ติดตามสถานะการณ์

กลุ่มต่อต้านมุสลิมหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้


ไร้ศักดิ์ศรี ลอบทำร้ายภายใต้เกียรติของอิสตรี


“ฮิญาบ สัญลักษณ์ถทางศาสนาอิสลาม ถูกนำมาใช้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อีกครั้ง”

หลังคนร้ายแต่งกายเลียนแบบมุสลิมะห์สวมนิกอบ ซ่อนปืนมัจจุราช M16 ใต้ผ้าคลุมแห่งสันติ จากนั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิง อส.ชรบ ทั้ง 3 นาย และตามยิงหัวปิดจ็อบ

 

MOREMOVE


#ซาวเสียงกันหน่อย คิดเห็นอย่างไร!!?? #ห้ามกีดกันผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าทำงาน โดย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นโต้โผใหญ่ #เรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกแห่ง พิจารณายกเลิกหรือปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบและเงื่อนไข 'การตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนรับเข้าทำงานในทุกตำแหน่ง' #เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติร่วมกับคนทั่วไป ได้มีสิทธิในการทำงานและการเข้าถึงการจ้างงานโดยปราศจากเงื่อนไข #หลังมีผู้ร้องเรียนว่าถูกเลือกปฏิบัติในการสมัครเข้าทำงานเนื่องจากเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus : HIV)


จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต่างกำหนดให้ #การตรวจหาเชื้อเอชไอวีเป็นเงื่อนไขในการพิจารณารับเข้าทำงาน


Source : thaipost - https://bit.ly/2zsKUf1


โดยเรื่องนี้ นางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานด้านสิทธิผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก การศึกษา และการสาธารณสุข ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก รวมทั้ง ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ยืนยันว่า #การติดเชื้อเอชไอวีมีได้เพียง2ทางคือ

▪️การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย

▪️การใช้เข็มฉีดยา (เสพติด) ร่วมกัน


#ปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่ให้ผลการรักษาเป็นอย่างดี ผู้ติดเชื้อเอชไอวีจึงสามารถมีสุขภาพที่แข็งแรง #สามารถดำรงชีวิตหรือทำกิจกรรมได้เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป ดังนั้น #สถานะการเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีจึงไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการทำงานไม่ว่าในตำแหน่งใดๆ


"ขอเสนอแนะและเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนทุกแห่งพิจารณายกเลิก ปรับปรุง แก้ไข กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือเงื่อนไขการตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนรับเข้าทำงานในทุกตำแหน่ง #ขอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีต่อไป เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีซึ่งสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติร่วมกับคนทั่วไป ได้มีสิทธิในการทำงานและการเข้าถึงการจ้างงานโดยปราศจากเงื่อนไขในที่สุด" นางฉัตรสุดา ระบุ


อย่างไรก็ตาม นางฉัตรสุดายังกล่าวต่อไปอีกว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีควรได้รับการคุ้มครองสิทธิในการทำงาน และไม่ถูกเลือกปฏิบัติจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน #อันสอดคล้องกับหลักความเสมอภาคและความเท่าเทียมของบุคคล ที่ได้รับการรับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights – ICCPR) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights – ICESCR) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 รวมทั้งแนวปฏิบัติระหว่างประเทศว่าด้วยเชื้อเอชไอวี/เอดส์และสิทธิมนุษยชน (International Guidelines on HIV/AIDS and Human Rights).

 

China Report ASEAN - Thailand


'ประชากรกรุงปักกิ่งลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี'

สถิตินี้กำลังบอกอะไรเรา?


จำนวนประชากรที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนนั้น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2541 ทำให้เกิดผลกระทบตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น จำนวนพาหนะบนท้องถนนเพิ่มขึ้น 3 เท่า ปริมาณการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 2 เท่า


ด้วยเหตุนี้ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว รัฐบาลจีนจึงประกาศแผนยุทธศาสตร์ 'กระจายความเจริญสู่เมืองรอบนอก' เพื่อควบคุมจำนวนประชากรปักกิ่งไม่ให้เกิน 23 ล้านคนก่อนที่หมดทศวรรษนี้


สภาประชาชนของกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่า ปี 2560 จำนวนประชากรที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน รวมถึงผู้อยู่อาศัยถาวรในกรุงปักกิ่ง มีจำนวน 21.707 ล้านคน ลดลงไปประมาณ 22,000 คน เมื่อเทียบกับสถิติของปี 2559 เป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2541


สำหรับแผนยุทธศาสตร์ 'กระจายความเจริญสู่เมืองรอบนอก' นั้น คือการกระจายความเจริญออกสู่บริเวณใกล้เคียงกรุงปักกิ่ง นั่นคือ นครเทียนจิน และมณฑลเหอเป่ย์ กระจายความเจริญครอบคลุมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งศูนย์ราชการ การจัดตั้งวิทยาเขตของสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง การปฏิรูปผังเมือง การขยายโครงข่ายสาธารณูปโภค เป็นต้น.

