ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    49818611_2336429219709890_2319546957070073856_n.png?_nc_cat=108&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png
    (Jan 8) EU ประกาศปลดใบเหลืองต่อการนำเข้าสินค้าประมงของไทยแล้วในวันนี้ : สหภาพยุโรป (EU) ประกาศยกเลิกคำเตือนสั่งห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านการประมงของไทยแล้วในวันนี้ หลังจากที่ไทยได้มีการปฏิรูปเพื่อกวาดล้างการประมงที่ผิดกฎหมาย

    ทั้งนี้ นายคาร์เมนู เวลลา ประธานคณะกรรมาธิการด้านการประมงของ EU ได้พบปะกับพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีของไทย ในวันนี้ที่กรุงบรัสเซลส์ โดยนายเวลลาได้แสดงความยินดีต่อความพยายามของไทยในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการต่อผู้กระทำผิด

    นายเวลลากล่าวว่า "ผมรู้สึกยินดีที่ในวันนี้เรามีพันธมิตรใหม่ในการต่อสู้กับการประมงที่ผิดกฎหมาย และเรื่องดังกล่าวจะยังคงเป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกของ EU"

    ก่อนหน้านี้ EU ได้ขู่ที่จะยกเลิกการนำเข้าสินค้าประมงของไทยมานานกว่า 3 ปี เนื่องจากมองว่าไทยประสบความล้มเหลวในการกวาดล้างการประมงที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ดี หลังจากที่ไทยได้มีการหารือกับ EU และมีการปฏิบัติตามเงื่อนไข ทาง EU ก็ได้ประกาศปลดใบเหลืองต่อการนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้านการประมงของไทยในวันนี้

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - Commission lifts “yellow card” from Thailand for its actions against illegal fishing: http://europa.eu/rapid/press-release_IP-19-61_en.htm

    - Urgent : European Commission lifts "yellow card" from Thailand for its action against illegal fishing
    http://www.nationmultimedia.com/detail/national/30361863
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    mint.com%2Frf%2FImage-621x414%2FLiveMint%2FPeriod2%2F2019%2F01%2F08%2FPhotos%2FProcessed%2Fapple.jpg
    (Jan 8) รายงานพิเศษ: "แอปเปิล" ไม่ใช่ "เหยื่อ" รายสุดท้าย : ขนาดแอปเปิลเป็นหนึ่งในบริษัทมหาชนที่มีมูลค่าตลาดมากสุดในโลกและเป็นจ่าฝูงของหุ้นเทคโนโลยี ก็ยังไม่วายต้องลดประมาณการรายได้ของไตรมาสหนึ่งลง นั่นเป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่าบริษัทข้ามชาติ โดยเฉพาะบริษัทอเมริกันเปราะบางเพียงไรต่อสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และเชื่อว่าแอปเปิลไม่ใช่เหยื่อรายสุดท้าย

    ในหนังสือที่แจ้งแก่นักลงทุนเมื่อวันพุธ ทิม คุ้ก ซีอีโอของแอปเปิล ได้ทำหนังสือแจ้งแก่นักลงทุนว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้บริษัทลดประมาณการรายได้ เช่น เศรษฐกิจจีนโตลดลง และยอดขายไอโฟนต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายในจีนแผ่นดินใหญ่ลดลงเป็นหลัก ในขณะเดียวกันมีการอัพเกรดไปใช้ไอโฟนรุ่นใหม่ ๆ ในประเทศอื่น ๆ เช่นในตลาดเกิดใหม่ ไม่มากอย่างที่คิด

    คุ้ก ยังได้ให้สัมภาษณ์กับจอช ลิพตัน ผู้สื่อข่าวเทคโนโลยีของซีเอ็นบีซีว่า เขาเชื่อว่าการพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ กำลังทำให้ปัญหาเศรษฐกิจในจีนและสหรัฐฯ รุนแรงมากขึ้น

    จีนเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของแอปเปิล แต่ผู้บริโภคชาวจีนก็มีแบรนด์สมาร์ตโฟนในประเทศให้เลือกแทนไอโฟนมากมาย ในขณะเดียวกัน ได้เกิดความรู้สึกต่อต้านสินค้าอเมริกันหลังจากที่ทรัมป์เก็บภาษีสินค้าจีนเป็นมูลค่ามหาศาล มีรายงานจากนิกเกอิว่า “หัวเว่ย” กำลังจะมียอดขายสมาร์ตโฟนในปีที่แล้วทั้งปี สูงกว่าแอปเปิลเป็นครั้งแรก และมียอดขายเป็นอับดับสองของโลกมากกว่า 200 ล้านเครื่อง

    ยอดขายไอโฟนที่ลดลงเป็นการย้ำว่าบริษัทอเมริกันและบริษัทข้ามชาติอื่น ๆ มีความเปราะบางต่อสงครามการค้าเพียงไร ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า บริษัทอื่น ๆ เช่น เจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) โฟล์กสวาเกน และสตาร์บัคส์ อาจเจอปัญหาเช่นเดียวกับแอปเปิล บริษัทเหล่านี้กำลังจะแถลงผลประกอบการในเร็ว ๆ นี้ แต่มีความเป็นไปได้สูงมากที่รายได้ไม่น่าจะดีเท่าไหร่โดยเฉพาะในตลาดจีน

    แม้ข้อมูลชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่งเป็นส่วนใหญ่ในปี 2561 แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่าภาคการผลิตของจีนกำลังซบเซาลง และคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกก็ลดลง และมีการคาดการณ์กันว่าการเติบโตของจีนในปี 2561 จะต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533

    การออกมาเตือนของแอปเปิลชี้ว่ามันมาถึงจุดที่จีนและสหรัฐฯ ต้องเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย

    ในอดีตทรัมป์เคยโวว่าความซบเซาในตลาดหุ้นจีนเป็นสัญญาณว่าการทำสงครามการค้าของเขากำลังได้ผลดี แต่ในขณะนี้ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นแล้ว และมันกำลังย้อนกลับมากระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เอง

    พัฒนาการที่เกิดขึ้นนี้ ยิ่งเพิ่มความวิตกให้กับนักลงทุนที่ไม่สบายใจอยู่แล้วเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐและกำไรที่โตลดลง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตลาดหุ้นทั่วโลกจึงดิ่งระนาวหลังการลดประมาณการของแอปเปิล โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 660 จุด หรือ 2.8% เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ดัชนีแนสแด็กปรับตัวลง 3%

    ความจริงแล้วนี่เป็นผลที่ใคร ๆ ก็สามารถคาดการณ์ได้มานานแล้ว จีนเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกและเป็นผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่สุดของโลก หากจีนมีปัญหาก็มักจะสร้างปัญหาให้กับที่อื่น ๆ ไปด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะว่าโลกเราทุกวันนี้มันเชื่อมโยงถึงกันอย่างเหนียวแน่น

    อย่างไรก็ดี ยังมีมุมมองในด้านบวกจากนักวิเคราะห์บางคนว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นอาจจะเป็นแรงจูงใจให้ทรัมป์หาทางสร้างสันติภาพทางการค้ากับจีน

    มุมมองเช่นนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้มากขึ้น หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้แถลงผ่านเว็บไซต์เมื่อวันศุกร์ว่า จีนและสหรัฐฯ จะหารือการค้าระดับรัฐมนตรีช่วยในกรุงปักกิ่งในวันที่ 7-8 มกราคมนี้

    หากการหารือในครั้งนี้สามารถสร้างความคืบหน้าได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย นักลงทุนก็คงสบายใจมากขึ้นและจะกลับไปโฟกัสต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว แต่หากไม่มีอะไรคืบหน้า เศรษฐกิจและตลาดหุ้นของทั้งสองประเทศและของโลกก็คงถดถอยต่อไป

    ขึ้นชื่อว่าสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าหรือสงครามอะไร มันไม่ใช่เรื่องดีทั้งนั้น และจะไม่มีใครชนะอย่างแท้จริง ทุกฝ่ายต้องพ่ายแพ้และสูญเสีย เตรียมตั้งตารอได้เลยว่าบริษัทข้ามชาติอื่น ๆ ก็จะส่งสัญญาณร้ายแบบแอปเปิลอย่างแน่นอน

    ..ดูราคาหุ้น COM7 ในบ้านเราปะไร แค่สองวันหลังจากที่แอปเปิลยกธงแดง รูดไปแล้วประมาณ 18%

    Source: ข่าวหุ้น

    เพิ่มเติม
    - What’s the Apple link in US’s trade war with China?
    https://www.livemint.com/Companies/...nF-8O9su3q3LYacuQHY7NC31uDYh-B3o0xo_IIY7YzcjU
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    A%2F%2Fwww.blognone.com%2Fsites%2Fdefault%2Ffiles%2Fexternals%2F0383d1108b05ac98d95d29ade1885ce7.jpg
    (Jan 8) 5 เทคนิครักษาความปลอดภัยของเงินในบัญชี เมื่ออยู่ในโลกออนไลน์ : บริการธนาคารออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนจำนวนมาก จากความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรม แต่บริการเหล่านี้ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น เช่น การรักษาความลับของรหัสผ่าน ความรับผิดชอบเช่นนี้เหมือนกับบริการออนไลน์ต่างๆ เช่น อีเมล, LINE, หรือเฟซบุ๊ก

