ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร


    มุมหนึ่งของมหายาน
    D7FD3C97-3291-483A-9D53-9124A487C3BA-174-0000001F64B1ED74.png
    ขอย้ายไปดูพุทธศาสนานิกายมหายานบ้าง หลังยุคพุทธกาลไปประมาณ 600-700 ปี มีพระรูปหนึ่งชื่อว่าพระนาคารชุน ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีแห่งมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา มีคนไม่น้อยยกย่องท่านว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สองกันเลยทีเดียว เรื่องราวเกี่ยวกับท่านเกี่ยวข้องกับปาฏิหาริย์ค่อยข้างมาก ผมขอยกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ผมกล่าวข้างต้นดังนี้


    ชื่อ “นาคารชุน” นั้นได้แต่ใดมา เดิมทีท่านชื่ออรชุน (ชื่อเดียวกับวีรบุรษในมหากาพย์มหาภารตะ) นาครชุน แปลว่า “ผู้ยิ่งใหญ่ของนาค” นาคนั้นอยู่ใต้บาดาล ครั้งหนึ่งท่านนาคารชุนเคยเดินทางไปยังวังบาดาลไปรักษาพยาบาลพญานาคมุจลินท รักษาจนหายดี ชื่อนาคารชุนจึงได้รับมาตั้งแต่บัดนั้น พญานาคตอบแทนความดีของท่านโดยเปิดคลังสมบัติล้ำค่า 7 ประการให้ หนึ่งในนั้นคือคัมภีร์เล่มหนึ่งชื่อว่า “ปรัชญาปารมิตาสูตร” มีความยาวมาก ซึ่งนาคได้รับมาจากพระอานนท์สมัยพุทธกาล

    ท่านนาคารชุนขออัญเชิญคัมภีร์เล่มนี้ขึ้นมาบนพื้นโลก แนะนำมาเผยแผ่ จากนั้นท่านก็มีงานเขียนขยายอธิบายเนื้อหาต่อยอดคัมภีร์เล่มนี้อีกมาก รวมทั้งฉบับย่อที่ชื่อว่า ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร

    พระสูตรฉบับย่อนี้ที่เขียนขึ้นด้วยภาษาสันสกฤต จำนวน 14 โศลก เรียกเป็นภาษาฝรั่งสั้นๆ ได้ว่า Heart Sutra เป็นพระสูตรที่สั้นที่สุด แต่ลึกซึ้ง นำเสนอเฉพาะแก่นของธรรม ซึ่งวันนี้ผมจะนำเสนอพระสูตรนี้ครับ


    ก่อนอื่นเรามาวิเคราะห์คำกันสักเล็กน้อย ทางมหายานนั้นจะใช้ภาษาสันสกฤต ส่วนพวกเราเถรวาทใช้บาลี ทางภาษาพระเราคุ้นเคยกับบาลีมากกว่า ดังนั้นผมขอแปลงสันสกฤตเป็นบาลี ดังนี้

    “ปรัชญา” = ปัญญา
    “ปารมิตา” = บารมี

    ดังนั้นจึงแปลรวมได้ว่า พระสูตรหัวใจให้การบำเพ็ญปัญญาบารมีนั่นเอง เนื้อหาในปรัชญาปารมิตาสูตรมีดังนี้


    โปรดสดับ

    ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร

    ดังได้สดับรับฟังมาว่า ในสมัยพุทธกาลนั้น บนเขาคิชคูฏใกล้กรุงราชคฤห์ ในระหว่างที่พระพุทธเจ้ากำลังฝึกสมาธิอยู่กับเหล่าสาวกนั้น พระสารีบุตรผู้เป็นเลิศด้านปัญญาตรัสถามพระพุทธเจ้าถึงเรื่องของ “ความศูนย์” พระพุทธเจ้าทรงทราบว่าพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นั้นทรงประพฤติจริยาเข้าถึงปรัชญาปารมิตาอย่างได้ลึกซึ้ง จึงขอให้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เทศนาธรรมแห่งความศูนย์แทนพระองค์และนี่คือเทศนาของพระอวโลกิเตศวรในครั้งนั้น


    ผมขอสรุปความตามความเข้าใจอันทึบๆ และห่างวัดของผมดังนี้ครับ

    พระอวโลกิเตศวรเจ้า พระองค์เทศนาพระสารีบุตรให้พิจารณาขันธ์ 5 หรือสภาวธรรม 5 กอง เริ่มจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ

    • รูปคือสสาร ความเป็นตัวตนจับต้องได้
    • เวทนา คือทุกข์และสุข
    • สัญญา คือความจำได้
    • สังขาร คือ การปรุงแต่งจิต รักโลภโกรธหลง
    • วิญญาณ คือจิต ตัวรับรู้ต่างๆ
    ดังนั้น ถ้ารูปคือศูนย์ ศูนย์คือรูป นั่นคือเมื่อไร้รูปแล้ว ขันธ์อีก 4 กอง ก็จึงไร้ที่อยู่ ไร้ตัวต้น มลายหายไปในที่สุด เป็นการทำลายระดับฐานราก ดังนั้นจึงไม่เกิดอีก ไม่แตกดับอีก ไม่เกิน ไม่ขาด ไม่มัวหมอง ไม่ผ่องแผ้ว เมื่อไร้ทุกข์ ดังนั้น สมุทัย นิโรธ มรรค ก็ไม่มี หลุดพ้นจากหลงผิดเพ้อฝัน เอานิพพานเป็นจุดจบ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคตล้วนดำเนินตามปรัชญาปารมิตาทั้งสิ้น นั้นเป็นความจริงแท้ ดังนั้นปรัชญาปารมิตาจึงเป็นมนต์วิเศษสามารถที่ดับทุกข์ได้

    และเมื่อพระอวโลกิเตศวรเจ้าเทศนาธรรมจบ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรับรองความถูกต้องของเนื้อหาและสาธุการเป็นคาถาอันวิเศษว่า (ลองฟังในท้ายคลิปสันสฤตข้างบนครับ เพราะมาก)

    คะเต คเต ปาระคะเต ปาระสังคเต โพธิ สวาหะ

    ไป ไป ก้าวไปยังฟากฝั่งโน้น ไปให้พ้นโดยสิ้นเชิง รู้แจ้งและเบิกบาน

    (คนละคาถากับของพี่โป่งหินเหล็กไฟนะครับ อันนั้นเป็นคาถาสำหรับนางแมวเท่านั้น พาไปกันคนละฝั่งเลย)

    ปรัชญาปารามิตาจึงเป็นดังเรือที่มุ่งตัดตรงข้ามสังสารวัฏ พาผู้คนพ้นห้วงมหรรณพอันเป็นวงจรเวียนว่ายตายเกิดอันอุบาท พาเราข้ามไปสู่อีกฝั่งฟาก พระนิพพาน

    ที่กล่าวมาแล้วจะเห็นว่า นี่คือรากฐานของแนวคิด “ศูนยตา” ของทางฝ่ายมหายานนั่นเอง


    ตำนานเว่ยหล่าง


    เมื่อพูดถึงเนื้อหาของปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตรแล้ว ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องที่น่าจะสอดรับกันได้เป็นอย่างดีคือเรื่องตำนานเว่ยหล่าง ซึ่งผมขอเล่าโดยสังเขปดังนี้


    เรื่องของเว่ยหล่างนั้นเริ่มจาก ศิษย์เอกของสังฆปรินายกองค์ที่ 5 นั้นแต่งโศลกไว้บนกำแพงทางเดิน (น่าจะเหมือนเด็กช่างกลสมัยนี้) ผมขอถอดเป็นกลอน (ประตู) อีกครั้ง


    กายเราดังโพธิ

    จิตติคือกระจกไส

    หมั่นเช็ดหมั่นถูเรื่อยไป

    ฝุ่นนั้นไซร์มาเกาะไม่มีเลย


    ท่านเว่ยหล่างศิษย์ระดับรองๆ เห็นโศลกแล้วอดไม่ได้ เลยเขียนต่อเติมไปว่า


    โพธิ อยู่ไหน ไม่มี

    กระจก นี้ก็ ไม่เห็น

    ว่างเปล่า คือสิ่ง ที่เป็น

    ฝุ่นเช่น นี้เกาะ อะไร


    เมื่ออาจารย์มาเห็นโศลก แทนที่จะโกรธ นำเอาเณรทั้งสองไปไปเฆี่ยนหน้าเสาธง แต่กลับยินดี รู้ว่าศิษย์ของท่านเว่ยหลางบรรลุธรรมแล้ว ท่านจึงมอบ วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร (Diamond Sutra) พร้อมบาตรและจีวร อันเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นผู้สืบทอดเป็นสังฆปรินายกเป็นองค์ที่ 6 ต่อไป และนี่เองเป็นรากฐานของนิกายเซนในญี่ปุ่นในเวลาต่อมา


    บทจบ

    เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา

    เตสํ เหตุ ํ ตถาคโต

    เตสญฺจ โย นิโรโธ

    เอวํ วาที มหาสมโณ ฯ


    คะเต คเต ปาระคะเต ปาระสังคเต โพธิ สวาหะ


    โอม มณี ปัทเม หูม

    คือหัวใจของของพุทธศาสนาเถวรวาท มหายานสายศูนยตา และมหายานสายวัชรญาน ตามลำดับ ถ้าท่านพบอุปสรรคใด ลองท่องมนต์ดู เผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น ดังที่พระภิกษุเสวียนจั้ง (ถังซำจั๋ง) ท่านท่องมนต์ คะเต ทำให้หลุดพ้นอันตรายตลอดทางในการเดินทางอัญเชิญพระไตรปิฎก (หนึ่งในนั้นก็คือปรัชญาปารมิตาสูตร)ไปกลับระหว่างจีนกับอินเดียได้เป็นผลสำเร็จ


    http://www.supojc.com/?p=24
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พนักงานบริษัทฮอนด้ากว่า 3 พันคนเครียด...ฮอนด้ายืนยัน เตรียมปิดโรงงานที่อังกฤษ ในอีก 2 ปีข้างหน้าแน่นอนแล้ว..


