China Report ASEAN - Thailand
จีนเอาจริง! คุมเข้มพฤติกรรมคนจีน ในช่วงเทศกาลตรุษจีน
.
คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน กระทรวงคมนาคมของจีน ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลจีนอีก 7 แห่ง ร่วมกันควบคุมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของชาวจีนในช่วงมหกรรมการเดินทางครั้งใหญ่ในช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
.
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนั้นหมายถึง พฤติกรรมที่เกิดขึ้นบนระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท อันเป็นการรบกวนการเดินทาง สร้างความไม่ปลอดภัย ขัดขวางความสงบ และความเรียบร้อยของสังคม ยกตัวอย่างเช่น การละเมิดกฎต่างๆ อาทิ การสูบบุหรี่ การเดินทางโดยไม่มีตั๋ว นำตั๋วมาขายต่อ การยึดที่นั่งที่ไม่ใช่ของตน เป็นต้น
.
ผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจะถูกบันทึกข้อมูลไว้ในระบบเครดิตสังคม อันเป็นระบบบัญชีดำ และจะถูกห้ามไม่ให้เดินทางในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
.
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ตั้งแต่มิถุนายนปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน มีชาวจีนที่ถูกห้ามไม่ให้ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว 5,099 คน ไม่ให้ซื้อตั๋วรถไฟอีก 1,604 ราย
.
การควบคุมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนั้น เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลจีน ในการปรับปรุงพฤติกรรมและเพิ่มบทลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสาธารณะและความสงบเรียบร้อย อันเป็นนโยบายระดับชาติ
.
ปีนี้ ตรุษจีนตรงกับวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันหยุดยาวของชาวจีนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ไปจนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ รวม 7 วัน แต่มหกรรมการเดินทางของชาวจีนจะกินเวลานานราว 40 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมนี้เป็นต้นไป
.
รัฐบาลจีนคาดการณ์ว่า ตรุษจีนปีนี้ ชาวจีนจะเดินทางทะลุ 3 พันล้านเที่ยว แบ่งเป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ 2.5 พันล้านเที่ยว รถไฟ 413 ล้านเที่ยว เครื่องบิน 73 ล้านเที่ยว และทางเรืออีก 43 ล้านเที่ยว
ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 2157 ของ 11173
-
-
สั่งขยายวงเงินทดรองราชการ ช่วยผู้ประสบภัย 'ปาบึก'
9 มกราคม 2562
"กรมบัญชีกลาง" ขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มเติมอีกจังหวัดละ 50 ล้านบาท ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.62 เป็นต้นไป
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์จากพายุ “ปาบึก” (PABUK) ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในระหว่างวันที่ 3 - 5 มกราคม 2562 ทำให้มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี ประกอบวงเงินทดรองราชการที่จังหวัดมีอยู่ในขณะนี้ไม่เพียงพอที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงเสนอให้กรมบัญชีกลางอนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการที่อยู่ในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด (เพิ่มเติม) เป็นกรณีพิเศษ
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชน ดังนั้น เพื่อให้จังหวัดสามารถช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และทันต่อสถานการณ์ กรมบัญชีกลางจึงได้อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มเติมอีกจังหวัดละ 50,000,000 บาท ให้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
การขยายวงเงินทดรองราชการเพิ่มเติมในครั้งนี้ ต้องการให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือและสามารถบรรเทาความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากพายุปาบึกได้อย่างรวดเร็ว และสามารถนำไปฟื้นฟูสิ่งที่เสียหายได้ทันท่วงที
http://www.bangkokbiznews.com/news/...Eq3mm9XtRKioeqmgvb9OavYp4QW7bOogoksR03ex0Jz0c -
เวิลด์แบงก์คาดศก.โลกปีนี้ขยายตัวแค่ 2.9%
9 มกราคม 2562
เวิลด์แบงก์ หรือธนาคารโลก คาดการณ์ปีนี้ เศรษฐกิจโลกขยายตัวลดลงแค่ 2.9% เทียบกับปีที่แล้วที่ขยายตัวในอัตรา 3% จากปัจจัยลบภาวะตึงเครียดทางการค้าและปริมาณการค้าทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง
“ช่วงเริ่มต้นปี 2561 เศรษฐกิจโลกขยายตัวแข็งแกร่งแต่เริ่มผ่อนแรงลงระหว่างปีและในปีนี้คาดว่าจะชะลอตัวลง”คริสตินา จีออร์จีวา ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ธนาคารโลก ระบุในรายงานรอบครึ่งปีว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
รายงานของธนาคารโลก ได้รับการเผยแพร่ในช่วงที่สหรัฐและจีนกำลังหารือเพื่อหาทางออกร่วมกันในกรณีพิพาททางการค้า ซึ่งการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนตลอดช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังระบุว่า สงครามการค้าส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐและจีน โดยเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงเหลือ 2.5% ในปีนี้ จาก 2.9% ในปี 2561 ส่วนเศรษฐกิจจีน คาดว่าจะขยายตัวแค่ 6.2% ในปีนี้ เทียบกับที่เคยขยายตัว 6.5%ในปีที่แล้ว
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/823585 -
สาวซาอุ : ไม่ว่าอายุเท่าไร หญิงทุกคนก็ต้องอยู่ใต้ "การคุ้มครอง" ของญาติเพศชายในซาอุดีอาระเบีย
ประเทศไทยตกเป็นข่าวดังทั่วโลกอีกครั้ง ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อวัยรุ่นสาวจากซาอุดีอาระเบียหนีออกจากครอบครัว และกักตัวเองไว้ในห้องพักโรงแรมในสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะกลัวว่าจะถูกส่งกลับประเทศ และะถูกจำคุก
ข่าวนี้สร้างความสนใจให้นานาชาติหันมาให้ความสนใจกับกฎหมาย และข้อปฏิบัติต่างๆจำกัดสถานภาพของสตรีในซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะ "ระบบผู้คุ้มครองที่เป็นชาย" ไม่ว่าจะเป็นพ่อ, พี่ชาย, สามี หรือลูกชาย มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่าง ๆ แทนผู้หญิงได้
ผู้หญิงซาอุฯ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากญาติเพศชายเมื่อต้องการทำหนังสือเดินทาง, เดินทางออกไปต่างประเทศ, ไปเรียนต่างประเทศด้วยทุนของรัฐบาล, แต่งงาน, ออกจากเรือนจำ หรือแม้แต่ออกจากที่พักพิงชั่วคราวของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิด
"นี่เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงและเด็กหญิงซาอุฯ ทุกคน ตั้งแต่เกิดจนตาย พวกเธอได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นผู้เยาว์" โมนา เอลทาฮาวี ผู้สื่อข่าวอเมริกันเชื้อสายอียิปต์ กล่าวกับบีบีซี
ซาอุดีอาระเบีย ให้สัตยาบัน อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against Women--CEDAW) และระบุว่า รับประกันความเท่าเทียมทางเพศที่สอดคล้องกับบทบัญญัติของชารีอะห์ หรือกฎหมายอิสลาม
นอกจากนี้ ซาอุฯ ยังได้ยกเลิกการห้ามผู้หญิงและเด็กหญิงเล่นกีฬาในโรงเรียนรัฐบาล และอนุญาตให้ผู้หญิงเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลในสนามได้
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ แสดงความกังวล เมื่อเดือน ก.พ. 2018 จากความล้มเหลวในการรับรองกฎหมายพิเศษว่าด้วยการห้ามการเลือก ปฏิบัติต่อผู้หญิง รวมถึง การไม่มีนิยามทางกฎหมายว่าด้วยการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงของซาอุฯ
ผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า ระบบผู้คุ้มครองที่เป็นชาย เป็น "อุปสรรคสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในทางสังคมและเศรษฐกิจ"
Image copyrightREUTERS
คำบรรยายภาพเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุฯ และสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ได้เริ่มการปฏิรูปบางส่วน
เชื่อว่า ระบบนี้มาจากการตีความบทบัญญัติในพระคัมภีร์อัลกุรอ่านบทหนึ่งของผู้ปกครองทางศาสนาของซาอุฯ ที่ระบุว่า "ผู้ชายคือผู้ปกป้องและผู้ดูแลผู้หญิง เพราะพระเจ้าทรงประทาน [ความแข็งแกร่ง] ให้ผู้ชาย มากกว่าผู้หญิง และเพราะพวกเขาสนับสนุนพวกเธอจากวิธีการของพวกเขา"
ฮิวแมนไรท์วอทช์ รายงานเมื่อปี 2016 ว่า ซาอุฯ "บังคับใช้ระบบที่ต้องมีผู้ปกครองในหลายกิจกรรมอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา" และผู้หญิงจำนวนหนึ่งซึ่งท้าทายระบบนี้เผชิญกับการถูกกักกันและดำเนินคดี
ในปี 2008 ซามาร์ บาดาวี นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนที่มีชื่อเสียง ซึ่งเธออ้างว่าถูกพ่อทำร้ายร่างกาย ได้หนีออกจากบ้านและไปขอลี้ภัยอยู่ที่ศูนย์พักพิงแห่งหนึ่ง จากนั้นเธอได้เริ่มกระบวนการทางกฎหมายในการถอดถอนพ่อของเธอออกจากการเป็นผู้ปกครอง
เธอบอกว่า พ่อตอบโต้ด้วยการฟ้องว่าเธอ "ไม่เชื่อฟัง" ผู้พิพากษาได้สั่งให้กักกันตัวเธอไว้ในปี 2010 และเธอต้องอยู่ในเรือนจำนาน 7 เดือน ก่อนที่นักเคลื่อนไหวจะทำให้ผู้คนหันมาสนใจคดีของเธอ และทางการได้ยกฟ้องคดีนี้
Image copyrightTWITTER/@MERIAM_AL3TEEBE
คำบรรยายภาพมาเรียม อัล-โอทาอิบี ถูกควบคุมตัว 100 วัน หลังจากหนีออกจากบ้านของพ่อเธอ
มาเรียม อัล-โอทาอิบี นักเคลื่อนไหวอีกคน ต้องอยู่ในสถานกักกันนาน 3 เดือนในปี 2017 หลังจากพ่อของเธอกล่าวหาเธอว่า "ไม่เชื่อฟัง"
เธอได้หนีออกจากบ้าน หลังจากอ้างว่าเผชิญกับการกระทำทารุณจากพ่อและพี่ชาย เพื่อตอบโต้การที่เธอเป็นผู้นำการณรงค์ต่อต้านระบบผู้ปกครองในโซเชียลมีเดีย
การที่เธอได้รับการปล่อยตัวในที่สุด ได้รับการยกย่องจากเพื่อนนักเคลื่อนไหวว่าเป็นชัยชนะ เพราะเธอได้รับการปล่อยตัวโดยไม่มีผู้ปกครองที่เป็นผู้ชายอนุมัติ
แต่ยังมีผู้หญิงจำนวนมากที่ลี้ภัยไปต่างประเทศก็ไม่สามารถรอดพ้นการถูกควบคุมตัวได้
ในปี 2017 ดีนา อาลี เลสลูม ถูกบังคับส่งตัวกลับไปยังครอบครัวของเธอในซาอุฯ ขณะที่รอเปลี่ยนเครื่องในฟิลิปปินส์เพื่อเดินทางต่อไปยังออสเตรเลีย เธอกล่าวว่า เธอกำลังหนีการถูกบังคับให้แต่งงาน
ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่า ได้รับรายงานว่า เลสลูม ถูกควบคุมตัวไว้ในสถานพักพิงแห่งหนึ่งเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่า เธอได้กลับไปหาครอบครัวของเธอแล้วหรือยังตั้งแต่นั้น
ผู้หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย เป้าหมายกลุ่มใหม่ของอุตสาหกรรมรถยนต์
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิของผู้หญิง ได้เรียกร้องให้ยุติระบบผู้ปกครองมาเป็นเวลานานแล้ว
ในเดือน ก.ย. 2016 พวกเขาได้ยื่นคำร้องที่รวบรวมรายชื่อ 14,000 ชื่อให้แก่ศาล หลังจากที่แฮชแท็กภาษาอาหรับที่บอกว่า "ผู้หญิงซาอุฯ อยากล้มเลิกระบบผู้คุ้มครอง" กลายเป็นแฮชแท็กไวรัลในทวิตเตอร์ และทำให้เกิดการรณรงค์ขนานใหญ่ขึ้น
แกรนด์ มุฟติ อับดุล อาซิส อัล ชีค เจ้าหน้าที่ด้านศาสนาที่มีตำแหน่งสูงสุดของซาอุฯ เรียกคำร้องนี้ว่า "อาชญากรรมต่อกฎหมายอิสลามและภัยคุกคามต่อสังคมซาอุฯ ที่มีอยู่จริง" แต่ 5 เดือนต่อมา สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ได้ออกพระราชกำหนดอนุญาตให้ผู้หญิงเข้ารับบริการของภาครัฐได้โดยไม่ต้องการขออนุญาตจากผู้คุ้มครองที่เป็นผู้ชาย
ต่อมาเมื่อเดือน ก.ย. 2017 พระองค์ทรงประกาศว่า ผู้หญิงจะได้รับอนุญาตให้ขับรถได้เป็นครั้งแรก นักเคลื่อนไหวต่างยินดีต่อข่าวนี้ แต่ก็ยืนยันว่าจะรณรงค์เพื่อความเท่าเทียมกันมากขึ้น
จากนั้นเมื่อเดือน พ.ค. 2018 ไม่กี่สัปดาห์ ก่อนที่จะมีการยกเลิกการห้ามผู้หญิงขับรถ ทางการซาอุฯ ได้เริ่ม การปราบปรามการเคลื่อนไหวสิทธิสตรีอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีนักเคลื่อนไหวกว่า 10 คนถูกควบคุมตัว รวมถึง บาดาวี ผู้ชายหลายคนที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวหรือออกมาปกป้องนักเคลื่อนไหวในชั้นศาลก็ถูกจับกุมตัวด้วยเช่นกัน
หลายคนที่ถูกควบคุมตัว ถูกกล่าวหาด้วยข้อหาอาชญากรรมร้ายแรง รวมถึง "การติดต่อกับกลุ่มต่างชาติอย่างน่าเคลือบแคลงสงสัย" ซึ่งอาจทำให้พวกเขาถูกจำคุกเป็นเวลานาน ขณะที่สื่อที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาล ต่างเรียกพวกเขาเหล่านี้ว่า "กบฏ"
https://www.bbc.com/thai/international-46795066?ocid=socialflow_facebook -
Jeerachart Jongsomchai
... “ผู้ก่อการร้ายระเบิดสกัดทางสายไหมของจีน ในปากีสถาน”
... การสกัดความเจริญของฝ่ายตรงข้ามยังคงมีต่อเนื่อง ในโครงการ “ทางสายไหมใหม่” ของ “จีน” ที่เป็นสายส่วนขยายต่อจากจีนตะวันตกผ่าน “ปากีสถาน” เพื่อจะออกมหาสมุทรอินเดีย หรือ ที่เรียกว่า CPEC หรือ China–Pakistan Economic Corridor ที่จะมีการสร้างถนนหนทาง โครงสร้างพื้นฐาน เครือข่ายการขนส่ง เขตเศรษฐกิจและโรงผลิตพลังงาน โรงไฟฟ้า เชื่อมระหว่างสองประเทศ ที่ในส่วน "จีน" นั้นจะสามารถขนส่งสินค้าจากจีนผ่านมหาสมุทรอินเดียได้ ไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา เขตอิทธิพลของอเมริกาแต่อย่างใด
