ผู้โดยสารไม่ถูกแช่แข็งหรือ
ImpactoVisión Noticias
เนื่องจากหิมะตกหนัก รถไฟจึงติดอยู่ในหิมะในภาพที่น่าตกใจ ของเยอรมนี
ติดตามสถานะการณ์
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.
หน้า 2163 ของ 11172
-
-
Desastres Naturales con Marcelo Moncayo Theurer
ภูเขาไฟบนดวงจันทร์ ของดาวพฤหัสบดี ปะทุ
รูปภาพ
https://www.climaseveromundial.com/2019/01/fotos-volcan-de-la-luna-de-jupiter.html?m=1
-
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 11) ทรัมป์กำลังพิจารณาใช้อำนาจฉุกเฉินในการอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐฯ–เม็กซิโก โดยไม่ผ่านสภาครองเกรส : สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ประธานาธิบดี Trump กำลังพิจารณาใช้อำนาจฉุกเฉินในการอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐฯ–เม็กซิโก โดยไม่ผ่านสภาครองเกรส
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Trump ซึ่งกำลังเดินทางไปยังชายแดนในเมือง McAllen ของรัฐเท็กซัส ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ทีมทนายยืนยันว่าตนสามารถใช้อำนาจฉุกเฉินดังกล่าวเพื่อสร้างกำแพงได้ ซึ่งหากสภาครองเกรสยังคงไม่ยินยอมอนุมัติงบประมาณในการสร้างกำแพง ตนก็อาจจะประกาศใช้อำนาจฉุกเฉิน “I would almost say definitely.”
นอกจากนี้ ประธานาธิบดี Trump ยังได้กล่าวโจมตีผู้นำพรรค Democrats ทั้งนาง Nancy Pelosi, House of Representatives Speaker และนาย Chuck Schumer, Senate Democratic leader ว่า มีความน่ายกย่องน้อยกว่าทางการจีน โดยตนคิดว่าการเจรจากับรัฐบาลจีนยังง่ายกว่าการเจรรจากับพรรคฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก
อนึ่ง ประธานาธิบดี Trump อาจจะต้องเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายหากตัดสินใจใช้อำนาจฉุกเฉิน เนื่องจากสมาชิกพรรค Democrat หลายท่านเห็นว่าประธานาธิบดี Trump ไม่สามารถใช้อำนาจดังกล่าวกับการสร้างกำแพงได้ ซึ่งท้ายที่สุดจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล สำหรับสถานะการณ์ government shutdown นั้น มีความเป็นไปได้ว่าจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นในวันศุกร์นี้ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐอีกกว่า 8 แสนคน จะไม่ได้รับเงินเดือนเป็นครั้งแรก ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าตระเวนชายแดนและเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยของสนามบิน
Source: BOTSS
- Trump threatens to use emergency power to build wall, end shutdown: https://www.reuters.com/article/us-...ower-to-build-wall-end-shutdown-idUSKCN1P416X -
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 11) Powell ย้ำการดำเนินนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป : นาย Jerome Powell, Federal Reserve Chairman ให้สัมภาษณ์ ณ The Economic Club of Washington, D.C. เน้นย้ำถึงแนวทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในลักษณะ patient, flexible และ wait-and-see ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป สอดคล้องกับเนื้อหาในรายงาน FOMC Minutes ในส่วนของแนวทางการปรับลดขนาด Balance Sheet นาย Powell กล่าวว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินการตามแผนต่อไป ซึ่งท้ายที่สุดจะมีขนาดเล็กกว่าในปัจจุบันมาก แต่ยังคงใหญ่กว่าในช่วง pre-crisis
นอกจากนี้ นาย Powell เผยว่าตนยังมิได้รับคำเชิญเข้าพบประธานาธิบดี Trump จากทำเนียบขาว ซึ่งตนยังไม่เคยเห็น Fed Chair ท่านใดในอดีตที่มิได้เข้าพบประธานาธิบดี และมองว่าการปฏิเสธคำเชิญดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม
ด้านนาย Charles Evans, Federal Reserve Bank of Chicago President (Voter) กล่าวว่าความกังวลของกลุ่มสถาบันการเงินเกี่ยวกับผลกระทบด้าน liquidity provision จากการปรับลดขนาด Balance Sheet เป็นสิ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญ