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers


    #สังเกตพฤติกรรมสัตว์ #locusts

    // ยูเอ็น เตือนเรื่องตั๊กแตนระบาดทั้งสองฝั่งของทะเลแดง //


    เจนีวา (รอยเตอร์) - การระบาดของตั๊กแตนใน #ซูดาน และ #เอริเทรีย ประเทศทางตอนเหนือของแอฟริกาตะวันออก กำลังแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วตามทั้งสองฝั่งของทะเลแดงไปยัง #ซาอุดิอาระเบีย และ#อียิปต์

    องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าเป็นภัยคุกคามต่อพืชและความมั่นคงด้านอาหาร

    (รายงานการระบาดใน ซูดาน-ณ ทะเลแดง -
    )


    “ ฝนตกชุกที่ดีตามที่ราบชายฝั่งทะเลแดงในเอริเทรียและซูดานได้ก่อให้เกิดการผสมพันธุ์ของตั๊กแตนสองรุ่นตั้งแต่เดือนตุลาคมนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของประชากรตั๊กแตนและการก่อตัวของฝูงเพิ่มสูงขึ้น” FAO กล่าว


    ตั๊กแตนอย่างน้อยหนึ่งฝูงได้ข้ามไปยังชายฝั่งทางเหนือของซาอุดิอาระเบียในช่วงกลางเดือนมกราคม พร้อมฝูงอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ((ที่แอดมินได้เคยนำเสนอไปแล้วในคราวก่อนตามรูปแนบ))

    ' - ฝนตกจากพายุไซโคลนสองลูกในปี 2561 (2018)ก่อให้เกิดการแพร่พันธุ์ของตั๊กแตนในภูมิภาคที่ว่างเปล่าของซาอุดิอาระเบียใกล้ชายแดนเยเมน - โอมาน

    และตั๊กแตนฝูงสองสามเกิดขึ้น สองถึงสามเจนเนอเรชัน ระบาดมาถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอิหร่านตอนใต้ -

    (รายงานการระบาดของฝูงตั๊กแตนในเมืองRuwais ,#อาบูดาบี 17 มกราคม 19 :
    )

    ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายไปยังชายแดน #อินเดีย - #ปากีสถาน


    “ สามเดือนต่อไปจากนี้ จะเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำสถานการณ์การระบาดตั๊กแตน ให้อยู่ภายใต้การควบคุมก่อนที่จะเริ่มการผสมพันธุ์ครั้งใหม่ในฤดูร้อน” ผู้เชี่ยวชาญด้านตั๊กแตน FAO Keith Cressman กล่าวในการแถลง


    “ การแพร่กระจายของการระบาดในปัจจุบันนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญสองประการคือการควบคุมและติดตามผลอย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่ผสมพันธุ์ตั๊กแตนในซูดาน ,เอริเทรียและซาอุดิอาระเบียและประเทศใกล้เคียง ภายในของคาบสมุทรอาหรับ”


    การปฏิบัติการควบคุมได้ทำไปเกือบ 85,000 เฮกเตอร์ (200,000 เอเคอร์) ตั้งแต่เดือนธันวาคมรวมถึง 30,000 เฮคเตอร์ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในอียิปต์,เอริเทรีย,ซาอุดีอาระเบียและซูดาน

    (ด้วยการพ่นยา) FAO กล่าว


    มาตรการควบคุมกำลังดำเนินการในอิหร่านหลังจากที่ตั๊กแตนอย่างน้อยหนึ่งฝูงมาถึงชายฝั่งทางตอนใต้ในปลายเดือนมกราคม 2019 FAO กล่าวต่อ


    ตั๊กแตนเต็มวัยสามารถบินได้ไกลถึง 150 กม. ต่อวัน ด้วยลมช่วย และแมลงเต็มวัยสามารถกินอาหารได้ต่อน้ำหนักของตัวเองต่อวัน ฝูงตั๊กแตนฝูงเล็กกินในวันเดียวประมาณเท่ากับคน 35,000 ทานอาหารต่อวัน ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อพืชผลและความมั่นคงด้านอาหาร


    ในความคิดเห็นทางอีเมลถึงรอยเตอร์ส Cressman กล่าวว่าการเพิ่มขึ้นของตั๊กแตนทะเลทรายครั้งใหญ่ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2546-2548 (2003-2005)ทำให้มีการบำรุงรักษามากกว่า 12 ล้านเฮกเตอร์ในตะวันตกและแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือทำให้เกิดค่าใช้จ่ายประมาณ 750 ล้านดอลลาร์รวมถึงความช่วยเหลือด้านอาหาร


    การระบาดของตั๊กแตนที่เลวร้ายที่สุดของมาดากัสการ์ในรอบ 60 ปี ที่สร้างความดำมืดประมาณครึ่งหนึ่งของเกาะ ในปี2013-โดยAFP



    ตั้งแต่นั้นมามีการระบาดจำนวนมากตามที่ราบชายฝั่งทั้งสองด้านของทะเลแดงส่วนใหญ่ที่ต้องควบคุม


    FAO จะจัดประชุมที่จอร์แดนในสัปดาห์หน้าเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นกับประเทศที่ได้รับผลกระทบแถลงการณ์ดังกล่าว

    เครดิต : Reuters UK

    ภาพ -เครื่องบินพ่นยาฆ่าแมลง- A light plane sprays pesticides as a Swarm of locusts hits an area near the Egyptian border. Getty Images

    ภาพ - ฝูงตั๊กแตนบริเวณ Al Dhafra ของอาบูดาบี - Swarms of locusts, like these, have descended on Abu Dhabi’s Al Dhafra area. Getty Images

    ภาพ- การระบาดของตั๊กแตนใน #เมกกะ #ซาอุดีอาระเบีย 8 มกราคม19 : ياسمينآآ@yasmeena_arafat

    แปล-เรียบเรียง #Watchers


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ชาวบ้านเชื่อ เป็นอาถรรพณ์ วันพระใหญ่ หลังหนุ่มหาปลาจมน้ำดับ เมียท้อง 1 เดือนบอก ก่อนตาย ผัวเล่าเจอเรื่องประหลาดที่อ่างเก็บน้ำ

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สถานการณ์ฝุ่นเริ่มดีขึ้น ก็มาแก้ภัยแล้งต่อ หลังน้ำในเขื่อนอุบลรันต์ เหลือใช้ได้จริงแค่ 5%

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    12 สมุนไพรไทยสรรพคุณแน่นจาก “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง”
    aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hlLzAvdWQvMi8xNDgyMS9taG9yeWEuanBn.jpg
    17 ก.พ. 62 (06:00 น.) Jurairat N.

    หากใครได้ดูละคร “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง” จะพบว่ามีการให้ความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทยมากมายนับไม่ถ้วน Sanook! Health ขอคัดมาเน้นๆ สูตรสมุนไพรตามตำรับแพทย์แผนไทยโบราณ จากข้อมูลดีๆ จาก อาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน ทินกร ณ อยุธยา (ที่ปรึกษาผู้จัดละครทองเอก หมอยา ท่าโฉลงด้านวิชาการแพทย์แผนไทย) นำมาฝากกัน

    >> เรื่องย่อ ทองเอกหมอยาท่าโฉลง ละครช่อง3

    12 สมุนไพรไทยสรรพคุณแน่นจาก “ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง”
    1. เกสรจากดอกไม้ทั้ง 9 คือ ดอกมะลิ ดอกพิกุล ดอกบุนนาค หรือดอกสารภี เกสรบัวหลวง ดอกจำปา ดอกกระดังงา ดอกลำเจียก และ ดอกลำดวน ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ไข้ช่วยเจริญอาหาร และแก้โรคตา

    2. ใบฟ้าทะลายโจร ใบย่านาง และกาฝากมะม่วง ช่วยลดความดันโลหิต (ซึ่งอาจแสดงด้วยอาการปวดหัวจากความเครียด และความวิตกกังวลได้)

    3. ใบมะนาว ก้านสะเดา และเถาบอระเพ็ดสด นำลงต้มเดือดมีรสชาติออกขม รักษาอาการหน้ามืด ตาลาย วิงเวียน มึนหัว หนักหัว ปวดหัว โคลงเคลง ตามัว หูอื้อ

    4. เหง้าไพล ใช้เหง้าไพลสดตำละเอียดแทรกเกลือแกง ชะโลมลงบนแผล อาจใช้ผ้าพันทับเรียกเวชปฏิบัติพันยา สักพักพอยาซึมค่อยคลายออก เหง้าไพลมีน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ ช่วยบรรเทาอาการแผลเนื้อสด แผลที่มีอาการอักเสบ

    5. หญ้าหนวดแมว ช่วยรักษาโรคในทางเดินปัสสาวะ ช่วยขับปัสสาวะ รักษาโรคนิ่ว สลายนิ่ว หรือช่วยลดขนาดก้อนนิ่ว นำมาหญ้าหนวดแมวทั้งต้นมาต้มดื่มต่างน้ำตลอดทั้งวัน นานประมาณ 1-6 เดือน จะช่วยทำให้ปัสสาวะใส และคล่องขึ้น ช่วยทำให้อาการปวดของนิ่วลดลง และทำให้นิ่วมีขนาดเล็กลง และหลุดออกมาเอง

    6. ใบรางจืด ขยำในน้ำซาวข้าว ช่วยแก้พิษ
    7. ต้นกระเบา นำเมล็ดมาหุงน้ำมัน ช่วยลดอาการปวดตามข้อ
    8. พิลังกาสา ใบและผลช่วยแก้ท้องเสีย
    9. ลิ้นงูเห่า ตำรายาไทย ใช้ใบ ตำหรือขยี้ทาหรือพอกแก้พิษร้อนอักเสบ ปวดฝี ราก ตำพอกแก้พิษตะขาบ และแมงป่อง
    10. ใบกระบือเจ็ดตัว ใช้เป็นยาดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ไข้
    11. ว่านหอมแดง ตำรายาไทย ใช้ หัว มีรสร้อน มีสรรพคุณขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ หรือตำผสมกับเหง้าเปราะหอมสุมหัวเด็ก แก้หวัดคัดจมูกในเด็ก เป็นยาขับปัสสาวะ ยาระบาย ทำให้อาเจียน แก้บิด และอาการอักเสบของริดสีดวงทวาร น้ำยาที่ได้จากหัวใต้ดินใช้ทาบาดแผล แมลงกัดต่อย บดเป็นผงทาแก้ปวดท้อง
    12. ผัดกะเพรา (สูตรของอาจารย์คมสัน) รากผักชี กระเทียม พริกไทย หัวหอมแดง ลูกกระวาน ขิง พริกชี้ฟ้าเขียว พริกขี้หนูเขียว ดอกกะเพรา และรากกะเพรา มีรสร้อนช่วยขับลม
    ทั้งนี้ ตำรับยาแพทย์แผนโบราณของไทยมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ก่อนใช้ หรือผสมยากินเอง ควรปรึกษาหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะเสียก่อน เพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการรักษาโรคที่ถูกต้อง

    ขอขอบคุณ

    ข้อมูล :เฟซบุคเพจ อาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน ทินกร ณ อยุธยา

    ภาพ :iStock

    https://www.sanook.com/health/14821/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Watchers

    IMG_9567.JPG
    #SuperFullMoon

    พระจันทร์ดวงใหญ่มาก !!