… ผู้ก่อการร้ายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ “ปากีสถาน” ได้ประกาศว่าจะโจมตีโครงการ “เส้นทางสายไหมส่วนต่อขยาย” ในปากีสถานต่อไป แม้ว่าจะมีการลอบสังหารผู้นำของกลุ่ม Baloch ของพวกเขาเมื่อ 25 ธันวาคม 2018 ที่ผ่านมา โดยตอนนั้น แม้ว่าจะไม่มีกลุ่มใดอ้างสิทธิ์ในการโจมตีผู้นำของพวกเขา แต่ Sarfraz Bugti อดีตรัฐมนตรีประจำภูมิภาครัฐบาลของรัฐบาลเขต Balochistan เรียกว่า "ข่าวประเสริฐสำหรับปากีสถาน" ในการทวีตในวันเดียวกันนั้น
... “จีน” ก็ยินดีกับข่าวการเสียชีวิตด้วย "นี่เป็นการพัฒนาที่ดีสำหรับความปลอดภัยและสันติภาพในจังหวัด Balochistan" Lijian Zhao รองผู้อำนวยการฝ่ายการทูตของจีนในปากีสถานกล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2018
... กลุ่ม Baloch ได้บอกว่า จะดำเนินรอยตามแนวทางของนาย Aslam Baloch ที่เป็นผู้นำของกลุ่ม เพื่อจะขัดขวางการปล้นเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติของปากีสถาน จากประเทศจีน
... ผู้ก่อความไม่สงบกลุ่ม Baloch ดำเนินการโจมตี “ชาวจีน” ในปากีสถานอย่างรุนแรงในปี 2004 และ 2006 และเมื่อต้นปี 2018 มือปืนไม่ปรากฏชื่อได้สังหารผู้จัดการทั่วไปชาวจีนของ บริษัท Cosco Shipping Lines เกี่ยวกับการเดินเรือในเมืองท่าการาจี ตอนใต้ของปากีสถาน ที่เชื่อมกับมหาสมุทรอินเดีย
... ในเดือนสิงหาคม 2018 มีการโจมตีระเบิดฆ่าตัวตาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บหกคนรวมถึง “วิศวกรชาวจีนสามคน” ในการโจมตีรถบัส และเป็นการระเบิดฆ่าตัวตายครั้งแรกที่กำหนดเป้าหมายเป็น “ชาวจีน” ในบาโลจิสถานซึ่งเป็นดินแดนหัวใจของ “โครงการ CPEC ” มูลค่า 62 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นโครงการต่อขยายของ “โครงการทางสายไหมใหม่” ซึ่งรวมถึงเครือข่ายทางหลวง ทางรถไฟและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ครอบคลุมทั้งหมด ประเทศ. การโจมตีครั้งนี้ดำเนินการ "เพื่อเตือนจีนให้ย้ายออกจากดินแดน Balochistan และหยุดการปล้นเผาผลาญทรัพยากร" และทางกลุ่มจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่รัฐบาลปากีสถานและจีนไม่ได้จัดทำยุทธศาสตร์เพื่อตอบสนองความต้องการของชาวพื้นเมือง Baloch ในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบเขากล่าวเสริม
... แม้จะมีการเสียชีวิตของผู้นำกลุ่มก่อการร้าย BLA แต่ก็มีการโจมตีกองกำลังความมั่นคงใน Balochistan ของรัฐบาล 3 ครั้งในสัปดาห์แรกของปี 2019 นี้ ,ในวันที่ 1 มกราคมผู้ก่อการร้ายสามคนบุกโจมตีฐานทัพในเขต Loralai และสังหารเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสี่คน ,ในวันที่ 6 มกราคมผู้ก่อการสองคนได้วางอุปกรณ์ระเบิดที่มุ่งเป้าไปที่ยานพาหนะของกองกำลังรักษาความปลอดภัยในเขต Pishin และ Panjgur
... แม้ว่ากลุ่ม BLA จะไม่อ้างสิทธิ์ในการโจมตีใด ๆ ก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรัฐบาลเขต Balochistan เชื่อว่ามีการวางแผนใน “อัฟกานิสถาน” ที่ซึ่ง Baloch ซ่อนตัวอยู่ และรัฐบาลปากีสถานกฌ เรียกร้องให้รัฐบาลอัฟกานิสถานตรวจสอบสถานที่หลบซ่อนของ Baloch ใน เมืองกันดาฮาร์ด้วย
... มีความพยายามสร้างภาพว่า “จีน” เป็นพวกนักล่าอาณานิคมใหม่ในปากีสถานและกระตุ้นให้เกิดการต่อต้านจากคนพื้นเมืองในหลายพื้นที่ของปากีสถาน
... ( การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายนั้น นอกจากจะทำการสกัดอิทธิพลจีนและความเจริญระหว่าง ปากีสถานกับจีน แล้ว ยังทำให้ ปากีสถานทะเลาะขัดแย้งกับ อัฟกานิสถานด้วย ก็น่าจะสันนิษฐานได้ไม่ยากว่า ผู้อุ้มกบฏเหล่านั้นในอัฟกานิสถานเป็นใคร )
.
… Separatist insurgents in southwestern Pakistan have vowed to continue attacks on Beijing-led Belt and Road projects in the region, despite the assassination of their commander two weeks ago.
… A Baloch Liberation Army spokesperson said the group will continue to follow the path of their slain commander Aslam Baloch. "Our struggle will continue till the stoppage of exploitation of Baloch resources by China," said Jiyand Baloch, the spokesperson.
… Although the BLA hasn't claimed responsibility for any of these attacks, Balochistan security officials believe they were planned in Afghanistan, where Baloch was hiding. Islamabad has demanded that the Afghan government investigate Baloch's rumored hiding place in Kandahar, Pakistan Foreign Office spokesperson Muhammad Faisal said on Jan 3.
… It is no secret that Baloch insurgents sought sanctuary in Afghanistan, said Malik Siraj Akbar, an analyst based in Washington. "Despite repeated denials from the Baloch nationalists, it is widely known that Afghanistan has been the only relatively safe hideout for the Baloch fighters."
... https://asia.nikkei.com/Spotlight/B...aratists-vow-to-target-Belt-and-Road-projects
-
ส่วนดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา กองตรวจและเฝ้าระวังสภาวะอากาศ
รายงานการติดตามสภาวะอากาศเมื่อเวลา 18.00 วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2562
ภาคเหนือ : มีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนใหญ่เป็นเมฆชั้นต่ำ และเมฆฝน ตรวจพบกลุ่มฝน บริเวณ จ.กำแพงเพชร แพร่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : มีเมฆเป็นส่วนมาก ส่วนใหญ่เป็นเมฆชั้นต่ำ และเมฆชั้นสูง ตรวจไม่พบกลุ่มฝน ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคกลาง : มีเมฆบางส่วน เป็นเมฆชั้นต่ำ และเมฆฝน ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณ จ.นครสวรรค์ ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯและปริมณฑล ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก : มีเมฆมาก ส่วนใหญ่เป็นเมฆชั้นต่ำ และเมฆฝน ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณจ.ชลบุรี ระยอง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ภาคใต้ : มีเมฆเป็นส่วนมาก เป็นเมฆชั้นต่ำ และเมฆฝนฟ้าคะนอง ตรวจพบกลุ่มฝนบริเวณจ.เพชรบุรี พัทลุง ยะลา นราธิวาส ในอ่าวไทย ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
-
Candy Bella
... ลุงโฮ...