ขณะที่นาย James Bullard, Federal Reserve Bank of St. Louis President (Voter) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแสดงความกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วจนเกินไปในอนาคต จะเป็นการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผิดพลาด จนอาจส่งผลให้เกิดภาวะ inverted yield curve และเศรษฐกิจถดถอยตามมาในที่สุด พร้อมทั้งระบุว่าตนไม่เห็นด้วยกับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งที่ผ่านมา รวมถึงมองว่าเนื้อหาใน FOMC Statement นั้น hawkish เกินไป
นอกจากนี้ นาย Bullard ระบุว่าตลาดการเงินส่งสัญญาณอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายในปี 2019 สะท้อนถึงการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ hawkish เกินไปเช่นกัน
Source: BOTSS
- Jerome Powell Says Fed Will Be Patient. Then He Says It Again.: https://www.nytimes.com/2019/01/10/us/politics/jerome-powell-fed-interest-rates.html
- Powell Says No Trump Invite Yet and He Would Meet With President: -https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-01-10/powell-says-no-trump-invite-yet-and-he-would-meet-with-president -
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 10) ซีอีโอ Disney บอกสตรีมมิ่งคือการปรับตัวครั้งสำคัญ ถ้าไม่ทำจะกลายเป็น Kodak : สิ่งที่น่าจับตาในโลกความบันเทิงปีนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า Disney+ บริการสตรีมมิ่งหนังของค่าย Disney ที่ออกตัวว่าจะเป็นผู้ท้าชิงของ Netflix ให้จงได้ โดยกำหนดการเปิดบริการอยู่ในช่วงปลายปี 2019
Bob Iger ซีอีโอของ Disney ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์การเงิน Barron’s ว่าบริการสตรีมมิ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของบริษัทเลยด้วยซ้ำ ถ้าโครงการนี้ไม่ประสบความสำเร็จ Disney อาจล้มหายตายจากเหมือนกับ Kodak ก็เป็นได้
ถ้าไม่ปรับตัวจะเป็นเหมือน Kodak
Iger เล่าว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ประสบปัญหาที่มองเห็นเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ แต่ไม่ยอมรับตัว ซึ่งกรณีที่คนพูดถึงกันมากที่สุดคือ Kodak ที่ก้าวผ่านยุคกล้องดิจิทัลไม่สำเร็จ กรณีของสตรีมมิ่งก็คล้ายกัน ตอนนี้ทุกคนตระหนักแล้วว่าการดูหนังผ่านสตรีมมิ่งเป็นของจริง ไม่ใช่เทคโนโลยีที่มาวูบเดียวแล้วหายไป แต่มันจะอยู่กับเราไปอย่างถาวร
เขาจึงกระตุ้นเตือนผู้บริหารระดับสูงและบอร์ดว่า เราไม่สามารถปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่สตรีมมิ่งมาทำลายธุรกิจของ Disney ได้ นี่ไม่ใช่ภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจที่เรายืนหยัดทนสู้วิกฤตให้ผ่านพ้นแล้วกลับมาทำงานตามปกติ แต่หลังพายุผ่านไปแล้ว เราอยู่แบบเดิมไม่ได้ เราต้องเปลี่ยน
โชคดีว่าบอร์ดรับฟังแผนของ Iger แล้วไม่คัดค้านใดๆ มีแต่สนับสนุนและบอกให้รีบทำ เพราะความเร็วเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
จิ๊กซอชิ้นแรก: ซื้อบริษัทเทคโนโลยีสตรีมมิ่ง
Iger บอกว่าเมื่อบอร์ดอนุมัติแผนงานแล้ว สิ่งแรกที่ Disney ต้องการคือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีสำหรับสตรีมมิ่ง ซึ่ง Disney เคยไปลงทุนในบริษัท BamTech ที่พัฒนาเทคโนโลยีสตรีมมิ่งให้การถ่ายทอดสดเบสบอล Major League Baseball จึงรู้ดีว่าเทคโนโลยีตัวนี้ดีแค่ไหน ได้ร่วมทดสอบมันด้วยว่าใช้งานได้จริง เมื่อพร้อมแล้วบอร์ดก็อนุมัติให้ซื้อกิจการทั้งหมดของ BamTech ทันที
จิ๊กซอชิ้นที่สอง: สร้างหนัง-ซีรีส์สำหรับฉายบนสตรีมมิ่ง
เมื่อแพลตฟอร์มเทคโนโลยีพร้อมแล้ว ขั้นต่อไปคือคอนเทนต์ ซึ่ง Iger บอกว่าสิ่งที่ง่ายคือ Disney มีสตูดิโอสร้างหนังของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งสร้างหนังฟอร์มยักษ์ ลงทุนสูงเพื่อฉายในโรงปีละ 8-10 เรื่องเป็นปกติ ซึ่ง Disney จะยังคงทำแบบเดิมต่อไป จะไม่ถอนหนังจากการฉายในโรงมาฉายบนสตรีมมิ่ง เพราะวิธีการหารายได้แตกต่างกัน ความคุ้มค่าไม่เท่ากันอยู่แล้ว