    (19/02/19)

    Cr: LoeyForlife #Thailand


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใคร?.. คือผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของ PerMAS "แบมะ ฟาตอนี "
    213.jpg

    ตลอดระยะเวลา 15 ปีไฟใต้ที่ลุกลามแผดเผาทำลายสังคมพหุวัฒนธรรม การอยู่ร่วมกันของประชาชนในพื้นที่ จชต. ถึงแม้บางช่วงเหตุการณ์เสมือนจะสงบไร้เหตุแต่ยังคงคุกกรุ่นพร้อมที่จะลุกโชนขึ้นมา หลายชีวิตต้องพบจุดจบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้นำศาสนา หรือแม้กระทั่ง ผกร.เอง ผู้คนต่างปรับตัวเพื่อสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ และแทบทุกครั้งที่เกิดเหตุปฏิเสธไม่ได้ว่าบทบาทของ"องค์กรนักศึกษา" เป็น "ผู้เล่น"หนึ่งในปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และดูเหมือนจะเป็น "ผู้เล่น" ที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามในมุมมองของฝ่ายความมั่นคง
    การส่งผ่านจากรุ่นสู่รุนของ"องค์กรนักศึกษา" ในนามกลุ่ม PerMAS ในปัจจุบันนี้ย่างเข้าสู่รุ่นที่ 5 มีการคัดเลือกประธานและคณะผู้บริหารองค์กรขึ้นมาเป็น "ผู้เล่น" กำหนดยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนไหว จัดเวทีเสวนาปลุกกระแสความเป็นมลายูปาตานี เพื่อหาแนวร่วมในการกำหนดใจตนเองแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทย
    แต่เอาเข้าจริงๆ "ผู้เล่น" เหล่านั้นที่ขึ้นมาเป็นทีมบริหารของPerMAS กลับต้องเป็นหุ่นเชิดของใคร? บางคนที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นตัวจริงเสียงจริงที่คอยชี้ทิศทางการเคลื่อนไหวของ PerMAS ว่าจะเดินไปในแนวทางไหนและเคลื่อนไหวอย่างไ?
    อย่างเช่นเมื่อ 11 ม.ค.62 ที่ผ่านมา ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ นายอับดุลฮากิม โต๊ะแล กรรมการบริหาร PerMAS เป็นผู้ตั้งคำถาม พล.อ.อุดมชัยฯ หน.คณะพูดคุยสันติสุข ว่าการพูดคุยฯ ได้เปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน เพราะสภาพความจริง กลับไม่ยอมให้นักศึกษาจัดเวทียืนยันข้อเรียกร้อง แต่ปัดเป็นเรื่องปัญหาภายใน ไม่ให้แตะเรื่อง "เอกราช" ดังนั้นจะเสมือนเป็นเงื่อนไขปิดกั้นผู้เห็นต่างต่อการมาร่วมเวทีพูดคุยเพื่อแสดงเจตจำนงทางการเมืองหรือไม่?
    111.jpg

    นายอาเตฟ-หลวง ต. ริมทะเลสาบลูเซิร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อปี 60

    ผู้อยู่เบื้องหลังให้นายอับดุลฮากิม โต๊ะแล ตั้งคำถาม พล.อ.อุดมชัยฯ คือนาย อาเตฟ โซ๊ะโก อดีตเลขาธิการของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) อดีตประธาน PerMAS และเป็นแกนนำผู้ก่อตั้ง PerMAS รุ่นแรกร่วมกับ นายตูแวดานียา ตูแมแวแง
    เมื่อ 24 ม.ค.62 นายอาเตฟ โซ๊ะโก พร้อมด้วยนางอังคณา นีละไพจิตร อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พบปะผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหนึ่งจากส่วนกลาง พระรูปนี้มีชื่อเล่นว่า หลวง ต. เป็นพระสายธรรมกาย ซึ่งได้เดินทางมาร่วมพิธีศพพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี ที่ถูก ผกร. สังหาร การพบปะของ นายอาเตฟและนางอังคณา มีความน่าสนใจ เป้าหมายเพื่อดึงพระสายธรรมกายมาสนับสนุนงานการเมือง จชต. มีการตกลงและรับข้อเสนอของ นายอาเตฟ โดยจะส่งนักบวชสายวัดพระธรรมกาย ลงพื้นที่ จชต. จัดกิจกรรมกับชาวไทยพุทธ เพื่อชี้นำให้เห็นถึงความล้มเหลวในการแก้ปัญหา จชต. การพบปะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ความสัมพันธ์ก่อนหน้านั้น นายอาเตฟ เคยพบกับ หลวง ต. ที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อปี 60 และได้ถ่ายภาพร่วมกันที่ทะเลสาบลูเซิร์น
    222.jpg

    นายอาเตฟ-หลวง ต.- นางอังคณา สนามบินแห่งหน่งในภาคใต้ ปี 62
    นายอาเตฟ โซ๊ะโก ปัจจุบันเป็นประธานคณะกรรมการกำกับยุทธศาสตร์ The Patani และเป็นที่ปรึกษา PerMAS คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังคอยขับเคลื่อน PerMAS มีพี่ชายชื่อ นายอารีฟ หรือฮาริฟ โซะโก สมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแกนนำ มีภรรยาชื่อ ยุสรีฮา เปาะดาโอ๊ะ ซึ่ง ยุสรีฮา เป็นลูกสาวของ นายบราเฮง เปาะดาโอ๊ะ เจ้าพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.นราธิวาส และฟอกเงินให้ นายบราเฮง ด้วยการตั้งมูลนิธิเด็กกำพร้าบังหน้า จุดประสงค์และเป้าหมาย ของ "อาเตฟ" คือแบ่งแยกดินแดนมุ่งไปสู่ "เอกราช" หรือไม่ได้จริงๆ ขอแค่เขตปกครองพิเศษก็เอา ข้อมูลเชิงลึกการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ที่จะถึงนี้ PerMAS กำลังรณรงค์ให้เยาวชนมุสลิม 3 จชต. ที่มีสิทธิเลือกตั้งมาสนับสนุนการลงคะแนนเสียงแก่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งเพื่อมุ่งเข้าสู่ทิศทางการแก้ปัญหา จชต. ด้วยการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษ.. น่าสนใจ!! และน่าติดตามต่อความพยายามของ นายอาเตฟ ที่กระทำทุกวิถีทางเพื่อมุ่งไปสู่แนวความคิดของตนเอง โดยไม่ใส่ใจความต้องการของประชาชนในพื้นที่ว่าต้องการอะไร?

    https://pulony.blogspot.com/2019/02/permas.html?m=1
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_9571.JPG
    (Feb 19) ฮอนด้าปิดรง.ในอังกฤษคนงาน3,500หนาว: ฮอนด้า มอเตอร์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลกแห่งญี่ปุ่น ประกาศจะปิดโรงงานผลิตที่มีอยู่แห่งเดียวในอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2564 ลอยแพคนงาน 3,500 คน แต่ผู้บริหารบริษัทยันความเคลื่อนไหวไม่เกี่ยวข้องกับเบร็กซิต


    สำนักข่าวรอยเตอร์และเอพีรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ว่า นายทากะฮิโระ ฮาจิโงะ ประธานและซีอีโอบริษัทฮอนด้า มอเตอร์ ประกาศการตัดสินใจในระหว่างการแถลงข่าวในกรุงโตเกียว เมื่อวันอังคาร ว่า การตัดสินใจยึดหลักความเปลี่ยนแปลงในตลาดยานยนต์โลก และบริษัทต้องหันไปเร่งการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับยืนยันว่า เบร็กซิต (การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ) ไม่ใช่ปัจจัยหลักของการตัดสินใจ


    ฮอนด้ายังมีแผนจะยุติการผลิตรถยนต์เก๋งรุ่นยอดฮิต ซีวิค ที่โรงงานในตุรกี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 ด้วย แต่บริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจในตุรกีต่อไป


    การปิดโรงงานฮอนด้าที่เมืองสวินดอน ทางภาคใต้ของอังกฤษ คาดว่าจะทำให้คนงานประมาณ 3,500 คน ต้องตกงาน และส่งผลกระทบเชิงสัญลักษณ์ครั้งใหญ่ ต่ออุตสาหกรรมการผลิตของสหราชอาณาจักร ท่ามกลางความปั่นป่วนจากเบร็กซิต


    Source: เดลินิวส์ออนไลน์ : https://www.dailynews.co.th/foreign/694177


    https://www.cnbc.com/2019
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ๑๙ ก.พ ๖๒
    แจ้งเหตุการณ์ในพื้นที่ หนองจิก ๒ เหตุเกิดที่ ๑๐๔ ม.๕ บ้านคู ต.ยาบี บ้านของ นาง ตรีรัตน์ เหตุเกิดวันที่ 18/02/62 เวลา 11.00 น. มีคนร้ายใส่ชุดอียาบ ขับรถมอเตอร์ไซค์คนเดียว เข้าไปทำลายศาลพระภูมิ (คลิป)

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 19) 5 สินทรัพย์ดันกำไรยุคเศรษฐกิจขาลง : โบรกเกอร์แนะ 5 กลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย แนะลงทุนพยุงพอร์ตมีกำไร ในช่วงเศรษฐกิจโลกผันผวนสูง สินทรัพย์ลงทุนที่ปลอดภัย ในช่วงนี้คือ?