    บริการกระเป๋าเงินออนไลน์อย่าง TrueMoney Wallet แม้จะเป็นบริการที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล แต่บางครั้งเราเองก็อาจจะเผลอละเลยความปลอดภัยทำให้ตัวเองมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 เทคนิคในการรักษาความปลอดภัยกัน

    1. รักษาข้อมูลส่วนตัว ถึงแม้ว่าเลขที่บัญชี, เลขบัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, วันเดือนปีเกิด จะเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เป็นสาธารณะจนเกินไป โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้าที่แหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะข้อมูลเหล่านี้ถึงแม้ว่าเบื้องต้นจะเอาไปใช้งานอะไรไม่ได้ แต่ก็เอาเป็นใช้เป็นองค์ประกอบ ในการโจรกรรมทางออนไลน์ได้

    2. รหัสผ่าน ยิ่งยากยิ่งดี
    สิ่งที่สำคัญที่สุดของรหัสผ่านคือต้องคาดเดาได้ยาก ไม่ใช้รหัสผ่านร่วมกัน เช่น เฟซบุ๊ก, อีเมล, LINE, และธนาคารออนไลน์ ล้วนควรใช้รหัสผ่านแยกกันทั้งหมด การตั้งรหัสผ่านไม่ควรใช้ข้อมูลที่หาได้ง่าย เช่น วันเดือนปีเกิด, ชื่อเล่น, หมายเลขโทรศัพท์, ให้ดีควรผสมระหว่างตัวเลขและตัวอักษร หากใส่สัญลักษณ์มาบ้างก็เพิ่มความยากขึ้นได้ หากเผลอใส่รหัสผ่านให้คนอื่นเห็นควรเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่เสมอ หรือหากไม่ได้ใส่รหัสผ่านบนโทรศัพท์โดยไม่ได้ระมัดระวังนักก็ควรพิจารณาเปลี่ยนรหัสเป็นระยะ

    3. ทำมือถือให้ปลอดภัยไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS ต่างก็มีความปลอดภัยในระดับที่ไว้วางใจได้ทั้งคู่ แต่สำคัญตรงที่ว่าผู้ใช้งานควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโดยตรงจาก Play Store หรือ App Store เท่านั้น ไม่ควรใช้แอปพลิเคชันเถื่อนหรือติดตั้งจากแหล่งอื่น นอกจากนี้ควรมีการตั้งรหัสผ่านมือถือทุกครั้ง (จะเป็นรหัส, สแกนนิ้วมือ, สแกนใบหน้าก็ได้เช่นกัน)

    4. ระวังเว็บไซต์ปลอม อีเมลปลอม บางครั้งเราอาจได้ข้อความหรืออีเมลปลอม ซึ่งถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาอาจดูน่าเชื่อถือ แต่ก็ใช่ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นของจริงเสมอไป ยกตัวอย่างเช่นอีเมลจากธนาคารที่มาจากผู้ส่งอื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (สังเกตที่ชื่อผู้ส่ง) โดยการปลอมแปลงหน้าตามาเหมือนกันเปี๊ยบ จากนั้นเมื่อเราเผลอคลิกไปก็จะมีหน้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกเอารหัสผ่าน

    5. อ่านทุกครั้งก่อนเลือกตอบตกลง หลายคนอาจเคยชินกับการติดตั้งโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ ที่มักจะต้องตอบ Yes, OK, Next อยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เผลอติดเป็นนิสัยและไม่ทันได้สังเกต สำหรับในสมาร์ทโฟนก็เช่นกันซึ่งบางครั้ง

    (แถม) วิธีปกป้องบัญชีธนาคารให้ปลอดภัย

    การเชื่อมบัญชีธนาคารเพื่อทำรายการหักหรือชำระเงินอัตโนมัติ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร โดยปกติแล้วแต่ละธนาคารก็จะมีมาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงความสะดวกแตกต่างกันออกไป (ลองนึกถึงการสแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้าในสมาร์ทโฟน แม้ว่าสองวิธีจะมีขั้นตอนแตกต่างกัน แต่ก็เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ยอมรับได้)

    แอป TrueMoney Wallet ก็เป็นเพียงแค่ "หน้ากาก" หรือทางผ่าน ไปยังระบบความปลอดภัยของแต่ละธนาคารเอง ถ้าหากคุณต้องการตั้งค่าเพื่อหักบัญชีอัตโนมัติกับบริการอื่น เช่น การหักจ่ายค่าบริการอัตโนมัติ ต่างก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ไม่ต่างกัน เพียงแต่ความสะดวกในการยืนยันแต่ละธนาคารแตกต่างกันไป และทุกวิธีก็ถือว่าได้มาตรฐาน

    และหากดูจากขั้นตอนต่าง ๆ ของธนาคารทุกแห่ง จะเห็นได้ว่าการเชื่อมเข้ากับบัญชีต่างก็ได้มาตรฐานความปลอดภัยแทบทั้งสิ้น และเงินจะไม่มีทางหายไปจากบัญชีเราอย่างแน่นอน ตราบที่เรายังใส่ใจและเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวเป็นความลับ (เช่น รหัสบัตร ATM) รวมถึงตรวจสอบแอปพลิเคชันก่อนยืนยัน เมื่อมีการแจ้งเตือนหรือร้องขอสิทธิ์เพิ่มเติม

    ตัวอย่างการเชื่อมบัญชีแต่ละธนาคาร
    1. ไทยพาณิชย์ (SCB)

    วิธีการเชื่อมบัญชีไทยพาณิชย์ เพื่อความสะดวกในการเติมบัญชีทรูมันนี่ จำเป็นต้องใช้ เลขบัตร ATM, รหัสบัตร ATM, เลขบัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด จากนั้นระบบจะส่ง OTP ไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่ได้ทำการลงทะเบียนกับธนาคารเอาไว้

    2. ธนาคารกรุงไทย (KTB)

    สำหรับธนาคารกรุงไทย สามารถเลือกวิธีการเชื่อมบัญชีได้ถึงสองแบบด้วยกัน โดยแบบแรกจะเป็นวิธีเหมือนกับธนาคารไทยพาณิชย์ และอีกแบบหนึ่งก็จะเป็นการเชื่อมผ่านธุรกรรมออนไลน์ (Krungthai NEXT) โดยจำเป็นต้องใช้ทั้ง User + Password, วันเดือนปีเกิด, เลขบัตรประชาชน จากนั้นก็จะได้รับ OTP ไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่ได้ทำการลงทะเบียนกับธนาคารเอาไว้

    3. ธนาคารกสิกร (K-Bank)

    วิธีการของธนาคารกสิกรจะแตกต่างออกไปสักเล็กน้อย ตรงที่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันของธนาคารเองด้วย โดยข้อมูลที่จำเป็นต้องกรอกคือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้บริการ K Plus, เลขบัตรประชาชน, อีเมล, หมายเลขบัญชีธนาคาร ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ OTP แต่จะเป็นการกด "ยืนยัน" ผ่านทางแอปพลิเคชันธนาคารแทน ซึ่งวิธีนี้ก็มีความปลอดภัยไม่แตกต่างกัน

    4. ธนาคารกรุงเทพ (BBL)

    ในส่วนของธนาคารกรุงเทพ ก็จะมีวิธีที่ไม่แตกต่างกันมาก โดยจำเป็นต้องใช้ เลขบัตร ATM, รหัสบัตร ATM, เลขบัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์มือถือ หลงจากนั้นก็จะมีให้กด "ยอมรับ" และใส่หมายเลข OTP จากระบบ

    5. ธนาคารกรุงศรี (BAY)

    สุดท้ายวิธีการของธนาคารกรุงศรี จะไม่สามารถทำผ่านแอปพลิเคชันหรือบนมือถือได้ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องนำบัตร ATM ไปที่ตู้แล้วยืนยันด้วยตัวเอง (ต้องมีรหัสด้วยเช่นกัน) จากนั้นจึงทำตามรายการขั้นตอนข้างบน แล้วเลือกบัญชีที่ต้องการจะผูก รวมถึงระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่เป็นบัญชี TrueMoney Wallet ที่ต้องการ

    Source: Blognone.com
    https://www.blognone.com/node/107428
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ages%2F2019%2F01%2F09%2Fus%2Fpolitics%2F09dc-trumplive-new%2F09dc-trumplive-new-facebookJumbo-v3.jpg
    (Jan 9) ทรัมป์'ยืนกรานสภาคองเกรส ต้องอนุมัติงบสร้างกำแพง: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าสถานการณ์ที่พรมแดนทางใต้ของสหรัฐที่ติดกับเม็กซิโกอยู่ในขั้น "เลวร้าย" และสภาคองเกรสต้องอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงเพื่อหยุดยั้ง "วิกฤติด้านมนุษยธรรมและความมั่นคง"