สิ่งที่ Disney จะทำคือสร้างหนังเรื่องใหม่ขึ้นมาเพื่อฉายผ่านสตรีมมิ่งโดยตรง ออกแบบมาเพื่อสตรีมมิ่งตั้งแต่ต้น เขาบอกว่ามีไอเดียหนังมากมายที่อาจไม่เหมาะกับการฉายในโรงใหญ่ แต่กลับเหมาะสำหรับสตรีมมิ่ง ตัวอย่างหนังที่ Disney จะทำบนสตรีมมิ่งคือ Lady and the Tramp (ทรามวัยกับไอ้ตูบ) เวอร์ชันรีเมค
หนังของ Disney ที่จะฉายบนสตรีมมิ่งย่อมไม่ใช่หนังลงทุนสูงระดับร้อยล้านดอลลาร์ แต่จะเน้นการสร้างเป็นซีรีส์มากกว่า ซึ่งบริษัทก็ประกาศแล้วว่าจะทำซีรีส์ Marvel และ Star Wars มาฉายบน Disney+ รวมถึงซีรีส์แบบเดียวกับบนช่องทีวี Disney Channel ด้วย
Iger บอกว่า Disney ไม่สนใจทำซีรีส์ Star Wars สำหรับฉายทีวี เพราะติดเรื่องต้นทุนการสร้าง แต่เมื่อสตรีมมิ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดของบริษัทในตอนนี้ คอนเทนต์ของบริษัทก็จำเป็นต้องโฟกัสมาที่นี่
จิ๊กซอชิ้นที่สาม: คอนเทนต์ของตัวเองอย่างเดียวไม่พอ จึงต้องซื้อ Fox
แต่ลำพังแค่คอนเทนต์ของ Disney ไม่ว่าจะเป็น Pixar, Marvel, Star Wars ยังไม่เพียงพอต่อการดึงดูดลูกค้า เป็นเหตุว่าทำไม Disney ต้องซื้อกิจการ 21st Century Fox เพื่อเสริมทัพคอนเทนต์เข้ามาเพิ่มเติม
Iger บอกว่าเขาจำเป็นต้องถือครองคอนเทนต์ชิ้นสำคัญๆ ให้มากที่สุด ซึ่ง Fox มีทั้ง Avatar, The Simpsons, ลิขสิทธิ์ในตัวละคร Marvel บางส่วน (X-Men, Fantastic Four, Deadpool) รวมถึงช่อง National Geographic, FX, Searchlight ฯลฯ คอนเทนต์เหล่านี้จะช่วยเสริมพลังให้กับบริการสตรีมมิ่งของ Disney ได้
ก่อนหน้านี้ Disney มีดีลกับ Fox ในการนำลิขสิทธิ์ของ Avatar ไปสร้างเป็นสวนสนุกใน Disney World อยู่แล้ว ซึ่งเป็นการซื้อสิทธิทางธุรกิจตามปกติ (เขาเทียบกับกรณี Universal Studio ซื้อสิทธิ Harry Potter จาก Warner ไปทำสวนสนุกว่าเป็นโมเดลเดียวกัน) แค่ตอนนี้เปลี่ยนจาก Disney World จ่ายเงินค่าลิขสิทธิ์ให้ Fox มาเป็นจ่ายให้ Disney ด้วยกันเองแทน
หลังจากนี้ไปเราจะยังเห็นหนัง Avatar ภาค 2 และ 3 เดินหน้าสร้างตามกำหนด Iger บอกว่าการที่ Avatar เป็นหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลไม่ใช่เรื่องฟลุค และ Disney จะจริงจังกับมัน
เขายอมรับว่าการซื้อ Fox เผชิญปัญหาการประมูลแข่งกับ Comcast ทำให้ราคาสูงขึ้นมาก และ Disney ต้องยอมไม่ซื้อทรัพย์สินบางส่วนของ Fox อย่างที่ตั้งใจในช่วงแรก
Iger ยังเล่าว่าเขาเลื่อนแผนการเกษียณตัวเองออกไป จากเดิมที่จะหมดสัญญากับบริษัทในเดือนมิถุนายน 2019 แต่การซื้อ Fox ทำให้บอร์ดขอให้เขาอยู่ต่ออีก 3 ปีเพื่อให้จัดการเรื่องควบรวมกิจการให้สำเร็จ
รายได้-กำไรไม่สำคัญในช่วงแรก ปรับโครงสร้างบริษัทกระตุ้นพนักงาน
Iger บอกว่าการลงทุนเพื่ออนาคต การสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ย่อมไม่ทำเงินในช่วงแรกเป็นปกติ ปัญหาคือถ้าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ยังต้องอิงกับโครงสร้างรายได้แบบเดิม และมีระบบจ่ายค่าตอบแทน-โบนัสตามผลประกอบการ ก็จะไม่สามารถทำอะไรใหม่ๆ ได้ง่ายนัก
กรณีของ Disney ยิ่งแล้วใหญ่ หลังจากบริษัทตัดสินใจทำบริการสตรีมมิ่งเองเพื่อต่อสู้กับ Netflix ก็ย่อมไม่ขายลิขสิทธิ์หนังของตัวเองให้กับ Netflix อีก สูญเสียรายได้ส่วนนี้ไป แถม Iger ยังสั่งการให้สตูดิโอหนังในเครือสร้างหนังอีก 5-6 เรื่องเพื่อฉายบนบริการสตรีมมิ่งตัวใหม่ ซึ่งก็ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมด้วย
เรียกได้ว่า ช่วงแรกๆ ของสตรีมมิ่ง Disney มีแต่เสียเงิน ไม่มีรายได้เข้ามาเลย
สิ่งที่ Iger ทำคือปรับวิธีการลงรายได้ของบริษัทในเครือ Disney ทั้งหมด ให้คล้อยตามแผนการสตรีมมิ่งซึ่งเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งในตอนนี้ เขาปรับวิธีการประเมินผลและการจ่ายโบนัสใหม่ ช่วงแรกยังไม่ต้องมีเมตริกเป็นตัวเลขสำหรับวัดผลใดๆ แต่ใช้วิธีตั้งเป้าหมายว่าต้องเปิดตัวบริการให้สำเร็จแทน ส่วนการวัดผลว่ามีจำนวนสมาชิกเท่าไรก็ต้องทำ แต่เป็นเรื่องในระยะถัดไป
โดย Isriya Paireepairit
Source: bransinside.asia
https://brandinside.asia/disney-ceo-streaming/