    หนึ่งในคำถามที่เหมือนๆ กันทั่วโลก ในช่วงนี้ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณการชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ความขัดแย้งทางการเมือง ที่เข้ามาเขย่าอารมณ์ของตลาดการลงทุน (Earthquake) ทำให้ตลาดหุ้นผันผวนสูงปรี๊ด



    คำตอบคือ สินทรัพย์ที่ปลอดภัย มีเงินปันผล จะเข้ามาพยุงชีพของพอร์ตลงทุนให้เติบโตไปได้



    สินทรัพย์ที่ปลอดภัย ต้องมีคุณสมบัติให้ผลตอบแทนดี ชนะเงินเฟ้อ ชนะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก มีรายได้สม่ำเสมอ และมีโอกาสรับส่วนต่างราคา มีอะไรบ้าง



    กูรูหรือผู้เชี่ยวชาญแนะนำ- อสังหาริมทรัพย์ กองทุนอสังหา ริมทรัพย์ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) หรือรีท



    - หุ้นปันผล- ตราสารหนี้ (หุ้นกู้) และพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์)



    - ทองคำ- ตราสารการเงินเรียกได้ว่า 5 สินทรัพย์ข้างต้น เป็นสุดยอดสินทรัพย์ หรือเป็นนารีขี่ม้าขาว เข้ามาพยุงพอร์ตลงทุนให้กำไรได้ เป็น เทรนด์ใหญ่ของโลกเลย



    อสังหาฯ/รีท จ่าย 6-8%



    กสิณ สุธรรมมนัส ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินโนมีนา อดีตผู้จัดการกองทุน ให้เหตุผลว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจโลกอยู่ในจุดพีก (สูงสุด) และส่งสัญญาณการชะลอตัวหรือเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นของเศรษฐกิจขาลง



    สิ่งที่ต้องทำคือ "ระมัดระวังการลงทุน" ด้วยการหาสินทรัพย์อย่างอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีในช่วงเศรษฐกิจขาลง อัตราดอกเบี้ยเริ่มขยับช้าลง นั่นคือ ทองคำ เพราะเฉลี่ย 100 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7% แนะนำลงทุนบริเวณ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จากสถิติในวงจรเศรษฐกิจที่ผ่านมาจะพบว่า ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นโลกมีการปรับฐานแรงๆ กว่า 20% ทองคำจะให้ผลตอบแทนที่ดีมาก การมีทองคำติดไว้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวจึงเป็นการบริหารความเสี่ยงได้ดี แนะนำให้มีในพอร์ต 20%



    หุ้นกู้ แนะนำที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่า BBB ขึ้นไป และบอนด์ จะให้ผลตอบแทนชนะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก อัตราเงินเฟ้อ และความผันผวนต่ำ เพราะเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์จะเริ่มอ่อน แนะนำให้มีในพอร์ต 30%



    อสังหาริมทรัพย์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในไทยมี 41 กองทุน และทรัสต์เพื่อ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) หรือรีท ในไทยมี 20 กองทุน กองทุนโครงสร้างพื้นฐานมี 6 กองทุน ให้ผลตอบแทนประมาณปีละ 6-8% โดยมีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างราคาที่สูงขึ้น นอกเหนือจากชนะเงินเฟ้อ ชนะเงินฝาก แนะนำ ให้มี 20% ของพอร์ตลงทุน อีก 30% เหลือไว้ในหุ้น เพราะปีนี้หุ้นมีความเสี่ยงสูงมาก



    แนวทางลงทุนอสังหาฯ



    หนึ่ง ซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นชิ้นๆ เช่น ซื้อคอนโดมิเนียมเป็นห้องๆ หรือซื้อบ้านเป็นหลังๆ จะมีโอกาสสร้างรายได้ 2 ทาง คือ นำไปปล่อยให้เช่า ราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นตามกาลเวลา ความเสี่ยง น้ำท่วม ไฟไหม้ ปล่อยเช่าไม่ได้ สภาพคล่องต่ำเพราะขายยาก



    สอง ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ สาม ลงทุนในกองรีท แยกออกเป็นฟรีโฮลด์ ผู้ลงทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ถาวรในสินทรัพย์นั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะ อยู่นอกเมือง ไม่ได้อยู่ในย่านธุรกิจ เมื่อครบกำหนดสัญญาการลงทุนก็จะได้ส่วนต่างราคาสินทรัพย์นั้นๆ ด้วย ลีสโฮลด์ ผู้ลงทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสัญญาเช่า ส่วนใหญ่อยู่ในย่านธุรกิจ กำลังซื้อสูง ในกองรีทนี้ยังแยกออกเป็น รีทลงทุนในสำนักงานให้เช่าจะดีเมื่อเศรษฐกิจขยายตัว โรงแรม ห้างสรรพสินค้า จะดีเมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามาก และคลังสินค้า



    จุดเด่นของการลงทุนใน กองทุน อสังหาริมทรัพย์และรีท



    หนึ่ง มีรายได้จากค่าเช่าเข้ามาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงอยู่ในระดับกลางๆ ต่างจากเงินปันผลของหุ้นที่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการในแต่ละปี



    สอง ผลตอบแทนของอสังหาฯ 6-8% ต่อปี



    สาม ราคาที่ดินปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง สี่ ความผันผวนต่ำกว่าหุ้นสามัญ สภาพคล่องสูง


    ความเสี่ยง น้ำท่วม ไฟไหม้ การปิดกิจการ การต่อเติมผิดแบบ สถานที่



    ขณะที่ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ได้ทำการจัดอันดับผลตอบแทนของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ประจำเดือน ม.ค. 2562 ย้อนหลัง 1 ปี 3 ปี 5 ปี และ 7 ปี พบว่ากองทุนที่ลงทุนในรีท และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ให้ผลตอบแทนที่ดีเป็นอันดับต้นๆ



    วิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี พรินซิเพิล มองว่าหุ้นกู้ในปีนี้ยังคงเป็นขาขึ้น เหมาะกับการลงทุนจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยยังเป็นขาขึ้น แต่มีอัตราเร่งที่ช้าลง จึงแนะนำเพิ่มหุ้นกู้ที่มีคุณภาพดีอายุ 3-4 ปี เข้ามาในพอร์ตมากขึ้น เพราะคิดว่าปีนี้จะมีผู้ออกหุ้นกู้เพิ่มมากขึ้น แต่ผู้ซื้อมีเท่าเดิม เป็นโอกาสในการต่อรองได้ดีขึ้น และช่วงหลังส่วนต่างก็ดีขึ้น



    เทคนิคลงทุน ต้องคัดสรรหุ้นกู้ที่มีคุณภาพดี และกระจายความเสี่ยงของหุ้นกู้ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งมากเกินไป เลือกอายุหุ้นกู้ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด เผื่อวันหนึ่งมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อัตราดอกเบี้ยขึ้นแรงๆ จะได้ไม่เจ็บตัว



    นอกจากนี้ กองรีทจะมีความสัมพันธ์กับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ช้า เงินเริ่มไหลมาลงทุนในกองรีทเพื่อหาปันผล จะเห็นว่ากองรีทในสิงคโปร์มีการฟื้นตัวเร็วมากตั้งแต่ปลายปีถึงต้นปีนี้ รวมถึงกองรีทตลาดโลก บางกองขึ้นมากว่า 10% อสังหาฯ ปีนี้จะได้อานิสงส์จากเฟดขึ้นดอกเบี้ยช้าลง



    นอกจากนี้ แนะนำให้ลงทุนทองคำเพิ่มขึ้นเมื่อราคาลงมาอยู่บริเวณ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์



    "ปีที่แล้วกองรีทเป็นกลุ่มที่ให้ ผลตอบแทนดีที่สุด คนที่มีตราสารหนี้บ้าง พอคุ้มครองพอร์ตลงทุนได้ ส่วนใครที่เทหุ้นหมดเลย เจ็บตัวหนัก ปี 2562 จึงแนะนำให้กระจายการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ จะทำให้ผลตอบแทนดี" วิน แนะนำ



    หุ้นปันผลทำเงินได้ดี 3-5% +กำไร



    ด้าน มณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.วรรณ มองว่าในยุคที่ทิศทางเศรษฐกิจโลกและไทยยังไม่แน่นอน เช่น ไม่รู้ว่าการเมืองใครจะเป็นรัฐบาล เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยกี่ครั้ง การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะออกมาเป็นแบบไหน ก็มีโอกาสในการหาผลตอบแทนที่ดีได้ นั่นคือ หุ้นปันผล โดยเฉพาะลงทุนในดัชนี SETHD



    ช่วงนี้เป็นจังหวะการลงทุนใน SETHD ที่ดีมาก เพราะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการปรับปรุงการคำนวณดัชนี SET High Dividend 30 (SETHD) โดยจำกัดน้ำหนักของหุ้นแต่ละตัวในดัชนีไม่เกิน 10% มีผลตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จากเดิมที่หุ้นบางตัวมีน้ำหนักถึง 25% ทำให้เกิดการแกว่งตัวสูงเกือบ 1 ใน 3



    ฉะนั้น การลงทุนใน SETHD จึงยังเป็นจังหวะที่ให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในช่วงนี้ ทนความแข็งแกร่งของความไม่แน่นอน มีกระแสเงินสด โดยมีหุ้นถึง 15-16 ตัวในดัชนีนี้ ถูกจัดอันดับเป็นหุ้นมั่นคง จ่ายเงินปันผล 2 ครั้ง/ปี และมองไปข้างหน้า 3 ปี ธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้ ได้ทั้งเงินปันผล และโอกาสของราคาที่เพิ่มสูงขึ้นในอีก 3 ปี โดยควรจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ปี จึงจะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย



    ในมุมของนักลงทุนเน้นคุณค่า นิเวศน์ เหมวชิรวรากร สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) มองว่าในช่วงนี้ไม่เหมาะกับการเก็งกำไร แม้ SET Index จะลงมากว่า 11% ส่วน SETHD ลงแค่ 4-5% แม้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง แต่มีปันผลออกมา 3-5% ถ้าลงทุนใน SETHD ปีที่ผ่านมาแทบไม่ขาดทุนเลยหรือขาดทุนน้อยมาก แต่หุ้นเก็งกำไรซึ่งเป็นหุ้นขนาดเล็กและกลางขาดทุนหนัก แม้ราคาหุ้นจะร่วงลงมาแล้วยังถือว่าแพง เพราะราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ยังสูง 40-50 เท่า



    ช่วงนี้จึงเหมาะกับการลงทุนในหุ้นปันผลที่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ราคาเริ่มสมเหตุสมผล โดย SETHD มี P/E ประมาณ 10-11% ถือว่าต่ำมาก คุ้มกับการลงทุน เป็นหุ้นขนาดใหญ่ปันผล 4-5% ดีกว่าการฝากเงิน กำไรนิ่งและธุรกิจเติบโตอย่างสม่ำเสมอ เป็นหุ้นที่ นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ลงทุน ที่ใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก แม้เศรษฐกิจชะลอตัว ธุรกิจยังเติบโตได้ เพราะส่วนใหญ่ทำธุรกิจที่คนต้องกินต้องใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน และทำมาหากินในประเทศไทยเป็นหลัก การดิสรัปจากเทคโนโลยีทำได้ยาก เพราะการที่เป็นขนาดธุรกิจใหญ่ทำให้สามารถปรับตัวรับมือได้ทัน



    ขณะที่ เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรมผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ช่วงนี้เหมาะในการลงทุนหุ้นปันผล เพราะอัตราการ จ่ายเงินปันผลในตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 58% ของกำไร โดยบริษัทจดทะเบียนมีกำไร 1 ล้านล้านบาท จะเป็นเงิน 5.8 แสนล้านบาท โดยกำไร 70% อยู่ในหุ้น SET50 ที่ P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย



    จากการทำสถิติปี 2549-2561 หุ้นในตลาดหุ้นไทยมีอัตราเงินปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 3.58% ต่อปี บางปีวิ่งขึ้นไป 7% เช่น ช่วงแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส เพราะราคาหุ้นลงมาแรง แต่กำไรและปันผลของบริษัทไม่ได้ลดลง ปัจจุบันเงินปันผลก็อยู่ที่ 3.58% ชนะเงินเฟ้อ ชนะอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จึงเป็นแหล่งที่ปลอดภัยของเงินอีกแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะหุ้นใน SET50 ที่จ่ายเงินปันผลเกิน 5% มีมาก



    การเลือกหุ้น เลือกบริษัทที่จ่ายเงินปันผลต่อเนื่องมาแล้ว 3-5 ปี แสดงให้เห็นว่าตั้งใจจ่าย นโยบายการจ่ายเงินปันผลแน่นอนไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไม่มีความจำเป็นต้องลงทุนขนาดใหญ่เกินครึ่งหนึ่งของกำไร ไม่มีหนี้มากเกินไป และกำไรสะสมต้องมี 2 เท่าของเงินปันผลที่จ่ายต่อปี เพราะถ้าเกิดเพลี่ยงพล้ำยังสามารถจ่ายปันผลได้



    จากสถิติในอดีต ช่วงที่หุ้นให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงๆ คือ ช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.ของทุกปี โดย SETHD เฉลี่ยอยู่ที่ 9% ถ้าเป็น SET ธรรมดา หรือ SET TRI โดยการนำเงินปันผลรวมเข้าไป จะให้ผลตอบแทนประมาณ 6% ถือว่าดี



    เคล็ดไม่ลับ การซื้อหุ้นปันผลให้เลือกช่วงปลายปี เพราะไม่มีการขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้น โดยไม่มีสิทธิได้เงินปันผล และราคาไม่ค่อยดี เป็นช่วงจังหวะในการทยอยซื้อหุ้นเพิ่มถึงต้นปี เพื่อจะให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงต้นๆ และกลางๆ



    บอนด์ไทยจ่ายสูงสุดในอาเซียน 1.59-2.44%



    ขณะที่ อริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย (Thai BMA) กล่าวว่า อัตราผลตอบแทน (ยิลด์) ที่แท้จริงของบอนด์ไทยสูงสุดในอาเซียน และสูงกว่ายิลด์บอนด์ของสหรัฐอเมริกา จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต่างประเทศไหลซื้อบอนด์ไทย และเกิดปรากฏการณ์ การถือบอนด์ระยะยาวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2562 มีเงินลงทุนคงค้างของกลุ่มนี้ 9.75 แสนล้านบาท อายุเฉลี่ยของบอนด์อยู่ที่ 7.9 ปี แยกเป็น 50% อยู่ในบอนด์อายุ เฉลี่ย 5 ปีขึ้นไป อีก 28% อยู่ในบอนด์อายุ 10 ปี รองลงมาเป็น 3-5 ปี



    นอกจากนี้ ยิลด์ของหุ้นกู้ที่มีระดับความน่าเชื่อถือ AAA ปรับขึ้นมา 0.55% ถ้า BBB+ ขยับขึ้นมา 0.34% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามยิลด์ของบอนด์ และต้นทุนของผู้ออกก็สูงขึ้นเช่นกัน เช่น บอนด์อายุ 5 ปี มีต้นทุนอยู่ที่ 2.16% ขึ้นมา 0.33%



    อย่างไรก็ตาม ปัญหาในการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนคือ รายย่อยไม่มีสินค้าให้เลือกมาก เพราะบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกตราสารหนี้ออกมาเน้นขายให้กับนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ และนักลงทุนเฉพาะเจาะจง ทางออกคือ รายย่อยจะต้องลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตร ส่วนความเสี่ยงคือการผิดนัดชำระหนี้



    นักลงทุนคงอุ่นใจขึ้น เพราะใน ช่วงที่เศรษฐกิจขาลง หุ้นผันผวน ความไม่แน่นอนทางการเมือง 5 สินทรัพย์ข้างต้น จะเป็นนารีขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย พยุงพอร์ตไม่ให้แกว่งตัวและมีโอกาส ทำกำไรได้อีกด้วย

    IMG_9574.JPG IMG_9575.JPG

    โดย วารุณี อินวันนา


    Source :posttoday
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    (Feb 19) ทรัมป์บีบกองทัพเวเนซุเอลาให้ยอมรับกวยโด: ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่ากองทัพเวเนซุเอลา "จะสูญเสียทุกอย่าง" หากยังปฏิเสธยอมรับนายฮวน กวยโด ในฐานะ "ผู้นำรักษาการ" ของประเทศ


    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงพื้นที่ปราศรัยที่กับชุมชนผู้อพยพชาวเวเนซุเอลาและคิวบา ที่ศูนย์ประชุมของมหาวิทยาลัยนานาชาติไมอามี เมื่อวันจันทร์ ว่ากองทัพเวเนซุเอลาเหลือเพียง 2 ทางเลือกเท่านั้นในตอนนี้ คือการหันมาสนับสนุนนายฮวน กวยโด ผู้นำฝ่ายค้านและประธานสมัชชาแห่งชาติ ในฐานะ "ผู้นำรักษาการ" ของเวเนซุเอลา ที่จะตามด้วยการนิรโทษกรรมและการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อกองทัพ แต่หากยังคงเลือกข้างอยู่กับรัฐบาลของ "จอมเผด็จการ" อย่างนายนิโคลัส มาดูโร กองทัพเวเนซุเอลา "จะสูญเสียทุกอย่าง"


    ขณะเดียวกัน ทรัมป์เรียกร้องให้กองทัพเวเนซุเอลาเปิดพรมแดนทางตะวันตกของประเทศ โดยเฉพาะที่อยู่ใกล้กับเมืองกูกูตาของโคลอมเบีย เพื่อให้ขบวนรถขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์จากสหรัฐสามารถเดินทางผ่านได้ แล้วนำสิ่งของเหล่านั้นไปมอบให้แก่พลเมืองเวเนซุเอลา ที่ทรัมป์ยืนยันว่า "ทุกคนจะได้รับ" มาดูโรกล่าวตอบโต้ผู้นำสหรัฐภายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการตั้งคำถามว่า "ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเวเนซุเอลาคือทรัมป์ที่สั่งการจากไมอามีหรือ" และวิจารณ์ถ้อยแถลงของทรัมป์ไม่ต่างอะไรกับ "หัวหน้าพรรคนาซี" และปฏิบัติราวกับเวเนซุเอลาเป็นดินแดนภายใต้อาณานิคมของสหรัฐ


    แม้มีทหารเวเนซุเอลาบางนายประกาศ "แปรพักตร์" แต่ทหารระดับสูงทั้งหมดนำโดยพล.อ.วลาดิเมียร์ ปาดริโน โลเปซ รมว.กระทรวงกลาโหม ยังคงยืนหยัดการสนับสนุนผู้นำเวเนซุเอลา ซึ่งส่งผลอย่างชัดเจนต่อความพยายามของกวยโดในการสร้างฐานอำนาจ และล่าสุดคือการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือจากสหรัฐที่เจ้าตัวประกาศแล้วว่ารวบรวมอาสาสมัครได้มากถึง 1 ล้านคน เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ข้ามแดนในวันที่ 23 ก.พ. นี้ และเรียกร้องให้ทหารเปิดเส้นทาง แต่มาดูโรกล่าวว่าตอนนี้เวเนซุเอลาได้รับความช่วยเหลือแบบเดียวกันจากรัสเซียแล้ว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของเวเนซุเอลาผลักดันสมาชิกสภายุโรป 5 คนซึ่งพยายามเดินทางเข้าประเทศเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าทั้ง 5 คนเป็นส่วนหนึ่งของ "ขบวนการล้มล้างอำนาจรัฐบาลเวเนซุเอลา".