โฮจิมินห์เกิด เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1890/พ.ศ. 2433 ที่หมู่บ้านฮองตรู จังหวัดเงอัน ตอนบนของเวียดนาม เดิมชื่อเหงียนซินห์คุง (Nguyễn Sinh Cung) (เพื่อความสะดวกในการเขียนบทความ ผมขอเรียกท่านผู้นี้ตามชื่อที่รู้จักในปัจจุบัน คือ "โฮจิมินห์"/"โฮ"/"ลุงโฮ" แม้จะเป็นชื่อที่ท่านนำมาใช้ในภายหลังก็ตาม) บิดาคือ เหงียนซินซอค (Nguyễn Sinh Sắc) โฮเป็นบุตรชายคนที่ 2 ของครอบครัว เหงียนซินซอค ผู้บิดาเป็นข้าราชการท้องถิ่นที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่นอกบ้าน วันหนึ่งเมื่อโฮอายุ 11 ปี ขณะพ่อไม่อยู่บ้าน แม่ได้เสียชีวิตขณะให้กำเนิดบุตรชายคนที่ 3 ทำให้เขาต้องอยู่ในความดูแลของญาติๆ โฮเริ่มต้อนการศึกษาตามประเพณีจีน คือเรียนหนังสือจีนและปรัชญาขงจื๊อ เมื่อเป็นวัยรุ่นบิดาจึงได้ส่งเข้าเรียนโรงเรียนตามแบบฝรั่งเศส แม้ว่าพ่อของโฮจะเป็นข้าราชการแต่ก็มักวิจารณ์การบ้านการเมืองประมาณว่าเป็นไฉนเวียดนามจึงต้องเป็นเมืองขึ้นฝรั่งเศสได้ง่าย อันทำให้พ่อต้องถูกพักงานไปในที่สุด และต้องร่อนเร่ไปทำงานตามที่ต่างๆ ขณะที่โฮอยู่กับญาติๆ ที่เว้ นี่ก็เป็นปมในใจโฮอีกประการหนึ่งว่าพ่อต้องถูกลงโทษเพราะไปพูดในเรื่องที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นความจริง ต่อมาในปี 1908/พ.ศ.2451โฮได้เข้าเรียนที่สถาบันแห่งชาติที่เมืองเว้ วันหนึ่งโฮได้ช่วยชาวนากลุ่มหนึ่งที่ประท้วงข้าราชการระดับสูงเขียนคำร้องเป็นภาษาฝรั่งเศสเพื่อให้ข้าราชการฝรั่งเข้าใจ นั่นเป็นการปฏิวัติครั้งแรกที่ทำให้โฮต้องออกจากสถาบัน
เมื่ออายุ 21 ปี โฮจิมินห์เรียนพาณิชย์นาวีโดยการเป็นลูกมือในครัว และปี 1911/พ.ศ.2454 ก็ออกจากประเทศเวียดนามไปยังประเทศต่างๆ โดยทีแรกก็เป็นลูกมือในครัวของเรือฝรั่งเศส แต่ต่อมาก็ทำงานจิปาถะในประเทศต่างๆ เช่น เป็นคนล้างจานในไชน่าทาวน์ในอเมริกา เป็นเชฟด้านขนมอบในลอนดอน เป็นนักหนังสือพิมพ์ในฝรั่งเศส เป็นต้น รายละเอียดอยากให้ชมจากภาพยนตร์สารคดีเอาเองหรือค้นคว้าเพิ่มเติมกันบ้างนะครับ โดยสรุปในที่นี้คือช่วงที่ต้องระเหเร่ร่อนไปในที่ต่างๆ นี้ ลุงโฮได้พบทั้งความกดขี่ของระบอบอาณานิคมในต่างแดน ทั้งเสรีภาพของชนชั้นแรงงานในอเมริกาและเสรีภาพของชาวฝรั่งเศสที่มีมากกว่าคนเวียดนามที่ฝรั่งเศสปกครอง และได้พบกับกลุ่มต่อต้านจักรวรรดินิยม ซึ่งก็เป็นปัญญาชนจากบรรดาเมืองขึ้นทั้งหลายของชาติตะวันตกนั้นเอง บทบาทสำคัญประการหนึ่งในช่วงที่เขากลับมาฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 คือการเริ่มทำหนังสือพิมพ์ต่อต้านลัทธิเมืองขึ้น ใช้นามปากกาเหงียนอายควอก (Nguyễn Ái Quốc เหงียนผู้รักชาติ) ในสารคดีบอกว่าช่วงนั้นลุงโฮเพียงแค่เรียกร้องสิทธิอันเท่าเทียมและการปฏิบัติที่ดีต่อชาวเวียดนาม ยังไม่ถึงขั้นจะปฏิวัติแต่ประการใด แม้กระนั้นยังไม่วายถูกหมายหัวจากผู้ปกครองในเวียดนามประมาณว่าถ้าอีตาเหงียนคนนี้กลับมาเวียดนามเมื่อไหร่ละก็ ... ฮึ่มๆ
ปี 1919/พ.ศ. 2462 ประธานาธิบดีวู้ดโรว์ วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา เดินทางมาร่วมประชุมสันติภาพที่แวร์ซายส์พร้อมกับแผนสันติภาพ 14 ข้ออันลือชื่อ ซึ่งหลักใหญ่คือทุกชาติสมควรมีสิทธิในการตัดสินใจเอง ซึ่งลุงโฮก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าท่านวิลสันคงสนับสนุนให้ยุติระบบเมืองขึ้น จึงอุตส่าแต่งชุดสากลพร้อมหมวดทรงสูงซะโก้หรูเดินทางไปพบประธานาธิบดีวิลสันที่แวร์ซายส์เพื่อจะยื่นหนังสือแสดงรายละเอียดว่าฝรั่งเศสได้กดขี่ชาวเวียดนามมาขนาดไหน แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพบหรือแม้แต่ยื่นเอกสาร ถึงตรงนี้ใจผมก็นึกไปถึงเรื่อง Lawrence After Arabia ที่ท่านลอเรนซ์กับเจ้าชายไฟซาลต้องมา "อกหัก" กับการเจรจาสันติภาพที่แวร์ซายส์นี้เช่นกัน จะว่าท่านวิลสันไม่จริงใจก็ไม่เชิง คล้ายกับว่าผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจมันย่อมมาก่อนเรื่องของชนชาติเล็กๆ ไม่ว่าสมัยไหนก็ตาม อาการ "อกหักที่แวร์ซายส์" นี้ก็ไปเข้าทางให้บรรดาสหายเอียงซ้ายชักนำให้ลุงโฮหันไปหาระบอบคอมมิวนิสต์ของโซเวียตเข้า ปี 1920/พ.ศ. 2463 โฮกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส ต่อมาได้ไปมอสโคว์และร่วมคอมมินเทอร์นในปี 1923/พ.ศ. 2466 แล้วถูกส่งตัวไปยังกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีนเพื่อช่วยก่อตั้งโครงงานคอมมิวนิสต์ นับแต่นี้เองที่ลุงโฮเริ่มใช้ชีวิตที่ปกปิดยาวนานเกือบ 30 ปี โดยใช้ชื่อปลอมหลายชื่อ ในปี 1927/พ.ศ. 2470 โฮเกือบถูกจับเมื่อเจียงไคเช็คกวาดล้างคอมมิวนิสต์ โฮรอดมาได้และหนีเข้ามาในสยามหรือประเทศไทยในปัจจุบันของเรานี้แหละครับ โดยปลอมเป็นพระภิกษุในจังหวัดนครพนมซึ่งมีชุมชนชาวเวียดนามอยู่ ทศวรรษ 1930 ไม่มีรายงานว่าพบลุงโฮอีกเลย บ้างมีรายงานว่าตายแล้วด้วยซ้ำ
ลุงโฮปรากฏตัวอีกครั้งในราวสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อฝรั่งเศสยึดครองเยอรมัน ลุงโฮก็คิดว่าเป็นจังหวะดีที่จะได้ปลดปล่อยมาตุภูมิซะที ในต้นปี 1941/พ.ศ. 2484 ลุงโฮได้ข้ามชายแดนจีนเข้ามาในเวียดนามเหนือ และก่อตั้งขบวนการปลดปล่อยเวียดนามในชื่อว่า "เวียดมินห์" และเริ่มใช้ชื่อ "โฮจิมินห์" เป็นครั้งแรก ซึ่งแปลว่า "ผู้ให้แสงสว่าง" แม้ว่าลุงโฮจะเคยมีชื่อเสียงในหมู่ปัญญาชนเวียดนามจากบทความที่เขียนในต่างประเทศแล้วถูกลักลอบนำเข้ามา แต่คนส่วนใหญ่ของเวียดนามเป็นชาวชนบทที่ยังอ่านหนังสือไม่ออกกันเลยด้วยซ้ำ ลุงโฮจึงต้องเข้าหามวลชนด้วยตนเอง เข้าไปตีสนิทกับชาวบ้านเหมือนคนในครอบครัว ซึ่งในสารคดีบอกว่ามันก็คือบทบาทของพ่อลุงโฮที่เป็นอดีตข้าราชการท้องถิ่นนั่นเอง ในช่วงนี้ลุงโฮยังได้รวมองค์การชาตินิยมมากมายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเวียดมินห์ รวมถึงได้ "โวเหงียนเกี๊ยบ" มาเป็นขุนพลคู่ใจในช่วงนี้ด้วย ในการนี้ลุงโฮแกไม่เคยใช้คำว่า "คอมมิวนิสต์" หรือคำอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ถ้อยคำง่ายๆ เช่น ความเท่าเทียม การปฏิบัติที่ดี ฯลฯ ซึ่งทุกคนยอมรับได้ เมื่อญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์และเข้ายึดดินแดนต่างๆ ในเอเชีย โฮเดินทางไปยังตอนใต้ของจีนเพื่อขอความช่วยเหลือจากจีนคณะชาติแต่กลับถูกจับเพราะเป็นคอมมิวนิสต์และติดคุกอยู่ 14 เดือน จนได้รับการปล่อยตัวเมื่อปี 1943/พ.