่จะเกิด "จันทรุปราคา"
ระหว่าง 27-28 ก.ค.ศกนี้
ซึ่งเป็นปรากฏการณ์จันทรุปราคา
ที่กินเวลายาวนานเป็นพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ในขณะที่ #ดาวอังคาร ก็โคจรเข้ามา
ใกล้โลกมากเป็นพิเศษอีกด้วย

ถ้าดาวลึกลับสีเขียวที่ใหญ่กว่าดาวพฤหัส
เป็นดาวเคาาะห์ เอ็กซ์จริง
ขณะที่มีปรากฏการณ์จันทรุปราคา
ที่มีอะไรๆพิเศษกว่าอดีตที่ผ่านมาเสริมกันด้วยแล้ว
พวกเขาเชื่อว่ามันน่าจะเป็นจุดเริ่มต้น
ของทฤษฎีวันสิ้นโลก

โดยมันจะก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ
เช่น สึนามิ การปะทุระเบิดของภูเขาไฟ
แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เป็นต้น

ทั้งหมดนี้เป็นข่าวสารบวกกับการคาดคะเน
ผสมกับความเชื่อของเหล่านักดาราศาสตร์อิสระ
เรานำมาถ่ายทอดให้ท่านได้รับรู้เพื่อเรียนรู้
จะได้ทันโลก ทันยุค ทันสมัย

จงอย่าใส่ใจว่าข่าวนี้ "น่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ"
เพราะมันพิสูจน์ได้เมื่อวันเวลานั้นมาถึง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
15-07-2018

 

ชาวกรีนแลนด์อพยพ หนีภูเขาน้ำแข็งยักษ์ลอยเข้าใกล้
15 ก.ค. 2018 / 10:57 น.
ภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ ได้ลอยเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศกรีนแลนด์ ก่อให้เกิดความวิตกว่า หากภูเขาน้ำแข็งแตกออก จะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ซัดชายฝั่งได้
ทางการท้องถิ่นของหมู่บ้าน “อินนาอาร์สูท” ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศกรีนแลนด์ ได้ประกาศอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เสี่ยง ตามแนวชายฝั่ง หลังภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ได้ลอยเข้าใกล้ชายฝั่ง ก่อให้เกิดความวิตกว่า หากภูเขาน้ำแข็งแตกออกและก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ตกลงสู่ทะเล แรงกระแทกกับทะเลจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ซัดกระทบชายฝั่งและเป็นอันตรายได้

ภูเขาน้ำแข็งก้อนนี้ มีขนาดความสูงกว่า 100 เมตร ซึ่งชาวบ้านบางคนบอกว่า นี่เป็นภูเขาน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเห็นมา ทั้งนี้ สภาหมู่บ้านระบุว่า การที่ภูเขาน้ำแข็งจะลอยเข้าใกล้ชายฝั่งของหมู่บ้านนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ภูเขาน้ำแข็งก้อนนี้ใหญ่มากเป็นพิเศษ

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ปรากฎการณ์ที่ภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่จะลอยเข้าใกล้ชุมชนที่อยู่อาศัยในกรีนแลนด์นั้น จะเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้น จากอิทธิพลของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

https://www.springnews.co.th/view/307059?sp=

 

พอเมียทำงานบ้านหรือไม่อยู่บ้าน ผัวขืนใจลูกทารก ถ่ายคลิปแล้วลงเว็บโป๊ #ข่าวสดรอบโลก #พ่อขืนใจลูก #คลิปโป๊

 

โดย Gill Broussard

พระเมสสิยาห์จะมาถึง "กลางคืน" (ไม่ใช่ 12.00 เที่ยงคืน) และไม่ใช่ช่วงกลางของกลางวันในคืนนั้นจะเป็น 24 ชั่วโมง (คืนโดยทั่วไป 12 + 12) ด้านข้างของโลกในความมืดหลังจากล่าช้า 12 ชั่วโมงจะเป็นด้านเยรูซาเล็มของโลก ด้านนี้เป็นด้านที่ปลอดภัยและเศษที่เหลือตามคำแนะนำของพระองค์ (YHVH) เพื่อจะอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มจะถูกย้ายไปยังสถานที่ปลอดภัย (1,260 วัน) โดยพระผู้มาโปรดเช่นเดียวกับที่พระเยโฮวาห์ทรงสัญญาไว้
น.
หนึ่งในสามของหญ้าต้นไม้และแม่น้ำถูกทำลาย อเมริกาเหนือและใต้เท่ากับ "หนึ่งในสามของหญ้าต้นไม้และแม่น้ำ" ผู้ต่อต้านพระเมสสิยาห์จะร้องบ่าวว่าเรื่องนี้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ของพระองค์ (เป็นปาฏิหาริย์เท็จ) เพราะได้มีการประกาศในพระคัมภีร์แล้ว

The Messiah comes "Mid-of-night" (not 12:00 midnight), and not mid-of-daylight that night will be 24-hours (a typical night of 12 +12). The side of Earth in darkness after a 12-hour delay will be Jerusalem side of Earth. This side is the safe side to be, and the remnant that follows His (YHVH) instructions to be in Jerusalem will be relocated to a place of safety (1,260 days) by the Messiah as YHVH has promised.

One-third of the grass, trees & rivers are destroyed. North & South America equals "one-third of the grass, trees & rivers." The anti-messiah will claim this as his miracle (a false miracle). For it has already been proclaimed in Scripture.

 

โดย Gill Broussard

พระเมสสิยาหที่แท้จริงจะกลับมากลางคืน (กลางของ 24 ชั่วโมงของความมืด) 3ถึง 3 วัน ครึ่ง หลังจากปัสกาในกรุงเยรูซาเล็มที่ Mount Zion

ในปัสกาเฉพาะนี้เอลียาห์และโมเสสจะประกาศให้ทราบถึงการมาถึงของพระองค์ในเร็ว ๆ นี้

เจ้าสาว (144,000 ฮีบรูไม่จำเป็นต้องเป็นชาวยิว) และสิบ Bridesmaids สำหรับเจ้าสาวแต่ละคน (10 x 144,000 = 1,440,000) เตรียมตัว

ในขณะที่ดาวเคราะห์ 7X (P-7X) [มังกรคะนองของเก่าที่มี 7 หัว (อาจมีดวงจันทร์ 7 ดวง)] เข้าหาเรา ดวงจันทร์ของโลกจะอยู่ที่ปลายเท้าของผู้หญิง (กลุ่มดาวราศีกันย์)

พระเมสสิยาห์ปลอท จะปรากฏออกมาและแสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ที่ไม่เป็นความจริงด้วยการอ้างว่าสามารถชะลอการหมุนของโลก (ทำให้วันนี้ยาวนานขึ้น) และทำให้ลูกเห็บของอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ตกกระทบอุกกาบาต

ผู้ต่อต้านคริสต์ FALSE นี้จะเข้าร่วมโดยผู้เผยพระวจนะเท็จ (Yeshua imposter) ที่เดินออกจากทะเลทรายตะวันออก FALSE Yeshua นี้จะประกาศว่าอัครสาวก FALSE เป็นพระเมสสิยาห์ที่แท้จริง

เราจะมั่นใจได้ถึงวันที่รัฐบาลโลกประกาศเตือนภัยล่วงหน้า 40 วันเกี่ยวกับการมาถึง P-7X

จงอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 6 เดือนก่อนเทศกาลปัสกาอันนี้สำหรับ Sukkot!