    Source: เดลินิวส์ออนไลน์

    https://www.dailynews.co.th/foreign/694073


    - Trump warns Venezuelan military leaders they could ‘lose everything’ over socialism: https://www.washingtonpost.com/poli...51b7ff322e9_story.html?utm_term=.b3cc5e8008e2
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_9577.JPG
    (Feb 19) จับตาการเมืองหลังเลือกตั้ง-ความคืบหน้าโครงการอีอีซี ธปท.ห่วง'ลงทุนสะดุด'ฉุดจีดีพี : สศช.เผยเศรษฐกิจไทยปี 61 โต 4.1% สูงสุดรอบ 6 ปี ชี้ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อยจากผลกระทบการท่องเที่ยวเบิกจ่ายภาครัฐ พร้อมประเมินแนวโน้มปีนี้โต 4% หวังดีมานด์ในประเทศหนุนทั้ง "บริโภค-ลงทุน" ด้าน"แบงก์ชาติ"จับตาลงทุนเอกชนใกล้ชิด ห่วงสะดุดฉุดการเติบโตปีนี้ ขณะหอการค้าต่างชาติมั่นใจต่างชาติยังลงทุนเพิ่ม ห่วงบาทแข็งนำเพื่อนบ้าน



    สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2561 ขยายตัว 3.7% ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัว 3.2% ส่งผลให้ภาพรวมปี 2561 เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตที่4.1%ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี และยังเป็นการเติบโตที่ต่อเนื่องจากปี 2560 ที่ขยายตัว 4%



    นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช. กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายปี 2561 ได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ ต่อเนื่องที่ 5.3% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ ขยายตัว 5.2% ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนก็ขยายตัวได้ในระดับ 5.5% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 3.8%



    สำหรับการส่งออกขยายตัว 2.3% ชะลอลง จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 2.6% ส่วน การท่องเที่ยวขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยรายรับรวม จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5.6% ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 2.7%



    อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2561 ที่เติบโต 4.1% ถือว่าต่ำกว่าประมาณการของ สศช. ที่ 4.2% อยู่เล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการลงทุนภาครัฐที่หดตัว 1.2% ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบ จากพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ รวมทั้งการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวในเดือน ต.ค.-พ.ย.ก่อนที่จะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในเดือน ธ.ค.



    สศช.ประเมินจีดีพีปีนี้โต4%



    นายวิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการ สศช. กล่าวว่า สศช.ยังคงประมาณการ ขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ไว้ที่ 3.5- 4.5% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 4% ซึ่งการขยายตัวดังกล่าวคาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 4.2% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากปี 2561 ที่ ขยายตัวได้ 4.6% โดยถือว่ายังเป็นอัตรา การขยายตัวต่อเนื่องในระดับที่สูง การใช้จ่าย ภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวได้ 2.2% เพิ่มขึ้นจากในปี 2661 ที่ขยายตัวได้ 1.8%



    ส่วนการลงทุนรวมคาดว่าในปี 2562 จะขยายตัวได้ 5.1% เร่งตัวขึ้นจากในปี 2561 ที่ขยายตัวได้ 3.8% โดยการลงทุนภาครัฐ คาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 6.2% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวได้ 3.3% เนื่องมาจากมีการเพิ่มกรอบการลงทุนของงบประมาณการลงทุนภาครัฐในปีงบฯ 2562 อยู่ที่ 19.9% ของงบประมาณรวมหรือประมาณ 6 แสนล้านบาท รวมถึงการลงทุนในโครงการ ขนาดใหญ่ที่จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในปีนี้



    หวังลงทุนเอกชนปีนี้โต4.7%



    ขณะที่การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกันเนื่องจากมีโครงการที่จะต้องเปิดดำเนินการในปี 2563-2564 หลายโครงการ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 4.7% เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ขยายตัวได้ 3.9% ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มของการใช้กำลังการผลิต ที่เพิ่มขึ้นโดยปัจจุบันอยู่ที่ 75%



    รวมทั้งมีอุตสาหกรรมที่เริ่มได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทิศทาง การค้าเนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมทั้งโครงการที่มีการขอส่งเสริม การลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่จะเริ่มมีการลงทุนจริงในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงินจากการเลือกตั้ง ที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท ทั้งงบประมาณจัดเลือกตั้ง งบหาเสียง และงบค่าใช้จ่ายพรรคการเมือง



    ประเมินกรอบเงินบาท31.5-32.5ต่อดอลล์



    สำหรับการส่งออกในปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 4.1% โดยสศช.ปรับ คาดการณ์ส่งออกลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 4.6% ส่วนอัตรา แลกเปลี่ยนคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 31.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเนื่องจากทิศทางของเงินทุนไหลเข้าที่อาจมีการไหลกลับมายังประเทศไทยและภูมิภาคเนื่องจากทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ มีการชะลอการปรับขึ้นรวมทั้งทิศทางของ ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐมีทิศทางลดลงส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากปีที่ผ่านมา



    "ประมาณการจีดีพีที่ 4% เป็นตัวเลขที่คาดการณ์จากสมมุติฐานทางการเมืองว่าการเลือกตั้งดำเนินไปอย่างปกติ และประเด็นสงครามการค้ายังดำเนินการไปอย่าง ในปัจจุบันคือยังไม่มีความชัดเจนว่าสงครามการค้าจะมีสัญญาณที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ซึ่งหลังจากนี้ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้งโดยเรื่องของสงครามการค้ามองว่าจะไม่ยุติโดยง่าย ส่วนเรื่องการเมืองก็ต้องมาประเมินอีกครั้งหลังจากการเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้" นายวิชญายุทธกล่าว



    แนะรัฐขับเคลื่อนส่งออกโตมากกว่า5%



    สำหรับประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปี 2562 สศช.เสนอว่ารัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในประเด็นต่างๆได้แก่ การขับเคลื่อนการส่งออก ทั้งปีให้สามารถขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 5% โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าที่มีโอกาสได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้า และให้ความช่วยเหลือผู้ส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งติดตามการเปลี่ยนแปลงของสินค้านำเข้าที่สำคัญๆ



    พร้อมทั้งติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีน อย่างใกล้ชิด หลังจากที่ในปีที่ผ่านมา ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำสุดในรอบ 122 ไตรมาสและตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ ระดับเพียง 50%



    นอกจากนั้นต้องให้การสนับสนุนการฟื้นตัวและการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้มีจำนวน นักท่องเที่ยวไม่ ต่ำกว่า 41 ล้านคน และรายรับจากการ ท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2.24 ล้านล้านบาท



    ธปท.หวังลงทุนดันเศรษฐกิจ



    นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ สศช. ประกาศออกมาถือว่าใกล้เคียงกับที่ ธปท. ได้คาดการณ์เอาไว้ โดยเศรษฐกิจได้แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาคเอกชน ทั้งการบริโภคและการลงทุนที่ขยายตัวสูง ชดเชยการลงทุนรัฐที่ทำได้ล่าช้า และการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการค้าโลก



    สำหรับปีนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ตามแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศ แต่ยังต้องติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัจจัยด้านต่างประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูง เช่น นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐ มาตรการตอบโต้ของประเทศคู่ค้า และ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน



    "ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือ ความคืบหน้าของโครงการลงทุนอีอีซี และเสถียรภาพทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุนภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐในปีนี้ โดยตัวเลขไตรมาส4 การลงทุนเอกชนออกมาดีมาก จึงต้องติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นข้อมูลสำคัญที่กำหนดทิศทางเศรษฐกิจไทยปีนี้"



    หอค้าต่างชาติห่วงบาทแข็งนำเพื่อนบ้าน



    ด้านนายสแตนลีย์ คัง ประธาน หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย เปิดเผยว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในไทยมากขึ้น เพราะเห็นถึง บรรยากาศการลงทุนที่ดี มีความมั่นคงทาง การเมือง แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องสงครามทาง การค้า เงินบาทแข็งค่า แต่ในปีนี้คาดว่าการลงทุน ของต่างชาติในไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้น



    "ที่กังวลคือเงินบาทที่สวิงไปมา จะไม่ดี ต่อการลงทุนและส่งออก ค่าเงินบาท ไม่ควรจะ แข็งจนเกิดช่องว่างมากเกินไปเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย เพื่อที่นักลงทุนจะนำมาวิเคราะห์และวางแผนตัดสินใจ ถ้าของแพงก็ไม่มีใครอยากเข้า"



    ต่างชาติหนุนเดินหน้าอีอีซี



    อย่างไรก็ตามไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ดังนั้นไม่ว่ารัฐบาลใหม่จะเป็นใครก็ตาม การบริหารประเทศต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะควรเร่งผลักดันโครงการอีอีซี การเปิดเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ) การเข้าร่วมใน หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) ซึ่งจะทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกได้มากขึ้น



    "อีอีซี มีส่วนมากในการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ โดยจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ(จีดีพี)ของไทยเพิ่มขึ้นแน่ในปีนี้ แต่รัฐบาลไทยต้องระวังเรื่องการคอรัปชั่น ที่ยอมรับว่าในขณะนี้ยังมีอยู่ และเป็นส่วนหนึ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจของ นักลงทุน เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มี ใบเสร็จ ไม่สามารถระบุไว้ในบัญชีได้ ซึ่งต้องช่วยกันลดลงให้เหลือน้อยที่สุด"



    ท่องเที่ยวยังหนุนเศรษฐกิจโต



    นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ดี โดยปี 2561 ขยายตัว 4.1% และคาดว่า จะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจในปี 2562 ให้ขยายตัวได้ในกรอบประมาณการของ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ 4.0-4.3% จากการส่งออก ลงทุนภาครัฐ และการท่องเที่ยว



    "ความเสี่ยงที่ต้องดูต่อไปสำหรับประเด็นเรื่องสงครามการค้า และเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง รวมทั้งผลกระทบจากค่าเงินบาท คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออก ของไทยในปี 2562 อาจขยายตัวชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณการของ กกร.ที่ 5-7% เทียบกับที่ขยายตัว 6.7% ในปี 2561"