- Disney’s Bob Iger Talks Streaming, Park Plans, and Learning From Kodak
https://www.barrons.com/articles/di...ark-plans-and-learning-from-kodak-51546599600 -
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 10) เซียร์ส'ทวนข้อเสนอใหม่ต่อลมหายใจคดีล้มละลาย : "เซียร์ส" ห้างเก่าแก่ ของสหรัฐเล็งทบทวนของเสนอซื้อกิจการรอบใหม่ของประธานบริษัท ในความพยายามที่จะกอบกู้สถานะทางการเงินของบริษัท ขณะที่พนักงานกดดันตั้งกองทุนชดเชยถูกเลิกจ้าง
บริษัทเซียร์ส โฮลดิงส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของ สหรัฐและเจ้าของห้างเซียร์ส และเคมาร์ท เห็นชอบเมื่อวันอังคาร (8 ม.ค.) ตามเวลา ท้องถิ่นว่า จะทบทวนข้อเสนอซื้อกิจการของนายเอ็ดเวิร์ด แลมเพิร์ต ประธานบริษัท หลังจากปฏิเสธข้อเสนอจำนวน 4,400 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการเซียร์สให้รอดพ้นจากการล้มละลาย ผ่านทางกองทุนบริหารความเสี่ยง "อีเอสแอล อินเวสท์เมนท์" ของเขา
ทนายความของเซียร์สแจ้งกับ นายโรเบิร์ต เดรน ผู้พิพากษาศาล คดีล้มละลายว่า นายแลมเพิร์ตน่าจะยื่น ข้อเสนอใหม่ พร้อมด้วยเงินมัดจำ 120 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลา 16.00 น. วันพุธ (8 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือ 04.00 น.วันพฤหัสบดี (10 ม.ค.) ตามเวลาไทย แต่ทนายความไม่ได้เผยรายละเอียดวงเงินตามข้อเสนอใหม่ ที่เพิ่งได้ข้อสรุปหลังการต่อรองหามรุ่งหามค่ำกันมาหลายวัน
ผู้พิพากษาเดรน กล่าวว่า เซียร์สจะพิจารณาข้อเสนอของนายแลมเพิร์ตอีกครั้งเพื่อเลี่ยงการถูกบังคับชำระหนี้ระหว่างการพิพากษาล้มละลายในวันที่ 14 ม.ค.นี้ หากข้อเสนอของนายแลมเพิร์ตถูก ปฏิเสธอีกรอบ เขาจะต้องนำเงินประกันกว่า 17 ล้านดอลลาร์ไปชำระแก่บรรดาเจ้าหนี้ของเซียร์ส
ความพยายามครั้งล่าสุดของ นายแลมเบิร์ตมีขึ้นหลังบริษัทประสบปัญหารายได้ร่วงหนักและปิดร้านค้าหลายร้อยแห่งมานาน 10 ปี และหลายปีที่ผ่านมา เขายังพยายามทำข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อฟื้นบริษัทที่เขาเข้ามาบริหารเมื่อปี 2548 ด้วยเงินลงทุนมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ เซียร์สได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอการพิทักษ์ทรัพย์ตามกฎหมายล้มละลายในวันที่ 15 ต.ค. ปีที่แล้ว ข่าวการล้มละลายของเซียร์สมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ประกาศปิดสาขาจำนวนหลายร้อยแห่งในสหรัฐ หลังประสบปัญหายอดขายดิ่งลง อย่างต่อเนื่อง
การล้มละลายของเซียร์สมีขึ้น หลังจากบริษัทได้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก มานานถึง 126 ปี และขณะนี้มีพนักงานกว่า 5 หมื่นคนในร้านค้า 425 สาขา
ทั้งนี้ บริษัทเซียร์ส โรบัค แอนด์ โค ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2436 และในอดีตถือเป็นห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ แต่บริษัทต้องพ่ายแพ้ต่อธุรกิจออนไลน์ หลังเผชิญคู่แข่งสำคัญคือบริษัทอเมซอน ดอท คอม อิงค์
ด้วยความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่างบริษัทอีคอมเมิร์ซกับบริษัทค้าปลีกดั้งเดิมหลายราย ทำให้อเมซอนผงาดเป็นบริษัทมูลค่าสูงที่สุดในโลกเป็น ครั้งแรกในสัปดาห์นี้ โดยมีมูลค่าตลาดแตะที่เกือบ 8 แสนล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีพนักงานราว 6.8 หมื่นคนตั้งกลุ่มกดดันให้นายแลมเพิร์ตตั้งกองทุนชดเชยพนักงานที่ถูกเลิกจ้าง เป็นค่าแรงรายสัปดาห์คิดรวมตามจำนวนปีที่ทำงาน
กลุ่มดังกล่าวได้ส่งจดหมายถึงนายแลมเพิร์ต และเจ้าหนี้รายอื่นๆ เรียกร้องให้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่พนักงาน และยังกดดันให้มีการออกกฎหมายระดับรัฐและรัฐบาลกลางที่กำหนดให้บรรดาบริษัทที่ยื่นล้มละลาย ต้องจ่ายเงินชดเชยแก่ลูกจ้าง "หากนายแลมเพิร์ตหาเงินมาเทคโอเวอร์บริษัทอีกรอบได้ เขาก็หาแหล่งเงินทุนสำหรับตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ถูกเลิกจ้างเช่นกัน" นายโอนี แพททริค พนักงานห้างเคมาร์ทที่ถูกเลิกจ้างซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มเรียกร้องเงินชดเชยดังกล่าว เผย ขณะที่โฆษกของบริษัทเซียร์สปฏิเสธ ที่จะแสดงความเห็นต่อรายงานดังกล่าว