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 26) รายงานพิเศษ: "เศรษฐกิจ" กำเริบอีกครั้ง : มีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกรุนแรงมากขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา และความกังวลในเรื่องนี้เป็นสาเหตุสำคัญให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนอย่างรุนแรง ไม่น่าเชื่อว่าการเติบโตที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกที่เพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อประมาณสองปีก่อน กำลังจะเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลงอีกครั้ง



หลักฐานล่าสุดที่ชี้ว่าเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงจริง ๆ คือ องค์การเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ได้ระบุในประมาณการล่าสุดว่า การเติบโตทั่วโลกคาดว่าจะชะลอตัวลงจาก 3.7% ในปีนี้เหลือ 3.5% ในปีหน้า และในปี 2563 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะโต 3.7% ในปี 2562



สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้โออีซีดีคาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงคืออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและความขัดแย้งทางการค้า



ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์ของโออีซีดีไม่ได้คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้การลงทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเศรษฐกิจกำลังพัฒนาอย่าง บราซิล รัสเซีย ตุรกี และแอฟริกาใต้ จะชะลอตัวลงมากสุด



คำถามในขณะนี้คือ สัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจ จะทำให้ธนาคารกลางที่ดูแลเรื่องนโยบายดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางสหรัฐ จะทบทวนเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ?



ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความกังวลเรื่องดอกเบี้ยและโจมตีธนาคารกลางสหรัฐอยู่บ่อยครั้งว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกระทบต่อการเติบโตที่เกิดจากนโยบายของเขา และล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาทรัมป์ได้กระทุ้งอีกครั้งว่า เฟดควรพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบาย



อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ บอกว่า ถ้าดูจากประวัติศาสตร์ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา มันชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อไปแม้ว่าในช่วงนี้จะมีแรงเทขายในตลาดหุ้นอย่างรุนแรงก็ตาม



ผลการวิเคราะห์ใหม่ของโกลด์แมน แซคส์ ชี้ว่า เฟดไม่น่าจะดำเนินนโยบายที่เอื้อเฟื้อมากขึ้นเพียงเพราะว่าหุ้นตกหนัก แต่เฟดต้องเห็นว่าภาวะการเงินของสหรัฐฯ จะทรุดโทรมลงมากกว่านี้จึงจะฟังการเรียกร้องจากทรัมป์และคนอื่น ๆ



เมื่อดูจากช่วงที่หุ้นตกมากทั้งหมดตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา ผลการวิเคราะห์ของโกลด์แมน พบว่า เฟดตอบสนองด้วยการดำเนินนโยบายเอื้อเฟื้อก็ต่อเมื่อภาวะการเงินอื่น ๆ เช่น สเปรดสินเชื่อก็ถดถอยลงมากหรือเมื่อการเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ แต่ในขณะนี้สเปรดสินเชื่อได้กว้างขึ้น ซึ่งชี้ว่าบริษัทมีความกดดันในระดับหนึ่งแต่การเติบโตในสหรัฐฯ ยังคงสูงกว่าศักยภาพมาก



โกลด์แมนยังชี้ว่า นับตั้งแต่ปี 2557 ในช่วงที่เกิดแรงเทขายหนัก ๆ ในตลาด เฟดลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่สหรัฐฯ เกิดภาวะถดถอยมากกว่า หรือไม่ก็ลดดอกเบี้ยเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวจากภาวะถดถอยโดยทันที



ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ขึ้นดอกเบี้ยแล้วสามครั้งในปีนี้ และคาดว่าจะขึ้นอีกหนึ่งครั้งก่อนปลายปี และจากการประเมินของโกลด์แมน เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้แน่นอน และจะขึ้นอีก 4 ครั้งในปีหน้า และเฟดเองก็ได้ระบุว่า จะขึ้นอีก 3 ครั้งในปีหน้า



นั่นเท่ากับว่าความเสี่ยงเรื่องดอกเบี้ยไม่น่าจะลดทอนลงไปสักเท่าไหร่ในระยะใกล้นี้



ส่วนเรื่องความขัดแย้งทางการค้า แนวโน้มก็ดูจะยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สักเท่าไหร่เช่นกัน



หลังจากที่รัฐบาลปักกิ่งและรัฐบาลวอชิงตันเก็บภาษีตอบโต้ ซึ่งการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ได้ไหลเวียนลดลงมาก ขณะเดียวกัน การเจรจา Brexit ที่ชะงักอยู่ระหว่างสหภาพยุโรป (อียู) และอังกฤษ ก็ได้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อการค้าระหว่างอียูและอังกฤษ