นำเต๊นท์และอุปกรณ์สำหรับแคมป์ปิ้ง บ้านและอาคารส่วนใหญ่สร้างด้วยหินในอิสราเอลจะไม่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหวทั้งหมดที่โลกจะประสบ

พระเยซูคริสต์ได้ตรัสไว้สำหรับเราแต่ละคนเพื่อหาหมายสำคัญแห่งสวรรค์ประกาศการกลับมาของพระองค์ เครื่องหมายที่เราต้องการคือ P-7X (ดาวเคราะห์ / ดาวหาง) ในกลุ่มดาวราศีธนู

ครั้งต่อไปที่ดวงจันทร์อยู่ที่ปลายราศีกันย์สำหรับเทศกาลปัสกาคือวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564 (ก่อนเทศกาลปัสกา 6 เดือนก่อนหน้านี้) Sukkot จะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563

นี่คือช่วงเวลาที่คาดว่าจะให้ความสำคัญกับสัญญาณของ P-7X และ BE IN ISREAL!

The TRUE Messiah will return mid-of-night (mid of 24 hr of darkness) 3 to 3 1/2-days after the Passover in Jerusalem at Mount Zion.

At this specific Passover, Elijah & Moses will appear to announce His (Yeshua’s) soon arrival.

The Bride (144,000 Hebrews not necessarily Jews) and ten Bridesmaids for each Bride (10 x 144,000 = 1,440,000) get prepared.

As Planet-7X (P-7X) [fiery dragon of old with 7 heads (7 moons probably)] approaches us, Earth’s Moon will be at the foot of the woman (constellation of Virgo).

The FALSE messiah will then come forth and appear to show a FALSE miracle by claiming to slow down Earth’s rotation (making the day longer) and cause fiery hail (meteors) to fall on his enemies, North & South America.

This FALSE messiah will be joined by a FALSE prophet (Yeshua imposter) that walks out of a middle eastern desert. This FALSE Yeshua will be proclaiming that the FALSE messiah is the true Messiah.

We will be assured of the date when world governments announce a 40-day warning of P-7X arrival.

Be in Jerusalem 6-months before this Passover for Sukkot!

Bring a tent and equipment for camping. Most homes and buildings are built with stone blocks in Israel they won't be safe with all the earthquakes that Earth will be experiencing.

Yeshua stated for each of us to look for a sign in the heavens announcing His return. The Sign we are looking for is this P-7X (planet/comet) in the constellation of Sagittarius.

The next time the Moon is at the foot of Virgo for Passover is March 31, 2021, the prior (6 months before this Passover) Sukkot starts October 1, 2020.

This is the estimated timeframe to be attentive for signs of P-7X and to BE IN ISREAL!

 

บินระทึก! ไรอันแอร์ดิ่งฮวบ 8,000 เมตรใน 7 นาที ผู้โดยสารเลือดออกหู-ปาก แอดมิดโรงพยาบาล 33 คน

ไรอันแอร์ดิ่ง – เอบีซีนิวส์ รายงานเมื่อ 15 ก.ค. ว่า เที่ยวบินเอฟอาร์ 7312 ของ สายการบินไรอันแอร์ สายการบินราคาประหยัดของ ไอร์แลนด์ ซึ่งเดินทางจากกรุงดับลิน ไปยังเมืองซาดาร์ ของโคเอเชีย มีเหตุให้ต้องลงจอดฉุกเฉินที่ สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต-ฮาห์น ของเยอรมนี เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 14 ก.ค.ตามเวลาท้องถิ่น หลังสูญเสียความดันในห้องโดยสาร

ส่งผลให้เครื่องลดระดับความสูงอย่างรวดเร็วราว 8,000 เมตรในช่วงเวลาเพียง 7 นาที และทำให้ผู้โดยสาร 33 คนจากทั้งหมด 189 คน ได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในนครแฟรงก์เฟอร์ต

สเตรทส์ไทมส์ระบุข้อมูลจากเว็บไซต์ไฟลท์เรดาร์ 24 พบว่าเที่ยวบินเอฟอาร์ 7312 ลดระดับจากความสูง 37,000 ฟุต หรือราว 11,200 เมตร ลงมายังความสูงที่ระดับ 10,000 ฟุต (ราว 3,000 เมตร) ภายในเวลาเพียง 7 นาที จากการเดินทางที่ใช้เวลานานกว่า 80 นาที

ส่งผลให้ผู้โดยสารจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากแรงกดอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายคนมีเลือดออกที่หู อีกหลายคนไอเป็นเลือด ขณะที่ส่วนมากเวียนศีรษะ และอาเจียน

 

13หมูป่าหลั่งน้ำตา! ไว้อาลัย'จ่าแซม'วีรบุรุษถ้ำหลวง สัญญาจะเป็นคนดี



ฉลอง2วัน2คืน! ชาวบ้านเกาะลิบงจัดเลี้ยงทีมเก็บรังนก หลังร่วมภารกิจช่วย13หมูป่า



ผู้ว่าฯกระบี่เลี้ยงอาหารขอบคุณ17นักปีนผาอ่าวไร่เลย์ ร่วมค้นหาปล่องถ้ำหลวงช่วย13หมูป่า

 

แฉรัฐมีสิทธิ์สูญแสนล้าน อคส.ฟ้องแพ่งโกงข้าวไม่ทัน
เผยแพร่: 15 ก.ค. 2561 21:21 โดย: MGR Online


แฟ้มภาพ
จับตาคดีโกงจำนำข้าวปี 54-57 จำนวน 244 สัญญา 882 คดี ส่อแววทำรัฐสูญเงินกว่า 1 แสนล้าน หาก อคส. ฟ้องแพ่งไม่ทัน เหตุคดีจะหมดอายุความตั้งแต่ธ.ค.61-ก.ค.62 เผยแม้ "วิษณุ"สั่งเร่ง แต่ยังอืดเป็นเรือเกลือ ด้าน "สนธิรัตน์"สั่งการเด็ดขาด ต้องฟ้องให้ทัน และให้รายงานผลทุก 15 วัน ขณะที่ ผอ.อคส. ระบุตั้งคณะกรรมการดำเนินการแล้ว ขีดเส้นฟ้องภายในก.ย.นี้ เชื่อทำทันแน่นอน พร้อมยันไม่มีคดีหมดอายุความ แต่วงในแฉบางคดีหมดไปแล้ว บางคดีอัยการไม่ฟ้อง เหตุหลักฐานอ่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าว และสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐ และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับส่วนราชการ โดยต้องส่งให้อัยการให้ทันภายในเดือนธ.ค.2561 และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังได้มีมติเร่งรัดฟ้องร้องคดีตามที่ทราบข่าวมาแล้วนั้น

ล่าสุด ได้มีการตรวจสอบคดีที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2554-57 ที่ อคส. จะต้องเร่งส่งฟ้องทางแพ่งรวม 244 สัญญา หรือ 882 คดี เพราะคู่สัญญากับ อคส. มีทั้งเจ้าของคลังสินค้าที่รัฐเช่าเพื่อฝากเก็บข้าวในโครงการรับจำนำ โรงสี หรือผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) ทำผิดสัญญา เช่น ข้าวหายไปจากโกดัง เป็นต้น ซึ่งหลังจากส่งฟ้องอาญาฐานลักทรัพย์ ฉ้อโกง หรือยักยอกทรัพย์ไปแล้ว ยังต้องส่งฟ้องทางแพ่ง เพื่อให้คู่สัญญาชดใช้ความเสียหายให้กับรัฐ โดยทั้ง 882 คดี จะหมดอายุความทางแพ่งตั้งแต่เดือนธ.ค.2561-ก.ค.2562 คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 100,000 ล้านบาท