เมื่อปีที่แล้ว บริษัทหุ้นนอกตลาดอย่าง "เบน แคปิตัล" และ "เคเคอาร์ แอนด์ โค อิงค์" ซึ่งซื้อกิจการผู้ค้าปลีกของเล่นรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ "ทอยส์ อาร์ อัส" เมื่อปี 2548 และเป็นหนี้ท่วมหลายพันล้านดอลลาร์ก่อนเข้าสู่กระบวนการชำระหนี้เมื่อเดือนมิ.ย. 2561 ได้ชดเชยเงิน 20 ล้านดอลลาร์แก่พนักงาน ร้านค้าปลีกของตน ซึ่งเรียกร้องเงินชดเชย 75 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ นายแลมเพิร์ตให้คำมั่นว่าจะกอบกู้เซียร์สกลับสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง เหมือนสมัยที่เคยเป็นเจ้าของอาคารสูงที่สุดในโลก เช่นเดียวกับสถานีวิทยุ และบริษัทประกัน ออลสเตท
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิจารณ์ชี้ว่า นายแลมเพิร์ตปล่อยให้ห้างเซียร์สเสื่อมโทรม ลงเรื่อยๆ แม้เขาจะช่วยซื้อหุ้นในบริษัทและปล่อยกู้บริษัทตัวเองด้วยก็ตาม
Source: กรุงเทพธุรกิจ
- https://www.reuters.com/article/us-...sider-billionaire-chairmans-bid-idUSKCN1P218J -
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 10) สงครามยังไม่สงบภาคไอทีอ่วมไม่จบ: เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมไอทีโดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐ เคยสร้างความหวั่นวิตกให้นักลงทุน ทั่วโลกมาแล้ว หลังจากหุ้นในกลุ่มไอทีดิ่งลงหนักต่อเนื่องมาระยะหนึ่ง โดยเป็นผลพวงจากหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งราคาที่สูงมากเกินไป บวกกับข่าวลบทั้งภัยไซเบอร์ และกรณีข่าวฉาวของ เฟซบุ๊ก อิงค์ ที่เป็น 1 ใน 5 หุ้นใหญ่ไอทีกลุ่ม FAANG
ทว่า มาในปีใหม่ 2019 นี้ ดูเหมือนว่ามรสุมในภาคอุตสาหกรรมไอทีจะยังไม่ได้จบลงง่ายๆ และดูจะมีเค้าลางที่ร้ายยิ่งกว่าแค่หุ้นตกในปีที่แล้ว เพราะผลพวงจากสงครามการค้าระหว่าง 2 ยักษ์ สหรัฐ-จีน เริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้นแล้ว
ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทไอทีเบอร์ 1 จากเกาหลีใต้ คือรายล่าสุดที่กำลังได้รับผลกระทบเชิงรูปธรรม โดยลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2018 ว่า กำไรจากการดำเนินงานจะลดลงถึง 28.7% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ลงมาอยู่ที่ราว 10.8 ล้านล้านวอน ตัวเลขนี้ไม่เพียงแต่เป็นกำไรที่ลดลงอย่างหนัก แต่นี่ยังเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี ท่ามกลางภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยบริษัทยังคาดว่ารายได้จะลดลง 11% อยู่ที่ 59 ล้านล้านวอน
ตัวเลขดังกล่าวนับว่าหนักหนากว่ากันมากเมื่อเทียบกับที่เอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ต อินเทลลิเจนส์ เคยคาดการณ์เอาไว้ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 13.8 ล้านล้านวอน และ รายได้อยู่ที่ 63.5 ล้านล้านวอน
ข่าวร้ายนี้นับว่ามีขึ้นตามมาติดๆ หลังจากที่บริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่จากสหรัฐ เพิ่งประกาศลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาสแรกของปีงบปัจจุบันลง ซึ่งนับเป็นการปรับลดคาดการณ์ครั้งแรกของแอปเปิ้ลในรอบเกือบ 20 ปี หลังเจอวิกฤตยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนร่วง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัว และต้องเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดจากแบรนด์สมาร์ทโฟนสัญชาติจีน รวมถึงไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปนั้น มียอดขายต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ในครั้งนั้น ทิม คุก ประธาน เจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิ้ล คาดการณ์ยอดขายในไตรมาสสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2018 จะลดลงเหลือ 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.69 ล้านล้านบาท) จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 8.9-9.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 2.85-2.98 ล้านล้านบาท) ทำให้หุ้นของแอปเปิ้ลร่วงหนักถึง 7% และฉุดมูลค่าตลาดของแอปเปิ้ลลดลงเหลือต่ำกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 22 ล้านล้านบาท) จากจุดพีก เมื่อเดือน ต.ค. ซึ่งอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 35 ล้านล้านบาท) โดยนับตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา หุ้นของแอปเปิ้ลร่วงลงแล้วมากถึง 32% จากกระแสยอดขายไอโฟน รุ่นใหม่ที่ไม่เป็นไปตามคาด