โออีซีดีประเมินว่า ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น อาจลดการเติบโตของจีดีพีทั่วโลกถึง 0.8% ภายในปี 2563 โดยคาดว่าจีดีพีสหรัฐฯ จะโตเกือบ 3% ในปีนี้ แต่จะโตลดลงมากกว่า 2% เล็กน้อยในปี 2563 ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงเหลือ 6% ในปี 2563 ต่ำสุดในรอบสามสิบปี ส่วนเศรษฐกิจยุโรปคาดว่าจะโตเพียง 1.6% ในปี 2563



นักลงทุนและผู้นำทั่วโลกกำลังรอดูการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่บัวโนสไอเรสในปลายสัปดาห์นี้ โดยมีความหวังอย่างลึก ๆ ว่าน่าจะมีความคืบหน้าเกิดขึ้นบ้าง



อย่างไรก็ดี ไม่กี่วันก่อนการประชุม มีพัฒนาการหลายอย่างที่ดูเหมือนว่าจะชี้ไปในทางลบ



สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงานการสอบสวนเกี่ยวกับนโยบายการโอนเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของจีนตามมาตรา 301 ใหม่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่าจีนไม่ได้เปลี่ยนแปลงการปฏิบัติที่ “ไม่เป็นธรรม” “ไม่มีเหตุผล” และ “บิดเบือนตลาด” พร้อมทั้งระบุว่า จีนไม่ได้ตอบสนองอย่างสร้างสรรค์และไม่สามารถดำเนินการที่มีสาระสำคัญใด ๆ ที่จะแก้ไขความกังวลของสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ จีนยังได้แสดงอย่างชัดเจนว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อตอบสนองต่อการสอบสวนของสหรัฐฯ



ต่อมาในช่วงท้าย ๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานจากวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามชักจูงบริษัทที่ให้บริการไร้สายและอินเทอร์เน็ตในประเทศพันธมิตร หลีกเลี่ยงอุปกรณ์โทรคมนาคมจากบริษัทหัวเหว่ย เทคโนโลยี เนื่องจากมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และถึงขนาดที่ว่ารัฐบาลวอชิงตันได้พิจารณาเพิ่มความช่วยเหลือทางการเงินให้กับการพัฒนาด้านโทรคมนาคมในประเทศที่หลีกเลี่ยงอุปกรณ์ที่ผลิตจากจีน



การเคลื่อนไหวเหล่านี้ของสหรัฐฯ มองเป็นอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากเป็นความพยายามที่จะสร้างอิทธิพลต่อการเจรจาระหว่างสี และทรัมป์ และนักวิเคราะห์หลายคนบอกว่า จะไม่แปลกใจเลยหากไม่มีความคืบหน้าใด ๆ หลังการประชุม



นักกลยุทธ์ของเจ.พี.มอร์แกน แอสเซ็ต แมเนจเมนต์ ได้ออกมาเตือนให้นักลงทุนเตรียมรับมือกับความขัดแย้งทางการค้าที่จะยืดเยื้อไปอีกนานแล้ว เนื่องจากมองว่าความตึงเครียดทางการค้าจะถดถอยลงในช่วง 6 เดือนข้างหน้า



ในเมื่อทั้งอัตราดอกเบี้ยและความตึงเครียดทางการค้า มีแนวโน้มที่ไม่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสักเท่าไหร่ นักลงทุนก็ต้องทำใจไว้เลยว่า ตลาดหุ้นยังต้องผันผวน และเอาแน่เอานอนไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ นอกเสียจากว่าจะมี “เซอร์ไพรส์ในทางบวก” เกิดขึ้นเท่านั้น


Source: กรุงเทพธุรกิจ


- Trade tariffs, higher interest rates are slowing global economic growth, OECD says

https://www.cnbc.com/2018/11/21/tra...ates-are-slowing-global-growth-oecd-says.html

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 26) สถาบันวิจัยชี้ข้อตกลง Brexit ของรัฐบาล อาจทำให้อังกฤษสูญเงินถึงปีละ 1 แสนล้านปอนด์ : สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) เปิดเผยรายงานล่าสุดซึ่งระบุว่า ข้อตกลง Brexit ของรัฐบาลอังกฤษอาจทำให้ประเทศต้องสูญเสียถึงปีละ 1 แสนล้านปอนด์ (ประมาณ 1.28 แสนล้านดอลลาร์) ภายในปี 2573


สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า รายงานฉบับดังกล่าว ซึ่งจัดทำโดย NIESR และมอบหมายให้ดำเนินการโดยกลุ่ม People’s Vote นั้น ได้มีการจำลองสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งในกรณีที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป และยังอยู่ใน EU


"ประเด็นสำคัญที่เราพบ คือ หากมีการดำเนินการตามข้อตกลง Brexit ของรัฐบาล และอังกฤษออกจากสหภาพศุลกากรของ EU รวมถึงออกจากตลาดเดียวในปี 2562 จะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภายในปี 2573 ต่ำกว่าระดับที่อังกฤษยังคงอยู่ใน EU ถึงราว 4%" NIESR ระบุในรายงาน


"นี่เทียบเท่ากับการสูญเสียผลผลิตทางเศรษฐกิจของเวลส์หรือกรุงลอนดอน" บีบีซีระบุ โดยอ้างอิงถึงรายงานฉบับนี้

"ตัวเลข GDP ต่อหัวอาจลดลง 3% ต่อปี คิดเป็นต้นทุนเฉลี่ยต่อคนต่อปีที่ 1090 ปอนด์ เมื่อคำนวณตามราคาปัจจุบัน" NIESR รายงาน พร้อมทั้งระบุด้วยว่า สาเหตุส่วนใหญ่มาจากอุปสรรคที่เพิ่มมากขึ้นในด้านการค้าภาคบริการ โดยภาคบริการของอังกฤษจะมีความน่าดึงดูดน้อยลง ทั้งยังจะขัดขวางการลงทุนในอังกฤษ และท้ายที่สุดหมายความว่าแรงงานในอังกฤษจะมีผลิตภาพน้อยกว่าครั้งที่ยังอยู่ใน EU


รายงานยังระบุด้วยว่า การค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและ EU โดยรวมจะลดลง 46% นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะลดลง 21% ขณะที่รายได้จากภาษีจะลดลง 1.5-2%


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วรวิชญ์ สิทธิวัง/ปนัยดา


- Brexit deal to cost up to £1100 per person per year

https://www.ft.com/content/a60a949c-ef3f-11e8-8180-9cf212677a57

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 26) อิตาลีเสียงอ่อน ส่งสัญญาณยอมปรับลดตัวเลขเป้าหมายขาดดุลงบประมาณ: แหล่งข่าวจากรัฐบาลอิตาลีเปิดเผยว่า พรรครัฐบาลกำลังพิจารณาปรับลดตัวเลขเป้าหมายขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2562 จากเดิมที่ระดับ 2.4% เพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษของสหภาพยุโรป (EU)


นายลุยยี ดี ไมโอ รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวว่า ตราบใดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาตรการต่างๆในงบประมาณ การปรับลดเป้าหมายขาดดุลงบประมาณก็สามารถทำได้


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว EU ปฏิเสธที่จะให้การรับรองงบประมาณประจำปี 2562 ของอิตาลี พร้อมกับประกาศเตรียมลงโทษอิตาลีด้วยการสั่งปรับเนื่องจากร่างงบประมาณดังกล่าวขัดต่อกฎหมายทางการเงินของ EU


คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU ออกแถลงการณ์ระบุว่า "เรามีความเสียใจที่จะต้องยืนยันการประเมินของเราที่ว่า ร่างงบประมาณของอิตาลีไม่ได้สอดคล้องกับข้อเสนอของ EU ที่ให้ไว้ในวันที่ 13 ก.ค."


นอกจากนี้ EC ยังเตรียมเปิดกระบวนการพิจารณาลงโทษ กรณีประเทศสมาชิกมีการขาดดุลงบประมาณมากกว่าที่กำหนดไว้ (EDP)

ทั้งนี้ การดำเนินกระบวนการ EDP จะทำให้อิตาลีต้องเปิดเผยมาตรการปรับลดการขาดดุลงบประมาณ รวมทั้งกำหนดเส้นตายในการบรรลุเป้าหมาย ซึ่งหากอิตาลีไม่ดำเนินการดังกล่าว ก็อาจถูก EC สั่งปรับ


เมื่อเดือนที่แล้ว EC ได้ปฏิเสธข้อเสนอร่างงบประมาณประจำปี 2562 ของรัฐบาลอิตาลี โดยระบุว่า ร่างงบประมาณดังกล่าวขัดต่อกฎหมายทางการเงินของ EU หลังจากที่รัฐบาลอิตาลีได้เพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณสู่ระดับ 2.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2562 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขขาดดุลงบประมาณ 0.8% ของ GDP ของรัฐบาลชุดเดิม


ทั้งนี้ EU กำหนดให้ประเทศใน EU มีตัวเลขขาดดุลงบประมาณไม่เกิน 3% ของ GDP อย่างไรก็ดี EU เรียกร้องให้อิตาลีดำเนินการไปสู่การมีงบประมาณสมดุล เนื่องจากอิตาลีมีหนี้ในภาครัฐจำนวนมาก


Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


- https://www.reuters.com/article/us-...ng-reducing-2019-deficit-target-idUSKCN1NV0LQ

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 26) ครม.เห็นชอบพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย : ครม.อนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ทั้ง กทม.และปริมณฑล วงเงินกว่า 2,612 ล้านบาท


พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 2 ระยะที่ 1 จำนวน 12 โครงการ รวม 3,365 หน่วย วงเงินลงทุนรวม 2,612.883 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ในประเทศ 1,962.548 ล้านบาท เงินอุดหนุนจากรัฐบาล 363.155 ล้านบาท และเงินรายได้ของการเคหะแห่งชาติ 287.180 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี 2560 – 2579


สำหรับโครงการชุดที่ 2 ระยะที่ 1 มีจำนวน 12 โครงการ แบ่งเป็น โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน เชิงสังคม 10 โครงการ รวม 3,094 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 2 ชั้น ราคาขายต่อหน่วย 650,000 – 850,000 บาท สำหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง โดยในเขต กทม.และปริมณฑล มีรายได้ 26,101 – 38,300 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ส่วนผู้ที่อยู่ในภูมิภาคมีรายได้ประมาณ 15,101 – 22,000 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน และโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน เชิงพาณิชย์ 2 โครงการ รวม 271 หน่วย เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาขายต่อหน่วย ประมาณ 1.8 – 2.2 ล้านบาท สำหรับประชาชนกลุ่มรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง โดยในเขต กทม. และปริมณฑล คือ ผู้มีรายได้ 59,701 บาทขึ้นไปต่อเดือนต่อครัวเรือน ส่วนผู้ที่อยู่ในภูมิภาคมีรายได้ 34,701 บาทขึ้นไปต่อเดือนต่อครัวเรือน


ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวเพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีระบบสาธารณูปโภคพร้อม และมีความปลอดภัยได้มาตรฐานและเกิดการจ้างงานในธุรกิจก่อสร้าง วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และเครื่องใช้ในครัวเรือน


Source: สำนักข่าวไทย

https://www.tnamcot.com/view/5bfbb923e3f8e4e9040da832


มติอื่นๆ

- ครม.ไฟเขียวโอนรถไฟฟ้าสีเขียวให้ กทม

https://www.tnamcot.com/view/5bfbbe13e3f8e4e9040da84a


- ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด

https://www.tnamcot.com/view/5bfbba71e3f8e4e9040da836

 

คนไทยในญี่ปุ่น


" เกิดเหตุคดีฆาตรกรรม 6 ศพ !! ในบ้านหลังหนึ่งในจังหวัดมิยาซากิ ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด "


- เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นวันนี้ 26/11/2561 หลังจากตำรวจญี่ปุ่นได้รับแจ้งโทรศัพท์จากสมาชิกครอบครัวที่บ้านหลังนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งก็รีบไปที่บ้านหลังนี้ทันทีและได้พบกับเหตุการณ์น่าสลดนี้หลังจากไปถึง....


-ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งตรวจสอบและสืบคดีฆาตกรรมนี้อยู่ว่าเกิดจากอะไร และใครเป็นคนลงมือฆาตกรรมเหตุการณ์นี้ต่อไป..


#ฆาตรกรรม #เสียชีวิต #ญี่ปุ่น #ตำรวจ


สนใจติดต่อลงโฆษณาติดต่อได้ที่ :

INBOX Fanpage คนไทยในญี่ปุ่น

 

แดง วงศ์ทวิชาติ


26 Nov 2018

#ภัยพิบัติสภาพอากาศโลกextremesdisasters

* พายุทรายลูกมหึมาพัดถล่มจีนแผ่นดินใหญ่ หายวับทั้งเมือง

พายุทรายพัดกระหน่ำมณฑลกานซู่ ของจีน

พายุทรายได้พัดกระหน่ำเมืองจางเย่ มณฑลกานซู่ ของจีน เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ ทำให้กำแพงทรายขนาดใหญ่สูงเกือบ 100 เมตร กระแสลมซึ่งพัดด้วยความเร็ว 17 เมตรต่อวินาที ได้พัดพาเอาฝุ่น และทรายจำนวนมหาศาลก่อตัวเป็นกำแพงทราย ในเมืองจางเย่ มณฑลกานซู่ เมื่อเวลาราว 15.50 น. ของเมื่อวันอาทิตย์ และเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปกคลุมทั่วเมืองภายในเวลา 5 นาที ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเหลือไม่ถึง 10 เมตร