ศ. 2486 ลุงโฮจึงได้เดินเท้ากลับมายยังเวียดนามเหนือท่ามกลางความประหลาดใจของเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่คิดว่าลุงโฮคงตายไปแล้ว เมื่อกลับมาลุงโฮได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลืออเมริกันโดยการนำนักบินที่เครื่องบินถูกยิงตกกลับไปยังฐานทัพในจีน ทำให้ได้รับความช่วยเหลือต่างๆ จากสหรัฐฯ ตรงนี้ผมขอชี้ประเด็นนิดนึงว่า ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐฯ เองก็ได้ช่วยเหลือ "คอมมิวนิสต์" ทั้งสหายสตาลินแห่งรัสเซีย ทั้งเหมาเจ๋อตุงในจีนพร้อมๆ กับเจียงไคเช็ค แล้วยังจะลุงโฮในเวียดนาม เพียงเพื่อให้ได้ชนะศึก แล้วหลังจากนั้นก็มาต่อต้าน "คอมมิวนิสต์" อย่างเอาเป็นเอาตายในช่วงสงครามเย็น แล้วเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกันกับ "คอมมิวนิสต์" เหล่านี้เป็นอย่างไรล่ะครับ การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรจริงๆ
ส.ค.1945/พ.ศ. 2488 ญี่ปุ่นยอมจำนนอันเป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดช่องว่างในการปกครองเวียดนาม โฮจิมินห์กับโวเหงียนเกี๊ยบเข้าควบคุมเวียดนามเหนือ โฮประกาศเอกราชที่ฮานอยในวันที่ 2 ก.ย.1945/พ.ศ. 2488 โดยใช้สุนทรพจน์ที่ดัดแปลงมาจากคำประกาศเอกราชของสหรัฐฯ แทนที่จะใช้คำพูดแบบเอียงซ้าย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าโฮต้องการให้ความรู้สึกว่าการประกาศเอกราชของเวียดนามก็ไม่ต่างจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศตนเป็นเอกราชจากอังกฤษ อันเป็นการขอความเห็นใจหรือรู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ต่อมาโฮเดินทางไปเจรจาสันติภาพที่ปารีสเพื่อประนีประนอมกับฝรั่งเศส แต่กลับล้มเหลว กองทัพฝรั่งเศสกลับมายังเวียดนามอีก สถานการณ์ยังคงเลวร้าย ไม่ว่าการปราบปรามที่รุนแรงหรือการส่งออกทรัพยากรจากเวียดนามไปยังฝรั่งเศส โฮจิมินห์ขอให้สหรัฐฯ ช่วยแต่ไม่ได้รับคำตอบเพราะสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯ กับโซเวียต ทำให้สหรัฐฯ ต้องการความร่วมมือของฝรั่งเศสในการปกป้องยุโรปแลกกับการไม่ไปยุ่งเมืองขึ้นฝรั่งเศส ในที่สุดโฮจิมินห์กับโวเหวียนเกี๊ยบก็เข้าป่าไปจับอาวุธสู้กับฝรั่งเศสจนได้ชัยชนะที่เดียนเบียนฟู ในเดือนมีนาคม 1954/พ.ศ. 2497 เรื่องการรบที่เดียนเบียนฟูนี้ ในสารคดีอธิบายว่าหลังจากสู้รบกับเวียดมินห์ในสงครามกองโจรมาจนเหนื่อยแล้ว ฝรั่งเศสได้พยายามสร้าง "กับดัก" ให้เวียดมินห์เข้ามาติดกับและจบสงครามลง แต่ผลสุดท้ายฝรั่งเศสกลับเป็นผู้ติดกับดักเสียเองแล้วสงครามก็จบลงในแบบตรงกันข้ามกับที่ฝรั่งเศสคาด ฟังดูก็ช่างหาคำพูดมาถากถางฝรั่งเศสได้สะใจดี แต่ไม่มีการอธิบายแผนการรบของแต่ละฝ่ายอย่างชัดเจน ทิ้งไว้เป็นการบ้านให้ผู้สนใจค้นคว้ากันต่อก็แล้วกันครับ จากนั้นมีการเจรจาสันติภาพที่กรุงเจนีวา ปรากฏว่าชัยชนะของเวียดมินห์ไม่ได้ทำให้อะไรราบรื่นเมื่อบรรยากาศทางการเมืองระหว่างประเทศในช่วงสงครามเย็นทำให้โฮถูกจีนและโซเวียตบีบให้รับสัญญาสันติภาพที่แบ่งเวียดนามตรงเส้นขนานที่ 17 ไปก่อน พร้อมกับคำสัญญาว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ ที่เวียดมินห์น่าจะได้รับชัยชนะ หลังการเจรจาสันติภาพ เวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศ โฮมุ่งมั่นสร้างรัฐสังคมนิยมตามแบบอย่างจีน ซึ่งมีผลเสียอย่างร้ายแรงที่ทำให้เจ้าของที่ดินมากมายถูกประหารชีวิต และมีการคอร์รัปชั่นจนลุงโฮต้องออกมาขอโทษ แต่นักวิจารณ์มองว่าคนก็ตายไปแล้วลุงเอ๋ย มาขอโทษทีหลังมันจะมีประโยชน์อะไร ทางเวียดนามใต้ สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนรัฐบาลเผด็จการโงดินเดียมและละเมิดสัญญาที่จะให้มีการเลือกตั้งทั่วประเทศ โงดินเดียมนั้นไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนมากนัก มีการต่อต้านในรูปแบบสงครามกองโจรอย่างมาก ยิ่งทำให้สหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงด้วยข้ออ้างว่าเพื่อสกัดกั้นคอมมิวนิสต์ จนเกิดสงครามระหว่างเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้ขึ้นในปี 1966/พ.ศ. 2509 ครั้งนี้แหละครับที่ลุงแซมมหามิตรของเราเที่ยวชวนบรรดาชาติพันธมิตรทั้งหลายแหล่รวมทั้งพี่ไทยเราเองเข้าไปร่วมมหกรรมต่อต้านและสกัดกั้นคอมมิวนิสต์กันเอิกเกริก คนเอียงขวาหน่อยก็บอกว่ามันจำเป็นที่ไทยต้องเข้าร่วมสกัดกั้นคอมมิวนิสต์ รวมทั้งรักษาสถาบันหลักๆ และเอกราชของชาติแบบรบในบ้านดีกว่ารบนอกบ้าน อะไรปานนั้น ทางฝ่ายที่เอียงซ้ายก็บอกว่าเป็นการแทรกแซงเรื่องในบ้านเขาที่ต้องมีการรวมชาติปลดแอกจักรวรรดินิยมอเมริกาต่อจากจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส อะไรไปนู่น ไม่ว่าจะผิดถูกอย่างไรทหารไทยก็ได้สร้างวีรกรรมในสงครามเวียดนามไว้ไม่น้อย ดังเช่นในบทความ"พันโททวี ปูรณโชติ ขุนศึกแห่งลุ่มน้ำซุยคา" ของ "พันทิวา" ที่ผมเคยนำเสนอไว้ พูดมากจะนอกเรื่องไปกันใหญ่ ย้อนกลับมาที่ลุงโฮ ณ เวลานั้นอายุอานามปาเข้าไปตั้ง 76 แล้ว แทบไม่ได้มีส่วนอะไรในการบัญชาการรบ แล้วก็ต้องจบชีวิตลงก่อนในวันที่ 2 กันยายน 1969/พ.ศ. 2512 เมื่ออายุได้ 79 ปี อีก 6 ปีต่อมาคือ 1975/พ.ศ.2518 เวียดนามเหนือจึงได้รับชัยชนะสามารถรวบรวมประเทศได้สมความปรารถนาซะที แล้วจึงได้เปลี่ยชื่ออดีตเมืองหลวงของเวียดนามใต้จาก "ไซ่ง่อน" มาเป็น "โฮจิมินห์ซิตี้" เพื่อเป็นเกียรติแก่โฮจิมินห์
ที่มา :http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538780028&Ntype=11
-
แดง วงศ์ทวิชาติ
น้ำท่วมลาว..เกิดฝนตกหนักทางภาคเหนือ สปป.ลาว ส่งผลให้มีน้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือน ในเขตเมืองบุนเหนือ แขวงพงสาลี เมื่อ 8 ม.ค.2562 #ลาว #พงสาลี
-
คาเธ่ย์ หมี
#ฆาตกรรมฝูงลิง !! โดยผู้ที่ไม่หวังดี..
ใช้ยาโรยใส่แตงโม ให้ฝูงลิงกิน #ระยอง
(9 มค.62) อาสากู้ภัยพุทธศาสตร์ จุดกระแสบน ทำการเก็บศพลิง ที่นอนตาย ริมถนนและล่องชายคลอง เป็นจำนวนมาก
ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ เบื้องต้นพบซองยา ไม่ทราบชนิด และเปลือกแตงโม จำนวนหนึ่ง ว.00 ร้อยเวร สภ.แกลง...