    นายกลินท์ กล่าวว่า การท่องเที่ยว ยังเป็น ปัจจัยที่สำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2562 จะเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับในปี 2561 ที่ 7.5% ตาม การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในตลาดสำคัญ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่น่าจะกลับเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเช่นเดิม อันเป็นผลจาก ความร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ด้านดูแลนักท่องเที่ยวและความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวรวมถึง e-VISA


    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_9578.JPG
    (Feb 18) 'วิรไท' เปิดอกคุย ไส้ในค่าเงินบาทแข็งเร็ว : ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ค่าเงินบาท มีทิศทางแข็งค่าขึ้นเร็ว จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่รับผิดชอบโดยตรง ล่าสุด "วิรไท สันติประภพ" ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเวทีชี้แจง


    "เวลาพูดถึงอัตราแลกเปลี่ยน หรือ ค่าเงินบาท คนมักจะมองด้านเดียว คือ มองในส่วนของเงินบาท แต่เวลาพูดถึงอัตราแลกเปลี่ยนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ต้องมองด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับดอลลาร์ ถ้ามองย้อนกลับไปตั้งแต่ไตรมาส 4 จะเห็นว่าอเมริกามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเยอะมาก ซึ่งมีผล ต่อค่าเงิน"


    "วิรไท" บอกว่า ตั้งแต่เดือน ธ.ค.ถึงปัจจุบัน มีความไม่แน่นอนต่าง ๆ ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจโลก การเมืองตลอดจนทิศทางนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ของอเมริกา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากเดิมที่จะขึ้นแบบถี่ ๆ นอกจากนี้ สงครามการค้าสหรัฐกับจีนก็ยังไม่คืบหน้าชัดเจน


    "เวลาที่ความมั่นใจในสกุลเงินดอลลาร์ลดลง ค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับหลายสกุล โดยเฉพาะสกุลเงินของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (EM) ส่วนค่าเงินบาท ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราอยู่กลาง ๆ เมื่อเทียบกับค่าเงินกลุ่ม EM โดยมีเงินหลายสกุลของ EM ที่แข็งค่าเร็วกว่าค่าเงินบาท อาทิ รูเบิลของรัสเซีย เงินของประเทศในแถบอเมริกาใต้ ส่วนภูมิภาคเอเชีย สกุลเงิน รูเปียห์ของอินโดนีเซีย กับค่าเงินบาทก็เคลื่อนไหวในระดับที่ใกล้เคียงกัน"


    "วิรไท" อธิบายว่า ประเทศไทยถือว่ามีฐานะด้านต่างประเทศค่อนข้างดี เพราะมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลค่อนข้างมาก ด้านหนี้ต่างประเทศค่อนข้างต่ำ และมีนักลงทุนต่างชาติสนใจมาลงทุนโดยตรง (FDI) กันมากขึ้น พร้อมปฏิเสธเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเมื่อช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2561 ทำให้มีเงิน ไหลมาพักในประเทศไทยมากส่งผลค่าเงินบาทแข็งขึ้นเร็ว โดยข้อเท็จจริงในช่วง 1 เดือนเศษที่ผ่านมาต่างจากปีก่อน ๆ ที่ในช่วงต้นปีมักจะมีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุน (พอร์ตโฟลิโออินโฟลว์) ค่อนข้างมาก แต่ช่วงนี้เป็น "real money" จริง ๆ ที่เข้ามาลงทุนตรง การท่องเที่ยว และการขายสินค้า


    "ปีนี้สถานการณ์ตรงกันข้าม เพราะถ้าดูตลาดพันธบัตรตั้งแต่สิ้นปี 2561 ถึงปัจจุบัน มีนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (USD) โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้นที่เมื่อก่อน อาจจะเป็นช่องทางนำเงินมาพัก ก็มีการขาย สุทธิถึง 860 ล้าน USD หรือกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ส่วนหุ้นเมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น ต่างชาติก็เข้ามาซื้อประมาณ 100 ล้าน USD ตั้งแต่ต้นปีมา ฉะนั้น สุทธิแล้วพอร์ตโฟลิโออินโฟลว์ก็ยังติดลบอยู่ประมาณ 300 ล้าน USD"


    ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แม้จะปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.75% ต่อปี ก็ถือว่ายังต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐที่อยู่ 2.50% และยิ่ง "ต่ำกว่า" ประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างมาก อาทิ อินโดนีเซียที่อยู่ 6% ฟิลิปปินส์อยู่ที่ 6% เวียดนามอยู่ที่ 6.25% มาเลเซียอยู่ประมาณ 3.25%


    "คำถามที่ว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว ตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน อันแรกก็เป็นเรื่องการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ที่เรายังเกินดุลค่อนข้างสูง ปีที่แล้วทั้งปีน่าจะจบประมาณ 3.7 หมื่นล้าน USD ลดลงจากปี 2560 แต่ก็ยังอยู่ระดับสูงมาก"


    ผู้ว่าการ ธปท.ยอมรับว่า "กังวล" เวลาที่ เห็นการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินก็ได้ดูว่า "เก็งกำไร" มี "ธุรกรรมที่ผิดปกติ" หรือ "ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ" หรือไม่ หากพบว่าเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็จะ "เข้าไปดูแลเหมือนที่ผ่าน ๆ มา"


    "ในภาวะที่อยู่ในบรรยากาศสงครามการค้า เราก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ประเทศอื่นมาหาว่าเราเป็นประเทศที่บิดเบือน ค่าเงิน เพื่อผลประโยชน์ทางด้านการค้า ซึ่งจะนำมาซึ่งมาตรการกีดกันทางการค้าด้านอื่น ๆ ได้ก็เป็นประเด็นอ่อนไหว"


    "วิรไท" ชี้ว่า ค่าเงินบาทของไทยผันผวนต่ำกว่าสกุลเงินอื่น ๆ ของหลายประเทศ ทั้งระดับภูมิภาคและ EM ซึ่งต้องมาช่วยกันตั้งคำถามและคิดด้วยว่า "ทำไมประเทศอื่นจึงสามารถรองรับหรือทนทานความผันผวนของอัตรา แลกเปลี่ยนได้ดีกว่าธุรกิจในประเทศไทย หรือระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวม ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน"


    โดยในระดับมหภาคจะต้องมีการ ผลักดันการลงทุนให้มีมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เงินบาทแข็งค่าก็เป็นโอกาสดีในการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อยกระดับการผลิต ขณะที่ภาคธุรกิจจะต้องลดการแข่งขันทางด้านราคา มาให้ความสำคัญกับการแข่งขันด้านคุณภาพของสินค้ามากขึ้น และต้องให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น ซึ่ง ธปท.ก็มีการดำเนินการทั้งการมีความร่วมมือกับธนาคารกลางของหลายประเทศส่งเสริมให้ใช้สกุลเงินท้องถิ่น


    นอกจากนี้ ธปท.ยังพยายามทำให้ตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (forward) มีความโปร่งใส และเกิดการแข่งขันกันมากขึ้น ซึ่งมีโครงการ Fx Option ระยะที่ 2 ที่กำลังดำเนินการ


    "การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลของเรา ผู้นำเข้าค่อนข้างมีวินัย ส่วนผู้ส่งออกจะแห่กันมาทำช่วงที่ ค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ยิ่งกดดัน ค่าเงินบาทให้เคลื่อนไหวเร็วขึ้นไปอีก"


    Source: ประชาชาติธุรกิจ


    ภาพ ธปท.
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Sayan Rujiramora


    ดัชนีต้นทุนมนุษย์ เป็นดัชนีที่วัดจากความรู้ ทักษะและพลานามัยของประชากร


    ผู้นำที่มีคะแนนสูงสุดในดัชนีนี้..อยู่ในกลุ่มประเทศในเอเซีย ที่มีถึง 4 ประเทศในอันดับ Top Five ...สิงคโปร์สูงสุดถึง 0.88


    การลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เป็นเรื่องที่เห็นผลช้ามาก นับเป็นชั่วอายุ


    Human Capital Index มีค่าอยู่ระหว่าง 0 - 1 ..เป็นการวัดค่าการสร้างผลผลิตของคนรุ่นต่อไปที่สัมพันธ์กับ benchmark การศึกษาที่ดีที่สุดและพลานามัยที่ดีที่สุดของคนรุ่นนั้น


    ประเทศที่มีคุณภาพแรงงานเฉลี่ยที่ได้รับการศึกษาดีที่สุดและสุขภาพดีที่สุดจะได้คะแนนเต็ม 1 ..ในชาร์ตนี้เปรียบเทียบกับ GDP ต่อหัว (PPP)


    Thailand อยู่ที่ 0.6. Vietnam สูงกว่าทั้งที่ GDP ต่อหัวน้อยกว่า


     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    95F7E2FB-3F07-4A92-9725-F637BDB9D310.jpeg
    (Feb 19) จีนปราบปรามเงินกู้ออนไลน์ ยึดทรัพย์สินเกือบ 50,000 ล้านบาท! ตำรวจจีนสืบสวนบริษัทผู้ให้กู้เงินออนไลน์ 380 แห่ง และยึดทรัพย์สิน 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 50,000 ล้านบาท หลังจากเกิดข่าวอื้อฉาวมากมายในธุรกิจที่แทบไม่มีการควบคุมนี้


    ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนอนุญาตให้อุตสาหกรรมกู้เงินออนไลน์ขยายตัวเฟื่องฟู เพื่อเป็นช่องทางปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและครัวเรือนต่างๆ แต่ได้เกิดการฟ้องร้อง ฉ้อโกง และล้มละลาย แทบนับไม่ถ้วยในวงการเงินกู้ออนไลน์ ก่อให้เกิดการประท้วงย่อมๆ ขึ้นทั่วไป