(คลิปข่าว) พายุทรายพัดกระหน่ำมณฑลกานซู่ ของจีน


พายุทรายยังบดบังทัศนวิสัยบนทางด่วน ตำรวจจราจรต้องนำทางยานพาหนะไปยังด่านเก็บค่าทางด่วน รวมถึงเปิดสัญญาณไฟ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน มีรายงานไฟไหม้ในหลายหลังคาเรือน แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ทันท่วงที

 

SpringNews


สายตื๊ดต้องรู้! ราชกิจจา ฯ ประกาศห้าม 22 จังหวัดตั้งสถานบริการ แต่สถานบริการที่เปิดก่อนวันประกาศและตั้งอยู่ในโรงแรมได้รับข้อยกเว้น


เป็นอันว่าที่ไหนเปิดอยู่แล้วก็เปิดต่อได้ ส่วนเจ้าใหม่ๆ หลังจากนี้ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิด มีเพื่อนบอกเพื่อนอย่าเพิ่งหัวร้อนกลัวไม่มีที่เที่ยวกันนะจ๊ะ

 

#ฟันธงฝีมือกลุ่มนายบูคอรี เหตุการณ์ยิง 3 ศพที่เทพา


ความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงถล่มเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยตลาดนัดท่าหยี ในพื้นที่หมู่6 บ้านห้วยปลิง ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้เจ้าหน้าที่ อส. และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต 3 นาย ขณะนั่งอยู่ในซุ้มไม้ไผ่บริเวณตลาดนัด เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้


ล่าสุดในวันนี้(26พ.ย.) พล.ต.จตุพร กลัมพสุต รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4 ส่วนหน้า ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและติดตามความคืบหน้าของคดีนี้รวมทั้งวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย


โดยพล.ต.จตุพร เปิดเผยว่า จากการประเมินเหตุการณ์เชื่อว่าเป็นฝีมือกลุ่มของนายบูคอรี หลำโส๊ะ หัวหน้ากลุ่มก่อความไม่สงบที่เป็นผู้สั่งการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ 4อำเภอสงขลามาตลอด และครั้งนี้น่าจะมีผู้ร่วมก่อเหตุ10-12 คน มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ทั้งคนกราดยิงด้วยเอ็ม16 คน ยิงซ้ำด้วยปืนสั้น และคนที่เข้าไปชิงอาวุธปืน ซึ่งกลุ่มของ นายบูคอรี มีอยู่ด้วยกัน 2-3ทีม ทีมละ 6 คน จะเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา อ.ยะหา จ.ยะลา และอ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี


ในด้านคดีเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนพยานแวดล้อมซึ่งคดีนี้น่าคลี่คลายได้เร็วเนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและจุดเกิดเหตุก็เป็นตลาดนัดมีคนพลุกพล่าน พล.ต.จตุพร ยังเผยอีกว่า เป้าหมายของคนร้ายต้องการสร้างความรุนแรงในช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูการท่องเที่ยวเพื่อให้เกิดความน่ากลัว และส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ทับซ้อนกับปัญหายาเสพติด หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่ได้ติดตามนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ก็จะมีการก่อเหตุรุนแรงตามมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่และเป็นการตัดขาไม่ให้ทำงานสะดวก


ส่วนภาพรวมของสถานการณ์ในพื้นที่4 อำเภอชายแดนสงขลาแม้เหตุการณ์นี้จะดูรุนแรงแต่จากเหตุรุนแรงลดลงถึง 34 เปอร์เซ็นต์ และยอดผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ก็ลดลง 57 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงต้องเพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมยิ่งขึ้น เพราะคนร้ายมีเป้าหมายที่จะทำร้ายเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะขณะปฏิหน้าที่ในจุดที่ยากจะป้องกันตัวเช่นตลาดนัดเหมือนที่เกิดขึ้น

 

ช่วงนี้แผ่นดินไหวเริ่มคึกคัก ช่วงที่เงียบไป เพราะแรงผลัก กด ดึง งัด ของแผ่นเปลือกโลกต่างๆ ยังไม่สามารถชนะแรงต้านทานเดิมได้ แต่ตอนนี้พอชนะแล้ว ก็เริ่มสั่นๆๆ ระรัวมาเป็นชุดๆ สุดท้ายก็ต้องมาถึงจุดสํงสุดคือแผ่นเปลือกโลกเป็นอิสระต่อกัน แต่จะเกิดเมื่อไหร่น่ะ

โพสต์ทุ่นแรงในโหมดกิจ


ผลสำหรับตอนนี้


ทะเลแคริเบียน 6.2 ฝูง


อิหร่านอิรัก 6.3 ฝูง


นิวซีแลนด์ 6.0

 