นอกเหนือจากคดีจำนำข้าว ยังมีคดีที่เกิดขึ้นในโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรอื่นๆ ตั้งแต่ปี 2548-57 อีก เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง หอมแดง กุ้งขาวแวนนาไม ที่ อคส. จะต้องส่งฟ้องทางแพ่งเช่นเดียวกัน โดยบางคดีได้หมดอายุความไปแล้ว และบางคดีที่ อคส. ส่งฟ้องไปแล้ว แต่อัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะหลักฐานอ่อน ส่งผลให้ อคส. ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่สัญญาได้ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าความเสียหายอีกเป็นจำนวนมาก

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งรัดผู้อำนวยการ อคส.ไปแล้ว ให้ดำเนินการส่งฟ้องทางแพ่งให้ทันก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ และให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการทุกๆ 15 วัน

พันเอก (พิเศษ) ดิเรก ดีประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. กล่าวว่า ที่ผ่านมา บอร์ดได้เร่งรัดให้ผู้อำนวยการ อคส. ดำเนินการกับคดีค้างเก่ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเร่งดำเนินคดีกับคู่สัญญาของ อคส. ที่ทำให้รัฐเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนมาก

นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ ผู้อำนวยการ อคส. กล่าวว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญ อัยการ สำนักงานนโยบายรัฐ และสำนักกฎหมายของ อคส. เพื่อเร่งรัดดำเนินคดีในโครงการรับจำนำข้าวและสินค้าอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ดำเนินการ และที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อให้ทันระยะเวลาของอายุความในแต่ละคดี โดยให้รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รายงานให้ รมว.พาณิชย์ทราบแล้ว

"ล่าสุดมีคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2554-57 จะต้องเร่งดำเนินการ 244 สัญญา แต่มูลค่าความเสียหายไม่ชัดเจน ซึ่งได้สั่งการไปแล้วให้เจ้าหน้าที่เร่งส่งอัยการดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งภายในเดือนก.ย.2561 ส่วนการฟ้องทางอาญา ทั้ง 244 คดีนี้ได้ส่งฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว ยืนยันว่า ส่งฟ้องทางแพ่งทันกับเส้นตายที่ครม. กำหนดภายในเดือนธ.ค.2561 แน่นอน ส่วนคดีอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ให้เร่งส่งฟ้องทางแพ่งก่อนหมดอายุความเช่นเดียวกัน"นางอินทิรากล่าว

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคดีใด หมดอายุความ ขณะที่บางคดีที่อัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะ อคส. ทำพยานหลักฐานอ่อนนั้น ยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน สาเหตุที่อัยการไม่ฟ้อง เพราะ อคส. ส่งฟ้องผิดคลัง เช่น คู่สัญญาที่เก็บข้าวรัฐในบางคลังทำผิดสัญญา แต่ อคส. กลับส่งฟ้องคลังที่ไม่ผิดสัญญา อัยการจึงไม่สั่งฟ้อง แต่ อคส. ได้ทำพยานหลักฐานใหม่ และจะส่งฟ้องใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการยืนยันว่า มีจำนวนหลายคดี ที่หมดอายุความไปแล้ว ทำให้รัฐไม่สามารถเรียกค่าเสียหายจากภาคเอกชนได้ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการประเมินตัวเลขว่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าใด

https://mgronline.com/business/detail/9610000070472

 

ย่อโลก

#สาวอเมริกันขับรถตกเหวรอดปาฏิหาริย์
#กินน้ำจากหม้อน้ำประทังชีวิต1สัปดาห์

เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือแองเจลา เฮอร์นานเดซ หลังประสบเหตุขับรถตกเหวริมชายฝั่งในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ โดยพบว่าเธอไม่ได้รับอันตรายมากนัก โดยบาดเจ็บที่ไหล่และมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะตกหน้าผาลึกจากพื้นถนนถึง 60 เมตรก็ตาม
.
.
เธอเล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะมีสัตว์วิ่งตัดหน้ารถจี๊ปที่เธอขับอยู่ ทำให้เธอหักพวงมาลัยหลบ จนทำให้ทั้งเธอและรถตกลงไปในหน้าผา และด้วยความที่เป็นเหวลึกจึงไม่มีใครเห็นอุบัติเหตุ ทำให้เฮอร์นานเดซถูกแจ้งเป็นบุคคลสูญหายนาน 1 สัปดาห์ ก่อนที่นักปีนหน้าผาจะเห็นซากรถและพบเธอในที่สุด
.
.
เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า เธอโชคดีมากที่มีชีวิตรอด เพราะนอกจากความโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากจากการตกหน้าผาสูงแล้ว เธอยังโชคดีที่ไม่ถูกคลื่นทะเลซัดไปด้วย ขณะที่เฮอร์นานเดซเล่าว่า ระหว่างรอความช่วยเหลือ เธอต้องอาศัยดื่มน้ำจากหม้อน้ำของรถเพื่อประทังชีวิต และแม้ร่างกายจะไม่บาดเจ็บรุนแรง แต่เธอก็ยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความบอบช้ำในจิตใจ และคงต้องใช้เวลาในการเยียวยา

#ย่อโลก

 

ย่อโลก

#พาเที่ยวเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ของพม่า

เห็นวีดีโอนี้ของ Frank Thomya แอดมินขอแชร์ให้เห็นว่า เพื่อนบ้านของเรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปอีกมากมาย และเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์อายุกว่า 100 ปีสายนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยปัจจุบันเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก แต่ยังมีคนไทยน้อยคนที่รู้จัก

#ย่อโลก

 

ย่อโลก

#อดีตนายกฯปากีสถานกลับประเทศไปติดคุก

นายนาวาซ ชารีฟ อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถาน ตัดสินใจเดินทางจากอังกฤษกลับบ้านเกิด เพื่อรับโทษจำคุก 10 ปีในความผิดฐานคอรัปชัน หลังศาลปากีสถานตัดสินลงโทษเขาและครอบครัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเขาได้โพสต์วีดีโอกล่าวต่อผู้สนับสนุนขณะกำลังนั่งเครื่องบินกลับประเทศว่า การเดินเข้าคุกของเขาในครั้งนี้เป็นเหมือนการสังเวยเพื่อให้การเมืองปากีสถานมีเสถียรภาพ
.
.
ที่ผ่านมา นายชารีฟและผู้สนับสนุนกล่าวหากองทัพว่าอยู่เบื้องหลังคำพิพากษาจำคุก เนื่องจากทหารไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลที่ขัดแย้งกับกองทัพ รวมทั้งไม่พอใจการเดินหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอินเดีย ซึ่งในตอนนี้ตำรวจปากีสถานได้นำตู้คอนเทนเนอร์ไปวางขวางถนนหลายสายที่มุ่งหน้าไปยังสนามบิน ขณะเดียวกันยังมีรายงานว่า แกนนำผู้สนับสนุนนายชารีฟหลายคนถูกควบคุมตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการประท้วงแล้ว
.
.
หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจกลับประเทศเป็นเพราะนายชารีฟอยากยื่นอุทธรณ์และขอประกันตัวเพื่อสู้คดี รวมทั้งเขาน่าจะหวังผลทางการเมือง เนื่องจากปากีสถานกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้
.
.
นายนาวาซ ชารีฟ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีปากีสถานถึง 3 สมัย โดยเขาเคยถูกกองทัพรัฐประหารเมื่อปี 2542 และถูกตัดสินจำคุก 14 ปีในเวลาต่อมา นั่นทำให้เขาต้องลี้ภัยไปซาอุดีอาระเบีย ก่อนจะกลับสู่สนามการเมืองปากีสถานและเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ในปี 2556 จนกระทั่งปี 2558 เกิดกรณีเอกสาร “ปานามา เปเปอร์ส” รั่วไหล และพบข้อมูลว่า เขาและลูกๆ ถือครองทรัพย์สินมากผิดปกติ โดยเฉพาะอพาร์ทเมนท์หรูหลายหลังในอังกฤษซึ่งมีมูลค่ามหาศาล ข้อกล่าวหานี้ทำให้เขาต้องลงจากตำแหน่ง ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนและถูกลงโทษจำคุก 10 ปีในที่สุด