    กองบัญชาการตำรวจของจีน ระบุว่า การปล่อยกู้ส่วนบุคคล หรือ P2P ในลักษณะนี้ ได้เพิ่มความเสี่ยงของการถูกฉ้อโกงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตำรวจต้องเริ่มการสืบสวนและจับกุม โดยได้ออกหมายเรียกผู้บริหารบริษัทให้กู้ออนไลน์กว่า 100 คนมาให้ปากคำ


    ปริมาณการปล่อยเงินกู้ออนไลน์ส่วนบุคคลในประเทศจีน เพิ่มขึ้นปีละกว่า 100 เท่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 280,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว


    Source: VOA Thai


    - China Freezes $1.5 Billion of P2P Assets in Intensified Probe: https://www.bloomberg.com/news/arti...-5-billion-of-p2p-assets-in-intensified-probe
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนภัย พิบัติโลก


    19/2/2562 coronal hole หรือลมสุริยะความเร็วสูงบนดวงอาทิตย์ คาดว่าจะมาถึงโลกและเข้าปะทะสนามแม่เหล็กโลกประมาณวันที่ 20 ก.พ. 2562 นี้

    ส่งผลต่อสนามแม่เหล็กโลกได้

    ผลกระทบต่อโลก อาจรบกวนระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมได้

    (หมายเหตุ ถ้าเกิดรุนแรงและเกิดขึ้นยาวนานต่อเนื่องกันอาจทำให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าขึ้นบนท่อส่งน้ำมันหรือสายไฟฟ้าแรงสูงได้ ทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดและระบบส่งจ่ายไฟฟ้าขัดข้องได้ผลกระทบมากจะอยู่บริเวณใกล้ขั้วโลก)

    ผลกระทบทางชีวภาพ ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบิน บินสูง ที่ละติจูดสูง นักบินอาวกาศ ผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่บนสถานนีอวกาศ มีความเสี่ยงรังสีสูง.และเกิดแสงออโรร่าบริเวณขั้วโลกเหนือ-ใต้

    Credit: SDO/AIA


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กลุ่มต่อต้านมุสลิมหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้


    ใครมาถึง(มาเลเซีย)ก่อนกันแน่ ???


    กลายเป็นอีกหนึ่งข้อถกเถียงรุนแรงในมาเลเซีย เมื่อเอ็ม.คูลาเซการัน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ ได้ประกาศกร้าวเมื่อปีที่แล้วว่า ชาวอินเดียเป็นกลุ่มคนที่มาตั้งถิ่นฐานในคาบสมุทรมลายูเป็นกลุ่มแรก โดยเขาอ้างอิงหลักฐานจากโบราณสถานที่หุบเขาบูจัง รัฐเกดะห์ ซึ่งมีอายุยาวนานกว่า 2,000 ปี และมีลักษณะได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูอย่างชัดเจน พร้อมทั้งยังกล่าวว่าคนเชื้อสายมาเลย์ต่างหากที่เป็น "เพ็นดาตัง"(แปลว่าผู้มาใหม่ หรือผู้อพยพ) ถ้อยคำดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้ชาวมาเลย์จำนวนมาก ในที่สุด คูลาเซการันจึงต้องออกมากล่าวขอโทษ พร้อมกับกล่าวว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้น เป็นการชี้ให้เห็นว่าการเรียกชาวมาเลย์เชื้อสายอินเดียว่าเป็น "เพ็นดาตัง" นั้นไม่ถูกต้อง

    .

    แม้ข้อเท็จจริงที่ว่าจักรวรรดิอังกฤษได้นำเข้าแรงงานทั้งคนจีนและคนอินเดียจำนวนมากเข้ามาในคาบสมุทรมลายูช่วงศตวรรษที่ 19 นั้นไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามไป คือการที่บริเวณคาบสมุทรมลายูและช่องแคบมะละกาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญระหว่างจีน อินเดีย และหมู่เกาะทางใต้ของคาบสมุทรมาเนิ่นนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีร่องรอยของศาสนสถานฮินดูและพุทธจำนวนมากหลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้ นอกจากนี้ การแผ่ขยายอำนาจของอาณาจักรโจฬะมายังอาณาจักรศรีวิชัยในช่วงศตวรรษที่ 11 นั้นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีร่องรอยของอารยธรรมอินเดียตกค้างอยู่ในคาบสมุทรมลายู ดังเช่นที่หุบเขาบูจังนั่นเอง

    .

    จากหลักฐานดังกล่าว ก็อาจเชื่อได้ว่ามีความเป็นไปได้ไม่น้อย ที่ชาวอินเดียจะมาตั้งถิ่นฐานในคาบสมุทรมลายูมานับพันปี ดังเช่นที่คูลาเซการันกล่าว

    .

    แต่ก็มีข้อโต้แย้งต่อหลักฐานดังกล่าวเช่นเดียวกัน ดร.ซูลิสกันดาร์ รามลี นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติมาเลเซีย ได้แย้งว่า ปรากฏการณ์ Indianisation (คือการแผ่ขยายอิทธิพลทั้งในด้านศาสนาและวัฒนธรรมไปนอกขอบเขตอินเดีย ดังเช่นในอาณาจักรจาม อาณาจักรขอม อาณาจักรศรีวิชัย เป็นต้น) ได้ถูกเชื่อมโยงกับประเทศอินเดียในนิยามรัฐชาติสมัยใหม่ โดยแนวคิดชาตินิยมฮินดู ที่เพิ่งถูกยกขึ้นมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นี้เอง ทำให้เกิดความพยายาม"อ้าง" ความยิ่งใหญ่ของประเทศอินเดีย ที่มีเหนือประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    .

    นอกจากนี้ โบราณวัตถุที่พบในหุบเขาบูจังนั้นก็มีลักษณะแตกต่างจากที่พบในอินเดีย และลักษณะศิลปะเข้าได้กับลักษณะฝีมือของช่างท้องถิ่นมากกว่า ซูลิสกันดาร์จึงเชื่อว่า ร่องรอยอารยธรรมในหุบเขาบูจังนั้น เกิดขึ้นจากชาวมาเลย์ท้องถิ่นเอง ที่ได้ยืมแนวคิดอารยธรรมอินเดียมาใช้ผสมผสาน(Acculturation) ต่างหาก มิใช่ฝีมือของอาณาจักรโจฬะหรือชาวอินเดียที่มาตั้งถิ่นฐานแต่อย่างใด

    .

    แม้ว่าการโต้เถียงในประเด็นดังกล่าวจะจบไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังหลงเหลือให้เห็นอย่างชัดเจนคือ ความรู้สึกของชาวมาเลย์เชื้อสายอินเดียที่ไม่พอใจต่อการปฏิบัติจากรัฐบาล ซึ่งนั้นก็รวมถึงประวัติศาสตร์ฉบับทางการ ที่คนเชื้อสายอินเดียเห็นว่ามีการปรุงแต่ง ยกย่องเฉพาะชาวมาเลย์กับศาสนาอิสลาม อันเป็นการสนับสนุนแนวคิดภูมิบุตร ซึ่งให้สิทธิแก่คนที่มีภูมิลำเนาดั้งเดิมในผืนแผ่นดินมาเลย์ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาหรือด้านเศรษฐกิจ

    .

    วิวาทะของคูลาเซการัน(ซึ่งมีเชื้อสายอินเดีย) จึงอาจเป็นเพียงหนึ่งในความพยายามสร้างตัวตนของชาวมาเลย์เชื้อสายอินเดีย และเชื่อมโยงอัตลักษณ์ดังกล่าวเข้ากับการก่อร้างสร้างประเทศมาเลเซีย เพื่อให้ทั้งชาวมาเลย์และรัฐบาลได้ยอมรับพวกเขาในฐานะพลเมืองที่มีสิทธิเท่าเทียมกัน มากกว่าเป็นแค่เพียง "เพ็นดาตัง" เท่านั้น ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาจะมายังดินแดนแห่งนี้ก่อนใครหรือไม่

    .

    ทางออกที่น่าจะดีที่สุดในเรื่องนี้ น่าจะเป็นการพยายามยอมรับประวัติศาสตร์(ที่มักถูกผูกโยงด้วยผลประโยชน์ทางการเมือง)ทุกฉบับ และสร้างอัตลักษณ์ความเป็น"มาเลเซีย"ขึ้นมาในรูปแบบใหม่ โดยการยอมรับจากทุกเชื้อชาติ ทั้งมาเลย์ จีน อินเดีย และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ทว่า สิ่งเหล่านี้ยังคงห่างไกลจากความเป็นจริงอยู่มาก และอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วคน จึงจะสร้างตัวตนของประเทศขึ้นมาได้ใหม่

    https://www.scmp.com/lifestyle/arti...ninsula-depends-whether-youre-indian-or-malay


     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,258
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    E434D37F-B58A-4CD0-BAB5-405E7883ED49.jpeg
    (Feb 18) สิงคโปร์เตรียมลดโควตาแรงงานต่างชาติในปีหน้า: นายเฮง สวี เคียต รมว.คลังสิงคโปร์ กล่าวต่อรัฐสภาในวันนี้ว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ของสิงคโปร์จะยังคงให้ความสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเป็นงบประมาณขาดดุล 7.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (5.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่รายจ่ายของกระทรวงต่างๆจะแตะระดับ 8.03 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2561


    นอกจากนี้ รัฐบาลคาดการณ์ตัวเลขขาดดุลงบประมาณ 0.7% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมี.ค.2563 เทียบกับการเกินดุล 0.4% ในปีงบประมาณปัจจุบัน


    ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์จะใช้งบประมาณดังกล่าวในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ รวมทั้งเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพประชากรสูงวัย และการลดหย่อนภาษี


    นอกจากนี้ งบประมาณของสิงคโปร์ยังระบุถึงการลดการพึ่งพาแรงงานต่างชาติในธุรกิจอาหารและค้าปลีก โดยจะมีการลดโควตาแรงงานต่างชาติในธุรกิจบริการเริ่มตั้งแต่ปี 2563


    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ


    - Singapore Boosts Spending, Curbs Foreign-Worker Rules in Budget: https://www.bloomberg.com/news/arti...les-beefs-up-cyber-security?srnd=premium-asia
     

แชร์หน้านี้

Loading...