ด่วน ... ตำรวจมาเลเซียเผย พบผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย 100 คน เตรียมเดินทางไปซีเรียและภาคใต้ของฟิลิปปินส์ ร่วมสมทบกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสตักฟีรีย์


ตำรวจมาเลเซียรายงานว่าชาวมาเลย์เกือบ 100 คนกำลังวางแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศซีเรียและฟิลิปปินส์เพื่อเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้ายรวมทั้งกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS ในสองประเทศ


สำนักงานตำรวจมาเลเซียฝ่ายปราบปรามผู้ก่อการร้าย Bukit Aman กล่าวในรายงานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า " กองกำลังความมั่นคงของมาเลเซียได้รับข้อมูลนี้หลังจากที่ได้สแกนและตรวจสอบข้อมูลเกือบสี่พันหน้าบนสื่อสังคมออนไลน์”


ตามรายงานระบุว่าตำรวจมาเลเซียได้โฟกัสบุคคลเหล่านี้ได้และภายใต้การควบคุมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งหมดตลอดเวลา


รายงานระบุว่าแม้กลุ่มก่อการร้ายไอซิสจะสูญเสียฐานที่มั่น ในซีเรียและอิรัก แต่คนเหล่านี้ได้ถูกหลอกลวงโดยการโฆษณาชวนเชื่อของกลุ่มก่อการร้ายบนเครือข่ายสังคมออนไลน์


หนังสือพิมพ์สตาร์อ้างรายงานว่ามีเพียงสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายของมาเลเซียหนึ่งคน ชื่อ "Akh Zainal" ที่เป็นแกนนำกลุ่มก่อการร้ายที่อยู่ในประเทศซีเรีย


Mahmoud Wendy เป็นอีกหนึ่งผู้ก่อการร้ายชาวมาเลเซียที่เสียชีวิตในซีเรียในปีนี้ และหลังจากนั้น "Akh Zainal" ขึ้นมาเป็นหัวหน้ากองทหารอาสาสมัครมาเลเซีย โดยทำหน้าที่ พยายามหากองกำลังจากมาเลเซียเข้าไปร่วมสมทบกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIL


ตามรายงานของ Bokit Aman ผู้ก่อการร้ายชาวมาเลเซียใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์และโชเชียลเพื่อรับสมัครและดึงดูดผู้ก่อการร้ายใหม่


"Akh Zainal" วัย 38 ปี อดีตนักดนตรี เดิมมีชื่อว่า Akkhel Van Zin al-Abedin ซึ่งเดินทางไปยังซีเรียเมื่อปี 2014 และตามรายงานของ Bokit Aman เปิดเผยว่าเขาเคยร่วมกิจกรรมก่อการร้าย


ตามรายงาน Bokit Aman ผู้ก่อการร้าย "Akh Zainal" มีผู้ติดตามในเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ 1,505 คนและสามารถดึงนักศึกษาหญิงชาวมาเลเซียหนึ่งคนเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIL


ตำรวจมาเลเซียระบุว่า ปัจจุบัน มีชาวมาเลเซีย 45 คนรวมถึงชาย 23 คนผู้หญิง 11 คนหญิง 12 คนเป็นเด็ก ยังคงอยู่ในซีเรียในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIL


รายงานระบุว่า ตั้งแต่ 2013 พลเมืองมาเลเซีย103 คนได้เดินทางไปยังซีเรีย และเดินทางกลับประเทศแล้ว 11 คน ชายหนุ่มอีก 37 คนถูกสังหารในการก่อการร้ายในซีเรียและคนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ยังคงอยู่ในรายชื่อผู้ก่อการร้ายในประเทศซีเรีย

 

กลัวจะเกิดจราจล ในเม็กซิโกก่อนจะได้ทำน่ะสิ

กระทรวงภายในของเม็กซิโกบอกเมื่อวานนี้ว่า จะเนรเทศผู้ที่พยายาม "อย่างรุนแรง" เข้าสหรัฐจากฮัวนา

 

4 ท่าแก้ไหล่ติดครับ


➡️ ท่าละ30 วินาที

 

La nueva era de la tierra - respaldo



รถยนต์จมอยู่ใต้น้ำใน Medellin Colombia รายงานว่าแม่น้ำล้น

2018/11/25

 

La nueva era de la tierra - respaldo


#URGENTE



รายงานเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในMedellín Colombia นาทีที่ผ่านมา

2018/11/25

 

Clima Extremo 24


MEXICO



สมาชิกของกองคาราวานถูกขับไล่โดยตำรวจชายแดนยิงแก๊สน้ำตาเมื่อพยายามข้ามพรมแดนไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาผ่าน ช่องแคบริโอ ในติฮัวนา

 