แม้จะไม่มีการระบุถึงสงคราม การค้าออกมาโดยตรง แต่บรรดา นักวิเคราะห์ต่างให้ความเห็นส่วนใหญ่ตรงกันว่า ยอดขายที่ลดลงอย่างมีนัยในตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกนั้น เป็นผลพวงโดยตรงมาจากสงครามการค้ากับสหรัฐ
ราจีฟ บิสวาส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายเอเชียแปซิฟิกจากบริษัทวิจัย ไอเอชเอส มาร์กิต มองว่า ยอดขายที่ร่วงลงของไอโฟนในจีน แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของบริษัทข้ามชาติสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เนื่องจากบริษัทข้ามชาติสหรัฐนั้นมีซัพพลายเชนการ ผลิตในจีน อีกทั้งจีนยังถือเป็นตลาดสำคัญของสินค้าของสหรัฐ
ในครั้งนั้นนักวิเคราะห์ยังเชื่อว่า ยอดขายไอโฟนในจีนที่ลดลงไม่น่าจะกระทบหนักมาถึงคู่แข่งอย่างซัมซุงด้วย เพราะเกาหลีใต้ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของจีนในสงครามการค้า อีกทั้งส่วนแบ่งการตลาดของซัมซุงในจีนยังน้อยมากเมื่อเทียบกับแอปเปิ้ล และบรรดาสมาร์ทโฟน แอนดรอยด์สัญชาติจีนเองที่นำโดย หัวเว่ย ออปโป้ วีโว่ และเสี่ยวหมี่
ทว่า สิ่งที่กระทบซัมซุงอย่างหนักจนฉุดกำไรลดลงเกือบ 30% ในครั้งนี้ เป็นผลมาจากกลุ่มธุรกิจ "เมโมรีชิป" ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดในผลกำไรของ ซัมซุง ซึ่งเมโมรีชิปเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ทั่วไปจนถึงสมาร์ทโฟน
ซงมย็องซบ นักวิเคราะห์ของบริษัท ไฮ อินเวสต์เมนต์ แอนด์ ซีเคียวริตีส์ กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า กรณีของซัมซุงนั้นเป็นเรื่องที่น่าช็อก เพราะหมายความว่าไม่ได้มีแค่แอปเปิ้ลที่ร่วงลง แต่ยังลามไปถึงภาพรวมอุตสาหกรรมที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน เซิร์ฟเวอร์ และคอมพิวเตอร์พีซี ลดการซื้อด้วย อีกทั้งศึกการค้ายังส่งผลให้ลูกค้าไม่ยอมจ่ายราคาเดิม บีบให้ซัมซุงต้องยอมลดราคาชิป โดยอินสเปคตรัม เทค บริษัทวิจัยตลาดชิป เปิดเผยว่า ราคาสัญญาซื้อขายชิปได้ลดลงในไตรมาสที่ผ่านมา โดยราคาชิป DRAM ลดลงราว 5% และราคาชิป MLC NAND ลดลง 3.4%
แต่นอกจากธุรกิจชิปแล้วก็ต้องยอมรับว่ายอดขายสมาร์ทโฟนของ ซัมซุงเองก็ถูกท้าทายหนักขึ้นจากบรรดาค่ายมือถือจีนเช่นกัน แม้ว่าจะยังไม่ถูกโค่นอันดับเหมือนกับแอปเปิ้ล ที่ถูกหัวเว่ยแซงเป็นเบอร์ 2 แล้วก็ตาม สอดคล้องกับตัวเลขจากบริษัทวิจัยตลาด คานาลิส ระบุว่า ยอดส่งมอบสมาร์ทโฟนทุกยี่ห้อทั่วโลกในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ลดลงไป 7% และเป็นการลดลงไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันแล้ว
นอกจากนี้ เวอร์เนอร์ เกิร์ทซ์ นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ ยังมองว่าภาวะขาลงของซัมซุงนั้น ส่วนหนึ่งยังเป็นผลจากเทรนด์ที่เปลี่ยนไปในภาคเทคโนโลยีด้วย เพราะโฟกัสได้เปลี่ยนไปสู่พวกซอฟต์แวร์ ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และบริษัทที่เป็นแพลตฟอร์มที่คนเข้าไปเกี่ยวข้องซื้อของในชีวิตประจำวัน เช่น แอมะซอน แทน ดังนั้นซัมซุงที่ยังมุ่งโฟกัสกับ "ผลิตภัณฑ์" แทนที่จะเป็น "อีโคซิสเต็ม" จึงถูกกระทบหนัก
บริษัทที่ปรึกษาไอที มัวร์ อินไซท์ส แอนด์ สแตรเทจี มองว่าภาคไอทียังมีโอกาสเติบโตอยู่ในบางกลุ่ม แต่ตัวเลขการเติบโตก็ไม่โตมากเหมือนในอดีตแล้ว ซึ่งตัวแปรสำคัญหลังจากนี้ก็คือ ตลาดจีนว่าจะออกมาอย่างไร