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ว่าสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของสหรัฐถ่ายทอดสดการแถลงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว เมื่อคืนวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตามธรรมเนียมปฏิบัติถือเป็นสถานที่สำหรับผู้นำสหรัฐในการประกาศ "ภาวะวิกฤติ" หรือ "สถานการณ์ฉุกเฉิน" ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยทรัมป์ใช้เวลาประมาณ 10 นาที มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ "วิกฤติด้านมนุษยธรรม" ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจและจิตวิญญาณ" ของชาวอเมริกันในทุกภาคส่วน พร้อมทั้งยืนยันว่าสหรัฐไม่สามารถรองรับผู้อพยพผิดกฎหมายได้อีก

    แม้ทรัมป์ไม่ได้ประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉิน" ตามความคาดหมายของหลายฝ่าย ที่จะช่วยให้ทำเนียบขาวเดินหน้าโครงการก่อสร้าง "เครื่องกั้นพรมแดน" ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอการพิจารณาและอนุมัติจากสภาคองเกรสอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า "เหตุผลเดียว" ที่ส่งผลให้รัฐบาลกลางต้องเผชิญกับภาวะชัตดาวน์ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ปีที่แล้ว คือการที่พรรคเดโมแครตยังคง "ไม่สนับสนุน" งบประมาณสำหรับการเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นคงตามแนวพรมแดนทางใต้ที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามพรมแดน การค้ามนุษย์ และการค้ายาเสพติดที่ทรัมป์อ้างว่าเป็นธุรกิจมืดที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนสูงถึงปีละ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 16 ล้านล้านบาท )

    ทั้งนี้ ทรัมป์ยืนกรานความต้องการของตัวเอง ในการให้สภาคองเกรสอนุมัติงบประมาณ 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 182,400 ล้านบาท ) เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการก่อสร้าง "กำแพงที่ทำจากเหล็ก" โดยปัจจุบันเครื่องกั้นพรมแดนตามแนวชายแดนทางใต้ของสหรัฐส่วนใหญ่ "เป็นรั้วเหล็ก" และยืนยันว่าเขาพร้อมทีมงานจะหารือกับแกนนำของพรรคเดโมแครตอีกครั้ง เพื่อยุติการชัตดาวน์ซึ่งกำลังล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม ยาวนานที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของประเทศ รองจากการชัตดาวน์ 21 วัน ระหว่างปี 2535 ถึง 2536 ในสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน

    ต่อมาแกนนำของพรรคเดโมแครตคือนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายชัค ชูเมอร์ แกนนำเสียงข้างน้อยของพรรคเดโมแครต เรียกร้องทำเนียบขาวยุติการใช้ชาวอเมริกัน "เป็นตัวประกัน" เพื่อความต้องการของตัวเองฝ่ายเดียว ขณะที่คำแถลงของทรัมป์ยิ่งเป็นการสร้างความแตกแยกและเพิ่มความหวั่นวิตกให้แก่ประชาชน ก่อนทิ้งท้ายว่าพรรคเดโมแครตยินดีหารือกับรัฐบาลทรัมป์ปีกครั้ง แต่สิ่งที่เป็น "สัญลักษณ์" ของสหรัฐ ควรเป็นอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ไม่ใช่ "กำแพงเหล็ก".

    Source: เดลินิวส์ออนไลน์

    - Trump Appeals for Wall, Citing Misleading Statistics of Crisis and Crime Along Border
    https://www.nytimes.com/2019/01/08/...FwoiMexGwJkvTyKi9otQBSP-_C719WsTuaY5tYS5OZTZk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    .com%2C2019%3Anewsml_LYNXNPEF070H7%3A12019-01-08T100347Z_1_LYNXNPEF070H7_RTROPTP_3_ECB-REFI-POLL.jpg
    (Jan 9) การสำรวจ BIS พบว่า ธนาคารกลางส่วนใหญ่ไม่มีแผนการจะออก central bank-backed digital currencies : ผลการสำรวจ A Global Forum for Central Banks ของ Bank for International Settlements (BIS) รายงานว่าธนาคารกลางส่วนใหญ่ไม่มีแผนจะออก central bank-backed digital currencies (CBDC) ของตนเอง โดยเหล่าธนาคารกลางต่างให้ความเห็นว่า CBDC เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับธนาคารกลาง แต่ยังไม่เห็นถึงจุดที่ผลประโยชน์จาก CBDC จะมีน้ำหนักเหนือกว่าต้นทุนของการดำเนินการดังกล่าวในปัจจุบัน

    ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างธนาคารกลางจำนวน 63 แห่ง ซึ่งคิดเป็นตัวแทนของธนาคารกลางจากประเทศต่างๆ ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกันกว่าร้อยละ 90 ของเศรษฐกิจโลก และคิดเป็นตัวแทนของประเทศต่างๆ ที่มีสัดส่วนประชากรรวมกันกว่าร้อยละ 80 ของประชากรโลก ระบุว่า การศึกษาหรือการดำเนินการเกี่ยวกับ CBDC ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นเพียงลักษณะของ “conceptual” และมีธนาคารกลางเพียง 5 แห่ง ที่รายงานว่าแผนงานเกี่ยวกับ CBDC กำลังก้าวหน้าไปสู่ขั้นตอนของ “e-money pilot projects”

    ผลสำรวจของธนาคารกลางร้อยละ 85 ระบุว่า ยังไม่มีแผนจะออก digital currency ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยมีเพียงหนึ่งแห่งเท่านั้นที่มีแนวโน้มจะออก digital currency ในระยะอีก 6 ปีข้างหน้า โดยผลสำรวจรายงานว่า มีเพียงร้อยละ 25 ของกลุ่มตัวอย่างเท่านั้น ที่ระบุว่า ตนเองมีความสามารถเพียงพอที่จะออก digital currency ของตนเอง ขณะที่กว่าร้อยละ 35 ไม่มีความสามารถเพียงพอ และ ร้อยละ 40 ยังคงไม่แน่ใจในความสามารถของตน

    ด้านความคืบหน้าในปัจจุบัน ธนาคารกลางสวีเดนได้เริ่มต้นกระบวนการสำหรับโครงการ “e-Krona” ตั้งแต่ปี 2017 และปริมาณการใช้เงินสดในประทศสวีเดนได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางสวีเดนมองว่าการใช้เงินสดเป็นสิ่งที่สิ้นเปลือง ด้านธนาคารกลางอุรุกวัยรายงานว่า ขั้นตอน pilot program สำหรับ digital currency ของตนได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อปี 2018 ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่นกำลังร่วมกันทำงานใน “project Stella”

    Source: BOTSS

    - BIS Says Central Banks in No Rush to Issue E-Money
    https://money.usnews.com/investing/...N4svlZ19dulcNwhELSEcnyGmd-LzgKDNfCTJB2oP-wLws
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    ces%2Fimg%2Feditorial%2F2019%2F01%2F08%2F105665569-1546952249809gettyimages-1079341574.1910x1000.jpg
    (Jan 9) สหรัฐเรียกร้องให้รัฐบาลตุรกีระงับการตั้งเป้าโจมตีกลุ่มนักรบชาวเคิร์ด: สำนักพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า ประธานาธิบดีเรเจพ ทายยิพ แอร์โดอาน (Recep Tayyip Erdogan) ของประเทศตุรกี ปฏิเสธที่จะพบกับนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (U.S. National Security Advisor) ที่ต้องการหารือและเรียกร้องให้รัฐบาลตุรกีระงับการตั้งเป้าโจมตีกลุ่มนักรบชาวเคิร์ด ภายหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถอนกำลังทหารออกจากประเทศซีเรีย

    นาย Bolton ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนประเทศตุรกี ได้เข้าพบกับรองรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของตุรกี รวมถึงนาย Ibrahim Kalin, โฆษกของนาย Erdogan ซึ่งได้มอบหลักฐานให้แก่นาย Bolton ที่แสดงถึงภัยคุกคามจากกลุ่มนักรบชาวเคิร์ด

    ขณะเดียวกัน นาย Erdogan ซึ่งอยู่ที่รัฐสภา ได้กล่าวว่า ข้อตกลงกับประธานาธิบดี Trump เรื่องการส่งกองกำลังทหารเข้าไปยังซีเรียแทนที่สหรัฐฯ ยังคงเป็นไปตามข้อตกลง อย่างไรก็ดี กองทหารของตุรกีจะยังคงตรึงกำลังอยู่ที่ชายแดนติดกับทางเหนือของซีเรียและพร้อมที่จะโจมตีสั่งสอนกลุ่มนักรบชาวเคิร์ด

    นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเสริมว่านาย Bolton ได้ทำสิ่งผิดพลาดอย่างมหันต์ โดยที่เจ้าหน้าที่ในหลายระดับของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ ทั้งนี้ นาย Bolton ได้กล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ถอนกองกำลังทหารออกจากประเทศซีเรีย หากรัฐบาลตุรกีมิให้คำมั่นสัญญาเรื่องการหยุดโจมตีกลุ่มชาวเคิร์ด