#ย่อโลก

 

ย่อโลก

#รัฐมิสซูรีสั่งจอห์นสันแอนด์จอห์นสันจ่ายเงินชดเชย
#หญิง22คนที่กล่าวหาแป้งปนเปื้อนแร่ใยหินทำก่อมะเร็งรังไข่

คณะลูกขุนรัฐมิสซูรีของสหรัฐฯ สั่งให้ “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” หรือ J&J บริษัทผลิตยาและสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่จ่ายเงินรวมกว่า 155,000 ล้านบาท ให้กับผู้หญิง 22 คน ที่เป็นโจทก์ฟ้องร้องว่าผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นโรยตัวของบริษัทมีแร่ใยหินปนเปื้อนเป็นสาเหตุก่อมะเร็งรังไข่ โดยในจำนวนเงินดังกล่าว กว่า 136,000 ล้านบาท เป็นค่าเสียหายเชิงลงโทษ ส่วนอีกกว่า 18,150 ล้านบาท เป็นค่าเสียหายอันเป็นการชดเชยที่คณะลูกขุนได้ตัดสินไปก่อนหน้านี้
.
.
คำตัดสินนี้มีขึ้นหลังการไต่สวนนาน 6 สัปดาห์ โดยผู้หญิงที่เป็นโจทก์ทั้ง 22 คน และครอบครัว ระบุว่าเป็นมะเร็งรังไข่หลังใช้แป้งเด็กและผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นอื่นๆของบริษัทมานานหลายสิบปี โดยทนายความฝ่ายโจทก์กล่าวหาว่าบริษัทรู้ว่าผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นมีการปนเปื้อนแร่ใยหินมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970 แต่กลับไม่เตือนผู้บริโภคถึงความเสี่ยง ขณะเดียวกัน คำตัดสินนี้มีขึ้นในขณะที่ J&J กำลังต่อสู้คดีที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์แป้งเด็กอีกประมาณ 9,000 คดี
.
.
อย่างไรก็ตาม โฆษกของ J&J ปฏิเสธว่าผลิตภัณฑ์ไม่เคยมีการปนเปื้อนแร่ใยหินและยืนยันว่าแป้งไม่ทำให้เกิดมะเร็ง โดยอ้างงานศึกษาหลายชิ้นที่ชี้ว่าแร่ทัลค์ในแป้งฝุ่นของบริษัทปลอดภัย พร้อมโต้ว่าการตัดสินครั้งนี้ไม่เป็นธรรมและจะเดินหน้ายืนอุทธรณ์ต่อไป
.
.
บีบีซีรายงานอ้างอิงองค์กรการกุศลด้านการต่อสู้มะเร็งรังไข่ในอังกฤษอย่าง Ovacome ที่ระบุว่าในช่วงหลายปีมานี้มีความกังวลเกิดขึ้นว่าการใช้แป้งทัลคัมในบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์อาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ แต่ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ยืนยันจากนักวิจัยและยังจำเป็นต้องศึกษาเรื่องนี้ต่อไป


#ย่อโลก

 

เสี่ยโชห่วย รายใหญ่สมุทรสาคร คว้า .38 ระเบิดสมองฆ่าตัวดับอนาถคาบ้าน! วันที่ 16 กรกฎาคม 2561 - 08:39 น.



เสี่ยโชห่วย เครียดจนคิดสั้น ชัก .38 ระเบิดสมองตัวเองเสียชีวิตคาห้องน้ำ เพื่อน เผยมีนัดคุยธุระกัน ก่อนไม่เดินทางตามนัด เมื่อไปดูที่บ้านก็พบเป็นศพดังกล่าว ระบุ ผู้ตายไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่เคยบ่นเครียด ก่อนยิงตัวดับปริศนา

เสี่ยโชห่วย / เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พ.ต.ต.กฤตชัย อาชวสกุล สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุมีคนยิงตัวเองเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 927/216ข ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร


บริเวณหน้าบ้านของเสี่ยเจ้าของร้านโชห่วยที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 หลัง โดยหลังแรกเป็นบ้านขนาดใหญ่ ส่วนอีกหลังหนึ่งตั้งอยู่ติดกันแต่มีลักษณะเป็นหลังเล็กสำหรับใช้เป็นที่พักส่วนตัว ซึ่งทั้งหมดปลูกสร้างอยู่ภายในรั้วเดียวกัน บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ โดยบ้านหลังเกิดเหตุเป็นบ้านพักส่วนตัวหลังเล็ก ในห้องน้ำชั้นที่ 2 พบศพนายธัญญา ทิพยทยารัตน์ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านโชห่วยรายใหญ่แห่งหนึ่งในจ.สมุทรสาคร




เจ้าหน้าที่นำศพเสี่ยโชห่วยส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต
จากการตรวจสอบสภาพศพใช้อาวุธปืน .38 จ่อยิงขมับด้านขวา และมีอาวุธปืนตกอยู่ตรงหน้าตัก 1 กระบอก โดยตำรวจและเจ้าหน้าที่วิทยาการ จากกองพิสูจน์หลักฐาน บก.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้เก็บรวบรวมวัตถุพยานที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งไปชันสูตรอีกครั้งที่สถาบันนิติเวช


นายธัญญา ทิพยทยารัตน์ อายุ 52 ปี เสี่ยโชห่วย รายใหญ่ในสมุทรสาคร
จากการสอบสวนเพื่อนสนิทของผู้เสียชีวิตทราบว่า นายธัญญาเป็นคนดี มีน้ำใจ อารมณ์ดี และเป็นที่รักของเพื่อน ญาติ พี่น้อง ไม่เคยมีปัญหากับคนในครอบครัว แต่เคยบ่นว่าเครียด ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเครียดเรื่องอะไร กระทั่งวันเกิดเหตุก็ได้นัดกับเพื่อนๆว่าจะออกไปทำธุระข้างนอกด้วยกัน แต่ถึงเวลานัดหมาย นายธัญญาก็ยังมาไม่ถึง จึงโทรศัพท์ไปหาแต่ก็ไม่รับสาย จึงตามมาดูที่บ้าน ถึงได้ทราบว่านายธัญญาคิดสั้นยิงตัวเองเสียชีวิตดังกล่าว


https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_1346637

 

Sherry Sheradia

เครก แชลเลน สัตว์แพทย์จากเมืองเพิร์ธ ที่เป็นคู่บัดดี้ดำน้ำถ้ำของคุณหมอแฮร์ริส และอยู่ในกลุ่มนักดำน้ำถ้ำ Wet Mules (ดังที่เคยเล่ารายละเอียดในhttps://goo.gl/nJfFE2) ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ประจำเมืองเพิร์ธ Sunday Times เกี่ยวกับภาระกิจการนำเด็กออกจากถ้ำหลวงฯ