ทั้งนี้ หากดูการเจรจาหย่าศึกการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนัดแรกที่เพิ่งจบลงไปจะเห็นได้ว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น เมื่อจีนส่งสัญญาณซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มขึ้นหลายรายการ พร้อมเตรียมปรับแก้กฎหมายในบ้านเพื่อเปิดตลาดและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าสงครามจะจบลงอย่างเบ็ดเสร็จ เพราะมีรายงานว่าสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ และกระทรวงพาณิชย์ กำลังร่วมกันร่างกฎหมายขยายอำนาจให้ประธานาธิบดีสามารถตั้งกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐได้เองโดยไม่ต้องผ่านสภา นอกจากนี้จีนเองก็กำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างชัดเจนและคาดว่าจะกระทบต่อไปอีกระยะ จนกว่าจะมีการผ่านมาตรการกระตุ้นใหม่ที่เป็นรูปธรรมและมีผลเป็นวงกว้างออกมา ดังนั้นภาคไอทีจึงอาจต้องรับผลกระทบต่อเนื่องไปอีกระยะ จนกว่าจะมีความชัดเจนมากกว่านี้
โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ
Source: Posttoday -
Bank of Thailand Scholarship Students
(Jan 10) ฟอร์ดประกาศปลดพนักงานหลายพันตำแหน่งในยุโรป ขณะทำการปรับโครงสร้าง : บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐ ประกาศแผนปรับโครงสร้างในสหราชอาณาจักร และยุโรป ซึ่งจะส่งผลให้มีการปลดพนักงานจำนวนหลายพันตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี ฟอร์ดยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนพนักงานที่จะถูกปลดออก เนื่องจากบริษัทกำลังเจรจากับสหภาพแรงงาน ซึ่งการหารือดังกล่าว ยังรวมถึงมาตรการในการปรับลดค่าใช้จ่าย, การเน้นการผลิตรถยนต์ในรุ่นที่สามารถทำกำไร และการถอนตัวจากตลาดที่มีกำไรน้อย
นอกจากนี้ ฟอร์ดจะให้ความสำคัญมากขึ้นต่อการผลิตรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า ฟอร์ดคาดหวังว่า การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะทำให้บริษัทมีกำไร 6% จากการดำเนินงานในยุโรป
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
- Ford Europe to slash thousands of jobs in turnaround plan : https://www.cnbc.com/2019/01/10/ford-europe-to-slash-thousands-of-jobs-in-turnaround-plan.html -
ร่างรูปแบบธุรกิจของระบบบริหารจัดการพลังงาน เพื่อการดำเนินการตอบสนองด้านโหลด บน สมาร์ทกริด วันศุกร์ที่ 11 มกราคม 2562 ณ ห้องบอลรูม BC ชั้น 6 โรงแรม อมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพ
เอกสารประกอบการสัมมนา
https://www.dropbox.com/sh/lvxflujdqg7tk64/AACxSsrVBz8TuuXrcGisyctsa?dl=0
QR code โหลดเอกสาร
-
ปมชายแดนใต้
เจอหลักฐาน!! จับแนวร่วมฯ ทีมฆ่า อส. 4 ศพ ที่ อ.ยะรัง พร้อมจัดกำลังปิดล้อมไล่ล่าอีก 5
-
เกรียน BRN
#ครอบครัวบอกเป็นคนดีถูกใส่ร้าย5555
#แกขับสามล้อขยันทำงาน #เป็นการแฝงตัวที่แนบเนียนจนชาวบ้านไม่อยากเชื่อ
นายมะกรี อิสอปุเต๊ะ ชี้จุดทิ้งปืนริมคลองกรือเซะ หลังถูกเจ้าหน้าที่จับกุมจากปิดล้อมบ้านกรือเซะเมื่อวานนี้ พบปืน Ak-47 1 กระบอกพร้อมแม็คกาซีน และพบร่องรอยเลือดของคนร้ายอีกคนที่บาดเจ็บ
-
สุลต่านรัฐยะโฮร์ ขับรถไปส่ง “ดร.มหาเดร์” ยังสนามบินด้วย “รถยนต์โปรตอน” รุ่นคุณปู่
โดย
กองบรรณาธิการ
-
11 มกราคม 2019
PHOTO: BERNAMA
เรียกได้ว่าเป็นการขับรถบนถนนแห่งความหลังและความทรงจำเลยก็ว่าได้ เมื่อสุลต่านอิบรอฮีม อิสกันดาร์ แห่งรัฐยะโฮร์ มาเลเซีย ขับรถยนต์โปรตอน ซากา (Proton Saga) รุ่นแรก ไปส่ง ดร.มาหาเดร์ มูฮัมหมัด นายกรัฐมนตรี ยังสนามบินนานาชาติเซนัย (Senai) เมื่อวันพฤหัสบดี (10 ม.ค.) ที่ผ่านมา เดอะสตาร์ สื่อมาเลเซียรายงาน
ยานพาหนะคันนี้ถูกมอบนำให้สุลต่านอิสกันดาร์ บิดาของสุลต่านอิบรอฮีม เมื่อประมาณ 34 ปีที่แล้ว
สุลต่านอิบรอฮีมขับรถไปส่งดร. มหาเธร์ด้วยระยะทางประมาณ 25 กม. จากพระราชวังอิสตานาบูกิตซีรีนไปยังสนามบินนานาชาติเซนัย หลังจากการประชุม 90 นาที
รถโปรตอนสีฟ้าซึ่งมีแผ่นป้ายหมายเลข 1 คันนี้ถูกมอบโดยดร. มหาเธร์ให้แก่สุลต่านอิสกันดาร์ตอนที่พระองค์ครองบัลลังก์พระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 1985
ก่อนหน้านี้ดร. มหาเธร์ได้มาพบกับสุลต่านอิบราฮิมที่วังเวลา 16.00 น.