    Source: BOTSS

    - Turkey’s Erdogan shuts down White House’s Bolton on Syria, says he made a ‘serious mistake’:
    https://www.cnbc.com/2019/01/08/tur...8KUkSzejmlujoNAxfu2ooSfg5y0q6YdrCsd6-1CYTi-v8
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    &url=https%3A%2F%2Fassets.bwbx.io%2Fimages%2Fusers%2FiqjWHBFdfxIU%2FiWSqiZoiPAr0%2Fv1%2F1200x800.jpg
    (Jan 9) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 256.10 จุดรับความหวังเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน,หุ้นเทคโนฯ-อุตสาหกรรมดีดแรง: ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีความคืบหน้าด้วยดี ซึ่งสัญญาณบวกดังกล่าวได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นเฟซบุ๊กที่พุ่งขึ้นกว่า 3% หลังจากเจพีมอร์แกนจัดอันดับให้หุ้นเฟซบุ๊กเป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าลงทุนในปี 2562

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,787.45 จุด พุ่งขึ้น 256.10 จุด หรือ +1.09% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,897.00 จุด เพิ่มขึ้น 73.53 จุด หรือ +1.08% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,574.41 จุด เพิ่มขึ้น 24.72 จุด หรือ +0.97%

    ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งสัญญาณคืบหน้า โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปเป็นอย่างดี ขณะที่นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะแก้ไขความขัดแย้งทุกอย่าง

    นายสตีเวน วินเบิร์ก เจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานสหรัฐ ได้ยืนยันกับสื่อมวลชนว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กรุงปักกิ่งจะยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ จากเดิมที่มีกำหนดเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่า การเจรจาของทั้งฝ่ายดำเนินไปด้วยดี

    คำยืนยันของนายวินเบิร์กมีขึ้นหลังจากสื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานข่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ จากเดิมที่มีกำหนดเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่า ทั้งสองฝ่ายสามารถลดช่องว่างบางส่วนของความคิดเห็นที่แตกต่างกัน โดยการเจรจามีความคืบหน้าจากการที่จีนเห็นพ้องที่จะเพิ่มการซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐ

    หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อประเด็นการค้าระหว่างประเทศนั้น ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้น 3M เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 0.8% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 1.41%

    หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนจัดอันดับให้หุ้นเฟซบุ๊กเป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าลงทุนในปี 2562 ขณะที่หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 1.9% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 0.6% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 0.8%

    รายงานระบุว่า การที่หุ้นอเมซอนดอทคอมปิดตลาดพุ่งขึ้น 1.6% เมื่อคืนนี้ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของอเมซอนทะยานขึ้นแตะระดับ 8.10 แสนล้านดอลลาร์ และยังคงรั้งตำแหน่งบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด

    หุ้นยูเนียน แปซิฟิก ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างถนนรายใหญ่สุดของสหรัฐ ทะยานขึ้น 8.7% หลังจากบริษัทประกาศแต่งตั้งนายจิม เวนา ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ

    หุ้นเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นเจ้าของห้างเซียร์ส และเคมาร์ท ปิดตลาดทะยานขึ้น 27% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เซียร์ส โฮลดิ้งส์ อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ทางการเงิน ด้วยการยอมรับแผนเสนอซื้อกิจการมูลค่า 4.4 พันล้านดอลลาร์ จากนายเอ็ดดี้ แลมเพิร์ท ซึ่งเป็นประธานบริษัท ในความพยายามที่จะกอบกู้สถานะทางการเงินของบริษัท

    หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ร่วงลง 7.3% หลังจากเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของ P&G

    ทางการสหรัฐได้เลื่อนการเปิดเผยข้อมูลหลายรายการในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผลกระทบของภาวะชัตดาวน์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค.

    นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ ซึ่งล่วงเข้าสู่วันที่ 18 โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมแถลงต่อชาวอเมริกันทั่วประเทศในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและสภาคองเกรสในกรณีการสร้างกำแพงกั้นชายแดนทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการอนุมัติงบประมาณสำหรับหน่วยงานรัฐบาล จนทำให้หน่วยงานหลายแห่งต้องปิดการดำเนินงาน

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช

    เพิ่มเติม
    - Trump Wants Trade Deal With China to Boost Stock Market, Sources Say : https://www.bloomberg.com/news/arti...sHGu1Wd2cXVP0SwgDuuXOGUhRgt8JfjBB69TXzO6jg8wc

    - จนท.สหรัฐยืนยันเจรจาการค้าจีน-สหรัฐขยายเวลาต่อถึงวันนี้ แย้มการเจรจาดำเนินไปด้วยดี : https://www.ryt9.com/s/iq29/2937957

    - จับตาทรัมป์เตรียมออกทีวีแจงชาวอเมริกันกรณีสร้างกำแพงกั้นเม็กซิโกในช่วงเช้านี้ตามเวลาไทย: https://www.ryt9.com/s/iq37/2937958
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    s%2Fcnbc.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2014%2F06%2F06%2F101738070-AP041117130363.1910x1000.jpg
    (Jan 8) ห้างเซียร์สล้มละลาย ปิดฉากหลังมีอายุยาวนาน 126 ปี เหตุพ่ายธุรกิจออนไลน์: แหล่งข่าวระบุว่า บริษัทเซียร์ส โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นเจ้าของห้างเซียร์ส และเคมาร์ท ได้ปฏิเสธข้อเสนอของนายเอ็ดดี้ แลมเพิร์ท ซึ่งเป็นประธานบริษัท ในความพยายามที่จะกอบกู้สถานะทางการเงินของบริษัท

    ก่อนหน้านี้ เซียร์สได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอการพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลายในวันที่ 15 ต.ค.ปีที่แล้ว

    ข่าวการล้มละลายของเซียร์สมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้ประกาศปิดสาขาจำนวนหลายร้อยแห่งในสหรัฐ หลังประสบปัญหายอดขายดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง

    มีการคาดการณ์กันว่า เซียร์สจะแถลงอย่างเป็นทางการในวันนี้ เกี่ยวกับการล้มละลาย และแผนการขายทอดกิจการ พร้อมกับการชำระบัญชีเพื่อนำเงินมาชำระหนี้บริษัท

    ทั้งนี้ นายแลมเพิร์ทเสนอเงิน 4.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการเซียร์สให้รอดพ้นจากการล้มละลาย ผ่านทางกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ESL Investments ของเขา

    อย่างไรก็ดี คณะกรรมการที่ปรึกษาของเซียร์สมีมติปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดยมองว่ายังคงไม่เพียงพอที่จะกอบกู้กิจการบริษัท โดยเฉพาะการจ่ายค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายที่เซียร์สยังคงติดค้างต่อบรรดาซัพพลายเออร์

    การล้มละลายของเซียร์สมีขึ้น หลังจากบริษัทได้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกมานานถึง 126 ปี โดยขณะนี้มีพนักงานมากกว่า 5 หมื่นคน
    ทั้งนี้ บริษัทเซียร์ส โรบัค แอนด์ โค มีการก่อตั้งขึ้นในปี 1893 และครั้งหนึ่งเคยเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ แต่บริษัทก็ต้องพ่ายแพ้ต่อธุรกิจออนไลน์ หลังเผชิญคู่แข่งสำคัญคือบริษัทอเมซอน

    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

    - Sears plans to shutter after 126 years in business as Chairman Eddie Lampert’s bid fails:
    https://www.cnbc.com/2019/01/06/sea...1x3FiXga2bURkOYJM_LG1WfwXfs_FKpC3H28gBJI-Pezk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    40&h=282&url=http%3A%2F%2Fwww.xinhuanet.com%2Fenglish%2F2019-01%2F07%2F137726795_15468765665931n.jpg
    (Jan 8) 'อีลอน มัสก์' เปิดโรงงานเซี่ยงไฮ้ - นายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัทเทสลา เป็นประธานในพิธีเปิด กิกะแฟคตอรีในนครเซี่ยงไฮ้ของจีน วานนี้ (7 ม.ค.) เป็นโรงงานในต่งแดนใหญ่สุด ของบริษัท มีศักยภาพการผลิตรถยนต์ถึงปีละ 5 แสนคัน

    แถลงการณ์จากนายมัสก์ระบุว่า จีนกำลังกลายเป็นผู้นำโลกในการใช้ยานยนต์ พลังงานไฟฟ้า และเป็นตลาดสำคัญสำหรับภารกิจของเทสลา ในการเร่งเปลี่ยนแปลงโลก ให้หันไปใช้พลังงานยั่งยืน

    เมื่อเร็วๆ นี้นายมัสก์เคยพูดเป็นนัยว่าจะเดินทางไปยังเซี่ยงไฮ้เพื่อเปิดโรงงาน แต่งานเมื่อวานถูกปิดเงียบ จนกระทั่งซีอีโอเทสลาค่อยๆ เผยข่าวผ่านทวิตเตอร์ หลายระลอกเมื่อวันอาทิตย์ (6 ม.ค.)