คุณหมอแชลเลนและแฮร์ริส มาถึงที่ถ้ำหลวงฯ จริง ๆ คือวันพฤหัสบดีที่ 5 ก. ค. (สื่อหลายที่ทีแรกรายงานเป็นวันเสาร์ที่ 7 ก. ค. ซึ่งอันนี้น่าจะเป็นวันที่ดำเข้าไปในถ้ำเตรียมการ) แล้วก็เข้าไปพูดคุยกับทีมบริติช เรื่องแผนการนำเด็กออกจากถ้ำ ทีมบริติชมีวางแผนกันคร่าว ๆ แล้ว แต่คุณหมอทั้งสองแค่ไปช่วยออกความเห็นในพวกเครื่องมือ อุปกรณ์ แล้วก็ได้ผลสรุปในรายละเอียดของปฏิบัตการในครั้งนี้ แชลเลนให้เครดิตแผนการนำเด็กออกจากถ้ำในครั้งนี้ เป็นของทีมบริติช (They really deserve the credit for the extraction plan)

ส่วนเรื่องการปฏิบัติ ไม่ต่างกับที่โวลันเธนให้สัมภาษณ์กับทาง BBC Points West (https://goo.gl/QqPYkZ) คือเด็กแต่ละคน ถูกหอบหิ้วออกมาโดยนักดำน้ำของสภากู้ภัยถ้ำแห่งบริติช BCRC (John Volanthen, Rick Stanton, Jason Mallinson และ Chris Jewell) แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เด็กสวมหน้ากากแบบ full- face mask ถังอากาศติดด้านหน้า มีสายยึดติดกับนักดำน้ำถ้าที่หอบหิ้วออกมา เด็กมีการให้ยา เพื่อมิให้มีการตื่นกลัว ส่วนที่ได้เพิ่มเติมจากคุณหมอแชลเลน คือ ไม่มีนักดำน้ำอีกคนตามหลัง เพราะมันไม่มีประโยชน์ เนื่องจากทัศนวิสัยของน้ำแย่มากแค่อยู่ในช่วงระยะ 10 ซม. เท่านั้น นักดำน้ำถ้ำสนับสนุน คืออยู่ประจำช่วยในจุดที่ยาก แล้วก็ประจำในจุดที่เป็นเนินผืนดิน (ถ้าใครเคยเห็นแผนที่เส้นทางจากจุดโถง 3 ถึงจุดที่เด็กอยู่ มันไม่ใช่การดำน้ำตลอด มีจุดที่ขึ้นมาเดินด้วย) เพื่อเข้าช่วยเด็กในการถอดอุปกรณ์ และใส่กลับไปเข้าไปใหม่ อย่างคุณหมอแชลเลนเองก็ประจำที่เนินหนึ่ง ร่วมกับนักดำน้ำต่างชาติอีกสองสามคน จุดที่คุณหมอแชลเลนอยู่ เด็กแต่ละคนจะขึ้นมา ห่างกันรอบละ 45 นาที

อีกประเด็นหนึ่งที่ต่างกันชนิดคนละเรื่องกับสื่อที่ออกมาก่อนหน้าว่า นำเสนอว่าคุณหมอแฮร์ริส เป็นคนจัดลำดับว่าเด็กคนไหนจะออกก่อนหลัง ปรากฏคุณหมอแชลเลนแกบอกว่า ไม่ใช่ คือพอได้บทสรุปเรื่องการนำเด็กอพยพออกจากถ้ำช้ดเจนแล้ว ก็ดำกันเข้าไปในถ้ำพูดคุยกับทีมหมูป่าและหน่วยซีลไทยที่อยู่กับเด็ก ๆ อธิบายให้เข้าใจถึงแผนการแล้วบอกพวกเขาว่า ให้ตัดสินใจจัดลำดับว่าใครจะออกก่อนหลัง ทีมหมูป่าตัดสินใจจัดลำดับของเขาเอง แล้วทีมทำงานทั้งหมด ก็ตามลำดับนั้น

(We told them what the plan was and to pick who was going first. They did all of that, it wasn't us. I don't know specfically if it was the coach, but collectively the team decided what order the boys would come out, not us. Then we just went for it.)

อีกประเด็นหนึ่งที่มีการไปแนะนำกันก่อนหน้านี้ว่า ควรให้เด็กอยู่ในนั้นไป แล้วใช้วิธีส่งสเบียงอาหารกันไป จนหมดฤดูมรสุม คุณหมอแชลเลนบอกว่า ทีมประเมินกันแล้ว เป็นไปไม่ได้ คือหลังจากนี้ จะไม่สามารถดำกันเข้าไปถึงจุดที่เด็ก ๆ อยู่เพื่อให้เสบียงได้ แล้วเด็กก็จะเริ่มติดเชื้อแล้วมีปัญหาสุขภาพ จนเสียชีวิตได้ ยังไงก็ต้องเอาเด็กออกมา

เมื่อถูกถามถึงความยากของปฏิบัติการครั้งนี้ คุณหมอแชลเลนบอกว่า การกู้ภัยในถ้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะการไปค้นหา นำศพออกมา การกู้ภัยที่เอาคนมีชีวิตออกมา งานใหญ่ที่แกนึกถึงคือที่เม็กซิโกของแสตนตัน ในปี 2004 (อันนี้ขอขยายความให้ค่ะ คือ ริค แสตนตัน ที่ดำน้ำร่วมกับจอห์น โวลันเธน สองคนที่ค้นหาทีมหมูป่าจนเจอ ประวัติก่อนหน้า สแตตันเคยไปช่วยคนบริติช 6 คน ที่ติดที่ถ้ำ Cuetzalan ที่เม็กซิโก เป็นกรณีคล้ายทีมหมูป่า คือติดอยู่นานสิบวัน จนทีมช่วยเหลือเข้าไปเจอ จากนั้นมีการสอนให้ใช้อุปกรณ์ดำน้ำ แล้วนำออกมาทีละคน สแตนตันได้เครื่องราชย์ MBE (Most Excellent Order of the British Empire) จากการปฏิบัติการในครั้งนู้น) แต่เมื่อเทียบกับกรณีถ้ำหลวงฯ คุณหมอแชลเลนบอกว่า มันมีความยากกว่าในกรณี ตรงที่ระยะทางที่ต้องดำยาวกว่า และคนที่ต้องนำออกมาคือเด็ก แล้วพูดภาษาที่ต่างกันด้วย แกบอกว่านี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่แกเจออะไรแบบนี้ และขอให้เป็นครั้งสุดท้าย หรือถ้ามีเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็ขอให้ตอนนั้นแกเลิกดำน้ำในถ้ำไปแล้ว

คุณหมอแชลเลนเนี่ยดูแล้วมาแนวสายฮา กวน ๆ ผิดกับคุณหมอแฮร์ริส ที่จะแนวร่าเริง พูดอะไรก็แนว nice ตลอด บางคำถามคุณหมอแชลเลน ตอบกวนมาก อาทิ ถามว่าดีใจไหม ที่ได้กลับถึงบ้าน แกบอกว่า รู้สึกว่า รู้งี้อยู่เมืองไทยต่อดีกว่า ถ้ารู้ว่ากลับมาเป็นจุดสนใจ แล้วเจอนักข่าวรุมล้อมไปหมดแบบนี้ หรือมีอีกคำถามที่ถามว่า จริงไหมที่จุดที่แคบที่สุดของถ้ำ กว้างเพียง 38 ซม. แกบอกว่า ไม่มีใครรู้หรอกว่ากว้างเท่าไรกันแน่ ก็เห็นว่ากัน 38 ซม. ก็ไม่รู้ใครเอาสายวัดไปวัด แต่ที่แน่ ๆ ทีมดำน้ำ ไม่มีใครพกสายวัดเข้าไป .... LOL