พายุเฮอร์ริเคนในเมือง Qalqilya วันนี้ใน # ปาเลสไตน์

24_11_2018

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Nov 26) 'เจพี มอร์แกน'ลดประมาณการน้ำมัน คาดปีหน้า 'เบรนด์' มีราคาเฉลี่ย 73 เหรียญต่อบาร์เรล - เจพี มอร์แกน ลดแนวโน้มราคาน้ำมันอีกครั้งเนื่องจากซัพพลายในอเมริกาเหนือจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า โดยคาดราคาน้ำมันดิบเบรนต์จะมีราคาเฉลี่ยที่ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีหน้า จากเดิมคาดการณ์ไว้ 83.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และคาดว่าจะลดลงไปถึง 64 ดอลลาร์ในปี 2563 ตลาดน้ำมันจับตาการประชุมโอเปก 6 ธ.ค.นี้ โดยมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียกำลังผลักดันให้โอเปกลดซัพพลายถึง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน



สก็อต ดาร์ลิ่ง หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์น้ำมันและก๊าซในเอเชียแปซิฟิกของ เจพี มอร์แกน กล่าวว่า บริษัทได้ปรับแนวโน้มราคาน้ำมันลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าซัพพลายในอเมริกาเหนือจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า และคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนต์จะลดลงไปถึง 64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปี 2563



ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ในตลาดเอเชียมีการซื้อขายที่ประมาณ 63.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต ของสหรัฐ อยู่ที่ประมาณ 54.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่อมาในวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงต่อ โดยลงไปแตะ 53.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ปรับตัวลงอีก 1% อยู่ที่ประมาณ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อมีข้อมูลว่าน้ำมันคงคลังของสหรัฐแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลว่าปริมาณน้ำมันดิบจะล้นตลาด



ดาร์ลิ่ง กล่าวว่า การเติบโตของดีมานด์น้ำมันมีผลกระทบต่อราคา โดยเฉพาะหลังจากที่องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ตกลงที่จะเพิ่มการผลิตเมื่อต้นปีนี้



ในขณะนี้ตลาดน้ำมันกำลังโฟกัสไปที่การประชุมของโอเปกครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ ดาร์ลิ่ง กล่าวว่า โอเปกจำเป็นต้องลดการผลิตประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้าจึงจะสร้างความสมดุลในตลาดน้ำมันได้



ราคาน้ำมันดิบได้ผันผวนมากในปีนี้ โดยราคาได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อเดือนตุลาคมเนื่องจากทรัมป์ตัดสินใจคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านอีกครั้ง การคว่ำบาติอิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับสามของโอเปก ได้เพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมันเกือบตลอดปี



ราคาน้ำมันดิบได้พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบสี่ปีหนึ่งเดือนก่อนที่การคว่ำบาตรอิหร่านจะมีผลบังคับใช้ แต่การดีดตัวเหล่านั้นได้ลดลงอย่างรุนแรงนับตั้งแต่นั้นมาเมื่อสหรัฐยอมผ่อนผันให้ 8 ประเทศนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ชั่วคราว



ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลง 30% นับตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม เมื่อมีแรงเทขายในตลาดในวงกว้าง และมีฉันทามติมากขึ้นว่า ซัพพลายจะมากกว่าดีมานด์ในปีหน้า



ดาร์ลิ่ง กล่าวว่า การเมืองสหรัฐมีส่วนสำคัญก็จริงแต่ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงขับเคลื่อนจากดีมานด์และซัพพลาย



ความเห็นของนักวิเคราะห์เจพี มอร์แกน มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาปกป้องซาอุดีอาระเบีย โดยขอบคุณที่ซาอุดีอาระเบียช่วยควบคุมราคาน้ำมัน แม้ว่าจะมีเสียงโจมตีที่เขาสนับสนุนรัฐบาลซาอุดีอาระเบียหลังจากที่มีการสังหาร จามาล คาช็อกกี นักข่าววอชิงตันโพสต์



มีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียกำลังผลักดันให้โอเปกลดซัพพลายน้ำมันถึง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันล้นตลาด



มอร์แกน สแตนลีย์ ชี้ว่า มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นมากที่โอเปกจะบรรลุข้อตกลงเพื่อทำให้ตลาดน้ำมันมีความสมดุลในปีหน้า ซึ่งน่าจะช่วยหนุนราคาน้ำมันให้อยู่ที่ 50 ดอลลาร์ปลาย ๆ อย่างน้อยก็ในระยะสั้น


Source: ข่าวหุ้น


- JP Morgan gives its prediction for Brent crude in 2019

https://www.cnbc.com/2018/11/22/oil...s-its-prediction-for-brent-crude-in-2019.html