    เทสลาไม่ได้เผยตัวเลขโครงการ แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่าสูงถึง 5 พันล้าน ดอลลาร์ โรงงานใหม่สร้างขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กดดันให้บริษัท สหรัฐจ้างงานในประเทศตนเอง

    คอลัมน์ กรุงเทพมอนิเตอร์คอลัมน์

    Source: กรุงเทพธุรกิจ

    - Xinhua Headlines: Tesla breaks ground on gigafactory in Shanghai
    http://www.xinhuanet.com/english/2019-01/07/c_137726795.htm
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    safe_image.php?d=AQBZw-JgQrma58ER&w=540&h=282&url=https%3A%2F%2Fs2.reutersmedia.jpg
    (Jan 8) ตลาดเกิดใหม่จะฟื้นตัวมากสุดในปีนี้ กองทุนสหรัฐคาดหุ้นไทย อินเดีย เปรู และบราซิล เด่นสุด – ผู้จัดการกองทุนสหรัฐ คาด สินทรัพย์ตลาดเกิดใหม่อาจจะฟื้นตัวมากที่สุดในปีนี้ หลังจากที่หุ้นในตลาดเกิดใหม่นำตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างรุนแรงในปี 2561 ชี้การประเมินมูลค่าน่าสนใจ มูลค่าเงินดอลลาร์น่าจะลดลง ซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจเกิดใหม่ คาดหุ้นไทย อินเดีย เปรู และบราซิล จะโดดเด่นกว่าดัชนีมาตรฐานตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีหุ้นจีนครอบงำอยู่

    แม้ว่าการฟื้นตัวในตลาดเกิดใหม่อาจยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในขณะนี้ เมื่อคำนึงถึงว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ทำให้แอปเปิล อิงก์ ลดประมาณการรายได้ไตรมาสสี่เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษในวันพุธที่ผ่านมา แต่ผู้จัดการกองทุนหลายแห่ง ตั้งแต่เวสต์วูด โฮลดิ้งส์ กรุ๊ป, จีเอ็มโอ, ที.โรเว ไพรซ์ และคอสเวย์ แคปิตอล แมเนจเมนต์ เป็นผู้จัดการกองทุนที่กำลังคาดการณ์ว่า หุ้นในตลาดเกิดใหม่จะดีดตัวมากในปี 2562 เนื่องจากการประเมินมูลค่าน่าสนใจ มูลค่าเงินดอลลาร์น่าจะลดลงซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ

    ในขณะที่จีนต้องรับผลกระทบจากการเก็บภาษีการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้จัดการกองทุนหลายแห่งกำลังคาดการณ์ว่าหุ้นในประเทศไทย อินเดีย เปรู และบราซิล จะมีผลงานดีกว่าดัชนีมาตรฐานของตลาดเกิดใหม่ ซึ่งครอบงำโดยหุ้นจีนอยู่

    เซบาสเตียน เพจ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรสินทรัพย์ของ ที.โรวี ไพรซ์ คาดว่า ตลาดเกิดใหม่จะโดดเด่นในปีหน้า เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยและหยุดหนุนดอลลาร์ และเมื่อสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัว สินทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำกว่าจริงสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วที่สุด

    ตลาดเกิดใหม่ได้อยู่ในแดนตลาดภาวะหมีมาตั้งแต่เดือนกันยายน โดยได้ปรับตัวลงนาน 4 เดือนจนส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐในเดือนธันวาคม จากข้อมูลของเน็ด เดวิส รีเสิร์ช ตลาดภาวะหมีในตลาดเกิดใหม่เฉลี่ยแล้วกินเวลานาน 220 วัน และปรับตัวลง 32.4% หรือมากกว่าประมาณ 7% เมื่อเทียบกับการปรับตัวลง 25% ของดัชนีตลาดเกิดใหม่เอ็มเอสซีไอนับตั้งแต่ดัชนีใกล้ทำสถิติสูงสุดในเดือนมกราคมที่แล้ว

    ในขณะที่ตลาดเกิดใหม่เริ่มต้นปีนี้ด้วยการปรับตัวลงอีกประมาณ 1.7% ในช่วงสองวันแรกของการซื้อขายในปีนี้ ผู้จัดการกองทุนกำลังคาดการณ์มากขึ้นว่าหุ้นในประเทศที่ถูกทุบหนักสุดจะฟื้นตัวมากที่สุดและเมื่อตลาดหุ้นเริ่มเข้าสู่ภาวะกระทิงทั่วโลกอีกครั้ง

    แพทริเซีย เปเรซ-คุตส์ ผู้จัดการพอร์ตลงทุนของกองทุน เวสต์วูด อีเมิร์จจิ้ง มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า มีมุมมองในด้านบวกในช่วงนี้ของปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว เพราะมีโอกาสมากที่จะเพิ่มการลงทุนในบริษัทประกันและธนาคารที่มีคุณภาพสูง โดยเธอได้ลงทุนเพิ่มในแอฟริกาใต้ ไทย และเปรู

    ในทางกลับกัน เปเรซ-คุตส์ได้ลดน้ำหนักการลงทุนในจีนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเริ่มกลับไปช้อนซื้อหุ้นบริษัทอี-คอมเมิร์ซ และเกมที่ได้ปรับตัวลงไปมากอีกครั้ง โดยกล่าวว่า แม้ว่าเศรษฐกิจจีนโดยรวมไม่แข็งแกร่งเหมือนปีที่ผ่านมาแต่ยังมีภาคที่โตอย่างแข็งแกร่ง

    โจ กุบเลอร์ ผู้จัดการพอร์ตเชิงปริมาณของคอสเวย์ แคปิตอล แมเนจเมนต์ กล่าวว่า ตลาดเกิดใหม่ยังมีโอกาสที่น่าสนใจ อัตราส่วนราคาต่อกำไร (พีอี) ล่วงหน้าอยู่ที่ประมาณ 10 เท่า แม้ว่าหลังจากที่การปรับตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ทำให้ค่าพีอีของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ต่ำกว่า 15 เท่าเล็กน้อยเป็นครั้งแรกในรอบประมาณ 5 ปี ผลที่ตามมาคือเขาได้เพิ่มการลงทุนในบริษัทสมอลแคปในอินเดียและบริษัทพลังงานที่ได้เจอแรงเทขายมากเมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลง นอกจากนี้ยังได้เพิ่มน้ำหนักลงทุนในบริษัทที่อาจได้ประโยชน์ หากการเจรจาการค้าทั่วโลกประสบความสำเร็จ

    Source: ข่าวหุ้น

    - Fund managers hoping for stock rally look to emerging markets :
    https://www.reuters.com/article/us-...5bCC7qOmy9HYD2AEEeWdtZ9MKn5yF1IeV6YRCZU-hQOu4
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    2F%2Fbrandinside.asia%2Fwp-content%2Fuploads%2F2019%2F01%2Fshutterstock_387070813-e1546884823255.jpg
    (Jan 8) เปิด 10 ทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการมากที่สุด โดยข้อมูลจาก LinkedIn : เมื่อตลาดแรงงานมีการเปลี่ยนแปลง แล้วทักษะแบบไหนที่องค์กรต้องการ โดยข้อมูลจาก LinkedIn ได้เปิดเผนถึง 10 ทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการมากที่สุด แบ่งเป็นทักษะทั่วไป และทักษะเฉพาะทาง

    ปัจจุบันสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับปัญหาด้านตลาดแรงงานที่ขึ้นชื่อว่าเกิดช่องว่างทางด้านทักษะแรงงาน มีข้อมูลเปิดเผยว่ามีงานมากกว่า 7 ล้านตำแหน่งที่ไม่สามารถหาแรงงานได้ตรงตามต้องการได้

    เมื่อตลาดแรงงานมีความแคบ หลายบริษัทก็เริ่มเปิดกว้างในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Google, Apple, IBM และ Bank of America เปิดรับผู้สมัครที่ไม่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยก็ยังมี

    โดยที่ทาง Facebook ได้บอกเลยว่าทักษะของผู้สมัครเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สำคัญมากกว่าประสบการณ์ หลายองค์กรเริ่มเน้นไปที่ทักษะที่พนักงานจะนำมาใช้ในการทำงานมากกว่าปัจจัยอื่นๆ

    มีข้อมูลจาก LinkedIn โซเชียลในวงการสมัครงานได้วิเคราะห์จากข้อมูลการโพสต์งานกว่าแสนครั้งเพื่อดูว่าทักษะใดที่องค์กรต้องการมากที่สุดในปี 2019 พบว่านายจ้างต้องการทักษะทั่วไป และทักษะเฉพาะตัวควบคู่กัน

    5 ทักษะทั่วไปที่ต้องการมากที่สุด
    Creativity
    ความคิดสร้างสรรค์ที่นำมาปรับใช้ในการทำงาน จะช่วยทำให้งานมีคุณภาพ และสร้างความแปลกใหม่ได้

    Persuasion
    การโน้มน้าวผู้อื่นได้ เป็นทักษะในการพูดคุย การสร้างสัมพันธ์ในการทำงาน สามารถจูงใจคนได้

    Collaboration
    การทำงานเป็นทีม มีกระบวนการทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นอีกทักษะที่หลายองค์กรต้องการอย่างสูง

    Adaptability
    การปรับตัว การพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ มีความความคล่องตัวในการทำงาน ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์