เข้าพื้นที่ตรวจสอบ จุดเกิดเหตุ หลังวัดยางงาม ม.5 บ้านยางงาม ต.กระแสบน อ.เเกลง จ.ระยอง
ข้อมูลภาพที่มา: อ.อู๊ด หน่วยเคลื่อนที่เร็ว
กู้ภัยพุทธศาสตร์
-
รู้สู้ภัย
#แผ่นดินไหว ขนาด 5.1 นอกชายฝั่งทางตอนเหนือ
เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ที่ความลึก 10 กิโลเมตร
เมื่อเวลา 16:39 น. ตามเวลาประเทศไทย
-
ซาอุฯ จับใส่กุญแจมือ เนรเทศชาวโรฮิงญาไปบังกลาเทศ (คลิปวิดีโอ) โดย กองบรรณาธิการ - 8 มกราคม 2019
เด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าเต็นท์ที่บริจาคโดยซาอุดิอาระเบียที่ค่ายผู้พลัดถิ่นในประเทศพม่า [ไฟล์: Jonas Gratzer / Getty Images] Via Aljazeera
ชาวโรฮิงญาหลายสิบคนถูกเนรเทศจากซาอุดิอาระเบียไปยังบังกลาเทศ แม้พวกเขาจะมาจากพม่าก็ตาม อัลจาซีรารายงานอ้างมิดเดิลอีสต์อาย
ในวิดีโอคลิปที่ถูกส่งไปยังเว็บไซต์ของสำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อาย (MEE) เมื่อวันอาทิตย์ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา เผยให้เห็นมีคนเข้าแถวรอการเนรเทศที่ศูนย์กักกันชูมัยซี (Shumaisi) ในเจดดาห์
ชาวโรฮิงญาบางคนถูกใส่กุญแจมือหลังจากที่พวกเขาพยายามที่จะต่อต้านการเนรเทศไปยังบังกลาเทศ ตามคลิปที่ถูกส่งถึงสำนักข่าวมิดเดิลอีสต์อาย
ชายชาวโรฮิงญาที่ถ่ายทำวิดีโอกล่าวว่า ผู้ชายที่ถูกขังในศูนย์กักกันซาอุดิอาระเบียนานถึงหกปีก็จะถูกเนรเทศ
“ผมอยู่ที่นี่มาห้าถึงหกปีแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังส่งผมไปยังบังกลาเทศ โปรดอธิษฐานให้ผมด้วย” ชายในวิดีโอกล่าว
“ พวกเขามาถึงห้องขังของเราในตอนกลางคืนเวลา 12.00 น. (เที่ยงคืน) บอกให้เราเก็บกระเป๋าและเตรียมพร้อมสำหรับบังกลาเทศ” นักโทษชาวโรฮิงญาที่ขอให้ปิดบังชื่อบอกกับมิดเดิลอีสต์อาย
“ตอนนี้ผมถูกใส่กุญแจมือและถูกนำตัวส่งไปยังประเทศที่ผมไม่ได้จากมา – ผมเป็นชาวโรฮิงญาไม่ใช่ชาวบังกลาเทศ”
มีรายงานว่าพวกเขาหลายคนเข้าประเทศซาอุดิอาระเบียด้วยวีซ่าแสวงบุญ แต่อยู่เกินกำหนดเพื่อทำงาน
ผู้ถูกคุมขังบางคนถูกขังบอกว่า พวกเขาอาศัยอยู่ในซาอุดิอาระเบียตลอดชีวิตของพวกเขา และถูกส่งไปยังศูนย์กักกันหลังจากตำรวจซาอุดิอาระเบียพบพวกเขาที่ไม่มีเอกสาร
ไม่มีใครพร้อมช่วยเหลือ
เนย ซาน ลวิน (Nay San Lwin) นักกิจกรรมชาวโรฮิงญาบอกกับอัลจาซีรา จากแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีว่า ชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่เข้าสู่ซาอุดิอาระเบียในปี 2012 (พ.ศ.2555) หลังจากความรุนแรงในรัฐยะไข่เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาได้ช่วยเหลือครอบครัวที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ แต่เมื่อเครื่องของพวกเขาลงจอดในกรุงธากา พวกเขาจะกลายเป็นผู้ลี้ภัยและถูกนำไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองคอกซ์บาซาร์
เนย ซาน อธิบายว่า เมื่อเข้าสู่ซาอุดิอาระเบีย ลายนิ้วมือของพวกเขาได้รับการลงทะเบียนเป็น “อินเดีย, ปากีสถาน, บังกลาเทศ, เนปาล” เนื่องจากไม่ยอมรับตัวตนของชาวโรฮิงญา
“ตามกฎหมายของซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากพวกเขาถูกจดทะเบียนเป็นสัญชาติอื่น เราจึงไม่สามารถทำสิ่งใดในแง่ของความช่วยเหลือทางกฎหมายได้” เนย ซาน กล่าว และว่า
“ซาอุดิอาระเบียจะนำเจ้าหน้าที่จากสี่สถานทูตไปที่ศูนย์กักกัน สถานทูตสามแห่งปฏิเสธ [ที่จะยอมรับพวกเขา] บังกลาเทศเป็นเพียงประเทศเดียวที่ยอมรับพวกเขา”
ชาวมุสลิมโรฮิงญาจากพม่านั้นถูกอธิบายว่าเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกรังแกมากที่สุดในโลก พวกเขาต้องเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงในพม่ามานานหลายทศวรรษ
ชาวโรฮิงญาเกือบหนึ่งล้านคนถูกบังคับให้ลี้ภัยในบังกลาเทศหลังจากกองทัพพม่าตอบโต้การโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธ และได้เปิดปฏิบัติการทางทหารอย่างโหดร้ายเพื่อต่อต้านชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่ทางตะวันตกของประเทศในปี 2560
https://www.publicpostonline.net/21513 -
Sentangsedtee - เส้นทางเศรษฐี
เตือนคนกรุงเทพ! ไวรัสซิกา ระบาดหนัก เสี่ยงติดเชื้อ ระวังยุงลาย
#ไวรัสซิกา #ระบาดหนัก #ติดเชื้อ #ยุงลาย
-
ใช้พาสปอร์ตกัมพูชา เป็นชาวกัมพูชาหรือ
Matichon Online - มติชนออนไลน์
เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์เผย ‘ยิ่งลักษณ์’ ใช้พาสปอร์ตกัมพูชา เปิดบริษัทที่ฮ่องกง #พาสปอร์ตกัมพูชา #มติชนต่างประเทศ #มติชนออนไลน์
-
มท.ยกระเบียบฯ สะกัดท้องถิ่นแถบอีสาน มั่วเบิกงบจังหวัดผ่านผู้นำชุมชนเแจกค่าเดินทาง เกณฑ์ชาวบ้านร่วมเวทีประชาคม
เผยแพร่: 9 ม.ค. 2562 13:27 ปรับปรุง: 9 ม.ค. 2562 14:06 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
มท.ยกระเบียบฯ สะกัดท้องถิ่นแถบอีสานหัวหมอ เบิกจ่ายงบประมาณจังหวัด ใส่ซองผ่านผู้นำชุมชน อ้างเแจกเป็นค่าเดินทาง เกณฑ์ชาวบ้านเข้าร่วมประชุมประชาคม ย้ำระเบียบค่าเดินทาง เจ้าหน้าที่รัฐ/ท้องถิ่นมีสิทธิเท่านั้น ประชาชนร่วมประชุมไม่มีสิทธิได้
วันนี้ (9 ม.ค.) แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยแห่งหนึ่งมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้มีคำสั่งระงับการเบิกจ่ายค่าพาหนะเดินทางให้แก่ประชาชน ภายหลังผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแห่งหนึ่งมีหนังสือผ่านจังหวัด สอบถามมายังกระทรวงมหาดไทย กรณีองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในพื้นที่ขอเบิกจ่ายงบประมาณของจังหวัดเพื่อใช้เป็นค่าเดินทางให้แก่ประชาชนในการเข้าร่วมประชุประชาคมของ อบจ.ในสัดส่วนระดับอำเภอ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมนับพันคน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อใช้เป็นค่าเดินทางให้แก่ประชาชนที่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ มาร่วมกิจกรรม ที่อาจเป็นกิจกรรมทางการเมืองหรือกิจกรรมที่หน่วยงานรัฐจัดขึ้น ซึ่งจังหวัดแห่งนี้เห็นว่าตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