จะเห็นการแถลงข่าวของทางการไทย แทบไม่มีรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการอพยพเด็กในส่วนในของถ้ำ (จากเนินนมสาวถึงโถง 3) ต้องมาอาศัยอ่านแล้วประมวลผลเอง จากการสัมภาษณ์ของคนที่ทำงานอยู่ตรงนั้น ทีนี้ทาง BCRC ก็จะมีการแถลงข่าวที่เป็นลักษณะเป็นทางการ ไม่ลงรายละเอียดมาก ข้อมูลเยอะสุดตอนนี้คือที่คุณหมอแฮร์ริสเขียนในเฟซบุ๊ค แล้วเสริมด้วยบทสัมภาษณ์ของโวลันเธนกับ BBC Points West ตอนนี้ที่รอฟังคือของริค สแตนตัน ที่เป็นผู้นำหลักของการอพยพเอาเด็กออกจากถ้ำในครั้งนี้ ก็ไม่รู้เจ้าตัวจะมีการให้สัมภาษณ์แบบลงรายละเอียดหรือเปล่า เพราะสังเกตจากงานแถลงข่าวที่สนามบินฮีทโธรว์ เมื่อวันก่อน (https://goo.gl/nwiapj) จะเห็นว่าเป็นคนระวังตัวมากเรื่องการพูดให้สัมภาษณ์ ทั้ง ๆ ที่เป็นหนึ่งในคนที่รู้จริงที่สุดของงานนี้ จะเห็นว่า แทบทุกคนที่เกี่ยวข้อ จะอ้างชื่อ ริค แสตนตัน แม้แต่อีลอน มัสค์ กรณีเรื่อง mini-sub https://goo.gl/o7Cxup

แล้วขอสรุปเหมือนเดิมว่า จากข้อมูลที่แตละคนที่ทำงานจริงบริเวณส่วนในของถ้ำ ให้ออกมา จะยิ่งรู้สึกว่า มีแต่มืออาชีพจริง ๆ ที่ไปทำงานตรงนั้น รู้เรื่องจริง แล้วมีการคิด ตระเตรียม วางแผนกันมาดี และนี่คือสิ่งที่เรา ควรได้เรียนรู้ว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่า จนรอดชีวิตกันออกมาได้เนี่ย ไม่มีความบังเอิญหรือปาฏิหาริย์ อาศัยความสามารถและสติปัญญาของทีมที่เข้าไปทำงานล้วน ๆ

 

Sherry Sheradia

นักดำน้ำถ้ำสองคน ที่เป็นคนที่หอบหิ้วเด็กออกมาคือ คริสโตเฟอร์ จีเวลล์ และ เจสัน มัลลินสัน มีไปให้สัมภาษณ์กับ Daily Mail (https://goo.gl/AA3cty) สองคนนี้เป็นนักดำน้ำถ้ำชุดหลัง ที่สภากู้ภัยถ้ำแห่งบริติช ส่งมาช่วย จอห์น โวลันเธน กับ ริค แสตนตัน

หลังจากมาถึง แล้วได้ดำสำรวจเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับจุดต่าง ๆ ภายในอุโมงค์น้ำของถ้ำหลวง ก็ได้รับมอบหมายภารกิจดำไปเป็นคู่ ขนข้าวของไปที่จุดที่เด็กอยู่ มีทั้งสมุดบันทึก ที่ไปให้เด็กเขียนจดหมายถึงครอบครัว และต้องไปวัดปริมาณออกซิเจนในอากาศ และปริมาณออกซิเจนในเลือดเด็ก มัลลินสันบอกว่า สภาพอากาศในจุดที่เด็กอยู่น้อยมาก ชนิดที่ขึ้นมาจากน้ำแล้วไปยังเนินดิน ยังรู้สึกหอบ เหมือนอยู่ในที่สูง

การสัมภาษณ์ของสองคนนี้ เป็นการยืนยันแบบที่ โวลันเธน ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง BBC Points West ไปก่อนหน้า (https://goo.gl/y33UzE) คือ มีการฝึกซ้อมกับเด็กในท้องถิ่นที่สระว่ายน้ำ มีการระดมพลมาเสริมจากทาง BCRC องค์กรกู้ภัยถ้ำองค์กรอื่นในยุโรป และทีมคุณหมอจากออสเตรเลีย (https://goo.gl/xZQF51)

การอพยพ ใช้นักดำน้ำหลัก 4 คน คือ จอห์น โวลันเธน, ริค แสตนตัน, คริสโตเฟอร์ จีเวลล์ และ เจสัน มัลลินสัน หิ้วเด็กออกมา ในลักษณะ หนึ่งต่อหนึ่ง ด้านหลังเด็กมีหูหิ้ว (แบบบที่โวแลนเธน เปรียบเทียบก่อนหน้า เหมือนหิัวถุงช็อปปิ้งออกมา) บางจุดก็หิ้วด้านล่างแบบในรูป แต่จุดที่เตี้ย ก็ต้องมาสลับเอามากอดไว้ด้านข่าง หรือบางจุดคือต้องผล้กเอาเฉพาะตัวเด็กให้รอดไปก่อน ส่วนมืออีกข้างหนึ่ง ก็ต้องอาศัยคลำเชือกนำทางไปเรื่อย แล้วยังต้องระวังพวกโขดหิน ที่อาจจะกระแทรกโดนเด็กด้วย ทั้งหมดนี้ ทำงานภายใต้สภาวะที่ทัศนวิสัยที่แย่มาก มองอะไรแทบไม่เห็น แบบที่บางคนเรียกว่า zero visibility (ทัศนวิสัยเป็นศูนย์) กันทีเดียว ขนาดหน้ากากเด็ก ขณะดำ บางทีก็ไม่เห็น แต่ก็ต้องกังวลเรื่องการหายใจของเด็กยังต้องคงเป็นปกติอยู่ตลอดเวลา เลยใช้วิธีทำความคุ้นเคยกับลักษณะการหายใจของเด็ก แล้วอาศัยฟังเสียงจากฟองอากาศที่ออกมาจากท่อด้านข้างหน้ากาก เด็กบางคนก็ออกมาแบบสม่ำเสมอ บางคนออกมา แล้วเว้นช่วงไปนาน สองคนนี้ ลงทุนไม่ใส่ถุงมือ เพราะกลัวว่าจะสูญเสียประสาทสัมผัสเวลาคลำทาง แล้วทำให้เด็กไปชนกับหินได้ดังนั้นสภาพหลังทำงานเสร็จ คือมือพังเยิน

ระหว่างแต่ละอุโมงค์น้ำ จะมีเนินดิน ที่เป็นจุดที่นักดำน้ำสนับสนุน จะช่่วยกันเรื่อถอดเปลี่ยนใส่ถังอากาศให้เด็ก และตรวจสภาพของเด็ก ก่อนที่จะดำต่อในอุโมงน้ำถัดไป