    Time Management
    สามารถบริหารเวลาในการทำงานได้ จัดการชีวิตตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    5 ทักษะเฉพาะทางที่ต้องการมากที่สุด
    Cloud Computing
    เป็นทักษะสำหรับนักพัฒนา เรื่องเครือข่ายต่างๆ และความปลอดภัย

    Artificial Intelligence
    ปัญญาประดิษฐ์ตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงการเรียนรู้ต่างๆ

    Analytical Reasoning
    เรื่องการวิเคราะห์เชิงเหตุผล อาจจะรวมไปถึงการตัดสินใจด้านกลยุทธ์ และการตัดสินใจของผู้บริหารด้วย

    People Management
    การจัดการคน การสร้างแรงจูงใจและการมีส่วนร่วมของพนักงาน รวมถึงการจัดการความขัดแย้งของทีม

    5. UX Design

    การออกแบบ UX หรือ User Experience ให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค

    By Ratirita

    Source: Brandinside.asia
    https://brandinside.asia/the-10-in-...cBWClGp2TAV0gNqW3oOJs4AeIGx9O_u8nucQt9zlUoxxs
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    c.com%2Fresources%2Fimg%2Feditorial%2F2018%2F12%2F20%2F105639967-1545324405140rtx6j8ra.1910x1000.jpg
    (Jan 8) รายงาน: ตลาดหุ้น 'ดีสุด' - 'แย่สุด' ปี 61 : ในปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นใหญ่ ๆ ทั่วโลกบอบช้ำมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินในปี 2551 ความตึงเครียดทางการค้าที่กำลังคุกรุ่นระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก ความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และปัญหาภูมิศาสตร์การเมือง เช่น ปัญหา Brexit ได้ทุบตลาดการเงินอย่างหนักในปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากปัญหาเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขในช่วงต้นปี นักลงทุนจึงกังวลว่าตลาดหุ้นอาจจะปรับตัวลงอีกในเดือนที่จะมาถึง

    ซีเอ็นบีซีได้รวบรวมข้อมูลจากตลาดหุ้นทั่วโลกและได้จัดอันดับ “ตลาดหุ้นดีสุด” และ “ตลาดหุ้นแย่สุด” ดังต่อไปนี้

    “ตลาดหุ้นดีสุด” ปี 2561
    1. ยูเครน +80.39%
    ตลาดหุ้นยูเครนสามารถปรับตัวขึ้นได้ 80.39% แม้ว่ายูเครนต้องขอความช่วยเหลือจากอียูและนาโต้หลังจากที่รัสเซียยึดเรือของกองทัพเรือ 3 ลำ และลูกเรือ 23 คนเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่องแคบเคิร์ช ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของยูเครนและรัสเซีย ซึ่งเป็นช่องแคบที่แยกทะเลอาซอฟกับทะเลดำ

    2. มาซิโดเนีย +30.41%
    ดัชนีหุ้นบลูชิพ MBI 10 ของตลาดมาซิโดเนีย (เอ็มเอสอี) ปรับตัวขึ้นเกือบหนึ่งในสามในปี 2561 หลังจากที่รัฐบาลมาซิโดเนียบรรลุข้อตกลงกับกรีซ เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเรื่องชื่อประเทศที่ขัดแย้งมายาวนาน ผู้นำมาซิโดเนียยอมเปลี่ยนชื่อเป็น “สาธารณรัฐมาซิโดเนียเหนือ” ในเดือนมิถุนายน ซึ่งช่วยยุติความสับสนกับแคว้นมาซิโดเนียของกรีซได้ อย่างไรก็ดี รัฐสภากรีซและรัฐสภามาซิโดเนียจะต้องรับรองข้อตกลงนี้ด้วย

    3. กาตาร์ +20.87%
    ตลาดหุ้นกาตาร์ปรับตัวขึ้นมากกว่า 20% เมื่อคิดเป็นเงินดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา แม้ว่าซาอุดีอาระเบียและชาติอาหรับอื่น ๆ ได้ตัดความสัมพันธ์ทางการค้าและการขนส่งกับกาตาร์มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2561 โดยกล่าวหาว่ากาตาร์สนับสนุนการก่อการร้ายและอิหร่าน ขณะเดียวกัน กาตาร์ได้ตัดสินใจถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากที่เป็นสมาชิกมานานกว่าครึ่งศตวรรษ การประกาศถอนตัวของกาตาร์มีขึ้นก่อนที่โอเปกจะประชุมเพื่อลดกำลังการผลิตกับพันธมิตรนอกกลุ่มในเดือนธันวาคม

    4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ +11.75%
    ADX General Index ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ปรับตัวขึ้นเกือบ 12% ในปีที่ผ่านมา โดยเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมารัฐมนตรีเศรษฐกิจของยูเออี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาหรับจะโตระหว่าง 2.5-3% ในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)

    5. ซาอุดีอาระเบีย +8.77%
    ตลาดหุ้นซาอุดีอาระเบียปรับตัวลงเมื่อนักลงทุนทั่วโลกวิตกว่าความสัมพันธ์ของซาอุดีอาระเบียกับประชาคมโลกจะถดถอยลง หลังจากที่สายลับซาอุดีอาระเบียสังหารและแยกชิ้นส่วน “จามาล คาช็อกกี” คอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ในกรุงอิสตันบูลของตุรกีในเดือนตุลาคม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นานาประเทศประณามซาอุดีอาระเบียและมีการตรวจสอบราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียอย่างเข้มข้นตั้งแต่นั้นมา จนทำให้เกิดความสงสัยว่ามกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียจะสามารถปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคมได้สำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นซาอุดีอาระเบียยังสามารถปรับตัวขึ้นได้กว่า 8%

    “ตลาดหุ้นแย่สุด” ปี 2561
    1. เวเนซุเอลา -94.89%
    ตลาดหุ้นเวเนซุเอลาเป็นตลาดที่แย่ที่สุดเมื่อเทียบเป็นเงินดอลลาร์ ดัชนี IBVC ล่มสลายมากกว่า 94% เมื่อประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร พยายามยุติความวุ่นวายทางเศรษฐกิจที่เรื้อรังมายาวนาน เช่นเริ่มใช้ธนบัตรสกุลโบลิวาร์แบบใหม่ ที่ตัดจำนวนเลขศูนย์ลง 5 หลักเพื่อบรรเทาภาวะเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะพุ่งแตะ 1,000,000% แม้เวเนซุเอลาเป็นประเทศที่มีน้ำมันแต่รัฐบาลกลับถังแตก

    2.อาร์เจนตินา -50.2%
    อาร์เจนตินาต้องพยายามจัดการกับวิกฤติการเงินอีกครั้งในปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นอาร์เจนตินาปรับตัวลงมากกว่า 50% หลังจากที่รัฐบาลบัวโนสไอเรสพบว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของวิกฤติการเงินในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดทำให้ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ซึ่งทำให้หนี้ที่อยู่ในรูปเงินดอลลาร์มีราคาแพงมากขึ้น สงครามการค้าก็เป็นปัจจัยหนึ่งเนื่องจากมันส่งผลกระทบต่อราคาโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญในตลาดเกิดใหม่

    3. ตุรกี -43.35%
    เมื่อค่าเงินอาร์เจนตินาอ่อนตัวอย่างหนักในปีที่ผ่านมา สกุลเงินในตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ก็อ่อนลงตามไปด้วย ซึ่งรวมถึงเงินลีราของตุรกี ความขัดแย้งทางนโยบายระหว่างประธานาธิบดีรีเซพ เทย์ยิบ เออร์โดกัน กับธนาคารกลางทำให้ตลาดเกิดความวิตกมากขึ้นและทำให้เรื่องค่าเงินยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น ขณะเดียวกัน การกักขังบาทหลวงสหรัฐก็ทำให้เกิดความตึงเครียดในปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงของรัฐบาลอังการากับวอชิงตันทำให้สินทรัพย์ตุรกีปรับตัวลงอย่างรุนแรง ก่อนที่ตุรกีจะยอมปล่อยตัวบาทหลวงแอนดรูว์ บรันสัน ในกลางเดือนตุลาคม ตลาดหุ้นตุรกีปรับตัวลงมากกว่า 43% ในปีที่ผ่านมา

    4. จีน -28.64%
    ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต มีมูลค่าลดลงมากกว่าหนึ่งในสี่ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากสงครามการค้ากับสหรัฐยืดเยื้อ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศพักรบเป็นเวลา 90 วันตั้งแต่เดือนธันวาคม แต่ผู้สังเกตการณ์ภายนอกยังคงสงสัยมากเกี่ยวกับโอกาสที่มหาอำนาจทั้งสองจะบรรลุข้อตกลงการค้าได้ก่อนปลายเดือนมีนาคม

    5. ปากีสถาน -28.07%
    ดัชนีการาจี 100 ของปากีสถานปรับตัวลงมากกว่า 28% ในปีที่ผ่านมา ทำให้ปากีสถานเป็นตลาดหุ้นที่แย่ที่สุดเป็นอันดับห้าของโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ไม่สามารถตกลงเงื่อนไขที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ปากีสถานได้ในเดือนพฤศจิกายน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ปากีสถานตั้งเป้าให้ไอเอ็มเอฟลงนามให้ความช่วยเหลือเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่ปี 2559 ในกลางเดือนมกราคมนี้