รวมถึงหนังสือซักซ้อมแนวทางการจัดทำและประสานแผนพัฒนาท้องถิ่นสี่ปี (พ.ศ. 2561-2564) ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาของกระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
"ไม่ได้กำหนดให้มีการจ่ายค่าพาหนะให้แก่ประชาคม หรือผู้แทนชุมชนในการเข้าร่วมการประชุมประชาคมหรือจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นได้ จึงไม่สามารถเบิกจ่ายพาหนะดังกล่าวได้"
นอกจากนี้ ตามระเบียบดังกล่าวกำหนดว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่รวมถึงนายก อบจ. นายกเทศมนตรี นายก อบต. รองนายก อบจ. รองนายกเทศมนตรี รองนายก อบต. ที่ปรึกษาฯ เลขานุการ พนักงาน อปท.และลูกจ้าง ซึ่งได้รับค่าจ้างจากเงินงบประมาณ รายจ่ายของ อปท. หรือผู้บริหารมีคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการ ได้กำหนดให้เบิกค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการได้
"อย่างไรก็ตาม ในกรณีของประชาชนที่มีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัดหรือประชาคม มิใช่เจ้าหน้าที่ตามระเบียบนี้ จึงไม่อาจเบิกค่าพาหนะเดินทางให้กับประชาคมได้เช่นกัน"
มีรายงานว่า ที่ผ่านมา อปท.หลายพื้นที่มีความพยายามที่จะขอเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้แก่ประชาชนในพื้นที่เพื่อมาร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานของรัฐ บางหน่ายงานระบุมีเพียงค่าอาหาร และค่าเครื่องดื่มเท่านั้น แต่มีบางแห่งระบุค่าเดินทางไว้ให้แก่ผู้นำชุมชนด้วย
https://mgronline.com/politics/detail/9620000002841 -
คนนี้ใคร หน้าตาคุ้นๆ
-
MOREMOVE
#มอร์มูฟเป็นข่าว รีบขายเอาเงินก่อน!!!! #รัฐบาลอิสราเอลเตรียมส่งออกกัญชาหาเงินเข้าคลัง หวั่นอนาคตคนปลูกเยอะทำราคากัญชาตกลง โดยกระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุขอิสราเอล คาดการณ์กันว่า การส่งออกกัญชาจะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (32,810 ล้านบาท)
#อิสราเอลมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการปลูกกัญชา หลายบริษัทของอิสราเอลที่เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีการแพทย์และการเกษตร อยู่ในกลุ่มผุ้ผลิตกัญชาเพื่อเป็นยารายใหญ่ที่สุดของโลก
Source : dailynews - https://bit.ly/2C7VlFe
โดยเรื่องนี้ สมาชิกรัฐสภาอิสราเอลระดับอาวุโส เผยว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลอิสราเอลจะอนุมัติให้มีการส่งออกกัญชาเพื่อการแพทย์ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่จะช่วยเพิ่มเงินในคลังของรัฐ และหน่วงเหนี่ยวบริษัทอิสราเอลที่ไปตั้งฟาร์มปลูกกัญชาในต่างแดนมากขึ้น
ปัจจุบันมีบริษัทปลูกกัญชารายใหญ่ในอิสราเอล 8 บริษัท #หลายบริษัทพยายามหาทางเปิดฟาร์มปลูกในต่างแดนเพื่อเข้าสู่ตลาดระหว่างประเทศ รัฐบาลอิสราเอลเผยว่า ได้รับคำร้องจากเจ้าของธุรกิจจำนวนมากซึ่งกำลังรอรัฐบาลอนุมัติการส่งออกกัญชา.
-
ย่อโลก
#สาวซาอุฯได้สถานะผู้ลี้ภัยแล้ว
#รอประเทศปลายทางตอบรับ
ทางการออสเตรเลียเปิดเผยว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) มอบสถานะผู้ลี้ภัยให้กับนางสาวราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนัน สาวซาอุดีอาระเบียวัย 18 ปี ที่ขังตัวเองในห้องพักภายในสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อปฏิเสธการถูกส่งกลับ จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกแล้ว และตอนนี้รัฐบาลออสเตรเลียกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะรับเธอเข้าประเทศในฐานะผู้ลี้ภัยหรือไม่
.
.
ขณะที่พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเปิดเผยวันนี้ว่า เท่าที่ทราบจาก UNHCR มีหลายประเทศที่ยื่นข้อเสนอให้สาวซาอุฯ คนนี้ลี้ภัย โดยจะมีความชัดเจนในอีก 2 วันข้างหน้า พร้อมระบุว่า พ่อกับพี่ชายที่เดินทางมาไทยหวังจะพบสาวซาอุฯ คนนี้ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พบเพราะเธอไม่ยินยอม
#ย่อโลก
-
ฝันดีครับ
เหตุต้น - ผลกรรม
คนเราทุกเ้พศทุกวัยนั้น ที่เกิดมาทุกข์ยากลำบากหรือมั่งมีศรีสุข (น่าอิจฉา) ล้วนเป้นผลกรรมจากชาติปางก่อน
เหตุของผลบุญนั้นคือกตัญญูต่อพ่อแม่ เคารพพระรัตนตรัยเป็ยเบื้องต้น ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ปล่อยชีวิตสัตว์ บริจาคทาน หมั่นเจริญภาวนา สร้างกุศลเพื่อเป็นเนื้อนาบุญแก่ตนเองในชาติต่อไป
***กระทู้นี้ยาวพอสมควรถ้าคิดว่าความอดทนไม่พอก็กดออกไปนะครับ แต่ขอแนะนำว่าถ้าได้อ่านเพียงข้อเดียวคุณจะหยุดไม่ได้
เหตุต้น - ผลกรรม
เหตุใด - มีพาหนะคู่กายเดินทางสุขสบาย
ผลจาก - ชาติก่อนซ่อมสร้างสะพานทางสัญจร
เหตุใด - มีเสื้อผ้าสวยๆ สวมใส่ แต่งกายดูดี
ผลจาก - ชาติก่อนถวายจีวรแด่พระสงฆ์
เหตุใด - มีเสื้อผ้าอาหารบริบูรณ์
ผลจาก - ชาติก่อนเกื้อหนุนให้ข้าว-น้ำแก่คนยากจน
เหตุใด - อัตคัดอดอยาก ยากไร้
ผลจาก - ชาติก่อนตระหนี่ไม่ให้ทาน
เหตุใด - มีบ้านเรือนใหญ่โต โอฬาร
ผลจาก - ชาติก่อนถวายข้าวสารเข้าวัด
เหุตุใด - บุญวาสา สักการะบริบูรณ์
ผลจาก - ชาติก่อนสร้างวัด ศาลาที่พักร้อน
เหตุใด - เกิดมางามสง่า หน้าตาดี
ผลจาก - ชาติก่อนถวายดอกไม้สดบูชาพระ
เหตุใด - เกิดมาปราดเปรื่องเรืองปัญญา
ผลจาก - ชาติก่อนภาวนาหมั่นสวดมนต์