จีเวลล์ เล่าว่า ในวันที่สามของการอพยพเด็กออก เขาได้รับมอบหมายให้หอบหิ้วเด็กคนที่ลำดับเกือบสุดท้ายออกมา ระหว่างที่ออกจากโถง 4 มายังโถง 3 ดันพลาด ทำเชือกนำทางที่คลำอยู่หลุดมือ พยายามหาเท่าไร ก็ไม่เห็น เลย สุดท้ายนึกได้ว่า พื้นใต้ล่างจะมีสายไฟอยู่ เลยต้องอาศัยคลำสายไฟแทน ปรากฏว่า สุดท้าย แทนที่จะไปข้างหน้า ยังโถง 3 ดันดำวนกลับมาที่โถง 4 แล้วเห็น มัลลินสันที่รับผิดชอบ นำคนสุดท้ายออกมา กำลังจะออกดำต่อ เลยให้มัลลิสันกับเด็กที่ทีแรกว่าเป็นคนสุดท้าย ดำไปก่อน(มัลลินสัน ที่ต้องดำซ้ำสองครั้งในอุโมงน้ำแรก เพราะวันสุดท้ายแผนการอพยพ เปลี่ยนเป็น 5 คน ต่างจากสองวันก่อนหน้าที่ เป็น 4 คน ที่ โวเลนเธน สแตนตัน จีเวลล์ และมัลลิสัน จะแค่คนละรอบ ประกบเด็กแต่ละคน วันสุดท้ายเขาเลยอยู่ตำแหน่งที่ไปรับเด็กคนแรก แล้วส่งต่อให้นักดำน้ำคนอื่นที่มาช่วยเสริม แล้วจึงไปรับคิวเด็กคนสุดท้าย)

จีเวลล์กับเด็กที่เขาดูแล อยู่ที่โถง 4 เพื่อรอหมอแฮร์ริส ที่ดำตามมาท้ายสุดมาถึง แล้วส่งเด็กต่อให้หมอแฮร์ริสนำพาต่อไปข้างหน้า และจีเวลล์มาตามหลัง

เรื่องเล่าตื่นเต้นแบบนี้ เป็นวัตถุดิบมาก เหมาะนำไปสร้างหนังจริง ๆ lol

สองคนนี้ มีแอบบ่น ทีมไทย ไม่มีความรู้เรื่องการดำน้ำในถ้าเลย ตั้งแต่ขั้นตอนการปฏิบัติงาน ยันอุปกรณ์ที่ใช้ พวกเขาตกใจมากว่า ขนาดนักดำน้ำถ้้ำที่มีประสบการณ์สูง ทุกครั้งที่ทำงาน จะเตรียมตัวทุกอย่างแบบเผื่อหมด ถังอากาศไม่ต่ำกว่า 2 เรกูเลเตอร์ 2 ไฟส่องทาง 3 แต่เจอนักดำน้ำไทย ลงไปดำโดยมีถ้งอากาศแค่อันเดียว ไม่มีการคิดเผื่อว่ามีอะไรฉุกเฉินเกิดขึ้นใต้น้ำเลย แม้แต่หน่วยซีลไทยที่ไปอยู่กับเด็ก สุดท้ายไม่ได้มีการเตรียมตัวถังอากาศที่จะดำออกมาพอเพียง จนสุดท้าย ทั้ง 4 คน โวลันเธน แสตนตัน จีเวลล์ และมัลลิสัน ที่ปฏิบัติการขนเด็กออกมากันหมดแล้ว ต้องดำกันกลับเข้าไปอีกรอบ เพื่อขนถังอากาศและไฟเข้าไป เพื่อให้หน่วยซีลที่เหลือดำออกมาได้

ถ้าวิเคราะห์ตามความเป็นจริง ที่เขาบ่นเนี่ย มันก็ไม่แปลก ลักษณะการทำงานของประเทศเรา safety first แทบไม่เคยมาเป็นประเด็นแรก ดังนั้นไม่ควรไปนอยด์ จริง ๆ เราก็พอมี excuse อย่างว่า ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องดำน้ำในถ้ำหรือกู้ภัยคนติดถ้้ำมาก่อน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ผ่่านไป ก็ควรศึกษาหาความรู้ แล้วปรับมาตราฐานการกู้ภัยของเรา ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของคนเข้าไปกู้ภัยเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่แค่ว่า อยากช่วย อยากอาสา เจตนาดีอย่างเดียว มันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร สุดท้าย มันต้องอาศัยการวางแผนการทำงานอย่างมีระบบ และใช้คนที่มีประสบการณ์และรู้งานจริง

 

Sherry Sheradia ได้แชร์วิดีโอ

คุณหมอแฮร์ริสเดินทางกลับถึงบ้านที่เมืองอะดิเลดเรียบร้อยแล้ว และมีการพูดให้สัมภาษณ์เล็กน้อย
เนื้อหาในวิดีโอนี้ ไม่มีอะไรใหม่เกี่ยวกับปฏิบัติการงานกู้ภัยที่ถ้ำหลวงฯ เจตนาของคุณหมอ คือออกมาพูดซะหน่อย กับสื่อที่ไปดักเฝ้ารอที่หน้าบ้าน แล้วจะได้ขอความเป็นส่วนตัวเพื่ออยู่พักผ่อนกับครอบครัว ถ้าข้อมูลเชิงลึกและตรงที่สุดตอนนี้เกี่ยวกับเรื่องการนำทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง น่าจะเป็นสิ่งที่คุณหมอได้เขียนลงในเฟซบุ๊ตส่วนตัวเมื่อวันก่อน กับทีจอห์น โวลันเธน ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง BBC Points West ที่ได้เล่าไปในโพสนี้ https://goo.gl/kQPTMs
แต่เจตนาที่โพสวิดีโอนี้ จะให้ฟังสำเนียงคุณหมอค่ะ เพราะมันมีประเด็นที่โวลันเธน ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอย่างสั้น ๆ ที่สนามบินฮิทโธรว์ถึงการเตรียมความพร้อมเด็กก่อนต้องอุ้มดำน้ำกันออกมาจากถ้้ำคือ โวลันเธน นิยามสำเนียงคุณหมอว่า "very bouncy Australian accent'' ทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายและมั่นใจ
ตอนได้ยินครั้งแรก ขำมาก จนคิดว่าต้องหาทางฟังแบบชัด ๆ ให้ได้ ที่ฮาคือ หลังจากนี้ สื่อของออสเตรเลียหลายเจ้า ภูมิใจมาก พาดหัวแนวประมาณว่า สำเนียงออสเตรเลียนช่วยเหลือเด็กที่ถ้ำหลวงได้อย่างไร ประสาทพอ ๆ กับที่มีสื่ออังกฤษ พาดหัวเรื่องประมาณว่า ภูมิใจที่ได้ยินสำเนียงบริติช (ของจอห์น โวแลนเธน) ณ ถ้ำหลวง
ฟังแล้ว โปรดระลึกไว้อย่างว่า อะไรที่พูดในถ้ำมันจะยิ่งก้อง สำเนียงออสเตรเลียนของคุณหมอ มันเลยเด้ง ๆ ดึ่ง ๆ มากกว่าพูดข้างนอก

7 News Sydney
14 กรกฎาคม เวลา 12:34 น. ·


“A pretty amazing experience for us all… now I’m hoping to get everything back to normal as quickly as possible.” - Dr Richard Harris has spoken for the first time since the rescue of 12 boys and their coach from a flooded Thai cave.