    Source: ข่าวหุ้น
    https://www.cnbc.com/2019/01/03/glo...UCGFF71lwyEMQ7M328HTtYeX0vGsTH-nu-aySdn2jE53o
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    &url=https%3A%2F%2Fassets.bwbx.io%2Fimages%2Fusers%2FiqjWHBFdfxIU%2FicdfMoqmfqUk%2Fv0%2F1200x692.jpg
    (Jan 8) IRS จะดำเนินการคืนภาษีเงินได้ให้แก่ชาวอเมริกัน ถึงแม้ว่าจะยังคงอยู่ในช่วง government shutdown : สำนักพิมพ์ The Wall Street Journal รายงานว่า the White House Office of Management and Budget (OMB) ประกาศว่า the Internal Revenue Service (IRS) จะดำเนินการคืนภาษีเงินได้ให้แก่ชาวอเมริกัน ถึงแม้ว่าจะยังคงอยู่ในช่วง government shutdown

    นาย Russell Vought, the acting OMB director กล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะลดความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุดโดยที่ยังคงอยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนด

    อย่างไรก็ดี นาย Sam Berger, อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของ OMB สมัยอดีตประธานาธิบดี Barack Obama ให้ความเห็นว่า การคืนภาษีเงินได้ในช่วง government shutdown นั้น อาจจะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยในอดีต IRS สามารถปฎิบัติงานได้เพียงบางส่วนในช่วง government shutdown เช่น การดูแลสมบัติพัสถานของรัฐบาลและการเก็บภาษีเงินได้ แต่ไม่ได้รวมถึงการคืนเงินภาษี

    อนึ่ง ในปี 2018 IRS ได้ดำเนินการคืนภาษีเงินได้ให้แก่ชาวอเมริกันประมาณ 32 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 101.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. (ถึงวันที่ 16 ก.พ. 18) โดยในช่วงเริ่มต้นผู้ที่ได้รับคืนภาษีเงินได้จะเป็นผู้ที่มีรายได้ต่ำ ซึ่งจะนำเงินไปใช้ในการชำระหนี้และจับจ่ายใช้สอยต่างๆ ในเดือน ก.พ. และ มี.ค.

    Source: BOTSS

    - IRS Will Pay Tax Refunds During Shutdown, Easing Pressure for a Deal: https://www.bloomberg.com/news/arti...VtILgobxoAoP4A2QR308NplAE-pjMGD9GOX5qIEMLrc6Y
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Wealth Station
    49561043_2092914934080304_482563215205597184_n.png?_nc_cat=100&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.png


    IQ> ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรอ่อนค่าหลังการผลิตอุตสาหกรรมเยอรมนีหดตัว,ปอนด์ร่วงจากความกังวล Brexit

    สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ม.ค. 62)--สกุลเงินปอนด์และยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) รวมทั้งเศรษฐกิจยูโรโซนที่ส่งสัญญาณชะลอตัว หลังจากมีรายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีหดตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 3
    ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1442 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1478 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2719 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2769 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7139 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7142 ดอลลาร์สหรัฐ
    ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 108.63 เยน จากระดับ 108.60 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9812 ฟรังก์ จากระดับ 0.9794 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3282 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3296 ดอลลาร์แคนาดา
    ยูโรอ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.ลดลง 1.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 3 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของยุโรปนั้น มีแนวโน้มชะลอตัวลงในไตรมาส 4 ปี 2561
    นอกจากนี้ สำนักงานสถิติเยอรมนียังได้ปรับทบทวนการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนต.ค. โดยระบุว่าตัวเลขดังกล่าวปรับตัวลง 0.8% ซึ่งย่ำแย่กว่าการรายงานเบื้องต้นที่ระบุว่าปรับตัวลงเพียง 0.5%
    ส่วนเงินปอนด์ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Brexit ขณะที่โฆษกของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า รัฐสภาจะลงมติต่อร่างข้อตกลง Brexit ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษไม่มีนโยบายในการชะลอเวลาการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) ด้วยการขยายเวลาในการประกาศใช้มาตรา 50 เห่งสนธิสัญญาลิสบอน ถึงแม้แนวคิดดังกล่าวอาจมีการหารือกันในท่ามกลางเจ้าหน้าที่ของ EU ก็ตาม
    ทั้งนี้ อังกฤษมีกำหนดแยกตัวออกจาก EU อย่างเป็นทางการในวันที่ 29 มี.ค.ปีนี้
    ทางการสหรัฐได้เลื่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผลกระทบของภาวะชัตดาวน์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค.

    --อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอกสารชี้ชัด “หัวเว่ย” ทำธุรกรรมอำพรางผ่าน 2 บริษัทใน “อิรัก-ซีเรีย”
    วันที่ 9 January 2019 - 09:15 น. hw-728x443-728x443.jpg
    (แฟ้มภาพ) REUTERS
    ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทำธุรกรรมอำพรางของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ ของจีน ซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวนางเมิ่ง หวั่นโจว ประธานฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัท โดยทางการแคนาดาตามคำร้องขอของสหรัฐ เพื่อให้มีการส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจากมีการทำธุรกรรมอำพรางกับอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ โดยนางเมิ่งได้รับการประกันตัวเพื่อรอต่อสู้คดีตามคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน ดูเหมือนจะไม่ยุติลงง่ายๆ

    ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางการสหรัฐสงสัยว่าบริษัทหัวเว่ยน่าจะทำธุรกรรมอำพรางผ่าน 2 บริษัทในอิหร่าน โดยบริษัทแรกคือบริษัทสกายคอม เทค ซึ่งประกอบธุรกิจขายอุปกรณ์โทรคมนาคมในกรุงเตหะราน ขณะที่อีกบริษัทหนึ่งคือบริษัทคานิคูลา โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทลอยที่ตั้งขึ้นโดยจดทะเบียนในประเทศมอริเชียส

    [​IMG]

    ทางการสหรัฐกล่าวหานางเมิ่งว่าได้หลอกลวงธนาคารระหว่างประเทศให้ทำธุรกรรมกับอิหร่านด้วยการอ้างว่า บริษัททั้ง 2 แห่งนั้นเป็นอิสระจากหัวเว่ย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว หัวเว่ยยังคงควบคุมบริษัททั้ง 2 แห่งอยู่ ขณะที่หัวเว่ยยืนยันว่า บริษัททั้งสองเป็นบริษัทที่มีอิสระ และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับหัวเว่ยตามที่มีการกล่าวหา

    อย่างไรก็ดีรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อได้มีการตรวจสอบเอกสารของบริษัททั้ง 2 แห่งที่ใช้ในอิหร่านและซีเรียทำให้พบความเชื่อมโยงระหว่างหัวเว่ยกับบริษัททั้งสองมากกว่าที่คิดในตอนแรก โดยผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยถูกตั้งเป็นผู้จัดการของสกายคอมในอิหร่าน นอกจากนี้ยังพบว่ามีบุคคลสัญชาติจีนอย่างน้อย 3 รายที่มีสิทธิในการลงนามในบัญชีธนาคารซึ่งเป็นของหัวเว่ยและสกายคอมในอิหร่าน ขณะที่หัวเว่ยยังทำธุรกิจในซีเรียผ่านบริษัทคานิคูลาด้วย

    ทั้งนี้นางเมิ่งไม่ได้ตอบคำถามใดๆ เมื่อสำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อไปเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว

    ที่มา : มติชนออนไลน์

    https://www.prachachat.net/world-ne...C4iD5N3KfVuPx2PI-vIu5MV0jbQl5cfTcPdZPaZGob0E8
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ค่าเงินบาทอ่อนค่า เหตุความเชื่อมั่นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นหลังตลาดคาดเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนจะบรรลุผล วันที่ 9 January 2019 - 09:56 น.

    f4413b0e0a38f536fb96786a085b3d88-728x433.jpg
    ค่าเงินบาทอ่อนค่าในกรอบการเคลื่อนไหวที่แนวรับ 31.90-32.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหตุความเชื่อมั่นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นหลังตลาดคาดเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนจะบรรลุผล
    [​IMG]

    ผู้สื่อข่าวรายงานค่าเงินบาท วันที่ 9 ม.ค. 2562 ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 32.03 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากระดับปิดเมื่อวานที่ 32.07 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ล่าสุดค่าเงินบาทซื้อขายอยู่ที่ระดับ 31.87-32.17 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

    ด้านนักวิเคราะห์ค่าเงินบาทธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทวันนี้ มีทิศทางอ่อนค่า เช่นเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค โดยมาจากปัจจัยหลักที่ความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์สหรัฐปรับเพิ่มขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯ และจีนจะขยายระยะเวลาการเจรจาการค้าต่อถึงวันนี้ ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ สอดคล้องกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่า “การเจรจากับจีนกำลังผ่านไปได้ด้วยดี” โดยวันนี้ให้กรอบการเคลื่อนไหวที่แนวรับ 31.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แนวต้านให้ไว้ที่ 32.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

    ปัจจัยที่ต้องติดตามต่อคือรายงานการประชุมนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ และคำแถลงการณ์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ



    https://www.prachachat.net/finance/...3BiLaecw6Q6IKJYg49DjVdOxK4cdI1h132em1VkhN3ltc
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพิ่มขึ้นจากปีก่อน! “จีน” เตรียมเสนอตั้งเป้างบขาดดุล ปี”62 ที่ 2.8 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี วันที่ 9 January 2019 - 14:43 น.