เหตุใด - สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกัน
ผลจาก - ชาติก่อนถวายธงคู่ประดับพระ
เหตุใด - มีพ่อมีแม่อยู่พร้อมหน้า
ผลจาก - ชาติก่อนไม่ดูแคลนคนไร้ญาติ
เหตุใด - ขาดพ่อขาดแม่เป็นกำพร้า
ผลจาก - ชาติก่อนพรากชีวิตยิงนกกา
เหตุใด -ลูกหลานมากมายใกล้ชิดแลไม่เหงา
ผลจาก - ชาติก่อนช่วยชีวิตปล่อยนกกา
เหตุใด - ชาตินี้ไม่มีลูก
ผลจาก - ชาติก่อนผูกใจเกลียดลูกหลานเขา
เหตุใด - มีอายุยั่งยืนนาน
ผลจาก - ชาติก่อนทำทานซื้อสัตว์ปล่อย
เหตุใด - อายุสั้นในชาตินี้
ผลจาก - ชาติก่อนคร่าชีวีเขาทั้งหลาย
เหตุใด - ชาตินี้ขาดสามีต้องเป็นหม้าย
ผลจาก - ชาติก่อนทำร้ายดูหมิ่นสามี
เหตุใด - ชาตินี้ไม่มีเมีย
ผลจาก - ชาติก่อนลักลอบล่วงเกินลูกเมียเขา
เหตุใด - ชาตินี้ต้องต่ำเป็นบ่าวไพร่
ผลจาก - ชาติก่อนเนรคุณไม่จริงใจ
เหตุใด - ชาตินี้มีดวงตางดงาม
ผลจาก - ชาติก่อนจุดโคมไฟถวายน้ำมัน
เหตุใด - ชาตินี้เป้นหนวกใบ้
ผลจาก - ชาติก่อนด่าพ่อแม่พูดหยาบคาย
เหตุใด - ชาตินี้จึงหลังโก่งค่อมคด
ผลจาก - ชาติก่อนยิ้มเยาะนักพรตคนไหว้พระ
เหตุใด - เกิดเป็น ม้า วัว ควาย
ผลจาก - ชาติก่อนเป้นหนี้ไม่จ่ายคืน (คิดว่าน่าจะเป้นกรณีมีแล้วไม่จ่าย แต่ถึงอย่างไร อย่าเป็นหนี้ดีที่สุด)
เหตุใด - ชาตินี้สุขภาพดีไร้โรคภัย
ผลจาก - ชาติก่อนบริจาคยาช่วยคนไข้
เหตุใด - ยากจนไร้ญาติขาดมิตร
ผลจาก - ชาติก่อนใจร้ายไม่ลดลา
เหตุใด - ถูกวางยาฆ่าให้ตาย
ผลจาก - วางลอบไซ กั้นคูคลอง ยาเบื่อปลา
เหตุใด - เลี้ยงลูกไม่โต ซ้ำขี้โรค
ผลจาก - ชาติก่อนจิตพยาบาทคาดแค้นใครเขาไว้
เหตุใด - นัยน์ตาบอดมืดมน
ผลจาก - ชาติก่อนชอบดูสื่อหยาบสิ่งลามก
เหตุใด - เกิดชาตินี้ปากแหว่งจมูกโหว่
ผลจาก - ชาติก่อนชอบนินทาว่าร้ายพูดไม่ดี
เหตุใด - ชาตินี้ง่อยเปลี้ยเสียแขน
ผลจาก - ตีพ่อแม่ ทารุณท่าน
เหตุใด - ชาตินี้ขาลีบงอคดโก่งพิการ
ผลจาก - ชาติก่อนทำลายสะพานทางสัญจร
เหตุใด - ชาตินี้โรคมากลำบากกาย
ผลจาก - ชาติก่อนเห็นใครวอดวายนึกยินดี
เหตุใด - ชาตินี้เกิดมาเป็นหมู หมา
ผลจาก - ชาติก่อนเจตนาหลอกลวงคน
เหตุใด - ชาตินี้ถูกจองจำ
ผลจาก - ชาติก่อนเห้นใครอันตรายไม่คิดช่วย
เหตุใด - ชาตินี้น่าสงสารต้องอดตาย
ผลจาก - ชาติก่อนเยาะหยันด่าขอทาน
เหตุใด - ชาตินี้เกิดมารูปชั่ว ต่ำเตี้ย
ผลจาก - ดูถูกคนรับใช้ หรือคนด้อยกว่าเมื่อชาติก่อน
เหตุใด - ชาตินี้ต้องอาเจียนเป็นโลหิต
ผลจาก - ชาติก่อนใส่ไคล้ยุแหย่คน
เหตุใด - ชาตินี้หูหนวกไม่ได้ยิน
ผลจาก - ชาติก่อนปิดใจไม่เชื่อพระธรรมคำสอน
เหตุใด - ชาตินี้เป้นโรคเรื้อนแผลเน่าเรื้อรัง
ผลจาก - ชาติก่อนทำร้ายทารุณสัตว์ไม่ปราณี
เหตุใด - กลิ่นตัวแรงน่ารังเกียจ
ผลจาก - ชาติก่อนขี้อิจฉาริษยาใครดีเกินหน้า
เหตุใด - ชาตินี้ต้องแขวนคอตายเพื่อชดใช้กรรม
ผลจาก - ชาติก่อนทำผู้อื่นเสียหายตนได้ดี
เหตุใด - ชาตินี้ต้องอ้างว้างต้องเป้นหม้าย
ผลจาก - ชาติก่อนใจร้ายไม่รักลูกเมีย
เหตุใด - ต้องเจ็บปวดเพราะไฟไหม้ ฟ้าผ่า
ผลจาก - ชาติก่อน ไม่สนับสนุนคนบวชเรียน
เหตุใด - ถูกงูกัด เสือขบ ทำร้ายเอา
ผลจาก - ชาติก่อนก่อภัยส้างศัตรู
เหตุใด - สร้างข่าวลือทำลาใครต่อใคร
ผลจาก - จะต้องตายเพราะถูกวางยา
เหตุใด - อยู่คนเดียว โดดเดี่ยวไร้คู่
ผลจาก - ล่วงเกินลูกเมียเขา
เหตุใด - ได้ภรรยาสวย สะใภ้ดี เป็นศรีศักดิ์
ผลจาก - อนุโมทนา ร่วมทำบุญทั่วไป
เหตุใด - มีบุญกุศลมากมายล้นเหลือ
ผลจาก - ชอบบอกเล่ากฎแห่งกรรม
เหตุใด - มียศฐาบันดาศักดิ์
ผลจาก - ถวายเงิน ปิดทอง จำลองพระ
เหตุใด - เป็นคนสะสวยงดงาม
ผลจาก - ถวายดอกไม้่สดบูชาพระ
เหตุใด - เป็นที่ชื่นชอบแก่คนทุกคน
ผลจาก - ช่วยแนะนำคนหลงทาง
คัดลอกจาก การ์ตูนคัมภีร์ธรรม เหตุต้น - ผลกรรม
แปลและเรียบเรียงโดย ศุภนิมิต
กุมภาพันธ์ 2531
https://www.dek-d.com/board/view/1499211/ -
เจนจิรา จันทรเสนา
สถานทูตและสถานกงสุลเกือบ 20 แห่งในออสเตรเลีย ได้รับ "พัสดุต้องสงสัย" ที่คาดว่าเป็นวัตถุอันตราย!
อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ปากีสถาน ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ สเปน สวิตเซอร์แลนด์ อียิปต์ อินโดนีเซีย และรวมทั้งไทยด้วยค่ะ
คุณตำรวจออสซี่..เร่งตรวจสอบอยู่จ้า!
-
Watchers
#Earthquake
//รายงานแผ่นดินไหวใกล้ไทย ประจำวันที่ 9-10 มกราคม 2562 //
วันที่ 9 ม.ค. 2562
เวลา 16:39 น. ตามเวลาประเทศไทย
แผ่นดินไหวขนาด 5.1
Off West Coast of Northern Sumatra (ตอนเหนือเกาะสุมาตรา)
พิกัด (3.87,95.66)
ความลึก 53 กม.
https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000j1tl/executive
เวลา 21:13 น. เวลาไทย
แผ่นดินไหว พรมแดนประเทศพม่า-จีน พิกัด (21.22,101.70)
ขนาด 3.4
ความลึก 10 กม.
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ประมาณ 169 กม.
[TMD] (http://www.earthquake.tmd.go.th/inside-info.html?earthquake=5457)
เวลา 22:21 น. ตามเวลาไทย
แผ่นดินไหว พรมแดนประเทศพม่า-จีน
พิกัด (21.23,101.58)
ขนาด 3.9
ความลึก 9 กม.
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ประมาณ 159 กม.
[TMD] (link: http://bit.ly/2H5z94k)
วันที่ 10 ม.ค. 2562
เวลา 01:48 น.ตามเวลาไทย
แผ่นดินไหว พรมแดนประเทศพม่า-จีน
พิกัด (21.10,101.55)
ขนาด 3.0
ความลึก 5 กม.
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ประมาณ 149 กม.
[TMD] (link: http://bit.ly/2H2XiZf)
วันที่ 10 ม.ค. 2562
เวลา 04:23 น. ตามเวลาไทย
แผ่นดินไหว ประเทศพม่า
พิกัด (14.79,93.68)
ขนาด 3.8
ความลึก 10 กม.
ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.พบพระ จ.ตาก ประมาณ 565 กม
[TMD] (link: http://bit.ly/2H56Pzj)
#Watchers
หน้า 2157 ของ 11173