Report in 7 News at 6pm.

www.7plus.com.au/news

#ThaiCaveRescue #7News

 

Sherry Sheradia

ในที่สุด John Volanthen หนึ่งในสองของนักดำน้ำถ้ำของสภากู้ภัยผู้ติดถ้ำแห่งบริติช (BCRC) ที่เจอทีมหมูป่าเป็นชุดแรก เจ้าของเสียง "How many of you?" ก็ยอมปริปากให้สัมภาษณ์อย่างเป็นเรื่องราวครั้งแรก (ไม่นับการพูดแค่ 2-3 นาทีที่สนามบินฮีทโธรว์ ที่เป็นการอธิบายแบบทั่วไป) นี่คือวิดิโอบันทึกการสัมภาษณ์ของเขากับทาง BBC Points West

มีประเด็นน่าสนใจมาก หลายอย่าง อันแรกเลยคือ การที่เจอเด็กได้ ไม่ใช่แบบที่ไปลือกันว่า โชคดีที่เผอิญ guide rope ที่วางใต้นำหมดแล้วโผล่ขึ้นมา เจอเด็กพอดี (ต้นเรื่องนี้เหมือนมาจาก New York Times ซึ่งเป็นการเอาสิ่งที่คนอื่นบอกมาลง Volanthen ไม่เคยยอมให้สัมภาษณ์โดยตรงในช่วงปฏิบัติงาน) การที่พวกเขาเจอเด็กเป็นเพราะว่า เขาวางแผนว่า ทุกครั้งที่พอมีช่องอากาศเหนือน้ำให้ขึ้นมาหายใจ จะโผล่ขึ้นค้นหาทีมหมูป่า โดยใช้วิธีตะโกน และใช้จมูกดมกลิ่น และเมื่อเขาได้กลิ่นพวกเด็ก ๆ เขาเลยตรงเข้าไปตรงจุดนั้น

หลังจากเจอเด็ก ก็พยายามพูดปลอบใจเขา แม้จะไม่สามารถให้อาหารอะไรได้ เพราะไม่มีติดตัว แต่มีการให้ไฟฉายเพิ่ม แม้เด็ก ๆ จะมีกันอยู่แล้ว จากนั้นพยายามปลอบใจ และให้คำสัญญาว่าจะกลับมา ('I made them a promise I'd come back') แล้วพวกเขาก็กลับไปตามที่สัญญาจริง ๆ ถ้าอ่านที่คุณหมอริชาร์ด แฮร์ริส เขียน จะได้ข้อมูลว่า ตลอดหลายวันตั้งแต่เจอเด็ก จนช่วยออกมา นักดำน้ำถ้ำ 4 คนจาก BCRC คือ John Volanthen, Rick Stanton, Jason Mallinson และ Chris Jewell จะเป็นคนขนอาหารและข้าวของต่าง ๆ ไปใหกับทีมหมูป่าและหน่วยซีลไทยที่เสียสละอยู่กับเด็ก นอกจากนี้ คุณความดีของ Volanthen กับ Stanton ไม่ใช่แค่พบเด็กชุดแรกเท่านั้น แต่พยายามทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความหนักหนาสาหัสของภาระงานกู้ภัยในครั้งนี้ ออกไปสู่ทั่วโลก

(Rick and John not only found the children and coach alive, but conveyed the gravity of the situation to the rest of the world and thus the rescue started in earnest)

ซึ่งจะเห็นจากหลักฐานการที่ Stanton เป็นคนติดต่อพูดคุยกับ Elon Musk และกระตุ้นให้ทำ mini-sub ขึ้นมา (เข้าใจว่า อยากให้เป็น Plan B) หรือจากบันทึกของ BCRC ที่ว่านักดำน้ำถ้าสองคนที่ส่งมาก่อนหน้า (หมายถึง Volanthen และ Stanton) ขอกำลังเสิรมให้ช่วยส่งคนมาเพิ่ม นอกจากนี้พวกเขายังเป็นคนที่ระบุชื่อให้ทางการไทย นำตัวหมอแฮร์ริส เข้ามาร่วมในปฏิบัติการครั้งนี้

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ การนำเด็กออกจากถ้ำในครั้งนี้ ไม่ใช่การให้เด็กดำตาม แบบที่สื่อทั้งหลายนำเสนอ แต่เป็นลักษณะ ใช้นักดำน้ำถ้ำ หอบหิ้วเด็กออกมา เด็กมีการยึดติดกับนักด้ำน้ำถ้้ำตัวหลัก เผื่อมีการมองไม่เห็นในบางช่วงเพราะทัศนวิสัยในน้ำแย่มาก มองเห็นเพียงแค่ระยะไม่กี่นิ้วข้างหน้า หลังเด็กมีการติดหูไว้หิ้วด้วย Volanthen บอกว่าถ้าให้ปรียบเทียบให้นึกภาพออก ควรเปรียบเหมือนหิ้วถุงช็อปปิ้ง แต่เทคนิครายละเอียดมีความแตกต่างกันไปด้วยในแต่ละจุดของการดำน้ำ บางจุดก็อุ้มแบบอยู่ด้านล่าง บางจุดก็อุ้มแบบอยู่ด้านข้าง บางจุดก็จะผลักเด็กออกไปก่อน และถ้าเทียบกับสิ่งที่หมอแฮร์ริสเขียนคือ นักดำน้ำถ้ำที่ใช้นำเด็กตรงนี้ คือ 4 คน จาก BCRC รายชื่อตามที่กล่าวไปแล้วด้านบน แล้วทีมออสเตรีเลีย 2 คน นัำดำน้ำจาก UK กลุ่มอื่นอีก 3 คน นักดำน้ำจากยุโรป 4 คน เป็นฝ่ายตามสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และนี่น่าจะเป็นที่มาว่า ทำไมอพยพทีมหมูป่าออกวันละสี่คน

(As the kids came out, the 4 British rescue divers were supported by Craig and I, three other very talented young CDG divers from the UK (Connor, Josh and Jim) and the ͞Euro divers͟ (Erik, Ivan, our good mate Claus and Nikko). The pressure that was put on these guys was immense and they never dropped the ball for a second)

และประเด็นใหม่ที่ยังไม่เห็นปรากฏที่ใดคือ ปฏิบัติการครั้งนี้ มีการฝึกซ้อมมาก่อน โดยมีเด็กไทย จากสมาคมว่ายน้ำท้องถิ่นมาเป็นอาสาสมัคร ให้นักดำน้ำถ้ากลุ่มนี้ได้ฝึกซ้อม ไปฝึกซ้อมกันที่สระน้ำ

ชอบการสัมภาษณ์ Volanthen มาก มันสะท้อนให้เห็นว่า ปฏิบัติการที่สำเร็จ ไม่มีอาศัยปฏิหาริย์อย่างเดียว แต่อาศัยความเป็นมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์สูง มีการวางแผนที่รัดกุมรอบครอบ และการฝึกฝน

ทิ้งทาย เมื่อถูกถามว่า จะนิยามปฏิบัติการครั้งนี้ว่า remarkable (ยอดเยี่ยม) ไหม Volanthen ตอบว่า ขอแค่บอกว่า นี่คือที่ได้ทำเป็นครั้งแรก .

เป็นคนที่เจ๋งมาก ...

 

Sherry Sheradia


หน้าหนึ่ง Daily Mail เช้านี้ แจ่ม ... จัดเรียงหน้า เลือกใช้คำ สะท้อนกิจกรรมของ The Pomp and The Pygmy ในวาระที่ทรัมป์เยือนสหราชอาณาจักร

 

เฮ้อ

ไทยสุดยอด



ด่วน!!คลิปหลุดลีน่าจังกับเด็กอีก 12 ชีวิตติดถ้ำ ‼️