    2019-01-02T030731Z_1078987760_RC16F6B547F0_RTRMADP_3_CHINA-ECONOMY-728x486.jpg
    รอยเตอร์สรายงานว่า กระทรวงการคลังของจีนจะเสนอเป้าหมายการขาดดุลปีงบประมาณ 2562 ที่ 2.8 เปอร์เซ็นต์ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 2.6 เปอร์เซ็นต์ บลูมเบิร์กรายงานอ้างถึงแหล่งที่มาไม่ระบุ 2 แห่ง

    เป้าหมายทางเศรษฐกิจประจำปีของจีนมักจะประกาศในเดือนมีนาคม เเละจะได้รับการจับตามองจากตลาดการเงิน เพื่อคาดถึงการเปลี่ยนเเปลงของนโยบายการคลัง เเละการเงิน รายงานกล่าวว่า เป้าหมายใหม่ถูกนำเสนอในระหว่างการประชุมงานประจำปีของกระทรวงในเดือนธันวาคมและยังคงได้รับการอนุมัติจากฝ่ายนิติบัญญัติของจีน
    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า การลดภาษีในเชิงรุกมากขึ้นในปี 2562 ทำให้เกิดความคาดหวังในหมู่นักเศรษฐศาสตร์ว่าอัตราส่วนการขาดดุลงบประมาณประจำปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ แต่การขาดดุลอาจถูกจำกัดโดยการเพิ่มขึ้นคาดว่าจะมีการออกพันธบัตรพิเศษโดยรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อกองทุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดว่าการออกพันธบัตรดังกล่าวจะแตะระดับ 2 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 292.53 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.35 ล้านล้านหยวนในปีที่แล้ว

    ในปี 2561 รัฐบาลได้ลดเป้าหมายการขาดดุลปีงบประมาณเป็น 2.6 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เพิ่มขึ้นกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2560 ซึ่งเป็นการลดครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2555 แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่านโยบายการคลังยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่นออกพันธบัตรพิเศษจำนวน 550 พันล้านหยวนเพื่อสนับสนุนโครงการสำคัญ

    ข้อมูลในเดือนนี้แสดงให้เห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงอยู่ที่ 6.6 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2561 จากระดับ 6.9 เปอร์เซ็นต์ ในปีที่แล้ว นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะสูญเสียโมเมนตัมต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก่อนที่มาตรการสนับสนุนนโยบายจะเริ่มเข้ามา

    ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

    หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!

    https://www.prachachat.net/world-ne...rHqux4Jby2dMzOBw9URJMomzNXPWxCQkmnCEi6JhcWq08
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อุปทูตซาอุฯ หลุดปาก! คงดีกว่าถ้ายึดโทรศัพท์มือถือของ “ราฮาฟ” แทนที่จะยึดพาสปอร์ต (มีคลิป) โดย กองบรรณาธิการ - 9 มกราคม 2019
    8045fb85854c4cca9f67981ea2c965fe_18.jpg
    ราฮาฟ โมฮัมหมัด อัลกูนูน สาวซาอุฯ วัย 18 ที่กล่าวว่าเธอกำลังหนีออกจากประเทศและครอบครัวของเธอในห้องหนึ่งในกรุงเทพ ในภาพนี้ถ่ายจากวิดีโอที่ได้จากโซเชียลมีเดีย [@rahaf84427714 via Reuters]
    อุปทูตซาอุฯ หลุดปากพูด สถานการณ์คงไม่ลุกลาม “หากยึดโทรศัพท์มือถือเธอมาแทนการยึดพาสปอร์ต” ระหว่างพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทางการไทยที่เข้าไปชี้เแจงสถานการณ์ กรณีราฮาฟ โมฮัมหมัด อัลกูนุน หญิงสาวชาวซาอุฯ ที่ถูกทางการไทยกักตัวหลังหลบหนีครอบครัวมาจากคูเวต

    “เธอเปิดบัญชีทวิตเตอร์ แล้วก็มีผู้ติดตาม 45,000 คนภายในวันเดียว ผมคิดว่า คงเป็นการดีกว่าที่พวกเขาจะยึดโทรศัพท์มือถือของเธอแทนการยึดหนังสือเดินทางของเธอ เพราะทวิตเตอร์ได้เปลี่ยนทุกสิ่งอย่าง” นายอับดุลลอฮ์ มูฮัมหมัด อัลชุอัยบี อุปทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย กล่าวกับเจ้าหน้าที่ทางการไทยซึ่งนำโดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

    ราฮาฟ โมฮัมหมัด อัลกูนุน หญิงสาวชาวซาอุฯ หลบหนีครอบครัวจากคูเวต มายังประเทศไทย เพื่อเดินทางต่อไปยังออสเตรเลีย ประเทศที่เธอหวังขอลี้ภัย หลังถูกตม.ไทยกักตัวและเตรียมส่งกลับคูเวต ราฮาฟขอความช่วยเหลือทางทวิตเตอร์ @rahaf84427714 จนเป็นข่าวทั่วโลกและได้พบกับเจ้าหน้าที่ UNHCR
    &url=https___assets.bwbx.io_images_users_iqjWHBFdfxIU_iGdoqdHJ5ki0_v0_1200x800.jpg
    ราฮาฟเองก็ได้แชร์คลิปดังกล่าวจากผู้สื่อข่าวไทยมาทวีต พร้อมระบุว่า “นายอัลชูอัยบี อุปทูตซาอุฯ ประจำกรุงเทพ กล่าวว่า พวกเขาควรยึดโทรศัพท์มือถือของเธอ แทนที่จะยึดหนังสือเดินทางของเธอ”

    “บัญชีทวิตเตอร์ได้เปลี่ยนเกมต่อสิ่งที่เขาคิดหวังกับฉัน” เธอทวีต
    40522469_2179482982267712_7066086053714591744_n.jpg
    ก่อนหน้านี้ราฮาฟระบุว่า หนังสือเดินทางของเธอถูกยึดโดยชายคนหนึ่งภายในสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเธอเดินทางมาถึงประเทศไทย

    เธอระบุในทวิตว่า “เจ้าหน้าสายการบินคูเวตร่วมมือกับเจ้าหน้าทางการทูตซาอุฯ พวกเขายึดหนังสือเดินทางฉันไป”

    40537106_2179483018934375_2801411050384130048_n.jpg


    ขณะที่เมื่อวันที่ 8 ม.ค. สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณี นางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน ถึงเนื้อหาที่มีการเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลมีเดียว่าทางสถานทูตฯ ได้ทำการยึดหนังสือเดินทางของนางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน ไว้ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตามที่ทางการไทยได้ชี้แจงว่า นางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน ถูกกักตัวไว้นั้นเนื่องจากไม่สามารถแสดงเอกสารสำคัญที่สามารถตรวจสอบได้

    ทั้งนี้ ทางสถานทูตขอยืนยันว่าราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ไม่ได้ร้องขอให้นำตัวนางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน กลับประเทศแต่อย่างใด อีกทั้งสถานทูตฯ ขอเรียนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวแต่สถานทูตฯ ยินดีให้ความดูแลและห่วงใยต่อเรื่องดังกล่าว


    https://www.publicpostonline.net/21...mebrNrAwHX6HxBKgRTdzicYknLHhsAsad4JOtM54nRQCY
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan
    ตั๊กแตนในนครเมกกะ 8 ม.ค. 2562


    sBPBk_Gb2S69xfAUYvwBA5sZepU4WMEtjlBzjraNFdIGofQUuILjlSA0sgcFBxD6tjKYKgRw&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg

    k47Fy15QPOebGoiNpu6PI3yPkRyv8DNZ5_OHyvVdwBOqd2folOBksphM38-QD6gFuCd2zyNQ&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    aPdDpWIS_E8yQk0jPmLT5sVJLy1nrArsBZXzyA41h5Z4MMU64BnOezf0-9cT7OjOssXZ3o6Q&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    LhCLJg3qvMrIYhfJpHt6LUefMGVMxUBjX6g4_v6MyzdoG9RCVCWwjFLL8v7pgLIpaJyrsxYA&_nc_ht=scontent.fbkk7-2.jpg

    GpZSgT8sJnNiInJbSZ_bXXokg3XCfKaJKCB4Rv2HQQ3BLSC7rhJkXAMsgB64eI17KTOH9VCA&_nc_ht=scontent.fbkk7-3.jpg
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,254
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Catástrofes Globales

    เมฆ Mammatus ที่น่าประทับใจถูกบันทึกไว้ในอาร์เจนติน่า ทางภาคใต้
     

แชร์หน้านี้

Loading...