นี่เป็นครั้งแรกที่ดร. มหาเธร์และสุลต่านอิบราฮิมพบกันที่ยะโฮร์หลังจากที่พรรคร่วมปากาตัน ฮาราปัน (Pakatan Harapan) ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
เดอะสตาร์ระบุว่าตามแหล่งข่าวจากสำนักงานนายกรัฐมนตรี การประชุมนี้จัดขึ้นตามคำร้องขอของสุลต่านอิบราฮีมเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
https://www.publicpostonline.net/21633 -
Ch7HD News
กรมการขนส่งทางบก แจงป้ายทะเบียนซีดต้องขอเปลี่ยนใหม่ เพิกเฉยปรับ 2,000 บาท ข้อหาใช้ป้ายทะเบียนชำรุด
-
Watchers
#ข่าวภัยพิบัติ
11/01/19
คำเตือนสีแดงและหิมะถล่มระดับ 5 เตือน⛔ (สูงสุด) ยังคงมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศออสเตรียและบางส่วนของประเทศเยอรมนีหิมะ ตกสะสม 150-250 ซม. ในอีก 5 วันข้างหน้า จะมีหิมะสะสม 200-300 ซม.
เริ่มตกลงแล้วในสัปดาห์นี้ ที่ Säntisในสวิตเซอร์แลนด์ ปริมาณหิมะใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา เท่ากับปริมาณหิมะตกทั้งเดือน
cr:BBC weather
#Watchers
-
Watchers
#ข่าวภัยพิบัติ
10/01/19
ภัยพิบัติจากตั๊กแตน ที่ #Yucatán #México 08/01/19
(The #plague of #locusts)
ฝูงตั๊กแตนนับพันๆ (อาจถึงล้านตัว-จากข่าว)มาถึงชายหาดของ Progreso และ Sisal สามวันที่ผ่านมาตอนนี้ฝูงได้ไปตลอดทางจนถึงMérida
ชาวบ้านกล่าวว่า อาจถึงล้านตัวบินผ่านท้องฟ้าเหมือนกลุ่มเมฆ แทบบังแสงอาทิตย์
ปชช.ชาวเมืองแชร์เรื่องนี้มากในโลกโซเชียล
ตั๊กแตนชนิดนี้อยู่ในสปีชีส์ short-hormed grasshoppers ในตระกูล Acrididae
มักหากินลำพัง แต่บางครั้งอาจเพิ่มทวีคูณจากปัจจัยหลายอย่างและอาศัยเป็นกลุ่มสังคม
Cr: yucatan.com.mx and Telesur
#Watchers -
Watchers
เมฆ "mammatus" เมื่อวานนี้บนท้องฟ้าของอาร์เจนตินาหลายร้อยคนประหลาดใจในปรากฏการณ์ (10/01/19)
วิดีโอ Vía @rtveteleplaneta
#Watchers -
Watchers
#Earthquake
11/01/19
เวลา 00:00 น. ตามเวลาไทย (เวลาพอดีเลยนะ)
แผ่นดินไหว South of Tonga(ตองกา)
พิกัด 26.963°S 175.417°W
ขนาด 5.8
ความลึก 10 กม.
https://earthquake.usgs.gov/earthquakes/eventpage/us2000j2kv/executive
#Watchers
-
Watchers
#ข่าวภัยพิบัติ
07/01/19
ต่อจากคลิปแมลง ในตอนวันที่4 มกราคม 19 ในนครเมกกะ แมลงมีมากเกินไป อันนี้เป็นอีกคลิป ที่ จนท.ความพยายามจะเฝ้าดูเพื่อรักษาความสะดวกสบายของผู้นมัสการใน Haram Al-Sharif ศักดิ์สิทธิ์ เริ่มต่อสู้กับแมลงในตอนกลางคืน
4:33 PM · Jan 7, 2019 from Makkah Al Mukarrama, Kingdom of Saudi Arabia ·
Credit: محمد البلادي@Al_Balad
#Watchers -
VOA Thai
'ทรัมป์' ส่งสัญญาณประกาศภาวะฉุกเฉินเร็วๆ นี้ เพื่อนำงบประมาณด้านการทหารไปสร้างกำแพง
https://www.voathai.com/a/trump-sig...l-emergency-to-build-border-wall/4737858.html -
ฐานเศรษฐกิจ
"NOK" ปีกหัก! 'จุฬางกูร' เจ๊งหุ้น 6.2 พันล้าน #ฐานเศรษฐกิจ
หน้า 2163 ของ 11172